ตอนที่ 9
เตชินแวะไปหานวลทิพย์กับทรงศักดิ์ที่โรงแรมอันดามันเพิร์ลเพื่อเร่งให้หาคนผิดเรื่องยักยอกเงิน ถ้าขืนชักช้าเนิ่นนานกว่านี้ ไม่รู้ว่าจะมีใครโดนทำร้ายเหมือนที่พศิกาโดน ทั้งสองคนรับปากจะรีบจัดการให้
จากนั้นไม่นานเตชินเดินมาตามทางเพื่อจะไปท่าเรือ ขณะกำลังหยิบมือถือขึ้นมาจะโทร.หาเสกสรร คนร้ายพุ่งมาจากด้านหลังเอายาสลบโปะหน้า อึดใจก็หมดสติ มือถือตกพื้น แล้วลากตัวเขาออกไป
ผ่านไปพักใหญ่จนใกล้ค่ำเตชินถึงได้รู้สึกตัว
ตกใจแทบช็อกเมื่อเห็นตัวเองถูกมัดติดกับเก้าอี้แถมมีระเบิดพันไว้รอบตัวอีกต่างหาก ระเบิดเวลากำลังเดินถอยหลัง เขามีเวลาอีก 60 นาทีต้องหนีเอาตัวรอดให้ได้...
เหมือนมีลางสังหรณ์ส่งถึงกันอยู่ๆแก้วน้ำในมือพศิกาหล่นแตก เธอใจคอไม่ดีกลัวเกิดเรื่องร้ายกับเตชิน จะโทร.หาเขาก็ไม่กล้าก็เลยโทร.หาจิรายุแทน ได้ความว่าเขายังไม่กลับวันนี้ต้องแวะไปที่โรงแรมก่อน
“พี่พั้นซ์มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“อยู่ดีๆพี่ก็นึกเป็นห่วงคุณเตชินขึ้นมาไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร”
จิรายุกระเซ้า คงเป็นเพราะเธอคิดถึงเขา คนรักกันชอบกันพอไม่ได้อยู่ใกล้กันก็ต้องรู้สึกห่วงหาอาทรกันเป็นธรรมดา โดนจี้ใจดำเข้าไปพศิกาถึงกับอึ้งไปอึดใจก่อนจะปฏิเสธว่าไม่ได้คิดถึงเขาแล้ววางสายไปเลย...
เหลือเวลาที่ระเบิดจะทำงานอีกเพียง 2 นาทีตอนที่เตชินแกะระเบิดออกจากตัวสำเร็จ รีบปาออกไปสุดแรงเกิด แล้ววิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณป่าท้ายเกาะไข่มุก คนร้ายในชุดดำมี
ผ้าคาดหน้าหันขวับไปยังต้นเสียง เห็นเตชินวิ่งอยู่ไกลๆ
ก็เจ็บใจมาก ไล่ตามจนทัน และเกิดการต่อสู้กันขึ้น
จังหวะหนึ่งเตชินพลาดท่าเสียทีถูกต่อยล้ม คนร้ายขึ้นคร่อมแล้วบีบคอ เขาควานหาตัวช่วยจนมือสัมผัสกับก้อนหิน คว้ามาทุบหัวคนร้ายจนคลายมือจากคอ เตชินถีบเขากระเด็นแล้ววิ่งหนี คนร้ายเอามือคลำหัวป้อยๆ เห็นเลือดเปื้อนมือตัวเอง มองตามเหยื่อที่วิ่งหนีไปด้วยความแค้น เตชินรีบไปซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้า สายตาคอยจับจ้องไปรอบๆบริเวณ กลัวคนร้ายจะตามเจอ...
ขณะที่เตชินต้องหนีหัวซุกหัวซุน พศิกาข่มตาหลับไม่ลง เป็นห่วงเขามาก ตัดสินใจโทร.จองตั๋วเครื่องบินเดินทางกลับเกาะไข่มุก โดยทิ้งจดหมายขอโทษแม่ไว้บนเตียง อ้างที่ไม่รอบอกด้วยตัวเองเพราะรู้ว่าท่านต้องไม่อนุญาตให้กลับไปที่นั่น
ooooooo
ทั้งนลินี มณีกาญจน์และจิรายุต่างเป็นห่วงเตชินเช่นกันที่หายตัวไปตั้งแต่เมื่อวาน โทร.หาก็ไม่รับสาย โทร.ไปถามที่โรงแรม ได้ความว่าออกมา ตั้งแต่บ่ายเมื่อวานแล้ว นลินีใจคอไม่ดีกลัวไปต่างๆนานา
“จิลว่าเราโทร.หาคุณเสกสรรดีกว่านะคะ”...
ในเวลาไล่เลี่ยกัน ขณะพศิกาลากกระเป๋ามาตามทางเดินในรีสอร์ต สวนกับนักท่องเที่ยวสองคนที่กำลังคุยกันถึงเรื่องได้ยินเสียงอะไรดังๆเหมือนระเบิดเมื่อคืนนี้ เธอตกใจมาก ปรี่เข้าไปถามว่าเสียงที่ทั้งคู่ได้ยินดังมาจากทางไหน เมื่อรู้ทิศทางของเสียงระเบิดแล้ว พศิกาโทร.ตามจิรายุให้มาพบถึงได้รู้ว่ายังไม่เจอตัวเตชิน แต่เธอโทร.บอกเสกสรรแล้ว อีกไม่เกินหนึ่งชั่วโมงคงมาถึง พศิกาเป็นห่วงเตชินเกินกว่าจะรอไหว ขอล่วงหน้าไปดูทางท้ายเกาะซึ่งลูกค้าบอกว่าได้ยินเสียงดังเหมือนระเบิด ถ้าเสกสรรมาถึงเมื่อไหร่ให้รีบตามไป แล้วเดินลิ่วออกไปโดยไม่ฟังเสียงห้ามปรามของจิรายุ...
ที่ด้านท้ายของเกาะ เตชินค่อยๆยื่นหน้าออกมามองไปรอบๆไม่เห็นใครนึกว่ารอดแล้ว รีบออกจากที่ซ่อน คนร้ายที่ดักรออยู่พุ่งใส่ เกิดตะลุมบอนย่อยๆกันขึ้น เตชินไม่ได้นอนมาทั้งคืน ร่างกายอ่อนแรงสู้คนร้ายไม่ได้ถูกจับบิดแขนถึงกับร้องลั่น พศิกาได้ยินเสียงร้องตามเข้ามาช่วย เตชินไล่ให้เธอหนีไปเขาทนเห็นเธอเป็นอะไรไม่ได้
“ฉันก็ทนเห็นคุณเป็นอะไรไม่ได้เหมือนกัน ถ้าจะตายก็ต้องตายด้วยกัน”
คนร้ายยินดีจัดให้ตามที่พศิกาต้องการ เงื้อมีดพุ่งเข้าหา เตชินรีบเอาตัวเองบังเธอไว้ ก่อนที่คมมีด
จะปักกลางหลังของเขา เสกสรรที่ตามมากับจิรายุยิงปืนใส่มือคนร้ายทำให้มีดหล่นเสียก่อน เขาเห็นท่าไม่ดี
วิ่งหนี โดยมีนายตำรวจหนุ่มวิ่งไล่ เตชินดึงพศิกามากอดแนบอกด้วยความโล่งใจ
เสกสรรตามคนร้ายไม่ทันตัดสินใจหันหลังกลับ คนร้ายที่ซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้มีเลือดซึมจากถูกเตชินใช้ก้อนหินทุบหัว ค่อยๆถอดหมวกกับผ้าคาดหน้าออก ปรากฏว่าเป็นเอกรัตน์นั่นเอง...
ในเวลาต่อมา จิรายุประคองเตชินที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำกลับถึงบ้าน นลินีเห็นสภาพของลูกชาย เข้ามาลูบหน้าลูบหลังด้วยความเป็นห่วง ไม่วายโทษว่าเป็นเพราะพศิกาที่แส่ไปสืบเรื่องยักยอกเงิน พลอยทำให้เขาซวยไปด้วย เขาขอร้องอย่าไปว่าเธอเลย เธอทำถูกแล้ว นลินีแค้นใจมากที่เขาปกป้องนังนั่นโวยวายบ้านแทบแตก จิรายุเห็นท่าไม่ดีสะกิดมณีกาญจน์ให้ช่วยเขาด้วย
“ลี ฉันว่าปล่อยให้ตาเต้ไปพักก่อนเถอะเพราะท่าทางจะไม่ได้นอนทั้งคืน ไปสิเต้”
ตั้งแต่พศิกาหนีออกจากบ้าน ทั้งมัทนาและพศินไม่สามารถติดต่อเธอได้ มัทนาเป็นห่วงเธอมากจะตามไปเอาตัวกลับกรุงเทพฯวันนี้เลย พศินห้ามไว้ ขืนทำอย่างนั้นเธออาจจะหนีไปอีก อาสาจะไปตามให้เอง...
ทางฝ่ายณีและปลาเห็นพศิกากลับมาต่างดีใจมากโผกอดไว้แน่น ขอคำมั่นจากเธอว่าจะไม่ทิ้งกัน
ไปไหนอีก เธอรับปากจะอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ณีอดเป็นกังวลแทนเธอไม่ได้ นลินีแต่งตั้งตัวเองเป็นรองประธานฯแถมยึดห้องทำงานของพศิกาไปด้วย แล้วเธอจะทำอย่างไร
“ไม่ยากเลยค่ะ พั้นซ์ก็แค่ไปทวงของที่เป็นของพั้นซ์คืน”
ooooooo
เช้าวันต่อมา นลินีเปิดประตูห้องรองประธานฯเข้ามากับสุดารัตน์ถึงกับปรี๊ดแตกเมื่อเห็นพศิกานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ไล่ตะเพิดออกไปให้พ้น เธอไม่ยอมไปไหนทั้งนั้นที่นี่เป็นห้องทำงานของเธอ สุดารัตน์ช่วยไล่อีกแรงหนึ่ง ประกอบเปิดประตูเข้ามาพอดีเตือนว่าใครก็ไล่พศิกาออกไม่ได้ นลินีมองเขางงๆ มาทำอะไรที่นี่
“ฉันเชิญคุณอาประกอบมาเองค่ะ ฉันคิดว่าคุณนลินีคงจะลืมคำสั่งเสียของคุณลุงพงศ์ไปแล้ว จึงต้องรบกวนคุณอาประกอบให้มาทวนความจำของคุณอีกสักครั้ง”
ประกอบอ่านพินัยกรรมให้ฟังคร่าวๆว่าไม่มีใครสามารถไล่พศิกาออกจากตำแหน่งรองประธานฯตลอด
ระยะเวลาสองปีได้ และระหว่างนี้นลินีซึ่งไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามาบริหารบริษัท ไม่มีสิทธิ์ในการเข้าประชุมหรือได้รับตำแหน่งใดๆจนกว่าพศิกาจะตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งหลังพ้นระยะเวลาสองปีที่กำหนดไปแล้ว เขายังเตือนอีกว่าถ้าใครไม่ทำตามที่พินัยกรรมระบุเอาไว้จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย นลินีแค้นมากเดินกระแทกเท้าปังๆออกไป โดยมีสุดารัตน์ตามไปติดๆ ขณะที่พศิกาถอนใจโล่งอก...
นลินีเดินสีหน้าบอกบุญไม่รับมาเจอเตชินเดินสวนทางมา ถามเสียงเขียวรู้หรือเปล่าว่าพศิกากลับมาแล้ว เขารู้ตั้งแต่เมื่อวาน เพราะเธอเป็นคนมาช่วยเขาเอาไว้ นลินีต่อว่าว่ารู้แล้วทำไมไม่บอก ท่านจะได้เตรียมรับมือวันนี้นังนั่นหักหน้าท่านด้วยการเรียกประกอบมาย้ำให้ท่านรู้ว่าท่านไม่มีสิทธิ์ในการบริหารงานที่นี่
“มันได้ใจเพราะมีแต่คนให้ท้าย มันถึงกล้าเหยียบย่ำแม่”
“แม่ครับ คุณพั้นซ์ทำถูกต้องแล้วผมไม่เห็นว่าเธอจะทำอะไรผิดตรงไหน ดีซะอีกที่เธอกลับมาเพราะเธอเป็นคนเดียวที่รู้จักเกาะไข่มุกดีที่สุด ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ” คำพูดเข้าข้างพศิกาของเตชินยิ่งทำให้นลินีชิงชังเธอมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ...
ฝ่ายจิรายุเห็นพศินกลับมาที่เกาะไข่มุก เผลอโดดกอดด้วยความดีใจ ยังไม่ทันทักทายให้หายคิดถึง เขาขอให้พาไปพบพศิกา แถมจะขอคุยกับเธอตามลำพัง ระหว่างรอเขาอยู่หน้าห้องทำงานของพศิกา จิรายุอดเป็นกังวลไม่ได้ว่าเขาจะชวนพศิกากลับกรุงเทพฯ พอพศินออกมาจากห้อง เธอปรี่เข้าไปถามว่าคุยอะไรกัน
เป็นอย่างที่จิรายุคาดไว้ พศินชวนพศิกากลับบ้าน แต่เธอไม่ยอมกลับ เขายังไม่ถอดใจตั้งใจมั่นจะต้องพาเธอกลับกรุงเทพฯให้ได้ จิรายุไม่พอใจมากด่าเขาว่าใจร้ายใจดำและเห็นแก่ตัวที่สุด
“ผมเป็นอย่างที่คุณพูดตรงไหน”
“ทุกตรงนั่นแหละ นายใจดำตรงที่ไม่ยอมให้พี่พั้นซ์อยู่ที่นี่ นายใจร้ายตรงที่นายจะห้ามไม่ให้พี่พั้นซ์ทำตามคำขอร้องครั้งสุดท้ายของคุณลุงพงศ์และนายเห็นแก่ตัวตรงที่จะเอาพี่พั้นซ์กลับไป ฉันอยากให้นายลองนึกกลับกัน ถ้าหากมีคนมาขอร้องให้นายทำบางอย่างให้กับเขาก่อนที่เขาจะหมดลมหายใจ นายจะทำให้เขาไหม” พูดจบจิรายุผละจากไป พศินคิดคล้อยตามคำพูดของเธอ เข้าไปบอกพศิกาว่าไม่ต้องกลับกรุงเทพฯแล้ว เขาจะพูดกับมัทนาให้เอง และจะอยู่ที่นี่กับเธอ จะได้ช่วยกันทำเรื่องนี้ให้จบเร็วที่สุด พศิกาดีใจจนพูดไม่ออก
ooooooo
เพื่อไม่ให้ใครสงสัยกับการกลับมาครั้งนี้ พศินแนะให้พศิกาทำตัวเหมือนเดิม จะให้ใครรู้ว่าเราเป็นพี่น้องกันไม่ได้ เธอต้องกำชับเตชินเรื่องนี้ ส่วนเขาจะย้ำกับจิรายุเช่นกัน พศิกาไม่เข้าใจทำไมต้องห้ามบอกใครด้วย
“ถ้าทุกคนรู้ว่าเราเป็นพี่น้องกัน คนรอบตัวพัฒน์จะระวังตัวมากขึ้นจะไม่มีใครกล้าเล่าอะไรให้พัฒน์ฟัง”
จิรายุเห็นทั้งคู่เดินมาด้วยกัน รีบเข้าไปโวยใส่พศินเพราะคิดว่าจะพาพศิกากลับกรุงเทพฯ พอรู้ว่าเธอไม่กลับ แถมพศินจะอยู่ที่นี่ด้วย จิรายุแทบโดดตัวลอยด้วยความดีใจ...
เมื่อได้อยู่ลำพังกับจิรายุ พศินสารภาพอย่างไม่อ้อมค้อมว่าชอบเธอมาก และขออนุญาตจีบเธออีกด้วย จิรายุอายจนพูดอะไรไม่ออก เดินหนีไปหน้าตาเฉย
“คุณไม่ตอบ ผมจะถือว่าคุณอนุญาตให้ผมจีบคุณได้นะครับคุณจิล” พศินตะโกนไล่หลัง พลันมีเสียงมือถือของเขาดังขึ้น มัทนาโทร.มาถามความคืบหน้าเรื่องพศิกา เขาแต่งเรื่องว่าเธอไม่ยอมกลับ ไม่ว่าจะกล่อมอย่างไรเธอก็ไม่ยอมท่าเดียว แถมยังขู่ด้วยว่าถ้าเขาบังคับมากๆ เธอจะไม่คุยกับทุกคนที่บ้านอีก
“งั้นหมายความว่าป้าต้องยอมให้พั้นซ์อยู่บนเกาะไข่มุกต่อไปใช่ไหม”
พศินรับคำ แต่เพื่อความสบายใจของมัทนา เขาจะอยู่เป็นเพื่อนพศิกาเอง มัทนาครุ่นคิดหนักจะทำอย่างไรดี ตัดสินใจโทร.ถามลูกตรงๆว่าเหตุผลที่เธอต้องกลับไปที่เกาะไข่มุกไม่ใช่เพราะต้องรับผิดชอบต่อคำสั่งของอนุพงศ์เท่านั้น แต่เพราะเธอรักเตชิน เธอถึงได้ยอมเอาชีวิตไปเสี่ยง พศิกายอมรับว่าใช่
“แม่รู้ว่าแม่ห้ามลูกไม่ได้ แต่ถ้าครั้งหน้ายังเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก แม่จะไปตามลูกกลับมาด้วยตัวเอง”
“พั้นซ์ขอบคุณแม่มากนะคะ”...
สิรินดาเดินผ่านห้องพักของพศิน เห็นเขาอยู่ในห้อง ดีใจมากเข้ามาทักทายถามไถ่หายไปไหนมา เธอเป็นห่วงแทบแย่ เขาแต่งเรื่องว่าที่บ้านมีปัญหานิดหน่อยก็เลยต้องกลับไปจัดการ สิรินดายังใช้สรรพนามแทนตัวเองว่า “เค้า” และเรียกพศินว่า “ตัวเอง” เหมือนเดิม ระหว่างนั้นสุดารัตน์โทร.มาจิกให้เธอไปหา สิรินดาบ่นอุบไม่รู้จะอะไรกันหนักหนา เดี๋ยวเรียกๆทั้งวี่ทั้งวันน่าเบื่อ เขาเห็นสุดารัตน์ดูท่าทางจะรักเธอมาก
“รักอะไรล่ะเขาเรียกว่าจิกหัวใช้มากกว่า ป้าดาชอบทวงบุญทวงคุณเพราะเอารินมาเลี้ยงตั้งแต่เด็กๆ เธอชอบพูดว่าเธอเสียเงินเสียทองให้รินไปมากรินต้องทำอะไรเป็นการตอบแทนเธอบ้าง”
พศินสงสัยแล้วพ่อกับแม่ของเธอไปไหน สิรินดาไม่รู้เหมือนกัน ตั้งแต่จำความได้มีแต่ป้าดาคนเดียวที่เป็นครอบครัวของเธอ แล้วขอตัวไปหาป้าก่อนจะโดนเล่นงาน...
สุดารัตน์โทร.จิกให้สิรินดาเอาผ้าของเธอไปซักให้ หญิงสาวชักสีหน้าไม่ค่อยจะพอใจ ก็เลยโดนเธอเล่นงาน พร้อมกับทวงบุญคุณที่ตนเป็นคนชุบเลี้ยง ดังนั้นเธอจะใช้ให้สิรินดาทำอะไร ก็ต้องทำให้โดยไม่มีเงื่อนไข
ooooooo
ไม่ได้มีแต่สิรินดาเท่านั้นที่สุดารัตน์คอยพูดกรอกหูเรื่องมีบุญคุณค้ำคอ นวลทิพย์ก็ถูกเธอลำเลิกบุญคุณที่ช่วยเลี้ยงสิรินดามาตั้งแต่ 5 ขวบเช่นกัน ขู่ถ้าไม่ให้เงินตามที่ตัวเองต้องการ จะบอกให้สิรินดารู้ความจริงว่าเป็นลูกใครกันแน่ พลันภาพในอดีตผุดขึ้นมาในความทรงจำของนวลทิพย์
ตอนนั้นสุดารัตน์ถึงกับตะลึงเมื่อรู้ว่านัชชาวัย 5 ขวบหรือชื่อปัจจุบันคือสิรินดา รอดจากเรือระเบิด มีคนเจอแกนอนหมดสติอยู่บนชายหาดที่หมู่บ้านชาวประมง จำได้ว่าแกเคยมากับอนุพงศ์และนวลปราง ก็เลยโทร.มาที่รีสอร์ต นวลทิพย์รับสายพอดี รีบไปรับตัวแกมารักษา
“แล้วนี่คุณอนุพงศ์รู้หรือยังว่าลูกเขายังไม่ตาย”
นวลทิพย์ยังไม่ได้บอกเพราะความจริงนัชชาไม่ใช่ลูกของนวลปรางกับอนุพงศ์แต่เป็นลูกของผัวเก่า เธอ ฝากสุดารัตน์เลี้ยงดูเด็กคนนี้ด้วย เพราะถึงอย่างไรแกก็เป็นหลานของเรา สุดารัตน์กลัวเด็กจะถามถึงพ่อแม่
“ไม่หรอกค่ะเพราะตั้งแต่ยัยนัชชาฟื้นขึ้นมาก็จำอะไรไม่ได้ ทิพย์จะให้ชีวิตใหม่กับยัยนัชชา ต่อไปนี้เราจะเรียกเด็กคนนั้นว่าสิรินดานะคะ”...
แม้จะไม่พอใจที่สุดารัตน์เอาหลานตัวเองมาเป็นเครื่องต่อรอง แต่นวลทิพย์ก็รับปากจะหาเงินมาให้...
ขณะที่เตชินกำลังกินมื้อกลางวันอยู่กับพศิกาที่ร้านอาหารในตัวเมือง เสกสรรตามมาสมทบเพื่อแจ้งความคืบหน้ากรณีเรือที่พศิกานั่งเกิดระเบิดกับเหตุระเบิดครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นกับเตชิน ทางตำรวจพบชิ้นส่วนที่ใช้ประกอบระเบิดมีลักษณะคล้ายกัน แต่ที่แปลกกว่านั้น ชิ้นส่วนทั้งสองชิ้นดันไปเหมือนกับชิ้นส่วนที่เจอตอนเรือของอนุพงศ์ระเบิด พศิกาถึงกับร้องเอะอะถ้าเป็นอย่างนั้นเหตุการณ์เรืออนุพงศ์ระเบิดก็ไม่ใช่อุบัติเหตุ
“ครับ คนร้ายประกอบระเบิดเองและมีความชำนาญเป็นอย่างมาก ผมว่ามันต้องลงมืออีกครั้งแน่ๆ พวกคุณต้องระวังเอาไว้ให้มากๆนะครับ” เสกสรรอดเป็นกังวลแทนไม่ได้...
ไม่นานนักเตชินกับพศิกากลับมายังรีสอร์ต
คำเตือนของเสกสรรทำให้เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอมากจับมือมากุมไว้ ไม่อยากให้เธอคลาดสายตาแม้แต่วินาทีเดียว กลัวคนร้ายจะทำอันตรายเธออีก
พศิการับปากจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด เขาเองก็ต้องดูแลตัวเองเหมือนกัน เธอเป็นห่วงเขาไม่น้อยไปกว่ากัน สุดารัตน์แอบมองอยู่อีกมุมหนึ่งสีหน้าไม่พอใจที่เห็นทั้งคู่สวีตหวานใส่กัน หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายคลิปไว้
ในเวลาต่อมา ภาพสวีตหวานระหว่างเตชินกับพศิกาไปปรากฏบนมือถือของนลินีซึ่งแทบจะอกแตกตายด้วยความแค้น มณีกาญจน์เห็นท่าทางของเธอแล้วสงสัยว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า เธอทนอัดอั้นไม่ไหวโผกอด
เพื่อนรักร้องไห้โฮ เตชินมาทันเห็นพอดี รีบหลบมุมแอบฟัง
“นังพศิกามันกลับมาที่นี่ไม่ทันไร มันก็มาอ่อยตาเต้อีก ฉันเกลียดมัน เกลียดมันจนเข้ากระดูกดำฉันไม่อยากให้มันได้กับตาเต้ หัวใจของฉันมันแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว”
มณีกาญจน์ปลอบอย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ นลินีรู้ว่าลูกชายรู้สึกอย่างไรกับนังนั่น ถ้าเกิดเขาเลือกมันจริงๆ เธอขอยอมตายดีกว่า เตชินที่แอบฟังอยู่เดินหนีออกมาด้วยสีหน้าหนักใจ จิรายุเห็นท่าทางกลัดกลุ้มของเขาก็เป็นห่วง เข้าไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาตัดสินใจเล่าเรื่องที่แอบได้ยินแม่พูดกับมณีกาญจน์ให้ฟัง จิรายุหนักใจแทนเขาไปด้วย ไม่เข้าใจทำไมนลินีถึงได้เกลียดพศิกานัก เตชินไม่อยากให้พศิกาต้องเดือดร้อนเพราะเขา
“พี่ต้องทำให้คุณพั้นซ์เกลียดพี่เพื่อที่คุณพั้นซ์จะได้ปลอดภัย”...
สิ่งที่เตชินหวังจะทำให้พศิกาเกลียดขี้หน้าคือสั่งให้คนเข้าไปขนข้าวของของเธอออกจากห้องทำงาน รองประธานฯอ้างจะเอาห้องนั้นไปทำเป็นห้องรับรองแขก วีไอพี และสั่งให้เธอย้ายเข้าไปนั่งทำงานในห้องทำงานของเขาแทนที่ ระหว่างที่นั่งทำงานอยู่ด้วยกัน พศิกาถูกเตชินกลั่นแกล้งต่างๆนานาจนทนไม่ไหว
“คุณเตชิน คุณเป็นอะไรของคุณ...คุณหาเรื่องฉันทำไมทั้งๆที่ก่อนหน้านี้คุณกับฉันก็เข้าใจกันแล้ว”
“ที่ผ่านมา มันก็แค่การแสดงละคร ผมอยากรู้ว่าผู้หญิงอย่างคุณจะใจแข็งได้ขนาดไหน แต่พอผมแกล้งพูดดีทำดีด้วย คุณก็ใจอ่อน โคตรง่ายเลย...ยิ่งตอนที่ผมสารภาพรัก คุณก็แพ้ผมราบคาบแล้ว” เตชินยิ้มเย้ย
“แสดงว่าสิ่งที่คุณพูดมันไม่ใช่ความจริง” พศิกามองเขาอย่างเจ็บปวดใจ
“นี่คุณคิดว่าผมรักคุณจริงๆ...คุณโง่หรือฉลาดกันแน่ แม่ของผมเกลียดคุณแล้วจะให้ผมรักคุณได้ยังไง” เตชินพูดไม่ทันขาดคำถูกพศิกาตบหน้าหัน แล้วเดินหนีออกจากห้อง เขามองตามเจ็บปวดไม่แพ้เธอเช่นกัน
ooooooo
เช้าวันนี้ เตชินเรียกประชุมบอร์ดบริหารของอันดามันเพิร์ล เนื่องจากยอดจองห้องลดลงจากปีก่อนถึง 30 เปอร์เซ็นต์ เขาเสนอแผนโปรโมชั่นใหม่เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว จองห้องพักสองคืนแถมฟรีหนึ่งคืน พร้อมอาหารเช้ากับอาหารเย็นทุกมื้อ รวมทั้งกิจกรรมทางน้ำและสปาอีกด้วย ผู้บริหารคนหนึ่งทักท้วงกลัวจะขาดทุน
“ผมคิดมาดีแล้ว กำไรเราจะหายไปครึ่งหนึ่ง แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้กำไรเลย”
ผู้บริหารคนอื่นๆไม่เห็นด้วยกับเตชิน ยกเว้นพศิกาที่เห็นว่าสิ่งที่เขาเสนอเป็นทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้ และยังเชื่อว่าหากท่านประธานฯคนเก่ายังอยู่ก็คงคิดแบบนี้เหมือนกัน เหล่าผู้บริหารเริ่มคิดคล้อยตามที่เธอว่า เสร็จจากการประชุม ระหว่างเดินกลับห้องทำงานด้วยกัน เตชินขอบคุณ พศิกาที่เข้าข้างเขาตอนอยู่ในห้องประชุม เธอไม่ได้เข้าข้างเพียงแต่เห็นว่าแผนโปรโมตฯของเขาเป็นประโยชน์กับอันดามันเพิร์ล และยินดีจะช่วยเขาเรื่องนี้เต็มที่ เตชินแปลกใจที่เธอยอมช่วยทั้งที่เขาทำไม่ดีกับเธอ
“ฉันเป็นคนแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว แคมเปญที่คุณคิดตัวนี้จำเป็นต้องใช้งบโฆษณาสูงมาก คงต้องเบิกจากเงินกองกลาง ฉันจะจัดการเรื่องนี้ให้เอง”...
การที่พศิกาอาสาจัดการเรื่องนี้ ทำให้พบว่าเงินในบัญชีกองกลาง 1,000 ล้านบาทเหลืออยู่แค่ 200 ล้านบาทไม่พอกับเงินที่ต้องการเบิก เตชินมั่นใจเงินส่วนที่หายไปคือเงินที่ถูกยักยอกแน่นอน เราไม่เคยสนใจบัญชีนี้เพราะเป็นบัญชีที่มีแต่เขากับเธอเท่านั้นที่เบิกได้แล้วมันหายไปได้อย่างไร
“แฮกเกอร์!...ทำธุรกรรมผ่านทางอินเตอร์เน็ต มันเลือกใช้วิธีนี้เพราะรู้ว่าเราจะตามจับตัวได้ยาก”
“มันเป็นใครกันแน่” เตชินครุ่นคิดหนัก...
ในเวลาเดียวกัน ผู้จัดการธนาคารรีบโทร.รายงานเอกรัตน์ว่าพศิการู้เรื่องเงินกองกลางที่หายไปแล้ว อีกไม่นานจะต้องสาวมาถึงตนเองอย่างแน่นอน จะให้ทำอย่างไรต่อไปดี เอกรัตน์ตอบโดยไม่ต้องคิด
“หนี...คุณกับผู้มีส่วนกับเรื่องนี้ทุกคนต้องไปจากธนาคารเดี๋ยวนี้”...
กว่าเสกสรรจะส่งตำรวจไปที่ธนาคารซึ่งดูแลเงินกองกลาง ทั้งผู้จัดการ ผู้ช่วยผู้จัดการและพนักงานฝ่ายบัญชีสองคนของธนาคารก็อันตรธานไปอย่างไร้ร่องรอย นั่นเท่ากับเบาะแสก็หายไปด้วย เตชินเครียดจัด วิ่งไปยังมุมปลอดคนตะโกนร้องสุดเสียงระบายความอัดอั้น พศิกาตามมามองอย่างเห็นใจ เขาเห็นเธอมองอยู่รีบเบือนหน้าหนี เธอไม่เข้าใจทำไมเขาต้องหลบหน้าเธอด้วย เตชินอายไม่กล้าสู้หน้าเธอ
“คุณพ่อท่านสร้างที่นี่ขึ้นมาด้วยความลำบาก แต่ผมเข้ามาบริหารได้ไม่นานก็จะทำให้ที่นี่เจ๊ง”
“คุณกำลังคิดมาก”
“คุณก็เห็นว่าผมแก้ปัญหาเรื่องการยักยอกเงินไม่ได้ จับตัวคนทำไม่ได้ ผมมันโง่ มันไม่ได้เรื่อง มันแย่ที่สุด”
พศิกาปลอบ เขาไม่ได้โง่แค่กำลังต่อสู้กับคนที่เก่งกว่าเท่านั้น ที่สำคัญเขาจะมาท้อแท้ไม่ได้ เราต้องช่วยกันทำให้เกาะไข่มุกกลับมาเป็นที่หนึ่งให้ได้ ถ้าเขาเชื่อใจเธอ เธอจะทำให้เขาเห็นเอง
ooooooo
หลังจากนั่งคิดนอนคิดมาทั้งคืนพศิกาก็ได้ไอเดียบรรเจิด สิ่งแรกที่จะต้องทำคือปรับปรุงเว็บไซต์ของอันดามันเพิร์ลซึ่งดูโบราณให้ทันสมัยขึ้น จะต้องมีรูปถ่ายสถานที่ที่น่าท่องเที่ยว ต้องเปลี่ยนตัวนายแบบกับนางแบบใหม่ เธอคุยให้เตชินฟังว่ามีทีมงานที่จะมาทำงานนี้ให้โดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว
จากนั้นพศิกาเปิดตัวทีมงานให้เตชินรู้จัก ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน พศินเป็นตากล้อง จิรายุรับหน้าที่สไตลิสต์ จัดหาเสื้อผ้าหน้าทำผม ขณะที่ณีและปลาทำทุกอย่างที่พศิกาสั่ง เตชินรู้สึกสบายใจขึ้นมาก หันไปขอบคุณพศิกาที่ทำให้ปัญหาเรื่องงบโฆษณาคลี่คลาย เธอยิ้มรับคำขอบคุณอย่างเขินๆ จิรายุรีบกระแอม
“แฮ่ม...ขอโทษที่ขัดจังหวะนะคะ คือเรายังมีปัญหาอีกหนึ่งค่ะ คือเรื่องนางแบบกับนายแบบ”
พศินแนะให้เตชินกับพศิการับหน้าที่เป็นนายแบบและนางแบบจำเป็น ทั้งคู่ปฏิเสธอย่างพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมายว่าไม่ แต่พอถูกจิรายุกับพศินคะยั้นคะยอ สุดท้ายทั้งคู่ยอมทำหน้าที่นี้...
ตกค่ำ จิรายุเป็นห่วงพศิกาจะกังวลเรื่องการเป็นนางแบบ แวะมาเป็นกำลังใจให้ถึงบ้าน เธอบ่นอุบไม่รู้จะทำได้หรือเปล่าเกิดมาไม่เคยเป็นนางแบบมาก่อน จิรายุเชื่อมั่นว่าเธอจะต้องทำได้
“อย่าทำหน้าหงอยแบบนั้นสิคะ เอางี้ จิลจะสอนการเป็นนางแบบฉบับหลักสูตรเร่งรัดให้พี่พั้นซ์เอง”...
ขณะที่พศิกาฝึกการโพสท่าอยู่กับจิรายุ เตชินวิดพื้นอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ในห้องนอนหวังจะให้ตัวเองดูดีในวันถ่ายแบบ นลินีเห็นไฟในห้องลูกยังเปิดอยู่ เคาะประตูเรียกทำไมยังไม่นอน เขากำลังวิดพื้นอยู่
“วิดพื้นตอนห้าทุ่มเนี่ยนะ!... ลูกไม่มีอะไรปิดบังแม่ใช่ไหม”
“ไม่มีครับ ผมขอตัวไปนอนก่อนนะครับ” พูดจบเตชินปิดประตูห้อง นลินียังรู้สึกคาใจไม่หาย
ooooooo
เตชินกับพศิกาเริ่มถ่ายแบบกันแต่เช้าเพื่อจะได้ไม่ร้อนเกินไป ทั้งคู่ทำหน้าที่นายแบบนางแบบจำเป็นได้ดีมากโพสท่าได้สวยสมใจตากล้องอย่างพศินและสไตลิสต์อย่างจิรายุ นักท่องเที่ยวเริ่มเข้ามายืนมองอย่างชื่นชมรวมทั้งพนักงานของรีสอร์ตต่างมุงดูกันใหญ่
สุดารัตน์เห็นคนมุงกันที่จุดชมวิวชักจะสนใจ แหวกผู้คนเข้าไปเห็นเตชินกับพศิกากำลังอิงแอบชนิดถึงเนื้อถึงตัว ก็ตกตะลึง รีบเอาเรื่องนี้ไปฟ้องเจ้านาย
ไม่นานนัก นลินีบุกมาถึงกองถ่ายแบบ เห็นลูกชายกำลังนัวเนียอยู่กับพศิกาถึงกับปรี๊ดแตก ปรี่เข้าไปจะตบศัตรูคู่อริ เตชินคว้ามือไว้ทันอธิบายว่าเราสองคนกำลังถ่ายแบบสำหรับใช้ในเว็บไซต์ของอันดาเพิร์ลกันอยู่ นลินีไม่สนใจ สั่งให้เขากลับบ้านกับท่านเดี๋ยวนี้ เตชินไม่ยอมไป
“ผมต้องทำงานนี้ให้เสร็จ...หัวหน้าสุดารัตน์ กรุณา พาแม่ของผมออกไปจากตรงนี้ เดี๋ยวนี้” พูดจบเตชินคว้ามือพศิกาเดินออกไป โดยมีจิรายุกับพศินเดินตาม นลินีโกรธตัวสั่นที่ลูกกล้าหือ ขณะที่มณีกาญจน์มองตามหลานสาวตัวเองที่ใกล้ชิดกับพศินอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก...
นลินีกลับถึงบ้านด้วยอารมณ์ขุ่นมัว มณีกาญจน์ปลอบให้ใจเย็นๆ เธอก็เห็นแล้วว่าเตชินทำงานจริงๆ นลินีกำลังของขึ้นหันไปตวาดเพื่อนรักไม่ต้องมายุ่ง แถมไล่ไปให้พ้นหน้าโทษฐานไม่เข้าข้าง แล้วหันไปหาสุดารัตน์
“ฉันทนไม่ไหวอีกแล้วที่จะต้องเห็นหน้านังนั่น ฉันอยากให้มันไปให้พ้นๆ ฉันควรจะทำยังไงดี ช่วยฉันคิดที”...
หลังถ่ายแบบเสร็จ พศิน จิรายุกับณีและปลา ปล่อยให้เตชินกับพศิกาลองเลือกรูปที่จะใช้ลงในเว็บไซต์ เขาบอกให้พศิกาจัดการได้เลย ส่วนเขาขอตัวไปหาแม่ก่อน แล้วผลุนผลันกลับบ้าน...
เตชินพยายามเอาใจแม่เพื่อชดเชยเรื่องเมื่อตอนเช้า ยกมื้อเย็นมาให้ถึงในห้องนอน พร้อมกับอธิบายว่าสิ่งที่ทำเป็นเรื่องงานล้วนๆ ไหนท่านเคยบอกว่าถ้าเป็นเรื่องงานจะไม่ว่าอะไร
“ใช่ แต่นี่มันมากเกินไป งานบ้าที่ไหนต้องแนบเนื้อกันขนาดนั้น”
ชายหนุ่มยังไม่ทันจะพูดอะไร สุดารัตน์โทร.มาชวนนลินีไปกินข้าวข้างนอกเสียก่อน เธอผละจากไป
ไม่สนใจมื้อเย็นที่เขายกมาให้ ความจริงแล้วนลินีไม่ได้
ไปกินข้าวกับสุดารัตน์อย่างที่บอกกับลูก แต่นัดสุมหัววางแผนชั่วเพื่อทำให้พศิกาไม่มายุ่งกับเตชินอีก
ooooooo
นลินีเดินตามแผนการที่ตัวเองกับสุดารัตน์
วางไว้ ทำทีชวนเตชินไปกินมื้อเย็นเพื่อขอโทษที่เมื่อวานพูดจาไม่ดีกับเขา โดยชวนมณีกาญจน์กับจิรายุไปด้วย ครั้นมาถึงร้านอาหารที่จองโต๊ะไว้ เตชินแปลกใจ ที่เจอสุดารัตน์กับสิรินดานั่งรอท่าอยู่ นลินีอ้างมากินด้วยกันหลายคนสนุกดี
เตชินไม่ติดใจอะไรโดยไม่ล่วงรู้เลยว่าแม่ตัวเองเตรียมแผนร้ายเอาไว้ นลินีมอมไวน์ลูกชายตัวเองจนเมาได้ที่ ก่อนจะขยิบตากับสุดารัตน์ซึ่งรู้งานทำทีชวน
สิรินดากลับจะได้ปล่อยให้แม่ลูกได้คุยกัน มณีกาญจน์ได้ฟังดังนั้นจัดแจงชวนจิรายุกลับเช่นกัน เมื่อแม่ลูกได้อยู่กันตามลำพัง นลินีแอบเอายานอนหลับใส่แก้วไวน์ของเตชิน แล้วชวนชนแก้ว อึดใจยานอนหลับออกฤทธิ์เขาฟุบหลับไปตรงนั้น เธอรีบโทร.ตามสุดารัตน์
จากนั้นไม่นาน เตชินถูกสมหมายกับพรชัย
หามไปวางบนเตียงในห้อง 304 ของรีสอร์ต นลินีรอให้ทั้งคู่ไปแล้ว จึงหันไปทางประตูห้องน้ำตะโกนเรียกสุดารัตน์กับสิรินดาซึ่งอยู่ในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำให้มาจัดการตามแผนการขั้นต่อไป แล้วก็เดินออกจากห้อง
“ดูแลคุณเตชินให้ดี ต่อไปจะได้เป็นเจ้าคนนายคนแล้ว อย่าลืมบุญคุณป้าล่ะ”
“ทำแบบนี้จะดีเหรอคะป้า” สิรินดาทักท้วงสีหน้าไม่สู้ดีนัก สุดารัตน์ทวงบุญคุณที่เคยชุบเลี้ยงเธอมา เพราะฉะนั้น ตนสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำตามนั้น ห้ามปฏิเสธ แล้วทิ้งให้ทั้งคู่อยู่กันตามลำพัง
ooooooo
เช้าวันถัดมา เพื่อให้มีพยานรู้เห็น นลินีทำทีชวนมณีกาญจน์แวะไปดูเตชินซึ่งเมื่อคืนเมาหนัก จะให้คนแบกกลับบ้านก็ไม่ไหวก็เลยเปิดห้องให้นอน
ที่รีสอร์ต จิรายุลงมาทันพอดีขอตามไปด้วยคน
ด้านสุดารัตน์เดินตามแผนในส่วนของตัวเอง โดยหลอกใช้ให้ป้าน้อยทำเป็นปวดท้องตัวงอเมื่ออยู่ต่อหน้าพศิกา จะพักก็ไม่ได้เพราะต้องเอาผ้าขนหนูไปให้แขกที่ห้อง 304 ก่อน หญิงสาวหลงกลอาสาจะเอาไปให้เอง
เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผน นลินีให้สุดารัตน์ใช้คีย์การ์ดเปิดห้อง 304 ที่เตชินพัก ทำให้มณีกาญจน์และจิรายุเห็นเตชินนอนอยู่บนเตียงกับสิรินดาในสภาพเหมือนมีอะไรกัน พศิกากำลังจะเอาผ้าขนหนูมาให้ตะลึงกับภาพตรงหน้า ทนดูไม่ได้หันหลังเดินหนี เตชินจะลุกตาม แต่สิรินดาคว้าแขนไว้ โวยวายว่าทำกับเธอแบบนี้แล้วจะหนีไปเฉยๆได้อย่างไร ฝ่ายพศิกาวิ่งมาถึงมุมปลอดคน ร้องไห้ออกมาอย่างหนักด้วยความเสียใจสุดๆ...
ครู่ต่อมา นลินีพาเตชิน สิรินดาและสุดารัตน์ไปตกลงกันที่บ้าน สุดารัตน์ต้องการให้เตชินรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำกับสิรินดา เขาไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น มั่นใจเมื่อคืนนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จำได้ว่าเมามาก ภาพสุดท้ายที่จำได้คือเขาดื่มไวน์อยู่ที่ห้องอาหารกับแม่ สุดารัตน์ขู่ถ้าเขาไม่รับผิดชอบต่อสิรินดาจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
“ใจเย็นๆก่อนสุดา อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่หน่อยเลย เอาเป็นว่าฉันจะจัดการทุกอย่างให้ดีที่สุด แต่ตอนนี้ขอเวลาฉันกับตาเต้ก่อนนะ”
สุดารัตน์ยอมตามที่นลินีร้องขอ พาสิรินดาที่แกล้งร้องไห้กระซิกๆออกไป เมื่อได้อยู่กันตามลำพังกับลูก นลินีกล่อมจนเขาคล้อยตามว่ามีอะไรกับสิรินดาจริง และขอร้องให้เขาทำในสิ่งที่ถูกต้อง คือแต่งงานกับเธอ...
แม้จะเล่นได้สมบทบาทที่สุดารัตน์สั่งไว้ แต่ใจจริงแล้วสิรินดารู้สึกผิดที่ทำแบบนี้กับเตชิน...
ฝ่ายจิรายุบ่นให้พศินฟังว่าเรื่องระหว่างเตชินกับสิรินดาต้องมีลับลมคมในอะไรแน่ๆ เขาเองก็คิดเหมือนกัน แม้จะเห็นทั้งคู่นอนอยู่บนเตียงด้วยกัน ไม่ได้แปลว่า
จะมีอะไรเกินเลยกัน แล้วถามว่าพศิการู้เรื่องนี้หรือยัง
“จริงสิพี่พั้นซ์รู้แล้ว เห็นกับตาตัวเองด้วย” จิรายุ อดเป็นห่วงพศิกาไม่ได้ พศินเป็นห่วงเธอเช่นกัน รีบขอตัวไปดูเธอก่อน ยิ่งเห็นสภาพตาบวมช้ำเหมือนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักของพศิกา เขาโอบไหล่เอาไว้อย่างให้กำลังใจ พร้อมกับบอกว่าเรื่องระหว่างเตชินกับสิรินดาต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลังแน่ๆ
“มันไม่มีหรอกพัฒน์ พั้นซ์เห็นกับตาว่ามันเกิดอะไรขึ้นและพั้นซ์ก็เชื่อในสิ่งที่เห็น พัฒน์ไม่ต้องพูดอะไรอีก พั้นซ์ไม่อยากได้ยินชื่อของสองคนนี้”...
ระหว่างพศินเดินกลับแผนกซ่อมบำรุง มณีกาญจน์มาดักหน้าไว้ สั่งให้เขาเลิกยุ่งกับจิรายุ ถ้าเขาหวังดีกับหลานของตนจริงๆก็ควรไปให้ไกลๆ เพราะเธอมีอนาคตที่ดีรออยู่ไม่ควรมาจมปลักกับคนอย่างเขา แล้วขยับจะไป พศินเรียกเอาไว้ ปฏิเสธที่จะทำตามที่มณีกาญจน์ต้องการ สมัยนี้หมดยุคกีดกันความรักกันแล้ว
“และอีกอย่าง ผมรักคุณจิล ผมจะไม่มีวันยอมเสียเธอไปแบบนี้ ถ้าคุณเปิดใจให้กับผม คุณจะรู้ว่าผมไม่ได้เป็นอย่างที่คุณเห็น หรือเข้าใจ” พศินพูดจบผละจากไป พอเลี้ยวพ้นหัวมุมตึก เขาโทร.เล่าเรื่องนี้ให้
จิรายุฟัง เธออาสาจะไปบอกคุณป้าให้เองว่าเขาไม่ใช่แค่พนักงานซ่อมบำรุง เขาร้องห้ามไว้
“ผมอยากให้คุณป้าของคุณยอมรับในความเป็นตัวตนของผมจริงๆ ไม่ใช่เป็นเพราะว่าผมคือนายพศินนักเรียนนอก ความดีของผมจะต้องเอาชนะใจคุณป้าคุณได้อย่างแน่นอน” พศินสีหน้ามุ่งมั่น...
ทางด้านเตชินตัดสินใจแต่งงานกับสิรินดา จึงแวะไปหาพศิกาเพื่อบอกลา เขาไม่รู้ว่าเรื่องระหว่างเขากับสิรินดาเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วเขาก็ต้องรับผิดชอบ แต่อยากให้เธอรู้ว่าคนที่เขารัก
คือเธอคนเดียวเท่านั้น พศิกาขอร้องให้เขาหยุดพูดเพราะเธอไม่เชื่อลมปากเขาอีกแล้ว จากนี้ไปขอให้เราต่างคนต่างอยู่ ก่อนจะถอดสร้อยห้อยจี้เพชรที่เขาให้ปาใส่หน้า เตชินก้มเก็บมันขึ้นมาด้วยหัวใจที่แหลกสลาย...
ฝ่ายพศินมั่นใจว่าเรื่องระหว่างเตชินกับสิรินดาต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล ตามไปซักถามความจริงจากสิรินดาซึ่งได้แต่บอกว่าต่อไปคงจะมาเจอเขาไม่ได้อีกแล้ววิ่งหนีไปทั้งน้ำตา
ooooooo










