ตอนที่ 15
ทรงศักดิ์หยิบมีดขึ้นมากระชับในมือมองสุดารัตน์ด้วยสีหน้าเหี้ยม เธอกลัวลนลานพยายามอ้อนวอนขอร้องให้เขาปล่อยเธอไปอย่าทำอะไรเธอ
เลย รับปากจะไม่บอกใครเรื่องนี้ เขาไม่เชื่อคำพูดของคนใจดำ ใจคับแคบและรักแต่ตัวเองอย่างเธอ และที่สำคัญเธอทำให้เขาต้องหมดตัว
“พูดเรื่องอะไร ฉันไม่เข้าใจ”
“มองหน้าฉันให้ดีๆว่าฉันเหมือนใคร มองให้ดีสุดารัตน์” ไม่พูดเปล่าทรงศักดิ์กระชากเธอดึงเข้ามาใกล้ๆ
“ฉันไม่รู้ ไม่รู้จริงๆว่าแกเป็นใคร ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันกลัวแล้ว” สุดารัตน์ร้องไห้โฮหวาดผวาสุดๆ
“ถ้าแกจำฉันไม่ได้ ฉันจะบอกให้เอาบุญ” จากนั้นเรื่องราวในอดีตก็พรั่งพรูออกจากปากทรงศักดิ์ ตอนนั้นสุดารัตน์ช่วยเหลือให้นวลปราง นุกูลและนวลทิพย์ได้เข้าทำงานที่อันดามันเพิร์ลรีสอร์ต ความงามของที่นั่นทำให้นุกูลถึงกับออกปากถ้าเขากับนวลปรางไม่ต้องมาทำงานแต่มาฮันนีมูนแทนคงจะดีมากๆ
“นั่นสิ ถ่ายรูปเก็บไว้ดีกว่าวันแรกของการมาทำงานที่เกาะไข่มุก ทิพย์ ถ่ายรูปให้พี่ทีนะ” พูดจบนวลปรางยื่นกล้องถ่ายรูปให้นวลทิพย์ซึ่งรับมาอย่างเสียไม่ได้ แล้วหันไปโอบกอดนุกูลถ่ายรูปกันมีความสุข...
สองวันให้หลังความสวีตหวานที่นวลปรางมีต่อนุกูลก็เปลี่ยนไป เขาเอารูปถ่ายกับเธอซึ่งอัดเรียบร้อยมาให้เธอที่ห้องพัก บอกให้ดูข้างหลังภาพ ซึ่งเขาเขียนโน้ตกำกับไว้ว่า “มอบให้ปรางที่รัก จาก นุกูล” นวลปรางกลับไม่ยอมรับรูปถ่ายใบนั้น
“เอาคืนไป ถ้ามีคนเห็นจะเข้าใจผิด พี่กลับไปได้แล้ว และก็อย่ามาหาฉันที่ห้องอีก”
“ทำไมต้องกลัวคนเข้าใจผิดและทำไมพี่มาหาปรางไม่ได้ ในเมื่อเราเป็น...”
“เราไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น จำไว้ว่าเราเป็นแค่ คนรู้จักกัน” นวลปรางเอารูปยัดใส่มือนุกูล ก่อนจะปิดประตูกระแทกใส่หน้า เขาเสียใจมากถึงกับทำรูปร่วงจากมือ
ก่อนจะเดินคอตกจากไป สักพักสุดารัตน์ซึ่งพักอยู่ห้องติดกันกับนวลปรางเปิดประตูออกมาเห็นรูปหล่นอยู่เดินเข้ามาเก็บ
ในเวลาต่อมา สุดารัตน์เอารูปใบนั้นมาคืนให้นุกูลด้วยสีหน้ายิ้มเยาะที่เขาโดนนวลปรางทิ้ง นุกูลขอร้องให้สุดารัตน์ช่วยไปพูดกับนวลปรางให้ทีว่าอย่าทิ้งเขาไป เขารักเธอมาก รักจนอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ
“นี่เป็นเรื่องของแกกับปราง ฉันไม่อยากยุ่ง”
“แต่พี่เป็นคนที่ปรางเคารพและเชื่อฟัง ถ้าพี่พูด ปรางต้องฟังพี่แน่ๆ...นะครับพี่สุดาผมขอร้องพี่อยากได้อะไรผมจะให้ทุกอย่าง” นุกูลมองสุดารัตน์ด้วยสายตา เว้าวอน
ooooooo
หลายวันถัดมา...
นุกูลโวยวายใส่สุดารัตน์ที่ได้เงินจากเขาไปแล้วแต่ทำไมนวลปรางยังคิดจะตีจากเขาอยู่อีก เธออ้างว่าทำเต็มที่แล้วต้องขอโทษด้วย นุกูลโวยไม่เลิกขอโทษแล้วได้อะไร เขาเอาเงินที่เก็บสะสมให้เธอไปจนหมดแต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความผิดหวัง
“นุ...เพราะเธอน่ารำคาญแบบนี้ไง ยัยปรางถึงหมดรักเธอ ผู้หญิงไม่เอาก็ยังจะไปเซ้าซี้ หัดมองตัวเองว่ามีอะไรดีบ้าง”
“ถ้าพี่ทำไม่ได้ก็เอาเงินคืนมา”
“ไม่คืน” สุดารัตน์ว่าแล้วเดินหนี นุกูลไม่ปล่อยให้เธอลอยนวลง่ายๆ ตามไปกระชากผม
“เอาเงินผมคืนมา”
สุดารัตน์ถึงกับร้องโอ๊ย สง่าเดินผ่านมาพอดี เห็นนุกูลกำลังทำร้ายญาติของตัวเองเข้าไปกระชากมือเขาออก สุดารัตน์ชั่วได้ใจสั่งให้สง่าสั่งสอนเขาฐานสะเออะมาวุ่นวายกับเธอ แม้จะถูกสง่าอัดสะบักสะบอม แต่นุกูลไม่ละความพยายามพาร่างกายอันบอบช้ำมาตามตื๊อนวลปรางอีก
“คิดจะเลิกกับนุง่ายๆเหรอ ไม่มีทาง”
“คนมันไม่รักแล้วจะยื้อไว้อีกทำไม”
“ที่ไม่รักเพราะนุไม่มีเงินเหมือนไอ้แก่อนุพงศ์นั่นใช่ไหม”
นวลปรางตอบโดยไม่ต้องคิดว่าใช่ นุกูลไม่มีทั้งเงินไม่มีทั้งอนาคตแล้วเรื่องอะไรที่เธอจะต้องทนอยู่กับ
คนอย่างเขา นุกูลโวยวายในเมื่อเธอเป็นเมียเขาแล้วจะมาทิ้งกันง่ายๆได้อย่างไร
“ที่ผ่านมาถือว่าฉันทำทานให้กับคนอย่างแกก็แล้วกัน ต่อไปนี้อย่ามาเข้าใกล้ฉันอีก แค่เห็นหน้าแกฉันก็สะอิดสะเอียนเต็มทน” คำพูดของนวลปรางยิ่งทำให้นุกูลระงับอารมณ์ไม่อยู่บีบแขนเธอไว้แน่น “โอ๊ย...ฉันเจ็บ”
“เจ็บแค่นี้มันยังน้อยไปสำหรับผู้หญิงชั่วๆอย่างแก ฉันจะไปบอกไอ้อนุพงศ์ว่าแกกับฉันเป็นอะไรกัน ถ้ามันรู้มันไม่มีทางเอาแกทำเมียแน่” นุกูลปล่อยแขนนวลปราง แล้วผละจากไป เธอตกใจมากรีบวิ่งตามไปคว้าแขนไว้ ขอร้องไม่ให้ทำอย่างนั้น เขาสะบัดมือเธอออกอย่างแรงจนล้มก้นจ้ำเบ้า นวลปรางเหลือบเห็นท่อนไม้ คว้าขึ้นมาฟาดท้ายทอยเขาสุดแรงเกิดถึงกับสลบเหมือด
เพื่อกำจัดให้สิ้นซาก เธอลากเขาไปยังป่าท้ายเกาะไข่มุกเอาน้ำมันก๊าดราดทั่วตัว นุกูลได้สติลืมตาขึ้นมาเห็นตัวเองถูกชุ่มไปด้วยน้ำมันก็ตกใจแทบช็อก ละล่ำละลักว่าจะทำอะไร
“แกทำตัวแกเองนะไอ้นุกูล ไปที่ชอบๆเถอะ” นวลปรางจุดไม้ขีดไฟโยนใส่นุกูล แล้วเดินจากไปไม่รอดูผลงาน ไฟลุกพรึ่บอย่างน่ากลัว เขาส่งเสียงร้องโหยหวนลงไปดิ้นเร่าๆกับพื้น
ooooooo
สุดารัตน์ฟังเรื่องที่ทรงศักดิ์เล่าด้วยสีหน้าตื่นตระหนก เดาออกในทันทีว่าชายที่อยู่ตรงหน้าคือนุกูลนั่นเอง
“แล้วทำไม...ทำไมหน้าตาแกถึงได้...”
“ไม่เหมือนเดิมใช่ไหม หลังจากฉันโดนนังนวลปรางมันจุดไฟเผาทั้งเป็น ฉันเกือบตายแต่โชคดีมีคนมาช่วยฉันเอาไว้ คนใจดีคนนั้นพาฉันไปรักษาตัว แต่หน้าตาของฉันเละไปหมดจนต้องทำศัลยกรรมหน้าใหม่ ฉันพยายามรักษาตัวให้แข็งแรงที่สุดเพื่อกลับมาเอาคืนทุกคนที่มันรังแกฉัน นังนวลปราง ไอ้อนุพงศ์ ไอ้สง่าตายไปหมดแล้วเหลือแกกับนังพศิกาที่ฉันต้องจัดการเป็นรายต่อไป”
“ฉันขอโทษ...ฉันขอโทษ อย่าฆ่าฉันเลย...อย่า”
ทรงศักดิ์หัวเราะลั่นด้วยความสะใจ “ไม่นึกเลยว่าจะได้เห็นวันที่สุดารัตน์ตัวสั่นเป็นลูกหมาขนาดนี้
เมื่อก่อนเก่งนักไม่ใช่เหรอ เก่งนักใช่ไหม” ไม่พูดเปล่า ทรงศักดิ์ตบหน้าเธอซ้ายหันขวาหันไม่หยุดจนเลือดกบปาก หน้าตาบวมช้ำ แล้วเอามีดมาแนบกับใบหน้าของเธอ
“ฉันคิดออกแล้วว่าจะเล่นสนุกอะไรกับแกดี” ทรงศักดิ์แสยะยิ้ม ก่อนจะลากตัวสุดารัตน์ออกไป
ไม่นานนัก เขาพาร่างสะบักสะบอมของยัยจอมยุแยงมาที่พงหญ้าข้างทางสายเปลี่ยว เอาน้ำมันก๊าดที่เตรียมมาราดไปบนตัวเธอจนชุ่ม เธอได้แต่นอนนิ่งไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน
“แกจะได้รับรู้ความรู้สึกของการถูกเผาทั้งเป็นว่ามันเจ็บปวดและทรมานมากแค่ไหน” พูดจบทรงศักดิ์จุดไม้ขีดไฟโยนใส่สุดารัตน์ ไฟโหมไหม้พร้อมกับเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังฝ่าความเงียบสงัด เขา
หัวเราะสะใจก่อนจะเดินจากไป ไม่กี่อึดใจมีคนผ่านมาเห็นเหตุการณ์ ถึงกับผงะ...
ในเวลาไล่เลี่ยกัน นลินีมาดักรอเตชินอยู่ตรงมุมปลอดคนของรีสอร์ต สั่งให้เล่าเรื่องทั้งหมดของสุดารัตน์ให้ฟัง ครู่ต่อมา เขาพาท่านไปที่ห้องทำงาน เอาเอกสารที่เหลือจากถูกวางเพลิงให้ดู
“มีคนลอบวางเพลิงห้องเก็บเอกสารตอนที่คุณพั้นซ์อยู่ในนั้น มันคงต้องการทำลายทั้งเอกสารและคน เอกสารเหลือเพียงเท่านี้แต่ก็พอเป็นหลักฐานได้ว่าหัวหน้าสุดารัตน์ ยักยอกเงินจริงๆ แต่ตอนนี้หัวหน้าสุดารัตน์หนีไปเพราะเป็นผู้ต้องหาคดีวางระเบิดเรือทั้งสามครั้ง ฆ่านายสง่าและพยายามฆ่าผมกับคุณพั้นซ์ครับ”
“ไอ้เรื่องยักยอกเงินแม่เชื่อ แต่ไอ้เรื่องวางระเบิดฆ่าคนตายลูกแน่ใจเหรอว่าเป็นฝีมือ...”
“แม่ครับ จนป่านนี้แล้วแม่ยังไม่เชื่อผมอีกเหรอ หลักฐานก็มีให้เห็นหรือแม่จะไปคุยกับเสกก็ได้”
“แม่รู้ว่าลูกไม่ชอบสุดา มันไม่ใช่ลูกคนเดียว คนทั้งเกาะไม่มีใครชอบสุดาหรอก เธอไม่ใช่คนดีและที่เธอมาตีสนิทกับแม่ก็เพื่อหวังผลประโยชน์ ซึ่งแม่ก็รู้ แต่แม่มั่นใจว่าเธอไม่ได้ทำ”
“ผมจะต้องทำอย่างไรให้แม่เชื่อ” เตชินถอนใจเซ็ง พลันมีเสียงมือถือของเขาดังขึ้น เสกสรรโทร.มาแจ้งว่าสุดารัตน์บาดเจ็บสาหัสตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล จากนั้นไม่นาน สองแม่ลูกมาถึงหน้าห้องฉุกเฉิน เจอเสกสรรรอท่าอยู่ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักเข้าไปสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับสุดารัตน์
“มีคนไปเจอหัวหน้าสุดารัตน์ถูกไฟเผาทั้งตัวผมมาถึงตอนที่หมอกำลังช่วยหัวหน้าสุดารัตน์อยู่ แต่ไม่เห็นคนที่พาหัวหน้าสุดารัตน์มาที่นี่” ไม่ทันขาดคำ หมอเจ้าของไข้ออกมาจากห้องฉุกเฉิน ทั้งสามคนปรี่เข้าไปถามอาการของสุดารัตน์
“ญาติคุณสุดารัตน์นะครับ”
“ไม่ใช่ครับ แต่ผมเป็นเจ้านายของเธอ อาการเธอเป็นอย่างไรบ้างครับ”
“สาหัสครับ เธอถูกไฟไหม้ระดับที่สาม ไหม้ตั้งแต่หัวจดเท้า ไหม้ลึกถึงชั้นใต้ผิวหนัง อาการยังไม่ปลอดภัยต้องเฝ้าระวังการติดเชื้อ ผมไม่แน่ใจว่าคุณสุดารัตน์จะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่”
ทั้งนลินี เตชินและเสกสรรต่างมองกันด้วยสีหน้าเป็นกังวล...
หมอไม่อนุญาตให้เยี่ยมคนป่วย เนื่องจากกลัวติดเชื้อ นลินี เตชินและเสกสรรจึงได้แต่ยืนมองเธอผ่าน ทางกระจกหน้าห้องไอซียู นลินีเห็นสภาพที่มีผ้าพันแผลทั้งตัวของเธอแล้วสลดใจมากไม่คิดว่าจะต้องมาเจอเธอในสภาพนี้ เสกสรรตั้งข้อสังเกต นี่อาจจะไม่ใช่อุบัติเหตุแต่มีคนจงใจเผาเธอทั้งเป็น เตชินแปลกใจจะ
ฆ่าเธอทำไมในเมื่อเรื่องทั้งหมดเกิดจากเธอหรือว่ายังมีคนอื่นอีก
“ฉันกำลังคิดเหมือนแก อาจจะมีผู้สมรู้ร่วมคิดซึ่งขัดผลประโยชน์กับหัวหน้าสุดารัตน์ หรือหัวหน้าสุดารัตน์เป็นแค่ตัวหลอก แต่ตัวจริงยังอยู่”
เตชินใจคอไม่ดีถ้าเป็นอย่างที่เสกสรรว่าเท่ากับพวกตนก็ยังไม่ปลอดภัย
ooooooo
เช้าวันถัดมา ขณะที่พศิกากำลังขอบคุณทรงศักดิ์กับนวลทิพย์ที่มาช่วยดูเรื่องเอกสารให้ เตชินเข้ามาขัดจังหวะขอคุยธุระส่วนตัวกับพศิกาสักครู่ จากนั้น เขาพาเธอมายังมุมปลอดคนบอกข่าวร้ายว่ายังมีผู้สมรู้ร่วมคิดกับสุดารัตน์อีกหนึ่งคน พศิกาพลอยหนักใจไปด้วย แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นใคร
“ผมก็ยังนึกไม่ออก แต่เราต้องห้ามให้ใครรู้ว่าเกิดเรื่องกับหัวหน้าสุดารัตน์ ผมกลัวคนร้ายจะย้อนกลับไป เล่นงานเธอ”
ขาดคำ มีเสียงมือถือของเตชินดังขึ้น อนุพงศ์โทร.มาตามให้ไปพบ
ครู่ต่อมาทั้งคู่ไปถึงท้ายเกาะ อนุพงศ์ซึ่งยืนรออยู่กับอินทร์บอกว่ารู้เรื่องสุดารัตน์เข้าโรงพยาบาลแล้ว เพราะอินทร์เป็นคนช่วยเธอเอาไว้
“ตอนนี้หัวหน้าสุดารัตน์เป็นอย่างไร”
เตชินเล่าถึงอาการของเธอให้พ่อฟังรวมทั้งข้อสังเกตที่เสกสรรว่าน่าจะมีอีกคนหนึ่งที่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด แต่ไม่รู้ว่าจะหาตัวคนร้ายที่ว่าเจอได้อย่างไร อนุพงศ์เสนอจะเปิดเผยตัวให้คนร้ายรู้ว่ายังไม่ตาย เตชินกับพศิกาไม่เห็นด้วยกับวิธีเสี่ยงอันตรายแบบนี้
“ถ้าไม่ให้ใช้วิธีนี้แล้วมีวิธีอื่นอีกเหรอ...นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้จับคนร้ายตัวจริงได้”
พศิกากับเตชินพยายามทักท้วง แต่ไม่สำเร็จ...
ทางด้านมณีกาญจน์เห็นท่าทีที่นิ่งสงบของเพื่อนรัก แล้วอดชื่นชมไม่ได้ที่เธอรู้จักปลงมากขึ้น นลินียอมรับว่าตั้งแต่หนีออกจากเกาะไข่มุกทำให้เธอได้รู้ว่าการมองด้วยตาไม่ดีเท่ากับการมองด้วยสติ เพราะเธอขาดสติทำให้หลงเชื่อคนอื่นมากกว่าครอบครัวตัวเอง
“พูดแบบนี้แสดงว่าทำใจเรื่องพศิกาได้แล้ว ถ้าหากว่าตาเต้จะรักผู้หญิงคนนั้น”
“ยัง...เรื่องอื่นฉันโอเค ยกเว้นเรื่องพศิกาเรื่องเดียว”
นลินีว่าแล้วเปิดประตูบ้านเข้าไป ต้องชะงักที่เจออนุพงศ์รอท่าอยู่กับเตชินและอินทร์ ส่วนมณีกาญจน์ตกใจแทบช็อกที่เห็นอนุพงศ์ยังมีชีวิตอยู่ พอหันไปเห็นเพื่อนรักยืนนิ่งไม่หือไม่อือไม่โวยวายอะไรก็เดาออกทันทีว่าเธอรู้เรื่องนี้แล้ว นลินีไม่ใช่แค่รู้เท่านั้นตอนที่หายตัวไป เธอไปอยู่กับเขามา
“แล้วพ่อจะทำยังไงให้ทุกคนรู้ว่าพ่อยังมีชีวิตอยู่”
“เรียกพนักงานทุกคนมาพร้อมกันตอนบ่ายโมง” อนุพงศ์สั่งเสียงเข้ม...
ไม่นานนักพนักงานทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องประชุมรวมทั้งทรงศักดิ์และนวลทิพย์ซึ่งมาช่วยพศิกาจัดการเรื่องเอกสาร จิรายุ นลินีและมณีกาญจน์ก็มาร่วมฟังด้วย สักพักเตชินออกมายืนต่อหน้าทุกคน
“ต้องขอโทษทุกคนที่ผมนัดกะทันหัน แล้วก็ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ เรื่องที่ผมจะประกาศให้ทุกคนทราบเป็นเรื่องที่สำคัญมาก อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าเมื่อหลายเดือนก่อนเกิดเหตุระเบิดทำให้ผมต้องสูญเสียพ่อไป ครั้งนั้นทุกคนคิดว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่ไม่ใช่ครับ มันเป็นการวางระเบิดจงใจจะฆ่าคุณพศิกา แต่พ่อของผม ดันเป็นคนขึ้นเรือลำนั้นแทน แล้วก็เหมือนสวรรค์เห็นใจผมทำให้ผมได้รู้ว่าพ่อของผมยังไม่ตาย”
ทุกคนส่งเสียงฮือฮา พศินกับจิรายุมองกันอึ้ง
ขณะที่ทรงศักดิ์เริ่มมีเหงื่อผุดขึ้นบนใบหน้า เตชินประกาศเพิ่มเติมว่าในวันนี้ หลังจากที่พ่อของเขารักษาตัวจนหายดี ท่านก็กลับมาบ้านของท่านแล้ว
เป็นจังหวะเดียวกับประตูห้องเปิดออก อนุพงศ์ก้าวเข้ามายืนข้างๆเตชินพร้อมด้วยอินทร์ ทุกคนต่างตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ โดยเฉพาะทรงศักดิ์เข่าแทบทรุดไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง อนุพงศ์กวาดตามองไปรอบๆห้อง
“สวัสดีทุกคน ผมดีใจที่ได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง ถึงผมจะไม่อยู่แต่ผมก็ได้รับข่าวคราวที่เกิดขึ้นบนเกาะไข่มุกตลอดเวลา ที่ผมกลับมาครั้งนี้เพราะอยากให้ทุกคนมั่นใจว่าผมจะไม่มีวันยอมให้เกาะไข่มุกต้องเป็นอะไรไปเด็ดขาด เกาะไข่มุกเป็นเหมือนลูกของผมที่ผมเฝ้าดูแลฟูมฟัก ผมจะปกป้องลูกของผมด้วยชีวิต”
ทุกคนต่างปรบมือให้ ทรงศักดิ์จำต้องทำตามเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต หลังจากพนักงานต่างแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง เตชินนึกถึงเรื่องของสิรินดาขึ้นมาได้ บอกพ่อว่ายังมีอีกหนึ่งเรื่องที่จะเล่าให้ฟัง...
ฝ่ายสิรินดาเดินหน้าเศร้ามาตามทาง คิดถึงคำพูดของเตชินที่ว่าพ่อของเธอคือนุกูล แต่แม่ของเธอกลับโกหกว่าเธอเป็นลูกของอนุพงศ์
พลันมีเสียงอนุพงศ์ร้องเรียก “นัชชา” ดังมาจากด้านหลัง แทนที่จะหยุดเธอกลับเดินหนีไม่กล้าสู้หน้า เขาร้องเรียกให้เธอหยุดก่อน มีเรื่องจะคุยด้วย สิรินดาถึงได้หันมาเผชิญหน้า
“ฉันขอโทษที่ไล่หนูกับแม่ของหนูไปจากเกาะ ถ้าวันนั้นฉันไม่ใช้อารมณ์ไม่ไล่เธอสองคนแม่ลูก วันนี้ปรางก็คงยังมีชีวิตอยู่และหนูก็อาจจะไม่ต้องมีชีวิตลำบากอย่างที่ผ่านมา ตาเต้เล่าทุกอย่างให้ฉันฟังแล้ว”
“ความจริงท่านประธานไม่ต้องขอโทษฉัน ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษท่าน ที่แม่สร้างเรื่องโกหกท่านว่าฉันเป็นลูกที่เกิดกับท่าน มันก็สมควรแล้วที่ฉันจะมีชีวิตแบบนี้”
สิรินดาพูดจบ หันหลังเดินจากไป อนุพงศ์ตะโกนไล่หลัง ถึงเธอจะไม่ใช่ลูกของเขา แต่เขายังจำวันที่เธอเกิดมาได้ มือเล็กๆของเธอกำนิ้วมือของเขาแน่น วันนั้นเขามีความสุขที่สุด และยิ่งสุขมากขึ้นเมื่อได้ยินเธอเรียกเขาว่าพ่อ เขาไม่โกรธนวลปราง ไม่โกรธอีกต่อไปแล้ว
“และฉันก็ไม่เคยโกรธหนูด้วย ฉันอยากให้หนูรู้ไว้ว่าถ้าหนูไม่มีใครก็มาหาฉันได้ ฉันยินดีต้อนรับ”
ooooooo
ทรงศักดิ์แค้นใจมากที่อนุพงศ์ยังไม่ตาย ออกมา ชกต่อยต้นไม้ระบายอารมณ์ ในเมื่อเขาหนังเหนียวไม่ยอมตายง่ายๆ ตนจะให้เขาตายทั้งเป็น โดยจะจัดการ คนที่เขารักมากที่สุดแทนที่ แล้วหยิบมือถือขึ้นมาโทร.
“ฉันเอง ฉันมีงานให้แกทำ” ทรงศักดิ์ยิ้มเหี้ยม...
ด้านพศิกานำเอกสารหลักฐานการโอนเงินสามร้อย ล้านบาทที่เพิ่งค้นเจอไปให้เตชินดูถึงที่ห้องทำงานพร้อมกับ แจ้งว่าเธอโทร.สอบถามกับธนาคารแล้ว แต่ทางนั้นไม่ยอมบอกอะไร อ้างต้องเก็บข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าเป็นความลับ ทำให้เราไม่รู้ว่าปลายทางคือใคร เตชินไล่ดู วันที่บนใบโอนเงิน
“เพิ่งเมื่อเดือนที่แล้วเป็นช่วงที่เรากำลังสืบเรื่องการยักยอกเงิน มันคงร้อนตัวก็เลยรีบโอนเงินมากขนาดนี้”
“ต้องถามพี่ทิพย์ค่ะ บางทีพี่ทิพย์อาจจะรู้” พูดจบพศิกาชวนเตชินไปหานวลทิพย์ซึ่งยังอยู่ที่รีสอร์ต แต่เธอจำไม่ได้เพราะมีการโอนเงินหลายครั้งในแต่ละเดือน ต้องกลับไปเช็กข้อมูลในคอมพิวเตอร์ที่โรงแรมก่อน
เตชินรบกวนให้เธอเร่งมือตรวจสอบเรื่องนี้ ไม่นานนัก ทั้งสามคนมาถึงห้องทำงานของนวลทิพย์ซึ่งอยู่ในโรงแรมอันดามัน เพิร์ล นวลทิพย์รีบเปิดดูไฟล์จากคอมพิวเตอร์ โดยมีเตชินกับพศิกายืนมองอย่างใจจดจ่อ
อึดใจ นวลทิพย์เจอยอดเงินสามร้อยล้านบาทที่ต้องการ เตชินบอกให้เธอปริ๊นต์ออกมาให้
“พอได้เอกสารเราจะไปหาไอ้เสกกัน คงต้องให้มันช่วยเรื่องไปดูประวัติบัญชีปลายทางที่ธนาคาร”...
ในเวลาต่อมา เตชินขับรถพาพศิกากับเอกสารที่ได้จากนวลทิพย์ตรงไปหาเสกสรรที่โรงพักโดยไม่รู้ว่ามีมือปืนขี่มอเตอร์ไซค์สะกดรอยตาม รอจังหวะปลอดคนก็ยิงปืนใส่ยางล้อหลังเสียงระเบิดดังปัง เตชินพยายามบังคับรถไม่ให้ไถลออกนอกถนน พศิกาตกใจถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขามองไปที่กระจกส่องข้างเห็นมอเตอร์ไซค์ท่าทางไม่น่าไว้ใจแล่นขึ้นมาขนาบข้างด้านคนขับ
“ผมคิดว่ามีคนยิงล้อรถเรา คุณพั้นซ์นั่งดีๆนะครับ” เตชินว่าแล้วเร่งเครื่องหนีทั้งที่รถยางแบน
การไล่ล่าเปิดฉากขึ้น มือปืนไล่ยิงเตชินไม่ยั้ง เขาสั่งให้พศิกาโทร.บอกเสกสรร พอรู้ว่าอีกไม่เกินห้านาทีนายตำรวจหนุ่มเพื่อนซี้จะมาถึง เตชินเบนรถจอดข้างทาง เธอตกใจมากถามเสียงสั่นว่าจอดรถทำไม
“ผมจะลงไปหามัน ผมจะไม่ยอมให้มันหนีไปได้อีก” พูดจบเตชินเปิดประตูลงไปพร้อมกับยกมือขึ้นเหมือนยอมแพ้ มือปืนขับมอเตอร์ไซค์มาจอดตรงหน้า เอาปืนจ่อไปที่เหยื่อ เขาท้าทายให้ยิงได้เลย แต่ต้องยิงให้ตายไม่อย่างนั้นเขาจะตามไปเอาคืน
พศิกาเห็นไม่เข้าที กดแตรรถเสียงดังลั่น เตชินเห็นมือปืนชะงัก โดดแย่งปืน สองคนยื้อแย่งปืนกันไปมาสุดท้ายปืนกระเด็นตกพื้น เตชินพยายามถอดหมวกกันน็อกของมือปืนออกเพื่อจะดูหน้า มือปืนไม่ยอมให้ถอดผลักเขาออกห่างแล้ววิ่งไปคว้าปืนเล็งใส่พศิกา
“เอาเอกสารในรถลงมา”
มือปืนเห็นพศิกานั่งนิ่งไม่ยอมทำตาม ขู่ถ้าไม่เอาเอกสารให้จะฆ่าเตชินทิ้ง เธอจำต้องหยิบให้ ครั้นได้เอกสารมือปืนขึ้นไกปืนจะสังหารทั้งคู่เพื่อปิดปาก ยังไม่ทันจะเหนี่ยวไกเสกสรรนำกำลังตำรวจมาถึงเสียก่อน มือปืนหันไปยิงใส่พวกตำรวจแล้วขึ้นมอเตอร์ไซค์หนีไป อย่างรวดเร็ว
“จ่า...อยู่ที่นี่ผมจะตามมันไป” เสกสรรสั่งการเสร็จขับรถไล่ตามมือปืน เตชินถึงกับทรุดฮวบลงกับพื้นเอามือกุมสีข้างไว้ พศิกาเปิดมือเขาดูเห็นเลือดไหลเป็นทางก็ตกใจ
“ผมคิดว่าคงโดนตอนที่มันยิงใส่รถ” พูดได้แค่นั้นเตชินก็หมดสติ...
ทางฝ่ายเสกสรรไล่ตามมือปืนจนทันปาดหน้ามอเตอร์ไซค์จนเสียหลักไถลลงข้างทาง มือปืนกระเด็นไปทาง หมวกกันน็อกกับแฟ้มเอกสารกระเด็นไปอีกทาง เขาพยายามจะหนีแต่ไม่รอดถูกเสกสรรจับใส่กุญแจมือ
ooooooo
นวลทิพย์ทำให้เกิดสัญญาณเตือนภัยไฟไหม้ขึ้นในโรงแรมอันดามันเพิร์ล ระหว่างที่ผู้คนพากันแตกตื่นวิ่งหนีออกมาข้างนอก เธอกลับวิ่งสวนเข้าไป อ้างจะไปดูลูกค้าที่ยังตกค้างอยู่ในห้องพัก
แต่พอลับสายตาผู้คน เธอตรงไปยังห้องทำงานตัวเอง ใช้ไม้เบสบอลฟาดเครื่องคอมพิวเตอร์แตกกระจุยเพื่อทำลายหลักฐานการโอนเงิน ก่อนจะเดินลอยนวลจากไปโดยไม่มีใครเห็น...
นลินี อนุพงศ์กับมณีกาญจน์และจิรายุรู้ข่าวเตชินโดนยิง รีบมาที่โรงพยาบาลเจอพศิกายืนกระวนกระวายใจอยู่หน้าห้องผ่าตัด นลินีปรี่เข้าไปด่าเสียงลั่นว่านังตัวซวย เพราะเธอคนเดียวทำให้ลูกชายของตนพลอยรับกรรมไปด้วย อนุพงศ์ต้องขอร้องอดีตภรรยาให้ใจเย็นๆก่อน อย่าไปโทษว่าเป็นความผิดของพศิกา นลินีไม่สนใจ คำร้องขอของเขา ขู่เสียงกร้าวถ้าเตชินเป็นอะไรไปพศิกา ต้องชดใช้ แล้วผละออกมาอย่างหงุดหงิดใจ มณีกาญจน์ จะตามแต่อนุพงศ์จับแขนไว้ อาสาจะไปเอง จิรายุมองพศิกาอย่างเห็นใจ
“ทำใจดีๆนะคะพี่พั้นซ์ ถ้าพี่เต้ยังอยู่ในห้องผ่าตัดก็หมายความว่าหมอกำลังพยายามช่วยชีวิตอยู่นะคะ”
ด้านอนุพงศ์ตามมาขอร้องนลินีอย่าเพิ่งโทษใครตอนนี้ได้ไหม ตีโพยตีพายไปก็ไม่มีประโยชน์ การพูดให้คนอื่นต้องเครียด ตัวเธอเองก็จะเครียดไปด้วย เธอได้แต่นิ่งเงียบไม่ตอบโต้อะไร ระหว่างนั้นหมอเจ้าของไข้ ออกมาจากห้องผ่าตัด ทุกคนกรูกันเข้าไปถามอาการของเตชิน
“คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ บาดแผลถูกยิงไม่ลึกมากและไม่โดนจุดสำคัญ”
นลินีจะขอเข้าเยี่ยม หมอยังไม่อนุญาตเพราะต้องการให้คนไข้พักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยมจะดีกว่า ไม่นานนักเสกสรรตามมาสมทบ พอรู้ว่าเพื่อนรักปลอดภัยถึงกับถอนใจโล่งอก แล้วขอคุยกับพศิกาและอนุพงศ์เป็นการส่วนตัวเพื่อแจ้งความคืบหน้าของคดีว่ามือปืนที่ตนจับตัวได้สารภาพว่าทำเองไม่มีใครจ้าง แต่ตนเชื่อว่าจะต้องมีคนอยู่เบื้องหลังและอาจเป็นคนเดียวกับ ที่ทำร้ายสุดารัตน์ พศิกาตั้งข้อสังเกต พักนี้คนร้ายใช้ความรุนแรงมากขึ้น คงเป็นเพราะเราสืบเข้าใกล้ตัวผู้บงการ ทุกขณะ
“จริงสิ...มือปืนคนนั้นได้เอกสารไปแล้ว หมวดเห็นหรือเปล่าคะ”
เสกสรรไม่เห็นมีอะไรติดตัวมือปืนสักชิ้น แต่เพื่อความแน่ใจเขาจะส่งคนไปตรวจสอบบริเวณนั้นอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรค่ะ พั้นซ์คิดว่าพี่ทิพย์มีข้อมูลอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ หมวดคะเรารีบไปที่โรงแรมกันดีกว่าค่ะ” พศิกายังไม่ทันจะขยับไปไหนทางโรงแรมโทร.มาแจ้งว่าเกิดเหตุร้ายขึ้นที่นั่น...
นลินีเริ่มทนไม่ไหวที่ถูกปิดหูปิดตา ทันทีที่อนุพงศ์กลับมาหา สั่งให้เล่าทุกอย่างให้ฟัง เธอถึงกับอึ้งเมื่อรู้ว่าคนร้ายตัวจริงยังคงลอยนวล อีกทั้งเตชินและพศิกายังคงเป็นเป้าสังหาร อนุพงศ์เล่าเพิ่มเติมว่า
“ผมกับหนูพั้นซ์ระแคะระคายเรื่องนี้มานานเราถึงต้องทำงานใกล้ชิดกันเพราะเราไม่อยากให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไปจนทำให้คนร้ายรู้ตัว แต่หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง คนร้ายรู้ว่าเรากำลังสืบจึงหาทางขัดขวาง ตอนนี้พวกเราทุกคนกำลังตกอยู่ในอันตราย ผมอยากให้คุณเลิกมองหนูพั้นซ์ในแง่ร้ายถ้าไม่ได้เธออันดามันเพิร์ลคงเหลือแต่ชื่อไปตั้งนานแล้ว ลองเปิดตาเปิดใจปล่อยวางอคติ แล้วมองหนูพั้นซ์ในอีกด้านจะได้ไหม”
นลินีได้แต่นิ่งเฉย ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ...
หลังจากโรงแรมกลับเข้าสู่ภาวะปกติ พศิกากลับมา ที่โรงพยาบาล เห็นนลินีนั่งหลับอยู่ที่โซฟาหน้าห้องไอซียู ทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม สักพัก นลินีลืมตาตื่นขึ้นมา เห็นคู่อริ อดนึกถึงคำพูดของอนุพงศ์ที่ขอให้เธอเปิดใจเปิดตามองผู้หญิงคนนี้ในแง่มุมอื่นบ้าง ตัดสินใจถามว่าโรงแรมเป็นอย่างไรบ้าง
“ก็วุ่นวายนิดหน่อยค่ะ ตอนนี้หมวดเสกอยู่ที่นั่นคงต้องทำงานหนักเพื่อให้ได้เบาะแสค่ะ”
“กว่าตาเต้จะฟื้นก็คงพรุ่งนี้เช้า”
พศิการู้จากพยาบาลแล้ว แต่อยากอยู่รอเขาฟื้น
ถ้านลินีจะกลับไปพักผ่อนที่บ้านก่อนก็ได้ตนจะเฝ้าเขาให้เอง เธอปฏิเสธทันทีว่าไม่ต้อง ลูกชายของเธอ เธอเฝ้าเองได้
ooooooo
เช้าวันรุ่งขึ้น พยาบาลเห็นพศิกานั่งหลับอยู่หน้าห้องไอซียูเข้าไปสะกิดเรียกว่าคนไข้ย้ายไปห้องพักฟื้นแล้ว เธอกวาดตามองไปรอบๆไม่เห็นนลินีอยู่แถวนั้นก็ถามหา ได้ความว่าไปที่ห้องกับคนไข้แล้ว พศิกาถึงกับอึ้ง
ทางฝ่ายเตชินฟื้นคืนสติขึ้นมาได้ก็ร้องหาพศิกา นลินีซึ่งนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงยังไม่ทันจะพูดอะไร พศิกาเปิดประตูห้องเข้ามาเสียก่อน เขาดีใจมากลุกจากเตียงไปหาโดยไม่ฟังคำห้ามปรามของแม่ โอบกอดเธอไว้แน่น พศิกาไม่อยากทำร้ายความรู้สึกของนลินีรีบผละออกจากอกเขา บอกให้เขากลับขึ้นเตียง นลินีเห็นสายตาเปี่ยมรักของลูกชายที่มองพศิกาก็รู้ทันทีว่าตัวเองพ่ายแพ้ ขยับจะออกจากห้องแต่เตชินเรียกไว้
“แม่ครับ หมอบอกหรือเปล่าว่าผมจะได้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่”
“คงอีกหลายวันต้องรอแผลแห้งสนิทก่อน ไม่งั้นจะเสี่ยงกับการติดเชื้อ แม่จะเฝ้าลูกที่นี่เองไม่ไปไหน”
พศิกาเห็นเขาไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เกิดเรื่อง ถามว่าหิวหรือยัง นลินีโพล่งขึ้นทันที คนเพิ่งฟื้นไข้กระเพาะว่างมานานยังไม่ได้ทำงานจะให้กินอาหารได้อย่างไร ต้องให้ดื่มนมไปสักพักหนึ่งก่อนเดี๋ยวก็จะหิวเอง
“งั้นพั้นซ์จะลงไปซื้อนมให้ดื่มนะคะ”
“ไม่ต้อง เธออยู่นี่ฉันไปเอง” นลินีเปิดโอกาสให้ทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันแต่ไม่พูดออกมาตรงๆ เตชินมองตามแม่ที่ออกจากห้องอย่างแปลกใจ หรือว่าท่านจะใจอ่อนกับเรื่องของเขากับพศิกาแล้ว...
ในเวลาเดียวกัน สิรินดาถือตะกร้าผลไม้มาตามทางเดินในรีสอร์ต พศินเห็นเธอหอบข้าวของจนตัวเอียงรีบเข้ามาช่วยถือให้ พร้อมกับถามว่าจะเอาของกินเหล่านี้ไปไหน ได้ความว่าเธอจะไปเยี่ยมสุดารัตน์ที่โรงพยาบาล พศินแปลกใจสุดารัตน์อาการดีขึ้นพอจะกินอะไรได้แล้วหรือ
“รินรู้ว่าท่านยังไม่ฟื้นแต่ถ้าเผื่อฟื้นขึ้นมาพอดีล่ะ มันก็ต้องเตรียมเอาไว้ก่อน เนี่ยเป็นของที่ท่านชอบทั้งนั้น”
“จริงอย่างที่คุณพูด งั้นผมไปเป็นเพื่อนคุณดีกว่า”
“ไม่ต้องมาสงสารรินหรอก สิรินดาคนนี้ไม่เหมือนคนเก่าอีกแล้ว รินเข้มแข็งขึ้นมากขอบใจนะพัฒน์”...
ในเวลาไล่เลี่ยกัน การตรวจค้นที่เกิดเหตุของตำรวจล้มเหลว กล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้ภายในโรงแรมอันดามันเพิร์ลตามจุดที่คิดว่าคนร้ายใช้เป็นทางหนีพังเสียหายหมด เสกสรรเจ็บใจที่ไม่ได้อะไร สั่งให้ลูกน้องไปตรวจกล้องวงจรปิดซึ่งติดไว้ที่ทางเข้าด้านหลังโรงแรมกับบริเวณมุมอับเผื่อเราจะพลาดบางอย่าง...
ที่ห้องพักฟื้นผู้ป่วย สุดารัตน์ค่อยๆรู้สึกตัวลืมตาขึ้น
สิรินดาดีใจมากจับกุมมือป้าตัวเองเอาไว้
“รินดีใจนะจ๊ะที่ป้าดาฟื้นขึ้นมา รินสวดมนต์ขอพร ให้ป้าดาตลอดเลยรู้ไหม ป้าหิวไหมจ๊ะ อยากกินอะไรหรือเปล่า รินเอา...” สิรินดาพูดยังไม่ทันจบ สุดารัตน์ชิงเรียกชื่อ “ริน” เสียก่อน เธอต้องขอร้องอย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้ ท่านควรจะนอนพักให้มากๆ
“ไม่...ป้า...กลัว...จะไม่มีโอกาส...ฟัง...ที่ป้า...จะพูดให้ดี” จากนั้นเรื่องราวต่างๆก็พรั่งพรูออกจากปากสุดารัตน์ซึ่งพยายามข่มความเจ็บปวดเอาไว้ สิรินดาถึงกับตะลึง คาดไม่ถึงกับสิ่งที่ได้ยิน เดินใจลอยออกมาถึงหน้าโรงพยาบาล ก่อนจะทรุดลงนั่งแปะกับพื้นปล่อยโฮออกมาอย่างอัดอั้นตันใจ
ooooooo
พศิกาออกจากห้องพักฟื้นมาบอกนลินีที่ยืนเหม่ออยู่ว่าเตชินหลับไปแล้ว ตนก็เลยจะกลับเกาะไข่มุก ท่านอยากได้อะไรหรือเปล่าจะได้เอามาให้ ท่านจะโทร.บอกมณีกาญจน์ให้เตรียมเสื้อผ้าข้าวของไว้ให้ ขอบใจเธอล่วงหน้าสำหรับความเอื้อเฟื้อ พศิกามองตามนลินีที่เดินเข้าห้องดีใจที่ท่านเริ่มใจอ่อนกับตนเอง...
ทางฝ่ายสิรินดาไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี ตัดสินใจนำเรื่องที่สุดารัตน์เล่าไประบายให้นวลทิพย์ฟังอีกทอดหนึ่งว่าตอนนี้ป้าดาอาการโคม่านอนรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู
“คนที่ทำร้ายป้าดาและยักยอกเงินของอันดามันเพิร์ล คือพ่อของริน เขาคือคุณทรงศักดิ์หรือในอดีตชื่อว่า นุกูล เขาเป็นพ่อของรินค่ะ รินไม่รู้จะทำยังไงดี น้าทิพย์ช่วยรินด้วย” สิรินดาโผกอดนวลทิพย์อย่างต้องการที่พึ่ง
“เราต้องรีบไปบอกคุณเตชินให้รู้ก่อนที่จะเกิดเรื่องร้ายๆขึ้นมาอีก”...
ขณะที่สิรินดาไม่ล่วงรู้เลยว่ากำลังจะโดนน้าแท้ๆ ของตัวเองหลอก เอกรัตน์ผู้ช่วยของทรงศักดิ์ซึ่งสวมหมวกกับแว่นดำเพื่ออำพรางใบหน้าแอบย่องเข้าไปหาพศิกาในบ้านบนเขา เธอถึงกับตะลึงอ้าปากค้าง
“แปลกใจใช่ไหมที่ผมยังไม่ตาย ความจริงผมก็เกือบตายไปแล้วแต่ผมยังไม่ยอมไปง่ายๆเพราะผมต้องสะสางกับไอ้คนที่มันหักหลังผมก่อน”
“คุณ...มาหาฉันทำไม ต้องการอะไร”
“ผมจะมาบอกคุณว่าคนร้ายตัวจริงมันเป็นใคร”...
ระหว่างที่เวรกรรมกำลังจะตามคนชั่วทัน เสกสรรเช็กภาพจากกล้องวงจรปิดที่ยังพอใช้เป็นหลักฐานได้ซ้ำแล้วซ้ำอีกจนตาแฉะไปหมด ในที่สุดก็เจอใครบางคนสวมชุดดำอำพรางใบหน้าเดินลับๆล่อๆอยู่
“ลักษณะท่าทางเหมือนไม่ใช่ผู้ชาย เวลาเดินเหมือนผู้หญิงหรืองานนี้มีคนร้ายอีกสองคน”...
ผู้สมรู้ร่วมคิดของทรงศักดิ์เอาตัวสิรินดาที่หมดสติไปที่ห้องเช่าลับสายตาผู้คน ก่อนจะลากเธอขึ้นไปวางบนเตียง
“ฉันไม่มีวันยอมให้แกมาขัดขวางสิ่งที่ฉันทำมาทั้งหมด” นวลทิพย์สีหน้าเหี้ยมโหด เดินออกจากห้องโดยไม่ลืมล็อกประตูเอาไว้
ooooooo
นอกจากจะแฉว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลังความเลวร้ายที่เกิดขึ้น เอกรัตน์ยังเล่าให้พศิกากับอนุพงศ์ฟังด้วยว่าเข้าไปร่วมมือกับกับทรงศักดิ์และนวลทิพย์ได้อย่างไร ตอนนั้นแม่ของเขาป่วยหนัก ต้องใช้เงินจำนวนมากในการรักษา ทรงศักดิ์ใช้เรื่องนี้เป็นข้อต่อรองให้เขาทำงานบางอย่างให้เพื่อแลกกับเงิน
“ผมถูกส่งมาอยู่ที่ฝ่ายบัญชี งานบัญชีอยู่ในมือผม ผมสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตัวเลขโดยที่ไม่มีใครจับได้ แต่ทุกอย่างกลับเลวร้ายมากขึ้นเมื่อคุณทรงศักดิ์สั่งให้ผมเริ่มฆ่าคน ผมปฏิเสธก็โดนขู่ ผมจำเป็นต้องทำ แต่มันยิ่งถลำลึกจนยากจะแก้ไข ผมกลัวว่าวันหนึ่งจะกลายเป็นคนที่ถูกฆ่าซะเอง จึงต้องหาหลักประกัน” เอกรัตน์เอามือถือของตัวเองออกมาวางบนโต๊ะ แล้วเล่าเพิ่มเติมว่าเขาแอบอัดเสียงตอนที่ทรงศักดิ์สั่งให้เขาฆ่าพศิกากับเตชิน แถมขู่สำทับถ้าทำไม่สำเร็จเขาอาจเป็นคนที่ตายแทนทั้งคู่
อนุพงศ์แนะให้แจ้งเรื่องนี้กับเสกสรร ถ้าทรงศักดิ์กับนวลทิพย์รู้ว่าเอกรัตน์ยังมีชีวิตอยู่ เขาอาจจะไม่ปลอดภัยก็ได้ พศิกาเห็นด้วยกับอนุพงศ์รีบโทร.บอกเสกสรรซึ่งยังอยู่ที่โรงแรมอันดามันเพิร์ล
“ตอนนี้เราจะทำอะไรวู่วามไม่ได้ ถ้าหากคนร้ายไหวตัวทันมันคงหนีไปแน่ ผมจะให้ตำรวจบางส่วนอยู่ที่โรงแรม ส่วนผมจะไปรับคุณเอกรัตน์พาไปอยู่ที่เซฟเฮาส์ เขาคือพยานปากสำคัญที่จะทำให้เราเอาตัวคุณทรงศักดิ์และคุณนวลทิพย์มาลงโทษตามกฎหมาย” เสกสรรวางสายแล้วเดินไปขึ้นรถ ไม่ทันสังเกตเห็นนวลทิพย์ที่แอบฟังอยู่อีกมุมหนึ่งตั้งแต่ต้นด้วยสีหน้าตื่นตระหนก...
หลังวางสายจากเสกสรร พศิกาโทร.แจ้งข่าวนี้ให้เตชินที่ยังคงนอนพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาล เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอ อาสาจะไปอยู่เคียงข้างคอยปกป้อง พศิการ้องห้ามเสียงหลงว่าไม่ต้อง เสกสรรกำลังจะมาที่นี่อยู่แล้ว อีกไม่นานทุกอย่างจะคลี่คลาย เตชินอดเป็นกังวลไม่ได้ บอกให้เธอดูแลตัวเองดีๆ
พศิกาคุยโทรศัพท์เสร็จหันไปบอกเอกรัตน์ว่าเสกสรรกำลังจะมาพาเขาไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยและยังกำชับอีกว่าอย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด อนุพงศ์ยังคาใจไม่หายทำไมนวลทิพย์ซึ่งเป็นน้องสาวแท้ๆของนวลปรางถึงได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการระเบิดเรือของพี่สาวตัวเอง...
ขณะที่ผู้อยู่เบื้องหลังเหตุวุ่นวายที่เกิดขึ้นกับอันดามันเพิร์ลถูกกระชากหน้ากาก นวลทิพย์วิ่งหน้าตื่นเข้ามาบอกทรงศักดิ์ว่าตำรวจรู้เรื่องของเราสองคนแล้วเอกรัตน์ซึ่งยังไม่ตายเป็นคนเอามาแฉ แล้วชวนให้หนี
“ไม่ เราจะไม่หนี มันรู้แล้วก็ดี เราจะได้ไม่ต้องทำอะไรหลบๆซ่อนๆ อย่าลืมสิทิพย์ว่าเรากลับมาที่นี่อีกครั้งเพราะอะไร เรากลับมาเพื่อทำลายไอ้อนุพงศ์ ทำลายสิ่งที่มันรักทุกอย่าง พี่ต้องทำให้สำเร็จ ในเมื่อเราไปต่อไม่ได้ งั้นก็เหลือทางสุดท้าย...พี่จะฆ่าพวกมันทุกคน เริ่มจากกำจัดคนที่อ่อนแอก่อน”
ooooooo
คนอ่อนแอรายแรกที่ต้องกำจัดก็คือเตชิน ทรงศักดิ์ลอบเข้าไปในห้องพักฟื้นของเขาพร้อมกับปืนเก็บเสียง นลินีไม่อยู่ลงไปหาอะไรกินเหลือเพียงเตชินที่อยู่ลำพังในห้อง เขาหันมาเห็นทรงศักดิ์กำลังจะเหนี่ยวไกปืน รีบกลิ้งตัวลงจากเตียงหลบคมกระสุนได้หวุดหวิด ทรงศักดิ์ยังคงยิงใส่ไม่หยุดพร้อมกับย่างสามขุมเข้าหา
ก่อนที่เตชินจะเสียท่า เสกสรรเข้ามาช่วยไว้ทัน ทรงศักดิ์อาศัยความเจ้าเล่ห์หนีเอาตัวรอดไปได้...
คนอ่อนแอรายที่สองไม่โชคดีอย่างนั้น สุดารัตน์ถูกนวลทิพย์ย่องเงียบเข้าไปสังหารโดยทำให้เหมือนหัวใจวาย จากนั้นเธอกลับไปที่บ้านเช่าหวังจะฆ่าปิดปากสิรินดา แต่พอเปิดประตูห้องเข้าไปต้องตกใจที่หลานสาวหายไป สิรินดาซึ่งแอบอยู่หลังประตูอาศัยจังหวะนั้นวิ่งหนี นวลทิพย์โมโหมาก ไล่ตามจนทันกระชากผมเธอเอาไว้จนหน้าหงาย เหยื่อผวาหนัก ยกมือไหว้ปลกๆ
“รินกลัวแล้ว น้าทิพย์อย่าทำอะไรรินเลยนะจ๊ะ”
“ฉันกำลังจะช่วยแกอยู่นะ ช่วยให้แกได้อยู่กับป้าของแกไง”
สิรินดาตกใจมากเมื่อรู้ว่านวลทิพย์ฆ่าสุดารัตน์ตาย ตัดพ้อต่อว่าทั้งน้ำตา “ทำไมน้าต้องฆ่าป้าดาด้วย ในเมื่อน้าเกลียดรินน้าก็มาจัดการรินสิ น้าจะช่วยรินเอาไว้ตั้งแต่แรกทำไม”
“ถ้าพี่นุรู้ว่าแกเป็นลูกของเขา เขาก็จะไม่ร่วมมือกับฉันฆ่าพี่ปรางน่ะสิ ฉันต้องเก็บแกเอาไว้เป็นตัวประกัน แต่ว่าตอนนี้แกหมดประโยชน์แล้ว แกก็สมควรตาย...ตายซะ” นวลทิพย์บีบคอสิรินดาจนหายใจไม่ออก เธอรวบรวมกำลังเอาหัวโขกหน้าน้าตัวแสบเต็มแรงถึงกับเห็นดาว แล้วเผ่นแน่บ กระทั่งมาถึงลานจอดรถ ขึ้นไปหลบอยู่ท้ายรถกระบะคันหนึ่ง นวลทิพย์เดินหาใกล้จะมาถึงรถคันนั้น โชคยังเข้าข้างสิรินดา เจ้าของรถกระบะทำธุระเสร็จพอดี กลับมาขึ้นรถขับออกไปโดยที่นวลทิพย์ไม่ได้เอะใจว่าเธอจะซ่อนตัวอยู่บนรถคันนั้น...
ความเหิมเกริมของทรงศักดิ์และนวลทิพย์ที่กล้าบุกมาทำร้ายเตชินและฆ่าปิดปากสุดารัตน์ ทำให้เตชินตัดสินใจจะกลับเกาะไข่มุก นลินีทักท้วงอาการของเขายังไม่ดีจะรีบกลับไปทำไม
“ผมต้องกลับไปครับแม่ เกาะไข่มุกเป็นสถานที่เปิด ง่ายมากที่ทรงศักดิ์กับนวลทิพย์จะแฝงตัวเข้าไป ผมกลัวทุกคนจะไม่ปลอดภัย ผมสัญญาจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด”...
ในเมื่อทรงศักดิ์จัดการเตชินไม่ได้ก็เลยหันไปเล่นงานนลินีที่ออกมาโทรศัพท์อยู่ตรงมุมเปลี่ยวของโรงพยาบาลแทนที่ ย่องเข้าไปโป๊ะยาสลบ แล้วเอาตัวไปใส่รถตู้ พศิกามาเห็นพอดีก็ตกใจมาก เขารู้สึกเหมือนมีคนมองอยู่หันขวับไปยังทิศทางนั้น พศิการีบซ่อนตัว รออยู่สักพักจึงโผล่หัวขึ้นมองอีกที ทรงศักดิ์หายไปแล้ว กวาดตามองไปรอบๆลานจอดรถที่ทั้งมืดและเปลี่ยวไม่เห็นใครอยู่แถวนั้น รีบเดินไปยังรถเป้าหมาย
ooooooo
ทันทีที่เปิดประตูรถตู้ พศิกาตกใจแทบช็อกเมื่อเจอทรงศักดิ์รอท่าอยู่ หลังจากจับเธอมัดมือมัดเท้าเอาตัวไปรวมไว้กับนลินีที่เบาะหลัง ทรงศักดิ์ขับรถตู้ออกไปอย่างรวดเร็ว พศิกาเห็นเขามัวแต่สนใจกับการขับรถ รีบปลุกนลินีจนคืนสติ เธอกำลังจะแหกปากร้อง พศิการีบห้ามไม่ให้ส่งเสียง แล้วพยักพเยิดให้ดูทรงศักดิ์
“มันจะพาเราไปไหน”
พศิกายังไม่ทันจะตอบคำถาม รถตู้จอดเสียก่อน จากนั้นทรงศักดิ์ลากนลินีออกจากรถไปยังทุ่งหญ้าริมทางสายเปลี่ยวจับให้นั่งท่าเดียวกับนักโทษประหาร เธอรู้ชะตากรรมของตัวเองพยายามร้องขอชีวิต พอไม่สำเร็จจึงเสนอจะให้เงิน เขาโมโหมากตบหน้าเธอเต็มแรงจนเลือดกบปาก
“ฉันเกลียดนักไอ้พวกที่แก้ปัญหาด้วยเงิน...เงินแกมันยิ่งใหญ่มากเหรอไงวะ” ทรงศักดิ์ตะคอกใส่หน้า
ฝ่ายพศิกาคลายเชือกที่มัดมือได้สำเร็จ จึงแก้เชือกที่มัดเท้าออก แล้วหยิบมือถือขึ้นมาโทร.หาเสกสรร
นลินีเห็นทรงศักดิ์เอาปืนเก็บเสียงออกมาถึงกับร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว พยายามพูดให้เขาเปลี่ยนใจว่าฆ่าเธอไปก็ไม่มีประโยชน์ คนที่เตชินรักไม่ใช่เธอแต่เป็นพศิกา ทรงศักดิ์รู้เท่าทันความคิดของเธอที่หวังจะใช้เขาเป็นเครื่องมือกำจัดศัตรูที่มาแย่งความรักจากลูกชาย ด่าว่าสารเลวแล้วตบซ้ำ พร้อมกับเล็งปืนใส่ ทันใดนั้นพศิกาพุ่งชนเขาล้มลงไปด้วยกัน เขาลุกขึ้นได้กระชากเธอมาตบกระเด็นไปกองอยู่ข้างนลินี
“จะช่วยมันทำไม รู้ไหมเมื่อครู่นี้มันบอกให้ฉันฆ่าแก”
พศิกาหันมองนลินีอึดใจ แล้วหันไปทางทรงศักดิ์ “งั้นแกก็ฆ่าฉันแล้วก็ปล่อยคุณนลินีไป”
ทรงศักดิ์ไม่ยอมปล่อยนลีนีไป ในเมื่อพศิกาอยากตายก็ยินดีสงเคราะห์ให้ยกปืนขึ้นจะยิง แต่ยังไม่ทันเหนี่ยวไก มีเสียงหวอของรถตำรวจดังขึ้นเสียก่อน เขาหันไปเห็นรถตำรวจแล่นมาจอด รีบเล็งปืนไปทางนลินี พศิกาเอาตัวเองบังเธอไว้ พลันมีเสียงปืนดังปัง นลินีตกใจคิดว่าพศิกาถูกยิง แต่คนที่ถูกยิงกลับเป็นทรงศักดิ์ เสกสรรยิงมือข้างที่ถือปืนของเขาเลือดสาด ปืนกระเด็นตกพื้น
“ยกมือขึ้น คุณถูกจับแล้วคุณทรงศักดิ์ คุณไม่มีทางหนีไปได้อีก” เสกสรรเห็นทรงศักดิ์ก้มจะเก็บปืนรีบยิงสกัดไม่ให้เข้าใกล้ เขาเห็นท่าไม่ดี วิ่งหนี ผู้หมวดหนุ่มสั่งให้ลูกน้องอยู่ดูแลพศิกากับนลินี ตนจะไล่ตามคนร้ายเอง สุดท้ายทรงศักดิ์หนีรอดเงื้อมมือกฎหมายไปได้อีกครั้ง สร้างความเจ็บแค้นใจให้เสกสรรเป็นอย่างมาก...
ด้านพศิกาเอาน้ำแข็งที่ได้จากตำรวจมาประคบใบหน้าให้นลินีซึ่งยังคงกลัวตัวสั่นไม่หาย เธอขอร้องพศิกาอย่าบอกเรื่องนี้ให้ใครรู้โดยเฉพาะเตชินกับอนุพงศ์ เนื่องจากไม่อยากให้ทั้งคู่เป็นห่วง ไม่นานนักเสกสรรกลับมาที่รถ แจ้งให้ทั้งคู่ทราบว่าทรงศักดิ์หนีรอดไปได้ แต่เขาวิทยุไปตามด่านต่างๆให้สกัดจับแล้ว
“โชคดีนะครับที่คุณพั้นซ์โทร.มาบอกผมว่าอยู่ที่ไหน นี่ถ้าผมตามมาไม่ทัน...ไม่อยากจะคิดเลย”
ooooooo
นวลทิพย์ฝันร้ายเห็นทรงศักดิ์กับตัวเองถูกยิงตาย นอนกระสับกระส่ายพร้อมกับส่งเสียงร้องว่าไม่ลั่นบ้าน ทรงศักดิ์พยายามเขย่าแขนให้รู้สึกตัว เธอลืมตาขึ้นมาเห็นเขาก็ดีใจมากโผกอดไว้แน่น เล่าความฝันให้ฟัง ทรงศักดิ์ปลอบนั่นเป็นแค่ฝันร้าย สัญญาจะไม่ให้ใครมาทำอะไรเราสองคนได้
“ทุกอย่างกำลังจะจบแล้วนะทิพย์ ใครที่มันทำร้ายพวกเราเอาไว้ มันกำลังจะได้รับการเอาคืนอย่างสาสมหลังจากนั้นพี่จะพาทิพย์ไปอยู่ในที่ที่ห่างไกลผู้คน ที่ที่มีแค่เราสองคนเท่านั้น”...
ฝ่ายพศิกาเห็นเตชินกลับมาที่เกาะไข่มุกก็แปลกใจมาก ทำไมถึงออกจากโรงพยาบาลเร็วนัก เขาเป็นห่วงเธอก็เลยต้องรีบออกมา เธอเคยบอกเขาแล้วไม่ใช่หรือว่าเสกสรรส่งตำรวจนอกเครื่องแบบมาอยู่ที่นี่ เตชินไม่อยากเสี่ยง เพราะตอนนี้ทรงศักดิ์กับนวลทิพย์โดนต้อนจนหลังชนฝา คนที่ไม่มีอะไรจะเสียย่อมทำได้ทุกอย่าง
“ผมจะไม่มีวันยอมให้คุณเป็นอะไรเด็ดขาด” พูดจบเตชินดึงพศิกามากอดไว้แนบอกโดยไม่รู้ว่านลินีเห็นและได้ยินทุกอย่างที่ทั้งคู่คุยกัน ครู่ต่อมา นลินีหลบมานั่งหน้าเศร้าน้ำตาซึมเพียงลำพัง มณีกาญจน์มาเห็นเข้าถามว่าเป็นอะไรไม่สบายหรือเปล่า เธอเล่าเรื่องที่เตชินคุยกับพศิกาให้เพื่อนรักฟัง
“สิ่งที่ฉันได้ยินมันทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันแพ้พศิกา”
“เรื่องนี้ไม่มีใครแพ้ไม่มีใครชนะหรอกนะลี และฉันก็เชื่อว่าพศิกาไม่ได้อยากแข่งอะไรกับเธอ พศิกากับตาเต้รักกันจริงๆ ฉันอยากให้เธอมองมุมกลับดูบ้าง ลองคิดตรึกตรองให้ดีว่าพศิกาเคยทำไม่ดีกับเธอเอาไว้บ้างรึเปล่า” มณีกาญจน์เตือนสติจบ เดินจากไป ทิ้งให้เพื่อนรักครุ่นคิดอยู่เพียงลำพัง
เมื่อนลินีนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมา พศิกาไม่เคยทำไม่ดีกับเธอแม้แต่ครั้งเดียวแถมตอนที่ถูกทรงศักดิ์จับตัวไปยังเอาตัวเข้าแลกเพื่อปกป้องเธอด้วยซ้ำ และที่สำคัญ เธอต่างหากที่คอยจ้องจะทำร้ายอีกฝ่ายทุกวิถีทาง ยิ่งคิดนลินีก็ยิ่งรู้สึกผิดต่อพศิกา
เตชินเห็นแม่นั่งน้ำตาคลอเบ้าเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วงว่าร้องไห้ทำไม นลินีได้แต่เช็ดน้ำตาไม่ยอมตอบคำถาม ชายหนุ่มโทษตัวเองว่าเป็นต้นเหตุทำให้ท่านต้องเสียน้ำตา นลินีน้ำตารื้นขึ้นมาอีกครั้ง เขารู้สึกแย่มาก ทรุดตัวลงคุกเข่ายกมือไหว้แม่ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำไม่ดีกับท่าน นลินีดึงลูกให้ขึ้นมานั่งข้างๆ บอกว่าคนที่ผิดคือท่านเอง ท่านทำให้ชีวิตของเขายุ่งยาก ทำให้เขาไม่มีความสุข ขอร้องเขาอย่าทิ้งท่านไป ท่านกลัวที่จะต้องอยู่คนเดียว เตชินจับมือแม่ไว้
“แม่ครับ ผมไม่มีวันทิ้งแม่ไปหรอกนะครับ แต่ผมอยากให้แม่เข้าใจเรื่องระหว่างผมกับคุณพั้นซ์ ผมรู้ว่าแม่เกลียดคุณพั้นซ์ แต่ผมรักเธอครับและผมคงเลือกระหว่างแม่กับเธอไม่ได้ ผมอยากให้ผู้หญิงที่ผมรักทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน” เตชินเห็นแม่เอาแต่นิ่งเงียบ ถอนใจด้วยความกลัดกลุ้ม
ooooooo
ความวัวยังไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรก เตชินยังเคลียร์กับแม่ไม่จบ มัทนามาที่เกาะไข่มุกเพื่อจะเอาตัวพศิกากลับเนื่องจากกลัวลูกจะได้รับอันตราย พิรญาณ์กับปาณัทซึ่งติดสอยห้อยตามมาด้วยไม่รู้มาก่อนว่าท่านจะทำแบบนี้ ช่วยกันขอร้องให้ล้มเลิกความตั้งใจ แต่ท่านยืนกรานจะเอาพศิกากลับให้ได้
เตชินพยายามเอาใจมัทนาทุกอย่าง เชิญมากินมื้อกลางวันด้วยกันเผื่อท่านจะใจอ่อน แต่ก็ไม่เป็นผล แถมมัทนายังมาปะทะคารมกับนลินีที่เข้าข้างลูกตัวเอง จะไม่ยอมให้พศิกาไปไหนทั้งนั้น ยิ่งทำให้มัทนาไม่พอใจมาก สั่งให้พศิกากลับไปเก็บข้าวของเอาแต่ที่จำเป็นจะได้กลับกรุงเทพฯกันทันที เตชินยอมให้เธอไปจากชีวิตไม่ได้ ตามมาคุกเข่าอยู่หน้าบ้านบนเขา จะไม่ยอมลุกไปไหนจนกว่ามัทนาจะเปลี่ยนใจ
“งั้นก็คุกเข่าไปตลอดชีวิตเพราะไม่มีวันนั้น...พั้นซ์เข้าบ้าน” มัทนาสั่งเสียงเข้ม
“ไม่ค่ะแม่ พั้นซ์ไม่เข้า พั้นซ์จะอยู่กับคุณเตชิน” ไม่พูดเปล่าพศิกาขยับมายืนข้างๆชายคนรัก
มัทนาตวาดลั่นให้ทุกคนเข้าบ้าน พศิกากลับคุกเข่าลงข้างๆเตชิน ยืนยันจะอยู่เคียงข้างเขาไม่ยอมไปไหน แล้วประสานมือกับเขาไว้ มัทนาฟิวส์ขาด พยายามกระชากแขนเธอจะให้เข้าบ้านให้ได้ แต่เธอขืนตัวไว้จนท่านเสียหลักจะล้ม พศิกาตกใจเข้าไปช่วยพยุง มัทนาปัดมือเธอออก สั่งไม่ให้มายุ่ง
“อยากอยู่ด้วยกันนักก็อยู่กันไปเลย”
พิรญาณ์สงสารน้องสาวจับใจแต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไร ปาณัทเห็นมัทนากำลังของขึ้น ช่วยกันกับพิรญาณ์พาท่านเข้าบ้าน พิรญาณ์พยายามช่วยพูดกับแม่ว่าน้องรักผู้ชายคนนั้นมาก เธอไม่เคยเห็นน้องรักใครมากขนาดนี้มาก่อน มัทนาทนฟังไม่ได้ เดินหนีขึ้นห้องพัก พิรญาณ์กับปาณัทได้แต่มองหน้ากันกลุ้มใจ...
จนบ่ายคล้อยแล้วพศิกากับเตชินยังคงคุกเข่ากุมมือกันอยู่หน้าบ้านบนเขา พิรญาณ์มองทั้งคู่ผ่านทางกระจกห้องรับแขกด้วยความเห็นใจ ได้แต่บ่นให้ปาณัทฟังไม่เห็นหนทางว่าปัญหานี้จะมีทางออกอย่างไร
“ตอนนี้มีอยู่เพียงคนเดียวที่จะตัดสินความรักครั้งนี้ของน้องพั้นซ์กับคุณเตชินว่าจะจบอย่างไร”
“พี่นนท์หมายถึงคุณแม่”
“อือ...คุณแม่คือตัวแปรสำคัญ...พี่นึกออกแล้วว่าจะช่วยพวกเขาอย่างไร” พูดจบ ปาณัทขึ้นไปหามัทนาที่ห้องพัก เท้าความว่าเมื่อก่อนท่านก็เคยเกลียดเขาราวกับกิ้งกือไส้เดือน และเพราะความเกลียดนี่เองทำให้พศิกาหนีออกจากบ้าน ทำให้ท่านไม่สบายและเขาเกือบจะเสียพิรญาณ์
“ทุกสิ่งทุกอย่างมันพังพินาศลงไปหมด แต่พอคุณแม่ให้โอกาสผมอีกครั้ง ครอบครัวเราก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม มีความอบอุ่นมีความสุข ผมอยากให้คุณแม่มอบโอกาสที่เคยให้ผม ให้คุณเตชิน เรามีบทเรียนกันมาแล้ว อย่าให้อดีตต้องซ้ำรอยอีกเลยนะครับ”...
คำพูดของปาณัททำให้มัทนาตัดสินใจยอมให้พศิกาอยู่ที่นี่ต่อไปได้ แต่เตชินต้องให้สัญญาก่อนว่าจะดูแลลูกสาวของตนให้ดี ไม่อย่างนั้นตนจะพากลับบ้านและจะไม่มีโอกาสให้เขาอีกเป็นครั้งที่สาม
“ครับ...ผมจะ...” เตชินพูดยังไม่ทันจบ มัทนาสวนขึ้นเสียก่อน
“ไม่ต้องพูด ทำให้ฉันดูก็พอ”
เตชินยิ้มมีความสุขให้กับพศิกา พิรญาณ์กับปาณัทดีใจกับทั้งคู่ที่ทุกอย่างลงเอยด้วยดี...
ในเมื่อแผนพาตัวพศิกาไปจากเกาะไข่มุกเป็นอันล้มเลิก มัทนา พิรญาณ์และปาณัทจึงเดินทางกลับกรุงเทพฯเย็นวันนี้เลย พศิกาออกมาส่งครอบครัวที่ท่าเรือกับเตชิน บอกแม่ว่าถึงบ้านเมื่อไหร่ให้โทร.หาด้วย
“ไม่ต้องห่วงพี่กับพี่นนท์จะส่งคุณแม่ให้ถึงห้องนอนเลยดีไหม” พิรญาณ์กระเซ้า มัทนาไม่วายฝากฝังให้เตชินช่วยดูแลพศิกาให้ด้วย พิรญาณ์ขู่สำทับถ้ารังแกน้องสาวของตนเมื่อไหร่ได้เห็นดีกันแน่
“ผู้หญิงบ้านนี้เขาดุแบบนี้ล่ะครับ” ปาณัทแซว พิรญาณ์สวนทันที
“ดุแล้วรักไหมคะ”
ปาณัทโอบกอดพิรญาณ์ไว้แน่นก่อนจะหยอดคำหวานถึงจะดุก็รัก ท่าทางออดอ้อนภรรยาของเขาเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคน...
ตั้งแต่ได้ไฟเขียวจากมัทนา เตชินเอาแต่อมยิ้มไม่หุบจนพศิกาต้องปราม อย่าเพิ่งได้ใจที่แม่ของเธอยอมรับในตัวเขา เพราะถ้าเขาทำตัวไม่ดีเธอจะหนีกลับกรุงเทพฯ เตชินหอมแก้มเธอฟอดใหญ่เป็นการทำโทษฐานข่มขู่ แล้วแถมด้วยการเอาจมูกขยี้แก้มของเธอไม่หยุด พศิกาหัวร่อคิก
“พอได้แล้วค่ะคุณเตชิน พอแล้ว ฉันไม่ขู่แล้ว”
ooooooo
ทรงศักดิ์กับนวลทิพย์ลอบเข้ามาทางด้านท้ายของเกาะไข่มุก เอาเรือจอดแอบๆไว้ แล้วเดินเท้าต่อไปยังรีสอร์ต ระหว่างทางทั้งคู่สังหารพนักงานชายหญิงสองคนของรีสอร์ตแล้วขโมยชุดฟอร์มไป...
ทางฝ่ายสิรินดาหนีเอาชีวิตรอดกลับมาแฉให้ทุกคนได้รู้ถึงความเหี้ยมโหดของนวลทิพย์ที่สังหารสุดารัตน์ตาย แล้วยังคิดจะฆ่าปิดปากเธออีกต่างหากเพราะเธอรู้ความลับเรื่องที่ทรงศักดิ์มีชื่อเดิมว่านุกูล
“เขาเป็นสามีเก่าของแม่นวลปรางและเป็นพ่อของรินค่ะ”
อนุพงศ์ถึงบางอ้อทันที ที่ทรงศักดิ์ต้องฆ่านวลปรางเพราะเหตุนี้นี่เอง พศินอดสงสัยไม่ได้ทำไมทรงศักดิ์ หรือนุกูลถึงต้องแปลงโฉม สิรินดาเล่าเพิ่มเติมว่าตอนที่นุกูลถูกไฟคลอกทั้งตัว คนที่มาช่วยดับไฟให้ก็คือนวลทิพย์ และด้วยความช่วยเหลือของนวลทิพย์อีกเช่นกันทำให้เขาได้ทำศัลยกรรมใบหน้าใหม่ จากนั้นก็เปลี่ยนตัวเองจากนุกูลเป็นทรงศักดิ์ ถึงได้ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร
ระหว่างนั้นตำรวจโทร.มารายงานเสกสรรว่าพบศพพนักงานสองคนของที่นี่ถูกฆ่าหมกป่า เขารีบชวนเตชินไปดูที่เกิดเหตุด้วยกัน
ooooooo
ที่มุมหนึ่งของรีสอร์ต ทรงศักดิ์ในชุดพนักงานกำลังติดตั้งระเบิดจุดสุดท้ายโดยมีนวลทิพย์ซึ่งอยู่ในชุดพนักงานเช่นกันกำลังดูต้นทางให้ ครั้นติดตั้งระเบิดเสร็จเขาเอารีโมตมาถือไว้
“เราออกจากที่นี่เมื่อไหร่พี่จะกดรีโมต ระเบิดสิบจุดที่เราติดตั้งไว้จะทำให้ที่นี่หายไปตลอดกาล”
ด้านเสกสรรเห็นสภาพศพของพนักงานซึ่งชุดฟอร์มหายไป ฟันธงว่าทั้งคู่ถูกฆ่าเพราะคนร้ายต้องการชุด เพื่อใช้แฝงตัวเข้ามาในรีสอร์ตและเชื่อว่าคนที่ทำคือทรงศักดิ์กับนวลทิพย์ แล้วสั่งการให้ตำรวจแยกย้ายกันค้นทุกซอกทุกมุม เขาสงสัยว่ารีสอร์ตกำลังถูกวางระเบิด เตชินนิ่วหน้าแปลกใจทำไมถึงคิดอย่างนั้น
“แกลืมไปแล้วเหรอว่าคุณนวลปรางตายยังไงและคุณพศิกากับคุณอนุพงศ์บาดเจ็บเพราะอะไร ฉันว่าตอนนี้แกรีบอพยพทุกคนออกจากเกาะไข่มุกให้เร็วที่สุดจะดีกว่า”
ไม่นานนัก ลูกค้าและพนักงานของรีสอร์ตต่างอยู่บนเรือกันพร้อมหน้า พศิกาฝากปลากับณีช่วยดูแลทุกคนด้วย เธอกับจิรายุและพศินจะรอเตชิน มณีกาญจน์ นลินีและอนุพงศ์ก่อนแล้วค่อยลงเรืออีกลำหนึ่งตามไป
รอแล้วรอเล่าไม่เห็นทั้งสี่คนมาสักที ทันใดนั้นมีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น พศิกาใจคอไม่ดีเป็นห่วง เตชินกับครอบครัว รีบวิ่งไปยังทิศทางที่บ้านของอนุพงศ์ตั้งอยู่ โดยมีพศินกับจิรายุวิ่งตาม
ไม่กี่อึดใจถัดมาระเบิดลูกที่สองก็ทำงาน เตชินกับอนุพงศ์ทนไม่ไหวจะต้องไปหยุดทรงศักดิ์กับนวลทิพย์ก่อนที่จะระเบิดเกาะไข่มุกทั้งเกาะพินาศ อนุพงศ์สั่งการให้อินทร์พานลินีกับมณีกาญจน์ไปลงเรือก่อน
“ส่วนเรารีบไป พ่อคิดว่าพ่อรู้ว่าทรงศักดิ์อยู่ที่ไหน”
พศิกา พศินและจิรายุมายังไม่ทันจะถึงครึ่งทางระเบิดลูกที่สามระเบิดขึ้นใกล้ๆ ทั้งสามคนกระเด็นไปคนละทิศละทาง พศินตั้งสติได้รีบเข้าไปดูจิรายุที่ได้รับบาดเจ็บหัวแตก แล้วนึกถึงพศิกาขึ้นมาได้ พยายามกวาดตามองหา แต่เธอหายตัวไปแล้ว
ooooooo
ที่ท้ายเกาะไข่มุก ทรงศักดิ์กำลังจะกดรีโมตเพื่อให้ระเบิดลูกที่สี่ทำงาน แต่เตชินกับอนุพงศ์มาขัดขวางเสียก่อน เขาแปลกใจสองพ่อลูกรู้ได้อย่างไรว่าเขาอยู่ที่นี่
“อย่าลืมว่าฉันเป็นคนสร้างเกาะไข่มุกมากับมือมีมุมไหนของที่นี่ที่ฉันจะไม่รู้ คุณคงลืมนึกไปใช่ไหมนุกูล”
ทรงศักดิ์กับนวลทิพย์ถึงกับตะลึงที่ความจริงเปิดเผย อนุพงศ์พยายามจะอธิบายเรื่องระหว่างตนเองกับนวลปรางว่าเป็นการเข้าใจผิดเผื่อจะลดความเกลียดชังลงไปได้บ้างแต่ไร้ผล
ทรงศักดิ์ไม่ต้องการฟังคำแก้ตัวใดๆทั้งสิ้น โทษเขาว่าเป็นต้นเหตุทำให้ชีวิตของตนเองป่นปี้ ดังนั้นตนจะทำให้เขาได้ลิ้มรสของการที่อยู่อย่างไม่เหลือใคร มันทรมานแค่ไหน นวลทิพย์เร่งให้ทรงศักดิ์จัดการสองพ่อลูกให้สิ้นซาก แล้วชักปืนขึ้นมาเล็งใส่
อีกมุมหนึ่งไม่ห่างกันนัก พศิกาเห็นเตชินกับอนุพงศ์กำลังตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน หยิบปืนที่เตชินให้ออกมายิงรีโมตในมือทรงศักดิ์กระจุย เตชินสบช่องแย่งปืนในมือนวลทิพย์มาได้
เป็นจังหวะเดียวกับพศิกาเดินถือปืนเข้ามาสมทบ “คุณไม่รอดแล้วคุณทรงศักดิ์”
แทนที่จะยอมแพ้ ทรงศักดิ์กลับชักปืนจากเอวขึ้นมาหวังจะสู้จนตัวตายไปด้วยกัน แต่ยังไม่ทันจะเหนี่ยวไก เสกสรรนำกำลังตำรวจเข้าโอบล้อม ทรงศักดิ์กับนวลทิพย์เห็นจวนตัวจับพศิกากับเตชินเป็นตัวประกัน ก่อนจะลากไปลงเรือ แล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว...
ระหว่างที่ทรงศักดิ์ขับเรือแล่นออกไปกลางทะเล เตชินเห็นว่าการเกลี้ยกล่อมให้เขามอบตัวไร้ผล จึงเล่าเรื่องที่เขาเข้าใจผิดว่านวลปรางท้องกับพ่อของตนให้ฟังว่าความจริงแล้วเด็กในท้องเป็นลูกของเขา อนุพงศ์กับนวลปรางไม่เคยมีอะไรกัน นวลทิพย์กลัวความจริงจะเปิดเผย โพล่งขึ้นทันทีว่า
“อย่าไปเชื่อมันนะพี่นุ มันโกหก”
พศิกายืนยัน ที่เตชินพูดเป็นความจริง นวลปรางอยากจับอนุพงศ์ก็เลยสร้างเรื่องขึ้นมาและคนที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุดคือนวลทิพย์ซึ่งแอบหลงรักพี่เขยตัวเอง อยากได้เขามาเป็นของตัว พอเห็นช่องทางที่จะแย่งสามีของพี่สาวก็เลยอาสาจะช่วย โดยวางแผนให้นวลปรางจัดฉากว่ามีอะไรกับอนุพงศ์ ครั้นหนึ่งเดือนผ่านไปก็ให้เธอไปบอก
อนุพงศ์ว่าท้องกับเขาทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าเด็กในท้องเป็นลูกของทรงศักดิ์
นวลปรางต้องการจะเลิกกับสามีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็เลยตกลงทำตามแผนการของน้องสาว สุดารัตน์ ได้ยินที่นวลทิพย์พูดกับนวลปรางก็เอาเรื่องนี้มาแบล็กเมล์เพื่อไถเงินจากเธอ
“แปลกใจใช่ไหมคะว่าทำไมฉันรู้ เพราะหัวหน้าสุดารัตน์เล่าให้สิรินดาฟังจนหมด”
พศิกายังเล่าเพิ่มเติมอีกว่าสิรินดาคนนี้ก็คือนัชชาลูกของทรงศักดิ์ที่เกิดกับนวลปรางไม่ได้ตายในเหตุ
เรือระเบิดอย่างที่เขาเข้าใจ นวลทิพย์ช่วยเธอเอาไว้และนำไปมอบให้สุดารัตน์เลี้ยงดูจนโตและพามาทำงานที่รีสอร์ต
“คุณมีลูก คุณไม่ได้อยู่คนเดียว คุณยังมีครอบครัว”
นวลทิพย์โวยวายกลบเกลื่อนว่าอย่าไปฟังคำโกหกของพวกมันซึ่งต้องการปลุกปั่นให้เราสองคนทะเลาะกัน เธอเป็นคนเดียวที่เขาจะไว้ใจได้และเป็นคนเดียวที่รักเขา เตชินกับพศิกาเห็นทรงศักดิ์เริ่มลังเล ช่วยกันยุแยงให้ทั้งคู่แตกคอกัน
นวลทิพย์เห็นคนรักเริ่มเอนเอียงไปทางฝ่ายโน้นชักปืนขึ้นมาจ่อ เขาไม่พอใจสั่งให้ส่งปืนให้ เธอไม่ยอมทำตาม สองคนยื้อแย่งปืนกัน ปืนลั่นถูกทรงศักดิ์ถึงกับทรุด นวลทิพย์ตกใจทำปืนร่วงจากมือ
เสกสรรนำกำลังตำรวจขับเรือตามมาเห็นเรือคนร้ายจอดอยู่กลางทะเล สั่งการให้คนขับแล่นเข้าไปใกล้ๆ
นวลทิพย์เห็นตำรวจมาถึงกับสติแตก กลัวจะมีใครมาพรากทรงศักดิ์ไป คว้าระเบิดมือออกมาจากเป้สัมภาระ
ทั้งทรงศักดิ์ เตชินและพศิกาต่างตกใจ โดยเฉพาะทรงศักดิ์ร้องห้ามเสียงหลง
“พี่ห้ามฉันไม่ได้ ฉันรักพี่มากซะจนทนเห็นพี่ไปจากฉันไม่ได้ เราต้องได้อยู่ด้วยกัน เราจะไม่แยกจาก กันอีก”
“ไม่...พี่ขอร้องอย่าทำแบบนี้ พี่ไม่อยากตาย”
นวลทิพย์ไม่สนใจเสียงห้ามปราม ดึงสลักระเบิดออก เตชินคว้ามือพศิกาโดดลงทะเลเป็นจังหวะเดียวกับเรือระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว เสกสรรกับตำรวจต่างตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า...
เหตุระเบิดครั้งนี้ทำให้นวลทิพย์ตายคาที่ ทรงศักดิ์เจ็บหนัก ส่วนพศิกาโดนแรงระเบิดอาการน่าเป็นห่วงไม่แพ้กัน ขณะที่เตชินมีเพียงรอยฟกช้ำเล็กน้อยเท่านั้น เสกสรรรีบนำตัวผู้ที่ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาล...
สิรินดารู้ข่าวพ่อเจ็บหนักจะอยู่ได้อีกไม่นาน รีบรุดไปเยี่ยม พ่อลูกทันได้ล่ำลากันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่วิญญาณของเขาจะหลุดออกจากร่าง
ooooooo
การที่พศิกาเจ็บหนักคราวนี้ทำให้มัทนาโกรธมาก จับเครื่องบินเที่ยวแรกมาที่โรงพยาบาลพร้อมด้วยพิรญาณ์และปาณัท ทันทีที่เจอเตชิน มัทนาตบหน้าเขาฉาดใหญ่โทษฐานผิดสัญญาที่ให้ไว้กับเธอว่าจะดูแลลูกของเธออย่างดี ปาณัทต้องขอร้องให้ท่านใจเย็นๆก่อน มัทนาใจเย็นไม่ไหวอีกแล้ว
“พอกันทีกับความไว้ใจความเชื่อใจที่ฉันมีให้กับคุณ จะไม่มีโอกาสสำหรับคุณเป็นครั้งต่อไป ฉันจะไม่มีวันยอมให้ลูกของฉันลงเอยกับคุณเด็ดขาด อย่ามาให้ยัยพั้นซ์เห็นหน้าอีก”
ทางด้านนลินีรู้เรื่องที่มัทนาสั่งห้ามเตชินเจอกับพศิกา อาสาจะจัดการเรื่องนี้ให้ แต่แทนที่จะปรับความเข้าใจกันได้ มัทนากับนลินีปะทะคารมกันรุนแรงถึงขั้นเปิดศึกฝ่ามือ มณีกาญจน์รีบเข้าไปกันเพื่อนรักเอาไว้ ขณะที่พิรญาณ์กับปาณัทต้องแยกมัทนาออกมาห่างๆ
มัทนาโมโหมาก ประกาศลั่นจะไม่ยอมให้พศิกาไปเกี่ยวดองกับครอบครัวของเตชินเด็ดขาด และทันทีที่ลูกอาการดีขึ้น เธอจะพากลับกรุงเทพฯและจะไม่มีใครห้ามได้ทั้งนั้น
ฝ่ายนลินีโกรธไม่แพ้กัน ประกาศกร้าวหากคราวนี้มัทนาจะเอาตัวลูกกลับ เธอจะไม่ห้ามสักคำ...
เตชินพยายามพิสูจน์ให้มัทนาเห็นว่าตนเองรักพศิกามากมายแค่ไหนแวะเวียนมาเยี่ยมเธอตลอด แต่นั่นไม่ได้ทำให้มัทนาใจอ่อน กลับหาว่าเขาดื้อด้าน สั่งไม่ให้มาแล้วยังมาอีกทำไม
“ผมขอโทษที่ผมไม่เชื่อคุณ เพราะชีวิตของผมขาดคุณพั้นซ์ไม่ได้ ผมยอมตายดีกว่าที่จะไม่ได้เห็นหน้าคุณพั้นซ์อีก ผมไม่ได้จะขอโอกาสจากคุณแต่ผมจะทำให้คุณเห็นว่าผมรักคุณพั้นซ์ด้วยความจริงใจและผมก็พร้อมที่จะทำให้เธอมีความสุขมากที่สุดในชีวิต ผมจะมาหาคุณพั้นซ์อีก จะมาหาทุกวัน ถึงคุณจะห้ามผมก็จะมา”
พิรญาณ์กับปาณัทสงสารและเห็นใจเตชินมาก พยายามกล่อมให้มัทนาใจอ่อน แต่ท่านยืนกรานคำเดิมและสั่งให้ทั้งคู่เลิกพูดเรื่องนี้ ก่อนจะผละจากไป พิรญาณ์ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ นึกถึงเปรมสุดาขึ้นมาได้ รีบโทร.ตาม หวังจะให้มาเป็นกาวใจช่วยให้มัทนากับนลินีปรับความเข้าใจกันได้
แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นอย่างที่พิรญาณ์หวัง นลินีกับมัทนามีปากเสียงกันอีก ฝ่ายแรกไม่พอใจที่ถูกฝ่ายหลังด่าว่าใจดำไม่มีสามัญสำนึก ทำผิดซ้ำซากแต่ไม่เคยคิดจะขอโทษ ก็เลยเอาน้ำในแก้วสาดหน้า แล้วเดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เตชินพยายามจะขอโทษแทนแม่ตัวเอง แต่มัทนาโกรธเกินกว่าจะให้อภัย
เตชินเดินตามแม่จนทัน ต่อว่าว่าไม่น่าทำแบบนั้น แทนที่จะรู้สึกผิด เธอกลับบอกว่าทำแค่นี้ยังน้อยไปสำหรับคำด่าว่าของมัทนา แล้วขอให้เขาตัดใจจากพศิกา เจ็บวันนี้ดีกว่าปล่อยเอาไว้ซึ่งมีแต่จะแย่ลง
“ผมนึกว่าแม่จะเข้าใจผมแล้วซะอีก แต่แม่กลับมาบอกให้ผมเลิกรักคุณพั้นซ์เนี่ยนะครับ ทุกที่บนเกาะไข่มุก มีแต่ภาพของผมกับคุณพั้นซ์แล้วผมจะลืมเธอได้ยังไงครับแม่”
พูดจบเตชินร้องไห้อย่างหนัก นลินีตกใจไม่คิดว่าลูกจะเสียใจขนาดนี้ ได้แต่ดึงเขามากอดปลอบใจ
ooooooo
ความรักที่ไม่ลงตัวทำให้เตชินเครียดจัดถึงกับจับไข้ไม่สบาย เดินยังไม่ทันจะถึงห้องทำงานตัวเองก็เป็นลมหมดสติ พนักงานที่เห็นเหตุการณ์ช่วยกันเอาตัวไปไว้ที่ห้องพัก นลินีรีบมาเฝ้าด้วยความเป็นห่วงเห็นลูกเพ้อหาพศิกาถึงกับน้ำตาซึมด้วยความสงสาร ไม่นานนัก เตชินฟื้นคืนสติ ถามแม่ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ลูกเป็นไข้สูงก็เลยหมดสติ พนักงานช่วยกันพาลูกเข้ามานอนในนี้”
มีเสียงมือถือของเขาดังขึ้น พิรญาณ์โทร.มาแจ้งว่าพศิกาฟื้นแล้ว เตชินดีใจมากจะไปหาเธอที่โรงพยาบาล พยายามยันตัวลุกขึ้น แต่กลับเป็นลมล้มฟุบไปอีกครั้ง...
แม้ตัวเองจะไม่สบาย แต่เตชินฝืนสังขารมาเยี่ยมพศิกาจนได้ เธอดีใจมากที่เจอเขา เพราะมีเรื่องอยากจะบอกให้เขารู้ว่าการบาดเจ็บครั้งนี้ทำให้เธอตระหนักว่าเธอรักเขามากแค่ไหน และเธอยินดีจะแต่งงานกับเขา เตชินดีใจสุดๆ เอามือของพศิกามาหอมฟอดใหญ่
หลังจากเยี่ยมหญิงคนรักจนพอใจ เตชินออกจากห้องพักฟื้นเตรียมจะกลับ เจอมัทนาเดินมากับพิรญาณ์และปาณัท ต่างฝ่ายต่างหยุดกึก มัทนาไม่พอใจมากปรี่เข้ามาไล่ตะเพิดเขาไปจากชีวิตลูกสาวของตน
“ไม่ครับ ผมจะไม่ไปไหน เมื่อครู่นี้คุณพั้นซ์รับปากจะแต่งงานกับผมแล้ว ไม่ว่าคุณจะทำยังไง ผมก็ไม่มีวันไปจากคุณพั้นซ์”
เตชินพูดยังไม่ทันขาดคำ มัทนาเงื้อมือจะตบสั่งสอน แต่นลินีร้องห้ามไว้เสียก่อน มัทนาหันมาเผชิญหน้าด้วย คราวนี้นลินีไม่กร้าวใส่ กลับขอโทษสำหรับทุกอย่างที่เคยทำไม่ดีกับลูกสาวของมัทนา และยอมรับผิดทุกอย่าง ขอร้องเธออย่ากีดขวางความรักของเตชินกับพศิกาอีกเลย
“คำตอบของฉันยังเป็นเหมือนเดิม ถึงคุณจะมาขอโทษฉันแต่มันก็สายเกินไปแล้ว และเมื่อเทียบกับสิ่งที่คุณทำ มันทำให้ทุกอย่างดีขึ้นไม่ได้แค่คำว่าขอโทษ”
มัทนาว่าแล้วขยับจะไป นลินีทำในสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิด คุกเข่ากับพื้นแล้วยกมือไหว้ ขอให้เธออนุญาตให้เตชินกับพศิกาได้แต่งงานกัน มัทนาเริ่มลังเล แต่พอเห็นนลินีทำท่าจะกราบก็ใจอ่อนยวบยอมยกโทษให้ และยอมให้พศิกาแต่งงานกับเตชิน
นอกจากจะปรับความเข้าใจกันได้ นลินีกับมัทนายังกลายเป็นมิตรที่ดีต่อกันอีกต่างหาก
ooooooo










