ยังจำเหตุการณ์นี้กันได้อยู่มั้ย...?

10 กว่าปีที่ผ่านมา หน่วยงานรัฐของไทย เคยเสีย “ค่าโง่” หรือที่ ดร.วิษณุ เครืองาม พยายามจะเปลี่ยนให้ใช้คำว่า “ค่าซื้อความรู้ที่แพงไปหน่อย” เป็นจำนวนเงินมหาศาลนับพันล้านบาท ในการจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดทั้ง 2 รุ่น คือ GT200 และ ALPHA6 ที่สุดท้ายก็ต้องสูญเปล่า แต่ปัจจุบันกลับยังไม่มี “ใคร” ที่จะมารับผิดชอบเรื่องนี้เลยสักคน! ขณะที่ ศาลอังกฤษพิพากษาจำคุก ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องตรวจจับระเบิดปลอม พร้อมสั่งยึดทรัพย์กว่า 400 ล้านบาทไปเมื่อปี 56 แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา ศาลไทยยกฟ้องบริษัท แจ็คสันฯ ผู้แทนจำหน่าย ALPHA6 ในประเทศไทย ด้วยเหตุที่ว่า “ไม่มีพยานหลักฐาน น้ำหนักเพียงพอให้เชื่อได้ว่า บริษัทฯ รู้เห็นเกี่ยวข้องกับการจัดทำแคตตาล็อกแสดงคุณสมบัติเครื่องตรวจวัตถุระเบิด อันเป็นเท็จที่เกินจริง” ส่วนเรื่อง GT200 ยังเงียบ..

ย้อนไทม์ไลน์ เครื่องตรวจระเบิด GT200 สุดท้าย แค่ไม้ล้างป่าช้า!

...

เครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด หรือที่คนไทยคุ้นเคยกับชื่อเรียก GT200 (จีที 200) ประกอบไปด้วย 3 ส่วน คือ เสาอากาศที่ติดกับตัวที่จับ ซึ่งทำจากพลาสติก และช่องใส่การ์ดเพื่อเลือกชนิดสสารที่จะตรวจจับ ซึ่งเครื่องจะทำงานก็ต่อเมื่อผู้ใช้เริ่มต้นเดินค้นหา และไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ ไม่มีแหล่งจ่ายไฟ แต่จะใช้ไฟฟ้าสถิตจากผู้ใช้ ตัวเครื่องมีอายุการใช้งาน 15 ปี

ทั้งนี้ GT200 มีคุณสมบัติในการแยกสารทั้ง สารประกอบระเบิด และ สารเสพติด โดยจะใช้การ์ดในการตรวจแยกสาร นอกจากนี้ GT200 ยังสามารถชี้จุดในวงกว้างให้แคบลงได้ในระยะใกล้-ไกล ตรวจบนบกรัศมี 700 เมตร ส่วนในอากาศ และในน้ำจะตรวจได้รัศมีเพิ่มขึ้นมาอีก

สำหรับเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด GT200 เริ่มต้นวางจำหน่ายในปี 2544 โดยมีผู้ผลิตและจำหน่ายคือ บริษัท โกลบอล เทคนิคัล จำกัด ของอังกฤษ ที่มี นายแกรี่ โบลตัน เป็นเจ้าของ โดยเครื่อง GT200 นี้ขายดิบขายดีในประเทศที่กำลังพัฒนาอย่าง ไทย เม็กซิโก ตะวันออกกลาง และ แอฟริกา ต่อมา ได้มีบริษัทอังกฤษอีก 2 แห่ง ขายเครื่องมือที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน ทั้ง ADE-651 ของบริษัท เอทีเอสซี จำกัด ที่มี นายเจมส์ แม็คคอร์มิค เป็นเจ้าของ และ ALPHA6 ของบริษัท คอมสแตร็กซ์ จำกัด

ในประเทศไทยได้เริ่มนำ GT200 เข้ามาใช้จากหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดของกองทัพอากาศ ที่นำมาใช้ที่สนามบินบ่อทอง จ.ปัตตานี โดยอีโอดีของกองทัพบกเล็งเห็นว่ามีประสิทธิภาพดี จึงขอยืมมาทดสอบ ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจ จึงเสนอเรื่องให้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ในสมัยนั้น อนุมัติงบในการจัดซื้อ โดยได้จัดซื้อลอตแรกด้วยวิธีพิเศษตามระเบียบของสำนักนายกรัฐมนตรี ดำเนินการจัดซื้อเมื่อปี 2548 จำนวน 4 เครื่อง ในราคาเครื่องละ 1.4 ล้านบาท (รวมการ์ด 20 ใบ) จาก บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย

หลังจากนั้น หน่วยงานรัฐต่างๆ ได้จัดซื้อ GT200 มาใช้งาน เพราะเห็นว่า ทอ.นำมาใช้ตรวจอาวุธ กระสุน วัตถุระเบิดในสามจังหวัดชายแดนใต้หลายครั้ง และได้ผลดีจนเป็นที่เชื่อมั่นของหลายหน่วยงาน จึงจัดซื้อด้วยวิธีพิเศษจาก บริษัท โกลบอลฯ โดยตรง หรือผ่าน บริษัท เอวิเอ แซทคอม ที่เป็นนายหน้าให้ บริษัท โกลบอลฯ เพื่อนำไปใช้ในการตรวจวัตถุต้องสงสัย หรือยาเสพติด

ทำให้ในระหว่างปี 2548-2553 หน่วยงานต่างๆ ในประเทศไทย จัดซื้อเครื่อง GT200 และ ALPHA6 มาใช้ทั้งสิ้น 1,354 เครื่อง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,135 ล้านบาท

...

กระทั่งเมื่อปลายปี 52 เกิดเหตุคาร์บอมบ์ที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส แต่เครื่อง GT200 กลับใช้งานไม่ได้ผล ต่อมาเกิดเหตุระเบิดที่ตลาดสดรถไฟ จ.ยะลา GT200 ก็ใช้งานไม่ได้ผลเช่นเดียวกัน

จากความผิดพลาดในการใช้งาน GT200 หลายครั้ง ทำให้เกิดข้อสงสัยของคนในสังคม ถึงประสิทธิภาพของเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด GT200 จนนำไปสู่การเรียกร้องให้ตรวจสอบ พิสูจน์การทำงานของ GT200 ขึ้นมา

รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกมาตั้งข้อสงสัยของเครื่อง GT200 โดยเชื่อว่า เครื่องมือนี้ไม่ต่างอะไรกับ “ไม้ล้างป่าช้า” เพราะไม่มีหลักการวิทยาศาสตร์อะไรรองรับในการทำงาน

ย้อนวลี หมอพรทิพย์ การันตี GT200 ใช้ได้ผลจริง!

ก่อนที่ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ในสมัยนั้น จะออกมาโต้โดยมั่นใจว่าใช้ได้ผล ทำงานได้จริง ซึ่งการที่จะพิสูจน์ว่ามีระเบิดสถานที่ใดไม่อาจเชื่อเครื่องมือได้ตัวเดียว กองทัพต้องปรับปรุงเครื่องมือ แต่ไม่ใช่เรื่องที่จะไปห้ามไม่ให้ใช้ในการป้องกันตัวเองไม่ให้ตกอยู่ในอันตราย มีอะไรให้เจ้าหน้าที่เชื่อมั่นได้ก็ยังดีกว่าไม่มี

...

“คนไทยชอบเต้นตามกระแส การทำงานจะใช้เครื่องมืออะไรคิดว่า นักวิทยาศาสตร์ หรือ หมอ ทหาร โง่นักหรือ ที่บอกว่าไปใช้เครื่องมือโดยไม่ดูว่าเครื่องมันทำอะไรได้ อะไรที่ดำๆ ไม่ได้แปลว่าไม่มีหลักการทางวิทยาศาสตร์ เราจะทำอะไรเราต้องลองมัน เมื่อปฏิบัติแล้ว มันเกิดใช้ได้ เราก็ต้องมาดูว่า สิ่งที่ใช้อันนี้ เหมาะกับการใช้เป็นหลักฐานหรือไม่ คำตอบคือ GT200 ไม่เหมาะ เราจึงไม่เคยใช้ผลการตรวจ GT200 เป็นหลักฐานทางคดี แค่ทำให้เราทำงานง่ายขึ้นเท่านั้นเอง” พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าว

กต.อังกฤษ ตีข่าว เตือนทุกประเทศ GT200 ไร้ประสิทธิภาพ!

ต่อมา สื่ออังกฤษออกมารายงานว่า กระทรวงต่างประเทศอังกฤษประกาศรีบส่งคำเตือนเร่งด่วนไปยังรัฐบาลทุกประเทศที่อาจซื้อเครื่องมือตรวจระเบิดอย่าง ADE-651 และ GT200 ไปใช้ โดยระบุว่า “ไร้ประสิทธิภาพอย่างสิ้นเชิง” ในการตรวจหาระเบิด

จากนั้น บีบีซี จึงส่งไปให้ผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดแกะพิสูจน์ โดยระบุว่า นี่คือกล่องพลาสติกเปล่าๆ ส่วนการ์ดของเครื่องก็ไม่มีอะไรข้างในเลยนอกจากตัวการ์ดและกระดาษ

...

เนคเทค เผย เป็นไปไม่ได้ GT200 ใช้พลังงานจากไฟฟ้าสถิต

ขณะเดียวกัน ดร.พันธ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ ในตำแหน่ง ผอ.เนคเทค ขณะนั้น เผยว่า GT200 ยังมีข้อสงสัยอยู่หลายจุด โดยเฉพาะแหล่งพลังงานที่จ่ายให้กับตัวเครื่อง GT200 ซึ่งบริษัทผู้ผลิตให้ข้อมูลว่า ใช้แหล่งพลังงานจากไฟฟ้าสถิต

“ตามหลักความเป็นจริง และความเป็นไปได้ที่จะใช้พลังงานจากไฟฟ้าสถิตนั้น อยู่ในระดับต่ำมาก และกระแสไฟฟ้าจะลดลงเมื่อได้รับอิทธิพลจากสิ่งแวดล้อม เช่น สภาพอากาศ และความชื้น ฉะนั้น พลังงานจากไฟฟ้าสถิตไม่น่าจะใช้เป็นพลังงานป้องกันให้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์อย่าง GT200 ทำงานได้ ที่สำคัญเครื่องมือตรวจวัดทางวิทยาศาสตร์ต้องมีแหล่งพลังงานอย่างสม่ำเสมอ จึงทำให้ตัวเครื่องทำงานได้อย่างแม่นยำ” ดร.พันธ์ศักดิ์ ระบุ

บ.ตัวแทนจำหน่าย โต้ สินค้ามีคุณภาพ โปร่งใส กำไรแค่ 10%

ด้าน นายขจรศักดิ์ วัฒนากูร ผอ.บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด GT200 ในประเทศไทย ออกมายืนยันว่า บริษัททำงานอย่างโปร่งใส ได้รับความเชื่อถือจากหน่วยราชการ เพราะดำเนินกิจการมา 17 ปี ขายสินค้ามีคุณภาพ ไม่เคยมีประวัติไม่ดี หรือไปต้มตุ๋นหลอกลวง โดยเฉพาะเครื่อง GT200 ยืนยันว่าต้นทุนการผลิตไม่ใช่แค่ 1,000 บาท

ส่วนเหตุที่ราคาต่างจากประเทศอังกฤษที่จำหน่ายเพียง 200,000 บาท แต่มาถึงไทยกลับขายให้กองทัพในราคา 1,400,000 บาท นายขจรศักดิ์ กล่าวว่า “สินค้าชิ้นนี้ไม่ได้มีแค่อุปกรณ์เพียงตัวเครื่องอย่างเดียว แต่มีค่าบริการ ค่าบำรุงอื่นๆ แต่มีองค์ประกอบทางเทคโนโลยี กระบวนการผลิตค่าค้นคว้าวิจัย และหลักการขายต้องมีกำไรบ้าง แต่ผมไม่ได้ค้ากำไรเกินควร เพราะที่ผ่านมาบริษัทมีผลประกอบการขาดทุนบ้าง หรือมีกำไรแค่ 10% เท่านั้น”

อภิสิทธ์ ตั้ง ก.วิทย์ตรวจสอบ เผยผลไม่ต่างจากการสุ่ม สั่งระงับซื้อทันที!

