สมาชิก

ทะเลไฟ

ตอนที่ 1

“ผมไม่เคยเชื่อในความบังเอิญเพราะความบังเอิญไม่มีอยู่จริง การได้พบกับใครสักคนที่ถูกใจ มันคือพรหมลิขิตและผมก็กำลังรอพรหมลิขิตที่จะนำพาให้ผมไปพบกับคนนั้น คนที่ผมรอคอยมาทั้งชีวิต”

เตชินหรือเต้ มักจะพูดประโยคนี้กับตัวเองอยู่เสมอโดยไม่รู้ว่าพรหมลิขิตจะพาให้มาพบเจอกับคนคนนั้นในวันนี้ วันที่เขากำลังวิ่งออกกำลังกายมาตามถนนสวยแถวชายฝั่งทะเลทางตอนใต้ของยุโรป

พลันเขาเหลือบไปเห็นสมุดปกหนังเก่าๆเล่มหนึ่งวางอยู่บนม้านั่ง จึงหยิบขึ้นมากวาดตามองหาเจ้าของ แต่ไม่มีใครสนใจ ก็เลยลองเปิดดูข้างใน เห็นมีรูปถ่ายของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆแปะไว้พร้อมกับมีคำบรรยายสั้นๆ เป็นภาษาอังกฤษใต้ภาพเหล่านั้น เตชินเปิดอ่านอย่างสนใจจนกระทั่งเจอหน้าหนึ่งมีรูปถ่ายเซลฟี่ใบหน้าของหญิงสาว โดยมีคำบรรยายสั้นๆ เขียนกำกับไว้ว่า “เดอะ เลดี้” ความสวยของเธอทำให้เขาตะลึง...

อีกมุมหนึ่งไม่ห่างกันนัก พศิกากำลังหาควานหาสมุดบันทึกในกระเป๋าสะพายด้วยสีหน้าเป็นกังวล ตอนที่มีโจรคนหนึ่งวิ่งมากระชากกระเป๋า แต่เธอยื้อไว้สุดฤทธิ์ไม่ยอมให้เอาไปง่ายๆ หูกระเป๋าทานแรงโจรไม่ไหวขาดกระจุย ทำให้พศิกาหงายหลังก้นกระแทก โจรได้กระเป๋ากำลังจะหนี แต่ต้องหยุดกึกเมื่อเจอเตชินยืนขวางอยู่ สั่งให้เอากระเป๋าคืนเจ้าของถ้าไม่อยากเจ็บตัว โจรกลับชักมีดตวัดใส่ถูกแขนเตชินที่ไม่ทันระวังตัวเลือดซิบ

พศิกาเห็นท่าไม่ดีคว้ากรวยจราจรสีส้มที่วางอยู่แถวนั้นครอบหัวโจรซึ่งรีบปล่อยกระเป๋าของเธอ พยายามจะยกกรวยออกพร้อมกับร้องโวยวายเพราะมองไม่เห็น เธอสบช่องรีบคว้ากระเป๋าบนพื้นแล้วฉุดมือเตชินวิ่งหนี กระทั่งแน่ใจว่าปลอดภัยทั้งคู่จึงหยุดวิ่ง พอเตชินเห็นหน้าพศิกาชัดๆก็ร้องลั่นว่า “เดอะเลดี้” หญิงสาวชะงัก

ถามเป็นภาษาอังกฤษว่าทำไมถึงเรียกเธอแบบนั้น เขาหยิบสมุดปกหนังเล่มนั้นยื่นให้

หญิงสาวร้องลั่นเป็นภาษาไทยด้วยความดีใจ “นึกว่าทำหายไปแล้ว”

“คนไทยเหรอครับ”

“ใช่ค่ะ คุณก็คนไทยเหมือนกัน ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉันเอาไว้ ถ้ากระเป๋าหายไป ฉันแย่แน่เพราะหลักฐานสำคัญอยู่ในนี้หมด” พศิกาเพิ่งสังเกตเห็นแขนของเขามีเลือดไหล รีบไปซื้อยาใส่แผลกับปลาสเตอร์มาทำแผลให้และเพื่อเป็นการขอบคุณที่เขาช่วยเธอไว้ถึงสองครั้งสองคราว จะขอเลี้ยงข้าวเป็นการตอบแทน

“ผมไม่ขอเป็นเลี้ยงอาหารได้ไหม สองวันนี้ผมต้องอยู่ที่นี่คนเดียว เพราะแม่ผมไปนอกเมืองกับเพื่อน คงไม่สนุกถ้าต้องไปไหนมาไหนตามลำพัง คุณช่วยไปเป็นเพื่อนผมจะได้ไหมครับ”

“ได้สิคะ เรื่องเที่ยวแบบนี้ฉันถนัด” พศิกาหัวเราะสดใส พลอยทำให้โลกของเตชินสว่างไสวไปด้วย โดยไม่ล่วงรู้เลยว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าตัวเองเป็นผู้หญิงคนเดียวกับที่แม่ของเขาชิงชัง

ooooooo

วันรุ่งขึ้นพศิกาพาเตชินไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆอย่างสนุกสนาน โดยไม่ลืมถ่ายรูปเซลฟี่คู่กัน ความใกล้ชิดทำให้เขาหลงรักเธอและแอบถ่ายรูปเธอตอนเผลอเก็บไว้ในมือถือ หลังจากเดินเที่ยวกันจนเหนื่อย พศิกาพาเตชินมานั่งพักแล้วขอดูแผลที่แขนพร้อมกับหยิบอุปกรณ์ทำแผลออกมาจากกระเป๋า

“คุณพกอุปกรณ์ทำแผลไปไหนมาไหนด้วยแบบนี้เสมอเหรอครับ”

“เปล่าหรอกค่ะ ฉันเตรียมมาเพราะจะมาล้างแผลให้คุณโดยเฉพาะ” พศิกาจัดการล้างแผลให้เตชินซึ่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่เธอใส่ใจในตัวเขา การมาเที่ยวด้วยกันครั้งนี้ทำให้เตชินรู้ประวัติคร่าวๆของพศิกาว่าเพิ่งเรียนจบ และออกท่องเที่ยวก่อนจะกลับเมืองไทย ส่วนเธอเองก็รู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่มีบ้านอยู่ที่อังกฤษ เรียนไปด้วยทำงานที่นั่นไปด้วย เขาอยู่กับแม่ตามลำพังสองคน ส่วนพ่อไม่ได้เจอกันนานแล้ว

เตชินสนิทกับแม่มาก ท่านเป็นเหมือนทุกสิ่งสำหรับเขา พศิกาเองก็สนิทกับแม่มากเช่นกัน ด้วยความที่มีอะไรคล้ายกันทำให้ทั้งคู่รู้สึกดีๆต่อกัน จากนั้นเตชินมาส่งเธอที่โรงแรมที่พักโดยไม่ลืมนัดเจอกันอีกครั้งวันรุ่งขึ้น

ครั้นเขากลับถึงที่พักหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูรูปพศิกาที่ตัวเองแอบถ่ายเอาไว้ แล้วนึกอะไรขึ้นมาได้

“เฮ้ย...เที่ยวด้วยกันมาทั้งวันดันลืมถามชื่อได้ไงวะ” เตชินหัวเราะให้กับความโก๊ะของตัวเอง...

ในเวลาไล่เลี่ยกันที่ร้านอาหารนอกเมือง มณีกาญจน์ตัดพ้อต่อว่านลินีแม่ของเตชินที่ร้องจะกลับไปหาลูกทั้งที่เราสองคนเพิ่งเจอกันแค่ไม่กี่วัน ถ้าเป็นแบบนี้คงต้องไปเจอกันที่เมืองไทย พอได้ยินคำว่าเมืองไทยเท่านั้น นลินีถึงกับของขึ้น โวยวายเสียงลั่นที่เพื่อนรักรู้ทั้งรู้ว่าตนไม่อยากกลับไปที่นั่นจะพูดถึงทำไม

“เรื่องมันก็ผ่านมานานหลายสิบปี เมื่อไหร่เธอจะให้อภัย ไม่เห็นแก่ตัวเองก็น่าจะเห็นแก่ลูก จะกีดกันไม่ให้พ่อลูกเจอกันไปถึงไหน”

นลินีสวนทันทีว่าไม่ได้เห็นแก่ตัว ทุกอย่างที่ทำก็ทำเพื่อลูก ถ้าจะมีพ่อมักง่ายสู้อย่ามีเลยดีกว่า ระหว่างนั้นมีเสียงมือถือของเธอดังขึ้น สุดารัตน์โทร.มาฟ้องว่าอนุพงศ์พ่อของเตชินสามีเก่าของนลินีจะยกบ้านพักบนเขาให้เป็นของขวัญที่พศิกาเรียนจบปริญญาโท แถมยังยุส่งว่าท่าทางเขาจะรักนังคนนี้มากกว่าผู้หญิงคนก่อนๆ ตนกลัวแทนเธอกับลูกว่าเขาจะยกสมบัติทั้งหมดให้มัน นลินีถึงกับปรี๊ดแตก หาว่าเขาเห็นเมียเก็บดีกว่าลูกของตัวเอง สั่งการให้สุดารัตน์เตรียมห้องพักไว้ เธอกับลูกจะกลับเมืองไทยให้เร็วที่สุด

ooooooo

เตชินขอบคุณพศิกามากที่ทำให้สองวันที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่เขามีความสุขที่สุดในชีวิต เพราะชีวิตที่ผ่านมาของเขาไม่ค่อยจะมีความสุขเท่าใดนัก เธอเห็นแววตาเศร้าๆของเขา ปลอบว่าเวลาที่เธอรู้สึกแย่ๆจะมีคนคนหนึ่งบอกเธอเสมอว่า

“ชีวิตคนเราก็เหมือนทะเล มีทั้งวันที่สงบสวยงามและวันที่น่ากลัว แต่เราก็จะผ่านมันไปได้”

“ถ้างั้นวันนี้คงเป็นวันที่สวยงามสำหรับผม แปลกนะครับทั้งๆที่เราเพิ่งเจอกัน แต่ทำไมผมถึงรู้สึก...รู้สึกดีมากเวลาที่ได้อยู่กับคุณ” เตชินมองสบตาพศิกาอย่างลึกซึ้ง

หญิงสาวกระเซ้า พูดแบบนี้คิดจะจีบเธอหรือ เตชินยอมรับตรงๆว่าใช่ ถ้าเธออนุญาต เล่นเอาพศิกาเขินจัดถึงกับไปไม่เป็น รีบเปลี่ยนเรื่องพูด อ้างเหนื่อยมาทั้งวันขอตัวกลับที่พักแล้วขยับจะไป เตชินร้องเรียกเอาไว้

ยังไม่รู้เลยว่าเธอชื่ออะไร เที่ยวกันเพลินจนลืมถามชื่อ พศิกาแนะนำตัวเองว่าชื่อพั้นซ์แล้วถามเขาว่าชื่ออะไร เตชินมีข้อแม้ ถ้าเธออยากรู้ชื่อของเขา ให้มาเจอกันอีกครั้งวันพรุ่งนี้ แล้วหยิบโปสต์การ์ดใบหนึ่งออกมา

“โปสต์การ์ดนั่นอยู่ในสมุดของฉัน”

“ผมเห็นมันเป็นอันเดียวที่ไม่ใช่รูปถ่าย แสดงว่าคุณยังไม่เคยไป พรุ่งนี้เราไปด้วยกัน คุณจะได้มีภาพถ่ายไว้ติดในสมุด ผมจะไปรอคุณสิบโมงเช้า ไม่เจอไม่กลับ” เตชินโบกโปสต์การ์ดในมือสีหน้ายิ้มๆก่อนเดินจากไปพศิกามองตาม รู้สึกถูกใจผู้ชายคนนี้เช่นกัน...

ในเวลาต่อมาเตชินกลับถึงที่พักด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข แต่พอเห็นแม่รอท่าอยู่ด้วยสีหน้าบึ้งตึงก็แปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น เธอต้องการจะกลับเมืองไทย สุดารัตน์โทร.มาบอกว่าอนุพงศ์กำลังจะยกบ้านบนเขาที่เกาะไข่มุกให้นังเมียใหม่ซึ่งกำลังจะกลับไปนั่น เราต้องกลับไปขัดขวางไม่อย่างนั้น ถ้ามันเกิดมีลูกให้อนุพงศ์ เตชินอาจถูกแบ่งสมบัติไปก็ได้ ชายหนุ่มไม่สนใจ ถ้าผู้หญิงคนนั้นอยากได้อะไรจากพ่อก็เชิญตามสบาย เราอยู่ของเราอย่างนี้ก็มีความสุขดีแล้ว นลินียอมให้ผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างพศิกามาฮุบเกาะไข่มุกไปจากลูกไม่ได้

“เด็กกำพืดต่ำๆเที่ยวเร่ขายตัวตามหาด บริการกันถูกใจก็จับไปขัดสีฉวีวรรณที่เมืองนอกหวังยกระดับ ถึงจะชุบทองยังไงอีตัวก็เป็นอีตัววันยังค่ำ ลูกเก็บเสื้อผ้าได้เลยนะ แม่ได้ไฟลท์กลับที่เร็วที่สุดคือคืนวันพรุ่งนี้”...

แม้จะถูกใจเตชิน แต่พศิกายังขยาดเรื่องผู้ชายเพราะครั้งล่าสุด เคราะห์หามยามซวยเกือบจะคบหาเป็นแฟนกับพี่น้องต่างบิดาอย่างพศิน จึงตัดสินใจจะไม่ไปเจอกับเตชินตามนัด ปล่อยให้เขาต้องรอเก้อ

ooooooo

เตชินกับนลินีเดินทางมาถึงรีสอร์ตบนเกาะไข่มุกในอีกไม่กี่วันถัดมา พอเห็นป้ายผ้าที่เขียนว่า “ยินดีต้อนรับคุณพศิกากลับบ้าน” นลินีไม่พอใจมากสั่งให้อินทร์กับพรชัยพนักงานของรีสอร์ตเอาลง

“ไม่ต้องทำตาม ใครมีงานต้องไปทำก็ไปทำต่อได้แล้ว” อนุพงศ์สั่งเสร็จหันไปเจอสุดารัตน์ที่เดินตามนลินีต้อยๆ ก็เอ็ดเสียงลั่นเป็นถึงหัวหน้าประชาสัมพันธ์ไม่มีงานทำหรืออย่างไร หรือว่าทำเป็นแต่ยุ่งเรื่องชาวบ้าน

“ใช่สิ ใครมันจะไปดีไปเก่งเหมือนกับนังเมียเก็บของคุณ กะอีแค่เรียนจบกลับมาทำเป็นเรื่องใหญ่โต ทำไมไม่ปิดเกาะฉลองให้ไปเลยล่ะ” นลินีแดกดัน อนุพงศ์ประชดกลับว่าเป็นความคิดที่ดี ถ้าอย่างนั้นจะให้สุดารัตน์รับเป็นแม่งานเลี้ยงต้อนรับพศิกาไปเลย ทีแรกเธอทำท่าจะไม่ยอมทำหน้าที่นี้ แต่พอเห็นสีหน้าเอาจริงของเจ้านายจำต้องรับคำเสียงอ่อย อนุพงศ์ขี้เกียจมีปากเสียงกับนลินีอีก ตัดสินใจเดินเลี่ยงออกมา นลินีไม่ยอมรามือรีบตามไปถามเรื่องที่ตัวเองได้ยินข่าวมาว่าเขาจะยกบ้านบนเขาให้กับนังเมียเก็บจริงหรือเปล่า

“ข่าวไวจริงๆนะ แล้วก็เลิกพูดว่าพศิกาเป็นเมียเก็บได้แล้ว เธอไม่ใช่...”

