ตอนที่ 14
อัลบั้ม: 'อาเล็ก-จ๊ะ' ล้วงปัญหาครอบครัว ละครน้ำดี 'วัยแสบสาแหรกขาด'
คืนนี้โชกุนนอนเท้าคางดูรายการเล่านิทานจากทีวีจ้องจาเป๋ง เสียงเล่านิทานอย่างตื่นเต้นว่า...
“...และแล้วนางฟ้าใจดีก็ร่ายมนตร์ให้เจ้าหุ่นไม้มีชีวิตขึ้นมาจริงๆ หุ่นไม้ที่ฟื้นขึ้นมาเอ่ยว่า...ข้าขอให้เจ้าสัญญาว่าเจ้าจะไม่พูดโกหก หากเมื่อใดที่เจ้าพูดโกหกหนึ่งครั้งจมูกของเจ้าจะยาวววว...ขึ้นหนึ่งคืบ สองครั้งก็ยาวขึ้นสองคืบ”
ดูการเล่านิทานแล้ว คืนนี้โชกุนหลับฝันว่าพีรดาถามว่าทำการบ้านหรือยัง โชกุนตอบทันทีว่าทำแล้ว ทันใดจมูกของโชกุนก็ยาวขึ้น โชกุนมองตัวเองตกใจ ฝันอีกว่าภูทองถามว่าแปรงฟันหรือยัง โชกุนบอกว่าแปรงแล้ว จมูกก็ยาวขึ้นมาอีก โชกุนตกใจตะโกน “ไม่!!” จนตัวเองตกใจตื่น ลุกพรวดไปส่องกระจกในห้องน้ำ โล่งใจที่จมูกยังเหมือนเดิมทันใดนั้นดุจฤทัยถามเข้ามาว่า “โชครับ...แปรงฟันหรือยังลูก”
“แปรงแล้วครับแม่” โชกุนรีบคว้าแปรงสีฟันทันที แปรงไปก็ดูจมูกตัวเองไปหลอนๆ ที่บ้านยอดยุทธ...นักกายภาพบำบัดมาแนะนำการทำกายภาพบำบัดให้ยอดยุทธ ลูกหว้าขอทดลองทำให้พ่อ แต่ยกขาพ่อไม่ขึ้น หวายจึงมาทำแทน ลูกหว้าเปลี่ยนมาช่วยบริหารข้อนิ้วแทน เป็นสุขช่วยบีบนวดอีกข้างหวังว่าถ้านิ้วเคลื่อนไหวได้เผื่อจะสื่อสารได้บ้าง
“คงยังไม่ถึงกับจับปากกาได้นะคะ แต่ถ้าข้อมือแข็งขึ้นลองใช้แท็บเล็ตแล้วช่วยพยุงนิ้วให้จิ้มที่ตัวหนังสือแบบง่ายๆ น่าจะพอสื่อสารได้” นักภายภาพแนะนำ
“จริงด้วย งั้นหว้าบริหารนิ้วพ่อเยอะๆเลยวันนี้พ่อจะได้บอกว่าอยากกินอะไร”
ทุกคนยิ้มอย่างมีความหวัง หันมองยอดยุทธอย่างให้กำลังใจ ยอดยุทธน้ำตาไหลด้วยความสะเทือนใจในความรักและการทุ่มเทดูแลตนของทุกคน
ขณะเป็นสุขกับลูกหว้าไปส่งนักกายภาพ หวายนึกถึงกรที่บอกให้คุยให้พ่อฟัง หวายจึงเล่าการทำงาน การแก้ปัญหาในการทำงานและแนวโน้มที่ดีของไอ้แดงคนงานที่เลิกกินเหล้าและทำงานได้มากขึ้น ระหว่างหวายเล่าเขารู้สึกถึงแรงกระตุกที่ปลายนิ้วของพ่อ มุมปากกระตุกเหมือนกำลังจะยิ้ม...แต่มีน้ำตาคลอ...
หวายดีใจจนจุกที่พ่อมีการเคลื่อนไหวและแปลกใจที่พ่อน้ำตาซึม...
ooooooo
นวลสราญพาตังเมไปบ้านยายวันก่อน ยายชวนมาอยู่ที่บ้านสวนด้วยกันเพราะบ้านใหญ่โตและนวลสราญก็ไม่ได้อยู่กับชัยภูมิแล้ว
กลับมานวลสราญจึงเตรียมย้ายไปอยู่กับแม่ ชัยภูมิมาเจอ เตือนว่าคิดใหม่อีกทีดีกว่า แล้วตังเมล่ะ ตังเมก็ลูกตนเหมือนกัน นวลสราญตอบอย่างเข้มแข็งว่า ตนมีงานทำและบ้านสวนก็เป็นชื่อตน ตนมีทั้งบ้านและรายได้ที่จะเลี้ยงดูลูกได้
ชัยภูมิพูดไม่ออกได้แต่ยืนมองแม่ลูกเก็บของกัน ตังเมแอบมองพ่อแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ดอยแสนฟ้า...อีกที่หนึ่งที่ห่างไกล ฉัตร พีรดา และมินนี่ก็กำลังจะผ่านการทดสอบขั้นสุดท้ายแล้ว...
วันนี้ปาล์มให้สามพ่อแม่ลูกมัดแพเพื่อข้ามลำธารไปอีกฟาก ถ้าข้ามได้ถือว่าสำเร็จ ทีแรกพีรดาก็ไม่แน่ใจแต่ฉัตรปลุกเร้าให้กำลังใจและมินนี่ก็สู้ ทั้งสามจึงเอามือประสานกันตะโกน “สู้!!” แล้วก็ช่วยกันมัดแพเอาจริงเอาจังจนสำเร็จ
แต่ช่วยกันถ่อไปถึงกลางลำธารก็ถูกน้ำซัดแพพัง ฉัตรต้องกระโดดลงน้ำที่ลึกแค่เอวจูงพีรดาและมินนี่ลุยน้ำข้ามไปจนถึงฝั่ง
นับแต่ร่วมแรงร่วมใจกันต่อแพจนแพแตกต้องจูงกันข้ามน้ำ เป็นภาพสวยงามที่ปาล์มถ่ายรูปไว้ทุกระยะ
แม้แพจะแตก แต่ทั้งสามก็ผ่านการฝึก ปาล์มชมว่า “แพแตก แต่พวกคุณไม่แตก จับมือกันถึงฝั่งจนได้ ถือว่าภารกิจสำเร็จ ทั้งสามคนผ่านการทดสอบค่ะ!”
“เย้!!!” สามพ่อแม่ลูกกระโดดร้องพร้อมกันด้วยความดีใจ
ทรายดูจากแท็บเล็ตดีใจด้วยอย่างมาก พิมพ์ข้อความตอบปาล์มว่า “ภารกิจเสร็จสิ้น แกกลับมาได้เลย ฉันจะรอรับที่โรงเรียน” ทันใดนั้นโทรศัพท์ของทรายดังขึ้น ทรายกดรับถามอย่างตื่นเต้น “จริงเหรอคะ ได้ค่ะได้ จะรีบไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
ทรายได้รับข่าวดีว่าดอกแคอยากพบตนกับกร เมื่อทั้งสองไปพบ ดอกแคบอกว่าตนตัดสินใจตะคุยกับน้องปิ๊กปิ๊กแล้ว ทรายขอบคุณด้วยความดีใจ
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ ที่จริงทั้งชีวิตดอกแคก็มีแต่น้องปิ๊กปิ๊ก ดอกแคเลี้ยงปิ๊กปิ๊กตั้งแต่ยังไม่ตั้งไข่เลย ดอกแคไม่มีลูกไม่รู้หรอกว่าพ่อแม่รักลูกมันเป็นแบบไหน แต่เรากินด้วยกันนอนด้วยกันมาทุกวัน ดอกแคก็รักของดอกแคนะคะ ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในนี้ก็คิดถึงน้องปิ๊กปิ๊กทุกวัน ถ้าวันนี้ดอกแคทำอะไรเพื่อน้องปิ๊กปิ๊กได้บ้างดอกแคก็จะทำ”
ทรายให้กำลังใจว่าดอกแคทำได้เพราะดอกแคเป็นที่ยึดเหนี่ยวของปิ๊กปิ๊ก กรก็บอกว่าดอกแคคนเดียวเท่านั้นที่จะปลดล็อกให้ปิ๊กปิ๊กได้ ให้น้องได้มีชีวิตต่อไปตามทางที่ถูกต้อง กรมองหน้าดอกแคถามว่า “พร้อมนะ??”
เมื่อดอกแคพร้อม กรจึงให้ทรายพาปิ๊กปิ๊กเข้าไปหาดอกแค พอเห็นหน้าปิ๊กปิ๊ก ดอกแคก็เริ่มร้องไห้ เมื่อปิ๊กปิ๊กจะจับลูกกรงก็รีบบอกว่าอย่าจับมันสกปรก
ดอกแคยอมรับสภาพที่ต้องอยู่ในคุกกับปิ๊กปิ๊กว่าเพราะตนทำผิดขี้ขโมย ขอโทษปิ๊กปิ๊กที่ตนเคยสอนให้ขโมย ขอให้เลิกเสียอย่าเลียนแบบตน ปิ๊กปิ๊กบอกว่าตนไม่ขโมยแล้ว ขอร้องทรายว่าให้พี่ดอกแคออกไปได้ไหมเพราะอยู่หลายวันแล้ว
“ไม่ได้หรอกค่ะ พี่ดอกแคต้องชดใช้ความผิดก่อน พี่ดอกแคอยู่ได้น้องปิ๊กปิ๊กก็ต้องอยู่ข้างนอกให้ได้นะคะ จำไว้นะคะพี่ดอกแครักน้องปิ๊กปิ๊กมากแค่ไหน แต่คุณพ่อคุณแม่รักน้องปิ๊กปิ๊กมากกว่าพี่ดอกแคหลายเท่าเลย”
ดอกแคพูดให้ปิ๊กปิ๊กรู้ถึงความรักของพ่อแม่ ให้เชื่อฟังพ่อแม่ แล้วขอคุยกับคุณผู้ชายคุณผู้หญิง เมื่อจักรินทร์กับตรีทิพย์เข้ามา ดอกแคไหว้ขอโทษ บอกว่าตนมีเรื่องสำคัญจะบอก ทั้งสองสงสัยว่าเรื่องอะไร
ดอกแคบอกอาหารที่ปิ๊กปิ๊กชอบอย่างละเอียด บอกแก้วน้ำสีชมพูที่น้องชอบ ถ้าใส่นมให้ดื่มแล้วน้องจะดื่มจนหมด บอกว่าน้องชอบเล่นตุ๊กตาหมีที่เป็นชุดพ่อแม่ลูกเล่าว่า
“แต่ก่อนดอกแคต้องถือทั้งสองตัว คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายถือกันคนละตัวน้องคงมีความสุขมากๆเลยค่ะ...
ที่เหลือ ถ้านึกได้ ดอกแคจะจดไว้ให้นะคะ น้องปิ๊กปิ๊กเป็นเด็กน่ารักมาก คุณสองคนไม่ค่อยมีเวลาให้ ลองหาเวลาอยู่กับน้องนะคะ คุณสองคนจะมีความสุข น้องก็มีความสุขเช่นกันค่ะ”
จักรินร์กับตรีทิพย์ยิ้มดีใจมีความหวัง ดอกแคยิ้มอย่างสบายใจที่ได้บอกเล่าเรื่องปิ๊กปิ๊กให้ทั้งสองฟังเพื่อน้องและคุณพ่อคุณแม่จะได้อยู่กันอย่างมีความสุข
ooooooo
เมื่อผ่านการฝึกที่ดอยแสนฟ้าแล้ว ครอบครัวมินนี่ก็เดินทางกลับ ปาล์มมาส่งที่รถบอกว่าทรายรออยู่ที่โรงเรียนแล้ว ป้าแมวกระหืดกระหอบมาบอกว่าแฟนละครของพีรดามาขอถ่ายรูปด้วย พีรดาจึงรีบลงไป
มินนี่ยืนรอพีรดาอยู่กับฉัตรที่ข้างรถ มินนี่ถามพ่อว่ารู้ไหมว่าทำไมตนจึงยอมมาที่นี่ เพราะครูทรายท้าตนให้มาพิสูจน์ว่าพ่อจะเป็นพ่อได้ไหม เพราะตนเคยเห็นพ่อในแนวหวานๆ แต่พอเอาเข้าจริงพ่อดูแลตนกับแม่ได้แมนมาก มินนี่ขอบคุณพ่อบอกว่าตนภูมิใจที่มีพ่อแบบพ่อ
ฉัตรซึ้งจนพูดไม่ออก ได้แต่บอก “ขอบใจมากลูก... ขอบใจมาก” แล้วกอดมินนี่ไว้น้ำตาคลอ
พอมาพบทรายที่ห้องให้คำปรึกษาที่โรงเรียน ทรายยื่นมือถือของมินนี่คืนให้บอกว่าอยากดูอะไรก็เช็กได้ตามสบาย มินนี่เปิดเช็กข่าวในทวิตเตอร์ ในไอจีด้วยท่าทีสงบ ท่ามกลางสายตามองลุ้นของฉัตรและพีรดา
มินนี่อ่านคอมเมนต์ในทวิตเตอร์ในไอจีที่ล้วนแต่แรงๆ ทั้งหาว่ากินยาตายประชดรักบ้าง คงเป็นโปรไฟล์ไว้เสนอขาย ถามว่าฮาวมัชบ้าง มินนี่อ่านแล้วเม้มปากมือสั่น ทั้งพีรดาและฉัตรมองอย่างเป็นห่วงทรายถามมินนี่ว่ารู้สึกอย่างไร รู้ทันใจตัวเอง ใช่ไหมว่ากำลังโกรธอยู่ แล้วอยากทำอะไรบ้าง
“ไม่ทำค่ะ ไม่รู้จะทำไปทำไม” ทรายบอกว่าแค่เรารู้ว่าเรากำลังโกรธ แล้วอยู่กับมันได้ แค่นี้ก็ดีมากแล้ว มินนี่ถามว่า “ครูคะ ทำไมคนพวกนี้ถึงได้ชอบคิดเองเออเอง โกรธเกลียดเราทั้งๆที่เขาไม่รู้จักเราด้วยล่ะคะ ข่าวนี่ก็ เหมือนกันไม่เห็นจะจริงเลย มินนี่ไม่ได้คิดอย่างนั้นซะหน่อย มินนี่จะต้องพูดกับเขายังไงคะ เขาถึงจะเข้าใจ”
“พูดความจริงค่ะ จริงใจกับความรู้สึกของตัวเอง คนที่คอมเมนต์ก็ทำไปตามอารมณ์ของเขา แค่เรารู้ว่าตัวเราเป็นยังไงเท่านั้นก็พอ”
มินนี่พยักหน้าหยิบโทรศัพท์มาอ่านความเห็นต่างๆอย่างมีสติว่า จะต้องเข้าใจและอยู่กับเรื่องเหล่านี้ให้ได้ อ่านแล้วมินนี่เดินมาหาทรายเสนอว่า “ครูน่าจะส่งไอซ์ซิ่งไปขึ้นดอยมั่งนะคะ”
ooooooo
ด้วยความพยายามทำงานของกรและครูน้อย ครูที่ลาออกค่อยๆเข้าใจและมองเห็นความตั้งใจในการทำงานของกรก็กลับมาสนับสนุนการทำงานของเขา ครูน้อยถามกรว่า ท่านรองได้พลังแบบนี้มาจากไหน?
กรไม่ตอบ แต่คิดถึงความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหาเด็กของทราย บอกตัวเองว่า...เธอคือคำตอบ
คืนนี้มีมินิคอนเสิร์ตที่ผับร่ำสุรา ทรายซื้อตั๋วให้พ่อกับแม่แต่ท่านไม่ไปบอกว่าสามทุ่มก็ง่วงแล้วไปก็เป็นภาระเปล่าๆ งานนี้ทั้งทรายและกรต่างแต่งตัวดีเป็นพิเศษจนถูกพ่อแม่ของตัวเองแซวว่าแต่งตัวเหมือนจะไปออกเดตในงาน ทั้งสองเห็นความรักของครอบครัวภูทอง โชกุนเห็นพ่อกับแม่รักกันดีก็มีความสุข
กรกับทรายได้ฟังเพลงหวานๆซึ้งๆ เมื่อคุยและมองกันก็แอบมีความหวั่นไหวในแววตา แต่จู่ๆหนูจีก็เข้ามา ซ้ำขอตัวทรายไปคุยส่วนตัวอีกต่างหาก กรมองแปลกๆ อดระแวงไม่ได้
หนูจีเรียกทรายไปสารภาพว่าตนชอบเธอและขอเป็นแฟน ทรายอึ้ง ช็อก พอดีโชกุนมาบอกทรายบอกว่าแท็กซี่มาแล้ว ทรายได้จังหวะรีบลาเพราะมีธุระต้องกลับบ้าน
กรสับสนจนหมดสนุก สมภพดูออกถามว่าระหว่างเขากับทรายไม่ใช่แค่ลูกน้องกับเจ้านายใช่ไหม ที่แม่เขากลัวเป็นจริงใช่ไหม กรบอกพ่อว่า ถึงจะจริงแต่มันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว ทรายอาจจะไม่ได้ชอบผู้ชาย สมภพติงว่าคิดเองหรือเปล่า
“ผมยังไม่แน่ใจ ตอนนี้สังคมเรามีความหลากหลายทางเพศสูงนะครับพ่อ”
“โอย...โลกนี้อยู่ยากขึ้นทุกวัน” สมภพส่ายหน้า ก้าวขึ้นรถกรไปอย่างสับสนอีกคน
ooooooo
เมื่อมินนี่กลับมา คุณออยที่กำลังประชุมทีมงานละครถามผู้กำกับว่ามินนี่จะกลับมาถ่ายละครต่อได้หรือยัง ลองให้ตาต้าเช็กดู หันบอกทีมงานว่าส่งบทร่างใหม่ให้มินนี่ดูด้วย ไหนๆก็มีกระแสแล้วเลยปรับให้แรงขึ้นเล่นกับกระแสสักหน่อย
ผู้กำกับบอกว่าตนอ่านแล้วยังชอบเลย สนองจิ้นเอาให้ฟินกันทั้งประเทศเลย อยากรีบกำกับ แรงๆอย่างนี้ชอบ! คุณออยบอกผู้กำกับว่าแต่แรงแบบละครกระแสหลักตบตีผัวเมียไม่เอานะ เก่า!
“เออ...เอาแบบเนี้ย คลีนๆใหม่ๆไม่เน่า”
“ไม่เน่าแต่ฟอนเฟะ! กูไม่เห็นมันจะต่างกันที่ตรงไหนเลย” ทีมงานหันไปกระซิบกระซาบกับเพื่อนแล้วแอบขำกัน
เมื่อมินนี่ได้อ่านบทละครที่แก้ใหม่ เธอบอกพีรดาว่าในบทมีฉากบนเตียงเยอะมาก ตอนท้ายก็ต้องทำแท้งด้วย พีรดาตกใจเอาบทไปอ่าน บอกว่าตอนที่ตกลงกันไม่ใช่เป็นแบบนี้ มีบทจูบกัน ฉากได้เสียกันบนรถด้วยเยอะไปแล้ว บอกมินนี่ว่าพรุ่งนี้แม่ต้องไปคุยกับคุณออยให้รู้เรื่อง
“แล้วมันมีบทสรุปอะไรที่ดีไหมล่ะลูก เขาต้องการจะสอนหรือบอกอะไรกับสังคมไหม” ฉัตรติง มินนี่บอกว่าตนอ่านในมุมของเด็กไม่เห็นว่าจะได้อะไร เรื่องแบบนี้ตนเคยอ่านในเน็ต เขาบอกว่านิยายเรื่อง “กว่าจะรู้เดียงสา” เขียนมาตั้งนานแล้วตรงๆ ไม่มีอะไรใหม่ ฉัตรถามว่า “แล้วลูกยังอยากเล่นอยู่ไหม”
รุ่งขึ้น พีรดา ฉัตรและมินนี่ไปคุยกับคุณออยที่บริษัทละครเวอร์จิ้น ขอโทษที่บทละครแรงเกินกว่าที่ลูกตนจะเล่นได้จริง คุณออยแค่นหัวเราะบอกว่าตนทำละครสะท้อนสังคม และที่ทำไปก็เป็นความจริงทั้งนั้น ฉัตรพูดแทรกขึ้นว่า
“ทำละครเด็กมัธยมกอดจูบนัวเนียได้เสียกันจนถึงขั้นทำแท้งเนี่ยนะครับละครสะท้อนสังคม ผมเห็นสะท้อนกันแบบนี้มาหลายปีแล้ว ไม่เห็นสังคมจะมีอะไรดีขึ้น ถ้าอยากช่วยสังคมจริงๆ ผมแนะให้ว่าคุณออยลองทำละครชี้นำสังคมในทิศทางที่ดีขึ้น น่าจะดีกว่านะครับ ไม่ใช่สักแต่ว่าจะสะท้อนช้อนเรตติ้ง!”
ถูกฉัตรตอบโต้อย่างแหลมคม คุณออยก็เหวี่ยงใส่ถามว่าสรุปคือจะไม่เล่นใช่ไหม ผิดสัญญาตนต้องเรียกค่าเสียหาย ฉัตรให้คำนวณมาถ้าสมเหตุสมผลตนก็ยินดีรับผิดชอบจะจ่ายให้ทุกบาททุกสตางค์ แล้วชวนพีรดากับมินนี่กลับ
คุณออยเหวี่ยงต่อ หาว่าที่มินนี่ไม่อยากเล่นเพราะไม่อยากเจอเคน ไม่รู้จักแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงาน โทษว่าพ่อแม่ให้ท้ายลูกแบบนี้ถึงได้ใจแตก!!! ฉัตรหันมาตอบโต้อย่างสุภาพว่า
“ผมแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันอย่างชัดเจน เรื่องเด็กคนนั้นกับภาพหลุดยังไม่จบ ใครทำผิดต้องถูกดำเนินคดี บางทีละครเรื่องนี้อาจจะไม่มีทั้งนางเอกและพระเอกก็ได้นะครับ”
ฉัตรโอบไหล่มินนี่พาเดินออกไป พีรดาเชิดใส่เดินตามไปอย่างไม่สนใจคุณออยที่กำลังสติแตก แต่พอเดินออกมาหน้าบริษัทก็ชะงักเมื่อเจอกองทัพนักข่าวรออยู่ ฉัตรถามว่ามินนี่ไหวไหม ถ้าไม่ไหวพ่อจะเอารถไปรับทางด้านหลัง มินนี่บอกว่าตนรับมือได้ ฉัตรและพีรดาดีใจที่มินนี่มีสติและเข้มแข็ง ฉัตรโอบไหล่มินนี่ พีรดาจูงมือมินนี่กระชับมั่นอย่างพร้อมจะเผชิญหน้านักข่าวไปด้วยกัน
เมื่อถูกนักข่าวกรูกันเข้ามา มินนี่นึกถึงคำเตือนของทรายว่าให้พูดความจริงและรู้ว่าเราเป็นยังไงก็พอ เธอตอบนักข่าวอย่างมีสติเยือกเย็น แล้วฉัตรก็มารับหน้านักข่าวให้พีรดาพามินนี่ฉากหลบไป ฉัตรบอกบรรดานักข่าวว่ามินนี่ถอนตัวจากละครเรื่องนี้แล้ว เลยกลายเป็นกระแสสะพัดไปทั่วสังคม ใบพลูโทร.คุยกับอีฟ สงสัยว่าเป็นไปได้ยังไง อีฟบอกว่าเชื่อได้เพราะประกาศออกสื่อชัดเสียขนาดนั้น
“จริงเหรอวะ แต่ใครก็รู้ว่านางอยากดังจะตาย ไหนส่งลิงค์ข่าวมาซิ ขอดูให้เห็นกะตา ไม่งั้นไม่เชื่อ” ไอซ์ซิ่งบอกเพื่อน พอเปิดคลิปดูก็ถามอย่างประหลาดใจว่า “แกว่ามันแปลกไปไหม ทำไมมันไม่กรี๊ดวะ?”
กรกับทรายกำลังดูคลิปกันในห้องให้คำปรึกษา กรชมว่ามินนี่นิ่งขึ้นเยอะ รับมือกับนักข่าวได้ดี ทรายเห็นด้วยบอกว่าการตัดสินใจไม่เล่นละครน่าจะดีกับตัวมินนี่เอง
“ส่วนเรื่องคดีความเจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมหลักฐาน ผมว่างานนี้ไม่ยาก”
ขณะนั้นเองครูน้อยมาเคาะประตูถามว่าท่านรองพร้อมไหม ทรายถามว่ามีอะไรกันหรือ
“ไปด้วยกันสิ แล้วผมจะเล่าให้ฟัง”
กรเดินตามครูน้อยไป ทรายเดินตามไปงงๆ
ooooooo
ทรายตามไปดูจึงรู้ว่าครูน้อยกับกรกำลังช่วยกันทำ presentation สั้นๆเกี่ยวกับโรงเรียนเปี่ยมคุณส่งให้ครูทุกคนได้ดู กรบอกว่าคลิปนี้จะกระตุ้นทุกคนด้วยสปิริตของความเป็นครูมุ่งหวังให้เด็กเติบโตไปในทิศทางที่ดี
กรเปิดคลิปให้ทรายดูบอกว่าให้ลองดูแล้วจะรู้สึกเหมือนที่ตนบอกไหม เมื่อคลิปถูกแพร่ออกไป บรรดาครูต่างดูกันจากอุปกรณ์ต่างๆที่ใกล้ตัวหรือที่มี คลิปเผยแพร่เรื่องราวดี ๆของโรงเรียน เผยแพร่เด็กที่จบจากโรงเรียนแล้วไปเรียนต่อจนได้ปริญญา ปิดท้ายด้วยภาพกรพูดกับกล้องว่า
“ทุกคนรักโรงเรียน ผมก็รักโรงเรียนไม่น้อยไปกว่าทุกคน ไม่ว่าอุปสรรคอะไรผมจะต้องพาทุกคนผ่านพ้นมันไปให้ได้ เพื่อเด็กๆของเราจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในอนาคต กลับมาทำให้เปี่ยมคุณเป็นโรงเรียนที่เปี่ยมด้วยความรักและความสุขไปด้วยกันนะครับ”
อำนาจดูคลิปนี้ในห้องทำงาน โมโหจนพับแท็บเล็ตอย่างแรงแล้วรีบลุกไปจากห้อง เจอกรที่ทางเดินก็พูดปรามาสว่าสิ่งที่เขาทำอยู่มันไม่ได้ผล ความคิดแบบเด็กๆ ของเขาไม่มีวันเข้าถึงหัวใจของงานบริหาร กรโต้ว่า ถึงตนจะอายุน้อยแต่ความสามารถของตนไม่ได้เด็กอย่างที่เขาคิด
“ไม่ว่าคุณจะทำอะไรมันก็ไม่เอาชนะผมไปได้”
“งั้นเราก็ต้องลองดูนะครับ ระหว่างที่ผมทำเพื่อโรงเรียน เพื่อเด็กๆทุกคน แล้วคุณล่ะ ทำเพื่อใคร!!!”
อำนาจโดนกรด่าแล้วเดินไปอย่างไม่สนใจ ยิ่งโกรธ
ooooooo
ทรายเจอตังเมที่โรงเรียนถามว่าจะย้ายไปอยู่บ้านยายแล้วตื่นเต้นไหม ตังเมบอกว่าตื่นเต้น อยากย้ายไปเร็วๆ
ทรายพูดถึงวันที่พบตังเมครั้งแรกและเห็นแผลเป็นที่แขนตังเม ตังเมยอมรับว่าตอนนั้นตนเจ็บปวด อึดอัดมาก เกลียดพ่อเกลียดทุกคนที่บ้านใหญ่ เจ็บแทนแม่ เจ็บที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้ เลยต้องทำร้ายตัวเอง แต่พอออกจากบ้านนั้น ไม่ได้ยินคำพูดดูถูกก็ไม่รู้สึกอะไร มันว่างๆ เฉยๆ ไม่ได้เกลียดพวกเขาเท่าตอนนั้นแล้ว
ตังเมรู้สึกดีกับพ่อขึ้นเมื่อทรายบอกว่าพ่อของตังเมเป็นคนเดินมาบอกครูเองว่าให้ช่วยตังเม พ่อเขาเป็นห่วงตังเมมาก
“การแสดงออกของพ่อแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน แต่ครูบอกได้ว่าคุณพ่อรักตังเมไม่น้อยกว่าพ่อคนอื่นๆ”
ในวันย้ายออกจากบ้าน ชัยภูมิมาทักท้วงให้นวล-สราญคิดอีกที แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนใจเธอได้ จึงเดินตามออกมาดูรถขนของที่ขับออกไปอย่างใจหาย ตังเมเหลียวมาเห็นพ่อก็บอกให้รถหยุดแล้ววิ่งเอารูปที่ตนวาดไว้ไปให้พ่อ พอตังเมวิ่งกลับไปขึ้นรถ ชัยภูมิคลี่ออกดู เขาสะอึกอึ้ง เมื่อเห็นเป็นภาพตัวเองที่ตังเมบรรจงวาดไว้อย่างสวยงามพร้อมข้อความกินใจว่า
“เมไม่ทำร้ายตัวเองแล้วนะคะ...เมจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุดค่ะ...รักพ่อนะคะ...เมษา”
ชัยภูมิร้องไห้ตื้นตันใจ เมื่อรับรู้ว่าอย่างน้อย ตังเมก็ยังรักตน...
ooooooo
วันนี้กรมาหาหวายถามเรื่องลาออกจากโรงเรียน หลังจากคุยกัน กรบอกให้หวายคิดให้ดีแต่อย่านาน หวายไหว้ขอบคุณ
ยอดยุทธได้รับการดูแลอย่างดีจนสามารถขยับนิ้วได้บ้าง ลูกๆเอาแท็บเล็ตมาให้จิ้มบอกความต้องการ ยอดยุทธจิ้มคำว่า “เรียน” และ “ลิ้นชัก” หวายไปเปิดลิ้นชักดูเห็นหูฟังของตนที่ยอดยุทธเคยทำพังและซ่อมให้แล้ว หวายหยิบดูอย่างตื้นตันจนร้องไห้เมื่อรู้ว่าพ่อก็ยังแอบรักและเป็นห่วงตนอยู่เสมอ หวายโผเข้ากอดพ่อร้องไห้อย่างที่ใจอยากร้อง...
ความรักลูกและทำทุกอย่างเพื่อลูก ทำให้ดุจฤทัยกับภูทองหันมาร่วมกันทำเพื่อลูก ทำให้เข้าใจและช่วยเหลือกันจนสามารถจัดมินิคอนเสิร์ตหาเงินใช้หนี้ได้ ภูทองชวนดุจฤทัยว่าเย็นนี้เราไปฉลองกันดีไหม พอตะโกนถามโชกุน เสียงตอบมาแจ่มใสว่า “ดีคร้าบบบบ โชจัดไป!!” แล้วกระโดดโลดเต้นอย่างร่าเริง ภูทองมองดุจฤทัยยิ้มให้อย่างขอบคุณ มีความสุข
ตรีทิพย์กับจักรินทร์พาปิ๊กปิ๊กไปกินอาหารกัน ทั้งสองจำที่ดอกแคบอกได้ขึ้นใจว่าปิ๊กปิ๊กชอบอะไรและไม่ชอบอะไรจึงดูแลได้อย่างถูกใจ จนปิ๊กปิ๊กบอกว่า
“คุณพ่อคุณแม่ทำเหมือนที่พี่ดอกแคทำเลย ดีจังแบบนี้ก็ไม่ต้องมีพี่ดอกแคแล้ว มีคุณพ่อกับคุณแม่ก็ได้”
ทั้งตรีทิพย์และจักรินทร์ปลื้มสุดๆ แต่ไม่กล้าแสดงออกให้ลูกเห็นแอบสะกิดกัน มองดูปิ๊กปิ๊กที่ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข มีเหตุร้ายเกิดกับครอบครัวภูทอง เมื่อกินอาหารแล้ว ขณะขับรถกลับ ถูกโจรดักปล้น ทำร้ายดุจฤทัยที่จะมาหยิบโทรศัพท์จนหมดสติ แทงภูทองบาดเจ็บสาหัสแล้วกวาดทรัพย์สินหนีไป
ภูทองในสภาพบาดเจ็บสาหัส ถามโชกุนว่าจำทางกลับบ้านได้ไหม ให้กลับไปโทรศัพท์ให้คนมาช่วย โชกุนรีบกลับไปที่ผับร่ำสุรา เจอนักเลงทวงหนี้ที่คราวก่อนโชกุนหลอกว่าพ่อตายมาทวงหนี้พอดี โชกุนร้องไห้บอกให้ช่วยพ่อด้วย แต่นักเลงทวงหนี้คิดว่าโชกุนโกหกอีก กลับไปพร้อมกับปรามว่าไปบอกพ่อด้วยว่าถ้าไม่มีเงินก็อย่านัดมาให้เสียเวลา
เมื่อนักเลงทวงหนี้ไปแล้ว โชกุนเดินไปที่โทรศัพท์เห็นรายชื่อและเบอร์โทร.ที่ภูทองจดไว้ ไล่ไปจนเจอชื่อครูทราย โชกุนรีบโทร.หาทรายซึ่งอยู่กับกร พอทรายรู้เรื่องก็บอกให้กรไปรับภูทองและดุจฤทัยส่งโรงพยาบาล ตนจะไปรับโชกุนที่ร้าน
เมื่อรับโชกุนไปถึงโรงพยาบาล ทรายบอกโชกุนว่าพ่อกับแม่ปลอดภัยแล้ว หมอบอกว่ามาช้าอีกนิดเดียวคุณพ่ออาจมีอันตรายมากกว่านี้
“ฮือๆ โชบอกพี่ๆนักเลงแล้ว เขาไม่เชื่อ หาว่าโชโกหก”
“นี่ไงคะที่ครูเคยบอก เราเคยโกหกคนอื่นเอาไว้ พอวันนึงเราพูดความจริงเขาก็จะไม่เชื่อคำพูดของเรา เมื่อก่อนโชโกหกเพราะกลัวคุณแม่ดุ แต่ตอนนี้คุณแม่ไม่ดุแล้ว ครูว่าโชพูดความจริงได้แล้วครับ”
“แล้วถ้าโชพูดความจริงแล้วพ่อแม่ไม่ชอบล่ะครับ โชกลัวพ่อแม่ไม่รัก”
“ไม่ว่าโชจะทำผิดเล็กใหญ่แค่ไหน พ่อกับแม่ก็ยังรักและให้อภัยเสมอ โชจะต้องกำจัดความกลัวในตัวโชออกไปให้ได้ โอเคไหมครับ”
“โอเคครับ” โชกุนตอบอย่างมีกำลังใจ ทรายกอดปลอบโชกุนที่ยังสะอื้นอยู่
ตรีทิพย์ไปประกันตัวดอกแคตอบแทนที่ช่วยเลี้ยงดูปิ๊กปิ๊กมาแต่เกิด บอกว่าปิ๊กปิ๊กรักดอกแคมากจึงอยากช่วยคนที่ลูกรัก พร้อมกับให้เงินจำนวนหนึ่งไว้ใช้ในช่วงที่ยังหางานทำไม่ได้
ส่วนเคนและเจลก็ถูกตำรวจไปจับถึงสตูดิโอขณะกำลังถ่ายภาพหวิวด้วยกัน พอเผชิญปัญหาร้ายแรงเคนกับเจลต่างก็โทษกันว่าอีกฝ่ายเป็นคนทำ แต่ในที่สุดเคนก็จำนนเมื่อกรเอาหลักฐานที่เคนหว่านล้อมให้มินนี่ยอมถ่ายภาพโป๊ของตน
ฉัตรขอบคุณกรที่เป็นธุระเรื่องนี้ให้ กรบอกว่า มินนี่เป็นนักเรียนของโรงเรียนตน การดูแลเด็กไม่ใช่แค่หน้าที่ของพ่อแม่ โรงเรียนก็ต้องมีส่วนช่วยด้วย ฉัตรมองกรด้วยความชื่นชมมาก ส่วนมินนี่ก็ลบรูปของตนทิ้งทั้งหมด ฉัตรถามว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง มินนี่บอกว่าเสียใจที่ไม่น่าทำอะไรโง่ๆ รูปพวกนั้นคงอยู่ในโลกออนไลน์ไปตลอดชีวิต และถ้าเกิดตนตายไปจริงๆ เคนก็คงไม่ได้เสียใจอะไร แต่คนที่เสียใจคือพ่อกับแม่
“มันผ่านไปแล้วลูก สิ่งที่พลาดไปก็เก็บมันไว้เป็นบทเรียน ตอนนี้เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะลูก” ฉัตรให้กำลังใจ
ที่น่ายินดีอย่างที่สุดคือวันนี้หวายไปหากรที่โรงเรียน บอกว่า “ครูครับ ผมจะกลับมาเรียนครับ”
“ต้องแบบนี้สิ” กรตบบ่าหวายแรงๆด้วยความดีใจและให้กำลังใจ
ooooooo










