“ตอนนี้เกิดปัญหากับหญิงไทยที่ไปเที่ยวต่างประเทศ โรงแรมบางแห่งในไต้หวันไม่ให้คนไทยพัก คนญี่ปุ่นพูดว่าผู้หญิงไทยซื้อได้ทุกคน ประเทศไทยเป็นเหยื่อมานาน ผู้หญิงไทยทั้งประเทศเสียหาย แต่เรากลับมองว่าคนทำผิดเป็นเหยื่อ ถึงเวลารึยังที่เราจะแก้ไขปัญหาคนไทยไปค้าประเวณีในต่างประเทศกันอย่างจริงจัง”

จากประโยคเริ่มสนทนากัน ระหว่างทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์กับเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ ชี้ให้เห็นถึงวิกฤติชื่อเสียงของประเทศไทย และภาพลักษณ์ของคนไทย ซึ่งเป็นผลกระทบจากปัญหาหญิงและชายไทยค้าบริการทางเพศในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ล่าสุดประเทศที่หญิงไทยนิยมไปค้ากาม คือ กาตาร์

เหยื่อมีไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ เปิดรายชื่อประเทศทั่วโลกที่หญิงไทยนิยมไปค้าบริการ

กับสถานการณ์หญิงไทยหันมาค้าบริการในกาตาร์ ทีมข่าวฯ ได้รับการเปิดเผยจากสถานทูตไทย ณ กรุงโดฮา ระบุว่าปัญหาดังกล่าวนี้เป็นผลพวงจากนโยบายดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติของรัฐบาลกาตาร์ ที่ประกาศยกเลิกวีซ่าตั้งแต่เดือน ส.ค. 60 จึงเป็นช่องโหว่ให้หญิงไทยเดินทางเข้ามาทำงานค้าบริการทางเพศในกาตาร์มากขึ้น ล่าสุดหญิงไทย 3 คนที่ทำงานดังกล่าวถูกกลุ่มอันธพาลทำร้าย และปล้นทรัพย์

...

“ที่ผ่านมาทุกๆ ฝ่ายจะช่วยกันเมื่อเกิดเหตุ และมองว่าคนไทยเป็นเหยื่อ แต่จากประสบการณ์กว่า 20 ปี เหยื่อมีไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ เกือบทั้งหมดตั้งใจไปค้าบริการ เมื่อเกิดปัญหา NGO สื่อ สถานทูต หน่วยงานรัฐ ต้องรีบช่วยเหลือ แต่ที่เราทำกันปัญหาไม่หมดไป มีคนใหม่เดินทางมาทำงานตลอดเวลา ทั้งที่ถูกหลอกและสมัครใจ

เรามีข้อมูลคนไทยไปค้าบริการในแอฟริกาใต้ โอมาน บาห์เรน ศรีลังกา จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี อิตาลี ไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย” นี่คือข้อมูลลึกจากสถานทูตไทย ณ กรุงโดฮา ระบุถึงประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่หญิงไทยนิยมไปค้าบริการ

ย้อนรอย 30 ปี ขบวนการเส้นทางค้ากาม สู่การยกเลิกวีซ่า ค่าตั๋วถูก

นอกจากนี้ยังมีข้อมูลลับที่ทีมข่าวฯ ได้รับการเปิดเผยถึงขบวนการค้ากามในอดีตเมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้วว่าหญิงไทยนิยมเดินทางไปค้าบริการประเทศในยุโรปและญี่ปุ่น โดยมีขบวนการ และเมื่อเข้าประเทศได้แล้ว ก็จะต้องทำงานใช้หนี้เป็นเงินหลายแสนบาท ซึ่งใช้วิธีต่างๆ ดังนี้ 1.การสวมตัวโดยใช้หนังสือเดินทางของผู้อื่น ทั้งหนังสือเดินทางไทยและหนังสือเดินทางของประเทศอื่น 2.การใช้เอกสารปลอมในการขอวีซ่า 3.การใช้ transit visa คือ วีซ่าระยะสั้นที่อนุญาตให้ผู้เดินทางเดินทางผ่านเข้าไปในประเทศที่หนึ่ง ก่อนที่จะเดินทางเข้าไปสู่ประเทศเป้าหมายปลายทาง

“ปัจจุบันการเดินทางแบบเดิมๆ โดยขบวนการน้อยลง เพราะคนไทยสามารถเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศมีเพิ่มขึ้น เป็นเพราะหลายประเทศยกเลิกวีซ่าให้คนไทย เช่น ญี่ปุ่น ไต้หวัน บาห์เรน โอมาน ล่าสุดที่กาตาร์ คนไทยจึงสามารถไปประเทศเหล่านี้ได้เอง เพียงแค่มีหนังสือเดินทางและตั๋วเครื่องบินเท่านั้น

อีกทั้งเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้น มีการใช้ automatic gate ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ การออกนอกประเทศไปทำงาน โดยไม่แจ้งกรมการจัดหางาน และการไปค้าบริการทางเพศจึงสะดวกขึ้น เพราะผู้เดินทางไม่จำเป็นต้องผ่านช่องทาง ตม. ที่มีเจ้าหน้าที่กลั่นกรอง” ข้อมูลดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงสาเหตุหลักที่ทำให้ปัญหาหญิงไทยค้าบริการข้ามชาติไม่ลดน้อยลง มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการเดินทางไปต่างประเทศสะดวกมากขึ้น และค่าตั๋วเครื่องบินถูกลงนั่นเอง

หญิงไทยฝังรากลึกในบาห์เรน ธุรกิจบาร์ สปา ผุดขึ้นในญี่ปุ่น จีน แฝงค้าบริการทางเพศ

อย่างไรก็ตามทีมข่าวฯ ยังได้ข้อมูลลับอีกว่า แหล่งที่ผู้หญิงไทยไปค้าบริการทางเพศฝังรากลึกจนเป็นปัญหายาวนานกว่า 20 ปี คือ บาห์เรน ซึ่งมีหลายพันคน เนื่องจากบาห์เรนเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวตะวันออกกลาง โดยเฉพาะชาวซาอุฯ ที่จะขับรถเข้ามาท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์

...

หากเป็นประเทศเพื่อนบ้านนั้น มีหญิงไทยจำนวนไม่น้อยเดินทางไปค้าบริการที่มาเลเซีย สำหรับสิงคโปร์และอินโดนีเซียมีการใช้วิธีเดินทางไปทำงานในช่วงวันหยุดเป็นช่วงๆ ส่วนที่ฮ่องกง เกาหลีใต้ ไต้หวันและญี่ปุ่น เป็นแหล่งที่หญิงไทยนิยมเข้าไปทำงานตามบาร์โดยเฉพาะที่ญี่ปุ่น เนื่องจากขณะนี้ตั๋วเครื่องบินถูกลงจึงนิยมกันมากขึ้น 

“ในประเทศจีน ซึ่งเศรษฐกิจพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันจึงเริ่มมีร้านสปาที่มีการค้าบริการทางเพศแอบแฝงด้วย และในตะวันออกกลาง นอกจากบาห์เรนแล้ว ที่มีปัญหามากอีกแห่งคือโอมาน และยูเออี ส่วนที่กำลังมีปัญหาเพิ่มขึ้นคือกาตาร์ ซึ่งถูกคว่ำบาตรจากประเทศเพื่อนบ้าน จึงต้องออกมาตรการดึงดูดการท่องเที่ยวและยกเลิกวีซ่าให้คนไทย นอกจากนี้ยังมีหญิงไทยไปค้าบริการที่ศรีลังกา เนื่องจากมีสถานบริการกาสิโนหลายแห่ง และที่ร้านสปาในแอฟริกาใต้”

วิเคราะห์รอบด้าน มูลเหตุจูงใจค้าบริการ กรณีความยากจน ไม่ควรเป็นข้ออ้าง

จากเส้นทางค้าบริการข้ามชาติที่สุดแสนสะดวก และค่าตั๋วเครื่องบินถูกลงนี้ พบว่าปัจจุบันคนไทยตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ในต่างประเทศน้อยมาก เนื่องจากส่วนใหญ่สมัครใจเอง อาจเพราะคนที่เป็นเสรีนิยมคิดว่าการเลือกทำงานอาชีพอะไรก็ตามเป็นสิทธิและเสรีภาพของแต่ละคน

...

ซึ่งหากกฎหมายอนุญาตให้ทำย่อมทำได้ เช่น ที่เนเธอร์แลนด์ เป็นประเทศเสรีนิยมสุดขั้ว โสเภณีจึงเป็นอาชีพที่ถูกกฎหมาย แต่ประเทศส่วนใหญ่ที่ผู้หญิงไทยไปค้าบริการ รวมทั้งในประเทศไทยเองนั้นมีกฎหมายห้ามค้าประเวณี การไปทำการเช่นนี้จึงไม่ใช่สิทธิและเสรีภาพที่จะทำได้

“บางคนมองว่า เพราะความยากจนจึงทำให้คนบางคนเลือกทำอาชีพนี้ กรณีความยากจน ไม่ควรนำมาอ้างเป็นเหตุผล ผู้หญิงส่วนใหญ่ในไทยทำงานอย่างหนักในอาชีพที่ไม่ได้ให้ค่าตอบแทนสูงก็มี ทั้งในโรงงาน การก่อสร้าง ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ หรือสำนักงานต่างๆ แต่เป็นเพราะรายได้ที่สูงกว่าอาชีพอื่นมากกว่าที่ทำให้บางคนเลือกทำอาชีพนี้ โดยเฉพาะรายได้ของการค้าบริการในต่างประเทศ เมื่อหักค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้ว ยังสูงกว่าเงินเดือนในประเทศไทยหลายเท่า” เจ้าหน้าที่ กต. แสดงทรรศนะ

โรงแรมในไต้หวันไม่ให้นักท่องเที่ยวไทยพัก ตม. เข้มงวดกับบางคน ถูกมองเหมาว่ามาค้ากาม 

ทั้งนี้ในมุมมองของบางคนอาจมีความคิดเห็นแตกต่างกันไปถึงการอ้างความยากจนเป็นต้นเหตุแห่งการค้ากามข้ามชาติ แต่จากข้อมูลที่ทีมข่าวฯ ได้รับจากสถานทูตโดฮา แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน กรณีหญิงไทยที่ค้าบริการทางเพศในต่างประเทศ กระทบกับไทยในสายตาของคนทั่วโลกอย่างมาก ทำลายภาพลักษณ์ของประเทศที่ถูกมองว่าเป็นแหล่งโสเภณี ส่งผลต่อการรับรู้ของชาวต่างชาติที่คิดเพียงว่าไทยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและมีธุรกิจทางเพศ ไม่ใช่ศูนย์กลางคมนาคมหรือศูนย์กลางเศรษฐกิจของอาเซียน

...

อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อคนไทยที่ทำงานอย่างถูกกฎหมายในประเทศต่างๆ พลอยถูกมองว่ามีอาชีพเดียวกัน ดังผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ถูก ตม. (ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง) ประเทศต่างๆ โดยเฉพาะเกาหลีใต้ ฮ่องกง และญี่ปุ่น เข้มงวดเป็นพิเศษ จนหลายคนถูกกักตัวและถูกส่งกลับ โดยที่ ตม.เข้าใจผิด ซึ่งมีข่าวอยู่เนืองๆ

“ขณะนี้โรงแรมบางแห่งในไต้หวันไม่ให้นักท่องเที่ยวไทยเข้าพัก สุดท้ายเป็นภาระต่อทางราชการของไทยทั้งในด้านงบประมาณและกำลังคนต้องช่วยเหลือผู้หญิงเหล่านี้ที่เต็มใจมาค้าบริการ แต่ถูกจับกุมในต่างประเทศ หรือเมื่อประสบปัญหากับนายหน้า ที่ส่วนใหญ่เรียกกันว่า “แม่แท็ค””

วิบากกรรมสาวค้ากาม ติดคุก ถูกฆ่า โดนทำร้าย เจอลูกค้าวิปริต ลูกถูกเนรเทศออกนอกประเทศ

ด้านปัญหาต่อตัวคนที่ไปทำงานค้าบริการในต่างประเทศก็มีไม่น้อย เนื่องจากเป็นงานผิดกฎหมาย เมื่อปี 2560 สถานทูตและสถานกงสุลของไทยได้ช่วยเหลือคนไทยที่เป็นเหยื่อค้ามนุษย์ หรือที่ประสบปัญหาจากการค้าบริการทางเพศในต่างประเทศถึง 421 คน

ในจำนวนนี้หญิงไทยเสียชีวิตในบาห์เรน 2 คน และถูกคุมขังในบาห์เรนเป็นร้อยคน, ถูกฆาตกรรมในยูเออี 2 คน ส่วนที่โอมานเกิดปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์หลายราย เด็กที่เกิดมาไม่มีบิดา และเมื่อคลอดบุตรแล้ว ทางการโอมานจะเนรเทศออกนอกประเทศทันที เด็กต้องกลับมาเติบโตในประเทศไทยโดยไม่มีโอกาสได้รับรู้ว่าใครคือพ่อ

“มีหลายกรณีผู้หญิงไทยถูกลูกค้าทำร้าย ต้องรองรับความวิปริตของลูกค้าหลายรูปแบบ หรือถูกแม่แท็คทำร้ายเพื่อรีดเอาเงิน ความรุนแรงต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างโหดร้ายกับคนไทยที่มาขายบริการ เป็นเพราะคนทำรู้ดีว่าผู้หญิงที่ทำอาชีพนี้ไม่กล้าแจ้งความ ยังต้องแบ่งเงินให้หลายฝ่ายเพื่อให้สามารถทำงานอยู่ต่อไปได้” เจ้าหน้าที่ชี้ปัญหาที่สะสมมายาวนานหลายสิบปี

สถานทูตไทย ณ กรุงโดฮา ชี้แนวทางแก้ไขปัญหา สัมฤทธิ์ผลได้ หากคนไทยร่วมด้วยช่วยกัน 

จากข้อมูลลึกทั้งหมดเกี่ยวกับ “การค้าบริการทางเพศ” ที่สถานทูตไทย ณ กรุงโดฮา ยินยอมให้รายละเอียดกับทีมข่าวฯ อย่างละเอียดนี้ บ่งบอกให้รู้ว่า ถึงเวลาแล้วที่สังคมไทยควรตระหนักว่าเป็นปัญหาของส่วนรวมที่ต้องช่วยกันคิด ร่วมกันแก้ไข เพื่อช่วยกันปกป้องภาพลักษณ์ประเทศไทย ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการแก้ไขปัญหาโดยการป้องกันที่ต้นทาง ดังนี้

ประการแรกที่ต้องทำเร่งด่วน คือ ปลูกฝังค่านิยมตั้งแต่เด็กให้ตระหนักถึงคุณค่าของชีวิตตนเอง รู้สึกพอใจในสิ่งที่มี ค่านิยมของการทำงานหนัก และไม่เอาเปรียบสังคม

ประการที่สอง ทุกฝ่ายควรหารือร่วมกันว่าจะมีมาตรการอย่างไรที่จะสกัดกั้นการเดินทางไปทำงานบริการทางเพศ รวมทั้งการลักลอบไปทำงานแบบผิดกฎหมายในต่างประเทศ ที่มีจำนวนหลายหมื่นคน สังคมไทยจะรับประกันเสรีภาพการเดินทางตามรัฐธรรมนูญอย่างไร เพื่อให้มาตรการที่จะดำเนินการไม่ลิดรอนสิทธิของบุคคลที่เดินทางโดยสุจริต

ประการที่สาม จะต้องดำเนินคดีอย่างจริงจังกับกลุ่มแม่แท็คและขบวนการนำพาต่างๆ หากทุกฝ่ายร่วมมือกันน่าจะสามารถจับกุมบุคคลเหล่านี้ได้ เพราะปัจจุบันข้อมูลการติดต่อต่างๆ สามารถสืบได้จากโทรศัพท์มือถือและ social media ต่างๆ การทำธุรกรรมต่างๆ และกล้องวงจรปิดที่มีอยู่ทั่วไป

ทั้งนี้ในส่วนของการดำเนินการที่ปลายทาง สถานทูตไทย ณ กรุงโดฮา ชี้แนะทิ้งท้ายว่า ประเทศไทยเป็นเหยื่อมานาน ผู้หญิงไทยทั้งประเทศเสียหาย แต่เรากลับมองว่าคนทำผิดเป็นเหยื่อ คนไทยควรปรับความคิด จากเดิมที่คิดว่าสถานทูตมีหน้าที่ช่วยคนไทยทุกกรณี เป็นหน้าที่ของสถานทูตและสถานกงสุล คือ ช่วยเหลือคนไทยเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น อุบัติเหตุ หนังสือเดินทางหรือทรัพย์สินสูญหาย เจ็บป่วย ฯลฯ ไม่ใช่การตามดูแลกลุ่มคนที่ไปทำอาชีพผิดกฎหมายในต่างประเทศ ต้องใจแข็งที่จะเห็นเพื่อนร่วมชาติลำบากจากผลของการกระทำของตนเอง ซึ่งอาจจะช่วยให้ขจัดปัญหา “ค้าบริการข้ามชาติ” ได้ 

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

สืบเสาะข่าว รับเรื่องราวร้องทุกข์ สามารถส่งเรื่องราว หรือประเด็นปัญหาของท่านมาได้ที่ 
reporter.thairath@gmail.com หรือช่องทาง Facebook : ทีมข่าวเฉพาะกิจ