สมาชิก

ทะเลไฟ

ตอนที่ 5

เตชินออกมาวิ่งเรียกเหงื่อตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางเพื่อให้ลืมความกลัดกลุ้มที่สุ่มอยู่แน่นอก โดยไม่รู้ว่า ศักดิ์ซึ่งสวมเสื้อที่มีฮู้ดอำพรางใบหน้าวิ่งตามมาด้านหลัง ก่อนจะเร่งฝีเท้าจนทันแล้วเอาไม้เบสบอลฟาดเต็มแรง เตชินล้มหมดสติ จากนั้นเขาลากเหยื่อ ไปด้านหลังเกาะ โชคร้ายที่พศิกามาเห็นพอดีตะโกนลั่น

“หยุด...แกคือคนที่คิดจะฆ่าฉันใช่ไหม แกจะทำอะไรคุณเตชิน”

ศักดิ์พุ่งเข้าหาเธอแทนคำตอบ พศิกาจะวิ่งหนีแต่เขาคว้าตัวไว้ เธอตะโกนร้องให้คนช่วยได้แค่คำเดียวก็ถูกเขาชกท้องจุกตัวงอก่อนจะล้มฟุบ ครู่ต่อมา ทั้งเตชินและพศิกาถูกศักดิ์ลากไปไว้ในเรือ ก่อนจะขับออกไปอย่างรวดเร็ว ระหว่างนั้นผู้จ้างวานปริศนาโทร.มาหาศักดิ์

“นังพศิกามันแส่มาช่วย ผมก็เลยต้องจับมาด้วย ...ครับเจ้านาย ผมจะทำให้พวกมันหายสาบสูญแม้แต่ศพก็หาไม่เจอ” ศักดิ์วางสาย หันมองพศิกากับเตชินที่นอนหมดสติอยู่ที่ท้องเรือแล้วเร่งความเร็วขึ้นอีก...

อีกมุมหนึ่งของเกาะไข่มุก พศินเข้ามาถามจิรายุที่ยืนรอท่าอยู่ว่าอธิบายทุกอย่างให้เตชินฟังแล้วใช่ไหม เธอส่ายหน้าดิกแทนคำตอบ ไปเคาะประตูห้องเรียกเตชินเมื่อคืนก็ไม่ยอมเปิดประตูรับ ตั้งใจว่าจะพูดกับเขาตอนเช้านี้ เขาก็มาหายตัวไปอีก ไม่รู้ออกไปไหนแต่เช้ามืด พศินแนะให้ลองโทร.หาแต่ไม่มีใครรับสาย

“ฉันว่าเราไปหาพี่เต้ที่ออฟฟิศดีกว่า บางทีพี่เต้อาจจะไปทำงานแล้วก็ได้”...

ไม่เป็นอย่างที่จิรายุตั้งข้อสังเกต เตชินยังไม่มาทำงาน พศิกาเองก็หายไปเช่นกันณีโทร.ตามทั้งมือถือและเบอร์บ้านก็ไม่มีคนรับสาย พศินใจคอไม่ดีหรือว่าเตชินจะพาพศิกาไปทำอะไร จิรายุยืนยันว่าแม้เขาจะเป็นคนอารมณ์รุนแรง แต่ไม่มีทางทำร้ายผู้หญิง ขอร้องพศินอย่าเพิ่งมโนไปเอง

“ถ้างั้นจะให้ผมสรุปว่ายังไงที่พั้นซ์กับคุณเตชินหายตัวไปพร้อมกันแบบนี้”

จิรายุไม่มีคำตอบให้ ก็เลยได้แต่นิ่งเงียบ สุดารัตน์ได้ยินทั้งคู่เถียงกัน รีบนำข่าวนี้ไปฟ้องนลินี แถมใส่ไฟว่าผัวของพศิกาตามหาเมียให้วุ่นวายไปหมดเพราะคิดว่าเตชินพานังนั่นไปทำมิดีมิร้าย นลินีกลับหาว่าพศิกาต่างหากที่เป็นคนพาเขาไปทำชั่วๆ มณีกาญจน์เห็นสีหน้าบอกบุญไม่รับของเพื่อนซี้ถามว่ามีเรื่องอะไรกัน

ooooooo

ปลากับณีอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จิรายุกับพศินก็เลยเล่าเรื่องที่เตชินเข้าใจพศิกาผิดๆให้ฟัง และยืนยันว่าพศินกับพศิกาเป็นญาติกันไม่ได้เป็นผัวเมียกันอย่างที่เตชินกล่าวหา นลินีเดินนำสุดารัตน์และ มณีกาญจน์เข้ามาโวยวายใส่หน้าพศินกล้าพูดหรือว่าไม่ได้เป็นอะไรกับนังนั่น

“ผมกล้าพูดเพราะผมกับพั้นซ์เป็นญาติกันครับ”

จิรายุช่วยยืนยันอีกแรงหนึ่งว่าพศินพูดความจริง เพราะตอนที่เขาเล่าตาของเขาไม่กะพริบ พูดแทบไม่หายใจไม่ได้คิดไปพูดไป ตามที่เธอเรียนจิตวิทยามานั่นแสดงว่าเขาพูดความจริง นลินีหาว่าเธอถูกหลอก พศินวางแผนส่งเมียตัวเองมาจับอนุพงศ์กับเตชินเพื่อหวังสมบัติ เขาขอร้องให้หยุดกล่าวหากันได้แล้ว

“ถ้าคุณยังไม่หยุด อย่าหาว่าผมใจร้ายกับคนแก่”

จังหวะนั้นสมหมายเข้ามารายงานสุดารัตน์ที่ให้ลองถามว่ามีใครเห็นพศิกากับเตชินบ้างไหม พรชัยแจ้งว่าเห็นท่านประธานวิ่งจ๊อกกิ่งไปทางด้านท้ายเกาะ ส่วนพศิกา เขาเห็นเดินไปทางท้ายเกาะเช่นกัน

“งั้นไปที่ท้ายเกาะ จะได้เห็นว่าอะไรเป็นอะไร” นลินีเดินนำทุกคนออกไป

เมื่อไปถึงสถานที่เป้าหมายกลับพบแต่ความว่างเปล่า...

คนที่ใครต่อใครกำลังตามหานอนหมดสติอยู่บนเรือที่กำลังมุ่งหน้าสู่เกาะร้าง เตชินรู้สึกตัวลืมตาขึ้น เห็นศักดิ์กำลังขับเรืออยู่ ส่วนพศิกายังนอนสลบอยู่ข้างๆ เขาพยายามสะกิดเรียกเบาๆให้เธอตื่น เพราะกลัวคนร้ายจะได้ยิน แต่เธอยังนอนนิ่ง เขารู้สึกได้ว่าเรือชะลอความเร็วก่อนจะจอด รีบแกล้งหมดสติต่อไป

ศักดิ์แบกพศิกาไปวางบนชายหาด แล้วเดินกลับมาที่เรือ แต่เตชินหายไป เขาตกใจมากเหลียวหาให้ควั่ก โดยไม่ทันตั้งตัว เตชินโผล่พรวดเข้ามาเอาไม้เบสบอลของเขาเองตีเจ้าของเต็มแรงสองทีซ้อนจนเซตกน้ำ เตชินทิ้งไม้วิ่งไปเขย่าตัวพศิกาที่นอนอยู่บนหาดให้ตื่น ยังไม่ทันจะขยับไปไหน ศักดิ์เดินลุยน้ำทะเลขึ้นมาพร้อมกับเล็งปืนในมือมาที่ทั้งคู่ เตชินรีบเอาตัวบังพศิกาไว้

“วันนี้มึงสองคนได้กลายเป็นผีเฝ้าทะเลแน่” ว่าแล้วศักดิ์เหนี่ยวไก แต่ปืนขัดลำกล้องเนื่องจากเปียกน้ำ ลองยิงอีกครั้งก็เป็นเหมือนเดิม เตชินไม่รอช้าคว้ามือพศิกาวิ่งหนี ศักดิ์เหนี่ยวไกไปเรื่อยๆ จนในที่สุดปืนก็ยิงออกแต่สองคนนั่นลับสายตาไปแล้ว เขาไล่ตามไปติดๆ...

ในเวลาไล่เลี่ยกัน ทุกคนบนเกาะไข่มุกกระจายกำลังออกตามหาเตชินกับพศิกาจนทั่วแต่ไม่พบ พศินกับนลินียังเถียงกันไม่เลิกเรื่องใครเป็นคนพาใครไปกันแน่ระหว่างเตชินกับพศิกา นลินีต้องการได้หลักฐานยืนยันคำพูดตัวเองว่าพศิกาเป็นคนพาลูกชายของตนไป สั่งการให้สุดารัตน์ไปเช็กภาพจากกล้องวงจรปิด แล้วพากันกลับไปที่ตึกอำนวยการ มณีกาญจน์เหนื่อยเกินกว่าจะตามไปด้วย ชวนจิรายุกลับที่พัก

“จิลขออยู่เป็นเพื่อนพัฒน์”

มณีกาญจน์ไม่ให้อยู่ พศินไม่อยากให้จิรายุขัดใจป้า บอกให้กลับไปกับท่านไม่ต้องห่วงเขา เธอกระซิบบอกเขาว่ามีอะไรให้โทร.หาได้ตลอดแล้วเดินจากไปกับมณีกาญจน์

ทิ้งพศิน ปลากับณีให้ยืนกลุ้มใจไม่รู้จะไปตามหาพศิกาที่ไหน

ooooooo

พศิกากับเตชินหนีการไล่ล่าลึกเข้าไปในป่าบนเกาะร้างกระทั่งถึงน้ำตก เขาชวนให้หยุดพักเหนื่อยกันก่อน นั่งได้แค่พักเดียว เขาเหลือบไปเห็นศักดิ์เดินถือปืนอยู่ไกล รีบพากันไปหลบหลังโขดหิน ศักดิ์ตะโกนขู่

“อยู่ไหน ออกมาซะดีๆ เพราะยังไงพวกแกก็หนีฉันไม่พ้น ที่นี่เป็นเกาะร้างไม่มีคนไม่มีใครช่วยพวกแกได้”

ทั้งคู่ลุ้นระทึกจนเสียงฝีเท้าของศักดิ์ค่อยๆห่างออกไปจนเสียงเงียบ เตชินถึงได้โผล่หน้าขึ้นไปมอง ไม่เห็นวี่แววของคนร้ายก็ถอนใจโล่งอก รีบพากันออกจากที่ซ่อน แต่ดันมีแมงมุมร่วงลงมาจากต้นไม้ พศิกาตกใจร้องกรี๊ดลั่น เขารีบตะครุบปากเธอไว้ ศักดิ์ได้ยินเสียงร้องรีบกลับมายังต้นเสียงแต่ไม่เจอใคร เพราะทั้งคู่วิ่งไปซ่อนตัวในหลืบหลังน้ำตก เขาค้นหาต่ออีกสักพัก ก็เดินจากไป...

เตชินรอจนแน่ใจว่าศักดิ์จะไปไกลพอแล้ว จึงพาพศิกาออกจากที่ซ่อน หยิบมือถือขึ้นมาจะโทร.ขอความช่วยเหลือแต่มันเปียกน้ำใช้การไม่ได้ พศิกานึกถึงมือถือของตัวเองลองตบกระเป๋ากางเกงดู พบแต่ความว่างเปล่ามือถือหล่นหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เธอถึงกับหน้าเสียแล้วเราจะออกจากที่นี่ได้อย่างไร

“เราต้องขึ้นที่สูง หาฟืนมาจุดไฟ ถ้ามีเรือผ่านมาจะได้เห็นควันแล้วจะได้มาช่วยเรา”

พศิกาพยักหน้าเห็นด้วย ขยับจะเดินแต่ก้าวขาไม่ไหว เตชินต้องยื่นมือไปให้เธอจับแล้วเดินไปด้วยกัน ใช้เวลาพอสมควรกว่าทั้งคู่จะมาถึงยอดเขาซึ่งเป็นหน้าผายื่นไปในทะเล แม้จะเหน็ดเหนื่อยแต่พอเห็นวิวสวยงามทำให้ลืมความเหนื่อยยากไปได้ แต่เป็นได้แค่ชั่วครู่ เมื่อศักดิ์ก้าวมายืนด้านหลังพร้อมกับปืนในมือ

“มึงสองคนคิดว่ากูโง่ท่ามองไม่เห็นพวกมึงหลบอยู่หลังม่านน้ำตกเหรอ มึงหนีกูไม่รอดแล้ว” ไม่พูดเปล่า ศักด์ย่างสามขุมเข้าหา เตชินจับมือพศิกาไว้ ชวนโดดหน้าผาเพราะเป็นทางเดียวที่จะรอด แล้วนับหนึ่งถึงสามก่อนจะกระโดดลงไปพร้อมกัน ศักดิ์ตกใจรีบวิ่งไปดู แต่สองคนนั่นหายไปแล้ว เตชินกับพศิกาใช้วิธีดำน้ำว่ายเข้าหาฝั่งเพื่อให้คนร้ายคิดว่าทั้งคู่จมน้ำตาย ครู่ต่อมา ศักดิ์กลับมาที่เรือ เพื่อโทร.หาเจ้านายตัวเอง

“พวกมันกระโดดหน้าผาหนี ผมว่าไม่รอดเพราะหน้าผาสูงมากและข้างล่างก็เต็มไปด้วยโขดหิน เจ้านายสบายใจได้” ศักดิ์วางสายแล้วขับเรือจากไป...

กว่าจะว่ายถึงฝั่งเล่นเอาเตชินกับพศิกาแทบหมดเรี่ยวแรง ต้องนอนแผ่อยู่ที่ชายหาด เธอขอโทษเขาที่เป็นต้นเหตุทำให้เขาเดือดร้อนไปด้วย ถ้าเธอไม่ขุดคุ้ยเรื่องยักยอกเงิน เราก็ไม่ต้องหนีตายกันแบบนี้

“ถ้าผมเป็นคุณ ผมก็ต้องทำ อันดามันเพิร์ลคือสิ่งที่พ่อของผมสร้างขึ้นมาจากความรัก มันจะโดนทำลายแบบนี้ไม่ได้ เราต้องช่วยกันจับตัวคนพวกนั้นให้ได้”

“ค่ะ ถ้าคุณไม่กลัว ฉันก็ไม่กลัว” พศิกายิ้มให้เตชินซึ่งยิ้มตอบ ลืมเรื่องบาดหมางที่มีต่อเธอไปหมดสิ้น...

จิรายุเริ่มเป็นกังวลที่เตชินกับพศิกาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย จนบ่ายคล้อยแล้วไม่มีวี่แววจะพบตัว บ่นให้นลินีกับมณีกาญจน์ฟังว่าการหายตัวไปพร้อมกันของทั้งคู่อาจเกี่ยวข้องกับเรือระเบิดคราวก่อน คนที่วางระเบิดอาจจะจับตัวไปเพราะทั้งคู่กำลังสืบเรื่องการยักยอกเงินของอันดามันเพิร์ล

“จิลว่าเราบอกให้สาวัตรเสกสรรมาช่วยดีกว่านะคะ”

ooooooo

เตชินใช้วิชาการใช้ชีวิตในป่าที่เคยฝึกฝนมาตอนไปออกค่ายที่เมืองนอกก่อกองไฟขึ้นมาจนได้

“เราจะจุดไฟเอาไว้แบบนี้อย่าให้ไฟมอดเด็ดขาด เผื่อจะมีคนเห็นควันไฟ”

ท้องไส้ของพศิกาส่งเสียงประท้วง เตชินมองยิ้มๆ อาสาจะไปหาของกินมาให้ แล้วเดินหายเข้าไปในป่า ได้กล้วยป่ามาหอบใหญ่ แต่เหลือบไปเห็นลูกมะพร้าวร่วงอยู่ที่โคนต้นใกล้กับชายหาด เดินไปหยิบโดยไม่เห็นตะขาบเกาะอยู่ โดนมันกัดจมเขี้ยวถึงกับสะดุ้งโหยง เอานิ้วมาดูเห็นแค่รอยเขี้ยวเล็กๆแต่ไม่เห็นว่าตัวอะไรกัดก็เลยไม่ได้สนใจ หอบกล้วยกับมะพร้าวกลับไปที่ริมหาด กินผลไม้กับพศิกาด้วยความหิวโหย...

นลินีทำตามที่จิรายุแนะ ขอให้เสกสรรช่วยตามหาเตชินกับพศิกาอีกแรงหนึ่ง เขารับรองถ้าทั้งคู่อยู่ในเมืองไม่พ้นคืนนี้ต้องเจอตัวแน่นอน แม้จะปลอบเธอไปแบบนั้น เขาเองกลับไม่สบายใจกับการหายตัวไปของทั้งคู่...

นิ้วที่ถูกตะขาบกัดเริ่มแดงและบวม แต่เตชินไม่ได้กังวลอะไรช่วยกันกับพศิกาเอาใบไม้ใบใหญ่ๆมาปูกับพื้นเพื่อใช้เป็นที่นอน เธออดบ่นไม่ได้ ป่านนี้พวกที่อยู่บนเกาะจะเป็นกังวลแค่ไหนที่เราสองคนหายตัวไป

“จริงสินะ วันนี้สามีคุณต้องออกจากเกาะ ถ้าเขาไม่เจอคุณคงร้อนใจ”

พศิกายังไม่ทันจะอธิบายว่าพศินเป็นพี่น้องต่างมารดา เตชินชิงตัดบทเสียก่อน ในเมื่อต้องมาติดเกาะกับเธอสองต่อสองไม่อยากฟังอะไรที่ทำให้เสียความรู้สึก เพราะไม่รู้ว่าจะต้องอยู่อีกนานแค่ไหน หรือบางทีอาจจะต้องตายที่นี่ ถ้าเกิดไม่มีใครมาช่วย แล้วหันไปเขี่ยกองไฟไม่สนใจอะไรอีก พศิกาถอนใจเซ็ง ก่อนจะลุกออกไป เขามองตามรู้สึกผิดที่ปากพล่อยพูดอะไรไม่คิด แต่เลือกที่จะไม่ขอโทษ หยิบเศษไม้ใส่กองไฟต่อไป

ผ่านไปพักใหญ่ เตชินเริ่มเป็นกังวลที่พศิกาหายไป ร้องเรียกก็ไม่มีเสียงขานตอบ รีบออกตามหา ยิ่งเดินก็ยิ่งร้อน เหงื่อจากไหนไม่รู้ผุดขึ้นเต็มหน้า เดินหาอยู่นาน สองนานไม่เจอแม้แต่เงาของเธอ เขาตัดสินใจกลับมาที่ริมหาด เห็นพศิกานั่งอยู่ที่ข้างกองไฟก็ดีใจมากโผกอดไว้แน่น พลางต่อว่าว่าหายไปไหนมาเขาเป็นห่วงแทบแย่

“ฉันรู้สึกเหนียวตัวเลยเดินไปดูว่ามีแหล่งน้ำจืดหรือเปล่าแล้วฉันก็เจอบึงน้ำเล็กๆก็เลยล้างตัวนิดหน่อย ขอโทษนะคะที่ทำให้เป็นห่วง เห็นคุณไม่อยากคุยกับฉัน... ฉันก็เลย...”

“ผมขอโทษที่พูดแบบนั้นออกไป”

พศิกาไม่ถือโทษโกรธอะไรเขา แล้วร้องทักทำไมหน้าของเขาถึงซีดๆไม่สบายหรือเปล่า เขาส่ายหน้าเป็นทำนองว่าไม่ได้เป็นอะไร เรียกให้เธอมานอนใกล้ๆกองไฟ เขาจะไปนอนทางโน้นเอง...

ฝ่ายจิรายุเห็นพศินเอาแต่ทำหน้าเครียด ก็เลยชวนคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ทำให้เขายิ้มออกมาได้...

ติดเกาะร้างไม่พอ ฟ้าฝนยังกลั่นแกล้งทำท่าจะเทกระหนํ่า ทั้งลมทั้งฟ้าแลบฟ้าผ่ามากันยกชุด พศิกาเห็นท่าไม่ดีเดินเข้าไปเรียกเตชินที่นอนหลับไปแล้วให้ตื่น แต่เขานอนนิ่งก็เลยเขย่าตัว ต้องสะดุ้งเพราะตัวเขาร้อนจัด เธอเอามืออังหน้าผากก็รู้ทันทีว่าเขาเป็นไข้ ในที่สุดก็ปลุกให้เขาตื่นจนได้

“ฉันรู้ว่าคุณลุกไม่ไหว แต่เราต้องรีบไป ฝนกำลังมาทางนี้” พูดจบเธอประคองเขาลุกขึ้นเพิ่งสังเกตเห็นนิ้วของเขาที่ถูกกัดทั้งบวมทั้งแดง ถามว่าไปโดนอะไรกัดมา เขาส่ายหน้าไม่รู้ พศิกามั่นใจไอ้ตัวที่กัดเขาต้องมีพิษแน่ๆ เขาถึงได้เป็นไข้ แล้วรีบประคองเขาไปหาที่หลบฝน โชคร้ายซ้ำสองไม่มีที่ให้หลบ

เตชินหนาวสั่นเริ่มเพ้อเพราะพิษไข้ พศิกาทำทุกอย่างไม่ให้เขาหลับเนื่องจากกลัวไม่ฟื้น เล่าให้เขาฟังว่าเธอกับพศินเป็นพี่น้องต่างมารดากันและเล่าถึงเหตุการณ์ที่เธอกับพศินเกือบจะเป็นแฟนกันโดยไม่รู้ว่ามีพ่อคนเดียวกัน ทำให้เธอหนีเตลิดจนชีวิตเกือบแย่ ก็เลยเข็ดขยาดความรักนับตั้งแต่นั้น

“ไม่กล้าเปิดใจให้ใครจนกระทั่งฉันได้พบคุณ...คุณทำให้ฉันอยากรู้จักกับความรักอีกครั้งคุณเตชิน” เงียบไม่มีเสียงใดๆจากชายหนุ่ม พศิกาใจหายรีบเอานิ้วไปอังจมูก พอรู้ว่าเขายังหายใจดึงตัวมากอดไว้แนบอก “อย่าเป็นอะไรนะคะ ฉันยังพูดไม่จบ คุณต้องตื่นขึ้นมาฟังต่อนะคุณเตชิน”

ooooooo

นลินีกลุ้มใจมากเมื่อรู้จากเสกสรรว่าไม่เจอเตชิน ลูกน้องของเขาออกตามหาไปทุกที่ที่คิดว่าเตชินกับพศิกาจะไปก็ไม่พบเลยสักแห่ง จิรายุตั้งข้อสังเกตหรือว่าทั้งคู่จะถูกอุ้ม เสกสรรเองก็ตอบอะไรไม่ได้ ขอไปดูที่สุดท้ายที่มีคนเห็นทั้งคู่ก่อน เผื่อจะเจอเบาะแสอะไร จิรายุอาสาจะพาเขาไปเอง

“ถ้าตาเต้เป็นอะไรไป ฉันจะฆ่านังพศิกา” นลินีเข่นเขี้ยวด้วยความแค้น...

เมื่อไปถึงชายหาดหลังเกาะไข่มุก เสกสรรกับจิรายุเจอพศินกำลังก้มๆเงยๆดูบางอย่างอยู่ ปรากฏว่าเป็นมือถือ ของพศิกา แต่จอดับไปเพราะแบตฯหมด จิรายุตกใจ หรือว่าเตชินกับพศิกาถูกจับโยนทะเลไปแล้ว เสกสรรไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะถ้าโยนลงทะเลป่านนี้ร่างน่าจะลอยขึ้นมาติดหาดแล้ว

“ผมว่าเขาสองคนถูกจับตัวไปที่อื่นมากกว่า แสดงว่าคนร้ายมาทางเรือตอนที่กำลังเอาตัวคุณพศิกาไป อาจจะมีการต่อสู้ มือถือคุณพศิกาถึงตกอยู่ตรงนี้” เสกสรรว่าแล้วรีบโทร.ขอความช่วยเหลือจากตำรวจน้ำให้ออกตามหาทั้งสองคนไปตามเกาะน้อยใหญ่แถวนี้ ถ้าทั้งคู่ถูกจับตัวไปจริงก็ไม่น่าจะไปไหนไกลมาก

“ถ้าไงอย่าเพิ่งบอกคุณป้าลี ผมไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง ผมไปก่อนนะ”

พศินเป็นห่วงความปลอดภัยของพศิกาทนรออยู่เฉยๆไม่ไหวขอไปกับเสกสรรด้วย...

เตชินรู้สึกตัวตื่นขึ้นในอ้อมกอดของพศิการู้สึกดีมากจนไม่อยากขยับไปไหน แต่พอเห็นเธอทำท่าจะตื่นเขารีบหลับตา พศิกาเห็นเตชินยังหลับไม่รู้สึกตัวก็เป็นห่วง เขย่าให้รู้สึกตัวแต่เขาแกล้งนอนนิ่ง เธอปล่อยโฮลั่น

“คุณจะมาทิ้งฉันไปแบบนี้ไม่ได้นะ”

“ผมจะทิ้งคุณไปได้ยังไง” เตชินยิ้มให้เธอด้วยสีหน้าอิดโรย พศิการีบปาดน้ำตาทิ้ง ประคองเขากลับไปที่ริมหาด พบว่ากองไฟดับสนิท ฟืนที่หาไว้เปียกฝนไปหมด เขาแนะให้รีบไปหาฟืนมาก่อไฟใหม่ เผื่อมีเรือผ่านมาจะได้เห็น เธออาสาจะไปหาฟืนเอง ประคองให้เขานั่งพักแล้วรีบกลับเข้าไปในป่าอีกรอบหนึ่ง...

ระหว่างที่พศิกาพยายามหาเศษไม้ที่ไม่เปียกฝน เสกสรร พศินและตำรวจน้ำตระเวนสำรวจไปตามเกาะต่างๆ เพื่อค้นหาเธอและเตชิน ใกล้เกาะร้างที่ทั้งคู่ติดค้างอยู่เข้ามาเรื่อยๆ...

เตชินได้ยินเสียงเรือแว่วเข้ามา กัดฟันลุกขึ้นตะโกนโหวกเหวก พศิกาทิ้งเศษไม้วิ่งมาช่วยเขาตะโกนอีกแรงหนึ่ง แต่เรือของนักท่องเที่ยวอยู่ไกลเกินไปจึงไม่ได้ยิน ทั้งสองคนไม่ยอมแพ้ช่วยกันก่อกองไฟ...

ขณะที่เตชินกับพศิกาเริ่มมีความหวังรำไรที่จะได้ออกจากเกาะร้าง ณีเห็นป้าน้อยแอบนั่งร้องไห้กระซิกๆ อยู่คนเดียว เข้าไปถามว่าเป็นอะไร เธอรีบปาดน้ำตาทิ้ง ขอตัวไปทำงานต่อแล้วขยับจะไป เธอคว้าแขนไว้

“ป้าโกหกไม่เนียนเลยรู้ไหมคะ ป้ามีปัญหาอะไรบอกณีมาเถอะ จะได้ช่วยกัน”

ป้าน้อยถึงกับปล่อยโฮราวกับทำนบแตก โผกอดณีไว้แน่น

ooooooo

เตชินออกแรงหาฟืนมาก่อกองไฟทำให้อาการป่วยกำเริบ อาเจียนอย่างหนัก พศิกาต้องเข้าไปประคองเอาไว้ พอเห็นเขาอาเจียนเป็นเลือดก็ตกใจมาก ยังไม่ทันว่าอะไร เขาหมดสติไปก่อน ทันใดนั้นมีเสียงเรือดังใกล้เข้ามา พศิกาดีใจมาก วางเขาลงกับพื้น รีบวิ่งไปโบกไม้โบกมือตะโกนเรียก “ทางนี้ค่ะทางนี้”

พศินกับเสกสรรดีใจไม่แพ้เธอเช่นกัน สั่งให้จอดเรือใกล้ฝั่งที่สุดแล้วลุยน้ำไปหา เห็นเตชินนอนหมดสติอยู่ รีบพาขึ้นเรือ ไม่นานนักเขาถูกนำตัวส่งห้องฉุกเฉิน โดยมีพศิกา พศินและเสกสรรรอฟังอาการอย่างใจจดจ่อ

นลินีรู้ข่าวว่าเจอตัวลูกแล้ว แต่ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล ชวนมณีกาญจน์กับจิรายุรีบมาดูอาการ เจอพศิกา พศินและเสกสรรนั่งหน้าเครียดอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน รีบเข้าไปถามเสกสรรว่าทำไมเตชินถึงต้องมาที่นี่ พศิกาตอบคำถามแทนว่าเขาโดนสัตว์มีพิษกัดก็เลยทำให้ไข้ขึ้นและอาเจียน นลินีหันมาเล่นงานเธอทันทีว่าเป็นตัวซวยทำให้ลูกของตนต้องเป็นแบบนี้ แล้วไล่ตะเพิดให้ไปจากเกาะไข่มุกพร้อมกับผัวของเธอ

“ฉันสัญญากับคุณลุงพงศ์เอาไว้ว่าจะดูแลอันดามันเพิร์ล เพราะฉะนั้นฉันไม่ไป” พศิกาจ้องหน้านลินีอย่างไม่เกรงกลัว ก่อนเรื่องราวจะบานปลายใหญ่โต หมอเจ้าของไข้ออกมาจากห้องฉุกเฉิน นลินีปรี่เข้าไปถามว่าลูกชายของตนเป็นอย่างไรบ้าง หมอเห็นจากรอยเขี้ยวที่นิ้วของคนไข้น่าจะเกิดจากตะขาบกัด เนื่องจากร่างกายอ่อนแออยู่แล้วก็เลยทำให้อาการหนัก มีไข้ ใจสั่นและอาเจียน แต่ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว

“ผมให้น้ำเกลือเข้าไปก็น่าจะดีขึ้น ให้พักที่นี่สักสองคืนก็กลับบ้านได้ครับ”

พศิกาจะเข้าไปเยี่ยม แต่นลินีขวางไว้สั่งให้ไสหัวกลับไป แล้วเข้าไปเยี่ยมอาการป่วยของเตชินพร้อมกับมณีกาญจน์ จิรายุเกรงจะมีเรื่องกันอีก ขอร้องให้พศิกากลับไปก่อน ได้ข่าวคืบหน้าอะไรตนจะโทร.ไปบอก...

ณีกับปลาดีใจมากที่เห็นพศิกากลับมาอย่าง ปลอดภัย ทั้งคู่รู้เรื่องระหว่างเธอกับพศินแล้วว่าเป็นญาติกันไม่ใช่ผัวเมียอย่างที่ถูกกล่าวหา นอกจากนี้

พวกเธอยังรู้อีกว่าพศิกากำลังสืบเรื่องการยักยอกเงินบริษัท พศิกาขอโทษทั้งคู่ด้วยที่ไม่ได้บอกความจริงเพราะไม่อยากดึงพวกเธอมาเกี่ยวข้อง ณีนึกอะไรขึ้นมาได้

“เออ คุณพั้นซ์คะ พี่มีเรื่องสำคัญจะบอก” จากนั้น ณีเล่าเรื่องที่ป้าน้อยสารภาพทุกอย่างให้ฟัง

ในเวลาต่อมา ป้าน้อยมายืนอยู่ตรงหน้าพศิกา ร้องห่มร้องไห้ขอโทษที่ปรักปรำเรื่องระหว่างเธอกับอนุ–พงศ์ พศิกาไม่ถือโทษโกรธอะไร รู้ดีว่าที่ป้าน้อยทำไปเพราะถูกข่มขู่ พศินไม่เข้าใจทำไมสุดารัตน์ถึงจงเกลียดจงชังพศิกานัก หรือว่าเรื่องคลิปนั่นจะเป็นฝีมือของยัยตัวแสบด้วย ทั้งปลาและณีสงสัยว่าคลิปอะไร

พศิกาเล่าเหตุการณ์คืนที่โดนสง่าวางยาให้ฟัง รวมทั้งเรื่องที่เขาเอามือถือมาวางไว้ในห้องของเธอ หวังจะถ่ายคลิปถ้าเกิดเธอพลาดท่า โชคดีที่พศินไปช่วยเอาไว้ทัน ป้าน้อยฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้

“มือถือนั่น!!...หัวหน้าสุดารัตน์ให้ป้าเข้าไปเอามือถือนายสง่าที่บ้านคุณพั้นซ์เมื่อวันก่อนด้วยค่ะ”

พศินแค้นจัดจะไปเอาเรื่องสุดารัตน์ แต่พศิกาห้ามไว้ ขืนทำอย่างนั้นป้าน้อยจะเดือดร้อนไปด้วย แล้วบอกให้ป้าน้อยกลับไปได้แล้ว ถ้าคนของสุดารัตน์มาเห็นเราอยู่ด้วยกันจะเป็นเรื่องได้ ณีรอจนป้าน้อยลับสายตา

“เออ คุณพั้นซ์คะ พี่กำลังสงสัยว่าไอ้คนที่ลอบทำร้ายคุณพั้นซ์ จะเป็นหัวหน้าสุดารัตน์หรือเปล่า บางทีเธออาจจะเกี่ยวข้องกับขบวนการนี้ด้วยก็ได้นะคะ” ณีเห็นทุกคนมองด้วยสายตาฉงน ก็เล่าเรื่องที่ตัวเองบังเอิญได้ยินสุดารัตน์ชวนนิคมผู้จัดการฝ่ายบัญชีของรีสอร์ตยักยอกเงิน แต่เขาปฏิเสธ

“ตอนนั้นที่พี่ไม่ได้เล่าให้คุณพั้นซ์ฟังเพราะไม่คิดว่าพวกเขาจะกล้าทำ แต่พอมารู้เรื่องนี้ก็เลยฉุกคิดขึ้นมาได้ค่ะ แต่พี่ก็ไม่แน่ใจนะคะว่าคุณนิคมจะเปลี่ยนใจทำตามที่หัวหน้าสุดารัตน์บอกหรือเปล่า”

พศิกายังไม่ปักใจเชื่ออะไรทั้งนั้น จะขอสืบเรื่องนี้อย่างเงียบๆก่อน ไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น

ooooooo

เตชินรู้สึกตัวตื่นขึ้น แทนที่จะห่วงตัวเองกลับถามหาพศิกาอยู่ไหนปลอดภัยหรือเปล่า นลินีที่เฝ้าไข้อยู่แว้ดลั่นจะไปถามถึงนังนั่นทำไม เขาอ้างเป็นหนี้บุญคุณเธอถ้าไม่ได้เธอช่วยไว้ป่านนี้เขาอาจจะตายไปแล้ว

“มันกลับบ้านไปแล้ว ลูกจะห่วงมันทำไม ทีมันยังไม่ห่วงลูกเลย มันมาส่งลูกที่โรงพยาบาลแล้วมันก็ขอกลับไป คงคิดถึงผัวจนตัวสั่นทนไม่ไหว” นลินีโกหกหน้าตาเฉย พอเห็นเตชินอ้าปากจะถาม ชิงตัดบทให้เลิกถามถึงนังนั่นได้แล้ว ตนจะไปตามหมอมาดูอาการเขาให้ เตชินมองตามแม่ที่เดินออกไป พลางพึมพำกับตัวเอง ก่อนที่เขาจะหมดสติจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าพศิกาพูดบางอย่าง แต่จำไม่ได้ว่าเธอพูดเรื่องอะไร...

สายวันเดียวกัน พศิกามาเยี่ยมเตชินพร้อมกับช่อดอกไม้แต่เขาหลับ นลินีไม่พอใจมากรีบลากแขนเธอออกจากห้องพักฟื้น ไล่ตะเพิดไปให้พ้นและไม่ต้องกลับมาเยี่ยมลูกชายของตนอีก

“ฉันจะทำอะไรก็เรื่องของฉัน คุณไม่มีสิทธิ์ห้าม”

นลินีปรี๊ดแตกกระชากช่อดอกไม้จากมือพศิกาปาลงพื้นแล้วกระทืบจนแหลกคาเท้า พร้อมกับขู่สำทับถ้าไม่เลิกยุ่งกับเตชินจะทำกับเธอเหมือนที่ทำกับดอกไม้ช่อนี้ แล้วหันหลังกลับเข้าห้อง

พศิกาจำต้องกลับรีสอร์ตด้วยความผิดหวัง พศินซึ่งรอท่าอยู่ เข้ามาถามว่าเตชินเป็นอย่างไรบ้าง เธอได้แต่ส่ายหน้าไม่รู้เพราะนลินีไม่ยอมให้เยี่ยม ไม่รู้จะจงเกลียดจงชังกันไปถึงไหน อีกมุมหนึ่งไม่ห่างกันนักจิรายุจะเข้ามาหา แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นพศินคว้ามือพศิกา ขึ้นมากุม

“จำตอนที่เรารักกันได้ไหม เราเจออะไรที่เลวร้าย มากกว่านี้เป็นร้อยเท่าแต่เราก็ผ่านมันมาได้”

เธอจำได้ดีเพราะตอนนั้นเธอเกลียดเขามาก แต่สุดท้ายเธอก็กลับมารักเขาแถมรักมากกว่าเดิมอีกด้วย สองพี่น้องหยอกล้อกันสนุกสนาน แต่จิรายุซึ่งแอบฟังอยู่คิดว่าทั้งคู่แสดงความรักต่อกันแบบชู้สาวถึงกับยืนตะลึง สิ่งที่ตัวเองได้ยินและเห็นอยู่ตรงหน้าผิดกับคำพูดที่พศินเคยบอกว่าเขากับพศิกาเป็นแค่ญาติห่างๆกัน

“เราไม่สนิทกันนักหรอกเพราะอย่างนี้ผมถึงเกรงใจพั้นซ์มากไม่อยากทำให้เธอเดือดร้อน ครอบครัวพั้นซ์ช่วยเหลือครอบครัวผมเอาไว้ ครอบครัวผมจน ผมถึงออกจากงานไม่ได้เพราะผมมีน้องอีกแปดคนที่รอเงินจากผมเป็นค่าเล่าเรียน ค่าอาหารและค่าเช่าบ้าน”

จิรายุยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจที่พศินโกหก ทนดูต่อไปไม่ไหวต้องเดินหนี ระหว่างเดินทอดอารมณ์ไปตามชายหาด พศินเข้ามาชวนไปเที่ยวเล่นเหมือนเช่นเคย เธอยังเคืองเขาไม่หายไม่อยากเสวนาด้วย หันหลังเดินหนี เขาคว้าแขนไว้ อยากรู้ว่าเธอไม่พอใจเรื่องอะไร เธอกลับย้อนถามว่าเขาโกหกเธอเรื่องอะไรเอาไว้

“ผมถามคุณไม่ใช่ให้คุณมาย้อนถามผม ตกลงจะบอกหรือไม่บอก”

“ไม่ต้องยุ่ง ปล่อยได้แล้ว” จิรายุพยายามสะบัดมือเขาออก พศินกลับดึงเธอมากอด ขู่ถ้าไม่ยอมบอกจะจูบ เธอดิ้นหนีสุดแรงทำให้เสียหลักล้มลงไปด้วยกัน โดยที่เขาล้มทับไปบนตัวเธอ ปากแตะปากกัน ต่างฝ่ายต่างนิ่งงันเหมือนต้องมนตร์สะกด เธอตั้งสติได้ก่อนผลักเขาออกแล้วรีบลุกขึ้นยืน

“คนฉวยโอกาส คนเจ้าชู้ คนหลายใจ” จิรายุด่าเสร็จจ้ำพรวดๆกลับบ้านพัก

ooooooo

นอกจากนลินีจะไม่บอกเตชินว่าตอนที่เขาหลับพศิกามาเยี่ยม ยังใส่ความว่าเธอหายหัวไปเลยตั้งแต่เขาเข้าโรงพยาบาล โทร.มาถามอาการสักคำยังไม่มี ดังนั้นเขาอย่าไปพูดถึงมันให้เสียเวลา จังหวะนั้นมณีกาญจน์กับจิรายุแวะมาเยี่ยม นลินีได้ทีรีบบอกจิรายุว่าเตชินกำลังรออยู่พอดีแล้วหันไปทางเพื่อนรัก

“กาน...เธอมาก็ดีแล้ว ฉันกำลังหิวข้าว ไปกินข้าวเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ หนูจิลฝากดูตาเต้ด้วยนะจ๊ะแล้วป้าจะรีบกลับ” พูดจบนลินีควงแขนมณีกาญจน์เดินลิ่วออกไป จิรายุยังเคืองเรื่องระหว่างพศิกากับพศินไม่หาย ก็เลยฟ้องเตชินว่าพศินยังไม่ออกจากเกาะไข่มุก เขาถึงบางอ้อทันทีที่พศิกาไม่มาเยี่ยมเพราะต้องอยู่กับพศินนี่เอง จัดแจงขอยืมมือถือของจิรายุโทร.สั่งให้วีรภาพจัดการไล่พศินออกจากเกาะ จิรายุถึงกับอึ้ง

“ไม่แรงไปหน่อยเหรอคะพี่เต้”

“แรงตรงไหน คนอย่างนายพัฒน์สมควรที่ต้องโดนแบบนี้ ถ้าพรุ่งนี้พี่กลับไปเกาะแล้วยังเจอเขาอยู่ พี่จะให้มันออกไปแต่ตัว เงินชดเชยเขาก็จะไม่ได้สักแดง” เตชินพาลไปหมด จิรายุชักไม่แน่ใจ ตัวเองคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่บอกเขาเรื่องที่พศินยังอยู่ที่เกาะไข่มุก...

ฝ่ายวีรภาพไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับพศิกาซึ่งอาสาเป็นคนจัดการให้เอง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง เขาไม่ต้องเป็นกังวล พศินซึ่งนั่งฟังอยู่ด้วยไม่เข้าใจทำไมเตชินถึงผีเข้าผีออกเดาอารมณ์ไม่ถูกจริงๆ เขากลัวเธอจะพลอยเดือดร้อนเพราะเขาไปด้วย

“ไม่หรอก พั้นซ์มีวิธีที่จะทำให้คุณเตชินไม่พูดเรื่องนี้อีกเลย”

ooooooo

หมออนุญาตให้เตชินกลับมาพักฟื้นต่อที่บ้านได้ ระหว่างที่เขาลงจากเรือพร้อมกับนลินีเจอพศินกำลังเอาเสื้อชูชีพมาวางเตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยว ก็ฉุนกึกเข้าไปกระชากคอเสื้อโวยใส่ทำไมยังไม่ออกจากเกาะนี้อีก เขาอ้างพศิกาไม่ให้ไป เตชินยิ่งโมโหหนักที่เขาเชื่อฟังพศิกามากกว่าตนเองซึ่งเป็นเจ้าของที่นี่

ก่อนเรื่องราวจะบานปลายใหญ่โต พศิกาเข้ามาห้ามเอาไว้ สั่งให้เตชินเอามือออกจากคอเสื้อของพศิน เขาไม่ยอมทำตามเธอก็เลยกัดแขนเขาถึงกับร้องลั่นปล่อยมือแทบไม่ทัน เตชินหันมาเล่นงานเธอแทนที่

“ฉันจะบอกเธอเป็นครั้งสุดท้าย สามีเธอต้องออกไปจากเกาะเดี๋ยวนี้”

“ถ้าพัฒน์ไป ฉันไป”

นลินีไล่ส่งเชิญไปด้วยกันตามสบาย พศิกายิ้มอย่างถือไพ่เหนือกว่าเตือนให้สองแม่ลูกนึกถึงคำสั่งของอนุพงศ์ที่ระบุในพินัยกรรมว่าใครก็ไม่สามารถไล่เธอไปจากที่นี่ได้ ทั้งคู่ถึงกับอึ้ง เธอยังย้ำอีกว่า

“ในเมื่อคุณไม่เคยไว้ใจฉัน ไม่เคยเชื่อใจกันงั้นต่อไปนี้เราก็ต่างคนต่างอยู่ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีก รวมทั้งเรื่องนั้นด้วย” พูดจบพศิกาพาพศินเดินจากไป เมื่อได้อยู่ตามลำพังพี่น้อง พศินอดชมพศิกาไม่ได้ว่าเจ๋งมากเล่นงานเตชินอยู่หมัด แต่ทำอย่างนี้ไม่กลัวเขาเอาคืนหรือ เธอไม่กลัวเพราะมีพศินคอยช่วยอยู่ทั้งคน

“จริงด้วย ถ้าเขารังแกพั้นซ์เมื่อไหร่บอกพัฒน์ได้ทันทีเลยนะเพราะว่าพัฒน์เป็นบอดี้การ์ดของพั้นซ์” ไม่พูดเปล่าพศินชกลมโชว์ราวกับนักมวยอาชีพ พศิกา ถึงกับหลุดขำ แม้ใบหน้าเธอจะยิ้มแต่ในใจไม่ได้ยิ้มไปด้วย...

เตชินยังหงุดหงิดไม่หายที่ไม่สามารถไล่ตะเพิดพศินออกจากเกาะได้ ขอร้องให้แม่กลับบ้านไปก่อน เขาอยากอยู่คนเดียวแล้วผละจากไป นลินีพลอยหงุดหงิดไปด้วยที่เล่นงานนังมารไม่ได้ดั่งใจ ครู่ต่อมา จิรายุเดินผ่านมาเห็นเตชินยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ เข้ามาทักกลับมานานแล้วหรือ แล้วไล่พศินออกไปหรือยัง

“ยัง...พี่ไล่เขาออกไม่ได้เพราะถ้าเขาไป พศิกาก็จะไปด้วย แต่คุณพ่อระบุเอาไว้ในพินัยกรรมว่าภายในสองปีห้ามใครไล่พศิกาออก พศิกากับนายพัฒน์คงจะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมากถึงทำให้พศิกาออกโรงปกป้องมากขนาดนี้”

“เขารักกันจริงๆค่ะพี่เต้ จิลได้ยิน” จิรายุพูดแล้วก็อดใจหายไม่ได้เพราะเริ่มชอบพศินขึ้นมาบ้างแล้ว...

พศิกากับพศินแวะไปที่โรงแรมอันดามันเพิร์ลเพื่อชวนทรงศักดิ์กับนวลทิพย์ไปกินมื้อเที่ยงด้วยกัน

ที่ร้านอาหารในตัวเมือง ศักดิ์ซึ่งเพิ่งวางสายจากนายจ้างที่โทร.มาต่อว่าเรื่องที่พศิกากับเตชินยังไม่ตาย หันมาเห็นพศิกาพอดี ต่างฝ่ายต่างตกใจ ศักดิ์ตั้งสติได้ก่อนรีบวิ่งหนี

“ผู้ชายคนนั้นคือคนที่จับพั้นซ์กับคุณเตชินไป” ตะโกนโหวกเหวกจบพศิกาไล่ตามศักดิ์ไปทันที พศินฝากทรงศักดิ์โทร.แจ้งตำรวจให้ด้วย แล้ววิ่งตามเธอไปอีกทอดหนึ่ง ทรงศักดิ์รีบเอามือถือขึ้นมาจะโทร.ออก แต่กลัวจนมือสั่น ทำให้มือถือร่วงพื้น นวลทิพย์ต้องช่วยเก็บขึ้นมาให้

ทางฝ่ายศักดิ์วิ่งหนีไปตามถนนในตัวเมืองอย่างไม่คิดชีวิตโดยมีพศิกาไล่กวด แต่แล้วต้องเบรกตัวโก่งเมื่อพศินพุ่งมาขวางหน้าไว้ ศักดิ์ตัดสินใจวิ่งข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่ง ทันใดนั้นมีรถคันหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็วชนเขาเต็มแรงกระเด็นกระแทกพื้นถนน พศินรีบโทร.แจ้งตำรวจ ขณะที่พศิกาเข้าไปทรุดตัวนั่งข้างๆศักดิ์ที่เลือดท่วมตัวนอนหายใจรวยริน เขาพยายามจะพูดบางอย่างกับเธอ แต่พศินเข้ามาจับตัวเธอให้ลุกขึ้นเสียก่อน

“ปล่อยพั้นซ์ เขาพยายามจะบอกบางอย่างให้พั้นซ์รู้”

พศินปล่อยให้พศิกานั่งลงอย่างเดิม ศักดิ์ไม่ทันจะพูดอะไรก็สิ้นใจตายไปต่อหน้า พศิกาสติแตกพยายามเขย่าตัวให้เขาฟื้น พศินต้องเตือนสติว่าเขาตายแล้ว เธอถึงได้ยอมถอยออกมา

ooooooo

ในเวลาไล่เลี่ยกัน นลินีต่อว่าสุดารัตน์เรื่องที่โทร.หาหลายครั้งไม่ยอมรับสาย กำชับให้ทีหน้าทีหลังต้องเอามือถือติดตัวไว้ตลอด ตนโทร.ไปเมื่อไหร่จะต้องรีบรับสาย สุดารัตน์รับคำอย่างไม่ค่อยจะพอใจนัก

“ค่ะๆ ว่าแต่คุณลีเรียกสุดาให้มาพบด่วนเพราะมีแผนชั่วๆอีกแล้วสิคะ”

นลินีต้องการให้สุดารัตน์ทำอย่างไรก็ได้ให้พศิกาไปจากที่นี่ ให้สร้างสถานการณ์ให้เหมือนอุบัติเหตุ ทำให้นังนั่นเจ็บหนักปางตายได้ยิ่งดี สุดารัตน์คุยอวดเรื่องแค่นี้สบายมาก...

ที่ห้องทำงานของเสกสรรบนโรงพัก พศิกาเจ็บใจที่สารวัตรหนุ่มไม่ได้อะไรคืบหน้าเกี่ยวกับรถคันที่ชนศักดิ์ รู้แค่รถถูกขโมยมาและที่สำคัญหลังจากตรวจที่เกิดเหตุแล้วพบว่านี่ไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นการจงใจฆ่า เสกสรรไม่คิดว่าเรื่องจะจบแค่นี้ พวกนั้นจะต้องลงมืออีกเตือนเธอให้ระวังตัวมากขึ้น เขาจะบอกให้เตชินคอยดูแลเธอให้ พศินรีบบอกว่าไม่ต้อง เพราะตนเป็นคนดูแลเธออยู่แล้ว

“คุณพั้นซ์กับไอ้เต้ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ”

“ไม่ได้ทะเลาะหรอกค่ะ เราแค่...ต่างคนต่างอยู่ก็เท่านั้น”...

เตชินมาด้อมๆมองๆแถวหน้าห้องทำงานของพศิกาเพื่อดูว่าเธออยู่หรือเปล่า ณีผ่านมาเห็นท่าทางลับๆล่อๆของเขา ปรี่เข้ามาถามว่ามาหาพศิกาหรือ เธอไม่อยู่ออกไปข้างนอกถ้ามีอะไรให้เขาโทร.เข้ามือถือได้เลย

“ไม่เป็นไร ไว้กลับมาก่อนค่อยคุยก็ได้” เตชินว่าแล้วรีบผละออกมา ยังเดินไม่ทันถึงหน้าห้องตัวเอง เสกสรรโทร.มาบอกเรื่องคนร้ายที่ลักพาตัวเขากับพศิกาถูกฆ่าปิดปาก เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของพศิกา รีบตรงไปหาเธอที่บ้าน แทนที่จะพูดจากันดีๆ ทั้งคู่กลับมีปากเสียงกันอีก เธอยืนกรานไม่ต้องการจะยุ่งเกี่ยวกับเขา ให้ต่างคนต่างอยู่ เขาเองก็น่าจะพอใจที่ไม่ต้องมีเธออยู่ข้างๆให้รำคาญใจ

“เชิญออกไปได้แล้วคุณเตชิน”

ในเมื่อถูกไล่ เตชินจำต้องตัดใจจากมา ตั้งใจมั่นจะต้องลืมเธอให้หมดไปจากใจให้ได้

ooooooo

บังเอิญเช้านี้ พศิกากับเตชินเกิดใจตรงกันมาทำบุญตักบาตรที่วัดบนเขาเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้อนุพงศ์ ต่างฝ่ายต่างมองสบตากัน ก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายเดินจากมาเพื่อจะขับรถกลับ เขารีบเปิดประตูรถขึ้นมานั่งเบาะข้างคนขับ จะขอปรับความเข้าใจ ไม่อยากให้เราสองคนต้องเป็นแบบนี้

“พูดเหมือนฉันเป็นต้นเหตุทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ ทั้งๆที่คุณต่างหากคือคนที่ทำทั้งหมด ลงไปได้แล้ว”

เตชินไม่ยอมขยับไปไหนทั้งนั้นจนกว่าจะคุยกันให้รู้เรื่องก่อน พศิกาแกล้งออกรถอย่างแรงทำให้เตชินซึ่งยังไม่ทันจะคาดเข็มขัดนิรภัยตัวกระแทกคอนโซลหน้ารถถึงกับร้องลั่น เขาโมโหที่โดนแกล้งทำท่าจะเอาเรื่อง เธอเหยียบคันเร่งอย่างแรงแล้วจะกระแทกเบรก แต่มันไม่ทำงาน เล่นเอาใจเสีย

“จะทำไงดี ฉันเหยียบเบรกไม่ได้ รถมันเร็วขึ้นเรื่อยๆ”

ชายหนุ่มบอกให้เธอตั้งสติก่อนแล้วทำตามที่เขาบอก ในที่สุดเธอก็หยุดรถได้ เตชินแปลกใจรถเบรกแตกได้อย่างไร ซักเธอเป็นการใหญ่ตอนขับรถมาที่วัด รถมีปัญหาอะไรหรือเปล่า เธอส่ายหน้าแทนคำตอบ

“เปิดห้องฝากระโปรงหน้ารถให้ผมดูที”...

ระหว่างที่เตชินตรวจดูห้องเครื่องของรถที่พศิกาขับมา สุดารัตน์ถึงกับร้องเอะอะเมื่อสง่าบอกว่าเมื่อเช้า ตอนเดินผ่านวัด เห็นพศิกาจอดรถไว้ที่ลานจอดรถ ก็เลยเข้าไปตัดสายเบรก รับรองนังนั่นเดี้ยงแน่ เธอกลัวจะไม่แค่เดี้ยง ถ้าเกิดพศิการถคว่ำตายขึ้นมาจะทำอย่างไร แล้วเอานิ้วจิ้มหน้าผากเขาพร้อมกับด่าซ้ำว่าโง่เง่า

“ถ้าเกิดอะไรขึ้น แกต้องรับผิดชอบ” โวยเสร็จสุดารัตน์เดินจากไปด้วยสีหน้าร้อนใจ...

หลังจากตรวจดูห้องเครื่องรถ เตชินพบว่าสายเบรก ถูกตัด ต้องมีคนตามพศิกามาที่วัด พอสบช่องก็เลยตัดสายเบรกหรืออาจจะเป็นพวกนั้นอีกก็ได้ พศิกาถึงกับหน้าเสียหวาดกลัวสุดๆ เขารีบเข้ามากอดปลอบใจ

“ต่อไปนี้ผมจะไม่ยอมให้คุณห่างผมไปไหนอีกแล้ว คุณต้องตัวติดกับผมตลอด 24 ชั่วโมง...ผมจะโทร.บอกไอ้เสกให้ช่วยมาเช็กรอยนิ้วมือที่รถ ผมว่าไอ้ตัวร้ายยังอยู่บนเกาะนี้แน่”...

จิรายุยังงอนพศินไม่หาย เห็นเขาเดินสวนทางมา เดินก้มหน้าไม่สบตาด้วย เขาต้องเป็นฝ่ายร้องทักจะไปไหนหรือ เธอตอบแบบมะนาวไม่มีน้ำว่าจะไปไหนมันก็เรื่องของเธอไม่เกี่ยวอะไรกับเขา แล้วเดินหนี พศินมองตามงงๆ จิรายุเดินปึงปังมาที่ริมหาด เจอฝรั่งขี้เมาปรี่เข้ามาคว้าเอว พยายามจะลวนลาม เธอร้องห้ามก็ไม่สนใจ

ก่อนจะเสียทีให้ฝรั่งจอมหื่น พศินมาช่วยไว้ทันต่อยฝรั่งหน้าหงาย เขาไม่ยอมแพ้พุ่งเข้ามาชกคืน พศินซึ่งตัวเล็กกว่าถึงกับเซถลา ฝรั่งจะตามเข้าไปซ้ำ จิรายุเห็นพศินเพลี่ยงพล้ำเข้าไปช่วยทุบตีฝรั่งอุตลุด เขาหันมาผลักเธอกระเด็น พศินโกรธมาก อัดฝรั่งลงไปกองกับพื้น สิ้นฤทธิ์อยู่ตรงนั้น แล้วรีบพาจิรายุออกไป

ระหว่างเอาสำลีเช็ดเลือดที่มุมปากให้พศิน จิรายุไม่วายก่นด่าฝรั่งจอมหื่นไปด้วย อารมณ์พาไปทำให้เผลอตัวซับเลือดแรง พศินถึงกับร้องโอ๊ยลั่น ตัดพ้อต่อว่าว่าโกรธคนอื่นก็อย่ามาลงที่ตน เธอขอโทษที่มือหนักไปหน่อย และจะขอตอบแทนที่ช่วยเธอเอาไว้ด้วยการพาไปเลี้ยงข้าว แล้วนึกขึ้นได้

“ว่าแต่...นายต้องขออนุญาตพี่พั้นซ์มากินข้าวกับฉันหรือเปล่า”

“ทำไมผมต้องขอพั้นซ์ด้วยล่ะครับ นี่มันเรื่องส่วนตัวของผมไม่เกี่ยวกับพั้นซ์สักหน่อย สักหกโมงเย็นเจอกันดีไหมครับ” พศินสีหน้ายิ้มแย้มขณะที่จิรายุไม่ค่อยสบายใจนักเพราะเกรงใจพศิกา...

ในระหว่างรอผลตรวจพิสูจน์หาลายนิ้วมือของคนร้าย เตชินทนอยู่นิ่งเฉยไม่ไหวตามมาสอบถามที่ฝ่ายซ่อมบำรุงของรีสอร์ตเรื่องที่สายเบรกขาด สง่าทำเป็นตกใจถามว่าขาดได้อย่างไร

“นั่นสิ ฉันก็สงสัยว่ามันขาดได้อย่างไร ฉันก็เลยให้ตำรวจมาเก็บลายนิ้วมือที่รถไปแล้ว อีกไม่กี่วันคงรู้ว่าเป็นฝีมือใคร” คำพูดของเตชินทำเอาสง่าแทบช็อก แต่ต้องเก็บอาการเอาไว้ รอจนเขาลับสายตา วิ่งแจ้นไปบอกสุดารัตน์เรื่องที่เตชินแจ้งตำรวจให้ไปตรวจหาลายนิ้วมือที่สายเบรกซึ่งถูกตัด แล้วถ้าเจอลายนิ้วมือของเขาจะทำอย่างไรกันดี แทนที่จะช่วยหาทางออก สุดารัตน์กลับบอกให้ตัวใครตัวมันแล้วเดินหนีไปทันที

“ถ้างานนี้ฉันถูกจับ เจ๊ก็ต้องโดนไปด้วย” สง่าพึมพำไล่หลังด้วยความแค้นใจ

ooooooo

เตชินเป็นห่วงความปลอดภัยของพศิกา ตั้งใจจะตามติดเธอตลอด 24 ชั่วโมงอย่างที่สัญญากับเธอเอาไว้จึงหอบผ้าหอบผ่อนจะไปค้างที่บ้านของเธอ โดยโกหกแม่ว่าพักนี้งานยุ่งต้องไปนอนที่รีสอร์ตเพื่อความสะดวกในการทำงาน นลินีไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรปล่อยให้เขาไปค้างตามสบาย

ครู่ต่อมา เตชินมาเคาะประตูบ้านพศิกา ทันทีที่เจ้าของบ้านเปิดประตูรับ เขารีบผลุบเข้าไปข้างในก่อนจะปิดประตูตามหลัง กลัวแม่จะมองจากบ้านมาเห็น เธองงมากที่เห็นเขาหอบเสื้อผ้าข้าวของมาด้วย

“ผมจะมาอยู่กับคุณจนกว่าจะจับตัวคนร้ายได้... จะให้ผมเอาของไว้ตรงไหนดี”

“คุณกลับไปเถอะ ทำแบบนี้ไม่ดีหรอกนะคะ ถ้าเกิดแม่คุณเห็นว่าคุณมาอยู่กับฉัน แม่คุณอาละวาดแน่และฉันไม่อยากเจออารมณ์แบบนั้นด้วย”

“ผมโกหกแม่ว่าผมไปนอนที่รีสอร์ต แม่ผมจับไม่ได้หรอก ท่านไม่มีวันรู้แน่นอน” เตชินพูดจบเอาเสื้อผ้าข้าวของวางบนโซฟา แล้วเดินไปรูดม่านหน้าต่างทุกบานเพื่อไม่ให้ใครมองเข้ามาเห็น “แค่นี้ก็เรียบร้อย ผมนอนบนโซฟาเอง ส่วนคุณก็ตามสบายอยากทำอะไรก็ทำได้เลย คิดซะว่าไม่มีผมอยู่ที่นี่ด้วยก็แล้วกัน”

พศิกาได้แต่ถอนใจ งุนงงกับอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของเขา...

ในเวลาไล่เลี่ยกัน จิรายุพาพศินไปเลี้ยงข้าวเย็นเพื่อตอบแทนที่ช่วยเธอให้พ้นจากเงื้อมมือฝรั่งจอมหื่น นอกจากจะสั่งอาหารมาให้เขากินเต็มโต๊ะแล้ว เธอยังใส่ห่อให้กลับไปกินเป็นมื้อเช้าที่ห้องพักอีกด้วย...

ฝ่ายพศิกามัวแต่คิดถึงเรื่องที่เตชินมานอนอยู่ในบ้าน อาบน้ำเสร็จถึงได้รู้ว่าลืมหยิบผ้าเช็ดตัวเข้ามาด้วย ค่อยๆเปิดประตูห้องน้ำไปหยิบผ้าเช็ดตัวในตู้เสื้อผ้ามาพันตัวไว้ จังหวะจะกลับไปที่ห้องน้ำดันลื่นล้มร้องวี้ดว้ายลั่น เตชินได้ยินเสียงร้องคิดว่าเกิดเรื่อง เปิดประตูห้องนอนผลัวะเข้าไปเห็นเจ้าของห้องนอนโป๊อยู่บนพื้น มีผ้าเช็ดตัวกองอยู่ข้างๆ พอเธอเห็นเขาก็รีบคว้าผ้าเช็ดตัวมาปิดเรือนร่างเอาไว้ อายแทบจะแทรกแผ่นดินหนี

“ยืนมองอยู่ทำไม ออกไปสิ”

เตชินได้สติรีบกลับออกไปแทบไม่ทัน จากนั้น ก็เดินมาทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แม้จะรู้สึกผิดที่เข้าไปเห็นเธอโป๊โดยไม่ได้ตั้งใจก็ตาม...

หลังจากอิ่มหนำสำราญกับมื้อเย็น พศินชวนจิรายุมาเดินย่อยอาหารที่ชายหาด เห็นปูลมวิ่งอยู่บนหาดทรายก็นึกสนุกชวนกันไล่จับปูลมเล่นจนแทบหมดแรง ถึงได้หยุดพักเหนื่อย พศินเหลือบไปเห็นใครบางคนอยู่ในเงามืดมองมาทางตนเอง พอใครคนนั้นเห็นเขามองก็รีบวิ่งหนี

เขาคิดไปเองว่าอาจจะเป็นคนร้าย ชวนจิรายุไล่ตาม ชายคนนั้นวิ่งหนีไปขึ้นเรือที่จอดอยู่ริมหาด แล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว พศินไม่ยอมแพ้ไล่ตามลงไปในทะเลแต่ไม่ทัน ได้แต่มองเรือที่แล่นหายไปในความมืดด้วยความเจ็บใจ

“ต้องบอกเรื่องนี้ให้พั้นซ์รู้”...

เรือลำนั้นแล่นมาจอดที่หมู่บ้านชาวประมงแห่งหนึ่งซึ่งอยู่บนเกาะไม่ห่างจากเกาะไข่มุกนัก แสงไฟจากท่าเรือเผยให้เห็นว่าชายปริศนาคนนั้นคืออินทร์คนที่ขับเรือให้อนุพงศ์ในวันที่เรือเกิดระเบิด ระหว่างที่เขากำลังผูกเรือ มีชายอีกคนหนึ่งเดินมาหา แสงสว่างจากเสาไฟฟ้าทำให้เห็นว่าเขาคืออนุพงศ์นั่นเอง

“ที่เกาะเป็นอย่างไรบ้างอินทร์”

“มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นครับ แล้วแถมเมื่อครู่นี้ผมยังเกือบถูกจับได้ด้วยโชคดีที่หนีได้ทัน”

อนุพงศ์สั่งให้อินทร์เข้าไปคุยกันในบ้านจะได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง...

ในเวลาไล่เลี่ยกัน มณีกาญจน์ลากแขนจิรายุกลับเข้าบ้าน พร้อมกับต่อว่าว่าถ้าตนไม่ออกไปตามก็คงไม่รู้ว่าเธอนัดไปกินข้าวกับพศิน รู้ทั้งรู้ว่าเขาเป็นอะไรกับพศิกายังจะไปใกล้ชิดกับเขาอีก อยากจะปีนต้นงิ้วหรือ

“ป้าคิดมากเกินไปแล้ว”

“คิดมากๆเอาไว้ก็ยังดีกว่าคิดน้อยๆแบบเรา ไม่รู้ล่ะ ต่อไปนี้ห้ามไปพบหรือไปคุยกับนายพัฒน์อีก”

จิรายุได้แต่นิ่งเงียบไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ทันใดนั้น ไฟก็ดับพรึบ สองป้าหลานมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

ooooooo

ทะเลไฟ

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด