“บางทีผมลำบากมากๆ นั่งเอามือกุมหัวแล้วจู่ๆ ก็มีคนเข้ามาช่วยเหลือเรา
ความรู้สึกก็คงเหมือนกันกับที่พวกเขากำลังลำบาก แล้วเราได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเขาแหละครับ”
จ.ส.อ.วีรชาติ ศิริสอ ทหารเสมียน หน่วยสัสดี อ.สามเงา จ.ตาก

เรื่องราวของ จ.ส.อ.วีรชาติ ที่คอยลงพื้นที่ไปให้ความช่วยเหลือชาวบ้านในถิ่นทุรกันดารมานานกว่า 8 ปี ถูกส่งมายังเพจ ‘ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์’ จากแฟนๆ ไทยรัฐที่ได้ติดตามอ่านข่าวมาโดยตลอด และอยากจะชื่นชมในคุณงามความดีของ จ.ส.อ.วีรชาติ รวมทั้งอยากให้การสนับสนุนให้คนทำความดีด้วย

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ไม่รอช้า รีบติดต่อไปยัง จ.ส.อ.วีรชาติ มาพูดคุยเปิดอกถึงเรื่องราวในชีวิตของชายคนนี้ และจุดเริ่มต้นของการทำความดี ซึ่งจะน่าสนใจเพียงใด ติดตามอ่านได้ ณ บัดนี้...

“สวัสดีครับ ผม จ.ส.อ.วีรชาติ ศิริสอ ทหารเสมียน หน่วยสัสดี อ.สามเงา จ.ตาก อายุ 41 ปี ครับ เป็นทหารจิตอาสาช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ทุรกันดารบนดอย ทำมากว่า 8 ปีแล้วครับ” จ่าชาติ แนะนำตัวอย่างขวยเขินตามประสาคนไม่ค่อยออกสื่อ

...

หนาวจับใจ ไร้เสื้อผ้า ชาวบ้านเดินลงดอย นั่งผิงแดด นายทหารสุดสงสาร

สำหรับจุดเริ่มต้นของการช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ห่างไกลความเจริญนั้น จ่าชาติ เล่าว่า ก่อนหน้านี้สอบได้เป็นจ่า และถูกส่งตัวไปที่ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ซึ่งเป็นพื้นที่ทุรกันดารพอสมควร ได้ทำงานเป็นสัสดีอำเภออยู่ที่นั่น และในทุกๆ เช้าจะเห็นชาวบ้านเดินลงมาจากเขา เด็กบางคนไม่มีเสื้อผ้าใส่ ยิ่งพอช่วงหน้าหนาวชาวบ้านก็จะมานั่งผิงแดดกันอยู่เต็มหน้าอำเภอ เมื่อได้เห็นภาพนั้นก็รู้สึกสงสาร จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการหาเสื้อผ้าเก่าๆ ผ้าห่มมาบริจาคให้กับชาวบ้าน

ทั้งนี้ ของที่นำมาบริจาคส่วนใหญ่จะเป็นยารักษาโรค เสื้อผ้า อุปกรณ์การเรียน จะจำเป็นมากที่สุด เพราะบางพื้นที่ค่อนข้างเข้าไปลำบาก ทำให้การช่วยเหลือจากหน่วยงานรัฐเข้าไปไม่ถึง

นอกเหนือจากนี้ จ่าชาติไม่ได้มาเพื่อแจกของเพียงอย่างเดียว เพราะบางครั้งก็ไปซ่อมบ้านให้ชาวบ้าน หรือทำเตียงนอน รถเข็นให้ โดยอาศัยความรู้ช่างที่มีติดตัวมาใช้ประโยชน์ หรือบางทีมีเหตุการณ์ไฟไหม้ จ่าชาติก็จะไปช่วยสนับสนุนกับทางหน่วยงานราชการ เพราะว่ามีอุปกรณ์ช่วยเหลือติดรถคู่ใจตลอด

“หลังจากแจกของเสร็จจะมีการฉายหนังให้ชาวบ้านได้ดู ปลูกฝังเด็กให้รักประเทศชาติ มีความสามัคคี เพราะตอนเด็กๆ ทีวีเครื่องเดียวดูกันทั้งหมู่บ้าน พอมีคนขายยามาฉายหนัง ผมดีใจมาก พอโตขึ้นก็อยากเอาหนังมาฉายให้เด็กๆ ดูบ้างครับ” จ่าชาติ เล่าถึงวัยเด็ก

ประดิษฐ์ คิดค้นเอง อาศัยความรู้ช่าง ช่วยชาวบ้าน

ด้วยความรู้ด้านช่างที่มีติดตัว ล่าสุด จ่าชาติได้คิดประดิษฐ์เตียงเหล็กที่แข็งทื่อ ทำให้สามารถยกหัวได้ กับต้นทุนและราคาที่พอจะมี และอุปกรณ์ที่พอจะหาได้ เพื่อมอบให้กับ ด.ญ.พรวรินทร์ ตาเต๊บ อายุ 7 ขวบ ชาวบ้านหมู่ที่ 6 บ้านวังหวาย อ.สามเงา จ.ตาก ที่พิการมาตั้งแต่กำเนิด อาศัยอยู่กับมารดาที่ไม่มีอาชีพ มีฐานะยากจน ซึ่งเตียงนี้ จ่าชาติคิดเองทำเอง โดยอาศัยช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ สร้างขึ้นมา โดยซื้อเตียงในราคา 1,500 บาท และคิดวิธีการยกหัวเอง

...

นอกจากนี้ ยังประดิษฐ์รถเข็นที่ทำจากเศษเหล็กและเศษไม้ ให้กับผู้พิการขาไว้ใช้งานในชีวิตประจำวันอีกด้วย โดยจ่าชาติบอกว่า “แม้ของจะไม่ได้สวยหรู แต่ก็ทำจากความตั้งใจ และเงินทุนที่มี”

เคสหลอก-พอมีเงิน ไม่รับ! ช่วยเฉพาะผู้ขาดโอกาส

เมื่อถามถึงการเลือกเคสในการเข้าไปช่วยเหลือ จ่าชาติ เผยว่า ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่การช่วยเหลือเข้าไปไม่ถึง หรือยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ อย่างเคสล่าสุด อบต.ได้รถเข็นมา 7 คัน แต่มี 14 หมู่บ้าน ได้หมู่บ้านละคันก็ยังไม่ทั่วถึง ซึ่งชาวบ้านที่ได้เข้าไปช่วยเหลือยังไม่ได้ จึงมีโอกาสไปพบเจอพอดี และมอบรถเข็นให้ไปใช้งาน

“ส่วนมากถ้าผมเห็นว่าลำบากก็จะเข้าไปช่วยครับ ผมไม่ได้สนใจว่าเขาเป็นใคร มีบัตรประชาชนหรือไม่ แค่เขาเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือจริงๆ ผมก็จะเข้าไปช่วยเหลือตามกำลังที่มีครับ” นายทหารหัวใจอาสา ระบุ

...

นอกจากนี้ ก็มีหลายคนส่งเข้ามาในเฟซบุ๊กของจ่าชาติด้วยว่า มีคนลำบากเดือดร้อนต้องการความช่วยเหลือ แต่จ่าชาติจะต้องเข้าพื้นที่ไปดูก่อน เพราะบางคนถ่ายรูปบ้านมาแล้วบอกว่าลำบาก แต่พอไปถึงที่บ้านจริงๆ กลับไม่ได้เป็นแบบนั้น ดังนั้นในแต่ละครั้งจะต้องลงพื้นที่ตลอด

“ช่วงที่มาอยู่ใหม่ๆ เคยมีผู้ใหญ่บ้านโทรมาหาบอกว่า มีเด็กยากจนมากเลย เอาจักรยานมาแจกหน่อย ผมก็เลยขนจักรยานขึ้นรถเตรียมตัวจะเอาไปให้เขา พอไปถึงก็โอ้โห บ้านเขารวยกว่าบ้านผมอีกครับ นับแต่นั้นมาผมจะต้องลงพื้นที่ไปตรวจสอบก่อนว่าลำบากจริงไหม ต้องการความช่วยเหลือแค่ไหน

และมีครั้งหนึ่งส่งรูปมาให้ในเฟซบุ๊กว่าบ้านจนมาก ที่แท้ไปถ่ายรูปบ้านใครก็ไม่รู้อยู่กลางทุ่ง ผมก็เลยไม่ให้ เพราะคนมีอันจะกินคนหนึ่งได้รับของไปแล้ว 1 อย่าง เด็กที่ขาดโอกาสจริงๆ ก็หมดสิทธิ์ได้แล้ว 1 คน” ทหารจิตอาสา เล่า

ควักกระเป๋าตังค์ใบน้อย ช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติ ผู้ใจบุญเห็นแห่บริจาคสุดซึ้งใจ

...

“จ่าเอาเงินมาจากไหน?” ผู้สื่อข่าวถาม

นายทหารอกสามศอก ยิ้มแห้งๆ ก่อนอธิบายว่า “ก็เงินเดือนผมนี่แหละครับ...ผมได้เงินเดือนราว 15,000 บาท ก็จะแบ่งมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ผ่อนรถกระบะ และซื้อของมาแจกชาวบ้านบนดอย จริงๆ แล้วมันก็ไม่พอหรอกครับ แต่อาศัยประหยัดเอา เพราะอยู่บนเขาบนดอยก็ไม่ค่อยได้ใช้เงิน”

แต่การทำดีมีคนเห็น...หลังจากที่จ่าชาติโพสต์เรื่องราวการช่วยเหลือชาวบ้าน ก็มีผู้ใจบุญเข้ามาติดตามในเฟซบุ๊ก และเข้ามาร่วมบริจาคข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น รวมทั้งเงิน เพื่อนำไปช่วยเหลือชาวบ้านต่อ

“ล่าสุด มีโครงการแจกชุดนักเรียน เด็กบางคนพ่อแม่ยากลำบาก หรือบางคนก็เป็นเด็กกำพร้า ก็เลยทำโครงการนี้ขึ้นมา และได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนคนไทยที่อยู่ต่างประเทศ ซึ่งมีแฟนฐานะดี ได้จัดวันเกิดให้ลูกที่ต่างประเทศ โดยไม่เอาของขวัญจากเพื่อนๆ ต่างชาติที่มาวันเกิดลูก แต่ขอเป็นเงินมาหยอดกล่องรับบริจาคแทน และส่งเงินทั้งหมดมาให้กับตน ราว 20,000 กว่าบาท จึงนำเงินส่วนนี้ไปซื้ออุปกรณ์การเรียน ชุดนักเรียน รองเท้า กระเป๋า ให้เด็กชาวเขากำพร้า” จ่าชาติ เล่าความมีน้ำใจของเพื่อนๆ ในเฟซบุ๊ก

นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ อย่างค่าน้ำมันรถ หรือค่าจิปาถะทั่วไป จ่าชาติเผยว่า เป็นเงินส่วนตัว แต่บางครั้งเจ้านายที่ทำงานก็จะสนับสนุนค่าน้ำมันให้ หรือมีคนมาช่วยบริจาคบ้าง

“เขาเรียกผม...เทวดา” คนบนดอยดีใจ ทหารไม่ละทิ้งประชาชน

ตลอดระยะเวลากว่า 8 ปี หรือมากกว่า 50 เคสที่ จ.ส.อ.วีรชาติ ได้ช่วยเหลือชาวบ้าน มีเหตุการณ์อันน่าประทับใจหลายครั้ง โดยจ่าชาติถ่ายทอดให้ฟังว่า “มีชายพิการคนหนึ่งใน อ.สามเงา เขาลำบากมากต้องการรถเข็น พอผมได้ลงพื้นที่เห็นก็รู้สึกสงสาร ขณะเดียวกันก็มีคนบริจาครถเข็นวีลแชร์มาพอดี ผมก็เลยส่งต่อไปให้เขา

จังหวะที่ผมอุ้มเขาขึ้นมาจากเตียงให้มานั่งรถเข็น จู่ๆ เขาก็ส่งเสียงร้องไห้เหมือนอัดอั้นมานาน เหมือนได้ชีวิตใหม่ แม่เขาบอกว่า ปกติเขาไม่เคยพูดอะไรเลย แต่วันนั้นเขาร้องแบบดีใจมาก เห็นแล้วผมก็น้ำตาไหลเลย เป็นอะไรที่อิ่มอกอิ่มใจมากๆ ครับ

ส่วนอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ชาวบ้านไปขอสิ่งของจากหน่วยงานรัฐแล้วยังไม่ได้รับ พอผมเข้าไปเขาก็มองๆ ดูเหมือนว่า จ่าขี้คุยหรือเปล่า เข้ามาดูแป๊บเดียวแล้วก็ไป แต่อีก 2 วันต่อมา ผมเอาของขึ้นไปให้เขา เขาก็งงไปเลยว่าผมหามาให้เขาได้ยังไง และเขาก็ยิ้ม ดีใจมากๆ ที่ทหารไม่ลืมเขา”

จ่าชาติ ยังพูดติดตลกด้วยว่า เวลาที่ขึ้นไปให้ความช่วยเหลือชาวบ้านบนเขา ก็จะถูกพวกเขาเรียกเป็นภาษากะเหรี่ยง ซึ่งแปลเป็นไทยว่า “เทวดามาแล้ว” ได้ยินแล้วก็รู้สึกขำๆ ปนซึ้งใจเหมือนกัน

มรสุมชีวิต! คิดท้อใจ คนทำดี ไม่ได้ดี...แต่เลิกช่วยไม่ได้ เพราะทุกคนรออยู่

ช่วงชีวิตหนึ่งของ จ.ส.อ.วีรชาติ ต้องเจอปัญหามากมาย ทั้งถูกร้องเรียนจากการช่วยเหลือคนอื่น หน้าที่การงานถูกกีดขวาง รวมทั้งทางที่จะขึ้นไปช่วยเหลือชาวบ้านค่อนข้างลำบากมาก แต่สำหรับตนคิดว่าถ้าใจถึงก็ไปถึง แต่แล้วรถคู่ใจคันเก่าเกิดพลิกคว่ำ ซ่อมก็ไม่คุ้ม สุดท้ายจำใจต้องขายเป็นเศษเหล็กได้เงินไม่กี่หมื่นบาท

นายทหารอาสารายนี้ยอมรับว่า น้อยใจตัวเอง คิดเลิกทำแล้ว และส่งผลงานที่เคยช่วยเหลือไปยังบริษัทเอกชนต่างๆ แต่ก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า บริษัทไม่มีนโยบายช่วยเหลือ คุณไม่ใช่องค์กร เมื่อไม่มีใครช่วยเหลือก็ต้องหากู้ยืมเงินมาซื้อรถกระบะคันเล็กๆ มาขนของจากนครสวรรค์ไปแจกของบนดอย แล้วให้ผู้ใหญ่บ้านมารับ เพราะรถวิ่งไปไม่ถึงด้านบน โดยทำแบบนี้มาเป็นปีกว่าจะฟื้นขึ้นมาได้ จากนั้นก็กู้เงินธนาคารมาซื้อรถโฟร์วิลคันปัจจุบัน

“เมื่อก่อนอยู่ท่าสองยางแล้วได้ย้ายไปอยู่นครสวรรค์ ก็ได้มีโอกาสไปเรียนเพิ่ม หาความสุขให้ตัวเอง แต่เชื่อไหมว่าผมไม่เคยมีความสุขเลย ผมนอนไม่หลับ จะมีคนแก่ เด็ก มาหาให้ช่วยหน่อย ผมก็ต้องช่วย ขับรถจากนครสวรรค์มาตากทุกสัปดาห์ ขอรับบริจาคยาใน จ.นครสวรรค์แล้วขับรถขึ้นดอยเอาไปแจกชาวบ้าน เราก็ผูกพันกับชาวบ้าน เหมือนทุกคนที่นั่นเขารอเราอยู่ และเคยมีคนท้าผมหลายรอบแล้วว่า ถ้าหยุดแจกของ หยุดช่วยเหลือได้ จะเอาอะไรจะให้หมดเลย แต่ผมก็หยุดไม่ได้” ชายวัย 41 เล่า

แม้ล้มลง แต่เหมือนมีคนอุ้ม...แรงหนุนชาวบ้าน-น้ำใจคนไทยส่งมาไม่ขาดสาย

ถึงแม้ตัวเขาจะต้องพบเจอปัญหามากมาย แต่จ่าชาติเล่าว่า “ไปแต่ละที่มีคนต้อนรับดี ถ้าไปตรงไหนชาวบ้านเห็นรถก็จะเดินมาหา มาร่วมทำบุญบ้าง ช่วยค่าน้ำมันบ้าง อาหารของกิน ชาวบ้านเอามาให้ไม่เคยได้ขาดเลย เราก็ได้ตรงนี้กลับมา...

มีครั้งหนึ่งชาวบ้านบนดอยที่ อ.ท่าสองยาง ถูกลอตเตอรี่ก็ลงมาหาที่ทำงานใน อ.สามเงา ห่างกัน 100 กว่ากิโลเมตร แล้วเอาเงินมาให้ 3-4 พันบาท เพราะว่าเมื่อก่อนเราเคยไปช่วยเขาไว้ อย่างเหตุการณ์ไฟไหม้ที่เกิดขึ้นก็รีบเอาของไปช่วยเหลือชาวบ้าน ก็ทำให้เรารู้สึกว่าเวลาเจอปัญหาอะไร จะหมดแรงสู้แล้ว ก็จะมีคนคอยช่วยหนุนตลอด

หรืออย่างเมื่อวานมีกะเหรี่ยงคนหนึ่งโทรมาหาผม บอกว่า พี่จำได้มั้ยที่เคยช่วยผมไว้วันที่บ้านผมไฟไหม้ เขาบอกต่อว่าถ้าพี่ขึ้นไปแจกของเมื่อไหร่ทักมาบอกผมนะ เดี๋ยวผมจะโอนค่าน้ำมันไปช่วย ตอนนั้นผมก็ขนลุกเลย คนที่เคยช่วยเหลือกัน พอเขาไปได้งานทำมีเงินก็มาช่วยคนอื่นๆ ต่อ”

อย่างไรก็ตาม นายทหารหัวใจเพื่อประชาชน กล่าวทิ้งท้ายก่อนที่จะขอตัวไปทำหน้าที่รับใช้แผ่นดินด้วยว่า “คุณเชื่อมั้ย? บางทีผมลำบากมากๆ นั่งเอามือกุมหัวแล้วจู่ๆ ก็มีคนเข้ามาช่วยเหลือเรา ความรู้สึกก็คงเหมือนกันกับที่พวกเขากำลังลำบาก แล้วเราได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเขาแหละครับ และผมจะทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดแรงทำ เพราะผมคิดว่า คนที่ลำบาก คนที่รอความหวัง คนที่ต้องการความช่วยเหลือในประเทศไทยนี้ยังมีอยู่เรื่อยๆ ครับ”.

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน