สมาชิก

ทะเลไฟ

ตอนที่ 12

เตชินประหลาดใจมากเมื่อรู้จากเสกสรรว่าสุดารัตน์เปิดบริษัทของตัวเองหลายแห่ง อีกทั้งเปิดมานานแล้วด้วย แถมเอกรัตน์ก็เคยทำงานในบริษัทดังกล่าว นั่นแสดงว่าทั้งคู่ต้องรู้จักกันมาก่อน

“ลำพังเงินเดือนพนักงานไม่น่าจะมีปัญญาเปิดบริษัทได้” เตชินตั้งข้อสังเกต เสกสรรคิดอย่างนั้นเช่นกันก็เลยทำเรื่องขอตรวจสอบบัญชีของสุดารัตน์ไว้แล้ว...

ขณะที่เตชินกับเสกสรรยังคงตรวจเข้มเรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวกับสุดารัตน์ นลินีส่งรูปถ่ายของมัทนาในอิริยาบถต่างๆทั้งในบ้านและนอกบ้านไปที่มือถือของพศิกา แล้วโทร.มาถามว่าได้รับรูปแล้วใช่ไหม พศิกาไม่เข้าใจจะส่งรูปแม่ของเธอมาให้ทำไม นลินีส่งคนไปเฝ้ามัทนาไว้หากเธอไม่เก็บข้าวของออกไปจากเกาะไข่มุกภายในวันนี้ เธออาจไม่มีโอกาสเห็นหน้าแม่ตัวเองอีก พศิกาโวยวายนี่เท่ากับเป็นการข่มขู่กันชัดๆ

“คนอย่างนลินีไม่เคยขู่ใคร ฉันเหลืออดกับแกเต็มทนแล้ว ทำยังไงแกก็ไม่ยอมไป ฉันถึงต้องทำกับคนที่แกรักมากที่สุดแทน คิดให้ดีว่าจะเลือกทางไหน” นลินีวางสายสีหน้าเหี้ยม

พศิกาเครียดจัด รีบโทร.ถามแม่ว่าสบายดีหรือเปล่า มัทนาสบายกายดี แต่ใจไม่ค่อยสบายเพราะคิดถึงเธอ พศิการับปากอีกไม่นานจะกลับไปหาท่าน แล้วขอร้องท่านช่วงนี้พยายามอย่าอยู่บ้านคนเดียว มัทนาชักเอะใจมีอะไรหรือเปล่าถึงพูดแบบนี้ พศิกาไม่อยากให้แม่เป็นกังวล เฉไฉไปเรื่องอื่น

“พั้นซ์เป็นห่วงแม่น่ะค่ะ หมู่นี้มีแต่ข่าวขโมย ขึ้นบ้าน”

“ไม่ต้องห่วงแม่หรอกลูก บ้านเรามีสัญญาณกันขโมยแล้วอีกอย่างพิณกับนนท์ก็มาค้างที่นี่บางวันหรือถ้าไม่มาค้างพวกเขาก็มาทุกวัน” คำพูดของแม่ไม่ได้ทำให้พศิกาเบาใจหายเป็นกังวลแม้แต่น้อย...

ฝ่ายอนุพงศ์เห็นด้วยกับเตชิน ลำพังเงินเดือนตำแหน่งหัวหน้าของสุดารัตน์ไม่สามารถเปิดบริษัทเป็นของตัวเองได้ นั่นยิ่งทำให้มั่นใจว่าเธอต้องเกี่ยวข้องกับการยักยอกเงินของอันดามันเพิร์ล

“ถ้าเรารู้จำนวนเงินในบัญชีของหัวหน้าสุดารัตน์เมื่อไหร่ ทุกอย่างคงจะชัดเจนมากขึ้น”

“ยิ่งเข้าใกล้ความจริงก็ยิ่งอันตราย เต้ต้องระวังตัวให้ดี ห้ามประมาทเด็ดขาด” อนุพงศ์ว่าแล้วตบไหล่ลูกชายซึ่งมีสีหน้าเป็นกังวลไม่แพ้เขาเช่นกัน...

ไม่ได้มีแต่เตชินเท่านั้นที่แวะมาหาอนุพงศ์ หลังเขาไปจากเกาะเหลาเปไม่นาน พศิกาก็แวะมาหาอนุพงศ์เช่นกัน มาเพื่อขอโทษที่ไม่สามารถทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเขาได้ เธอจำเป็นต้องกลับบ้านไปดูแลแม่

“ถ้าอยากกลับไปดูแลแม่ ลางานไปก็ได้ทำไมหนูต้องลาออกด้วย”

“พั้นซ์อยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว พั้นซ์บอกได้เท่านี้ พั้นซ์ขอบคุณคุณลุงมากนะคะที่ช่วยเหลือพั้นซ์มาตลอด รักและเอ็นดูพั้นซ์เหมือนลูกของคุณลุง แล้วพั้นซ์จะหาโอกาสกลับมาตอบแทนคุณลุงนะคะ”...

เตชินเพิ่งถึงท่าเรือบนเกาะไข่มุกตอนที่อนุพงศ์โทร.เข้ามือถือ ยังไม่ทันจะรับสาย แบตเตอรี่ดันหมด เขากำลังจะเอาเพาเวอร์แบงก์มาเสียบ สิรินดาวิ่งหน้าตื่นเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน “คุณเต้ค่ะ ช่วยด้วยค่ะ”

ooooooo

ที่หน้าเรือนพัก พรชัยกับสมหมายชกต่อยกันอุตลุดโดยมีพศินพยายามจะเข้าไปห้ามกลับถูกลูกหลงกระเด็นออกมา เตชินวิ่งตามสิรินดาเข้ามาเห็นพนักงานของตัวเองทะเลาะวิวาทกันอยู่ หันไปคว้าถังน้ำสาดใส่ สมหมายหันขวับจะเอาเรื่อง แต่พอเห็นว่าเป็นเตชินถึงกับหน้าจ๋อย เขาถามเสียงเข้มว่าทะเลาะเรื่องอะไรกัน

ทั้งคู่ได้แต่อ้ำอึ้งไม่กล้าพูด พศินเห็นของบางอย่างตุงๆอยู่ในกระเป๋ากางเกงของสมหมาย ร้องทักว่าอะไรอยู่ในนั้น เตชินสั่งให้เอาออกมาให้ดู สมหมายกับพรชัยมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ระหว่างนั้นสง่าวิ่งหน้าตั้งเข้ามา

“คุณเตชินครับ ผมรู้เรื่องลูกน้องของผมแล้ว ผมต้องขอโทษแทนพวกมันด้วยจริงๆ ผมจะจัดการลงโทษพวกมันเอง” ว่าแล้วสง่าหันไปตบสั่งสอนสมหมายกับพรชัยจนหน้าหัน แล้วไล่ตะเพิดทั้งคู่ออกไป “ผมต้องขอโทษคุณเตชินอีกครั้งนะครับ” สง่ารีบตามสองคนนั่นไป พศินสงสัยอาการลุกลี้ลุกลนของพวกนั้น แอบสะกดรอยตาม เห็นสมหมายเอาของออกจากกระเป๋ากางเกงยื่นให้สง่า

“พวกแกต่อยกันแทบตายเพื่อแย่งยาแค่นี้ มันน่าสมเพชที่สุด”

พศินถึงกับหูผึ่ง หรือยาที่ว่าจะเป็นยาบ้า สง่าเอาซองยาเดินเข้าห้องน้ำ พศินต้องการจะรู้ให้ได้ว่าเป็นอะไรกันแน่ รีบตามไปติดๆ สง่าเข้าไปในห้องส้วมเทยาลงชักโครกก่อนจะกดน้ำตาม ส่วนซองใส่ยาทิ้งลงในถังขยะ แล้วเปิดประตูออกมาเจอพศินที่ยืนล้างมืออยู่ เห็นเขาเงยหน้ามอง ตวาดแว้ดมองอะไร พศินรอจนสง่าไปพ้นสายตาแล้ว รีบพุ่งเข้าไปในห้องส้วม เจ็บใจที่เจอแต่ซองใส่ยาทิ้งอยู่ในถังขยะ

ในเวลาต่อมา พศินนำเรื่องนี้ไปบอกให้เตชินรับรู้ ทีแรกพศินไม่รู้ว่ายาที่สง่าพูดถึงเป็นยาอะไร แต่พอสง่าเอายาทิ้งลงชักโครกเพื่อทำลายหลักฐาน ทำให้เขามั่นใจว่ามันต้องเป็นยาบ้า เตชินหน้าเครียดขึ้นมาอีกครั้ง

“ฉันปล่อยให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในรีสอร์ตไม่ได้เด็ดขาด”

“เรื่องนี้ผมจะช่วยคุณเตชินเอง ผมจะหาทางจับพวกมันให้ได้คาหนังคาเขา”...

หลังออกจากห้องทำงานของเตชิน พศินจะกลับไปที่แผนกซ่อมบำรุง เจอสิรินดามาดักรออยู่พร้อมกับยื่นถุงใส่ร่วมยาให้เขาทาแผลที่โดนสมหมายต่อย เขาขอบใจเธอมากสำหรับความห่วงใย

“ต่อไปเรียกเค้ากับตัวเองเหมือนเดิมได้แล้วนะ” สิรินดายื่นหน้าไปหอมแก้มพศินหนึ่งฟอด “คงรู้นะว่าที่เค้าทำหมายถึงอะไร ถ้าตัวเองรู้สึกแบบเดียวกับเค้า ก็มาหาเค้าคืนนี้ที่ริมหาดหน้ารีสอร์ต เค้าจะรอตัวเอง” พูดจบหญิงสาวผละจากไปด้วยความเขิน พศินไม่อยากให้มีความลับระหว่างกัน จึงเล่าเรื่องที่สิรินดาสารภาพรักและนัดหมายให้ไปเจอกันคืนนี้ให้จิรายุฟัง พอเธอรู้ว่าเขาจะไปตามนัด ตบหน้าเขาฉาดใหญ่

“ยังไม่เลิกนิสัยเจ้าชู้อีก ทั้งๆที่นายเป็นแฟนฉันแล้ว”

“ตกลงคุณยอมรับผมเป็นแฟนแล้วเหรอ” พศินยิ้มเจ้าเล่ห์

จิรายุรับคำอย่างไม่เต็มปากเพราะความเขินอาย พศินแกล้งไม่ได้ยิน ให้เธอช่วยพูดชัดๆดังๆอีกครั้ง คราวนี้เธอตะโกนแปดหลอดว่าเธอตกลงเป็นแฟนกับเขาแล้ว ในเมื่อเราเป็นแฟนกันแบบนี้เขาคงไม่ไปหาสิรินดาแล้วใช่ไหม พศินยืนยันถ้าอยากให้เรื่องระหว่างสิรินดากับเขาจบก็ต้องไปตามนัด

ooooooo

กว่าเตชินจะเปิดมือถืออีกครั้งพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว เห็นมิสคอลจากพ่อหลายครั้ง รีบโทร.กลับ อนุพงศ์ต่อว่าว่าหายไปไหนมาเกิดเรื่องใหญ่แล้วรู้ไหม แล้วเล่าเรื่องที่พศิกามาขอลาออกจากงานให้ฟัง

“หนูพั้นซ์บอกกับพ่อว่าจะไปพรุ่งนี้เช้ามืด ความจริงเธอห้ามไม่ให้พ่อบอกเรา แต่พ่อรู้สึกว่าเราเป็นคนเดียวที่จะรั้งหนูพั้นซ์เอาไว้ได้”

วางสายจากพ่อ เตชินรีบไปหาพศิกาที่บ้านบนเขา พยายามขอร้องไม่ให้ไปจากที่นี่ หญิงสาวยกมือห้าม พูดไปก็เหนื่อยเปล่า เธอไม่มีทางเปลี่ยนใจ เชิญเขากลับไปดีกว่า เตชินคว้ามือเธอมากุมไว้ อ้อนวอนอย่าไปจากเขาอย่าไปจากที่นี่ สายตาเว้าวอนของเขาทำให้ใจพศิกาอ่อนยวบ แต่ต้องฝืนใจดึงมือออก

“อย่าพูดจาไม่รู้เรื่องหน่อยเลยค่ะ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันต้องไป”

“แล้วทำไมคุณต้องไป”

“เพราะคุณไง ฉันไม่อยากอยู่ในที่ที่มีคุณ ไม่อยากเห็นหน้าคุณ ไม่อยากได้ยินเสียงคุณ ตั้งแต่คุณมาอยู่ที่นี่ ฉันไม่เคยมีความสุขเลยสักวัน ฉันต้องฝืนยิ้ม ฝืนพูดดีกับคุณ แต่ความอดทนของคนเรามันมีจำกัด ฉันทนทำดีกับคุณต่อไปไม่ได้” พศิกาจำต้องแต่งเรื่องเพื่อให้เขาตัดใจจากเธอ แม้จะรักเขามากมายแค่ไหนก็ตาม

“ผมขอถามคุณอีกคำเดียว ที่ผ่านมาคุณเคยรู้สึกดีๆกับผมไหม”

พศิกากล้ำกลืนตอบโดยไม่ยอมสบตาด้วยว่าไม่เคยรู้สึกแบบนั้นกับเขาแม้แต่น้อย เตชินมองเธอด้วยสายตาเจ็บปวด ก่อนจะหันหลังกลับออกไป เธอรีบปิดประตูบ้าน กลัวน้ำตาจะไหลออกมาให้เขาเห็น...

อีกมุมหนึ่งริมหาด พศินมาพบกับสิรินดาตามนัด เธอหลงดีใจคิดว่าเขารู้สึกแบบเดียวกันกับเธอถึงได้มาที่นี่ แต่เขากลับปฏิเสธที่จะสานสัมพันธ์ด้วยเนื่องจากมีคนรักอยู่แล้ว สิรินดาไม่เข้าใจ แล้วก่อนหน้านั้นเขามาทำดีกับเธอทำไม พศินทำดีด้วยเพราะเห็นเธอเป็นเพื่อน สิรินดาอยากเป็นแฟนกับเขาไม่ได้อยากเป็นเพื่อน

“ผมเสียใจ แต่เรายังเป็นเพื่อนกันได้” พศินยืนกราน สิรินดาทนฟังไม่ไหว เดินจากไปทั้งน้ำตา...

คำพูดตัดเยื่อใยของพศิกาทำให้เตชินเศร้ามาก แวะไปดื่มเหล้าที่บาร์ของรีสอร์ตเพื่อให้ลืมความทุกข์ใจ ยิ่งดื่มก็ยิ่งเมา ยิ่งเมาก็ยิ่งหักห้ามใจให้คิดถึงพศิกาไม่ได้ ใช้กุญแจสำรองไขเข้าไปหาเธอในบ้าน พศิกาได้กลิ่นเหล้าคลุ้งจากตัวเขา รู้ทันทีว่าเมา ไล่ให้กลับไปนอน

“ผมไม่ไป ผมจะนอนที่นี่” ไม่พูดเปล่า เขาอุ้ม พศิกาพาดบ่าเอาไปโยนลงบนเตียง แล้วโถมตัวตาม เธอพยายามดันเขาออก แต่เขาจับแขนเธอสองข้างกดไว้กับที่นอน เธอดิ้นรนสุดฤทธิ์ พร้อมกับสั่งให้เขาปล่อย

“ผมไม่ปล่อยและผมก็ไม่มีวันยอมให้คุณไปจากที่นี่” ว่าแล้วเตชินซุกไซร้ไปทั่วตัวเธอ

“อย่า...คุณเตชิน อย่าทำแบบนี้”