หลังจากที่มีการตั้งข้อสังเกตจนนำไปสู่การถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีสมัยนั้น ได้มอบให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ โดยมีคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมว.กระทรวงวิทย์ฯ เป็นประธานคณะทำงานตรวจสอบ GT200 โดยเป็นการทดลองด้วยการนำเอาวัตถุระเบิดใส่ในกล่อง มีกล่องเปล่าอีก 3 กล่อง รวมทั้งหมด 4 กล่อง เอาไว้ในห้องที่ทำการทดลองพื้นที่ความกว้าง 50x50 ตารางเมตร แล้วให้คนใช้อุปกรณ์ GT200 มาชี้กล่องว่าวัตถุระเบิดอยู่ในกล่องไหน

สำหรับผลการพิสูจน์ ปรากฏว่า...การใช้ GT200 สามารถชี้กล่องได้ถูกกล่อง 4 ครั้งจาก 20 ครั้ง หมายความว่า ไม่ได้แตกต่างจากกรณีที่สุ่มเอา เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้สุนัขดมกลิ่น พบว่าได้ผลมากกว่า ทำให้ นายอภิสิทธิ์ สั่งระงับการซื้อทันที!

บิ๊กป๊อก ตั้งโต๊ะถ่ายสด อ้างประสบการณ์ GT200 ใช้ได้จริง

ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.สมัยนั้นที่มีการจัดซื้อ GT200 มากที่สุด ถึงขนาดต้องออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าว ถ่ายทอดสดผ่านทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 โดยนำผู้เกี่ยวข้องมายืนยันในความเชื่อมั่นต่อ GT200 โดยอ้างประสบการณ์จากการใช้งานของเจ้าหน้าที่

“GT200 ใช้ได้ผลจริง จากประสบการณ์ทั้งหมดประมาณ 300 กว่าครั้งที่ทำได้ และก็อนุญาตให้ใช้ต่อ เพราะไม่ได้มีการสั่งห้ามไม่ให้กองทัพบกใช้ พร้อมทั้งยืนยันว่า เคารพผลการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ แต่ที่ออกมาพูด เพราะคนทำงานมีประสบการณ์เอามาใช้ได้จริง ส่วนเรื่องทุจริตนั้น มองว่าต่อให้เครื่องใช้ได้ 100% ถ้าทุจริตก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว

อ.จุฬาฯ ชำแหละ GT200 พบ พลาสติกกับเศษกระดาษ เสาหมุนได้เกิดจากแรงเฉื่อย

ต่อมา รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ นำเครื่อง GT200 ที่ได้มาจาก พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ อดีตประธานที่ปรึกษากองทัพไทย ซึ่งได้รับมาจากทางภาคเอกชนอีกต่อหนึ่ง เข้าเครื่องเอกซเรย์ ปรากฏว่า ภายในตัวเครื่องตั้งแต่ส่วนฐานที่เป็นช่องใส่การ์ดขึ้นไป กลวงเปล่า ไม่ได้มีหน้าสัมผัสอิเล็กทรอนิกส์กับการ์ดแต่อย่างใด ส่วนการ์ดเป็นเพียงแผ่นพลาสติก 2 แผ่น ทากาวยางประกบกันแบบง่ายๆ เมื่อแกะออกจากกันไม่พบแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ มีแค่เศษกระดาษสีชมพูชิ้นเล็กๆ อยู่ด้านใน

“ส่วนการที่เสาอากาศของเครื่องหมุนได้นั้น ไม่ได้เกิดจากหลักแม่เหล็กดูดผลักตามที่บริษัทกล่าวอ้าง แต่เป็นผลจากผู้ใช้เครื่องทำให้เสาอากาศหมุนเอง โดยอาจจะตั้งใจเอียงเครื่อง เพื่อชี้หรือเป็นความบังเอิญในการเอียงเครื่องระหว่างการเดิน ซึ่งแรงเฉื่อยจากร่างกายผู้ใช้ได้ส่งถ่ายต่อไปยังเครื่อง ทำให้เสาอากาศหมุนได้เมื่อเอียงออกจากนอกจุดศูนย์ถ่วงที่เสถียรของเครื่อง” รศ.ดร.เจษฎา กล่าว

..แม้ประเทศไทยจะยกเลิกการจัดซื้อ GT200 และ ALPHA6 ไปตั้งแต่ปี 2553 แต่...“ใครล่ะ? จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ” ต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงบประมาณที่สูญเสียให้กับ “ไม้ไล่ผี” มากกว่า 1,135 ล้านบาท ที่สำคัญที่สุดคือ ชีวิตของผู้บริสุทธ์ที่ต้องมารับกรรม และเจ้าหน้าที่ผู้ “เชื่อมั่น” อย่างเต็มที่ว่าเครื่องมือมีประสิทธิภาพมากพอ!

