จากเรื่องขายครีมไม่ได้มาตรฐาน...กลายเป็นปฏิบัติการบุกค้นบ้าน ผู้กว้างขวางนาม “พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์” จนลุกลามตามล่า และออกหมายจับมากมายถึง 45 หมาย (รวมกับคนอื่นๆ )
เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องปกติหรือไม่...? หลายคนตั้งคำถาม
เนื่องจากเราทุกคนใช้กฎหมายจากฉบับเดียวกัน บางคนฆ่าสัตว์ป่าถึงป่านนี้คดียังไม่ไปถึงไหน บางคนขับรถชนคนตายก็ยังหาตัวไม่เจอก็มี
แต่สำหรับ พ.ต.ท.สันธนะ หลายคนมองว่า ที่โดน "ชุดคอมโบ" แบบนี้ เพราะมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ยิ่งเห็นปฏิบัติการไล่ล่า มาเร็ว อรินทราชมาบุก แบบไม่มีหมายเรียกมาก่อน จนต้องไปหลบบ้านบิดา ทำเอาบิดาวัยชราและลูกวัยเรียนลำบากไปด้วย..คงเห็นบนหน้าสื่อกันแล้ว
เอาเป็นว่าจะอย่างไร “ผู้ชี้ขาด” ในเรื่องนี้ก็อยู่ในขั้นตอน กระบวนการยุติธรรม
ในฐานะที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการผลักดัน “การปฏิรูปตำรวจ” พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร อดีตผู้กำกับ สภ.อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ที่เคยโดนกลุ่มผู้มีอิทธิพล อบายมุข และยาเสพติดวางระเบิด แต่รอดตายราวปาฏิหาริย์ ได้ให้คำจำกัดความของ “ปฏิบัติการครั้งนี้” ว่า สิ่งที่เห็นครั้งนี้สะท้อนให้เรารู้ว่า “ตำรวจจะเลือกบังคับใช้กฎหมายกับใคร เมื่อไหร่ก็ได้” เพราะเรื่องของปลอม การละเมิดลิขสิทธิ์ หรือผลิตภัณฑ์ไม่มี อย. นั้นมีมานานแล้ว
...
ก่อนวิเคราะห์เรื่องนี้ต่อ... พ.ต.อ.วิรุตม์ ขอออกตัวว่าไม่ได้ต้องการออกมาช่วย พ.ต.ท.สันธนะ แต่ขอมองในฐานะอดีตตำรวจที่เคยบังคับใช้กฎหมายว่า เขาเป็นแค่เหยื่อจากสถานการณ์!
อดีตผู้กำกับ สภ.อ.ลำลูกกา กล่าวว่า การตรวจค้นตลาดดอนเมืองนั้น เจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปค้นได้ แต่ควรจะค้นร้านที่เป็นเป้าหมาย ไม่ใช่ไปปิดตลาด ตรวจค้นทุกร้าน ศาลคงไม่ออกหมายค้นให้เป็นร้อยๆ ร้าน
เมื่อถามว่า การค้นดังกล่าว จะมองว่า เป็นการค้นต่อเนื่องได้หรือไม่.. อดีตผู้กำกับผู้ผลักดันการปฏิรูปผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ตอบสวนทันทีว่า ไม่ได้!.. การค้นต่อเนื่องนั้นต้องเป็นร้านเดียวกัน...เรื่องนี้ตนจึงมองว่าเป็นการ “ช่องว่างทางกฎหมาย”
“ของผิดกฎหมายแบบนี้มันมีมานานแล้ว ทำไมถึงเพิ่งมาจับ...ซึ่งเท่าที่ทราบคือ สาเหตุหลักคือ พบว่ามีคนเสียชีวิตจากผลิตภัณฑ์ และนายกฯพูดขึ้นมา จึงเป็นที่มาของการบุกทลาย แต่ความจริงคือ ควรจะตั้งโจทย์ว่าใคร..? มีหน้าที่ดูแลเรื่องเหล่านี้ แล้วปล่อยให้มีเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร ไล่ตั้งแต่ สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) องค์การอาหารและยา (อย.) หรือ แม้กระทั่ง ตัว ผบ.ตร.เองก็ตาม” พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าวและว่า
ในทัศนะของผม ผมไม่ได้มองว่าตำรวจเป็นพระเอก...แต่มองว่าของเหล่านี้มันอยู่ได้อย่างไร ใครๆ ก็รู้ว่ามีเรื่อง “ส่วย..สินบน” ด้วยกันทั้งสิ้น ไม่งั้นทำไมถึงไม่โดนจับ โดนค้น
...
การเก็บส่วย...เชื่อมโยงกับใครได้บ้าง พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าวว่า คนที่จะเก็บส่วยได้ต้องเป็น “คนที่มีหน้าที่” ไล่ไปตั้งแต่ ท้องที่..สืบ เสิร์ฟ สารพัด สันธนะ ถือว่าเป็น “เหยื่อ” จากสถานการณ์ เนื่องจากมีคนไปใช้แล้วตาย ได้มีความเสียหายเกิดขึ้น หากไม่เกิดเรื่องขึ้น นายกฯ ไม่กล่าวถึง ถามว่าจะมากวาดล้างหรือไม่..
“สังคมที่มีการบังคับใช้กฎหมายที่ดี จะไม่มีเรื่องการกวาดล้าง เพราะจะมีการบังคับใช้กฎหมายอยู่ตลอดเวลา หากมีของเถื่อนมาขายก็ต้องมีเจ้าหน้าที่มาจับกุม..ปัญหามาจากการรับส่วย สินบน จึงทำให้ปัญหาไม่จบ”
...
มาเฟียตัวจริง จะต้องมีคนของรัฐ หนุนหลัง!
อดีตตำรวจมือดี บอกกับทีมข่าวฯ ถึงคุณลักษณะของคนที่จะเป็นมาเฟียได้ จำเป็นต้อง...เป็นบุคคลที่กฎหมายเข้าไปไม่ถึง หรือ ต้องเป็นคนที่มีอำนาจให้การสนับสนุน ดังนั้น “สันธนะ” ไม่ใช่มาเฟียหรอก เพราะโดนจับแล้วก็ถูกยัดเข้าห้องขัง ไปยืนคอตกเกาะลูกกรง อย่างนี้จะเรียกว่าเป็นมาเฟียได้อย่างไร
หากจะเรียกว่ามาเฟีย ขอยกตัวอย่าง เช่น บ่อนการพนัน สถานบันเทิงที่ผิด แต่สามารถเปิดท้าทายกฎหมาย แล้วไม่มีใครทำอะไรได้ แล้วมีคนเก็บตังค์ แบบนี้สิถึงจะเรียกมาเฟีย แต่สิ่งที่กลัวคือ คนที่เปิดให้เล่นเก็บตังค์เอง แล้วก็สอบสวนเองด้วยนี่สิ..มาเฟียในประเทศไทยไม่มีจริงหรอก มีแต่มาเฟียในเครื่องแบบ หรือ มีคนในเครื่องแบบยืนอยู่ข้างหลัง
หากจะให้วิเคราะห์ การที่ พ.ต.ท.สันธนะ ออกแอ็กชั่นหลายๆ ครั้ง เป็นการส่งสัญญาณถึงใครหรือไม่ อดีต ผู้กำกับ สภ.ลำลูกกา กล่าวว่า “ไม่น่าจะใช่หรอก สมมติว่าตำรวจถือหมายค้น ร้าน ก. หรือร้าน ข. ซึ่งมีข้อมูลว่ามีการผลิตสินค้าปลอม สันธนะ ก็คงไม่โวยวายอะไรหรอก แต่ที่เขาโวยก็เพราะเป็นที่ปรึกษา และอาจจะมองว่ามีการกระทำที่ส่งผลให้คนในตลาดเดือดร้อน
“คนกระทำผิดอาจจะมีอยู่กลุ่มหนึ่ง...แต่ผู้บริสุทธิ์มีมากกว่า การที่คนๆ หนึ่งจะออกมาตอบโต้ ถามหาหมายค้น ถือเป็นเรื่องธรรมดา เรื่องนี้ถือเป็นสิทธิ์ของทุกคน”
...
ตั้งข้อสังเกต..คนหนึ่งจ้องมอบตัว อีกฝ่ายจ้องจะจับ
สิ่งที่ อย. หรือ สคบ. อ้างว่าไม่มีกำลังคน ฟังได้หรือไม่ พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าว นี่คืออีก 1 ตัวอย่างที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลง โดยควรจะโอน บก.ปคบ. ไปให้สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค สำนักนายกรัฐมนตรี และอีกส่วนไปขึ้นกับ อย.กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ภาครัฐเป็นคนจัดการ แบบนี้จะโทษใครล่ะ ผู้การ ปคบ. ผบช.ก. หรือ ผบ.ตร.
พ.ต.อ.วิรุตม์ มองว่า ฝ่ายหนึ่งพร้อมจะมอบตัว..อีกฝ่ายก็จะจับลูกเดียว แบบนี้ตลกไหม สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่า ตำรวจสามารถเลือกปฏิบัติได้ ยกตัวอย่างเช่น บิ๊กตำรวจนายหนึ่งที่เกี่ยวโยงกับเรื่องหวย อันนี้โทษหนักกว่าอีก ติดคุก 10 ปี แต่ไม่เห็นมีหมายเรียก..แต่สำหรับคดีของสันธนะนั้น ยังไม่ทันมีหมายเรียก ก็มีหมายจับมาแล้วมากมาย ทั้งนี้ สิ่งสำคัญของการออกหมายเรียกผู้ต้องหา หรือเสนอศาลออกหมายจับนั้น อัยการต้องมั่นใจว่า มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะสามารถสั่งฟ้องพิสูจน์ให้ศาลพิพากษาลงโทษได้ เพื่อสอดคล้องกับหลักสากล (Proof beyond a reasonable doubt) เท่านั้น คดีสั่งไม่ฟ้อง หรือศาลยกฟ้องต้องไม่มี หรือถ้ามีก็ต้องน้อยที่สุด เพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชนผู้บริสุทธิ์”
สิ่งที่ควรเร่งแก้ปัญหา “ยกเครื่องปฏิรูประบบสอบสวน”
จำเป็นไหม...ที่ต้องออกหมายจับมากมายขนาดนั้น พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าวว่า แม้จะเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระ แต่ที่จริงแล้วออกหมายเดียวก็ได้ แค่บอกว่าในหมายว่า มีข้อหาจากเหตุวันนั้นวันนี้ก็แจ้งไปก็ได้ แต่เท่าที่ทราบคือโดนคนเดียว 8 หมายจับ ซึ่งกรณีแบบนี้ ออกหมายเรียกได้หรือไม่
ซึ่งถามว่าผิดขั้นตอนหรือไม่ ตอบว่า ไม่ใช่ เพราะกฎหมายได้เขียนไว้ว่า ความผิดโทษจำคุกเกิน 3 ปี ขึ้นไปไม่จำเป็นต้องออกหมายเรียก
พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ปัญหาประเทศเรา คือ การให้อำนาจในการเลือกปฏิบัติกับใครคนใดคนหนึ่งได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องอันตราย เขาจะเลือกจับหรือละเว้นใครก็ได้ จะรับหรือไม่รับคดีของใครก็ได้ ด้วยเหตุนี้ส่งผลให้คนทั่วไปไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรรม สิ่งที่ควรทำก็ขอย้ำจุดเดิม คือ การปฏิรูประบบสอบสวน แยกงานสอบสวนออกจากตำรวจ จะให้กระทรวงยุติธรรม หรือ จะแยกเป็นสายงานก็ได้ แต่ไม่ควรให้หัวหน้าสถานี หรือ แม้กระทั่ง ผบ.ตร. มาสั่งให้สอบสวน ดังนั้น การสอบสวนควรเป็นของพนักงานสอบสวนและอัยการ
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน