มีข่าวแว่วๆ เข้าหูเกี่ยวกับปัญหาภายในของสำนักงานเขตลาดกระบัง ซึ่งลำพังเจ้าหน้าที่มีความขัดแย้งกันคงไม่น่าจะเป็นเรื่องราวเท่าไร แต่ได้ข่าวมาว่า...ปัญหานี้ใหญ่โตถึงขนาดที่มีคนระดับผู้อำนวยการเขตไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้ข้อมูลมาจากการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ‘เรื่องที่มีการกล่าวพาดพิงในลักษณะที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อำนวยการเขตลาดกระบัง ในการประชุมข้าราชการและลูกจ้างฝ่ายเทศกิจ’ เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 61 ที่ผ่านมา

ในคำสั่งสำนักงานเขตลาดกระบัง ที่ 59/2561 มีการระบุว่า ส.อ.สุชาติ หลาวเลี่ยมทอง หัวหน้างานตรวจและบังคับการ ฝ่ายเทศกิจ ได้กล่าวพาดพิงในลักษณะที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อำนวยการเขตลาดกระบัง โดยอ้างว่า ผู้อำนวยการเขตลาดกระบังฝากให้แจ้งว่า ไม่ให้เจ้าหน้าที่เทศกิจชุดอื่นจับรถดิน เนื่องจากผู้ประกอบการถมดิน ได้จ่ายค่าดูแลให้กับงานกิจการฯ อยู่แล้ว หากรายอื่นจับอีก ผู้ประกอบการจะเอาที่ไหนมาจ่ายได้บ่อยๆ

เรื่องราวที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จะพาไปค้นหาข้อเท็จจริงจากผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้....

...

อดีต ผอ.เขตลาดกระบัง เล่าเบื้องหลังตั้งคณะกรรมการฯ กรณีถูกพาดพิงในที่ประชุม

นายสุธน สุวรรณภานนท์ อดีตผู้อำนวยการเขตลาดกระบัง ผู้เซ็นคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฯ กล่าวถึงต้นตอของเรื่องราวดังกล่าวว่า ขณะนั้น ส.อ.สุชาติ รักษาการแทนหัวหน้าฝ่ายเทศกิจ ได้มีการจัดประชุมประจำเดือนขึ้น และวันที่ประชุมตนไม่ได้เข้าประชุม แต่มีผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตฯ เป็นประธานการประชุมแทน และตนได้อ่านรายงานการประชุมมีอยู่ประโยคหนึ่งที่ ส.อ.สุชาติ ระบุว่า ตนสั่งให้นายประวีร์ หัวหน้ากิจการพิเศษ ห้ามไปจับรถดิน เพราะมีการดูแลอยู่แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ตนได้รับความเสียหายอย่างมาก

ทั้งนี้ ตนจึงเรียกนายประวีร์ มาสอบถามว่า เหตุใดพูดแบบนี้ เพราะตนเสียหาย ซึ่งนายประวีร์ ระบุว่า ไม่ทราบเรื่อง อีกทั้ง รายงานการประชุมแต่ละครั้งไม่เคยรับทราบ

จากนั้น ตนจึงได้เรียกเจ้าหน้าที่บันทึกการประชุมมาสอบถาม โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่า ส.อ.สุชาติ สั่งให้พิมพ์บันทึกการประชุมตามที่ ส.อ.สุชาติ เขียนด้วยดินสอไว้ในกระดาษ ซึ่งรายละเอียดที่พิมพ์ไม่ได้อยู่ในที่ประชุม และได้ขอต้นฉบับมาดูเพื่อเก็บไว้ด้วย

นายสุธน สุวรรณภานนท์ อดีตผู้อำนวยการเขตลาดกระบัง
นายสุธน สุวรรณภานนท์ อดีตผู้อำนวยการเขตลาดกระบัง

อดีต ผอ.เขตลาดกระบัง ปัดแก้รายงานการประชุม ชี้ เป็นหลักฐานสำคัญ!