ศาลอังกฤษ จำคุกผู้ผลิต-จำหน่าย สั่งยึดทรัพย์กว่า 400 ล้านบาท

สำหรับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทางฝั่งของต่างประเทศ ในปี 2556 ศาลอาญากลางโอลด์เบลเลย์ ประเทศอังกฤษ มีคำพิพากษาตัดสินจำคุก นายเจมส์ แม็คคอร์มิค ผู้ก่อตั้งบริษัทเอทีเอสซีฯ เป็นเวลา 10 ปี และยึดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 7.9 ล้านปอนด์ หรือ 395 ล้านบาท เพื่อชดเชยให้ผู้เสียหาย ส่วน นายโบลตัน ผู้ก่อตั้งบริษัทโกลบอลฯ ตัดสินจำคุกเป็นเวลา 7 ปี ในความผิดฐานฉ้อโกง จากการขายเครื่องตรวจวัตถุระเบิดปลอม ซึ่งรวมไปถึง GT200 ให้กับรัฐบาลประเทศต่างๆ รวมถึงไทย

ทั้งนี้ อุปกรณ์ตรวจหาวัตถุระเบิดที่ผลิตโดยบริษัทของนายแม็คคอร์มิค ถูกขายออกไปในชื่อต่างๆ เช่น GT200 ALPHA6 ADE+651 AL-6D โดยอ้างสรรพคุณผ่านแผ่นพับว่า สามารถค้นหาวัตถุระเบิด ยาเสพติด งาช้าง หรือแม้แต่มนุษย์ได้จากระยะไกล โดยมีการคาดการณ์กันว่า นายแม็คคอร์มิค ทำรายได้ถึงราว 50 ล้านปอนด์ หรือ ราว 2,200 ล้านบาท จากการขายอุปกรณ์ดังกล่าวให้กับ อิรัก จอร์เจีย ไนเจอร์ เบลเยียม สหรัฐอเมริกา อียิปต์ เคนยา ฮ่องกง รวมถึงประเทศไทย

ส่วนกรณีของ นายโบลตัน ผู้พิพากษาชี้ว่า อุปกรณ์ดังกล่าวไร้ประโยชน์ ขายกล่องที่ต้นทุนไม่ถึง 5 ปอนด์ หรือไม่เกิน 250 บาท ที่ราคาระหว่าง 2,500-10,000 ปอนด์ หรือราว 124,025-496,178 บาท ทำให้บริษัท โกบอลฯ มีรายได้เกือบ 3 ล้านปอนด์ หรือราว 149 ล้านบาท จากการขายอุปกรณ์กว่า 5,000 ชิ้น

ดีเอสไอ ตรวจพบ 19 หน่วยงาน ซื้อ GT200 สูญกว่า 1,135 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในฝั่งของไทยเองนั้น นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ในสมัยนั้น สรุปผลสอบสวน 2 กรณี คือ 1. หน่วยงานรัฐจัดซื้อในราคาที่สูงเกินความจำเป็น มีราคาจัดซื้อที่แตกต่างกันมาก ตั้งแต่ 500,000-1,600,000 บาท เมื่อนำมาทดสอบ พบว่า เครื่อง GT200 และ ALPHA6 ไม่สามารถตรวจหาวัตถุระเบิดได้จริงในทุกสภาวะการทดสอบ

2. พบพฤติการณ์ของกลุ่มบริษัทที่เสนอขาย ที่ไม่น่าจะสุจริตในการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ โดยเครื่องทั้งสองรุ่น ผลิต และจัดจำหน่ายโดยบริษัท คอมสแตร็กซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทของอังกฤษ และได้ตั้งบริษัท แจ็คสัน อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นตัวแทน และผู้แทนจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ต่อมา บริษัท แจ็คสันฯ ได้ตั้งบริษัท ยูจีซี เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด และ บริษัท เปโตรกรุงเทพ จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายช่วงต่อในประเทศไทย แต่เมื่อมีการเปิดประมูลจัดซื้อจัดจ้าง ปรากฏว่า บริษัท แจ็คสันฯ ได้เข้าเสนอยื่นซองเสนอราคาแข่งขันกับบริษัท ยูจีซีฯ และ บริษัท เปโตร ซึ่งเป็นบริษัทลูก โดยการตรวจสอบ พบว่าบริษัทลูกทั้ง 2 แห่งได้เสนอราคาต่ำกว่าบริษัทแจ็คสันฯ

ทั้งนี้ จากข้อมูลของกรมสอบสวนคดีพิเศษ พบว่า มีหน่วยงานรัฐที่จัดซื้อเครื่อง GT200 และ ALPHA6 จำนวน 19 หน่วยงาน สูญเงินมากกว่า 1,135 ล้านบาท ก่อนที่จะเรียกถกหน่วยงานดังกล่าวที่ถูกหลอกซื้อไม้ล่าผี ฟ้องร้องบริษัทแม่ผู้ผลิตที่อังกฤษ 1 แห่ง บริษัทตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย 2 แห่ง บริษัทตัวแทนจำหน่ายช่วงต่อในไทยอีก 4 แห่ง รวมเป็น 7 แห่ง ทั้งคดีอาญาและคดีแพ่ง โดยเรียกค่าเสียหาย 683 ล้านบาท

ป.ป.ช.สรุป ฟันเจ้าหน้าที่รัฐ เอี่ยวซื้อ GT200

ต่อมา เมื่อเดือน มิ.ย. 2559 นายยงยุทธ มะลิทอง รองเลขาฯ ป.ป.ช. ระบุถึงความคืบหน้าคดีว่า ทั้ง 12 คดีที่ไต่สวนเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง GT200 จะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย.นี้ ยกเว้นคดีที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศ คาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงสิ้นปี

ล่าสุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่ก้าวขึ้นมาเป็น รมว.มหาดไทย ระบุว่า เรื่อง GT200 อยู่ในขั้นตอนการสอบสวนของ ป.ป.ช. ก็ต้องให้เป็นเรื่องของ ป.ป.ช. ว่าจะพิจารณาอย่างไร ทราบว่า ป.ป.ช.กำลังพิจารณาเรื่องนี้อยู่

อ.เจษฎา เล่าย้อนอดีต เปิดหน้าแฉ GT200 ลวงโลก

รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการร่วมตรวจสอบพิสูจน์ประสิทธิภาพของเครื่อง GT200 ได้เล่าย้อนอดีตนับ 10 ปี ไปในช่วงเวลานั้นว่า ตอนนั้นตนมีลูกศิษย์อยู่คนหนึ่ง และเขาเป็นสมาชิกในกลุ่ม “หว้ากอ” ของเว็บบอร์ดชื่อดังอย่าง “พันทิป” ซึ่งในกลุ่มเริ่มพูดถึงเครื่อง GT200 มาก่อนหน้านั้นแล้ว โดยมีความเห็นว่า เครื่องมือดังกล่าวน่าจะหลอกลวง หลังจากที่ลูกศิษย์ได้นำเอกสารสเปกเครื่องจากต่างประเทศมาให้ดู จึงรู้ว่าเป็นเครื่องมือที่ “หลอกลวง” อย่างแน่นอน จึงพยายามมาอธิบายให้สังคมได้รับรู้

ทั้งนี้ ประจวบเหมาะกับที่ สำนักข่าวบีบีซี ของประเทศอังกฤษ รายงานข่าวเกี่ยวกับเครื่องมือคล้ายกันแต่เป็นยี่ห้ออื่น ซึ่งใช้งานในประเทศอิรัก จึงกลายเป็นประเด็นกระแสของสังคมขึ้นมา ที่ไทยก็มีเครื่อง GT200 ก็น่าจะหลอกลวงเช่นเดียวกัน

“โดนกระแสต่อว่าค่อนข้างเยอะ โดยพื้นฐานเราเป็นใครก็ไม่รู้ คนไม่รู้จักเรา และเราก็พูดในเชิงที่สร้างความไม่เชื่อมั่นให้กับเจ้าหน้าที่ในภาคสนาม เขาก็จะว่าเราทำนองนั้น รวมทั้งก็มีคนที่ยืนยันประสิทธิภาพของเครื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ ผู้เชี่ยวชาญ หรือแม้แต่สถาบันบางสถาบันด้วย ทำให้เกิดเป็นกระแสวิวาทะขึ้นมาว่า ผมเป็นใคร น่าเชื่อถือแค่ไหน หรือตั้งใจสร้างเรื่อง เพื่อดิสเครดิตกองทัพ” นักวิทย์ชื่อดัง กล่าว

นักวิทย์ชื่อดัง เผย โดนกดดัน ร้องเรียนที่สถาบัน

รศ.ดร.เจษฎา เล่าต่อว่า ในตอนนั้นไม่ถึงขนาดข่มขู่ แต่เป็นในเชิงกระแสกดดันมากกว่า ที่ร้องเรียนเข้ามาที่จุฬาฯ ว่า ถ้าเรื่องนี้ที่ตนพูดไปผิด ทางจุฬาฯ ต้องเอาตนออกจากมหาวิทยาลัย ซึ่งทางจุฬาฯ ได้มีแถลงการณ์ว่า เป็นเรื่องของตน ทางสถาบันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

“ถามว่ากลัวมั้ยที่ออกมาแฉ...กลัวสิครับ (หัวเราะ) เราไม่คิดว่าจะมาไกลขนาดนี้ เราคิดแค่ว่า ต้องการนำเสนอข้อมูลให้กับสังคมเท่านั้น ซึ่งก่อนหน้าที่จะเป็นข่าว พวกผมก็ได้ไปเสนอข้อมูลให้กับ ส.ส. หรือ ส.ว. และอีกหลายหน่วยงาน แต่เรื่องก็เงียบไป กระทั่งมีกระแสของบีบีซีขึ้นมา นักข่าวก็กลับมาสัมภาษณ์ผม ซึ่งหากมองแล้ว สื่อมวลชนต่างหากที่ช่วยเหลือผลักดัน ทำให้เป็นกระแสขณะนั้น ซึ่งเราดำเนินการไปแล้วก็ต้องทำให้ถึงที่สุดครับ” อาจารย์ผู้โด่งดังจากการแฉ GT200 เล่าอย่างอารมณ์ดี

“ไม่เคยมีใครขอโทษ!” หลังพิสูจน์แล้วเป็นเครื่องลวงโลก

ในฐานะคนที่เคยผ่าพิสูจน์เครื่อตรวจระเบิดลวงโลก เล่าต่อว่า ตนนั้นทราบตั้งแต่แรกแล้วว่า เครื่องหลอกลวง ตั้งแต่อ่านสเปกเครื่องว่า ข้างในนั้นไม่มีอะไรเลย พยายามพูดในสังคมก็ไม่มีใครเข้าใจ กระทั่ง พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ที่ได้ช่วยเหลือเรื่องนี้ ไปหาเครื่องจริงมา โดยตอนแรกนำไปเอกซเรย์ก่อน แต่ยังไม่ค่อยเห็นอะไร จนได้แกะเปิดดูก็ได้เห็นชัดเจนว่า ข้างในเครื่องไม่มีอะไรเลย มีเพียงกล่องพลาสติกเปล่าๆ และเป็นบานพับเท่านั้น จนในท้ายที่สุด ผลการตรวจสอบจากกระทรวงวิทยาศาสตร์ ออกมาว่าเครื่อง GT200 กลายเป็นเครื่องลวงโลก รัฐบาลต้องระงับการซื้อทันที

"ไม่เคยมีใครมาขอโทษผมเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นประเภทที่ไม่พูดถึงอีกเลย แต่ก็มีเจ้าหน้าที่ที่ใช้เครื่องมือมากล่าวขอบคุณผม โดยบอกว่าสงสัยมานานแล้วเห็นว่าเจ้านายบอกใช้ได้ ขณะที่ตัวเขาเองก็มองว่ามันแปลกๆ ภายหลังเขาก็เข้ามาขอบคุณที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ให้สังคมได้หายคาใจ" ผู้ออกมาแฉเครื่องตรวจระเบิดลวงโลก ระบุ

ไขข้อสงสัย ทำไม GT200 แม่นยำ เจ้าหน้าที่เชื่อมั่น?

ถามว่า ทำไมในหลายครั้ง GT200 จึงใช้ได้ในพื้นที่ รศ.ดร.เจษฎา ตอบว่า มี 2 ปัจจัย คือ 1. การเดาค่อนข้างถูก เพราะเสาชี้ไปเรื่อยเปื่อย พอเข้าไปค้นดูก็เจอวัตถุต้องสงสัยจริงๆ 2. หากค้นแล้วไม่เจอ มักจะมีข้อแก้ต่างตามมา เช่น สารมีน้อยมาก ถูกเคลื่อยย้ายไปแล้ว หรือแม้แต่คำที่ชอบพูดกันว่า “นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ” หรือ “ใช้เครื่องได้ไม่แม่น” แต่ว่าก็มีอีกหลายเคสที่เจ้าหน้าที่รู้อยู่แล้ว โดยมีสายข่าวแจ้งมา หรือจากประสบการณ์ที่มี พร้อมกับใช้เครื่องนี้ เพื่อให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น

“มันก็เหมือนความเชื่อต่อๆ กันมาครับ พอคนแรกเชื่อคนต่อๆ ไปก็เชื่อ หรือพอใช้แล้วหาไม่เจอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ปล่อยผ่านไป แต่พอใช้แล้วหาเจอยิ่งทำให้ดีใจ เชื่อมั่นเข้าไปอีก” อาจารย์จุฬาฯ ผู้ออกมาแฉ GT200 อธิบาย

ส่วนเพราะเหตุใดเจ้าหน้าที่ถึงเชื่อมั่นในเครื่องมือนี้ ผู้สื่อข่าวตั้งคำถาม โดย รศ.ดร.เจษฎา อธิบายว่า ประการแรก เจ้าหน้าที่ถูกฝึกมาให้เชื่อผู้บังคับบัญชา ดังนั้น ถ้าผู้บังคับบัญชาบอกว่าเครื่องใช้ได้ เจ้าหน้าที่ต้องมีพื้นฐานความคิดที่ว่า เครื่องสามารถใช้งานได้ แม้ว่าจะรู้สึกแปลกๆ หรือรู้สึกว่าไม่แม่นยำก็ตาม

ส่วนประการที่สอง เป็นเรื่องทางจิตวิทยา เมื่อใช้งานแล้วบังเอิญสุ่มหาเจอ หรือยืนยันสิ่งที่สงสัยอยู่แล้วว่า บุคคลนี้น่าจะมีของผิดกฎหมาย แล้วปรากฏว่า เจอจริงๆ ก็ยิ่งเพิ่มความมั่นใจมากขึ้น เหมือนกับเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ

ที่มาของคำว่า “ไม้ล้างป่าช้า”

สำหรับที่มาของคำว่า “ไม้ล้างป่าช้า” รศ.ดร.เจษฎา อธิบายว่า ในพิธีล้างป่าช้าที่ซินแสจะวิ่งๆ ไปแล้วเอาไม้ไปปักตามพื้น พอขุดไปก็เจอศพ ในพื้นที่ที่เป็นป่าช้า จะมีศพไร้ญาติถูกฝังอยู่จำนวนมาก ปักตรงไหนก็ขุดเจอ หลักการก็คล้ายกัน หากไปในพื้นที่ที่มียาเสพติดเยอะมาก ไปชี้ตรงไหนก็มีโอกาสเจอทั้งนั้น จึงนำมาเปรียบเทียบกัน

“มันเป็นอุทาหรณ์ของกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างในประเทศไทย ที่ไม่ผ่านกระบวนการตรวจสอบที่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์ แต่กลับใช้ความเชื่อตามกัน ดังนั้น เวลาที่จะจัดซื้อของใดๆ ก็ตาม จะต้องมีความระมัดระวังมากกว่าเดิม

และที่น่าห่วงก็คือ กระบวนการยุติธรรมยังไม่ไปถึงไหน แต่ที่อังกฤษมีการตัดสินจำคุกคนขาย ยึดทรัพย์คืนให้กับประเทศที่เป็นเหยื่อ จนผ่านมาหลายปี แต่กระบวนการยุติธรรมบ้านเราคืบหน้าช้ามาก แม้แต่ล่าสุด ผู้นำเข้ากลับถูกยกฟ้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจมาก ว่า กระบวนการทำสำนวนอย่างไรถึงได้ถูกยกฟ้องได้ และในมุมกลับกันเป็นเรื่องที่น่าห่วงว่า จะสามารถช่วยกันดูแลความผิดพลาดของภาครัฐได้อย่างไร ถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่” รศ.ดร.เจษฎา ผู้ออกมาแฉเครื่องตรวจระเบิดลวงโลก ฝากทิ้งท้าย


ผู้ผลิต ผู้ขาย GT200 ออกนอกตาราง
กับ ป.ป.ช.ไต่สวนคดีแล้วเสร็จ
เหตุการณ์ไหนจะเกิดขึ้นก่อน???

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน