ตอนที่ 14
พศิน สมหมายและพรชัยคว้าถังดับเพลิงคนละหนึ่งถังวิ่งตามจิรายุไปยังห้องเอกสาร สง่าอาศัยจังหวะนั้นคว้าถังดับเพลิงวิ่งตามไปด้วย กิตโผล่จากที่ซ่อนรีบตามไปอีกทอดหนึ่ง
ด้านเตชินดับไฟตรงหน้าประตูห้องแล้ว ใช้ถังดับเพลิงทุบลูกกุญแจจนหลุด วิ่งเข้าไปด้านในเห็นพศิกานอนหมดสติอยู่กับพื้นรีบอุ้มออกมา เป็นจังหวะเดียวกับพศิน จิรายุ สมหมายและพรชัยมาถึงที่เกิดเหตุ
“คุณพั้นซ์แค่หมดสติ ผมจะพาคุณพั้นซ์กลับไปพักที่บ้านก่อน ฝากพวกคุณเคลียร์สถานที่ด้วย”
สมหมายกับพรชัยรีบเข้าไปดับไฟในห้อง ส่วนพศินยังไม่ทันจะขยับไปไหน กิตวิ่งหน้าตื่นเข้ามาถามหาสง่า พอรู้ว่าเขาไม่ได้มาช่วยดับไฟ ก็รู้ทันทีว่าเขาหนีไปแล้ว พศินเชื่อว่าสง่ายังไปไหนไม่ได้ไกล ชวนกันไปตามหาที่ท่าเรือ เป็นอย่างที่พศินคาดไว้สง่ากำลังจะหนีลงเรือ กิตกับพศินเข้าไปขวางไว้ เขาแย่งปืนที่กิตเหน็บเอวไปได้ แล้วคว้าจิรายุเป็นตัวประกัน ขู่ลั่นถ้าไม่ปล่อยเขาไปจากเกาะไข่มุกจะฆ่าเธอทิ้ง...
ขณะที่จิรายุตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน พศิกาค่อยๆรู้สึกตัวตื่นขึ้น พอนึกขึ้นได้ว่าไฟไหม้ห้องเอกสาร ลุกพรวดจะกลับไปที่นั่น เตชินต้องขอร้องให้นอนพักก่อน เขาฝากพศินจัดการให้แล้ว
“ฉันพักไม่ได้ ฉันร้อนใจ กลัวเอกสารในห้องจะไหม้ ถ้าเกิดมันไหม้ขึ้นมาเราจะไม่มีหลักฐานเล่นงานคนพวกนั้นเลยนะคะ ยังไงฉันก็ต้องไป” พศิกาจ้ำพรวดๆออกจากบ้าน โดยมีเตชินรีบตามไปติดๆ เธอเดินยังไม่ทันพ้นบริเวณบ้านเซจะล้ม เขาต้องประคองเอาไว้สั่งให้รออยู่ที่นี่ เขาจะไปดูให้เอง พศิกายืนกรานจะไปให้ได้
“อย่าดื้อกับผมถ้าคุณเป็นอะไรไปแล้วผมจะทำยังไง” เตชินว่าแล้วประคองพศิกากลับเข้าบ้าน...
ฝ่ายสง่าเห็นพศินกับกิตยังคงนิ่งเฉย ตะคอกใส่ถ้าไม่ปล่อยตนไปจะยิงจิรายุทิ้งเดี๋ยวนี้ พศินขอร้องให้เอาเขาไปเป็นตัวประกันแทน เธอไม่รู้เรื่องอะไรด้วย จิรายุเห็นสง่าเผลอกัดแขนที่ล็อกคอตัวเองจมเขี้ยว แล้ววิ่งไปหลบหลังพศิน กิตสบช่องโดดแย่งปืน ระหว่างชุลมุนปืนเกิดลั่นถูกกิตถึงกับทรุด สง่าตกใจทิ้งปืนวิ่งหนี
เตชินกับพศิกาได้ยินเสียงปืนรีบวิ่งมาดู เห็นกิต นอนฟุบกับพื้นถามพศินว่าเกิดอะไรขึ้น ได้ความว่าสง่ายิงตำรวจแล้วหนีไป เตชินไม่ยอมให้คนชั่วลอยนวลรีบวิ่งตามจนทัน สง่าพยายามต่อสู้ขัดขืนแต่สู้ไม่ไหวถูกเตชินอัดลงไปกองกับพื้น ก่อนจะกระชากตัวขึ้นมาจะพาไปหาตำรวจ
“ปล่อยผมไปเถอะ ความจริงแล้วพี่สุดา...”พูดได้แค่นั้น สง่าถูกกระสุนปืนเจาะกลางแสกหน้าตายคาที่ เตชินหันมองไปยังทิศทางที่กระสุนพุ่งมาเห็นเงาตะคุ่มๆของมือปืนวิ่งหนีไปท่ามกลางความมืดสลัว เขาวิ่งไล่แต่มือปืนหันมาสาดกระสุนใส่ เตชินต้องโดดหลบเข้าที่กำบัง พอโผล่ขึ้นมาดูอีกทีมือปืนหายไปแล้ว
มือสังหารที่ฆ่าปิดปากสง่าไม่ใช่ใครที่ไหน คือนิคมนั่นเอง
ooooooo
หลังจากเคลียร์ที่เกิดเหตุเรียบร้อย เสกสรรเข้ามาแจ้งเตชินกับพศิกาที่รอท่าอยู่ว่าเจ้าหน้าที่นำศพ
ของสง่าใส่เรือไปแล้ว เตชินมั่นใจว่าคนที่เผาห้องเก็บเอกสารต้องเป็นคนคนเดียวกับที่ฆ่าสง่า พศิกาบ่นอุบ
“นายสง่าตายแบบนี้เท่ากับเราก็ไม่มีพยานเอาผิดหัวหน้าสุดารัตน์น่ะสิคะ”
“เราควรรีบแจ้งหัวหน้าสุดารัตน์ให้รู้ว่านายสง่าตายแล้ว บางทีอาจจะพบพิรุธ” คิดได้ดังนั้น เสกสรรตรงไปหาสุดารัตน์ที่ห้องพัก ปรากฏว่าเธอหนีไปแล้ว ยิ่งทำให้ทุกคนปักใจเชื่อว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุเลวร้ายที่เกิดขึ้น นายตำรวจหนุ่มตั้งใจมั่นจะตามหาสุดารัตน์ให้เจอ จะไม่มีวันปล่อยให้ลอยนวลไปได้...
คนที่เสกสรรตามหาตัว ไปโผล่ที่บ้านของยายแสงซึ่งสร้างความแปลกใจให้เจ้าของบ้านเป็นอย่างมาก ถึงกับออกปาก ร้อยวันพันปีไม่เคยกลับมา แล้วนึกอย่างไรวันนี้ถึงมาได้
“แม่อย่าถามมากได้ไหม ดาเหนื่อยอยากนอน” สุดารัตน์ว่าแล้วลากกระเป๋าเสื้อผ้าเข้าห้อง แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นลังกระดาษของตัวเองมีร่องรอยถูกเปิด รีบเช็กดูว่ามีอะไรหายไปบ้าง ปรากฏว่าอัลบั้มกับเอกสารบางส่วนหายไป ออกมาโวยวายใส่แม่ตัวเอง ใครเข้าไปในห้องของตน ยายแสงโวยกลับล็อกกุญแจแน่นหนาขนาดนั้นใครจะเข้าไปได้ สุดารัตน์ยืนยันต้องมีคนเข้าไปเพราะของของตนหาย
“งั้นอาทิตย์ที่ผ่านมามีใครแปลกหน้ามาที่บ้านหรือเปล่า”
“มี ยัยรินพาเพื่อนมันมา”...
เหตุร้ายที่เกิดขึ้นวันนี้ทำให้เตชินไม่กล้าปล่อยให้พศิกาอยู่ตามลำพัง ขอนอนที่บ้านบนเขาด้วย ถ้าเธอไล่กลับเขาคงนอนไม่หลับ พศิกาทนเสียงรบเร้าไม่ไหว ตัดสินใจปูฟูกให้เขานอนที่พื้นข้างเตียง เตชินโอดครวญเมื่อวันก่อนเรายังนอนด้วยกันได้เลย พศิกาหน้าแดงด้วยความเขินขอร้องอย่าพูดแบบนี้ให้ใครได้ยินไม่อย่างนั้นจะเข้าใจผิดว่าเรามีอะไรกัน เขาเห็นเธอเขินยิ่งแซวอย่างสนุกปาก จนเธอต้องปรามถ้าไม่เลิกล้อเลียน เธอจะไล่กลับไปนอนบ้านตัวเอง เขาถึงสงบปากสงบคำได้...
ดึกแล้วเตชินยังนอนไม่หลับ เห็นพศิกานอนนิ่งคิดว่าหลับไปแล้ว แอบย่องขึ้นไปนอนข้างๆ เธอยังไม่หลับแกล้งนอนดิ้นเอาแขนฟาดเปะปะหวังให้เขากลัวจะได้ลงไปนอนที่ฟูกตามเดิม เขากลับกอดเธอไว้แน่นจะได้ไม่ดิ้นอีก เธอหัวเสียที่สู้แรงเขาไม่ได้ ลืมตาโวยวายให้ปล่อย แล้วไล่ลงไปนอนข้างล่าง
“ไม่...ไหนๆก็ได้ขึ้นมาแล้วขอนอนกอดทั้งคืนนะครับ”
พศิกาไม่ขัดขืน ปล่อยให้เขานอนกอดอยู่อย่างนั้น
ooooooo
เสกสรรนำกำลังตำรวจไปที่บ้านของยายแสง พบว่าสุดารัตน์ไม่อยู่ออกไปตั้งแต่เช้ามืด ยายแสงอดสงสัยไม่ได้ ลูกสาวของตนไปทำอะไรผิดหรือ
“เออ ลูกคุณยายไม่ได้ทำอะไรผิดหรอกครับผมแค่อยากมาสอบถามอะไรนิดหน่อย”...
ทางด้านเตชินเพิ่งนึกออกว่าเคยเห็นหน้าสิรินดาตอนเด็กๆที่ไหน รีบเข้าไปในห้องทำงานของพ่อหยิบอัลบั้มเก่าๆมาเปิดดูเจอรูปท่านกำลังอุ้มสิรินดาในวัยเด็ก และเมื่อเอามาเทียบกับรูปถ่ายของเธอซึ่งถ่ายกับสุดารัตน์ที่ได้มาจากบ้านของยายแสง เขาถึงกับชะงัก
“นัชชาคือสิรินดา...นัชชายังไม่ตาย”
จากนั้นเขานำรูปถ่ายทั้งสองใบไปที่รีสอร์ตเอาให้สิรินดาดู เธอแปลกใจมากอนุพงศ์มาอุ้มเธอได้อย่างไรเตชินฉุนขาด สั่งให้เลิกตีหน้าซื่อได้แล้ว เธอโกรธที่พ่อของเขารู้ความจริงว่าเธอไม่ใช่ลูกของท่าน ก็เลยร่วมมือกับสุดารัตน์ทำลายเกาะไข่มุก สิรินดางงหนักไม่รู้ว่าเขาพูดเรื่องอะไร
“ผมรู้ความจริงหมดแล้วว่าคุณเป็นใคร คุณคือนัชชาลูกของคุณนวลปราง แม่ของคุณมาหลอกพ่อของผมว่าคุณเป็นลูกที่เกิดจากท่าน เพราะหน้าตาคุณเปลี่ยนไปมากนั่นเอง พ่อของผมถึงจำคุณไม่ได้ ตอนที่เรือคุณนวลปรางระเบิด คุณนวลปรางตายแต่คุณรอด”
“ฉันไม่รู้เรื่องที่คุณพูดสักอย่าง ฉันไม่ใช่คนที่คุณเข้าใจ ฉันเป็นแค่เด็กที่ป้าดาเอามาเลี้ยงก็เท่านั้น”
เตชินขู่จะแจ้งตำรวจถ้าเธอไม่รับสารภาพ และจะให้ตำรวจตั้งข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับสุดารัตน์ยักยอกเงินบริษัท สิรินดาเครียดจัดกับข้อกล่าวหาที่ตัวเองไม่ได้ทำ เป็นลมล้มพับไปตรงนั้น
ครู่ต่อมา สิรินดาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล พศิการู้ข่าวรีบตามมาสมทบ ถามเตชินที่ยืนรออยู่หน้าห้องฉุกเฉินว่าสิรินดาเป็นอย่างไรบ้าง เขาเองก็ยังไม่รู้หมอกำลังตรวจเธออยู่ แล้วบ่นให้ฟังว่าผู้หญิงคนนี้โกหก
พวกเรามาตลอด ทำตัวอ่อนแอน่าสงสารแต่ความจริงแล้วร้ายกาจไม่ต่างจากป้าของตัวเอง
“ดีนะที่ผมเอะใจ เลยเอารูปมาเช็กดูถึงได้รู้ว่าสิรินดากับนัชชาเป็นคนเดียวกัน หัวหน้าสุดารัตน์เอาตัว นัชชาไปเลี้ยงดูจนโตและเปลี่ยนชื่อเป็นสิรินดา เราถึงไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร”
ooooooo
ตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งล่าสุด เตชินคอยย้ำกับพศิกาอยู่บ่อยครั้งจะไปไหนมาไหนให้ระวังตัวมากขึ้นเพราะเรายังจับตัวสุดารัตน์ไม่ได้ เธอเองก็เตือนให้เขาระวังตัวเช่นกัน เขาเป็นห่วงเธอมากขนาดต้องการให้เธออยู่ในสายตาของเขาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เธอหาว่าเขาเว่อร์ เตชินดึงเธอมากอด
“ผมพูดจริงๆนะ ผมห่วงคุณจนใจจะขาดอยู่แล้ว”
พศิการับปากจะดูแลตัวเองไม่ให้เป็นอะไรเด็ดขาดแล้วไล่เขาไปทำงานได้แล้ว...
เป็นอย่างที่เตชินหวั่นใจ จอมบงการส่งมือสังหารมาคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของพศิกา รอจังหวะที่เธออยู่คนเดียว โทร.ไปลวงว่ารู้ที่อยู่ของคนที่เธออยากได้ตัว แต่มีข้อแม้เธอต้องมาพบเขาคนเดียวห้ามใครรู้เด็ดขาด พศิกาซึ่งระวังตัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ชวนเตชินไปเป็นเพื่อน เข้าทางพวกคนร้ายทันทีในเมื่อเธอพา
เตชินมาด้วยจะได้จัดการทีเดียวพร้อมกันเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
ทั้งคู่เข้าไปติดกับของพวกคนร้ายอย่างง่ายดาย พศิกาถูกโปะยาสลบส่วนเตชินถูกไม้ฟาดท้ายทอยหมดสติ จากนั้นคนร้ายนำตัวทั้งคู่ไปขังเอาไว้ในห้องๆหนึ่งบนเกาะไข่มุก พศิกากลัวมากถึงกับร้องไห้ออกมา เตชินต้องดึงเธอมากอดปลอบใจว่าเราเจอเหตุการณ์ร้ายๆมาหลายครั้งยังรอดมาได้ ครั้งนี้เราก็ต้องรอดตายเช่นกัน สัญญาจะพาเธอออกไปจากที่นี่ให้ได้ แล้วเดินสำรวจไปรอบๆห้องเผื่อจะมีทางออกทางอื่นแต่ไม่พบ
“คุณอย่าพยายามอีกเลย เก็บแรงเอาไว้ดีกว่าเพราะเราไม่รู้ว่าเรายังต้องเจออะไรอีกบ้าง”
ทันใดนั้นมีควันสีขาวลอยเข้ามาทางประตูที่ปิดล็อก เตชินไม่ได้กลิ่น สรุปว่าไม่น่าใช่ควันไฟ แล้วนึกถึงควันพิษขึ้นมาได้ ตกใจแทบช็อกวิ่งไปทุบประตูห้องปังๆๆสั่งให้เปิดเดี๋ยวนี้ พศิกาเริ่มมึนหัวแทบทรงตัวไม่อยู่ เตชินรีบประคองไปนั่งพัก อึดใจเขาเริ่มตาพร่า พยายามสะบัดหัวไหล่ความมึนออกไปแล้วกอดพศิกาไว้ ชวนคุยถึงเรื่องในอดีต ตอนที่เจอกันครั้งแรกที่สเปน และในเวลาต่อมาเราสองคนก็ได้ไปเที่ยวกัน
“คุณรู้ไหมว่าช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขมากที่สุดเพราะในโลกสีเทาๆของผมมีคุณเดินเข้ามา ผมคิดถึงคุณตลอด หลังจากที่คุณไม่มาตามนัดวันนั้นผมรอคุณทั้งวันหวังว่าคุณจะมา แต่คุณก็ไม่มาจริงๆ ผมไม่เคยหยุดคิดถึงรอยยิ้มและความสดใสของคุณได้เลย”
ทั้งสองคนคิดว่านี่เป็นวาระสุดท้ายของชีวิตต่างสารภาพความในใจที่มีต่อกันอย่างไม่ปิดบัง พศิกาขอบคุณเขามากที่ดีกับเธอ ที่คอยอยู่เคียงข้างไม่เคยทิ้งกัน และไม่ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากเราสองคนต้องตายกันในนี้ เธอก็ไม่กลัวเพราะเธอมีเขาอยู่ด้วย เตชินดึงพศิกามากอดแนบอก พลันคนร้ายสองคนสวมหน้ากากกันแก๊สพิษประตูเปิดผลัวะเข้ามา เตชินโวยวายว่าจับพวกเรามาทำไม
“เจ้านายของเรารู้มาว่าแกเก็บเอกสารสำคัญ
เอาไว้ เจ้านายของฉันอยากได้ มันอยู่ไหน”
พศิกาทำไก๋ไม่รู้ว่าคนร้ายพูดเรื่องอะไร หัวหน้าคนร้ายหันกระบอกปืนเล็งเตชิน ขู่ถ้าไม่บอกว่าเอกสารอยู่ไหนจะยิงเขาทิ้ง เตชินไม่ต้องการให้คนร้ายได้หลักฐานสำคัญไปพุ่งเข้าแย่งปืน แต่พลาดเนื่องจากมึนหัวเพราะถูกรมแก๊ส คนร้ายไม่พอใจรุมอัดเขาจนทรุด พศิกาทนเห็นชายคนรักถูกซ้อมไม่ไหว ขอร้องให้พอได้แล้ว
“ฉันจะพาพวกแกไปเอาเอกสาร” พศิกาว่าแล้วเข้าไปประคองเตชินให้ลุกขึ้น
“ใครบอกว่าฉันจะพามันไปกับเราด้วย คุณไปกับผมสองคน ส่วนไอ้หมอนี่อยู่ในห้องนี้ ถ้าหากคุณคิดตุกติก ผมจะให้คนของผมฆ่ามันซะ”...
ระหว่างที่คนร้ายซึ่งเอาปืนที่ซ่อนอยู่ในเสื้อเเจ็กเกตจี้เอวพศิกาให้เดินมาตามทาง ปลากับณีเดินสวนมาพอดี ร้องทักว่าหายไปไหนมา มัวแต่ไปเดตกับเตชินอยู่หรือ พศิกาได้แต่ฝืนยิ้ม ปลาเห็นใบหน้าของเธอซีดๆถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เธอมองเหล่ไปทางคนร้ายเหมือนจะส่งซิกให้
“พั้นซ์ไม่ค่อยสบาย ขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ” พศิกาพูดจบผละจากไป โดยมีคนร้ายตามไปห่างๆเนื่องจากกลัวจะมีพิรุธ แต่ไม่พ้นสายตาจ้องจับผิดของสองสาวที่สงสัยว่าต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล
ooooooo
เตชินแกล้งทำเป็นนั่งคอตกหมดเรี่ยวแรงอยู่กับพื้นห้อง คนร้ายที่เฝ้าอยู่เห็นเขาแน่นิ่ง เอาเท้าสะกิด เขายังคงนั่งท่าเดิมไม่ไหวติง คนร้ายคิดว่าโดนซ้อมจนตายเข้าไปเขย่าตัวดู เตชินอาศัยจังหวะนั้นเอาหัวโขกหน้าคนร้ายหงายหลังตึง ตามเข้าไปเตะต่อยซ้ำจนหมดสภาพ คว้าปืนได้ก็รีบเผ่นออกจากห้องโดยไม่ลืมล็อกประตู
ในขณะเตชินวิ่งมาตามทางเดินในรีสอร์ตเจอปลากับณีเดินผ่านมา ร้องถามว่าเจอพศิกาบ้างไหม สองสาวเห็นเขาพกปืนมาด้วยก็ถึงบางอ้อ ที่แท้พศิกาตกอยู่ในอันตรายจริงๆ
“รีบบอกมาก่อนว่าคุณพั้นซ์อยู่ไหน”
“บอกว่าจะกลับบ้านค่ะ”
“ผมขอยืมมือถือคุณหน่อย” ทันทีที่ได้มือถือจากณี เตชินรีบโทร.หาเสกสรร...
ในระหว่างที่เตชินบ่ายหน้าสู่บ้านบนเขา พศิกาพยายามถ่วงเวลาสุดฤทธิ์ แกล้งรื้อค้นไปตามชั้นต่างๆในห้องนอน คนร้ายเริ่มทนไม่ไหวที่ไม่เจอเอกสารสำคัญสักที กระชากเธอพ้นทางแล้วเข้าไปค้นเอง พศิกาเห็นเขาง่วนอยู่กับการค้นหาเอกสาร ค่อยๆย่องออกจากห้อง คนร้ายหันมาเห็นเธอวิ่งหนี รีบวิ่งตาม
พศิกาวิ่งออกมาถึงหน้าบ้านต้องตกใจแทบช็อกเมื่อมีมือมาจับไหล่ หันขวับไปเห็นเตชินก็ดีใจมาก เขาเอานิ้วแตะปากตัวเองเป็นทำนองให้เธอเงียบเสียง เป็นจังหวะที่คนร้ายวิ่งตามออกมา เตชินพร้อมด้วยปืนในมือสั่งให้ทิ้งปืน คนร้ายกลับสาดกระสุนใส่ ถูกปืนในมือเขากระเด็นจะยิงซ้ำแต่กระสุนหมดเสียก่อน เตชินสบช่องโดดใส่ คนร้ายสู้ไม่ได้ชักมีดพกออกมาเป็นตัวช่วย เขาได้แต่หลบหลีกคมมีดไปมา จังหวะหนึ่งเตชินพลาดท่าคนร้ายเงื้อมีดจะแทง แต่ต้องเงื้อค้างเมื่อมีเสียงปืนดังขึ้น หันมองตามต้นเสียงเห็นเสกสรรถือปืนจ้องอยู่
“ทิ้งมีดแล้วยกมือขึ้นเหนือหัว...เร็ว”
พศิกาเห็นปลอดภัยแล้วก็ออกจากที่ซ่อน เตชินเข้ามากอดเธอไว้ ต่างโล่งใจที่อีกฝ่ายไม่เป็นอะไร...
คืนนี้เตชินนอนค้างที่บ้านบนเขา พศิกาหลับไปแล้ว แต่เขายังข่มตาไม่ลง เธอตื่นขึ้นมากลางดึกไม่เห็น
เขานอนอยู่ที่ฟูกข้างเตียงก็เป็นห่วงลุกออกมาดู เจอเขายืนเหม่ออยู่ ร้องถามว่านอนไม่หลับหรือ เขาพยักหน้ารับคำ เหตุการณ์ในวันนี้ยิ่งทำให้เขาตระหนักว่ารักเธอมากแค่ไหน หากเธอเป็นอะไรไปเขาคงอยู่ไม่ได้ พศิกาเข้ามากอดเขาไว้ สัญญาจะรักษาตัวให้รอดปลอดภัย เขาเองก็ต้องให้สัญญาเช่นกัน
“ครับ ผมสัญญา ผมรักคุณนะครับคุณพั้นซ์”
จากนั้นเตชินพาพศิกาไปนอนดึงผ้ามาห่มให้ หอมหน้าผากเธอแล้วขยับจะไป เธอจับมือเขาไว้ชวนให้นอนบนเตียงด้วยกัน ทั้งสองคนต่างอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันหลับอย่างมีความสุข
ooooooo
แม้จะเกิดเหตุร้ายกับตัวเองอยู่เนืองๆ แต่ชีวิตช่วงนี้ของเตชินกลับเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด ตื่นนอนตอนเช้าเจอหญิงคนรักนอนอยู่ข้างกาย ได้กินมื้อเช้าด้วยกันทุกวันแถมเดินจูงมือไปทำงานพร้อมกันอีกด้วย พอถึงเวลาที่ต้องแยกกันไปที่ห้องทำงานของตัวเอง เตชินไม่วายหยอดคำหวาน อย่าลืมคิดถึงเขาบ้าง
“เดี๋ยวอีกไม่กี่ชั่วโมงก็เจอกัน”
“สำหรับผมการรอเจอคุณหนึ่งชั่วโมงเหมือนกับหนึ่งวัน”
“เว่อร์ไปแล้วค่ะ” พศิกาหัวเราะชอบใจก่อนจะเดินแยกไปอีกทางหนึ่ง...
ที่ห้องพักฟื้นในโรงพยาบาล สิรินดาฝันถึง
เหตุการณ์ในอดีต ตอนนั้นเธอยังเป็นนัชชาอายุแค่ 5 ขวบ อนุพงศ์พาไปเที่ยวเล่นตามสถานที่ต่างๆอย่างมีความสุข โดยมีนวลปรางคอยถ่ายรูปให้ ความฝันของเธอมักจะขาดเป็นช่วงๆ ไม่ปะติดปะต่อกัน แต่ความฝันที่มีอนุพงศ์อยู่ด้วยมักจะสนุกและมีความสุข
แต่แล้วความสุขก็อยู่ได้ไม่นานเมื่ออนุพงศ์จับได้ว่านวลปรางโกหกเรื่องที่นัชชาเป็นลูกของเขา เนื่องจาก ดีเอ็นเอไม่ตรงกัน อนุพงศ์โกรธมาก ไล่ตะเพิดสองแม่ลูกออกจากเกาะไข่มุก ระหว่างที่เรือแล่นออกจากท่าเกิด
ระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว นวลปรางตายแต่นัชชารอดชีวิตโดยที่อนุพงศ์ไม่รู้
นวลทิพย์นำตัวนัชชาไปรักษาจนหายแต่เนื่องจากสมองกระทบกระเทือนหนักทำให้แกจำอะไรไม่ได้ และนับตั้งแต่นั้นมานวลทิพย์ตั้งชื่อให้แกใหม่ว่าสิรินดาแล้วเอาตัวไปฝากให้สุดารัตน์เลี้ยงดู เด็กน้อยโตมากับไม้เรียวของสุดารัตน์ซึ่งมักจะตีโดยไม่มีเหตุผล แถมยังด่าว่า
กระทบไปถึงนวลปรางผู้เป็นแม่ของแกอีกด้วย
สิรินดาสะดุ้งตื่นขึ้นหลังจากที่จำเรื่องราวทุกอย่างได้เกือบทั้งหมด หมอเห็นเธอฟื้นคืนสติรีบเข้ามาหา
“คุณครับ...คุณ จำได้ไหมครับว่าคุณชื่ออะไร”
“ฉันชื่อนัชชาค่ะ”...
ในเวลาต่อมา เตชินกับพศิกามาเยี่ยมสิรินดาที่ห้องพักฟื้น เธอยังยืนยันว่าไม่ได้โกหก เธอความจำเสื่อมไม่เคยรู้ว่าป้าดาทำอะไรเอาไว้บ้างและไม่เคยรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของเธอเป็นใครเพราะป้าดาไม่พยายามจะฟื้นความทรงจำให้ แต่ตอนนี้เธอพอจะจำได้แล้วว่าตัวเองเป็นใคร ถึงจะจำได้ไม่หมดแต่ก็รู้แล้วว่าเธอชื่อนัชชา
“ถ้าพวกคุณไม่เชื่อ ให้หมอมาตรวจฉันอย่างละเอียดก็ได้นะคะ”
“ตกลง...ผมจะให้หมอมาตรวจอาการของคุณจะได้รู้กันว่าคุณพูดจริงหรือเปล่า”...
ระหว่างที่รอหมอพิสูจน์ความจริง พศิกายังคลางแคลงใจทำไมนวลทิพย์ถึงไม่พูดเรื่องนี้ให้ฟังตอนที่ไปถามเรื่องของสุดารัตน์ จึงทิ้งให้เตชินรอหมอเพียงลำพัง ส่วนเธอตรงไปที่โรงแรมอันดามันเพิร์ลเพื่อสอบถามนวลทิพย์ถึงเรื่องดังกล่าว คนถูกตั้งคำถามตีหน้าเศร้า อ้างที่ไม่อยากเล่าเพราะอยากให้สิรินดาลืมเรื่องนี้
“คุณก็คงจะพอรู้ว่ายัยรินไม่ใช่ลูกของพี่ปรางกับคุณอนุพงศ์ เรื่องนี้มันเป็นตราบาปที่ติดตัวยัยริน ซึ่งคนที่สร้างบาปนี้ก็ไม่ใช่ใครคือพี่ปราง ฉันถึงอยากให้ยัยรินมีชีวิตใหม่”
“พั้นซ์เข้าใจค่ะแต่ที่สงสัยก็คือ อันที่พี่ทิพย์เคยบอกว่าหัวหน้าสุดารัตน์อาจจะวางระเบิดเรือคุณนวลปราง ถ้าเป็นแบบนั้น หัวหน้าสุดารัตน์ไม่น่ารับเลี้ยงสิรินดานะคะ”
นวลทิพย์โกหกหน้าตายว่าที่สุดารัตน์รับเลี้ยง
สิรินดาเพราะต้องการใช้แกเป็นที่ระบายความโกรธความเกลียดที่มีต่อนวลปราง พศิกาได้ฟังถึงกับอึ้ง อดสงสารสิรินดาไม่ได้
ooooooo
หมอตรวจอาการของสิรินดาอย่างละเอียดแล้วพบว่าความจำเสื่อมจริงๆ จำเรื่องราวในอดีตได้แค่บางเรื่องเท่านั้น ในเมื่อเธอจำอะไรแทบไม่ได้ เตชินจึงอนุเคราะห์ด้วยการเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในฟัง สิรินดารู้สึกแย่มากที่แม่ของเธอเป็นต้นเหตุให้ครอบครัวของเขาแตกแยก
“เรื่องมันผ่านมานานมากแล้ว อย่าคิดมาก”
“ไม่คิดมากคงไม่ได้เพราะตอนนี้ฉันรู้ตัวตนที่แท้จริงของตัวเองแล้ว ชีวิตของฉันมันน่าสมเพชจริงๆ...ขอฉันอยู่คนเดียวนะคะ” สิรินดาพูดจบร้องไห้อย่างน่าเวทนา เตชินมองอย่างเห็นใจก่อนจะลุกออกไป
นวลทิพย์ซึ่งมากับพศิกาเห็นเตชินออกจากห้องพักฟื้นจัดแจงจะเข้าไปเยี่ยมหลานสาว แต่เขาขอให้รอสักพักก่อน เนื่องจากสิรินดากำลังเครียดเพราะเพิ่งได้ฟังเรื่องราวทุกอย่างจากเขา...
ในเวลาไล่เลี่ยกัน สุดารัตน์แอบมาขอความช่วยเหลือจากนิคมถึงที่รีสอร์ต พร้อมกับแจ้งว่าเตชินกับพศิการู้เรื่องที่เราทำแล้ว ถ้าเขาไม่ช่วยเหลือและเธอถูกตำรวจจับตัวได้เขาอาจจะติดร่างแหไปด้วย...
ด้านจิรายุกำลังเดินมาตามทางต้องหยุดกึก
เมื่อเห็นสุดารัตน์เดินลับๆล่อๆมาจากอีกด้านหนึ่ง เธอรีบโทร.หาพศินจะให้มาช่วยจับตัวแต่เขาไม่รับสาย
มณีกาญจน์ผ่านมาเห็นหลานสาวยืนชะเง้อคอยาวร้องทักทำอะไรอยู่ สุดารัตน์หันมองตามเสียงเห็นสองป้าหลานก็ตกใจรีบเดินหนี
“เดี๋ยวจิลมานะคะป้ากาน” พูดจบจิรายุไล่ตามสุดารัตน์ไปติดๆ ระหว่างนั้นพศินโทร.กลับมาพอดี
เธอละล่ำละลักว่าสุดารัตน์มาที่นี่ เธอกำลังตามไปที่ท่าเรือ วางสายแล้วตะโกนบอกอีกฝ่ายให้หยุดหนีได้แล้ว มาคุยกันดีๆจะดีกว่า สุดารัตน์หันมาเผชิญหน้าบอกว่าไม่มีอะไรจะคุยด้วย
“แต่ฉันมีค่ะ ฉันอยากเตือนคุณให้ยอมสารภาพความผิด โทษหนักจะได้เป็นเบา ทุกคนรู้หมดแล้วว่าคุณทำอะไรไว้บ้าง ถ้าคุณไม่ทำตามที่ฉันบอกคุณคงจะรับโทษหนักโดยเฉพาะข้อหาฆ่านายสง่า”
สุดารัตน์ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นแล้วขยับจะหนี จิรายุพุ่งไปคว้าตัวไว้ สองคนยื้อยุดกันไปมาก่อนจะเปิดศึกฝ่ามือกัน สุดารัตน์เสียหลักล้มลงกับพื้น จิรายุตามเข้าไปจะซ้ำ ถูกเธอกำทรายปาใส่หน้า ทรายเข้าตามองอะไรไม่เห็น สุดารัตน์อาศัยจังหวะนั้นวิ่งหนี พศินตามมาเห็นจิรายุกำลังแย่ รีบพากลับไปล้างตาที่บ้านของอนุพงศ์ มณีกาญจน์เห็นสภาพของหลานสาว สั่งให้เล่ามาให้หมดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่...
ทางฝ่ายเตชินรีบโทร.รายงานพ่อว่าสุดารัตน์เป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด แต่ตอนนี้เธอหนีไปแล้ว เสกสรรหาจนทั่วก็ไม่พบ อนุพงศ์เตือนให้ลูกกับพศิการะวังตัวให้ดีๆ ผู้หญิงคนนั้นทำได้ทุกอย่างที่เราคาดไม่ถึง ก่อนจะเหลือบไปเห็นนลินียืนฟังอยู่ รีบบอกลูกว่าแค่นี้ก่อนแล้ววางสาย
“ฉันได้ยินคุณบอกให้ตาเต้กับนังนั่นระวังตัว มีอะไรเกิดขึ้นที่เกาะไข่มุก”
อนุพงศ์ตัดสินใจเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้นลินีฟัง เธอไม่อยากจะเชื่อว่าสุดารัตน์จะกล้าทำเรื่องชั่วๆ
แบบนั้น เขายืนยันว่าเป็นความจริง สุดารัตน์แอบชอบเขาแถมให้ท่าเขาหลายครั้งแต่เขาไม่เล่นด้วย ก็เลยโกรธจึงแก้แค้นเขาโดยการเป่าหูนลินีให้เกลียดเขา และทำสำเร็จเพราะเธอพาเตชินหนีไปจากเขา
“ผมรู้ว่ามันออกจะเชื่อยากเพราะคุณกับสุดารัตน์สนิทสนมกัน แต่ผมอยากให้คุณใคร่ครวญในสิ่งที่ผม
พูดให้ดีๆ ลองนึกย้อนกลับไปว่าทุกครั้งที่คุณโกรธผม คุณเชื่อในสิ่งที่สุดารัตน์พูดหรือเห็นกับตาตัวเอง”
ooooooo
การสืบสวนคดีของเสกสรรงวดเข้ามาทุกขณะ ล่าสุดพบว่ารถที่ขับชนสมบูรณ์กับนายหมูตายเป็นรถคันเดียวกับที่ชนศักดิ์ ตำรวจตามเบาะแสจนรู้ว่ารถคันก่อเหตุถูกนำมาซ่อนไว้ในโกดังแห่งหนึ่ง
นอกตัวเมือง โชคไม่เข้าข้างคนผิด นิคมเพิ่งเอารถคันดังกล่าวมาเก็บพอดี จึงถูกตำรวจรวบตัวไว้ได้
เสกสรรสอบปากคำนิคมด้วยตัวเอง สั่งให้เล่าความจริงทั้งหมดให้ฟังแล้วจะกันตัวเขาเป็นพยาน
นิคมได้รับคำสั่งจากผู้บงการ ถ้าถูกตำรวจจับได้ให้โยนความผิดให้สุดารัตน์ เขาจึงให้การว่าเธออยู่เบื้องหลัง...
หลังวางสายจากเสกสรร เตชินหันมาบอกพศิกา พศินและจิรายุว่านิคมสารภาพแล้วว่าสุดารัตน์เป็น
ผู้สั่งการทั้งหมด การที่เรือของนวลปรางระเบิดก็น่าจะเป็นฝีมือเธอเช่นกัน ในเมื่อตำรวจยังหาตัวเธอไม่พบ
เตชินจะเพิ่มเวรยามเฝ้าเกาะให้มากขึ้นเพื่อความปลอดภัย พศิกาอาสาจะจัดการเรื่องนี้ให้
“แล้วคุณเตชินมีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ”
“ผมอยากให้พัฒน์ประกบนายพรชัยกับนายสมหมาย บางทีสองคนนี้อาจจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับหัวหน้าสุดารัตน์เพราะพวกเขาเป็นญาติกัน”
จิรายุไม่สบายใจกับหน้าที่ที่พศินได้รับ เตือนให้ระวังตัวให้ดี ถ้าเห็นอะไรไม่เข้าทีให้รีบโทร.แจ้ง
เสกสรร เขาให้สัญญาจะไม่ยอมเป็นอะไรก่อนจะได้แต่งงานกับเธอ...
ตั้งแต่สง่าตายทำให้สมหมายและพรชัยเงินขาดมือไม่มีคนคอยจุนเจือ จึงเข้าไปค้นหายาบ้าในห้องของเขาหวังจะเอาไปขาย เจอห่อยาซุกอยู่ในถุงปุ๋ยเคมีต่างดีใจกันมาก พศินผ่านมาเห็นยาบ้าในมือของทั้งคู่
ก็ร้องโวยวายพร้อมกับคว้ามือถือจะโทร.แจ้งเสกสรร
มัวแต่กดเบอร์ไม่ทันเห็นพรชัยเข้ามาทางด้านหลังเอามีดแทงสีข้างถึงกับทรุดมือถือร่วงพื้น สมหมายตกใจที่เห็นพรชัยทำรุนแรงคว้าถุงใส่ยาบ้าพากันวิ่งหนี
โชคดีที่พศินไม่เป็นอะไรมาก มีดแค่ถากเท่านั้น พศิกาพามานอนพักที่บ้านบนเขา ก่อนจะไปตามจิรายุมาเฝ้า แล้วออกไปโทร.ถามเตชินว่าเจอตัวสมหมายกับพรชัยหรือเปล่า ได้ความว่ายังไม่เจอ แต่เขาให้ รปภ.ของ รีสอร์ตแยกย้ายกันตามหาแล้ว ขอให้เธออยู่แต่ในบ้านเพื่อความปลอดภัย จังหวะนั้นมีเงาคนวิ่งผ่านไปแวบๆ
เขาบอกเธอว่าแค่นี้ก่อน วางสายแล้ววิ่งตาม กระทั่งเห็นสมหมายกับพรชัยที่กำลังหอบถุงปุ๋ยใส่ยาบ้าวิ่งหนี สมหมายวิ่งสะดุดขาตัวเองล้มถุงปุ๋ยหลุดมือยาบ้ากระเด็นเกลื่อนพื้น พรชัยเห็นท่าไม่ดีวิ่งหนีเอาตัวรอด
“ไอ้ชัย ไอ้ชั่ว...แกทิ้งฉันเหรอวะ” สมหมายยังไม่ทันจะลุกขึ้นถูกเตชินอัดสลบเสียก่อน
พรชัยหนีไม่รอดเช่นกัน เจอพศิกาดักหน้าเอาไว้ พร้อมกับชักปืนที่เตชินให้พกติดตัวขึ้นมาขู่ ถ้าไม่ยอมจำนนจะยิงทิ้ง เขารีบยกมือยอมแพ้...
ด้านนลินีทนอยู่ที่เกาะเหลาเปไม่ไหว แอบหนีกลับเกาะไข่มุกเพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่อนุพงศ์พูดเกี่ยวกับ สุดารัตน์เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ทิ้งเพียงจดหมายขอโทษอนุพงศ์ที่ไปโดยไม่ได้ล่ำลาไว้ให้...
เพื่อให้เป็นไปตามแผนการที่วางเอาไว้ ทรงศักดิ์แสร้งเสนอตัวจะช่วยเหลือสุดารัตน์ให้หนีพ้นจากเงื้อมมือตำรวจ โดยพาไปหลบที่บ้านตัวเอง แล้วเอาอาหารมาให้กิน เธอหลงเชื่อกินอาหารที่ทรงศักดิ์เอามาให้โดยไม่รู้ว่าใส่ยานอนหลับ อึดใจก็หมดสติ พอรู้สึกตัวตื่นขึ้นอีกครั้ง สุดารัตน์พบว่าตัวเองถูกจับมัดมือมัดเท้าติดกับเก้าอี้ ทรงศักดิ์ถือถาดใส่มีดเดินเข้ามาหา เธอโวยวายลั่นจับเธอมัดทำไม คิดจะทำอะไรกันแน่
“อีกไม่นานแกก็จะหายไปจากโลกใบนี้ตลอดกาล ฉันให้สัญญาว่าจะไม่ทำให้แกทรมาน”
“ฉันไม่เข้าใจที่แกพูด”
“ถ้าแกหายตัวไปตำรวจก็จะได้เข้าใจว่าไอ้คดีวางระเบิด ยักยอกเงินและลอบฆ่าไอ้เตชินกับนังพศิกาเป็นฝีมือของแก”
สุดารัตน์ตระหนักในทันที ที่แท้ทรงศักดิ์คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องชั่วๆทั้งหมด
ooooooo










