ในช่วงที่กระแสบุพเพสันนิวาส ดังเปรี้ยงปร้าง จนคอละครอดรนทนอีกไม่ไหว รีบคว้าตำราค้นหารายละเอียดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ในยุคพระนารายณ์มาไล่เรียงต่อเติมความคิด ซึ่งเราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เหตุการณ์ “จริง” เหตุการณ์หนึ่งที่สอดแทรกอยู่ในละครนั้น อันเป็นเรื่องราวในวินาทีช่วงสุดท้ายของชีวิต เจ้าพระยาวิชเยนทร์ หรือ คอนสแตนติน ฟอลคอน
นั่นก็คือ...
กรมศิลปากร ขุดพบ โครงกระดูกของเจ้าพระยาวิชเยนทร์ หรือ ฟอลคอน!
แน่นอนว่า กระแสข่าวการขุดพบโครงกระดูกในครั้งสำคัญนี้ ตามมาด้วยการตั้งคำถามของผู้ที่ติดตามข่าวนี้ออกไปอย่างหลากหลายแง่มุม โดยเฉพาะคำถามที่ว่า “แน่ใจได้อย่างไรว่า โครงกระดูกที่ขุดพบ นั่นคือ ฟอลคอน จริงๆ?”
ทีมข่าวเสาะแสงหาผู้ขุดพบโครงกระดูกดังกล่าว จนพบว่า ผู้ขุดพบ คือ นายจารึก วิไลแก้ว ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา (ในช่วงที่ขุดพบเป็น ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 4 ลพบุรี)
...
นายจารึก ย้อนเล่าไปถึงวินาทีที่ขุดพบโครงกระดูกที่คาดว่าเป็นฟอลคอน “ผมขุดพบตั้งแต่สิงหาคม 2557 ซึ่งพื้นที่ที่ขุดพบเป็นของเอกชนที่ขายต่อกันมา และถ้าย้อนกลับไปในยุคของพระนารายณ์ จะพบว่า พื้นที่บริเวณน้ี (อยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้นอกคูเมืองชั้นที่ 1 ซอยพญาอนุชิต ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี) พระนารายณ์ได้สั่งการให้บาทหลวงของฝรั่งเศสสร้างวัดสันเปาโล”
“เราดำเนินการขุดไปเรื่อยๆ จนไปพบฐานโบสถ์ของวัดสันเปาโล และในที่สุดก็ขุดพบโครงกระดูกโครงที่ 1 ซึ่งอยู่บริเวณฐานโบสถ์ด้านทิศตะวันออก โดยลักษณะของกระดูกโครงที่ 1 นั้น มีแค่ช่วงเอวลงไป ไม่มีหัว ไม่มีตัว และตายอย่างผิดธรรมชาติ สันนิษฐานว่าเป็น เจ้าพระยาวิชเยนทร์ หรือ ฟอลคอน”
...
“ห่างออกไปจากโครงกระดูกโครงที่ 1 ราวๆ 6 เมตร บริเวณฐานโบสถ์ทิศตะวันออก ลึกลงไป 1 เมตร พบโครงกระดูกโครงที่ 2 ลักษณะของกระดูกนั้น ไม่มีหัว สูงประมาณ 140 เซนติเมตร มีเครื่องปั้นดินเผาในสมัยอยุธยาอยู่หลุม มีหัวแหวนทำด้วยแร่ควอตซ์สีขาว (สมัยโบราณถือว่าเป็นของมีค่า) อยู่บริเวณนิ้วมือด้านซ้าย สันนิษฐานว่าเป็น พระปีย์ พระราชโอรสบุญธรรมของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช”
...
“ในพงศาวดาร มีการระบุไว้ว่า ฟอลคอนถูกตีด้วยไม้พลองที่ประตูพยัคฆาจนตกเสลี่ยง และถูกนำไปประหารชีวิตที่วัดซาก ใกล้พระตำหนักทะเลชุบศร เมืองลพบุรี ซึ่งการประหารตามพงศาวดาร ได้ระบุถึงการประหารนักโทษไว้ว่า ตัดหัว แล้วเอาหัวไปเสียบประจานไว้ที่ประตูเมือง”
...
ตัดแค่หัว แสดงว่า ช่วงลำตัวยังอยู่ แต่ทำไมโครงกระดูกที่ขุดพบ เจอแค่ช่วงเอวลงไป? ผู้สื่อข่าว ซักถาม นายจารึก ผู้ขุดพบ
เขาตอบตามทรรศนะของเขาว่า “ในยุคนั้น พื้นที่บริเวณที่ประหารชีวิตฟอลคอนเต็มไปด้วยป่า และสัตว์นานาชนิด ซึ่งศพฟอลคอนอาจจะถูกสิงสาราสัตว์กัดแทะ หรือลากไปกินบ้าง เพราะด้วยความที่ไม่มีใครกล้าไปยุ่งกับศพ ซึ่งอาจจะขัดต่ออำนาจของพระเพทราชา ผู้เป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่ได้”
“เมื่อเหตุการณ์ในละโว้ (ลพบุรี) สงบลง พระเพทราชาก็เทครัวลงไปอยุธยานิดหน่อย จะเหลือก็แต่ทหารอีกเล็กน้อย พวกบาทหลวงคงไปเอาศพของฟอลคอนเข้ามาฝังไว้ที่ฐานโบสถ์วัดสันเปาโล เพราะด้วยความที่ฟอลคอนนับถือศาสนาคริสนิกายโรมันคาทอลิก บาทหลวงคงไม่อยากให้มันอุจาดตา จนในที่สุด เรามาขุดเจอในยุคปัจจุบัน” นายจารึก ผู้ขุดพบ สันนิษฐานจากความคิดตัวเอง
ทำไมถึงมั่นใจว่า โครงกระดูกนี้เป็นฟอลคอน ทั้งๆ ที่ในยุคพระนารายณ์อาจมีคนเสียชีวิตที่มีรูปร่างคล้ายคลึงกับฟอลคอน? ผู้สื่อข่าว ซักต่อ
“เพราะในพงศาวดาร ไม่ปรากฏบุคคลในลักษณะเดียวกันกับฟอลคอนเสียชีวิต ส่วนขุนนางข้าหลวง 15 คนที่มีใจจงรักภักดีต่อพระนารายณ์ พระนารายณ์ทรงให้บวชเพื่อรักษาชีวิต”
ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่า หากในพงศาวดารไม่ปรากฏผู้เสียชีวิตที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับฟอลคอน ฉะนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่า ในยุคนั้นๆ จะไม่มีคนที่ลักษณะคล้ายคลึงกับฟอลคอนเสียชีวิตบริเวณฐานโบสถ์?
นายจารึก ผู้ขุดพบ ตอบข้อซักถามนี้ในทันทีว่า “บาทหลวง หรือชาวต่างชาติท่านอื่นๆ ที่ตาย คนเหล่านี้มีหัว แต่การตายของฟอลคอนนั้น ถูกตัดหัว”
ทำไมถึงมั่นใจว่า โครงกระดูกที่ขุดพบเป็นฟอลคอน? ผู้สื่อข่าว ถามย้ำถึงความมั่นใจของนายจารึกอีกครั้ง
“เมื่อพิจารณาจากพงศาวดารมีความสอดคล้องกับสันนิษฐานที่ตั้งไว้ หากถามว่า ร้อยเปอร์เซ็นต์ไหม ก็คงจะตอบได้ว่า นี่เป็นสันนิษฐาน ความชัดเจนจะเป็นอย่างไร ก็ต้องรอจนกว่าจะเจอหลักฐานที่ชัดเจนกว่า”
พิจารณาอยู่นานไหมว่า โครงกระดูกที่พบนั้น คือ ฟอลคอน?
“ผมอ่านพงศาวดารอยู่แล้ว และเมื่อขุดพบ ผมก็เห็นเลาๆ อยู่แล้วว่า ต้องใช่ ผนวกกับผมวิเคราะห์จากพงศาวดารประกอบกับสิ่งที่ขุดพบ มีความเป็นไปได้ว่าโครงกระดูกนี้จะเป็นฟอลคอนครับ” นายจารึก ผู้ขุดพบ แสดงความเห็นจากทรรศนะของเขาเอง
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้พูดคุยกับผู้คร่ำหวอดในประวัติศาสตร์ ถึงประเด็นที่หลายคนตั้งข้อสงสัย “สรุป ฟอลคอนผู้นี้ เขาดีหรือร้ายประการใด?”
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ชวลิต ขาวเขียว คณบดีคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ให้ความเห็นไว้ว่า
“ผมมองว่าเขาเป็นคนเทาๆ ไม่ได้ร้ายอะไรมากมาย เพราะในช่วงที่มีชีวิต เขาทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติของเราอยู่พอสมควร โดยเฉพาะในเรื่องของการค้า และตัวเขาเองนั้น รักพระนารายณ์อยู่มาก”
“ในอีกด้านหนึ่งของเขา ผมมองว่า เมื่อฟอลคอนขึ้นหลังเสือแล้ว เขาลงไม่ได้ อำนาจวาสนามากมายที่อยู่ในมือ อาจทำให้เขาหลงระเริงไปหน่อย จนคิดอยากจะเปลี่ยนศาสนา หรือแม้กระทั่งคิดจะยึดการปกครอง” คณบดีคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ให้ความเห็นไปตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์
ส่วน นายจารึก วิไลแก้ว ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ผู้ขุดพบโครงกระดูกที่มีการสันนิษฐานว่าเป็นฟอลคอน ได้แสดงความเห็นไว้ว่า...
“ในแนวคิดของผม ผมมองว่า ฟอลคอนเป็นผู้ที่มีความจงรักภักดี และประตูบ้านของฟอลคอนนั้น ก็ตรงกันกับประตูวังของสมเด็จพระนารายณ์ และผมมองว่า เขาคงไม่คิดจะฮุบอำนาจ เพราะคนที่อยากจะฮุบอำนาจ คนไม่รักกัน คงไม่สร้างประตูบ้านกับประตูวังไว้ตรงกัน” นายจารึก ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ให้ความเห็นจากการศึกษาของตัวเองมาตลอดทั้งชีวิต.