จากคดีคนหาย สู่การฆาตกรรมสุดสยองของ น.ส.พลอยนรินทร์ หรือ พลอย ผลิผล อายุ 28 ปี สาวโรงงานแห่งหนึ่ง โดยที่ นางพัชรี ปั้นทอง อายุ 51 ปี ผู้เป็นแม่ได้แจ้งความที่ สภ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยสงสัยว่าถูก นายพลกฤต หรือ เอส วิเศษ อดีตทหารยศสิบเอก สังกัดศูนย์การทหารปืนใหญ่ ค่ายพหลโยธิน จ.ลพบุรี แฟนเก่าของน้องพลอย และเป็นลูกนายทหารยศ พ.อ. อุ้มตัว เมื่อช่วงเย็นวันที่ 21 พ.ค. 2557 จนมีการออกหมายจับแต่คดีไม่คืบหน้า กระทั่งได้เข้าร้องเรียนที่สำนักนายกรัฐมนตรีให้ช่วยตามหาลูกสาว จนมีการปิดล้อมจับกุม นายพลกฤต และถูกกดดันอย่างหนักจนต้องเข้ามอบตัว รับสารภาพทำร้ายน้องพลอยเสียชีวิต เพราะโกรธแค้นผู้ตายบอกเลิก หลังจับได้ว่ามีภรรยาแล้ว ส่วนศพนำไปเผาทำลายในป่าริมเขากะบุด อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ท้องที่ สภ.หินซ้อน ตรงกับโครงกระดูกที่พบเมื่อเย็นวันที่ 5 พ.ย. 2557
คดีนี้เป็นที่สนใจของประชาชนเป็นอย่างมาก ซึ่งล่าสุด ตำรวจได้เก็บดีเอ็นเอจากพ่อแม่น้องพลอยเปรียบเทียบกับโครงกระดูกว่าเป็นศพของน้องพลอยหรือไม่ นอกจากนี้ ยังคงต้องตามไล่ล่าผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าจะมีส่วน “รู้เห็น” มาดำเนินคดีให้ได้ด้วย
ที่ผ่านมา มูลนิธิกระจกเงา ได้เก็บข้อมูลสถิติที่น่าสนใจที่เกี่ยวกับคนหายไว้ โดยปัจจุบันมีผู้เข้ามาร้องเรียนว่า “ลูกหาย” มากมายถึง 4,645 คดี โดยในจำนวนนี้มี 509 คดี ที่ยังไม่พบ และที่น่าแปลกใจคือ ส่วนมากนั้นเป็นการหนีออกจากบ้านโดยสมัครใจ ส่วนรองลงมาคือ พลัดหลง และถูกลักพาตัว
...
ย้อนรอย คดีสาวหายตัวปริศนา ในคืนที่ชาวบ้านได้ยินเสียงหวีดร้อง
ย้อนกลับไปในปี 2546 ก็เคยมีการร้องเรียน กรณีคนหายอย่างไร้ร่องรอยเกิดขึ้นอยู่ 1 คดี คดีนี้เป็นที่กล่าวขวัญถึงโดยเฉพาะชาวภูเก็ต ซึ่ง นางสร้อย มุ่งปานกลาง อายุ 54 ปี พร้อมด้วย น.ส.ธนฉัตร ศรีรักสูงเนิน อายุ 23 ปี ลูกสาว ได้เข้าร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.ดิเรก โฉมยงค์ พงส.(สบ.1) ตำรวจกองปราบปรามว่า “น.ส.พิกุล หรือ โนรี ศรีรักสูงเนิน” อายุ 25 ปี โดยพักที่บ้านพักแห่งหนึ่งใน ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย. 46 หายตัวไปอย่างมีเงื่อนงำ
น.ส.ธนฉัตร เล่าว่า พี่สาว ได้แต่งงานกับชายชาวเยอรมนี อายุ 54 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ต่อมา ได้ย้ายไปอยู่ จ.ภูเก็ต และทำอาชีพไกด์นำนักท่องเที่ยวให้กับบริษัทท่องเที่ยวแห่งหนึ่งริมถนนหาดกมลา
น.ส.ธนฉัตร กล่าวต่อว่า ภายหลังแฟนหนุ่มชาวเยอรมันได้เกิดความหึงหวง เนื่องจากพี่สาวไปมีความสนิทสนมกับฝรั่งซึ่งเป็นเจ้านาย ทำให้แฟนชาวเยอรมันไม่พอใจ ไม่ยอมให้ฝ่ายหญิงไปทำงาน จึงเกิดมีปากเสียงกันบ่อยๆ พร้อมยังขู่ว่าจะฆ่าให้ตายเหมือนสุนัข พร้อมกับยังทวงที่ดิน 2 แปลง แต่พี่สาวตนไม่ยอมคืน หลังจากนั้น คืนวันที่ 29 พ.ย. (คืนที่หายตัว) พี่สาวได้ไปงานเลี้ยงกับเจ้านาย เมื่อกลับมาที่บ้านก็เกิดมีปากเสียงกับแฟนชาวเยอรมัน โดยมีเสียงหวีดร้องแล้วเงียบหายไป จากนั้นก็ไม่มีใครพบพี่สาวตนอีกเลย
“ได้ยินจากชาวบ้าน งูเหลือมตัวใหญ่ขนาดยาวกว่า 3 เมตร ของพี่เขยที่เลี้ยงไว้ในบ้านหายไปพร้อมกับพี่สาว ก็ไม่ทราบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกันหรือไม่ ทั้งนี้ ได้นำข้อมูลทุกอย่างมอบไว้ให้กับเจ้าหน้าที่ สภ.กะทู้ ไว้แล้ว” น้องสาว น.ส.พิกุล กล่าว
ทั้งนี้ หลังมีการร้องเรียนดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการเข้าไปตรวจสอบ พบบ้านเป็นกำแพงปูนที่ก่อจากอิฐบล็อกรอบบ้าน ภายในบ้านมีลักษณะเหมือนป่าทึบ และกรงต่างๆ โดยมีงูชนิดต่างๆ ประมาณ 200 ตัว เมื่อเจ้าหน้าที่จะเข้าไป หนุ่มใหญ่ชาวเยอรมันได้ถามหาหมายค้น และไม่ยอมให้เข้า เมื่อสอบถามว่าภรรยาอยู่ที่ไหน หนุ่มใหญ่เยอรมันอ้างว่า “เมียหนีตามชายอื่น”
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เคยเข้าตรวจสอบที่บ้านหลังดังกล่าวแล้ว หลังจาก น.ส.ธนฉัตร ได้แจ้งความไว้ที่ สภ.กะทู้ จากนั้นตำรวจได้เข้าตรวจสอบ พบรองเท้าแตะเปื้อนเลือด ถูกบรรจุในถุงทะเลเก็บไว้ใต้เตียงนอนของ แฟนชาวเยอรมัน ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าทะเลาะกับภรรยา แต่ไม่ได้ลงมือฆ่า และเชื่อว่า ภรรยาได้หนีออกจากบ้านไปกับชายที่มาติดพัน นอกจากนี้ ยังพบจดหมาย 3 ฉบับ เขียนเป็นภาษาอังกฤษ ที่คล้ายกับจดหมายลาตายของนางพิกุล
...
ขณะที่ พ.ต.อ.ชลิต ถิ่นธานี ผกก.สภ.กะทู้ (ขณะนั้น) กล่าวว่า จากการตรวจสอบไม่พบพิรุธใดๆ ในบ้าน แต่มีการเลี้ยงงูไว้จำนวนมากจริง
ส่วนประเด็นสำคัญของคดีนี้ ยังมีเรื่องทรัพย์สิน โดยบ้านหลังที่หนุ่มใหญ่ชาวเยอรมันอยู่กับนางพิกุลนั้น ถูกซื้อโดยชื่อ นางสร้อย (แม่นางพิกุล) สร้างบนที่ดิน 6 ไร่ มูลค่ากว่า 10 ล้าน เนื่องจากชายชาวเยอรมันไม่สามารถซื้อที่ดินได้ ภายหลังบ้านหลังดังกล่าวถูกโอนไปเป็นชื่อของ นางพิกุล ซึ่งหากนางพิกุลหายสาบสูญ มรดกทั้งหมดก็จะตกเป็นของทายาท ก็คือบุตรทั้ง 2 คนของหนุ่มเยอรมันกับนางพิกุล
หนุ่มใหญ่เยอรมันเปิดใจ ปัดฆ่าเมีย สงสารลูก สุดทนถูกด่าฝรั่งโรคจิต
หลังจากเป็นข่าวใหญ่โต มีผู้คนจำนวนมากให้ความสนใจ ในที่สุดหนุ่มใหญ่ชาวเยอรมันก็ได้เปิดใจเป็นครั้งแรก พร้อมกับเล่าอดีตรักหวานให้ฟัง โดยเจอกับภรรยาเมื่อ 11 ปีก่อน ที่เกาะสมุย ไม่นานก็ได้แต่งงานมีลูกด้วยกัน อย่างไรก็ตาม ชีวิตหลังแต่งงานไม่ราบรื่น หลังจากมีลูกด้วยกัน 2 คน ก็เริ่มระหองระแหง
“สังสัยว่าอาจไปสนิทสนมกับชาวต่างชาติบางคน เรื่องนี้ยอมรับว่าโกรธมากแต่ก็ไม่ถึงกับต้องฆ่ากัน... ส่วนตัวเชื่อว่าภรรยาคงเสียชีวิตไปแล้ว เพราะพบจดหมายลาตาย ส่วนงูที่เลี้ยงไว้ในบ้านหลายชนิดนั้นใหญ่ที่สุดมีเพียงงูหลาม ขนาด 4 เมตรเท่านั้น ส่วนที่มีข่าวว่าเป็นงูกินคนไม่เป็นความจริง ส่วนงูอนาคอนด้ามีอยู่ตัวเดียว ยาวไม่ถึงเมตร ที่เปิดเผยเพราะอยากให้ชาวบ้านได้รู้ความจริงบ้าง เนื่องจากเวลาออกไปข้างนอกมักถูกคนเหยียดหยามว่าเป็นโรคจิต”
สำหรับคดีนี้ หลังจากเป็นข่าวโด่งดังเมื่อปลายปี 2546 ไม่นานทุกอย่างก็เงียบลง กระทั่งเข้าเดือนกุมภาพันธ์ 2547 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กะทู้ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า จากการตรวจสอบหลักฐานที่เป็นคราบเลือดที่ถูกเก็บไว้ใต้เตียงนั้น นิติเวช รพ.ตำรวจ ได้ระบุว่า เลือดที่พบดังกล่าวนั้นเป็นเลือดคน แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นเลือดของ นางพิกุล ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คดีดังกล่าวไม่คืบหน้า และจางหายไปเงียบๆ
...
ส่วนงูที่พบในบ้านของสามีชาวเยอรมันของ นางพิกุล นั้น ทราบว่า ได้มีการขออนุญาตครอบครองทั้งสิ้น 27 รายการ ประกอบด้วย งูเหลือม 5 ตัว งูเหลือมทอง 6 ตัว งูหลามปากเป็ด 3 ตัว งูจงอาง 4 ตัว งูสิงหางดำ 2 ตัว งูทางมะพร้าว 2 ตัว งูแสงอาทิตย์ 2 ตัว ตะกวด 1 ตัว ตัวเงินตัวทอง 1 ตัว เป็นการยื่นขอเมื่อวันที่ 5 ก.ย. 46 แต่กรมป่าไม้ไม่ได้อนุญาต (ขณะนั้น)
กระทั่ง ต้นปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2560) ศาลจังหวัดภูเก็ต ได้ประกาศให้ นางพิกุล ศรีรักสูงเนิน เป็นบุคคลสาบสูญ หลังจากลูกชายได้ยื่นคำร้องต่อศาล ว่าแม่ของเขาได้หายออกจากบ้านไป และไม่พบว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ในตลอด 5 ปี