เตชินเมาเกินกว่าจะฟัง ลงมือปลุกปล้ำจะให้เธอเป็นของเขาให้ได้ ระหว่างที่เขาไซร้ซอกคอ พศิกากัดหูเขาจมเขี้ยวถึงกับร้องลั่น เธอสบช่องผลักเขาสุดแรงจนหงายตกเตียงแล้วรีบวิ่งไปที่ประตู เขาพุ่งมารวบตัวเธอไว้ พศิกาคว้าเหยือกน้ำใกล้มือสาดใส่หน้าเขาเต็มๆ เตชินได้สติ ความสำนึกผิดแล่นขึ้นมาจับขั้วหัวใจ

“ออก...ไป” พศิกาตวาดลั่น

ชายหนุ่มเดินคอตกออกมาตามทาง รู้สึกแย่มากกับสิ่งที่ทำ หันไปเตะต้นไม้ “แกทำบ้าอะไรของแกเตชิน แกทำกับผู้หญิงที่แกรักแบบนั้นได้อย่างไร” เตชินเตะต่อยต้นไม้จนหมดแรง ทรุดลงนั่งน้ำตาไหลพราก

ooooooo

หลังจากส่งไลน์บอกพศินว่ากำลังจะไปจากเกาะไข่มุก พศิกาลากกระเป๋าเดินทางมาที่ท่าเรือ เจอนลินียืนรอท่าอยู่กับสุดารัตน์ก็ชักสีหน้าไม่พอใจ เข้าไปยืนประจันหน้า

“ฉันไปแน่ไม่ต้องมาดูให้เห็นกับตา แล้วก็อย่าลืมทำตามที่คุณพูดเอาไว้ล่ะคุณนลินี”

“ไม่ต้องห่วง ฉันโทร.ไปสั่งให้คนของฉันกลับออกไปจากหน้าบ้านแม่ของเธอแล้ว”

พศิกาสบายใจขึ้น ยกมือไหว้ลานลินีแล้วลากกระเป๋าไปที่เรือ จังหวะนั้น เตชินวิ่งผ่านหน้าแม่ไปคว้ามือของพศิกาข้างที่ลากกระเป๋าเดินทาง ขอร้องไม่ให้ไป นลินีตามมาโวยวายลูกชายจะไปห้ามทำไม ปล่อยให้มันไป เขาไม่ยอมทำตาม หัวเด็ดตีนขาดจะไม่ให้เธอไปจากที่นี่ นลินีไม่เข้าใจมันเป็นอะไรกับเขาถึงให้ไปไม่ได้

“เพราะคุณพั้นซ์เป็นผู้หญิงที่ผมรัก” เตชินพูดจบดึงกระเป๋าเดินทางไปจากมือพศิกา แล้วใช้อีกมือหนึ่งคว้าแขนเธอไว้ “ไปกับผม...ผมจะไม่มีวันยอมให้คุณจากผมไปแบบนี้”

“นี่มันอะไรกัน แม่ไม่ให้ลูกพามันไปจนกว่าจะอธิบายให้แม่เข้าใจ”

“ผมขอโทษครับแม่ ผมต้องคุยกับคุณพั้นซ์ก่อน” เตชินกึ่งลากกึ่งจูงพศิกาออกไป พศินเข้ามาทันได้ยินสุดารัตน์บอกกับนลินีจะให้เธอโทร.ไปสั่งคนของเราไปจัดการกับแม่ของนังนั่นเลยไหม ถึงกับชะงัก...

ด้านพศิกาพยายามแกะมือเตชินออก พลางตัดพ้อต่อว่าจะบังคับจิตใจกันไปถึงไหน เขารู้ว่าที่ผ่านมาเขาทำให้เธอเสียใจครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ที่เขาทำไปทั้งหมดเพราะต้องการหักห้ามใจตัวเองไม่ตกหลุมรักเธอไปมากกว่านี้ และยังพบอีกว่ายิ่งทำร้ายเธอมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเสียใจมากขึ้นเท่านั้น เขาขอโทษสำหรับทุกสิ่งที่เคยทำไม่ดีกับเธอ ขอให้เธอยกโทษให้ พศิกาต่อรองถ้าจะให้ยกโทษให้ เขาต้องปล่อยเธอไปจากที่นี่

“ผมทำไม่ได้ ผมปล่อยคุณไปไม่ได้”

“แต่ฉันเกลียดคุณ ไปให้พ้นหน้าฉัน” พศิกาฝืนใจตัวเองที่ต้องพูดออกไปแบบนั้น

“ต่อให้คุณไล่ผมเหมือนหมูเหมือนหมา ผมก็จะอยู่ตรงนี้ คุณเป็นผู้หญิงที่ผมรอคอยมานานแสนนาน ผู้หญิงที่ผมต้องการมาตลอดชีวิต ผมตามหาผู้หญิงที่จะมายืนเคียงข้างผมไม่ว่าจะยามสุขยามทุกข์มานานมากเหลือเกิน” เตชินว่าแล้วคุกเข่าลงตรงหน้าพศิกา...

ระหว่างที่เตชินสารภาพความในใจที่มีต่อพศิกา คนร้ายสามคนที่เฝ้าอยู่หน้าบ้านมัทนาได้รับคำสั่งให้เข้าไปจัดการเจ้าของบ้านซึ่งกำลังจะออกไปทำงาน หนึ่งใน คนร้ายล็อกเธอไว้จากด้านหลัง ลากลงไปที่ห้องรับแขก แล้วจับให้นั่งเก้าอี้ เธอขอร้องอย่าทำอะไรเธอเลย อยากได้ข้าวของเงินทองอะไรเชิญเอาไปได้ตามสบาย

“พวกเราไม่ได้มาขโมยของ แต่มีคำสั่งให้เราเล่นสนุกกับคุณ”...

ในเวลาไล่เลี่ยกัน เตชินที่คุกเข่าอยู่คว้ามือพศิกา มากุมไว้ บอกว่าพบผู้หญิงที่ตัวเองตามหาแล้ว ขึ้นอยู่กับเธอว่าพร้อมจะเดินไปกับเขาไม่ว่าจะพบเจออุปสรรคใดๆในอนาคต ไม่ว่าจะยามทุกข์ยามสุขหรือไม่

“ผมสัญญาว่าจะปกป้องคุณไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ผมจะไม่ทำให้คุณเสียใจอีก แต่งงานกับผมนะพั้นซ์”

พศิกานิ่งอึ้งไปอึดใจ ก่อนจะดึงมือเขาออก “ฉัน... แต่งงานกับคุณไม่ได้”

“ทำไม ผมรักคุณ รักคุณมาก รักจนไม่คิดว่าผมจะรักใครได้มากขนาดนี้ ได้โปรดแต่งงานกับผมเถอะครับ”

“ฉันแต่งงานกับคุณไม่ได้จริงๆ” พศิกานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ หันหลังจะไปแต่เตชินคว้ามือเอาไว้ เธอขอร้องให้ปล่อย เธอต้องรีบไปหาแม่ของเขา แกะมือเขาออกแล้ววิ่งไปหานลินี เตชินไล่ตามเธอจนทันกันที่หน้าบ้านอนุพงศ์ ถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“แม่คุณบอกฉันว่าถ้าฉันไม่ไปจากที่นี่ เธอจะส่งคนไปทำร้ายแม่ของฉัน แต่เพราะคุณที่มาห้ามฉันเอาไว้ ป่านนี้แม่คุณคงสั่งคนของเธอให้ไปจัดการแม่ของฉันแล้ว” พศิกาเห็นเตชินไม่เชื่อที่ตัวเองพูด จึงเอารูปที่นลินีส่งมาในมือถือให้ดู เขาถึงกับพูดอะไรไม่ออก...

ปาณัทกำลังเดินมาส่งพิรญาณ์ที่ออฟฟิศของเธอตอนที่พศิกาโทร.มาบอกว่าแม่กำลังตกอยู่ในอันตราย ทั้งคู่ตกใจมากรีบไปที่บ้านของท่านทันที

ooooooo

มัทนาใช้ไหวพริบหลอกล่อจนหนีออกมาจากตัวบ้านได้ พวกคนร้ายเจ็บใจที่เสียรู้ กระจายกำลังกันออกตามหา เธอหนีไปซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้ แต่หนึ่งในคนร้ายตามหาจนเจอ เข้ามาล็อกตัวไว้ แล้วเอามีดสั้นมาทาบกับใบหน้า มัทนาขอร้องให้ปล่อยเธอไป อย่าทำอะไรเธอเลย

“อดทนหน่อยคุณนาย เจ็บนิดเดียวเท่านั้น”

ก่อนที่คนร้ายจะใช้มีดกรีดใบหน้ามัทนา ปาณัทกับพิรญาณ์เข้ามาขัดขวาง จังหวะนั้นคนร้ายอีกสองคนตามมาสมทบ ทำให้สองผัวเมียเสียเปรียบ ขณะทั้งคู่กำลังเสียทีให้พวกคนร้าย ตำรวจเข้ามาช่วยไว้ทัน

หลังจากตำรวจจัดการกับพวกคนร้ายได้อย่างราบคาบ พิรญาณ์รีบโทร.บอกน้องสาวว่าแม่ปลอดภัยแล้ว

“ขอบคุณพี่นนท์กับพี่พิณมากนะคะที่ช่วยแม่เอาไว้ได้ทัน”

“พั้นซ์รู้ใช่ไหมว่าใครส่งคนมาทำร้ายแม่” พิรญาณ์ถามเสียงเครียด...

ทางฝ่ายนลินีเจ็บใจมากเมื่อรู้จากสุดารัตน์ว่าคนของตัวเองถูกรวบตัวเนื่องจากมีคนโทร.ไปแจ้งตำรวจ ยัยจอมยุแยงตั้งข้อสังเกต น่าจะเป็นฝีมือของพศิกา แต่เธอไม่ต้องกังวลพวกคนร้ายไม่รู้จักเราสองคน

“แต่นังพศิการู้ว่าเราเป็นคนส่งคนไปทำร้ายแม่ของมัน”

“แค่คำพูดของมันใช้เป็นหลักฐานไม่ได้หรอกค่ะ” คำปลอบใจของสุดารัตน์ไม่ได้ช่วยให้นลินีคลายความกังวล ระหว่างนั้นเตชินเข้ามาเผชิญหน้ากับแม่ บอกว่ารู้เรื่องที่ท่านส่งคนไปทำร้ายแม่ของพศิกาแล้ว นลินีทำเนียนไม่รู้เรื่องอะไรด้วย เขาขอร้องอย่าโกหกอีกเลย พศิกามีหลักฐานเป็นรูปถ่ายของมัทนาที่แม่ส่งให้ พศิกาผ่านมาเห็นทั้งสามคนกำลังคุยกันสีหน้าเคร่งเครียด รีบหลบมุมแอบฟัง

“แม่ทำแบบนี้ทำไม”

“แม่ก็แค่ขู่เพราะอยากให้มันออกไปจากเกาะไข่มุก” นลินีแก้ตัวน้ำขุ่นๆ

เตชินยอมให้เธอไปไม่ได้ เพราะเพิ่งขอเธอแต่งงาน และอยากให้ท่านรับรู้ไว้ด้วยว่าเขารักผู้หญิงคนนี้มากคงจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ นลินีปรี๊ดแตก ด่าเขาว่าสิ้นคิดที่จะมีเมียคนเดียวกับพ่อของตัวเอง เขามั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ว่าเธอไม่ใช่เมียของพ่อ ครั้นจะบอกว่าพ่อเป็นคนยืนยันกับเขาเองก็กลัวแม่จะรู้ว่าพ่อยังไม่ตาย ก็เลยแต่งเรื่องว่ารู้มาจากจดหมายที่พ่อเขียนถึงเขา

“แค่ข้อความในจดหมายลูกก็เชื่อ”

เตชินเชื่อมั่นในตัวพ่อ ที่ผ่านมาเขาอาจมองพ่อผิดไป แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าท่านรักเขากับแม่มากแค่ไหน นลินียังยืนกรานว่าคำพูดของอนุพงศ์เชื่อไม่ได้ นี่ขนาดตายไปแล้วยังปั่นหัวเขาได้อีก เตชินเถียงคำไม่ตกฟาก พ่อไม่ใช่คนที่คอยปั่นหัวเขา แม่ต่างหากที่ทำ แม่ปิดหู ปิดตาเขามาตลอดหลายปี สิ่งที่เขาเสียใจมากที่สุดคือไม่มีโอกาสได้ทำดีกับพ่อก่อนที่พ่อจะจากไป

“ต่อไปนี้ผมขอเลือกทางเดินของผมเอง ขอบคุณแม่มากนะครับที่หวังดีกับผมมาตลอด แต่ความหวังดีของแม่ บางทีมันก็ไม่ได้ทำให้ผมมีความสุข ผมจะแต่งงานกับผู้หญิงที่ชื่อพศิกาเพราะว่าผมรักเธอ”

“แม่บอกลูกแล้วใช่ไหม ถ้าลูกเลือกมันก็ไม่ต้องมาเรียกแม่ว่าแม่อีก” คำขู่ของนลินีไม่ได้ผล เตชินเดินจากไปไม่แม้แต่จะหันกลับมอง พศิกาซึ่งแอบฟังอยู่อดหวั่นไหวไปกับคำสารภาพรักของเขาไม่ได้

ooooooo

ปาณัทโทร.มาเล่าเรื่องที่นลินีส่งคนไปทำร้ายมัทนาให้พศินฟัง และยังบอกอีกด้วยว่าพศิกากำชับไม่ให้ใครบอกมัทนาว่านลินีอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ พศินไม่เข้าใจทำไมเธอต้องทำอย่างนั้น

“พั้นซ์บอกว่าอยากให้ทุกอย่างมันจบกับเหตุการณ์นี้ถ้าพั้นซ์แจ้งความให้ตำรวจจับคุณนลินีก็คงจะมีเวรมีกรรมกันต่อไปไม่จบไม่สิ้น”

พศินตั้งข้อสังเกตนี่แสดงว่าพศิกาตั้งใจจะตัดขาดกับเตชินจริงๆ ปาณัทฝากเขาดูแลพศิกาด้วย ช่วงนี้ไม่ควรให้เธออยู่คนเดียว พศินรับปากจะดูแลเธอให้ดีที่สุด วางสายแล้วหันมาเล่าทุกอย่างให้จิรายุฟังอีกทอดหนึ่ง เธออดสงสารเตชินกับพศิกาไม่ได้ รักกันแต่อยู่ด้วยกันไม่ได้ ช่างเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดและทรมาน...

ในเวลาเดียวกัน พิรญาณ์ประคองมัทนาเข้ามานั่งในบ้านโดยมีปาณัทถือร่วมยาตามมานั่งข้างๆ เธออดถามแม่ไม่ได้ทำไมทำหน้าอย่างนั้น เจ็บตรงไหนหรือเปล่า ท่านไม่ได้บาดเจ็บอะไรแค่รู้สึกว่าเรื่องนี้มีอะไรแปลกๆ ชอบกล ท่านไม่เคยมีศัตรูที่ไหนแล้วใครกันส่งพวกนี้มาทำร้ายท่าน ปาณัทรีบตัดบท

“ผมว่าคุณแม่อย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลยครับ กินยาแล้วนอนพักดีกว่า” พูดจบปาณัทหยิบยาส่งให้...

พศิกาเห็นเตชินยืนเหม่อมองทะเลอยู่ริมหาดแล้วฉุกคิดถึงคำพูดของเขาที่พูดกับนลินีเมื่อตอนบ่ายไม่ได้ว่ารักเธอมากแค่ไหน จะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอและยืนยันจะแต่งงานกับเธอให้ได้ พศิกาตัดใจหันหลังเดินจากไป แต่เขาหันมาเห็นเสียก่อน วิ่งตามมากอดเธอไว้จากด้านหลัง

“คุณเตชินอย่าทำแบบนี้ กลับไปหาแม่ของคุณแล้วก็อย่ามายุ่งกับผู้หญิงอย่างฉันอีก”

เขากลับไปหาท่านไม่ได้ ครั้งนี้ท่านทำเกินไปถึงขั้นจะทำร้ายมัทนา เขาให้อภัยท่านไม่ได้ พศิกาทักท้วงนลินีเป็นแม่ของเขาเลี้ยงดูเขามา ทำทุกอย่างเพื่อเขาไม่เคยทำให้เขาลำบาก เขาไม่มีสิทธิ์ไปโกรธท่าน เตชินจับพศิกาให้หันมาเผชิญหน้า ชื่นชมเธอทำไมถึงเป็นคนดีแบบนี้ทั้งที่แม่ของเขาทำร้ายเธอมาตลอด

“เพราะฉันเคยทำให้แม่เสียใจมาก แต่ในวันที่ฉันกำลังลำบากที่สุด ท่านก็ยื่นมือมาช่วยโอบอุ้มฉันทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ไม่มีแม่คนไหนไม่รักลูกหรอกนะคะ”

“แต่สำหรับแม่ของผม ท่านไม่เหมือนคนอื่นๆ คุณก็รู้ อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยนะครับขอผมกอดคุณอีกครั้งจะได้ไหม” ขาดคำ พศิกาเป็นฝ่ายเดินเข้ามากอดเขาเสียเอง จากนั้นทั้งคู่นั่งคุยกันต่อ เขาขอบคุณเธอมากที่อยู่เป็นเพื่อน แล้วขอร้องเธออย่าไปจากเขาจะได้ไหม พศิกาอึกอักไม่รู้จะตอบอย่างไร

“ผมสัญญาว่าผมจะไม่ยอมให้แม่ทำอะไรคุณและครอบครัวของคุณอีก อยู่กับผมที่นี่นะครับ”

พศิกามองเขาอย่างลำบากใจ ยังไม่ทันจะตอบ คำถาม พศินโทร.มาตามให้ไปหาเสียก่อน อ้างมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย ครู่ต่อมา พศิกามาเจอกับพศินตามนัด เขาอยากรู้ ว่าเธอจะกลับกรุงเทพฯจริงหรือ เธอพยักหน้าแทนคำตอบ ถ้าขืนอยู่ที่นี่ต่อไป แม่ของเธอจะไม่ปลอดภัย

“แล้วพั้นซ์ทำใจกลับได้เหรอ พั้นซ์จะไม่คิดถึงคุณเตชินเหรอไง พัฒน์มั่นใจนะว่าคุณเตชินจะไม่มีวันยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกเด็ดขาด พัฒน์อยากเห็นพั้นซ์มีความสุขสักที คิดให้ดีๆนะพั้นซ์”...

ด้านนลินีน้อยใจลูกมาก ตัดสินใจจะกลับไปอยู่เมืองนอก สุดารัตน์ยุแยงขืนทำอย่างนั้นก็จะเข้าทางนังพศิกา คงจะสูบเลือดสูบเนื้อเตชินจนหมดตัวแน่ๆ และที่สำคัญถ้าเธอไปก็หมายความว่าเธอยอมแพ้ อยากให้เป็นอย่างนั้นหรือ นลินีฮึดสู้จะลองดูอีกสักตั้ง สุดารัตน์แอบยิ้มสะใจที่เสี้ยมนลินีสำเร็จ...

ระหว่างกินมื้อค่ำด้วยกัน นลินีเล่าเรื่องที่เตชินขอแต่งงานกับพศิกาให้มณีกาญจน์ฟัง แถมบอกว่าที่เขาหายหน้าไปไม่กลับมากินข้าวด้วยก็คงจะไปอยู่ที่บ้านนังนั่น เธอไม่เข้าใจไม่รู้เตชินจะหลงอะไรมันนัก มณีกาญจน์ต้องปลอบให้เธอใจเย็นๆถ้าเตชินหลงพศิกาจริงก็ให้ปล่อยไปสักพักพอเขาเบื่อก็จะกลับมาเอง

จิรายุซึ่งนั่งร่วมโต๊ะอาหารอยู่ด้วยอยากรู้ว่าเตชินขอพศิกาแต่งงานจริงหรือเปล่า อดรนทนไม่ไหวจะต้องไปถามให้รู้เรื่อง ครั้นจะไปคนเดียวก็ไม่กล้า จึงชวนพศินไปเป็นเพื่อน...

ฝ่ายสุดารัตน์สั่งให้สง่าไปที่บ้านบนเขาดูว่าเตชินอยู่ที่นั่นหรือเปล่า ถ้าไม่อยู่ก็ให้เก็บนังพศิกาได้เลย สง่าทักท้วง อยู่ดีๆนังนั่นหายตัวไปจะไม่มีใครสงสัยหรือ

“นังนั่นมีแพลนจะไปจากที่นี่อยู่แล้ว ฉันก็แค่ช่วยให้มันไปเร็วขึ้นก็แค่นั้นเอง”...

ในเวลาต่อมาที่บ้านบนเขา พศิกากำลังเอาหมอนกับผ้าห่มมาให้เตชินนอนที่โซฟา ตอนที่มีเสียงโครมครามดังขึ้น เขาอาสาจะออกไปดูให้ว่าเสียงอะไร แล้วเดินออกไปหน้าบ้านเจอพศินกับจิรายุ เข้าใจไปเองว่าสองคนนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเสียงโครมคราม โดยไม่รู้ว่าความจริงแล้วเสียงที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของสง่าซึ่งลอบเข้าไปในบ้านเอายาสลบโปะพศิกา อึดใจเธอก็หมดสติ

“ครั้งนี้แกไม่รอดแน่ๆ”

ooooooo

จิรายุกับพศินยังคงคุยกับเตชินเรื่องที่เขาขอพศิกาแต่งงานอยู่ที่หน้าบ้านบนเขา พศินอดสงสัยไม่ได้ที่เขาขอเธอแต่งงานเพราะต้องการรั้งเธอไม่ให้กลับ กรุงเทพฯ หรือเปล่า เตชินปฏิเสธทันทีว่าเปล่า เขารัก พศิกาด้วยความจริงใจ เธอคือผู้หญิงที่เขารอมาทั้งชีวิต เพียงแต่ตอนนี้เธอยังใจแข็งไม่ยอมตอบตกลงง่ายๆ

“แต่ผมว่าการที่พั้นซ์ยอมให้คุณมาอยู่บ้าน นี่ก็ดูเป็นลางที่ดีนะครับ”

“จริงด้วยค่ะ ใจของพี่พั้นซ์อาจจะอ่อนลงมานิดหนึ่งแล้วก็ได้”

เตชินก็หวังให้เป็นแบบนั้น แล้วชวนทั้งคู่เข้าไปคุยกันต่อในบ้าน ครั้นเข้ามาข้างในไม่เห็นแม้แต่เงาของพศิกา ในห้องนอนก็ไม่มี หาจนทั่วบ้านก็ไม่พบ เตชินชักเอะใจ

“จริงสิ ก่อนหน้านี้ผมกับพั้นซ์ได้ยินเสียงเหมือนมีของแตก ผมเดินออกไปดูและเจอคุณสองคน ผมก็เลยนึกว่าเป็นเสียงที่เกิดจากพวกคุณ”
ตอนจิลกับพัฒน์เดินเข้ามาเราไม่ได้ทำอะไรแตกเลยนะคะ”

เตชินสังหรณ์ใจว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี รีบออกไปดูที่สวนข้างบ้านเห็นกระถางต้นไม้ที่วางไว้ติดกับกำแพงบ้านแตก ลักษณะเหมือนมีคนปีนกำแพงเข้ามาเหยียบ ทั้งสามคนเห็นไปในทางเดียวกันว่าพศิกาอาจจะถูกคนร้ายจับตัวไป เตชินนึกถึงแม่ตัวเองขึ้นมาทันที...

ทางด้านสง่าอุ้มพศิกาที่หมดสติมาวางไว้ตรงมุมเปลี่ยวของเกาะไข่มุก แล้วหยิบหมวกไอ้โม่งขึ้นมาสวมอำพรางใบหน้า ก่อนจะเดินไปเอาฟางมาสุมบนตัวเธอหวังจะเผาทั้งเป็นอย่างโหดเหี้ยม...

ครู่ต่อมาเตชินเข้ามาในบ้านอนุพงศ์พร้อมกับจิรายุและพศินเพื่อทวงถามแม่เอาตัวพศิกาไปไว้ไหน ท่านไม่รู้เรื่องด้วย นังนั่นหายไปเกี่ยวอะไรกับท่าน เตชินขอร้องอย่าทำไขสือ เขารู้ว่าท่านสั่งให้คนไปลักพาตัวพศิกาเพราะโมโหที่เขาขอเธอแต่งงาน นลินียืนกรานไม่ได้เอาตัวนังนั่นไป เตชินฟิวส์ขาดกระชากไหล่แม่เข้ามา

“บอกผมมาเดี๋ยวนี้นะแม่ ผมเห็นผู้หญิงคนนี้ตายไม่ได้ บอกผมมาสิแม่...บอกผมมา”

นลินีร้องไห้โฮที่ลูกทำรุนแรงด้วย มณีกาญจน์ทนไม่ไหว จับแขนเตชินไว้ สั่งให้พอได้แล้วไม่เห็นหรือว่าทำให้แม่ตัวเองเจ็บ เขาได้สติรีบปล่อยมือ ในเมื่อไม่ได้อะไรคืบหน้าจากแม่ เตชินบอกให้พศินกับจิรายุแยกย้ายกันตามหาพศิกา

ooooooo

คนที่เตชินตามหาให้ควั่กถูกสง่าเอาฟางมาสุมจนมิดตัวแล้วจุดไฟแช็กเตรียมเผา แต่จุดเท่าไหร่ไฟก็ไม่ติด พศิกาเริ่มได้สติ ค่อยๆลืมตามองไปรอบๆ เห็นสง่ายืนอยู่แต่จำไม่ได้เพราะเขาสวมหมวกไอ้โม่งอำพรางใบหน้า เขามัวแต่สนใจไฟแช็กที่ไม่ยอมติด ไม่ทันมองเธอที่ค่อยๆขยับตัวหนีออกจากกองฟาง

ครั้นจุดไฟติดเหยื่อสาวหายตัวไปแล้ว สง่ากวาดตามองหา เห็นหลังเธอไวๆวิ่งไปทางชายหาดรีบไล่ตามจนทัน ในเมื่อเผาทั้งเป็นไม่สำเร็จ เขาลากพศิกาลงน้ำหวังจะกดหัวให้จมน้ำตาย เธอสู้สุดฤทธิ์กัดแขนเขาจมเขี้ยว แล้ววิ่งหนีขึ้นฝั่ง อารามรีบร้อนสะดุดขาตัวเองหกล้ม สง่าหยิบท่อนไม้ที่ตกอยู่เงื้อจะฟาด แต่เตชินเข้ามาคว้ามือไว้ ก่อนจะต่อยเขาหน้าหงายแล้ววิ่งไปกอดพศิกาด้วยความเป็นห่วง

สง่าตั้งหลักได้ถือไม้มาทางด้านหลังเตชินหมายจะฟาดให้ตาย แต่พศิการ้องเตือนเสียก่อน เขายกแขนกันไว้ได้ สง่าจะตีซ้ำ เสกสรรเข้ามาช่วยไว้ทัน จอมหื่นเห็นท่าไม่ดีทิ้งไม้วิ่งหนี

“ฉันจะตามไปเอง ไอ้เต้แกอยู่กับคุณพั้นซ์ที่นี่” พูดจบเสกสรรไล่ตามคนร้าย เตชินรีบเข้ามาดูอาการของพศิกาเห็นไม่เป็นอะไรก็โล่งใจดึงตัวมากอดไว้แนบอกโดยไม่ห่วงอาการบาดเจ็บของตัวเอง

ไม่นานนักพศิกาพาเตชินกลับมาที่บ้านบนเขาเพื่อทำแผลแตกที่แขนให้ เห็นอาการไม่สู้ดีนักแนะให้วันพรุ่งนี้ไปให้หมอตรวจสักหน่อยจะดีกว่า เธอกลัวจะเป็นอะไรมากกว่านี้ ระหว่างนั้นพศินกับจิรายุตามมาสมทบเห็นพศิกากลับมาอย่างปลอดภัยต่างพากันโล่งอก

สักพักใหญ่ๆ เสกสรรเข้ามาแจ้งว่าคนร้ายหนีไปได้ เท่าที่ดูน่าจะเป็นคนในพื้นที่เพราะรู้ทางหนีทีไล่ดีมาก เตชินอดสงสัยไม่ได้ว่าค่ำมืดป่านนี้นายตำรวจเพื่อนซี้มาทำอะไรที่นี่

“ฉันติดต่อแกไม่ได้ ร้อนใจก็เลยจ้างเรือมา จำไอ้เม็ดสีขาวที่เจอในห้องพักนายสง่าได้ไหม มันเป็นปุ๋ยเคมี ตอนแรกฉันก็นึกว่าไม่มีอะไร แต่อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมต้องเก็บปุ๋ยเอาไว้ในห้องตัวเองก็เลยสืบต่อจนรู้ว่าปุ๋ยเคมีเป็นส่วนผสมของการทำระเบิด ฉันว่าจะกลับไปรื้อคดีที่เรือคุณอนุพงศ์กับเรือคุณพั้นซ์ระเบิด ถ้าพบว่ามีสารตัวนี้อยู่ก็เป็นไปได้ว่านายสง่าคือมือประกอบระเบิด”...

ฝ่ายนลินีนั่งน้ำตาซึมที่ถูกลูกรักเล่นงาน มณีกาญจน์สงสารเธอมากไม่รู้จะช่วยอย่างไรได้แต่บอกว่าอย่าคิดมากจะทำให้ไม่สบายใจเปล่าๆ เธอไม่เคยนึกเลยว่าลูกชายที่ตัวเองเฝ้าฟูมฟักทะนุถนอมยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมจะเป็นคนทำร้ายเธอด้วยถ้อยคำที่เจ็บปวดแบบนี้ มณีกาญจน์ปลอบว่าเขาคงทำไปเพราะความโมโห

“ถึงเขาจะโมโหอย่างไรเขาก็ไม่เคยพูดจาทำร้ายจิตใจฉัน เขากล่าวหาว่าฉันเป็นคนไม่ดีทำเหมือนฉันเป็นแม่มด เป็นนังมารร้ายที่คอยรังแกผู้หญิงคนนั้น ฉันไม่เหลือใครอีกแล้วนะกาน ทั้งลูกทั้งผัวก็ต่างไปหลงรักนังนั่นกันหมด” นลินีปล่อยโฮอย่างหมดความอดกลั้น มณีกาญจน์ได้แต่ลูบหลังอย่างให้กำลังใจ...

ดึกมากแล้วทั้งพศิกาและเตชินต่างนอนไม่หลับ เธอไม่อยากให้เขามีปัญหากับแม่ตัวเอง แนะให้กลับไปขอโทษท่านที่พูดจาไม่ดีด้วย เขากลัวแม่เห็นหน้าเขาแล้วจะยิ่งเครียดมากกว่าเดิมและที่สำคัญเขาไม่อยากไปจากที่นี่ หรือว่าเธอไม่อยากให้เขาอยู่ด้วย พศิกาแค่ไม่อยากให้เขากับแม่มีปัญหาเพราะเธอเป็นต้นเหตุ

“คุณไม่ใช่ตัวปัญหา แต่คนที่เป็นปัญหาคือแม่ของผม แม่ไม่พยายามเข้าใจอะไรเลยไม่ยอมฟังไม่ยอมเปิดใจและผมก็ไม่สามารถที่จะทำตามความต้องการของแม่โดยการเลิกรักคุณเพราะตอนนี้หัวใจของผมมันไม่ได้อยู่ที่ผมอีกต่อไปแล้ว แต่มัน...” เตชินจับใบหน้าของพศิกาไว้อย่างอ่อนโยน “อยู่ที่นี่ ผมรักคุณมาก รักมากเหลือเกิน อย่าบอกให้ผมตัดใจจากคุณเลยนะครับ” ว่าแล้วเขาดึงเธอมากอด

ooooooo

ด้วยความน้อยใจลูกชาย นลินีตัดสินใจเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าหนีออกจากเกาะไข่มุกโดยเขียนจดหมายทิ้งไว้ให้ลูกดูต่างหน้า ไม่รู้เวรหรือกรรมที่เคยทำเอาไว้ทำให้เธอเอาเรือลำที่น้ำมันจวนหมดไป เตชินรู้ข่าวแม่หนีออกจากบ้าน แถมยังเอาเรือที่มีน้ำมันไม่ถึงครึ่งถังไปด้วยก็เป็นกังวล...

ขณะเตชินให้คนเตรียมเรือเพื่อไปตามหาแม่ พศินเดินผ่านหน้าห้องพักของสิรินดาได้ยินเสียงไอแคกๆ ดังมาจากในห้องก็นึกเป็นห่วง เคาะประตูถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า พอเห็นเจ้าของห้องเปิดประตูออกด้วยสีหน้าซีดเซียวเหมือนคนไม่สบายหนัก แนะให้ไปหาหมอ เธอไม่ยอมไป อ้างเดี๋ยวก็หายเอง แล้วไอออกมาอย่างหนัก

“อาการหนักขนาดนี้ไม่หายเองง่ายๆหรอก ไปหาหมอเถอะผมพาไป”

“ไม่ต้องมาห่วงฉัน เราไม่ได้เป็นอะไรกัน” สิรินดายังงอนเขาไม่หาย

“เป็นสิ เราเป็นเพื่อนกันนะรินหรือที่คุณไม่ยอมไปหาหมอเพราะต้องการประชดผม”

สิรินดาไม่ได้ประชดใครทั้งนั้น อย่าสำคัญตัวผิด แล้วไล่เขาออกไปได้แล้วเธอจะนอนพัก พศินอดเป็นห่วงไม่ได้ ถ้าเธอรู้สึกไม่ดีให้รีบโทร.หาเขาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ สิรินดาทำเมินไม่สนใจ...

ทางฝ่ายจิรายุพยายามโทร.หาพศินแต่ไม่มีใครรับสาย ตั้งใจจะมาตามที่ห้องพัก แต่เห็นเขาเดินออกมาจากห้องของสิรินดา เธอถึงกับใบ้รับประทาน...

หลังจากพรชัยเติมน้ำมันใส่เรือจนเต็มถัง เตชินสตาร์ตเครื่องจะออกไปตามหาแม่ พศิกาขอตามไปด้วย แต่เขาทักท้วง ถ้าแม่เห็นเธออาจจะหนีเตลิดไปอีก

“ฉันเข้าใจค่ะ ขอให้ตามหาคุณนลินีเจอนะคะ” พศิกายืนส่งเตชินจนเรือแล่นไปไกลแล้วนึกบางอย่างขึ้นมาได้ รีบโทร.แจ้งอนุพงศ์เรื่องที่นลินีหนีออกจากเกาะไข่มุกพร้อมกับเรือที่น้ำมันใกล้หมด เขาขอบใจเธอมาก วางสายแล้วหันไปสั่งการให้อินทร์เอาเรือออก...

เป็นอย่างที่คาดไว้ไม่มีผิดเรือที่นลินีขับมาดับสนิทอยู่กลางทะเลเนื่องจากน้ำมันหมด เธอเซ็งจัด มองไปรอบๆไม่มีเกาะไม่มีคนมีแต่ท้องทะเลกว้างใหญ่คว้ามือถือจะโทร.หาสุดารัตน์

“ถ้าโทร.หาสุดา ตาเต้อาจจะรู้ก็ได้ ไม่...เราจะไม่โทร. แต่จะทำยังไง” นลินีครุ่นคิดหนัก...

ฟ้าฝนไม่เป็นใจเริ่มโปรยปรายลงมาก่อนจะเทกระหน่ำ ลมกระโชกแรงเรือเอียงวูบจนนลินีตัวเซไปกระแทกกับกราบเรือ สักพักเรือโคลงอีกครั้งทำเอากระเป๋าใส่เสื้อผ้าหล่นน้ำ เธอพยายามเอื้อมมือไปคว้า คลื่นซัดเรืออย่างแรงจนเธอตกน้ำ...

พศิกายืนมองสายฝนที่ตกไม่ลืมหูลืมตาอยู่ที่ตึกอำนวยการของรีสอร์ตด้วยสีหน้าเป็นกังวล จิรายุเดินเข้ามาถามว่าเตชินยังไม่กลับมาอีกหรือ เธอส่ายหน้าแทนคำตอบยิ่งฝนตกแบบนี้เธอยิ่งเป็นห่วงทั้งเขาและนลินี ระหว่างนั้นจิรายุเหลือบเห็นพศินเดินตรงมาทางตัวเอง รีบบอกพศิกาว่าขอตัวก่อนแล้วเดินออกไปเลย ไม่สนใจเสียงเรียกให้กลับมาก่อนของเขา พศิกาสงสัยเขาไปทำอะไรให้โกรธหรือเปล่า พอเห็นหน้าเขาถึงได้รีบเดินหนี

“งั้นเดี๋ยวพัฒน์มานะพั้นซ์” พศินพูดจบสาวเท้าตามจิรายุจนทัน ถามว่าโกรธอะไรเขาอีก

เธอยังไม่ทันจะตอบ สิรินดาโทร.มาตามตัวพศินให้ช่วยพาไปหาหมอหน่อยเพราะไอเป็นเลือด เขารับปากจะรีบไป วางสายแล้วหันมาไปมองอีกที จิรายุหายไปแล้ว

ooooooo

อนุพงศ์นำตัวนลินีที่ตกทะเลและหมดสติมาที่บ้านของผู้ใหญ่เดชบนเกาะเหลาเป โดยให้เมียของผู้ใหญ่เดชช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกให้ ผู้ใหญ่เดชสงสัยถ้านลินีฟื้นคืนสติขึ้นมาจะให้บอกอย่างไรดี

“ก็บอกว่าบังเอิญคุณไปเจอคุณนลินีจมน้ำอยู่ก็เลยพากลับมา...ถ้ายังไงก็ฝากด้วยนะผู้ใหญ่” อนุพงศ์มองนลินีอีกครั้งก่อนจะเดินออกมาหาอินทร์ที่รอท่าอยู่

“ท่านคิดจะเปิดเผยตัวกับคุณลีหรือเปล่าครับ” อินทร์เห็นเจ้านายนิ่งเงียบไม่กล้าถามอะไรอีก...

บ่ายคล้อยมากแล้วกว่าเตชินจะกลับมาที่รีสอร์ต พศิกาที่รอท่าอยู่รีบเข้ามาถามว่าเจอนลินีหรือเปล่า เขาส่ายหน้า ฝนตกหนักมากจนเขาตามหาแม่ต่อไปไม่ได้

“คุณเตชินคะฉันโทร.บอกคุณลุงพงศ์เรื่องที่คุณนลินีหนีออกไป คุณลุงพงศ์บอกว่าจะช่วยตามหาอีกแรง ไม่แน่ตอนนี้คุณนลินีอาจจะอยู่กับคุณลุงพงศ์แล้วก็ได้นะคะ ฉันมั่นใจว่าคุณนลินีจะปลอดภัย” พศิกาจับมือเตชินไว้อย่างเป็นกำลังใจให้ สักพักอนุพงศ์โทร.เข้ามือถือของเขา บอกว่านลินีอยู่กับท่าน

“ตอนนี้ผู้ใหญ่เดชดูแลให้อยู่ ลูกไม่ต้องห่วง พอแม่ฟื้น พ่อจะให้ผู้ใหญ่เดชส่งคุณลีกลับไปที่เกาะไข่มุก”

“ครับ...แล้วนี่แม่รู้เรื่องพ่อเหรอยังครับ”

“พ่อคงไม่ให้แม่รู้ พ่อคือความอัปยศความ อับอายในชีวิตของเธอ ถ้าหากเธอรู้ว่าพ่อยังไม่ตายเธอคงจะไม่มีความสุข ให้เหลือเรื่องที่ทำให้เธอมีความสุขบ้างเถอะ”...

เตชินไม่รอช้านำข่าวดีเรื่องแม่ไปแจ้งให้มณีกาญจน์ทราบ เธอถอนใจโล่งอกที่เพื่อนรักปลอดภัย เนื่องจากเธอไม่อยากเห็นแม่ลูกต้องหมางใจกัน จึงขอร้องให้เตชินทบทวนเรื่องที่จะแต่งงานกับพศิกาซึ่งจะมีผลกระทบกับนลินีโดยตรง เขาสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี...

อีกมุมหนึ่งของรีสอร์ต สง่าตามทวงเงินค่าจ้างจัดการกับพศิกาจากสุดารัตน์แม้จะทำงานไม่สำเร็จ เธอโวยวายลั่นทำงานพลาดซ้ำซากยังหน้าด้านจะมาทวงเงินอีก เขาขู่ถ้าไม่ได้เงินจะเอาแผนชั่วของเธอไปฟ้อง เตชิน ทีแรกเธอตั้งท่าจะเอาเรื่องแต่พอเห็นสีหน้าจริงจังของสง่า จำต้องจ่ายเงินให้ตามที่เขาต้องการ

สักพัก สง่ากลับมาที่ห้องพักของตัวเองพร้อมกับเงินปึกใหญ่ในมือ ระหว่างนั้นมีลูกค้าโทร.มาสั่งยาบ้า เขาเดินไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ ดึงถุงปุ๋ยออกมาจากใต้โต๊ะ ล้วงเข้าไปหยิบห่อยาบ้าออกมา...

ที่โรงพยาบาลในตัวเมือง พศินถอนใจโล่งอกที่หมอตรวจอาการของสิรินดาแล้วพบว่าไม่หนักหนาสาหัสอะไร แค่หลอดลมอักเสบเท่านั้น แต่พอไอมากๆก็เลยทำให้มีเลือดปนออกมากับเสมหะ เธอขอบใจเขามากที่พามาหาหมอ ถ้าไม่ได้เขาเธอก็ไม่รู้จะโทร.หาใคร เขายินดีทำให้ในเมื่อเราสองคนเป็นเพื่อนกัน แล้วชวนเธอกลับ

“พัฒน์กลับไปเถอะ รินว่ารินจะกลับไปพักที่บ้านสักสามวัน”

“ถ้างั้นพัฒน์ไปส่ง”...

ด้านเตชินชวนพศิกาไปปลูกต้นไม้ร่วมกัน บริเวณสวนร่มรื่นที่เขากับพ่อเคยช่วยกันปลูกตั้งแต่ตอนที่เขายังเป็นเด็ก ต้นไม้เหล่านี้เป็นความทรงจำดีๆระหว่างเขากับท่าน เขาก็เลยอยากมีความทรงจำดีๆกับเธอเช่นกัน ทั้งคู่สวีตใส่กันจนทะเลหวานไปเลย

ooooooo

การที่พศินพาสิรินดาไปส่งบ้านครั้งนี้ทำให้รู้ว่ายายแสงยายของเธอเป็นแม่แท้ๆของสุดารัตน์ และยังรู้อีกด้วยว่านานๆทีสุดารัตน์ถึงจะกลับมาเยี่ยมบ้าน อ้างว่ามาแล้วไม่มีที่ให้นอน

“มันจะมีได้ยังไง ห้องนอนของมันมันไม่ยอมให้ใครเข้าไป ล็อกกุญแจซะแน่นแล้วยายจะเข้าไปทำความสะอาดให้มันได้ยังไง” ยายแสงว่าแล้วพยักพเยิดไปทางห้องที่ว่า พศินมองอย่างสนใจ

“ยายไม่มีกุญแจสำรองเหรอครับ”

“ไม่มี มันไม่ให้ใคร ไม่รู้มีความลับอะไรนักหนา”

พศินอยู่คุยกับสองยายหลานสักพักก็ขอตัวกลับ ระหว่างที่สิรินดาออกมาส่งเขาหน้าบ้าน เขาตะล่อมถามว่ายายแสงมีลูกคนเดียวหรือ เธอพยักหน้ารับคำ เขาแปลกใจมากเพราะที่รีสอร์ตมีแต่ญาติของสุดารัตน์ทำงานอยู่เต็มไปหมด นึกว่าจะมีพี่น้องแท้ๆของเธออยู่ในนั้นบ้าง

“ที่ญาติเยอะเพราะตามีพี่น้องเป็นสิบคนเรียกว่าลูกพี่ลูกน้องกันทั้งนั้น ป้าดาพาคนมาทำงานที่อันดามันเพิร์ลเยอะ น้าทิพย์ก็เหมือนกัน”

“ใครคือน้าทิพย์”

“คุณนวลทิพย์ผู้จัดการฝ่ายบัญชีของโรงแรมอันดามันเพิร์ลยังไงล่ะ แต่น้าทิพย์กับป้าดาไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไหร่ รินเคยได้ยินท่านสองคนทะเลาะกันรุนแรงครั้งหนึ่ง ตอนนั้นรินยังเด็กมาก แต่ก็ไม่เคยลืม”

จากนั้นเรื่องราวในอดีตก็พรั่งพรูออกจากปากสิรินดา ตอนนั้นเธออายุแค่สิบขวบได้ยินสุดารัตน์กับนวลทิพย์ทะเลาะกันเรื่องที่ฝ่ายแรกยังโกรธแค้นนวลปรางที่ตายไปหลายปีไม่เลิกแล้ว เนื่องจากเธอแย่งผู้ชายที่สุดารัตน์รักไป แถมยังโกหกว่าท้องเพื่อจับเขา ไม่อย่างนั้นตนกับเขาคงได้ครองรักกันไปแล้ว

“แต่เขามีเมียแล้ว”

“เขาไม่ได้รักเมียเขา แกก็เห็นว่าเขามีปัญหากันมาตลอด ฉันหวังจะได้แต่งงานกับเขาเพื่อที่ชีวิตของฉันจะได้ดีขึ้น ไม่ต้องมาอดๆอยากๆแบบนี้”
นวลทิพย์อยากรู้ว่าสุดารัตน์เสียใจบ้างไหมที่

นวลปรางตาย เธอไม่เคยเสียใจแถมแช่งให้มันตายวันละหลายครั้งด้วยซ้ำ ด.ญ.สิรินดาเห็นท่าทางเกรี้ยวกราดของสุดารัตน์แล้วอดสยองไม่ได้
พศินซักสิรินดาผู้ชายที่ว่าเป็นใคร เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะไม่มีใครพูดถึงชื่อของเขา...

ด้านเตชินหมั่นเติมความหวานให้พศิกา โดยซื้อของสดมาทำมื้อเย็นกินด้วยกัน เตรียมอาหารไปหยอกล้อกันไปจนตัวเปรอะไปหมด เธอต้องพาเขาไปนั่งที่โซฟาเอาผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดให้เสร็จสรรพก็ขยับจะเอาไปเก็บ เขาฉุดให้เธอนั่งข้างๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอนหนุนตัก

จับมือเธอมากุมไว้อย่างรักใคร่ ถ้าเป็นไปได้เขาอยากหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้ตรงที่ที่มีแค่เราสองคน ไม่อยากคิดเรื่องอื่นไม่อยากเจอเรื่องอะไรอีกแล้ว

“คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว นอนพักสักหน่อยนะคะ ฉันจะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน”

เตชินหลับตาลงอย่างว่าง่ายเอามือพศิกามาแนบแก้มตัวเอง

ooooooo

ทะเลไฟ

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด