ตอนที่ 11
อัลบั้ม: 'อาเล็ก-จ๊ะ' ล้วงปัญหาครอบครัว ละครน้ำดี 'วัยแสบสาแหรกขาด'
เมื่อดอกแคไม่อยู่แล้ว ตรีทิพย์บอกว่าตนจะบอกกับปิ๊กปิ๊กเองไม่ต้องกังวล กรจึงฝากให้พ่อแม่
ดูแลกปิ๊กปิ๊กแทนดอกแคด้วย ยิ่งดูแลใกล้ชิดมากเท่าไหร่ยิ่งดี จักรินทร์ถามว่าทำไมหรือ
“เพื่อให้ความรักของพ่อแม่ทดแทนความรักที่ดอกแคเคยให้ปิ๊กปิ๊กครับ น้องคงรักดอกแคเหมือนแม่คนหนึ่ง แล้วอยู่ๆดอกแคก็มาหายไป”
“ขนาดผู้ใหญ่อย่างเราถ้าอยู่ๆคนรักหายไปยังเจ็บมากเลยค่ะ แล้วเด็กอย่างน้องล่ะคะ จะเจ็บแค่ไหน ดิฉันเป็นห่วงน้องจะเป็นยังไงถ้ารู้ว่าดอกแคไม่อยู่แล้ว”
ทั้งกรและทรายต่างเป็นห่วง แต่ตรีทิพย์ก็ยังรู้สึกว่าตนจัดการได้
ส่วนฉัตรพยายามใกล้ชิดมินนี่ ไปร้านเสื้อผ้าหรูก็แนะนำชุดให้บอกว่าคลาสสิกดี มินนี่เบ้หน้าบอกพ่อว่าคลาสสิกเท่ากับแก่ แล้วเดินหนีไปดูเสื้อผ้าวัยรุ่นพลางกดมือถือไลน์บ่นกับเคนว่า “พี่เคนอยู่ไหนคะ มินนี่เบื่อมากกกกก”
เป็นเวลาที่เคนหนุนตักเจลนอนเล่นที่โซฟาในคอนโด เคนหยิบโทรศัพท์ดูไลน์แล้วคว่ำลงไม่ให้เจลเห็น เจลถามว่าใครไลน์มา เคนบอกว่าเพื่อนไม่มีอะไรแล้วลุกบอกว่าจะไปห้องน้ำ ถูกเจลขู่ว่า ของของตนจะไม่ให้ใครใช้ร่วมและจะอัพรูปคู่ของเราขึ้นไอจีเอาให้แฟนคลับอกแตกหายหน้าไปให้หมด เคนกลัวจึงต้องยอมให้ดูไลน์ เจลเจอไลน์ที่เคนส่งให้มินนี่ว่า
“ขอบคุณนะคะของขวัญมินน่ารักจัง อยากแกะโบออกเลยอ่ะ”
เป็นเรื่องทันที! เจลถามว่าของขวัญอะไร โบอะไร เจลกดออกจากไลน์ดูโฟลเดอร์อัลบั้มรูปในมือถือ ค้นหารูปของขวัญ เจลหึงและโกรธสุดขีดเมื่อเจอรูปมินนี่โป๊ คำรามแค้น “อีมินนี่...” แล้วคิดทำอะไรบางอย่างที่ร้ายกาจมาก
ooooooo
เมื่อแน่ใจว่าปัญหาของตังเมอยู่ที่นวลสราญ ทรายจึงคุยจนนวลสราญยอมเปิดเผยถึงปัญหาของตนกับเสี่ยว่า
“เรื่องระหว่างฉันกับเสี่ย มันเกิดขึ้นด้วยความไม่เต็มใจค่ะ ฉันเรียนจบมาทำงานเป็นเลขา ทำได้ไม่นาน เสี่ยก็เริ่มพาฉันไปประชุมงานนอกสถานที่ แล้ววันนึง...เสี่ยก็พาฉันเข้าโรงแรม...ฉัน...ฉันไม่คิดเลยว่าเสี่ยจะทำแบบนี้...”
เล่าแล้วนวลสราญร้องไห้โฮ ทรายนิ่งเงียบ รับฟังอย่างตั้งใจ
ส่วนตังเมที่ทรายให้กรพาออกไปนอกห้องขณะตนคุยกับนวลสราญนั้น กรปล่อยให้ตังเมวาดรูปเล่น ตังเมวาดรูปเด็กนั่งที่พื้นและผู้ใหญ่เอื้อมมือมาหา ดูดิบๆ แต่เท่ เมื่อทรายคุยกับนวลสราญเสร็จเดินมาหา กรถามว่าเป็นยังไง หนักเลยสิ ทรายพยักหน้าบอกว่ารู้สาเหตุที่ทำให้คุณนวลหนีปัญหาแล้วแต่การแก้ปัญหาจะยากหน่อย กรจับไหล่ให้กำลังใจว่า
“แต่ละครอบครัวที่เราเจอไม่มีง่ายอยู่แล้ว ผมรู้ว่าคุณทำได้ คุณดูแลคุณนวล ส่วนตังเม ผมรู้แล้วว่าจะช่วยยังไง”
เช้าวันต่อมา กรเอารูปที่ตังเมวาดไปให้จีดู ถามว่าพอใช้ได้ไหม จีบอกว่าเก่งเลยล่ะ ถ้าเทียบกับเด็กวัยเดียวกัน กรถามว่าจีช่วยสอนให้ได้ไหม
“ได้สิคะ เด็กมีพรสวรรค์สอนไม่ยาก” กรดีใจมากฝากตังเมด้วย “ด้วยความยินดี จี...อยากทำงานกับพี่กรแล้วก็คุณทรายอยู่แล้ว” จียิ้มสดใส กระตือรือร้น
วันนี้หวายไปฝึกปีนหน้าผาจำลอง แต่เสียสมาธิเพราะคิดถึงคำเตือนของกรที่ให้บอกพ่อว่าเขากลับเข้าโครงการแล้ว ทำให้พลาดตกลงมาขาแพลง เมื่อกลับบ้านเห็นยอดยุทธทำงานเคร่งเครียดจึงเดินไปบอกด้วย
ความเป็นห่วงว่า ป๊าอย่าเพิ่งทำงานเลยหมอเขาอยากให้พัก ก็ถูกตะคอกว่า
“งานฉัน ฉันไม่ทำแล้วใครจะทำ” ยอดยุทธถามดุๆ เห็นหวายเดินกะเผลก ถามว่าไปทำอะไรมาทำไมขาเดี้ยง หวายตกใจปดว่าหกล้ม บอกว่าจะไปอาบน้ำ แล้วรีบเดินไปเลย ยอดยุทธสงสัยว่าไปหกล้มที่ไหนเห็นกระเป๋าหวายวางอยู่ จึงลุกไปดูเห็นชุดปีนหน้าผาก็คิดหนักมองไปที่ห้องหวายว่าจะทำอย่างไรกับลูกดี?
ooooooo
หวายหยิบเสื้อผ้าเตรียมจะอาบน้ำ เปิดทีวีเห็นข่าวพยาบาลสาววัย 30 ฆ่าตัวตายหลังมีภาพหลุด หวายปิดทีวีอย่างรำคาญเพราะตัวเองก็กำลังคิดหนัก กังวลใจเรื่องพ่ออยู่
ทันใดนั้น เสียงไลน์ดังขึ้น หวายหยิบมือถือที่วางบนเตียงขึ้นอ่าน เป็นไลน์จากศักดิ์ชายถามว่า “เห็นยังวะ” แล้วก็ส่งรูปมินนี่หลุดให้ดู หวายอึ้ง ช็อก!
เพื่อนๆของหวาย ทั้งกลุ่มแดน ใบพลู อีฟและไอซ์ซิ่งต่างดูภาพและส่งต่อๆให้ดูกันอย่างรวดเร็ว จนรู้กันทั่ว
แต่มินนี่ยังไม่รู้เรื่อง มือถือที่โต๊ะเรียกรัวจนมินนี่แปลกใจ เดินมาเปิดดู เห็นไอซ์ซิ่งไลน์มาพอดีว่า “อุบาทว์” พร้อมกับส่งรูปโป๊ของมินนี่มาให้ดู
มินนี่ช็อก น้ำตารื้น มือถือร่วง เธอรีบหยิบมาลนลานโทร.หาเคน แต่เคนปิดเครื่อง! ขณะมินนี่ร้อนใจแทบเป็นบ้านั้น ใบพลูไลน์มาถามว่า “เห็นรูปยัง ใช่แกจริงเปล่าเนี่ย” มินนี่กดเข้าไปดูในกระทู้พันทิป เห็นกระทู้ “นางเอกเวอร์จิ้นคลิปหลุด” พอเลื่อนดูก็เห็นรูปตัวเองหลุดเพียบ เลื่อนอ่านคอมเมนต์ ก็ล้วนแต่ด่าแรงมาก บางคนด่าว่า
“เสื่อมมาก สังคมจะเน่าหนอนเพราะเยาวชน Gen นี้แหละ”
มินนี่อ่านคอมเมนต์และข้อความด่าในเฟซเต็มไปหมด เธอน้ำตาไหลพราก ขณะนั้นเพจของเจี๊ยบแท็กมา ยืนยันว่า น้องจิ๋มโบแดงคือมินนี่เวอร์จิ้นชัวร์ แล้วใบ้ว่าเมื่อเร็วๆนี้ เพิ่งมีวันเกิดพี่ ค. น้องเขาผูกโบแดงเบิร์ธเดย์ใครคงคิดกันออก
เพจของเจี๊ยบยอดไลค์ ยอดแชร์เพียบ ยอดเมนต์ถล่มทลาย มินนี่ร้องไห้โฮ ทั้งตกใจและเสียใจจนทำอะไรไม่ถูก
ooooooo
ปาล์มและกรรีบส่งข่าวทราย ฉัตรก็โทร.ถึงทราย เธอบอกว่ารู้เรื่องแล้ว ฉัตรร้อนใจบอกว่าติดต่อมินนี่ไม่ได้เลย ไม่รู้ลูกอยู่ไหนแต่จะลองไปดูที่บ้านก่อน
ส่วนพีรดากำลังเล่นละคร ทีมงานเดินเข้ามาหาอย่างรีบร้อนบอกว่า มินนี่เกิดเรื่องแล้วเปิดคลิปมินนี่ให้ดู พีรดาช็อก! เธอโทร.หาฉัตรถามว่าเขาอยู่ไหนตนโทร.หาลูกไม่ติดเลย ฉัตรบอกว่ากำลังกลับบ้าน พีรดาตวาดให้รีบไปไม่รู้ลูกจะเป็นอย่างไรแล้ว
มินนี่สับสนว้าวุ่นใจแทบเป็นบ้าโทร.หาเคนก็ไม่ติด จึงติดต่อทางเฟซบุ๊ก พอเปิดเว็บก็มีข่าวบันเทิงของเคนโผล่ขึ้นมา พาดหัวข้อข่าวว่า “เคน เวอร์จิ้นโต้ไม่ใช่เจ้าของวันเกิด พร้อมเปิดตัวเจลแฟนตัวจริง!!” มินนี่ช็อก กดเพลย์คลิปโดยไม่ตั้งใจ คลิปเริ่มเพลย์ เห็นเคนกับเจลยืนคู่กัน มีไมค์จ่อนับสิบตัว เคนเอ่ยกับนักข่าวว่า
“ผมกับเจลคบกันมาสักพักแล้วครับ เรื่องผมกับมินนี่ไม่จริงเลย เป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันเท่านั้น”
ส่วนเรื่องที่มินนี่ไปฉลองวันเกิดกับเคนนั้น เคนปฏิเสธว่าวันนั้นเขาอยู่กับเจลตลอด เจลก็ช่วยยืนยันว่าตนฉลองกับเคนที่คอนโด แล้วเอารูปมาให้ดูเป็นหลักฐานด้วย
มินนี่ช็อกแล้วช็อกอีก ยิ่งเมื่อคิดถึงคำออดอ้อนของเคนในคืนที่หนีแม่ไปหาเขาในรถที่หลังบ้าน ก็ยิ่งเจ็บปวดชอกช้ำ ในขณะที่เคนยังให้สัมภาษณ์ไม่หยุดว่า
“ผมว่าเรื่องรูปหลุดเป็นเรื่องเข้าใจผิด ผมตอบได้แค่นี้ ผมไม่รู้เรื่อง อย่าขุดต่อเลยครับ ผมกับเจลเครียดกับข่าวมาก ไม่อยากเครียดอีกแล้ว” เคนจับมือเจลมองหน้ากันหวานซึ้ง เคนย้ำกับนักข่าวว่า “ผมไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับมินนี่จริงๆ”
มินนี่หัวใจสลายเหมือนโลกถล่มทลายลงตรงหน้า ปัดข้าวของทิ้งเกลื่อน สุดท้ายเดินไปที่คอมพ์ เปิดโปรแกรม เว็บแคมแล้วกดอัดคลิปทั้งน้ำตา...
“ทุกคน...นี่มินนี่นะ...” พูดได้แค่นั้นก็น้ำตาร่วงจนต้องหยุด...
“มินนี่แปะคลิปในเฟซบุ๊กตัวเอง” ทรายเช็กกระแสมินนี่ในมือถือบอกกร แล้วกดเพลย์ เห็นมินนี่น้ำตานองหน้าระบายความในใจกับกล้องว่า...
“มินนี่รู้ว่า...ทุกคนเกลียดมินนี่ มินนี่ก็เกลียดตัวเองเหมือนกัน” มินนี่ร้องไห้โฮ แล้วพยายามกลั้น “มินนี่ไม่อยากร้องไห้อีกแล้ว ไม่อยากพูด ไม่อยากทำอะไร ไม่อยากหายใจ ไม่อยากอยู่แล้ว ทุกอย่างมันจบแล้ว...” มินนี่ร้องไห้อย่างหนักอีก
ทรายกับกรอึ้งเมื่อดูคลิป ทรายโทร.ถามฉัตรว่ากลับถึงบ้านหรือยัง รีบหน่อยเพราะมินนี่กำลังจะทำร้ายตัวเอง พีรดาช็อกขณะดูคลิปมินนี่ในเฟซบุ๊ก...
“ทุกความเห็น ทุกคนที่ด่ามินนี่ ไม่มีใครรู้ความจริง แต่ก็ไม่มีใครแคร์ความจริงอยู่แล้ว ไม่มีใครสน...ทุกคนจ้องจะด่าและเกลียดมินนี่...ทุกคน...ทุกคนเกลียดมินนี่ แม้แต่คนที่มินนี่รักก็หักหลัง มินนี่เจ็บพอแล้ว จบ...
ไม่อยากพูดอะไรแล้ว...มันจบแล้ว” มินนี่ไปค้นหาขวดยา ถือขวดยามาน้ำตาไหล แววตาเย็นชา พูดกับกล้อง “สำหรับคนที่เกลียดมินนี่ ดีใจด้วย...มินนี่ยอมแพ้!” มินนี่เปิดขวดยาเทกรอกปากทันที!
ฉัตรมาถึงก่อน เขาวิ่งเข้าบ้านตะโกนเรียกหามินนี่ ทรายกับกรตามมาถึงต่างช่วยกันตะโกนเรียก พลางผลักประตูห้องนอนเข้าไป แต่ไม่มีมินนี่! ทรายเหลือบมองห้องน้ำเห็นเท้าและยาที่พื้นร้องบอกฉัตร ฉัตรรีบนำตัวมินนี่ส่งโรงพยาบาล
หมอรีบล้างท้องให้มินนี่ พีรดาตามมาที่โรงพยาบาล ทรายรู้สึกตัวเองผิดที่เป็นครูที่ปรึกษาแต่ช่วยมินนี่ไม่ได้กรบอกว่าอย่าโทษตัวเองเลยตนก็โทษตัวเองที่ไม่ใส่ใจมินนี่มากกว่านี้ บอกทรายว่า
“ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับมินนี่ ผมจะอยู่กับคุณ ผมจะรับผิดชอบเรื่องนี้ไปกับคุณ เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน”
ทรายรู้สึกดีขึ้นที่มีกรร่วมรับรู้ความรู้สึกเดียวกัน ทั้งสองนั่งอยู่ด้วยกันคอยฟังข่าวมินนี่อย่างใจจดจ่อ
“คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ” หมอออกจากห้องฉุนเฉินแจ้งแก่ญาติคนไข้ ทุกคนถอนใจโล่งอก
ooooooo
ที่บ้านตรีทิพย์...ตรีทิพย์ที่บอกกับฉัตร ทรายและกรว่าตนดูแลปิ๊กปิ๊กเองได้ แต่เมื่อเจอความจริงก็ว้าวุ่น เมื่อปิ๊กปิ๊กไม่ยอมทานอาหาร ถามหาแต่ดอกแค ตรีทิพย์โกหกว่าญาติดอกแคไม่สบายดอกแคจึงกลับไปเยี่ยม ปะเหลาะว่า
“เอางี้ไหม ระหว่างรอดอกแค เราไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์กัน ลูกชอบมิคกี้เม้าส์นี่คะ”
ปิ๊กปิ๊กไม่ยอมทำอะไรทั้งนั้นจนกว่าพี่ดอกแคจะกลับมา ตรีทิพย์ไม่รู้จะทำอย่างไรโทร.ไปปรึกษาปริมว่าตอนพี่เลี้ยงลูกเธอลาออกลูกเป็นอย่างไรบ้าง ฟังปริมเล่าแล้วสภาพไม่ต่างกับปิ๊กปิ๊กตอนนี้ ตรีทิพย์ถามว่าแล้วตนจะทำยังไง
“ทำใจสิแก ถ้าจะให้ได้ดั่งใจ แกก็ต้องเลี้ยงลูกเองแต่แรก!!”
ฟังปริมแล้วตรีทิพย์เครียดหนักกว่าเดิม เมื่อกลับมาหาปิ๊กปิ๊ก รู้จากสำรวยคนรับใช้ว่าเห็นปิ๊กปิ๊กเดินไปทางห้องคนใช้ ตรีทิพย์ตามไปดู เห็นปิ๊กปิ๊กนอนกอดหมอนของดอกแคหลับอยู่บนเตียง ข้างๆมีมิคกี้เม้าส์วางอยู่
ตรีทิพย์มองปิ๊กปิ๊ก คิดว่าต้องทำอะไรให้ลูกลืมดอกแคให้ได้
ooooooo
ที่ห้องพักวีไอพีในโรงพยาบาล ทั้งพีรดา ทราย และฉัตร ต่างอ่อนเพลียจากการเฝ้ามินนี่ กรไปซื้อกาแฟมาสี่ถ้วย แจกจ่ายให้ทุกคน ฉัตรขอบคุณทรายและกรที่โทร.บอกตนว่ามินนี่คิดทำร้ายตัวเองไม่อย่างนั้นตนอาจจะช่วยลูกไม่ทัน
จากกรณีนี้ พีรดามีท่าทีต่อทรายและกรอ่อนลง ทรายดีใจที่พีรดาเริ่มเปิดใจให้แล้ว
ฉัตรที่แยกไปดูมินนี่มาบอกพีรดาว่าลูกรู้สึกตัวแล้ว ทุกคนรีบเข้าไปหามินนี่
มินนี่ยังไอค่อกแค่กและเจ็บคอจากการล้างท้อง ไม่ทันพูดอะไรก็ร้องไห้หนัก แต่ก็พยายามพูดกับพ่อและแม่ ขอโทษพ่อกับแม่บอกว่าตนไม่อยากอยู่แล้ว อายมาก อยากตาย พีรดาบอกว่าคิดอย่างนั้นไม่ได้ ลูกต้องอยู่สู้กับมัน
“มินนี่...ผิดไปแล้ว มินนี่ขอโทษ”
“ไม่เป็นไรลูก ไม่เป็นไร...อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย นอนพักก่อนนะ ไม่ต้องห่วงเรื่องอื่น พ่อจะช่วยจัดการเอง เข้าใจไหม” ฉัตรปลอบและให้กำลังใจลูกอย่างเข้มแข็ง มินนี่พยักหน้าพูดไม่ออก พีรดามองฉัตรที่เข้มแข็งขึ้นมาอย่างน่าทึ่ง
ทรายกับกรมองพ่อ แม่ ลูกที่เป็นอันหนึ่งอันเดียว กันอย่างโล่งอก
กรคุยกับทราย พีรดาและฉัตรว่า ตนเช็กจากคอมพ์ของมินนี่แล้ว น้องดูคลิปข่าวก่อนจะกินยา ถามว่า ความสัมพันธ์ของสองคนนี้ตกลงเป็นยังไง? พีรดาตอบทันทีว่าแฟนกันเพราะมินนี่แชตกับเคนอยู่คนเดียว คลิปนั่นก็มินนี่เป็นคนส่งให้เคนเอง แต่เคนเป็นคนเจ้าชู้มากคงจะเล่นๆ ไม่คิดจริงจังกับมินนี่เลยออกตัวว่ามีแฟนแล้วเพื่อหนีปัญหา
“เราต้องหาหลักฐานเอาผิดเด็กนั่น ถึงจะไม่ได้ช่วยให้มินนี่ดีขึ้น แต่อย่างน้อยสังคมจะได้รู้ความจริงและเลิกโยนความผิดให้ฝ่ายหญิงอย่างเดียว” ฉัตรเสียงเข้ม พีรดาเห็นด้วยยุให้เอาเรื่องให้ถึงที่สุดจะได้เป็นแบบอย่าง ปล่อยไว้ไม่ได้
“เรื่องเอาผิดผมไม่ห่วง มันมีกระบวนการทางกฎหมายช่วยเราได้อยู่ ห่วงแต่จิตใจมินนี่ ถ้าพวกคุณอนุญาตผมกับทรายขอเข้ามาช่วยได้ไหมครับ?”
“เธอจะช่วยยังไง?” พีรดาถามหยั่งเชิง ทรายตอบแทนว่า
“มินนี่เจ็บเพราะรัก เจ็บเพราะผิดหวัง เมื่อเจ็บเพราะรัก ก็ต้องแก้ด้วยรักค่ะ เราจะทำให้มินนี่รู้จักความรักแท้จริงจากพ่อแม่”
“คุณจะทำยังไง” ฉัตรถามงงๆ ทรายบรรยายตามที่เรียนมาอย่างมั่นใจว่า
“อันดับแรก...ให้มินนี่อยู่ห่างจากโลกข้อมูลข่าวสารมากที่สุด พอมินนี่อาการดีขึ้นแล้ว พวกคุณพ่อแม่ลูก ต้องออกไปใช้ชีวิตร่วมกันในที่ที่ไม่มีอินเตอร์เน็ต ไม่มีคนนอก ไม่มีความสะดวกสบาย มีแต่พวกคุณเท่านั้น...”
ฉัตรกับพีรดามองหน้ากันอึ้งๆ ถามกันด้วยสายตาว่าจะไหวไหมเนี่ย? พีรดาถามทรายว่ามันจะลำบากขนาดไหน
“ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ แต่ที่บอกได้คือ การไปอยู่ด้วยกันครั้งนี้ จะทำให้มินนี่ใกล้ชิดพวกคุณมากขึ้น และเขาจะได้เห็นความรักความห่วงใย ซึ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้”
บรรยายแล้วทรายถามว่าทำได้ไหม ฉัตรตอบทันทีว่าตนไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ส่วนพีรดาแบ่งรับแบ่งสู้ว่าจะทำอะไรก็ทำ
กรบอกว่าตนกับทรายจะไปเตรียมสถานที่ให้เรียบร้อย ระหว่างนี้คุณพ่อกับคุณแม่กันน้องให้ห่างจากสื่อต่างๆตามที่ครูทรายบอก ฉัตรกับพีรดาพยักหน้ารับปาก กรหันยิ้มกับทรายอย่างดีใจที่สัญญาณในการแก้ปัญหาที่ดีขึ้น ต่างก็พร้อมลุย
มินนี่ยังนอนร้องไห้อยู่ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสองคนเข้ามาช่วยกันย้ายโทรศัพท์ออกไป ฉัตรเข้ามาเก็บมือถือของมินนี่ และเอารูปห้ามนำมือถือเข้าไปในห้องพักมาติดไว้ที่หน้าห้องที่เรียนพิเศษ...เพื่อนๆของมินนี่ทั้งอีฟ ใบพลู และไอซ์ซิ่งต่างคุยกันถึงเรื่องมินนี่กินยาฆ่าตัวตายขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล อีฟรำพึงว่าน่าสงสารชวนไปเยี่ยมกันไหม ไอซ์ซิ่งแย้งทันทีว่า
“ไม่เห็นน่าสงสารเลย นางกินยาตายเอง...สงสารหมอที่ต้องมารักษาคนแบบนี้จริงๆ ถ้าอยากตายมากก็น่าจะให้ตายๆไปเลย ไม่รู้จะรั้งไว้ทำไม!” ไอซ์ซิ่งโพล่งออกมาไม่รู้ตัว อีฟและใบพลูมองหน้ากันอึ้งต่างรู้สึกว่า ไอซ์ซิ่งใจร้ายมาก
ooooooo
ทรายเครียดกับปัญหาของมินนี่จนรู้สึกหดหู่ น้ำทิพย์บอกว่าเพราะทรายผิดหวังที่ทำงานได้ไม่ดีพอ ผิดหวังที่มันไม่ได้เป็นไปตามที่คิด ทรายยอมรับว่า ตนมั่นใจในสิ่งที่เรียนที่ไปฝึกงานมา แต่ตอนที่เจอมินนี่ นอนที่พื้นตนใจสั่นทำอะไรไม่ถูก
“แบบนี้แหละ ‘ของจริง’ มันไม่เหมือนในตำรา ทุกอาชีพไม่ว่าจะหมอ นักบิน เกษตรกร ก็ต้องเรียนรู้จากการทำจริงๆทั้งนั้น ลูกเป็นคนเรียนเก่ง วิชาการเป๊ะ ถึงเวลาที่จะต้องเอาสติมาบวกกับปัญญาและเตรียมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในการทำงานจริง”
“คุยด้วยแล้วเข้าใจตัวเองขึ้นเยอะเลย แม่น่าจะเป็นนักจิตวิทยานะคะ”
น้ำทิพย์หัวเราะบอกว่า ไม่เอาแค่เรื่องของตัวเองกับลูกก็กลุ้มพอแล้ว ชมว่า “ลูกทำได้ขนาดนี้ก็เก่งมากๆแล้วนะ”
ทรายกอดแม่แทนคำขอบคุณ น้ำทิพย์กอดทรายเหมือนเติมพลังให้สู้ต่อไป
ทรายเข้าห้องทำงานเอารูปของเด็กทั้งห้าคนในโครงการมาดู ทบทวนจากวันที่พบพวกเขาครั้งแรกจนถึงวันนี้ที่มินนี่นอนซมอยู่บนเตียงเพราะกินยาฆ่าตัวตาย ตังเมวิ่งมากอดแม่ร้องไห้ในวันที่นวลสราญไปรับจากบ้านใหญ่ ปิ๊กปิ๊กยอมเปิดใจคุยความรู้สึกด้วย โชกุนจากเด็กช่างพูดสนุกสนานกลายเป็นเอาแต่ร้องไห้และไม่ยอมพูด
ทบทวนเรื่องราวของเด็กในโครงการแล้วทรายพึมพำ “ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องราวจะเกิดขึ้นมากมายขนาดนี้”
พลันความคิดก็สะดุดเมื่อกรโทร.มาถามว่าเรื่องจะไปดูสถานที่จัดกิจกรรมครอบครัวบำบัดของมินนี่เมื่อไหร่ สรุปให้ฟังด้วยตนจะได้เคลียร์งานและไปด้วยกัน
ทรายโทร.ชวนปาล์มไปด้วยเพื่อช่วยกันทำงานกับครอบครัวของมินนี่และตนไปกับกรเพียงสองคน ไม่เหมาะด้วย ปาล์มกระเซ้าทรายตามประสาที่เพื่อนรู้ใจกัน ปาล์มตกลงไปดูสถานที่ด้วย แต่ใครจะดูแลเด็กๆ แต่ละคนที่กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่นี่ ทรายบอกว่าตนจะรีบเคลียร์งานทุกอย่างก่อนไป ถอนใจเปรยๆว่า ทำงานแข่งกับเวลากันอีกแล้ว
“ฉันรู้ว่าอึดๆอย่างแกทำได้สบายมาก ว่าแต่...จะเริ่มครอบครัวไหนดี?” ปาล์มตบไหล่ให้กำลังใจเต็มที่
ooooooo
ทรายไปที่บ้านโชกุนก่อน เห็นความสัมพันธ์ของภูทองและดุจฤทัยดีขึ้น จากที่เคยพูดกันไม่กี่คำก็ทะเลาะกันเป็นหันหน้าเข้าปรึกษาพูดคุยกันเรื่องช่วยโชกุนได้
ทรายมาทบทวนการบ้านที่ให้ไว้ ให้ทำการบำบัดในแบบคนที่มาปรึกษาชีวิตคู่ โดยให้พูดข้อดีข้อเสียของตัวเอง ทั้งภูทองและดุจฤทัยพยักหน้าจำได้ ทรายจึงพูดต่อ
“เราคุยกันถึงข้อเสียของตัวเองและฝ่ายตรงข้ามไปแล้ว วันนี้เราจะมาคุยถึง ‘ข้อดีของฝ่ายตรงข้าม’ เริ่มจากคุณดุจก่อนนะคะ ข้อดีของคุณภูทองมีอะไรบ้างคะ”
“ไม่มี” ดุจฤทัยตอบทันที ทำเอาภูทองสะดุ้งโหยง โชกุนเดินผ่านห้องบำบัด สงสัยว่าพ่อกับแม่คุยอะไรกับครูทรายเลยแอบฟัง ได้ยินทรายถามพ่อว่า
“แล้วคุณภูล่ะคะ คุณดุจมีข้อดีไหม?”
ดุจฤทัยยืนกอดอกตั้งกำแพงเตรียมโดนว่าเต็มที่ ภูทองนิ่งคิดนิดหนึ่งแล้วพูดอย่างจริงใจว่า
“มีครับ ดุจเขาเป็นคนที่รักลูกมาก ถึงจะมากเกินไปบ้าง แต่เขาก็รักลูกมาก ถ้าตัดเรื่องความจู้จี้ออกไป เขา ก็ถือว่าเป็นแม่ที่ดีมากคนหนึ่ง ถ้าเทียบกับผมแล้ว ผมเป็นพ่อที่แย่มาก”
ดุจฤทัยชะงักอึ้งที่เตรียมตั้งกำแพงต้านก็อ่อนลง ฟังภูทองพูดสะเทือนใจจนน้ำตาคลอ แต่กลั้นน้ำตาไว้ฟังภูทองพูด
“โชกุนมีกิริยามารยาทที่ดี ก็เพราะเขาเป็นคนดูแล ความเนี้ยบของเขาก็มีข้อดีเหมือนกันนะผมว่า เวลาผมพาลูกไปบ้านเพื่อน เพื่อนผมชมโชกุนตลอด ถ้าผมเลี้ยงเองคงไม่ได้แบบนี้ เขาเป็นแม่ที่ดีจริงๆ”
ดุจฤทัยฟังภูทองแล้วกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ส่วนโชกุนแอบฟังแล้วอึ้ง หัวใจตีบตื้น รู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อนเลย...โชกุนค่อยๆถอยออกไป เมื่อรู้ว่าไม่ควรแอบฟังผู้ใหญ่คุยกัน
แต่พอทรายขอให้ดุจฤทัยพูดข้อดีของภูทองบ้าง ดุจฤทัยยังไม่กล้าที่จะเปิดใจ บอกทรายว่าไม่มี นึกไม่ออก ทรายพยักหน้าอย่างเข้าใจ บอกว่าถ้านึกไม่ออกให้ลอง ย้อนไปตอนที่เพิ่งรู้จักกัน เคยรู้สึกดีๆต่อกัน อะไรที่ทำให้รักกัน สะกิดให้คิดว่า
“คู่รักหลายคู่อยู่ด้วยกันนานๆ เห็นข้อเสียกันมากขึ้น จนลืมมองข้อดีอีกฝ่าย แต่ไม่เป็นไรค่ะ เรามีเวลา ช่วงที่ทรายไปต่างจังหวัด คุณสองคนลองคิดถึงข้อดีและข้อเสียของกันและกัน และก็อย่าลืมนะคะ คุณมีเป้าหมายเดียวกันคือ ทำให้โชกุนกลับมาพูดให้ได้นะคะ”
ooooooo
ทรายเคลียร์ปัญหาของเด็กในโครงการทีละคน ปัญหาของหวาย ทรายประสานกับเป็นสุข เล่าการปรับพฤติกรรมของหวายจากการเล่นกีฬา ทำให้หวายมีสมาธิควบคุมอารมณ์ดีขึ้น เป็นสุขรับปากว่าถ้าพ่อของหวายอารมณ์ดีขึ้นตนก็จะเล่าให้ฟัง
“ทรายจะไม่อยู่สองสามวัน แต่บอกทางเทรนเนอร์ที่ดูแลหวายให้ดูแลตามปกติ กลับมาจะประเมินผลอีกทีค่ะ”
เป็นสุขยิ้มอย่างสบายใจเมื่อเห็นแนวโน้มที่ดีของหวาย
ส่วนตังเมทรายพานวลสราญไปพบเอินนักจิตวิทยาสาวท่าทางอบอุ่นที่ให้คำปรึกษาเฉพาะผู้ที่ประสบเหตุการณ์ร้ายแรงในชีวิตที่ทำให้เครียด เอินพูดถึงเหตุการณ์ร้ายแรงที่ทำให้เกิดเครียดในรูปแบบต่างๆให้ฟัง แล้วสรุปว่า
“เมื่อเรารู้แล้ว เราก็ปลดปล่อยมันออกไป เมื่อเราฝึกอยู่กับปัจจุบันบ่อยๆเข้า จะทำให้เราปล่อยสิ่งที่ทำร้ายจิตใจเราออกไปได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น จนวันหนึ่งมันจะทำอะไรเราไม่ได้อีกต่อไป คล้ายๆกับหลักของพุทธศาสนา...รับรู้และปล่อยวาง...ปล่อยวางทุกข์ได้ ความทุกข์ที่กดทับตัวเราก็จะหมดลง”
หลังจากคุยกับเอินแล้ว นวลสราญสมัครใจที่จะทำทุกอย่างเพื่อบำบัดตัวเอง ทรายจึงส่งรายละเอียดของนวลสราญให้เอินรับผิดชอบต่อไป
คนสุดท้ายคือ ปิ๊กปิ๊ก...ทรายโทรศัพท์คุยกับตรีทิพย์ แม้ตรีทิพย์จะกังวลแต่ยังไม่ยอมเปิดใจ ยืนยันมั่นใจว่าตนเป็นแม่ ตนจัดการได้ไม่ต้องห่วง
เพราะตรีทิพย์ปดปิ๊กปิ๊กว่าดอกแคไปเยี่ยมญาติที่ป่วย แต่วันหนึ่งปิ๊กปิ๊กได้ยินสำรวยคุยกับคนใช้อีกคนว่าดอกแคติดคุก ปิ๊กปิ๊กรับไม่ได้ที่แม่ปดตน ร่ำร้องจะไปอยู่กับดอกแค ตรีทิพย์หลอกล่อว่าแม่จะพาไปเที่ยวที่อื่น หนูอยากได้อะไรแม่จะซื้อให้หมดเลย
“ไม่เอา อยู่กับคุณแม่ คุณแม่ก็ไม่สนใจ ไม่เคยพาไปไหน ไม่เคยรู้ว่าปิ๊กปิ๊กชอบอะไร แม่ไม่เคยสนใจ ไม่เคยรักปิ๊กปิ๊กเลย ฮือๆๆ” ปิ๊กปิ๊กร้องไห้จะไปหาแต่พี่ดอกแค จนตรีทิพย์ช็อกคิดไม่ถึงว่าลูกจะรักดอกแค มากกว่าแม่ ทำให้ฉุกคิดถึงความเป็นแม่ของตัวเองขึ้นมา...
ooooooo
ถึงวันเดินทางไปดูสถานที่ น้ำทิพย์เตรียมของว่างให้มากมายไว้กินระหว่างทาง ทรายกับปาล์มช่วยกันขนกระเป๋าและสัมภาระมารอกรที่หน้าบ้าน ไม่นานกรก็มาถึง กรแต่งตัวลุยๆ แต่เท่ดูดีไปอีกแบบจนทรายกับปาล์มมองอึ้ง
กรขับรถโดยมีทรายเป็นคนบอกทาง มุ่งสู่หมู่บ้านที่อยู่บนดอยทุรกันดารเล็กน้อย
เวลาเดียวกัน โรงเรียนเปี่ยมคุณ อำนาจเข้าไปคุยกับนพลักษณ์เรื่องหาครูมาแทนครูที่ลาออก อำนาจฉวยโอกาสตำหนิกรว่าบริหารงานไม่เป็นมืออาชีพ เหตุที่ครูหัวหน้าภาคยกขบวนลาออกเพราะไม่ศรัทธา ครูส่วนใหญ่มั่นใจตน ถ้าให้ตนทำโดยแบ่งการถือหุ้นให้ 30 เปอร์เซ็นต์ ความน่าเชื่อถือของโรงเรียนก็จะกลับมา ตนสามารถดึงตัวหรือซื้อตัวครูเหล่านั้นกลับมาได้ และเร่งให้รีบตัดสินใจเพราะอีกไม่นานก็จะเปิดเทอมแล้ว ตนจะรอฟังคำตอบ
นพลักษณ์รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล ให้คนตามกรมาพบตนด่วน จึงรู้ว่ากรไม่อยู่ นพลักษณ์สงสัยว่า กรไปไหน?
กรพาทรายและปาล์มมาถึงหมู่บ้าน “ดอยแสนฟ้า” ที่มีป้าแมวเป็นผู้ใหญ่บ้านแล้วที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกไม่มากแม้แต่สัญญาณอินเตอร์เน็ตก็ไม่มี ถ้าจะใช้โทรศัพท์ก็ต้องไปที่ “ต้นโทรศัพท์” ตรงที่มีสัญญาณโทรศัพท์ดีที่สุด
ป้าแมวจะพาชมหมู่บ้านมีจักรยานเก่าๆสองคัน ปาล์มบอกว่าตนขี่จักรยานไม่เป็นขอซ้อนป้าแมวไป ทรายจึงต้องซ้อนท้ายกรไป ระหว่างทางกรแกล้งขี่เป๋ๆ ส่ายไปมา ทรายตกใจกอดเอวเขาแน่น กรได้ใจยิ่งแกล้งแล้วแอบยิ้ม
ooooooo
เมื่อภูทองกับดุจฤทัยตัดสินใจที่จะทำทุกอย่างเพื่อโชกุน ความไม่พอใจขัดใจกันส่วนตัวจึงเป็นเรื่องรอง ภูทองปรึกษาดุจฤทัยว่าถึงเวลาที่เราต้องพูดความจริงกับลูกเสียที แม้ดุจฤทัยจะรวนๆตามประสาแต่เพื่อลูกจึงไปหาโชกุนด้วยกัน
ภูทองขอโทษโชกุน บอกว่าเรื่องวันนั้น “โชกุนไม่ผิดเลย ที่เลือกไม่ได้ว่าใครผิด เพราะพ่อกับแม่ผิดทั้งคู่” บอกโชกุนว่าไม่ต้องตอบอะไรทั้งนั้น ต่อไปพ่อกับแม่จะไม่ถามเรื่องนี้กับลูกอีก แต่โชกุนก็ยังไม่พูดจนภูทอง อ้อนวอน...
“โช...พูดกับแม่เขาสักคำนะลูก แม่เขาเป็นห่วงโชมากเลยนะ โกรธพ่อคนเดียวก็ได้ พูดกับแม่นะลูกนะ พ่อขอโทษจริงๆ พ่อมันไม่ได้เรื่อง พ่ออยากเป็นพ่อที่ดี กว่านี้ โชให้โอกาสได้ไหมลูก” ภูทองน้ำตาไหลพูดเสียงเครือ “พ่อขอโทษ”
“พ่ออย่าร้องไห้นะครับ” โชกุนเช็ดน้ำตาให้พ่อ แต่ตัวเองพูดทั้งน้ำตาว่า “โชรักพ่อ โชก็รักแม่ด้วยครับ”
“แม่รักโชที่สุดรักมากๆเลยนะลูก” ดุจฤทัยโผกอดโชกุนร้องไห้พูดจากหัวใจของผู้เป็นแม่
ภูทองมองด้วยความซาบซึ้งสะเทือนใจ บอกตัวเองว่า “นี่คือครอบครัว...และเราต้องทำเพื่อครอบครัวให้มากกว่านี้”
ooooooo
ดูสภาพหมู่บ้านและต้นโทรศัพท์แล้ว ทรายบอกว่าก่อนสามพ่อแม่ลูกจะมาเราต้องยึดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด ให้ทั้งสามหลบมาอยู่ที่นี่พอจิตใจเข้าที่แล้วค่อยกลับไปเจอความเป็นจริง
กรแกล้งขี่จักรยานส่ายไปมาจนป้าแมวกับปาล์มไปไกลแล้ว ทรายไม่ยอมซ้อนจักรยานอีกบอกว่าจะเดินไป กรจึงอาศัยรถอีแต๋นของชาวบ้านมา ระหว่างทางกรถามว่าทรายอยากมีลูกไหมทำเอาทรายอึ้งตอบไม่ถูก เขาจึงเล่าว่า แม่ปลูกฝังให้เขารักเด็กนักเรียนหลายพันคนในโรงเรียนเสมือนลูก ทุกวันนี้ตนก็คิดแบบนั้นได้โดยไม่รู้ตัว
เอินอ่านข้อมูลของนวลสราญแล้ว เมื่อมาหาวันนี้ นวลสราญจึงให้ตังเมนั่งวาดรูปเล่นอยู่ข้างนอก แล้วเอินก็ให้นวลสราญเล่าเรื่องของเธอให้ฟังอีกครั้ง
นวลสราญเล่าอย่างมีอารมณ์ราวกับเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นสดๆไม่กี่วันนี้เอง เธอเล่าว่าหลังจากถูกเสี่ยพาเข้าโรงแรมแล้วเธอทั้งอับอาย เสียใจ และแค้นใจจนจะฆ่าตัวตาย แต่เมื่อรู้ว่าท้องเธอจึงอยู่เพื่อลูก เธอบอกว่าตังเมเป็นคนช่วยชีวิตตนไว้แต่ก็เสียใจที่ตนไม่เคยสนใจลูกเลย กลับสนใจแต่ตัวเอง นวลสราญพูดด้วยความสำนึกสะเทือนใจว่า
“ฉันน่าจะรักและสนใจเขามากกว่านี้ ตังเมคือคนที่ช่วยชีวิตฉันไว้ เขาช่วยฉันไว้จริงๆ”
เมื่อออกมาหาตังเมที่วาดรูปรออยู่ข้างนอก นวลสราญเข้ากอดตังเมด้วยความรัก พร่ำบอกว่า
“แม่ขอบคุณนะลูก...ขอบคุณที่มาเกิดเป็นลูกแม่...ขอบคุณมาก”
ค่ำนี้เอง ทรายโทรศัพท์คุยกับนวลสราญที่ต้นไม้โทรศัพท์ เธอแสดงความยินดีกับนวลสราญขอให้เธออดทนและพยายามต่อไปตนเอาใจช่วย เพื่อตังเม... คุยแล้วทรายวางโทรศัพท์อย่างมีความสุข
ooooooo