นายสุธน กล่าวต่อว่า เรื่องการสั่งให้แก้ไขรายงานการประชุมโดยให้ลบชื่อตนออกนั้น คงไปแก้ไม่ได้ เพราะตนต้องนำต้นฉบับที่กล่าวหาไปดำเนินการฟ้องร้อง ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสั่งให้แก้ไข ถ้าสั่งให้แก้จะฟ้องทำไม แต่หากมีการแก้จริงคงไม่ใช่ตนสั่ง คงเป็นคนที่เดือดร้อนในเรื่องนี้มากกว่า

“ผมก็ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ลาดกระบัง และอยู่ในขั้นตอนที่ทนายรวบรวมหลักฐานเพื่อส่งฟ้องศาล ในข้อหาหมิ่นประมาท ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไ ปสั่งให้ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ส่วนนายประวีร์​ แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาท” นายสุธน อธิบาย

อย่างไรก็ตาม ผลการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงนั้น ได้มอบให้คณะกรรมการสืบสวนเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งหลังจากนั้น 2 สัปดาห์ ตนได้ย้ายมาอยู่เขตหนองแขม จึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเขตลาดกระบัง แต่ตนไม่ได้ติดตามเรื่องนี้

...

นายวีรภัทร์ พันธุ์หาญ ผช.ผอ.เขต รักษาการแทน ผอ.เขตลาดกระบัง
นายวีรภัทร์ พันธุ์หาญ ผช.ผอ.เขต รักษาการแทน ผอ.เขตลาดกระบัง

ปธ.คณะกรรมการสืบสวนฯ เผย เป็นความขัดแย้งของเจ้าหน้าที่สองคนไม่ถูกกัน

...

ขณะเดียวกัน นายวีรภัทร์ พันธุ์หาญ ผช.ผอ.เขต รักษาการแทน ผอ.เขตลาดกระบัง ในฐานะประธานกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว ได้เปิดเผยกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ว่า ได้สืบสวนไปบางส่วนแล้ว และอันที่จริงยังไม่อยากจะเปิดเผยผลการสอบสวน แต่ว่าประเด็นเป็นเรื่องความขัดแย้งกันของเจ้าหน้าที่ ซึ่งคงยังให้รายละเอียดไม่ได้ แต่สืบสวนข้อเท็จจริงไปแล้วบางส่วน

“มันพิสูจน์ยากนะ สมมติเรียกคนมา 100 คน คนที่ไม่ถูกมีลูกน้อง 70 คนแล้วบอกว่าเสียงข้างมากถูกมันก็คงไม่ใช่ เพราะฉะนั้น ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรคงต้องดูต่อไป วันนี้เรียกเจ้าหน้าที่มาสอบถามเพื่อสันนิษฐานเบื้องต้นเท่านั้นเองว่า มีการพูดตามที่เป็นประเด็นในข่าวจริงหรือไม่ หรือว่าพูดกั๊กๆ ไปแล้วไปตีความกัน ซึ่งในเมื่อคนสองคนไม่ถูกกันต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใช่ และไม่ใช่ ซึ่งคงทำหน้าที่สืบข้อเท็จจริงเพื่อชั่งน้ำหนักในการให้ถ้อยคำ แต่ว่าไม่สามารถยืนยันว่าการให้ถ้อยคำของเขาจริงหรือเท็จ” ผช.ผอ.เขตลาดกระบัง อธิบาย

...

คาดใช้เวลาสืบข้อเท็จจริงนาน เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จ่อฟัน จนท.ให้การเท็จ

ส่วนจะดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริงเสร็จสิ้นเมื่อไหร่นั้น นายวีรภัทร์ คาดว่า จะต้องใช้ระยะเวลานาน เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ฟันธงลำบาก อาจจะต้องมีวิธีการจับเท็จ เช่น ผ่านมาช่วงหนึ่งและเรียกมาสอบใหม่ดูว่าคำให้การตรงกันหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการสืบสวนข้อเท็จจริงอยู่ ซึ่งไม่ว่าผลจะออกมาในรูปแบบไหนก็ตาม เจ้าหน้าที่ที่ให้ถ้อยคำในวันที่สืบสวนข้อเท็จจริง หากเป็นการให้การเท็จจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ถือว่าเป็นการรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชาในการสืบสวนจึงต้องดำเนินการตามระเบียบของทางราชการ

“เท่าที่ทราบมา เจ้าหน้าที่ในเขตก็มีปัญหากันบ่อยก่อนที่ผมจะมาอยู่ แต่ก็ไม่รุนแรง ส่วนครั้งนี้ที่มีการกล่าวอ้าง ผอ.เขตฯ นั้น เหตุการณ์วันนั้น ผอ.เขตฯ ไม่ได้อยู่ในที่ประชุม เพราะฉะนั้น ฝ่ายหนึ่งบอกไม่ได้พูด อีกฝ่ายหนึ่งนำไปเขียนในรายงานการประชุม จึงเกิดปัญหาขึ้น แต่ไม่ยืนยันว่าข้อความในรายงานการประชุม เจ้าหน้าที่พูดจริงหรือไม่ เพราะยังอยู่ในกระบวนการสอบสวน” นายวีรภัทร์ กล่าว

ฟังอีกมุม! ส.อ.ยืนยันทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ รักษาประโยชน์ราชการ

ด้าน ส.อ.สุชาติ หลาวเลี่ยมทอง หัวหน้างานตรวจและบังคับการฝ่ายเทศกิจ ผู้ที่ถูกตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กรณีการกล่าวพาดพิง อดีต ผอ.เขตลาดกระบัง อธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับทีมข่าวด้วยว่า ตนสามารถยืนยันถึงที่มาของคำสั่งดังกล่าวได้ แต่ที่พูดในที่ประชุมวันนั้น เป็นเรื่องการปกป้องผลประโยชน์ในการทำหน้าที่ของฝ่ายเทศกิจ โดยไม่ได้มีเจตนาใส่ร้าย ผอ.เขตลาดกระบัง แต่อย่างใด

แต่ทั้งนี้ ตนไม่สามารถจะพูดอะไรได้มาก เนื่องจากตนเป็นเพียงผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ตนพร้อมต่อสู้และพิสูจน์ความจริงในเรื่องดังกล่าวจนถึงที่สุด

“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผมทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ปฏิบัติราชการอย่างตรงไปตรงมา และรักษาผลประโยชน์ของหน่วยราชการ ควบคู่ไปกับผลประโยชน์ของประชาชน เพราะผมเป็นข้าราชการที่ได้เงินจากภาษีของประชาชน ดังนั้น ผมจะต้องรับผิดชอบหน้าที่ของผมให้ดีที่สุด” ผู้ถูกตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง อธิบาย

ส.อ.สุชาติ เล่าต่อว่า ภายหลังจากการประชุม ผอ.เขตฯ ไม่พอใจมากที่ตนไปพูดพาดพิงในที่ประชุม ทั้งที่นายประวีร์เป็นฝ่ายพาดพิง ผอ.เขตฯ ขึ้นมาก่อน แต่ ผอ.เขตฯ ไม่ได้ติดใจอะไร ต่อมา ผอ.เขตฯ ได้เรียกเจ้าหน้าที่ที่บันทึกรายงานการประชุมเข้าไปพูดคุย ซึ่งเจ้าหน้าที่คนนั้น ได้เล่าให้ตนฟังว่า

“เขาบอกว่า เขาทำตามหน้าที่ใครพูดอะไรก็บันทึกไปตามนั้น แต่นายประวีร์ยืนยันกับ ผอ.เขตฯ ว่า ไม่ได้พูด ไม่กล้าอ้างชื่อนายแน่นอน ทาง ผอ.เขตฯ จึงแนะนำให้คู่กรณีแจ้งความดำเนินคดีกับผม” ส.อ.สุชาติ กล่าว

เมื่อถามถึงเรื่องคดีความ ส.อ.สุชาติ กล่าวว่า ตนถูกแจ้งความที่ สน.ลาดกระบัง ในข้อหาหมิ่นประมาท แต่ยังไม่เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวไปสอบปากคำ ส่วนเรื่องการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ตนก็ยังไม่ได้ถูกเรียกไปให้ข้อมูลเช่นกัน

ข้อพิพาทในครั้งนี้ ใครถูก-ผิด คงต้องไปว่ากันในกระบวนการยุติธรรมต่อไป.

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน