ตอนที่ 1
ที่ป่าสายน้ำผึ้งป่าสักที่อุดมสมบูรณ์ ตระกล ชายวัยเลยกลางคนท่าทางใจดี เดินมากับพญาหนุ่มฉกรรจ์หน้าตาดีรูปร่างบึกบึนแข็งแรง เขาเรียกตระกลว่าลุงตระกลมองป่าไม้สักรอบตัวอย่างภูมิใจ เอ่ยอย่างมีความสุขว่า
“ใครจะคิด จากป่าเสื่อมโทรมที่สุดยี่สิบปี จะกลายเป็นป่าไม้สักที่สมบูรณ์ที่สุดของประเทศ ลุงต้องขอบคุณพญามาก ถ้าไม่ได้เราช่วย ป่าสายน้ำผึ้งคงไม่ได้เป็นอย่างทุกวันนี้”
“ผมก็ต้องขอบคุณลุงมากครับ ที่ช่วยให้ผมมีวันนี้”
“เอาเป็นว่าเราต่างคนต่างช่วยกัน” ตระกลโอบไหล่พญาอย่างรักใคร่ พลันก็ชะงัก เมื่อได้ยินเสียงเครื่องตัดไม้ เงี่ยหูฟังถามพญาว่าเสียงอะไร
“เครื่องตัดไม้” พญาบอกหน้าเครียด
ที่ป่าอีกด้านหนึ่ง มิ่งกำลังคุมชิดตัดไม้อยู่ เร่งชิดให้เร็วหน่อยและให้เงียบกว่านี้ ชิดบอกว่าจูนเครื่องเบาที่สุดแล้ว
“เออๆเร็วเข้า เดี๋ยวญาติมึงมากันพอดี ต้นสักมันแต่ละต้นงามดีแท้ ได้หลายละเว้ย” มิ่งกระหยิ่มยิ้มย่อง
ตระกลกับพญาย่องมาตามเสียงเครื่องตัดไม้ พอตระกลเห็นก็ร้องอย่างลืมตัว “เฮ้ย อย่าตัด”
มิ่งหันมองตกใจ ชิดยิงกราดทันที ตระกลล้มลง พญาตกใจรีบเข้าประคอง มิ่งปัดมือชิดตวาดว่ายิงทำไมเดี๋ยวมันก็แห่กันมาหรอก แล้วสั่งรีบเก็บของขึ้นรถเร็ว
พญาประคองตระกลที่นิ่วหน้าอย่างเจ็บปวด แต่ยังกัดฟันบอกพญาว่าอย่าให้พวกมันตัดไม้ ไม่ต้องห่วงตน พญาจึงวางตระกลลงแล้ววิ่งไปหาพวกตัดไม้ มันเก็บของขึ้นรถกำลังจะหนีพอดี พญายิงถูกแขนชิดแต่มันก็ขึ้นรถหนีไปได้
พญาวิ่งกลับมาดูตระกล เห็นเขากำลังป้ายก้อนขี้โคลนจากหน้าผาก บอกพญาว่าตนไม่ได้โดนยิง แต่ขี้โคลนกระเด็นมาโดน ทันใดนั้น ตระกลเกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลันยกมือกุมหน้าอก พญาตกใจถาม “ลุง...เป็นอะไรครับลุงตระกล”
“ฝาก ป่า สาย น้ำผึ้ง ด้วย” ตระกลพูดได้แค่นั้นก็คอพับสิ้นใจในอ้อมแขนพญา
“ลุง อย่าเป็นอะไรนะครับลุง” พญาร้องเสียงดัง
ooooooo
ที่กองถ่ายละครแถวชานเมือง กำลังถ่ายละครเรื่อง “นักฆ่าสาว” นำแสดงโดยเมขลา ดารา นางแบบแห่งยุค เธอแสดงเป็นลาล่านักฆ่าสาว โดยมีแจ็คกี้แฟนตัวจริงที่ครอบครัวร่ำรวยแต่ตัวเองไม่เอาไหน ชอบทำตัวเป็นหนุ่มสำราญคลุกคลีกับพวกดาราและหลีไม่เลือก
ในละครมีจ๊ะเอ๋ที่เล่นเป็นตัวนางร้าย เธอร้ายทั้งในจอและนอกจอ พยายามทำตัวเป็นคู่แข่งกับเมขลา แต่ที่ทำให้เมขลาทนไม่ได้คือจ๊ะเอ๋เล่นหูเล่นตาและให้ท่าแจ็คต่อหน้าในกองถ่าย จนศนิ เพื่อนเมขลาที่เป็นอาจารย์สาวโสดแฟนพันธุ์แท้ของวงการมายาที่ติดตามเมขลามาด้วย กระซิบถามเพื่อนว่า “เธอเห็นอย่างที่ฉันเห็นรึเปล่า”
“เห็นจนลูกกะตาปลิ้นแล้ว ไม่ต้องห่วง ฉันมีวิธีจัดการ” เมขลายิ้มเจ้าเล่ห์ เหี้ยมลึกๆ
เมื่อผู้กำกับซ้อมคิวก่อนถ่าย ผู้กำกับบอกว่า “ในบท จ๊ะเอ๋อยากเล่นบทนักฆ่าสาวนานแล้ว เพราะงั้นก็....”
“ตบ ตบ ตบ” จ๊ะเอ๋คำรามทำท่าตบ แต่แกล้งพลาดตบจริงแล้วทำจริตขอโทษเมขลา
“เด็กสมัยนี้ แฟนรุ่นพี่ยังจะไม่ละเว้นเหรอจ๊ะ” ศนิพูดทีเล่นทีจริง
“แฟนใครไม่รู้ แต่ว่า...” จ๊ะเอ๋พูดพลางทิ้งสายตา ไปทางแจ็ค “เขาอยากเป็นแฟนหนู อิอิ...ล้อเล่นน่ะพี่”
จ๊ะเอ๋พูดแล้วหัวเราะร่วน แจ็คหัวเราะอย่างเอ็นดู เมขลามองเหี้ยมอย่างพยายามอดทน แจ็คหันมาเห็นก็ชะงัก ถามเมขลาว่าทำไมทำหน้าเหี้ยมอย่างนั้นล่ะ ตนแค่คุยเล่นกับน้องเท่านั้น
“เดี๋ยวก็รู้...ไอ้แจ็ค” เมขลายิ้มน่ากลัวจนแจ็คเดินหนี
เมื่อผู้กำกับซ้อมคิวแล้วก็เริ่มถ่ายทำ เป็นฉากที่เมขลาโดนลากมาเหวี่ยงลงตรงเท้าจ๊ะเอ๋ เมขลาเงยหน้ามองทำท่าเหมือนคนโดนวางยาไม่มีแรง จ๊ะเอ๋หัวเราะเยาะสะใจ จิกหัวเมขลาตะคอกเย้ย
“นึกไม่ถึงสิเจด้า ว่าแกจะมีวันนี้ ใช่ ทุกอย่างเป็นฝีมือของฉัน ต่อไปนักฆ่าอันดับหนึ่งจะต้องเป็นของม่านจันทร์ไม่ใช่เจด้า”
ศนิบอกผู้กำกับว่าในบทไม่มีจิกหัวนี่ ผู้กำกับบอกว่าสงสัยอินหนัก ไม่เป็นไร กำลังไหล ปล่อยไปเรื่อยๆ ส่วนจ๊ะเอ๋ก็สวมรอยเล่นอย่างสะใจ เงื้อมือจะตบ คำรามใส่ “วันนี้แกไม่รอดแน่”
พริบตานั้น เมขลาที่ทำท่าอ่อนแรงก็ลุกพรวดขึ้นเผชิญหน้าอย่างแข็งแรง จนจ๊ะเอ๋ตกใจผงะ เมขลาพูดใส่หน้าว่า
“ใครกันแน่ที่จะไม่รอด”
แจ็คตกใจร้องว่าในบทไม่ใช่แบบนี้ ผู้กำกับบอกว่าถ่ายไปก่อนแล้วค่อยแก้บททีหลัง บอกแจ็คที่แสดงเป็นบอสว่าให้เข้าไปเลย แจ็คลังเลกลัวโดนลูกหลง เมื่อผู้กำกับผลักเข้าไป แจ็คถามตามบทแหยงๆว่า “ทำอะไรกัน”
เมขลาหันมาเห็นแจ็คก็เตะผ่าหมากจนแจ็คทรุดกุมเป้าหน้าเขียว แล้วเดินมาตอบแจ็คว่า “เตะผ่าหมากไง หายสงสัยไหม” แล้วเดินผ่านพวกทีมงานไปอย่างไม่สนใจ ใคร พวกนักข่าวถ่ายรูปรัวกันไม่หยุด
ศนิมองพวกนักข่าวอย่างห่วงแทนเมขลา นึกรู้ว่าต้องเป็นเรื่องแน่
ooooooo
เป็นเรื่องจริงๆ รุ่งขึ้นหนังสือพิมพ์รุมกระหน่ำเมขลาลงหน้าหนึ่งแทบทุกฉบับ ว่าเป็นนางเอกจอมวีน หึงนางเอกน้องใหม่ จ๊ะเอ๋ถูกเมขลาซ้อมกลางกองถ่ายบาดเจ็บสาหัส แต่ละฉบับกระหน่ำแบบจะให้เมขลาตายไปจากวงการเลยทีเดียว
เมื่อเป็นนางเอกที่ขายไม่ได้แล้ว เมขลาถูกผู้บริหารเรียกไปตำหนิ เมขลาโทษว่าจ๊ะเอ๋ก่อเรื่องก่อน จะแย่งแฟนตนต่อหน้าต่อตาใครจะทนไหว ผู้บริหารบอกว่าคราวนี้เธอทำเกินไป ทางช่องคงต้องหยุดงานทุกอย่างของเธอ ทั้งละครสองเครื่องและงานพิธีกร ถึงจะถูกปลดกลางอากาศ แต่เมขลาก็ยังโต้แย้งว่า
“ไม่ได้นะคะ สถานีจะทำแบบนี้ไม่ได้ ลาล่าทำประโยชน์ให้พวกคุณตั้งเท่าไหร่ ละครเรตติ้งสูงสุดก็ลาล่าเล่นทั้งนั้น แฟนคลับคงไม่พอใจแน่ถ้ารู้” เมขลาเสียงแข็ง แต่คราวนี้ผู้บริหารไม่อ่อนข้อ บอกให้เธอพักให้หายเครียดก่อนแล้วค่อยคุยกัน
“ได้ ไม่มีปัญหาค่ะ แต่ทุกคนจะเสียใจ” เมขลาพูดอย่างยโส แล้วชี้หน้าจ๊ะเอ๋ “อย่าคิดว่ายายหน้าจืดจอม สะตอนี่จะมาแทนลาล่าได้ ไปโมหน้าใหม่เถอะไป๊”
เมขลาลุกเดินเชิดไปอย่างยโส แต่ในใจคิด “คอยดู เดี๋ยวต้องเรียกฉันกลับไป...เรียกสิ...เรียกเร็ว...” แต่ไม่มีเสียงเรียกเธอเดินผ่านบรรดาพนักงานที่มองอย่างสมเพช แม้จะใจเสียแต่ยังถือดีเดินหน้าเชิดคอแข็งออกไปอย่างไม่แคร์
ออกมาเจอนักข่าวกรูกันมาสัมภาษณ์ว่าผู้บริหารว่าอย่างไร? มีผลกับงานไหม? แบบนี้ยังทำงานกับจ๊ะเอ๋ได้หรือ?
เมขลา ก็คือเมขลาผู้ยโส เธอหยุดมองหน้านักข่าวทุกคนด้วยมาดนางเอกอย่างสง่า ตอบเชิดๆแกมหยิ่งว่า
“ขอโทษนะคะพี่ๆ คราวนี้ลาล่าไม่ใช่คนก่อเรื่อง จ๊ะเอ๋ต่างหากที่พยายามให้ท่าแจ๊ค จ๊ะเอ๋จงใจทำให้หนูโกรธ เรื่องนี้ลาล่าไม่ผิด” เหลือบเห็นรถแจ๊คมาจอดหน้าตึก เมขลาเดินเชิดออกไป ผ่านพญาที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ เขาลดหนังสือพิมพ์ลงมองตามรถแจ๊คออกไป
พอขึ้นรถเห็นแจ๊คใส่เสื้อเท่แต่นุ่งโสร่ง เธอถามว่าทำไม แจ๊คโอดว่าเตะผ่าหมากของเธอทำให้บวมนุ่งกางเกงไม่ได้ บ่นว่าผู้หญิงอะไรขี้โมโห โหด วีนแตกตลอด เธอแหวใส่ว่าก่อนเป็นแฟนก็เป็นอย่างนี้ไหนว่าทนได้ทุกอย่างไง
“เค้าไม่อยากทนแล้วไง” แจ๊คเสียงอ่อน เมขลาฟังไม่ถนัดถามว่าอะไรนะแจ๊ครวบรวมความกล้าบอกว่า “เค้าทนตัวไม่ไหวแล้ว เราเลิกกันเหอะ”
เมขลาตวาดให้จอดรถทันที แจ๊คตกใจเบรกจนเธอหัวคะมำ เธอเปิดประตูลงจากรถ หันพูดด้วยมาดนางเอกว่า
“เมจะคิดว่าเมื่อกี๊แจ๊คเป็นบ้าไป สำนึกผิดเมื่อไหร่ค่อยคุยกันใหม่ แต่ขอให้รู้ด้วยว่า แจ๊คทำให้เมเสียใจมาก มากที่สุด” เธอบีบน้ำตาตามสั่งออกมาหยดหนึ่งแล้วสะบัดหน้าไป พ้นจากสายตาแจ๊ค แววตาก็เปลี่ยนเป็นยิ้มเยาะที่แจ๊คไม่รู้เท่าทันมารยาของตน หูก็คอยฟังว่าแจ๊คจะเอารถมารับไหม
อึดใจเดียวเธอก็ยิ้มเมื่อได้ยินเสียงรถถอยมา เธอพูดอย่างผู้ชนะว่า “สำนึกผิดเร็วดีนี่”
“เปล่า ตัวลืมกระเป๋าไว้” ส่งกระเป๋าให้แล้วแจ๊คก็ ขับรถพรืดออกไปเลย เมขลาอึ้ง พอได้สติก็ด่าตามหลัง
“เอ๊ย ไอ้แจ๊คบ้า ทิ้งเค้าไว้ได้ยังไง กลับมานะ กลับมาเดี๋ยวนี้ ไอ้แจ๊ค”
แต่แจ๊คก็ขับรถไปแล้ว ปล่อยให้เธอแผดเสียงเกรี้ยวกราดจนคอแทบแตกอยู่ตรงนั้น
เมขลาก้มหน้างุดเดินริมถนนนึกในใจว่าใครจำได้อายเขาตายที่นางเอกเบอร์หนึ่งมาเดินท่อมๆอยู่ริมถนน เหลือบเห็นรถแท็กซี่ก็รีบโบกแต่แท็กซี่ไม่รับ เธอด่าตามหลังอย่างหัวเสีย “บ้าเอ๊ย ไม่จอดแล้วยังเอาฝุ่นมาใส่หน้าอีก”
ขณะเดินหัวเสียอยู่นั้น มีเสียงบิ๊กไบค์ตามมาข้างหลัง เธอชะลอฝีเท้าจะให้แซงก็ไม่แซง ครู่หนึ่งก็ปาดมาจอดตรงหน้า เธอตกใจเงยหน้าดู พอเห็นหน้าคนขับบิ๊กไบค์ลงจากรถถอดหมวกกันน็อก เมขลาถึงกับอึ้ง นึกในใจว่า เดี๋ยวนี้แมสเซนเจอร์หล่อบาดใจขนาดนี้เลยเหรอ
พญานั่นเอง เขาตามมาเพื่อเอาเอกสารของตระกลมาให้ เมขลามองอย่างนึกไม่ถึงเพราะไม่เคยติดต่อเห็นหน้าค่าตากับตระกลลุงแท้ๆของเธอเลย
ooooooo
พญาไปจอดรถที่มอลล์เล็กๆ ตัวเองเข้าไปซื้อกาแฟ ปล่อยให้เมขลานั่งอยู่ที่รถเพราะเธอไม่อยากลงไปเกรงร้านจะแตกเพราะแฟนคลับมาเจอ ระหว่างนั้นเธออ่านจดหมายของตระกลที่พญาเอามาให้
“...ตอนที่หลานอ่านจดหมายฉบับนี้ ลุงคงไม่อยู่ แล้ว ถึงเราจะไม่ได้พบกันเป็นสิบกว่าปี แต่หนูก็เป็นหลานคนเดียวที่ลุงมี ดูแลป่าสายน้ำผึ้งให้ดี พญาเป็นคนดี เขาจะช่วยหนูได้ทุกอย่าง ไว้ใจคนนี้เถอะ แล้วหนูจะไม่ผิดหวัง”
เมื่อพญาซื้อกาแฟกลับมาถามว่าเธออ่านจดหมายจบหรือยัง
“จบแล้ว ไม่นึกเหมือนกันว่าลุงจะยังจำฉันได้แล้วป่าสายน้ำผึ้งที่ฉันได้เป็นมรดกนี่ เป็นยังไงคะ”
“เป็นป่าไม้สักที่สมบูรณ์ที่สุด”
ได้ฟังแค่นั้นเมขลาคิดจะขายทันที ถามว่าทางเขามีใครสนใจบ้างไหมและตนควรตั้งราคาขายเท่าไรดี พญาเสียความรู้สึกมาก ถามว่าจะรีบขายทำไมในเมื่อเธอยังไม่ได้ไปดูเลย
“ป่าเขาแบบนั้นมีอะไรน่าดู ไม่ไปหรอก เวลาของฉันมีค่า ไม่เสียไปกับพวกไร้สาระ” พญามองหน้าบอกว่าเธอไม่น่าเป็นหลานลุงตระกลเลย “หมายความว่าไงหน้าไม่เหมือนเหรอ”
“ลุงตระกลทุ่มเทมาก กว่าจะสร้างป่าสายน้ำผึ้งมาได้ขนาดนี้ แต่ยังไม่ทันได้เห็นมันเลย คุณคิดจะขายแล้ว มีความคิดบ้างหรือเปล่า ทำไมเห็นแก่เงินขนาดนี้”
เมขลาเลือดขึ้นหน้าหาว่าถูกพญาด่าถามว่าแล้วใครบ้างที่ไม่เห็นแก่เงิน เขาหรือ พญาสวนทันทีว่าอย่าคิดว่าทุกคนจะเหมือนเธอ
“เกินไปแล้ว ฉันเป็นใครคุณรู้ไหม ฉันเป็นนางเอกเบอร์หนึ่งของวงการ ไม่ว่าใคร ใหญ่แค่ไหน ก็ไม่เคยว่าฉัน แล้วคุณเป็นใคร ถึงมาด่าฉันอยู่เนี่ย” พญาพูดหน้านิ่งๆ ว่าถูกสปอยตามใจแบบนี้ ถึงเสียคน “นี่ชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ ฉันจะไม่ทนฟังคำพูดแบบนี้ของคุณอีกต่อไปแล้ว ขับรถออกไปขอให้เสยท้ายรถบรรทุกเลยนะ”
เมขลาจะลงรถ แต่ถูกพญาขวางไว้ก่อน พูดหน้าขรึมว่า “ถ้าคุณคิดจะขาย ผมขอซื้อเอง”
“เสียใจ ฉันไม่ขายให้คนอย่างนาย” เมขลา กระชากมือออกเดินสะบัดไป พญานั่งอึ้ง หน้าขรึมกับฤทธิ์เดชของเธอ
ooooooo
เมขลานั่งแท็กซี่กลับบ้านหลบๆซ่อนๆ น่ากลัวคนเห็นเป็นข่าวเสียรังวัดนางเอกเบอร์หนึ่งหมด แต่พอไปถึงบ้านก็เจอเหตุการณ์ที่ทั้งตกใจทั้งอายจนแทรกแผ่นดินหนี เมื่อเจอเจ้าหนี้มาโวยวายทวงหนี้ไข่มุกน้าแท้ๆที่เลี้ยงดูเธอมานับแต่พ่อแม่ตาย
เมื่อไข่มุกไม่มีเงินให้ก็ชี้ไปที่รถของเมขลาให้เอารถไปแทน เมขลาตวาดลั่นห้ามแตะต้องรถของตน วิ่งเข้าไปเอากระเป๋าฟาด และฉีดสเปรย์พริกไทยใส่ พอมันชะงักเธอหยิบมีดออกมาขู่
“ออกไปให้พ้นบ้านฉันเลยนะ ก่อนจะเรียกตำรวจ” มันหันขู่ก่อนถอยไปว่าถ้าเดือนหน้ายังไม่ให้หูแหว่งแน่ พอมันไปเมขลาถามไข่มุกว่า “หนูให้เงินน้าตลอดเลย ทำไมยังไม่เอาไปใช้หนี้มันให้หมด”
ไข่มุกอ้างค่าใช้จ่ายในบ้านมากมาย บอกว่าให้เอามาทีเดียวห้าล้านเลยจะได้ปิดเกมพวกมัน เมขลาตกใจถามว่าไหนน้าว่ากู้มาสองล้านไง ไข่มุกอ้างว่าเพราะดอกทบไปทบมา มาการีนลูกสาวไข่มุกทำหน้าสยองถามแม่ว่าจะทำอย่างไรดี คราวหน้าโดนตัดหูแน่
ไข่มุกให้เมขลาไปเบิกค่าตัวล่วงหน้าจากช่องก่อน เมขลาบอกเซ็งๆ เขาปลดตนออกไม่เหลืออะไรสักอย่างแล้ว ต่อไปก็ตัวใครตัวมันก็แล้วกัน สองแม่ลูกหน้าซีดไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะไม่เคยทำมาหากินอะไรเลย
เมขลาคิดหนัก เมื่อไม่มีทางออก ก็มองเอกสารที่ตระกูลฝากไว้ให้อย่างใช้ความคิด
ooooooo
เมขลาตัดสินใจขึ้นรถไฟจะไปดูป่าสายน้ำผึ้ง แม้จะพยายามอำพรางใบหน้าแล้ว แต่ก็ยังถูกปริม แฟนพันธุ์แท้ของเธอจำได้ แม้เธอจะพยายามปฏิเสธแต่ปริมก็จำได้ แนะนำตัวเองอย่างภูมิใจว่า
“ฉันชื่อปริมคะ เป็นครู และก็เป็นแฟนพันธุ์แท้ของคุณด้วย ติดตามผลงานทุกเรื่อง ตัวจริงคุณสวยกว่าในทีวีเยอะเลยค่ะ” แล้วปริมก็ขอถ่ายรูปด้วย เมขลาปั้นยิ้มทั้งที่เซ็งเต็มที
ปริมบอกว่าตนกำลังจะไปสอนที่ศูนย์เด็กเล็กในไร่ภูพญา ถามเมขลาว่าแล้วเธอจะไปไหน เธอบอกว่าจะไปป่าสายน้ำผึ้งถามปริมว่ารู้จักไหม ปริมไม่รู้จัก ปริมเห็นแหวนเพชรของเมขลาก็ชอบใจขอแลกกับจี้เพชรของตน เมขลาแลกทันที เพราะแหวนของตนเป็นเพชรเก๊ที่แจ๊คซื้อให้ แต่จี้ของปริมเป็นเพชรแท้น้ำงาม
ปริมดีใจมากที่ได้แลกของกับดาราในดวงใจ แม้ของตนจะแพงกว่าแต่ก็เต็มใจเพราะเป็นแฟนพันธุ์แท้ ปริมใส่แหวนพูดอย่างปลื้มปีติว่า “ใส่ได้พอดีเลยด้วย สวยจัง ดูไฮโซขึ้นทันตาเห็น ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณที่สุดเลย”
ปริมหันมายิ้มกับเมขลาอย่างปลื้มใจมาก เมขลาปั้นยิ้มให้แต่พอลับตาปริมก็เบ้หน้างึมงำ
“โง่จริงๆ ของเก๊แท้ๆยังดูไม่ออก”
ooooooo
ปริมจะไปเป็นครูที่ไร่ภูพญา พญาให้ทองหลางลูกน้องคนสนิทไปรับแต่รถเกิดสตาร์ตไม่ติดเขาจึงเอารถไปรับเอง
ปริมลงจากรถไฟก็รอคนมารับ แต่เมขลาเคว้งคว้างไม่รู้จะไปต่ออย่างไร พอดีพญามาถึง เธอถามเมขลาอย่างมีน้ำใจว่าจะไปอย่างไร เมขลาเริ่มใจไม่ดีเพราะนอกจากไปไหนไม่ถูกแล้วกำลังจะไม่มีเพื่อนด้วย พญาที่เคยพบปะกันก็ทำเมินและตัวเธอเองก็เชิดใส่อย่างถือดี แต่ความกลัวเหนือกว่าพูดประชดลอยๆว่า
“เดี๋ยว ยืนอยู่ทนโท่ไม่มีน้ำใจพาไปส่งเลยรึไง”
“เห็นคุณไม่ขอ เลยคิดว่าไม่ต้องการ...แล้วผมก็ไม่ได้ชื่อเดี๋ยว” พญาพูดอย่างไม่แยแส เมขลาแค้นแต่ไม่มีทางเลือก
ระหว่างเดินทางไปไร่ภูพญานั้น เมขลากับพญาโต้เถียงกันอย่างรุนแรง เธอวีนใส่เขาว่าตนจะพักที่ไร่เพียงคืนเดียวให้เขาติดต่อคนซื้อป่าสายน้ำผึ้งด้วย พญาพยายามหว่านล้อมให้เห็นคุณค่าของป่าสายน้ำผึ้งที่เป็นป่าสมบูรณ์ช่วยอุ้มน้ำ ช่วยด้านระบบนิเวศช่วยไม่ให้ฝนตกแล้วน้ำท่วมเมือง ถ้าขายไปเจ้าของคนใหม่ต้องตัดไม้หมดแน่
เมขลาตอบอย่างไม่แยแสว่าช่วยไม่ได้ ป่านี้เป็นของตน ตนจะทำยังไงก็ได้ จะขายใครก็ได้ แต่พอพญาถามว่าขายเท่าไรบอกมาเลย เธอยิ้มเหยียดบอกว่า
“บอกแล้วไงว่าไม่ขายให้คนอย่างคุณ...ฉันจะขายให้ทุกคนยกเว้นคุณ ฝันไปเถอะว่าชาตินี้คุณจะได้ป่าสายน้ำผึ้ง”
“ไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ไหนร้ายกาจแบบนี้” พญาพึมพำอย่างระอาใจ
“เหรอ งั้นก็เห็นซะนะ จำไว้ด้วยว่าฉันไม่ชอบคุณ ฉันเกลียดคุณ และจะไม่มีวันให้คุณได้ป่าสายน้ำผึ้งเด็ดขาด”
พญาโมโหจะหันมาโต้ตอบ รถเสียหลักไถลไปเจอตรงดินทรุด พญาหักหลบเลยทำให้เสียหลักตกลงไปข้างทาง ทุกคนตกใจร้องสุดเสียง สิ้นเสียงร้องทุกอย่างก็หยุดนิ่งและดับมืดลง
ooooooo
ที่โรงพยาบาลเล็กๆในต่างจังหวัด พญาลืมตาขึ้นก็เห็นเพ็ญผู้เป็นแม่นั่งอยู่ข้างเตียงถามอย่างเป็นห่วงว่าเป็นอย่างไรบ้าง เจ็บตรงไหนไหม
ขณะนั้นเองอรัญเพื่อนรักของพญาก็โผล่มาถามหยอกว่าทำไมถึงหกคะเมนไปข้างทาง แม่เพ็ญร้องไห้ไปสามยกแล้วไม่เป็นไรใช่ไหม พญาพยักหน้าถามว่าคนอื่นเป็นยังไงบ้าง
อรัญบอกว่าคนหนึ่งพ้นขีดอันตรายแล้วแต่อาการหนักกว่าเขา ส่วนอีกคนเสียชีวิตคาที่ ตอนนี้ยังไม่ รู้ว่าคนตายคือใคร กระเป๋าประเด็นมานอกรถ บัตรประชาชนตกน้ำดูหน้าไม่ออกเลย รู้แต่มีชื่อคุณปริมกับคุณเมขลาเห็นว่าเมขลาเป็นดาราด้วย พญาขอให้พาไปดูคนที่รอด อรัญบอกว่าดี จะได้ช่วยชี้ตัวด้วยว่าคนที่อยู่คือใคร
พญาถูกพาไปห้องคนไข้ที่เมขลานอนหลับสนิทอยู่ อรัญถามว่าคนนี้เป็นใคร พวกพยาบาลแถวนี้ดูแล้วไม่แน่ใจเพราะเคยเห็นแต่นางเอกตอนแต่งหน้า ไม่เคยเห็นตอนไม่แต่งหน้า ถามพญาว่าเขาจำได้ไหม
พญามองเมขลานิ่ง ยังไม่ทันตอบก็พอดีมือถืออรัญดังขึ้นแจ้งว่าญาติเมขลามาแล้วอรัญจึงบอกพญาว่าเดี๋ยวให้พวกนั้นมาชี้ตัวดีกว่าส่วนเขาดูท่าทางยังมึนๆอยู่ เดี๋ยวให้พยาบาลมาพากลับห้อง
อรัญไปพบไข่มุก มาการีน และแจ๊ค เขาบอกว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งรอดอีกคนเสียชีวิตแต่ไม่แน่ใจว่าคนไหนเป็นเมขลา พลางยื่นถุงใสๆ ใส่ของเมขลาส่งให้ ข้างในมีแหวนเพชรอยู่ด้วย อรัญบอกว่านี่เป็นของคนที่เสียชีวิต
แจ๊คเห็นแหวนจำได้ มาการีนก็จำได้ ไข่มุกถามว่าถ้าอย่างนี้คนที่ตายก็เป็นหลานตนแน่
“เอ่อ...ญาติจะเข้าไปดูศพไหมครับ เป็นการยืนยันอีกครั้ง” อรัญถาม
ไข่มุกบอกไม่ไปดูกลัวภาพติดตา แจ๊คบอกว่าถ้าคนที่ตายสวมแหวนวงนี้ก็ใช่เมขลา แล้วคร่ำครวญทำท่าจะร้องไห้ มาการีนบอกให้เข้าไปลา แจ๊คปฏิเสธวุ่นวายบอกว่าตอนอยู่ก็โคตรดุตายไปต้องเป็นผีเฮี้ยนแน่ ไม่ยอมเข้าไปแต่บอกให้มาการีนเข้าไป เธอส่าหน้าดิก
ขณะนั้นพยาบาลเข็นรถพญามาถึง เขาบอกให้หยุดและฟังการเกี่ยงกันเข้าไปดูศพของทั้งสามเงียบๆ
พญาคิดหนักว่าจะตัดสินใจอย่างไรดีกับสถานการณ์นี้ เมื่อกลับไปห้องพักคนไข้ อรัญไปหาเขาถามว่าพวกเขาไปดูศพกันหรือยัง อรัญบอกว่าไม่มีใครกล้าเข้าไปดู ทุกคนกลัวผีกันหมด แต่พวกเขาดูข้าวของแล้วยืนยันว่าไม่ผิดตัวแน่
พญาเครียด เขารู้แล้วว่าคนที่ตายคือปริม แต่เมื่อ นึกถึงความดื้อรั้นที่จะขายป่าสายน้ำผึ้ง และความร้ายกาจของเธอที่ประกาศไม่ขายให้เขาเด็ดขาดเพราะเกลียดเขามาก
ในที่สุดพญาตัดสินใจทำอะไรบางอย่างเพื่อรักษาป่าสายน้ำผึ้งที่เขาใช้เวลาและความพากเพียรพลิกฟื้นขึ้นมาจากป่าเสื่อมโทรมจนกลายมาเป็นป่าสักที่สมบูรณ์ที่สุด ที่ตระกลทั้งภูมิใจรักและหวงแหนมาก
ooooooo
วันต่อมา พญาเดินได้แล้ว เขาเข้าไปเยี่ยมเมขลาที่ยังต้องนอนติดเตียง เขาถามว่าดีขึ้นบ้างไหม ปรากฏว่าเมขลาความจำเสื่อมจำไม่ได้แม้แต่ตัวเอง หมอบอกว่าสมองคงได้รับความกระทบกระเทือนมาก คิดว่าอีกสักพักความจำคงกลับคืนมา
หมอบอกว่าไม่ต้องตกใจเดี๋ยวหมอจะสั่งยาให้ พอหมอออกไป เมขลามองพญาด้วยสายตาว่างเปล่า ถามว่าเรารู้จักกันด้วยหรือ เขาเป็นใคร และถามว่าตนเป็นใคร ชื่ออะไร พญานิ่งไปนิดหนึ่ง แล้วตัดสินใจบอกว่า
“คุณ...ชื่อปริม เป็นครูคนใหม่ของไร่ผม”
ศนิไปงานศพที่วัด เธอเสียใจมากที่เพื่อนรักจากไปโดยไม่ได้เห็นหน้ากันครั้งสุดท้าย แจ๊คบอกว่าทุกอย่างกะทันหันไม่มีใครได้เห็นหน้าเหมือนกัน มาการีนเดินมาบอกไข่มุกว่าประกันให้เรารีบทำเรื่องเลย เผาเสร็จก็รีบกลับกรุงเทพฯกันเถอะ
ไข่มุกหวังได้เงินประกันก้อนนี้ไปใช้ และโยนกลองให้แจ๊คจ่ายค่าทำศพที่นี่ เมื่ออรัญเอาซองมายื่นให้บอกว่าเจ้าของรถฝากมาช่วยงานศพ ไข่มุกโลภหวังจะเรียกร้องค่าเสียหายสักยี่สิบล้าน อรัญบอกว่ากรณีนี้เรียกร้องไม่ได้เพราะเป็นอุบัติเหตุสุดวิสัยและเมขลาก็เป็นคนขอติดรถมาเอง เมื่อไข่มุกเปิดซองดูเห็นเงินเกือบแสนก็ตาโต ทำเป็นพูดว่า
“ก็ยังดี...ที่มีน้ำใจกันบ้าง” แล้วรีบเก็บใส่กระเป๋า
ศนิมองอรัญรู้สึกสะดุดตา อรัญเพียงแต่ยิ้มให้นิดๆ อย่างไม่ได้สนใจ
ooooooo
เสี่ยส่งเจ้าพ่อประจำจังหวัดทำธุรกิจผิดกฎหมายทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตนแม้กระทั่งการค้ามนุษย์ พอได้ข่าวว่าเจ้าของป่าสายน้ำผึ้งตายและญาติรีบเผาศพแล้วกับกรุงเทพฯ ก็สั่งมิ่งที่ถามว่าเสี่ยจะให้ทำอย่างไรต่อไปว่า
“รอดูว่าใครจะได้ที่แปลงนี้ ช่วงนี้เงียบๆไว้ก่อน ดูว่าใครจะได้เป็นเจ้าของคนใหม่ ถึงตอนนั้นค่อยรีบจัดการ”
เมื่ออาการบาดเจ็บของเมขลาหายดีแล้ว พญาพาเธอนั่งรถผ่านป่าสายน้ำผึ้งไปยังไร่ภูพญาของเขา เขาชี้ให้เธอดูว่านี่คือป่าสายน้ำผึ้ง เธอถามงงๆ ว่าป่าสายน้ำผึ้งคืออะไร พญาบอกว่าเดี๋ยวไปอยู่ก็รู้ เมขลารับไม่ได้ถามว่าตนต้องมาอยู่ในป่าหรือพญาบอกว่าไม่ใช่ เธอจะไปอยู่ไร่ของตน แล้วขับรถไปเรื่อยๆจนถึงทางเข้าไร่
มีป้ายขนาดใหญ่สวยงามว่า
“ไร่ภูพญา”
เมขลามองไปรอบๆ อย่างตื่นตาตื่นใจกับบริเวณไร่ที่สวยงาม
ที่ไร่ภูพญานี้ มีป้าแหวงเป็นแม่ครัวประจำไร่ นิสัยชอบเม้มค่ากับข้าวเป็นประจำ มีหลานสาวชื่อกุ้งที่ป้าแหวงหมายมั่นปั้นมือจะให้จับพญายกฐานะหลานเป็นคุณนายเจ้าของไร่ และมีบัวผาดแม่บ้านของบ้านภูพญา ที่สอดรู้สอดเห็นมือไวมักได้ รักสวยรักงามและขี้อิจฉา
เพ็ญแม่ของพญาตรวจใบสมัครเช็กกับบัตรประชาชนของครูปริมซึ่งรูปเลอะเลือนบ่นว่าไม่ค่อยเหมือนเท่าไหร่บอกว่าเธอถ่ายรูปไม่ขึ้น บ่นสงสารดาราที่ตายไป เมขลาได้ยินถามว่าดาราที่ไหน
“อ้าว...ก็ที่เค้าติดรถมาสถานีรถไฟ จำไม่ได้เหรอ เห็นเขาว่าเป็นดาราชื่อเมขลาอะไรนี่แหละ”
เมขลานิ่งคิด เรื่องราวกับปริมค่อยๆเห็นภาพขึ้นแต่ไม่ปะติดปะต่อ จนในที่ห้องทานข้าว เธอรู้สึกปวดหัวทำท่าเหมือนจะจำอะไรขึ้น เมขลากุมหัวบอกว่าตนเห็น...
“เห็นอะไร” พญาถามเร็วมาก
“เห็นแล้ว เป็นภาพเร็วๆ แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
พญาหน้าเสียกลัวความลับแตก บอกว่าอย่างเพิ่งไปเค้นสมองมาก ทำใจให้สบาย ไม่ต้องคิดมาก ทำงานอยู่ที่นี่ไป ขาดเหลืออะไรก็ให้บอกไม่ต้องเกรงใจ
ooooooo
แม้ว่าเมขลาจะความจำเสื่อม แต่จิตใต้สำนึกการใช้ชีวิตที่ผ่านมาทำให้เธอไม่คุ้นชินกับการอยู่บ้านไม้หลังเล็กๆ ไม่มีแอร์ ไม่มีตู้เย็น ทีวี ซ้ำไฟก็ใช้แผงโซลาร์กับน้ำมันมีให้ใช้แค่เจ็ดโมงเช้าถึงสองทุ่มเท่านั้น
ขณะกำลังเซ็งกับชีวิตที่ไม่สะดวกสบาย ก็ต้องมาเสียอารมณ์เมื่อดอกปีบคนใช้ในบ้านที่พญาสั่งให้จัดเสื้อผ้าให้เธอเปลี่ยนมาให้อีก เธอหยิบดูแล้วเบ้หน้าว่า
“เฉิ่มเบ๊อะมาก โบกว่านี้ยังมีอีกไหม”
“นี่ มาทำงานเป็นครูในไร่ไม่ได้มาเดินแบบ เล่นละครนะแม่คุณ” พญาทำเสียงดุ พอเมขลาทำท่าจะเถียง เขาปรามว่า “ขึ้นเสียงเหรอ อย่าลืมว่าเธอเป็นลูกจ้างฉัน ไม่ใช่...” พญาหยุดชะงัก ลดเสียงลงบอกว่าให้พักครึ่งชั่วโมงแล้วเตรียมตัวไปทำงาน พูดจบก็หันหลังเดินไป เมขลาทำหน้าเบ้บ่นกระปอดกระแปด
“หืม...เยอะไปเปล่าเนี่ย วันแรกก็ให้ทำเลยโรงงานนรกนี่หว่า”
พักครึ่งชั่วโมงเป๊ะ พญาก็มาพาเธอไปที่ศูนย์เด็กเล็กไร่ภูพญา พวกเด็กๆ อันมีปลากัด น้ำตาล น้ำอ้อยพากันมาแอบดูวิพากษ์วิจารกันประสาเห่อครูใหม่ ครูสวย
พญาแนะนำว่าที่นี่เป็นศูนย์เด็กเล็ก เป็นพวกลูกคนงาน เมขลาถามว่าจะให้ตนทำอะไร พญาบอกว่าเตรียมความพร้อมให้เด็กก่อนไปเรียนชั้นประถมในอำเภอ ส่วนวิชาที่สอนก็เป็นวิชาทั่วไป
เมขลาบอกว่าตนทำไม่ได้ ไม่เคยสอน พญาตีขรึมว่าเธอเป็นครูปริมต้องทำได้ เมขลาตั้งท่าจะเหวี่ยงใส่ แต่ทองหลางวิ่งเข้ามารายงานเสียก่อนว่างานที่สั่งเมื่อเช้าเสร็จแล้ว หันมองเมขลายิ้มเผลอเจ๋อทักว่า
“ครูปริมใช่ไหมครับ นึกว่านางงามที่ไหน ผมชื่อทองหลางครับ เป็นผู้ช่วยของนาย ถ้าไม่รู้จักใครหรือสงสัยเรื่องอะไรในไร่ถามผมได้ทุกอย่าง” เมขลาถามว่าได้ทุกเรื่องใช่ไหม ทองหลางรับคำแข็งขัน แต่พอเมขลาถามว่าตนไม่เป็นครูได้ไหม ทองหลางก็คอย่นยิ้มแห้งๆ พูดเสียงแหบๆแทบไม่ได้ยิน “อุ๊ย...งานเข้าแล้วสิตู...”
ooooooo
พญาพาเมขลาเดินไปบริเวณชายป่า ทั้งสองเถียงกันไปตลอดทาง เมขลายืนกรานจะไม่เป็นครู อ้างเหตุผลสารพัดหมดมุกก็อ้างว่าตนยังเป็นคนป่วยอยู่ต้องพักฟื้นอีกหลายเดือน พอพญาไม่ยอม ก็ดื้อแพ่งว่า
“ไม่รู้ ไม่สน ไม่ทำอะไรทั้งนั้น” แล้วเดินหน้าเหวี่ยงลิ่วไปเลย พญาเรียกให้กลับมาเดี๋ยวหลงป่า ก็สะบัดเสียงใส่ว่าไม่ต้องมายุ่ง แล้วเดินลิ่วๆไป พญามองตามบ่นอย่างเอือมระอาว่า
“ทำอวดเก่ง ไปเลย เดี๋ยวเหนื่อยก็กลับมาเอง”
เมขลาเดินบ่นด่าพญาไปอย่างหัวเสีย พอนึกได้ก็เดินลึกเข้าไปในป่า หยุดมองไปรอบๆงงๆ ถามตัวเองว่าอยู่ไหนแล้วนี่ แล้วชี้มั่วไปว่า
“ทางนี้ไปด้านนั้น ทางนั้นด้านนี้ แล้วมันไปทางไหนแน่...” มองไปรอบตัวต้นไม้เหมือนๆกันหมด ตกใจร้องตะโกนสุดเสียง “ช่วยด้วย...”
พญากลับไปที่เรือนเพาะกล้าไม้ไร่ลุงตระกล ไปดูทองหลางกับคนงานช่วยกันแยกกล้าไม้ตามออเดอร์ชุดใหญ่ที่สั่งมาจากกรุงเทพฯ ครู่ใหญ่จึงนึกได้ว่าเมขลาหายไป จนเกือบเลิกงานทองหลางถามว่าคนงานจะกลับกันหมดยังไม่เห็นครูปริมจึงช่วยกันออกตามหา
เมขลาหลงป่าไม่พอยังเจอหมูป่าไล่กัดอีก เธอวิ่งหนีไปไล่และด่าหมูป่าไปราวกับมันฟังรู้เรื่อง ทองหลางเห็นจึงชี้บอกพญาว่าเจอแล้ว วิ่งหนีหมูป่าอยู่นั่น
เมขลาปีนต้นไม้หนีหมูป่า พวกทองหลางมาถึงพอดีช่วยกันไล่หมูป่าไป เธอจึงกระโดดลงจากต้นไม้มองหมูป่าที่วิ่งหนีไปร้องท้าอย่างอวดเก่ง
“โด่...ไม่แน่จริงนี่นา วิ่งหนีหางจุกตูดเลย” แล้วหันมองพวกพญาคุยโม้ว่า “แหม...เกือบได้กินหมูป่าผัดเผ็ดแล้ว”
“รู้ไหมว่าทำให้คนอื่นเขาลำบาก ออกตามหากันไปทั่ว ถ้าหลงป่าเข้าไปลึกกว่านี้จะทำยังไง ดีนะไอ้ตัวที่ไล่มาเป็นแค่หมูป่าไม่ใช่เสือ เธอตกใจถามว่ามีเสือด้วยหรือ พญาบอกว่ามี ดุมากด้วยยิ่งเนื้อผู้หญิงหวานๆ มันชอบ เมขลาด่าว่าบ้า มีแต่เสือผู้หญิงอย่างเขาน่ะสิ พญาสวนทันทีว่า “ถ้าผมเป็นเสือ ยอมหิวตายดีกว่ากินคุณ”
“โอ้ย...ทั้งปากจัด ทั้งขี้บ่น ผู้ชายอะไร คราวหลังคุณก็ทำป้ายติดไว้สิ ฉันจะได้ไม่หลง”
พญาโมโหจนอยากจะเข้าไปบีบคอ แต่ทำได้แค่บ่นว่าทำผิดแล้วยังพูดมากอีก เมขลาทำเป็นไม่สนใจเดินนำออกไป พอนึกได้ว่าไม่รู้ทางก็ถอยกลับมาผายมือทำท่ายียวน
“คุณรู้ทางก็นำสิ ขืนช้าให้มันกินคุณก่อนด้วย”
พญาจึงเดินนำไปอย่างระอากับลีลากวนประสาทมากมายของแม่สาวจอมแสบคนนี้
ooooooo
คืนนี้เมขลานอนฝันว่าตนอยู่ในกองถ่าย กำลังถ่ายละครคิวบู๊ นักข่าวพากันถ่ายรูปอย่างตื่นเต้น
รุ่งขึ้นเล่าความฝันให้พญาฟังที่โต๊ะอาหาร พญากลัวเธอจะจำตัวเองได้ บอกเธอว่าไร้สาระตั้งใจสอนเด็กให้ดีเถอะ
กินข้าวต้มเสร็จพญาบอกว่าตนจะเข้าเมือง เมขลาวิ่งตามขอไปด้วย เธอรั้นตามไปจนได้ เมื่อไปถึงตัวเมืองเล็กๆ พญาบอกว่าตนจะไปทำธุระแถวนี้ อย่าไปไหนไกล อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันตรงนี้ เมขลาบ่นอุบอิบว่าเวลาน้อยจังแล้วเดินไปดูแผงขายเครื่องสำอางอย่างคุ้นชิน หยิบมาลองแต่งหน้า เด็กขายของซึ่งเป็นพม่าเห็นแล้วยิ้มชมว่าสวยจังแล้วอาสาจะแต่งให้
พอแต่งเสร็จเมขลาที่หน้าตาจืดๆก็กลายเป็นเมขลาที่สวยพริ้งเป็นนางเอกเบอร์หนึ่งไปทันที
เมขลาเดินกลับมาทันเวลาครึ่งชั่วโมงที่นัดไว้พอดี มาถึงเห็นพญายืนคุยอยู่กับแอนนี่ลูกสาวเสี่ยส่งอยู่
แอนนี่ดีใจมากที่ได้เจอพญาซึ่งเป็นเพื่อนสมัยเรียนด้วยกันและตนปลื้มความหล่อของเขามานาน ส่วนเสี่ยส่งที่มาด้วยมองพญาเมินๆ
แอนนี่บอกว่าเสียใจด้วย ได้ข่าวว่ารถคว่ำเจ้าของป่าสายน้ำผึ้งตาย เสี่ยส่งยืนฟังอยู่ด้วยพูดเหน็บว่าอาจมีคนดีใจอยู่ก็ได้ ป่าหลายร้อยล้านแบบนั้นอีกไม่นานก็มีทายาทโผล่มาแน่ พญามองหน้าถามว่าพูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร เสี่ยส่งบอกว่าแล้วแต่จะคิด ทำไม่รู้ไม่ชี้แล้วบอกแอนนี่ว่าซื้อของเสร็จแล้วกลับกันเถอะ
เมขลามาถึงพอดี พญาจึงแนะนำให้รู้จักกับแอนนี่ว่าเธอคือปริม ครูใหม่มาสอนเด็กที่ไร่ตนแอนนี่แสดงความสนิทสนมกับพญาโชว์เมขลาก่อนแยกกัน
เมขลาแซวว่าไม่เบาเลยมีกิ๊กเป็นลูกสาวเจ้าพ่อด้วย พญาดุว่าพูดมาก ถามว่าไปแต่งหน้าทาปากที่ไหนมา
“อ๋อ...ในตลาด แต่งฟรีด้วยนะ เลยทานั่นทานี่ซะมันมือเลย ที่จริงฉันน่าเป็นคนขายเครื่องสำอางมากกว่าครูอีกนะ คุณว่าไหม”
ooooooo