“ฉันไม่อยากฟัง คุณจะให้อะไรกับผู้หญิงพวกนั้น ฉันไม่สน แต่อย่าลืมว่าคุณยังมีลูกชายอยู่อีกหนึ่งคน”

อนุพงศ์ไม่เคยลืม และรับประกันได้เลยว่าสมบัติของศิระตระกูลทั้งหมดจะเป็นของเตชิน คนอื่นจะไม่ได้สักสตางค์แดงเดียว พูดใส่หน้าจบเดินจากไป ปล่อยให้นลินียืนกำมือแน่นด้วยความแค้นอยู่ตรงนั้น...

ทางด้านเตชินน้อยใจที่พ่อไม่ทักทายสักคำ ทนอยู่ต่อไปไม่ไหว ขอร้องแม่กลับเมืองนอกกันดีกว่า เธอไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น ขืนเราสองคนไม่อยู่ อนุพงศ์คงยกสมบัติทั้งหมดให้กับนังนั่น เตชินไม่อยากได้อะไรของพ่อ

“แต่มันเป็นสิทธิ์ของเราเชื่อแม่นะลูก เราต้องชิงของของเรากลับมาอย่าปล่อยให้นังนั่นคว้าไปง่ายๆ”...

ดึกแล้วแต่เตชินข่มตาหลับไม่ลงก็เลยออกมาเดินเล่นที่ชายหาด เห็นพ่อเดินตรงมาทางที่ตัวเองยืนอยู่ หันหลังจะเดินหนี แต่ท่านเรียกเอาไว้เสียก่อน เนื่องจากมีเรื่องอยากจะคุยด้วย เขาไม่อยากคุยกับคนที่โกหกว่าจะเขียนจดหมายหาเขาทุกเดือนตอนที่แม่จะพาเขาไปจากที่นี่ แต่เขาไม่เคยได้รับแม้แต่ฉบับเดียว อนุพงศ์พยายามจะอธิบาย แต่เขาไม่ต้องการฟัง ความจริงเขาไม่ได้อยากมาเหยียบที่นี่ด้วยซ้ำ

“เกาะไข่มุกที่ใครว่าสวย แต่สำหรับผมมันคือขุมนรกคือความเจ็บปวดที่ผมไม่อยากเจออีก” เตชินมองพ่อน้ำตาคลอเบ้า แล้วหันหลังเดินจากไป

ooooooo

สองวันถัดมา พศิกาเดินทางมาถึงเกาะไข่มุก คลาดกับเตชินที่เพิ่งขึ้นเรือสปีดโบ๊ตแล่นสวนออกไปอย่างเฉียดฉิวเนื่องจากเขายืนหันหลังให้ ทันทีที่เธอลากกระเป๋าเดินทางเข้ามาที่ล็อบบี้ของรีสอร์ต อนุพงศ์ ปลากับณี รวมทั้งป้าน้อย อินทร์และวรีภาพจุดพลุกระดาษเพื่อเป็นการต้อนรับการกลับมาของเธอ

จังหวะนั้นนลินีเดินนำสุดารัตน์ที่ถือแก้วไวน์สองใบเข้ามาทำทีกล่าวแสดงความยินดี แต่คำพูดกลับ กระแนะกระแหนพศิกาต่างๆนานา หญิงสาวแปลกใจมากว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร แต่พอรู้ว่าเธอเป็นภรรยาเก่าของอนุพงศ์ ก็รีบยกมือไหว้ นอกจากจะไม่ยอมรับไหว้ นลินีทำทียื่นแก้วไวน์ให้จะขอดื่มฉลอง แต่พอพศิกายื่นมือจะไปรับ เธอกลับเอาไวน์ในแก้วเทราดหัว อนุพงศ์ไม่พอใจมาก

“ทำเกินไปแล้วคุณลี...หนูพั้นซ์ ลุงพาไปเปลี่ยนเสื้อ อินทร์ลากกระเป๋า คุณพศิกาตามฉันมา” อนุพงศ์พาพศิกาเดินออกไป ทันทีที่ทั้งคู่คล้อยหลัง สุดารัตน์ยุส่ง

“พูดออกมาได้ว่าจะพาไปเปลี่ยนเสื้อ ไม่ไว้หน้าคุณลีสักนิด”

นลินีขบกรามแน่นด้วยความเคียดแค้น อยากจะตามไปแหกอกพศิกาให้รู้แล้วรู้รอด...

ระหว่างทางไปที่ยังห้องพัก อนุพงศ์ขอโทษพศิกาด้วยที่ปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น เธอไม่ถือโทษโกรธอะไร นลินีคงคิดว่าเธอเป็นเมียใหม่ของอนุพงศ์เหมือนกับที่คนอื่นๆคิด เขาโทษว่าเป็นเพราะความปากเสียของ สุดารัตน์ที่ชอบปั้นน้ำเป็นตัว ต้องการเอาอกเอาใจนลินีจนออกนอกหน้า

“แต่หนูไม่ต้องกังวล คุณลีแค่แวะมาเท่านั้น อีกไม่นานก็กลับ หนูเปลี่ยนเสื้อผ้าและพักผ่อนก่อน ลุงมีของขวัญพิเศษเตรียมไว้ให้”...

ขณะที่นลินีเล่นงานพศิกาทั้งที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก เตชินแวะไปดื่มเบียร์ดับความเครียดอยู่กับเสกสรรที่ร้านอาหารในตัวเมือง บ่นอุบว่าไม่เข้าใจทำไมพ่อของตนถึงไม่รู้จักพอสักที เสกสรรสารวัตรหนุ่มเพื่อนสนิทของเตชินตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นเพราะผู้หญิงคนใหม่ทั้งสวยทั้งเก่ง ขนาดเขาเองเห็นหน้าไม่กี่ครั้งก็ยังชอบเธอเลย เตชินขัดขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ สวยแต่นิสัยเลวก็ไม่ไหว เสกสรรทักท้วง พูดแรงไปหรือเปล่า

“ไม่แรงไปหรอก ฉันล่ะอยากเห็นหน้าแม่พศิกาอะไรนั่นจริงๆ”

“ถ้าอยากเห็นก็กลับไปสิ ป่านนี้ฉันว่าคุณพศิกาคงจะถึงเกาะไข่มุกแล้วล่ะ เพราะชั่วโมงที่แล้วฉันเพิ่งเห็นเธอมาขึ้นเรือที่นี่” คำบอกเล่าของสารวัตรหนุ่มทำให้เตชินสนใจขึ้นมาทันที...

ในระหว่างที่เดินไปยังท่าเรือ เตชินวานให้เสกสรรช่วยเล่าที่มาที่ไปของพศิกา สารวัตรหนุ่มก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอมาจากไหน รู้แค่คนอื่นเล่าให้ฟังอีกทอดหนึ่งว่าอนุพงศ์หลงเธอมาก มีท่านอยู่ที่ไหนก็จะเห็นเธออยู่ที่นั่นราวกับเป็นเงาของกันและกัน ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรท่านจะเชื่อไปหมด จากที่เคยเป็นเลขาแค่ไม่กี่เดือนก็ได้เลื่อนเป็นผู้ช่วยส่วนตัว แล้วที่เธอได้ไปเรียนต่อเมืองนอกก็มีคนลือกันว่าเป็นเพราะเธอยอมนอนกับท่าน เตชินเริ่มเกลียดผู้หญิงที่ชื่อพศิกาคนนี้ขึ้นมาตงิดๆทั้งที่ไม่รู้จักมักจี่กันมาก่อน

ไม่นานนักเตชินกลับถึงเกาะไข่มุก ขณะบ่ายหน้าสู่อันดามันเพิร์ลรีสอร์ตของพ่อ ต้องชะงักที่เห็นพศิกาในคราบของพั้นซ์ยืนรับลมอยู่ริมหาด เขาดีใจมากที่ได้เจอเธออีกครั้ง โดยไม่รู้ว่าเธอเป็นคนเดียวกับผู้หญิงที่ใครต่อใครพูดกันว่าเป็นเมียเก็บของพ่อ รีบเดินเข้าไปทักทาย พศิการู้สึกผิดที่ไม่ไปตามนัดขอโทษขอโพยเขาเป็นการใหญ่ เตชินไม่ถือโทษโกรธอะไร ไหนๆก็ได้เจอกันที่นี่แล้ว วานเธอไปเที่ยวเป็นเพื่อนเขาได้ไหม เผื่อจะทำให้ความทุกข์ของเขาผ่อนคลายลงได้บ้าง พศิกายินดีเป็นไกด์พาเขาเที่ยว

“ฉันพอมีเวลาว่างสักสองสามชั่วโมง รับรองว่าที่ที่ฉันจะพาคุณไปจะทำให้คุณสบายใจขึ้น”

ooooooo

นลินีพยายามโทร.หาลูกชาย แต่เขาไม่รับสายเพราะมัวแต่ดำน้ำชมความงามใต้ทะเลโดยมีพศิกาทำหน้าที่เป็นไกด์จำเป็น ทั้งสองคนดำน้ำกันอย่างเพลิดเพลินตั้งแต่บ่ายยันเย็น จึงชวนกันกลับ

เตชินลืมความทุกข์เรื่องพ่อกับผู้หญิงคนนั้นไปเสียสิ้น เดินหยอกล้อมากับพศิกามุ่งหน้าสู่รีสอร์ตด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และยังนัดเจอกันอีกครั้งวันรุ่งขึ้น เธอขยับจะแยกไปอีกทางหนึ่งแล้วนึกขึ้นได้ว่ายังไม่รู้จักชื่อเขา พอเตชินแนะนำตัวว่าชื่อเต้ หญิงสาวชะงักไปเล็กน้อยเพราะชื่อคุ้นหูแต่ไม่ได้เอะใจอะไร

“ไหนๆเราก็มาเจอกันอีกครั้งแล้ว เรามาทำความรู้จักกันใหม่ดีไหมคะ ฉันชื่อพั้นซ์ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

พูดจบเธอยื่นมือไปให้เตชินจับ เขายิ้มให้แล้วจับมือด้วย นลินีเดินมาจากด้านหลังพศิกาไม่พูดพร่ำทำเพลงกระชากไหล่ให้หันมาแล้วตบฉาดใหญ่ เตชินตกใจรีบเอาตัวมาขวางไว้ไม่เข้าใจแม่ตบเธอทำไม

“ผัวแก่ของฉันสนองความต้องการของแกไม่พอรึไง แกถึงต้องมาให้ท่าลูกชายฉันอีกคน นังพศิกา”

ทั้งเตชินและพศิการู้สึกเหมือนถูกตีแสกหน้าไม่คิดว่าจะจุดไต้ตำตอขนาดนี้ โดยเฉพาะเตชินเสียใจมากที่ผู้หญิงซึ่งตัวเองสนใจคือเมียใหม่ของพ่อ พศิกาพยายามอธิบายว่านลินีเข้าใจผิด เธอไม่รู้มาก่อนว่าผู้ชายคนนี้เป็นลูกชายของอนุพงศ์และเธอเองก็ไม่เคยแม้แต่จะคิดหรือทำอะไรอย่างที่นลินีกล่าวหา

“ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี ใครๆก็รู้เช่นเห็นชาติแกทั้งนั้นว่าแกมันแรดมากแค่ไหน ถ้าผัวฉันทำให้ไม่ถึงใจก็ไปซื้อไอ้คุณตัวมาให้บริการ แต่อย่ามายุ่งกับลูกชายของฉัน”

พศิกาโต้อย่างเจ็บแสบว่าเป็นเพราะกิริยาวาจาแบบนี้นี่เองอนุพงศ์ถึงได้ขอเลิก นลินีโกรธมากปรี่เข้าไปตบสั่งสอนแต่เธอเบี่ยงตัวหลบทันก็เลยสะดุดขาตัวเองล้มหน้าคะมำ นลินีแสบได้โล่ใส่ความว่าเธอผลักทำให้ เตชินยิ่งเข้าใจในตัวเธอผิดๆด่าว่าหยาบๆคายๆ พศิกายัวะเงื้อมือจะตบ แต่เขาคว้ามือไว้แถมบีบจนเธอร้องลั่น อนุพงศ์ผ่านมาเห็นพอดีสั่งให้ลูกชายปล่อย เขาเห็นพ่อปกป้องพศิกาก็ยิ่งโมโหพาลบีบแขนเธอแรงขึ้นอีก

อนุพงศ์เห็นลูกไม่ฟังคำสั่งคว้าไม้ใกล้มือหวดก้นอย่างแรงกระทั่งเขายอมปล่อยพศิกา ถึงได้ทิ้งไม้ในมือ

“ถ้าคิดจะใช้วิธีป่าเถื่อนก็กลับกันไปซะ ที่นี่ไม่ต้อนรับ” ไล่เสร็จ อนุพงศ์ประคองพศิกาออกไป นลินีไม่วายเสี้ยมให้เตชินเกลียดชังพ่อเพิ่มขึ้น หาว่าเขาเห็นคนอื่นดีกว่าลูกในไส้...

หลังจากเอายาหม่องมาให้พศิกาทาแขนที่แดงเถือกจากถูกเตชินบีบ อนุพงศ์พาเธอไปที่บ้านบนเขาพร้อมกับมอบกุญแจบ้านให้เป็นของขวัญตามที่สัญญาเอาไว้ ทีแรกเธอไม่ยอมรับ อ้างมีค่ามากเกินไป

“ไม่มากเกินไปเพราะฉันคิดไว้แล้วว่าหลังจากที่หนูเรียนจบกลับมา ฉันตั้งใจจะใช้งานหนูให้หนัก เอาให้คุ้มกับที่ฉันส่งเสีย” คำพูดของอนุพงศ์ทำให้พศิกาสบายใจขึ้น เข้าไปกราบแทบอกเขาขอบพระคุณที่เมตตาเธอเสมอมา และให้สัญญาว่าจะตั้งใจทำงาน จะไม่ทำให้เขาผิดหวัง อนุพงศ์จะให้อินทร์ช่วยขนข้าวของของเธอมาให้ คืนนี้เธอจะได้นอนที่นี่ได้เลย เพราะป้าน้อยทำความสะอาดไว้ให้แล้ว...

สุดารัตน์มีแผนชั่วจะทำให้พศิกาอับอายกลางงานเลี้ยงต้อนรับของตัวเอง หลังได้ไฟเขียวจากนลินีเรียบร้อย เธอเลือกใช้บริการของสง่าจอมหื่นประจำรีสอร์ตให้เข้าหาพศิกา จะทำอย่างไรก็ได้ให้เธอได้ภาพที่เหมือนเขากับนังนั่นมีความสนิทสนมแนบชิดกัน จากนั้นสุดารัตน์ส่งสิรินดาพร้อมกล้องถ่ายรูปติดเลนส์ซูมไปเก็บคลิปฉาวที่บ้านบนเขา กำชับให้หามุมดีๆถ่ายให้เห็นในบ้านชัดๆ

แต่เกิดผิดพลาดทางเทคนิค สุดารัตน์สื่อสารกับสง่าไม่ดีทำให้เขาคิดว่าพศิกาอยู่ที่ห้องพักทั้งที่เธอย้ายไปอยู่ในบ้านบนเขาแล้ว เขาไม่เจอใครที่นั่นก็เลยกลับ...

ในขณะที่สิรินดาแอบซุ่มอยู่นอกบ้านบนเขาเพื่อรอเก็บภาพเด็ด เตชินมาเคาะประตูหน้าบ้าน พอพศิกาเปิดรับ เขาก้าวเข้าไปข้างในแล้วปิดประตูตามหลัง สิรินดาไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน พานคิดว่าสุดารัตน์เปลี่ยนคนทำหน้าที่แทนสง่า ไม่ติดใจสงสัยอะไร รีบคว้ากล้องขึ้นมาเก็บภาพ

อีกมุมหนึ่งในบ้าน พศิกาถอยกรูดจนติดผนังโดยมีเตชินเดินรุกไล่เข้าหา เธอพยายามจะหนีแต่เขาเอามือยันผนังไว้ไม่ให้ไปไหน เธอรู้สึกได้ถึงความชิงชังของเขาพยายามจะอธิบายว่าเรื่องระหว่างเธอกับพ่อของเขาไม่ได้เป็นอย่างที่คนร่ำลือกัน แต่เขาไม่เชื่อยื่นหน้าเข้าไปจูบเธอที่ไม่ทันตั้งตัว พศิกายืนตัวแข็งไปอึดใจ พอตั้งสติได้ผลักเขาออกห่างแล้วตบหน้าหัน ต่อว่าว่าทำแบบนี้กับเธอได้อย่างไร

“แล้วทำไมจะทำไม่ได้ ผู้หญิงอย่างเธอง่ายกับทุกคนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ไหนๆก็เป็นเมียพ่อฉันแล้ว เป็นเมียลูกอีกคนจะเป็นอะไรไป” ไม่พูดเปล่า เขาทำท่าจะจูบอีก พศิกาฉุนขาดผลักเขาสุดแรง ไล่ตะเพิดไปให้พ้นหน้า เขากลับเดินเข้าหาจะจูบเธออีกครั้งให้ได้ พศิกาตัดสินใจตีเข่าเข้ากล่องดวงใจเตชินถึงกับทรุด แล้วคว้าโคมไฟขึ้นมาขู่ ถ้าไม่ออกไปดีๆจะเอาไอ้นี่ฟาดหัว เขาเห็นท่าทางเอาจริงของเธอจำต้องล่าถอย

ครู่ต่อมา เตชินกลับมาที่ห้องพัก นลินีบอกให้เขาไปอาบน้ำแต่งตัว เราจะไปงานเลี้ยงต้อนรับพศิกาเขาขอผ่าน ทนเห็นคนลวงโลกไม่ไหว เธอไม่ยอมให้เขาปฏิเสธเพราะเธอมีของขวัญจะเซอร์ไพรส์นังนั่น เอาคืนที่มันทำให้เขาต้องถูกอนุพงศ์เล่นงาน เตชินไม่กล้าขัด จำใจทำตามที่ท่านต้องการ

ooooooo

ตกค่ำงานเลี้ยงต้อนรับพศิกาถูกจัดขึ้นที่ริมหาดหน้ารีสอร์ต เห็นได้ชัดเจนว่าพนักงานของที่นี่แบ่งเป็นสองฝ่าย สุดารัตน์ วงจันทร์ พรชัยกับสมหมายและสิรินดาจับกลุ่มซุบซิบนินทาเจ้าของงานกันอย่างสนุกปาก

ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งจะมีพศิกา ปลากับณี รวมทั้งวีรภาพและอินทร์ อนุพงศ์เห็นนลินีกับเตชินเดินเข้ามาในงาน อยากจะเคลียร์กับลูกชาย ปรี่เข้าไปหา แต่เขากลับเดินหนี อนุพงศ์จะตามแต่นลินีมาขวางไว้

“ที่ฉันกับลูกมางานไม่ได้หมายความว่าเราจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้น”

“งั้นมาทำไม” เจอคำพูดตอกหน้าของอนุพงศ์เข้าไปนลินีถึงกับอึ้ง ก่อนจะปรับสีหน้าเป็นยิ้มแย้ม

“งานสนุกๆแบบนี้จะขาดฉันไปได้ยังไง”

อนุพงศ์เชิญเธอสนุกให้เต็มที่ แต่อย่าให้เกินงาม แล้วเดินไปที่เวที ประกาศผ่านไมโครโฟน ขอบใจทุกคนที่มาร่วมงานเลี้ยงต้อนรับพศิกาแล้วเชิญเจ้าของงานขึ้นมากล่าวอะไรสักหน่อย ทุกคนตบมือให้ ยกเว้นกลุ่มของสุดารัตน์ พศิกายังไม่ทันจะเดินถึงเวที นลินีชิงคว้าไมโครโฟนไปจากมืออนุพงศ์เสียก่อน

“ก่อนที่หนูพั้นซ์จะพูด ฉันในฐานะเมียคนแรกของคุณอนุพงศ์ ขอพูดอะไรสักนิด”

คำพูดของนลินีเต็มไปด้วยคำถากถางพศิกาเหมือนเคย ก่อนจะตบท้ายว่ามีของขวัญพิเศษจะมอบให้เธอ รับรองว่าของขวัญชิ้นนี้จะทำให้เธอกับอนุพงศ์และทุกคนไม่มีวันลืม แล้วหันไปพยักพเยิดกับสุดารัตน์ อึดใจ พรชัยกับสมหมายยกจอทีวีขนาดย่อมมาวางพร้อมกับโน้ตบุ๊ก จากนั้นก็เอาเมมโมรี่การ์ดที่ได้จากกล้อง ซึ่ง สิรินดาถ่ายคลิปมาเสียบ แทนที่จะเป็นคลิปสง่าอิงแอบแนบชิดกับพศิกา กลับปรากฏภาพเตชินรุกไล่เจ้าของบ้านจนติดผนัง แล้วฉวยโอกาสจูบเธอ เตชินอายแทบจะแทรกแผ่นดินหนี ส่วนนลินีถึงกับใบ้กินที่ผิดแผน

“เรื่องนี้คงจบไม่สวยเท่าไหร่สินะคุณลี” แดกดันจบอนุพงศ์เดินไปปิดทีวี แล้วสั่งให้เตชินตามมา นลินีค้อน สุดารัตน์หนึ่งวงฐานทำงานพลาด ก่อนจะเรียกพศิกาไปคุยกันนอกรอบ สิรินดาถึงกับหน้าถอดสี

“ผู้ชายคนนั้นเป็นลูกของคุณลีเหรอป้าดา”

“ก็เออสิ แกนะแกไม่รู้จักแหกตาดู แล้วนี่ไอ้สง่ามันหายหัวไปไหน” สุดารัตน์กุมขมับด้วยความกลุ้มใจ...

แทนที่สองพ่อลูกจะปรับความเข้าใจกัน กลับยิ่งทำให้ความสัมพันธ์แย่ลง เพราะเตชินปักใจเชื่อว่าพ่อกับพศิกามีอะไรกัน จึงพูดจาดูถูกเธอต่างๆนานา อนุพงศ์โกรธจัดเผลอตบหน้าลูกชายหนึ่งฉาด พอรู้สึกตัวจะเข้าไปขอโทษ แต่เขาเสียใจเกินกว่าจะฟังคำแก้ตัว ประกาศลั่นจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีก วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ท่านจะเห็นหน้าเขา แล้วเดินจากไปทั้งน้ำตาคลอเบ้า อนุพงศ์ได้แต่มองตามเสียใจไม่แพ้เขาเช่นกัน...

ด้านนลินีไม่ได้เรียกพศิกามาคุย แต่เรียกมาด่าว่าฐานคิดจะรวบหัวรวบหางทั้งพ่อทั้งลูก เธออธิบายว่าไม่เคยคิดอะไรกับทั้งอนุพงศ์และเตชิน แต่อีกฝ่ายไม่เชื่อแถมด่าหยาบๆคายๆ พอถูกด่าว่าให้บ้างนลินีโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ตบเธอหน้าหัน แล้วหมายหัวเอาไว้จะทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดเธอไปจากที่นี่...

ทันทีที่เจอหน้าแม่ เตชินเข้าไปคุกเข่ายกมือไหว้ขอโทษที่ไปวุ่นวายกับพศิกา เขาไม่ได้มีจิตพิศวาสอะไรเธอแม้แต่น้อย ที่ทำไปทั้งหมดเพราะต้องการแกล้งเธอ นลินีสบายใจที่เขาคิดกับนังนั่นแบบนั้น เพราะเธอกลัวเขาจะไปรักมัน กลัวจะต้องเสียเขาไปเหมือนที่เสียอนุพงศ์

“ไม่ครับ ผมไม่มีวันรักผู้หญิงคนนั้น ผมเกลียดเธอครับแม่ เกลียดจนไม่อยากอยู่ร่วมโลกเดียวกัน...แม่ครับ เรากลับบ้านกันเถอะ ผมอยู่ที่นี่ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว นะครับ” เตชินอ้อนวอนนลินีสงสารลูกจำต้องรับคำ...

นลินีเก็บข้าวของเตรียมออกจากเกาะไข่มุกแต่เช้า สุดารัตน์ตามมาส่งที่ท่าเรือพร้อมกับขอโทษเรื่องผิดพลาดที่เกิดขึ้น นลินีจะให้โอกาสเธอแก้ตัว โดยการให้คอยจับตาดูพศิกาให้ดี

“อย่าให้พลาดอีกเพราะคนอย่างฉันไม่ชอบให้อภัยใครเป็นครั้งที่สอง” พูดจบนลินีเดินไปขึ้นเรือ

“อย่าให้ถึงทีฉันบ้างก็แล้วกัน อีแก่” สุดารัตน์พึมพำไล่หลังด้วยความแค้น...

ด้านพศิกามองตามเรือที่พาเตชินแล่นห่างออกไปด้วยความไม่สบายใจที่ตัวเองกับเขาจากกันอย่างกินแหนงแคลงใจ เตชินเองก็รู้สึกไม่ดีกับเธอเช่นกัน หยิบโปสต์การ์ดใบนั้นขึ้นมาฉีกก่อนจะโยนลงทะเล

ooooooo

สองปีต่อมา...

พศิกาซึ่งได้เลื่อนขึ้นเป็นรองกรรมการผู้จัดการตรวจพบความผิดปกติในบัญชีของอันดามันเพิร์ลจึงขอร้องให้นวลทิพย์หัวหน้าฝ่ายบัญชีช่วยตรวจสอบซ้ำ พบว่ามีมูลความจริง จึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับอนุพงศ์

ซึ่งสั่งการให้เธอสืบต่อไปจนกว่าจะรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง แต่ต้องเป็นไปอย่างลับๆด้วยเกรงจะแหวกหญ้าให้งูตื่น

“พั้นซ์กำชับพี่ทิพย์ไว้แล้วค่ะให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ รู้แค่เราสามคน...คุณลุงไม่ต้องห่วงนะคะ พั้นซ์จะไม่ยอมให้ใครมาทำลายอันดามันเพิร์ลเด็ดขาด” พศิกาสีหน้ามุ่งมั่น ก่อนจะเหลือบไปเห็นจดหมายมากมายในลิ้นชักโต๊ะทำงานของอนุพงศ์ ได้แต่มองสงสัย...

ขณะที่พศิกาพบหนอนบ่อนไส้ในอันดามันเพิร์ล เตชินซึ่งอยู่ที่เมืองนอกเหลือบไปเห็นโปสต์การ์ดใบหนึ่งซึ่งเหมือนกับของพศิกาไม่มีผิดเพี้ยน หยิบขึ้นมามองแล้วอดนึกถึงความหลังเมื่อครั้งที่เจ้าของโปสต์การ์ดพาเที่ยวอย่างสนุกสนานไม่ได้ พอตื่นจากภวังค์เขากลับโมโหตัวเองที่เวลาผ่านมาตั้งสองปีแล้ว ยังลืมเธอไม่ได้สักที...

เรื่องที่มีคนยักยอกเงินของบริษัททำให้อนุพงศ์ไม่สบายใจมากเป็นห่วงความอยู่รอดของเกาะไข่มุก เพราะเขารักสถานที่แห่งนี้ราวกับเป็นหัวใจของตัวเอง เล่าให้พศิกาฟังว่าเมื่อหลายสิบปีก่อนเขาสร้างรีสอร์ตขึ้นที่เกาะแห่งนี้ หวังให้คนที่เขารักได้มาอยู่ร่วมกัน แต่พวกนั้นกลับทิ้งเขาไปหมด เธอลังเลอยู่อึดใจก่อนจะตัดสินใจพูดเรื่องจดหมายที่เขาเขียนถึงเตชินซึ่งเธอเห็นในลิ้นชักโต๊ะ

“ทำไมคุณลุงไม่ส่งจดหมายไปให้คุณเตชินล่ะคะ คุณเตชินจะได้รู้ว่าคุณลุงรักเขามากแค่ไหน”

อนุพงศ์ฟังจากคำพูดของลูกเมื่อตอนที่เจอกันครั้งก่อนทำให้รู้ว่าจดหมายของท่านไม่เคยถึงมือลูก นลินีคงจะเก็บจดหมายเหล่านั้นเอาไว้ พศิกาโกรธแทนท่านที่นลินีกีดกันและทำให้พ่อลูกเข้าใจกันผิดๆ เตชินเองก็น่าจะฟังท่านพูดบ้างไม่ใช่ฟังแต่นลินีฝ่ายเดียว อนุพงศ์ไม่โทษลูก เพราะเขาคงไม่อยากเห็นแม่ของเขาเสียใจ

“อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย ลุงเหนื่อยเต็มทนบางทีก็นึกอยากพักยาวๆบ้าง ลุงอาจจะต้องกวนพั้นซ์ช่วยดูแล หัวใจของลุงให้ที สัญญากับลุงได้ไหม”

“พั้นซ์สัญญาค่ะ แต่คุณลุงก็ต้องสัญญาว่าจะอยู่กับพั้นซ์ไปนานๆเหมือนกัน”

อนุพงศ์โอบไหล่พศิกาเอาไว้ ไม่ทันเห็นสุดารัตน์แอบถ่ายคลิปทั้งคู่อยู่อีกมุมหนึ่ง...

ไม่กี่นาทีถัดมา คลิปที่สุดารัตน์ถ่ายไว้ก็ถูกส่งข้ามทวีปมาให้นลินี เตชินเพิ่งกลับเข้าบ้านได้ยินเสียงสัญญาณเตือนว่ามีไลน์เข้ามาในมือถือของแม่ เห็นท่านไม่อยู่แถวนั้นจะหยิบไปให้แต่พอเห็นว่าเป็นไลน์จากสุดารัตน์ถือวิสาสะเปิดดู เห็นภาพบาดตาถึงกับอารมณ์เสีย

ooooooo

ณ โรงแรมอันดามันเพิร์ลในอีกสองเดือนต่อมา นวลทิพย์ถึงกับเซ็งจัดที่คอมพิวเตอร์ดันเสียทำให้เรียกไฟล์หลักฐานการยักยอกเงินขึ้นมาให้พศิกาดูไม่ได้ บ่นอุบว่าเรียกช่างมาดูตั้งแต่เช้าแล้วป่านนี้ยังไม่เห็นแม้แต่เงา สองเดือนที่เธอรวบรวมหลักฐานไว้เท่ากับสูญเปล่า เจ็บใจตัวเองน่าจะทยอยปริ๊นต์ออกมาบ้าง

“ไม่เป็นไรค่ะไม่มีใครคิดว่ามันจะเจ๊งนี่คะ เอางี้แล้วกันค่ะ พั้นซ์ขอเอาไปทั้งเครื่องจะให้ช่างที่เกาะซ่อมให้”

“ได้ค่ะได้ พี่จะให้คนมาช่วยยกไปใส่ที่เรือเลยนะคะ” นวลทิพย์ว่าแล้วรีบไปตามพนักงานมาให้ พศิกามัวแต่ง่วนอยู่กับคอมพิวเตอร์จึงไม่เห็นใครบางคนแอบมองอยู่หน้าห้องทำงานของนวลทิพย์...

ขณะพศิกากำลังลงเรือจะกลับไปที่เกาะไข่มุกพร้อมกับคอมพิวเตอร์ที่เต็มไปด้วยหลักฐานการยักยอกเงิน มีเรื่องด่วนเกิดขึ้นที่โรงแรม อนุพงศ์จึงอาสาจะจัดการเรื่องคอมพิวเตอร์ให้เอง ส่วนเธออยู่เคลียร์งานทางนี้ให้เสร็จก่อน แล้วค่อยตามไป พศิกาขอบคุณเขามากรีบขึ้นจากเรือกลับไปยังโรงแรม

เรือที่อนุพงศ์นั่งแล่นออกจากท่าเรือไม่ทันถึงห้านาทีเกิดระเบิดดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว พศิกาตกใจมากวิ่งกลับมาที่ท่าเรือเห็นไฟลุกท่วมเรือจะโดดน้ำลงไปช่วย แต่ณีคว้าตัวไว้ เธอได้แต่มองเรือที่ถูกไฟเผาผลาญ ก่อนจะทรุดลงร้องไห้อย่างหนัก ถ้าไม่ติดที่ต้องอยู่เคลียร์งาน คนที่ต้องไปกับเรือคงเป็นเธอไม่ใช่อนุพงศ์...

เตชินกับนลินีเดินทางมายังเกาะไข่มุกทันทีที่ทราบข่าวร้าย พอได้รู้จากเสกสรรว่าตำรวจค้นจนทั่วบริเวณแล้วไม่เจอแม้กระทั่งศพของอนุพงศ์ นลินีโทษพศิกาว่าเป็นคนทำให้เขาตาย เสกสรรขอร้องให้ท่านใจเย็นๆก่อน ทางตำรวจยังสรุปไม่ได้ว่าเหตุระเบิดเกิดจากอุบัติเหตุหรือฆาตกรรมเพราะหลักฐานส่วนใหญ่จมน้ำ

“รูปการณ์มันก็บอกชัดอยู่แล้วว่าคืออะไร ใครๆก็เกลียดมันจนอยากที่จะฆ่า สุดาบอกว่าวันนั้นคนที่ต้องกลับเกาะไข่มุกคือนังนี่ แต่คุณพงศ์กลับต้องมารับเคราะห์แทน”

เสกสรรเห็นท่าไม่ดีรีบบอกให้พศิกากลับไปก่อน เธอพยักหน้ารับรู้แล้วเดินจากไป นลินีไม่ยอมให้เธอลอยนวลไปง่ายๆ แผดเสียงแปดหลอดให้กลับมาก่อน แต่ตัวเองกลับหน้ามืดวิงเวียนเป็นลมล้มลงไปตรงนั้น...

มัทนาทราบข่าวนี้เช่นกันรีบมาปลอบใจพศิกาเพราะรู้ว่าลูกรักและเคารพอนุพงศ์มาก เสร็จงานศพเขาเมื่อไหร่ท่านอยากให้ลูกกลับกรุงเทพฯด้วยกันจะได้ไปช่วยงานพิรญาณ์ที่บริษัทของเรา พศิกายังกลับไม่ได้เพราะรับปากอนุพงศ์เอาไว้ว่าจะอยู่ดูแลอันดามันเพิร์ลให้ มัทนาไม่เห็นความจำเป็นที่ลูกจะต้องอยู่ที่นี่อีก

“แม่ไม่ได้ใจดำ แต่คุณอนุพงศ์เองก็มีลูกชาย อีกหน่อยลูกชายเขาก็ต้องมาสานต่อกิจการของพ่อ”

พศิกายังไม่ทันจะว่าอะไรอีก ประกอบทนายความของอนุพงศ์โทร.มาแจ้งว่าพินัยกรรมฉบับล่าสุดของอนุพงศ์ระบุให้เธอเข้าฟังการอ่านพินัยกรรมด้วย...

แม้จะไม่พบศพอนุพงศ์ แต่ทางครอบครัวยังคงจัดงานสวดอภิธรรมศพให้เขาตามประเพณี หลังเสร็จพิธีนวลทิพย์เข้ามากระซิบกับพศิกาว่าจะพยายามรวบรวมหลักฐานการยักยอกเงินใหม่อีกครั้ง และอยากรู้ว่าเธอจะบอกเรื่องนี้กับเตชินไหม พศิกายังไม่ไว้ใจเขา และคิดว่าเขาเองก็คงไม่เชื่อใจเธอ พาลจะกล่าวหาว่าเธออยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ นวลทิพย์พยักหน้ารับรู้แล้วขอตัวกลับก่อน

พศิกาหันไปเห็นเตชินยืนตาแดงๆอยู่หน้าโลงศพของอนุพงศ์รู้สึกสงสารและเห็นใจ กอปรกับรู้สึกผิดที่ตัวเองมีส่วนทำให้อนุพงศ์ต้องพบจุดจบ ตัดสินใจเข้าไปบอกว่าพ่อของเขารักเขามาก รวมทั้งเรื่องจดหมายที่เขาคิดว่าท่านไม่เคยส่งไปให้ แทนที่เขาจะเห็นความดีกลับพาลหาเรื่อง เท่านั้นไม่พอ นลินีเห็นเธออยู่กับเขา หาเรื่องด่าว่าต่างๆนานาว่าเธอจะอ่อยเหยื่อ แถมขู่ให้ระวังตัวเอาไว้ สิ้นอนุพงศ์แล้วก็ไม่มีที่ยืนให้เธออีกต่อไป

มัทนาเห็นลูกถูกรุมก็เข้ามาปกป้อง กลับถูกนลินีพาลด่าว่าที่ไม่รู้จักสั่งสอนลูกสาวปล่อยให้มาแย่งผัวชาวบ้าน พศิกาโกรธมากที่เธอพูดจาไม่ให้เกียรติแม่ของตนเองจะเข้าไปเอาเรื่อง มัทนาต้องดึงลูกเอาไว้

“เก็บคำนี้ไว้ด่าตัวเองจะดีกว่านะคะคุณนลินี ฉันจะพาพั้นซ์กลับบ้าน”

นลินีไล่ส่งให้รีบกลับไปไวๆ พศิกากลับแน่ แต่ต้องอยู่ฟังพินัยกรรมตามที่อนุพงศ์ขอร้องก่อน...

ยิ่งได้เห็นความร้ายกาจของสองแม่ลูก มัทนายิ่งไม่อยากให้พศิกาอยู่ที่เกาะแห่งนี้ต่อไปพยายามกล่อมให้กลับบ้าน เธอคิดคล้อยตามแม่ ตั้งใจว่าฟังประกอบอ่านพินัยกรรมเสร็จเมื่อไหร่จะกลับกรุงเทพฯทันที

ooooooo

ในที่สุดก็ถึงวันเปิดพินัยกรรม อนุพงศ์ระบุไว้ในนั้นชัดเจนว่ายกเงินในธนาคาร โรงแรมที่อยู่บนฝั่ง รีสอร์ตและบ้านหลังใหญ่บนเกาะไข่มุกให้เตชินแต่ผู้เดียว ส่วนที่ดินบนเกาะภูเก็ตยกให้อรรคพลพี่ชายของเขา

นลินีสะใจมากที่พศิกาไม่ได้อะไรแม้แต่บาทเดียว แต่ต้องหุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อประกอบอ่านพินัยกรรมเพิ่มเติมว่า อนุพงศ์แต่งตั้งให้พศิกายังคงเป็นรองประธานกรรมการอย่างเดิม และให้อยู่ในตำแหน่งนี้ต่อไปอีกสองปีคอยช่วยเตชินซึ่งต่อไปจะดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ และตลอดระยะเวลานี้จะไม่มีใครสามารถไล่เธอออกได้แม้แต่เตชินหรือนลินี ซึ่งไม่มีสิทธิ์ได้รับตำแหน่งบริหารใดๆ จนกว่าพศิกาจะลาออกไปเองหลังจากพ้นกำหนดสองปีไปแล้ว นลินีเจ็บใจมากพยายามจะดึงอรรคพลมาช่วยไล่ตะเพิดพศิกา เขากลับเห็นด้วยกับน้องชายที่อันดามันเพิร์ลยังอยู่มาได้ทุกวันนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพศิกา บอกให้เตชินเปิดใจยอมรับเธอ

“เพราะต่อไปนี้ทั้งสองคนต้องทำงานร่วมกันไปอีกสองปี เก็บความบาดหมางเอาไว้แล้วช่วยกันพัฒนาอันดามันเพิร์ลทำให้พงศ์ตายอย่างเป็นสุขที่สุด” คำพูดของอรรคพลทำให้นลินีและเตชินถึงกับพูดไม่ออก...

พศิกาไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับเตชินและนลินีอีก ตัดสินใจจะกลับบ้านพร้อมแม่ ขณะลากกระเป๋าเดินทางมาที่ท่าเรือ ประกอบวิ่งกระหืดกระหอบเอาจดหมายที่อนุพงศ์เขียนถึงเธอมาให้ ข้อความในจดหมายขอร้องให้เธอเห็นแก่ท่านและอันดามันเพิร์ลอยู่ช่วยสอนงานให้เตชิน เพราะมีเพียงเธอเท่านั้นที่ท่านไว้ใจ

“เวลาเพียงแค่สองปีพั้นซ์จะสอนงานเต้ได้มากมาย ถึงเวลานั้นหากพั้นซ์ต้องการลาออกลุงจะไม่ห้ามเลย”

จดหมายฉบับนี้ทำให้พศิกาตัดสินใจทำตามที่อนุพงศ์ขอร้อง อย่างน้อยก็เพื่อทดแทนบุญคุณของเขา...

นลินีถึงกับร้องกรี๊ดอย่างบ้าคลั่งจนเป็นลมล้มพับ เมื่อรู้จากสุดารัตน์ว่าพศิกาเปลี่ยนใจจะอยู่ที่นี่ต่อไป เตชินเป็นห่วงแม่มากรีบโทร.ตามหมอมาดูอาการ สุดารัตน์ปากเสียได้โล่ เที่ยวป่าวประกาศไปทั่ว ที่นลินีความดันเลือดกระฉูดก็เพราะฝีมือพศิกา แถมปลุกระดมให้พวกพนักงานกระด้างกระเดื่อง

พศิการู้เรื่องที่สุดารัตน์ทำ จึงจำเป็นต้องตัดไม้ ข่มนาม เข้าไปประจันหน้าด้วย บอกว่าถ้ามีอะไรก็ให้พูดกันต่อหน้า อย่าเอาไปนินทาลับหลัง และสิ่งที่พูดก็ควรจะตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงด้วย

“แต่ที่สำคัญที่สุด อย่าแบ่งพรรคแบ่งพวกไม่อย่างนั้นเราจะทำงานด้วยกันลำบากและมันจะนำพามาซึ่งความอึดอัด อย่าบังคับให้พั้นซ์ต้องทำในสิ่งที่คุณดาไม่อยากให้เกิดขึ้นเลยนะคะ” พูดจบพศิกาเดินจากไป...

นอกจากพศิกาจะขอร้องให้ปลามาช่วยเป็นเลขาฯหน้าห้องให้แล้ว อรรคพลยังส่งณีมาช่วยงานที่รีสอร์ต บนเกาะไข่มุกอีกแรงหนึ่งด้วย ทำให้เธอใจชื้นขึ้นที่อย่างน้อยก็มีอรรคพลหนุนหลัง...

เพื่อให้การทำงานเดินหน้าไปได้ พศิกาตัดสินใจเข้าไปพูดกับเตชินตรงๆให้ช่วยอดทน และลดทิฐิที่มีต่อเธอลงหน่อย เธอจะอยู่แค่สองปีเท่านั้น ยิ่งเขาเรียนรู้งานเร็วเท่าไหร่ เธอก็จะได้ไปจากที่นี่เร็วขึ้นเท่านั้น

“ได้ ผมจะอดผมจะทน ในเมื่อเวลามันย้อนกลับไปไม่ได้ เราก็ต้องเดินหน้ากันต่อไป”

“พรุ่งนี้แปดโมงเช้าเจอกันที่ล็อบบี้ ฉันจะพาคุณเดินดูรอบๆรีสอร์ต”

ooooooo

พศิการอเตชินอยู่ที่ล็อบบี้จนสิบโมงไม่เห็นแม้แต่เงา จึงบุกไปถึงบ้านเพื่อตามตัวเขาและบอกให้เลิกทำตัวเป็นเด็ก ผู้บริหารระดับสูงอย่างเขาน่าจะรู้ว่าการทำงานไม่ควรใช้อารมณ์ส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง แล้วขอให้เขารีบไปแต่งตัว เธอจะไปคอยที่หน้าบ้าน เตชินหายขึ้นไปบนห้องไม่นานกลับลงมาในชุดสูทเต็มยศผูกเนกไท

“เห็นแล้วนะว่าผู้บริหารเขาแต่งตัวกันยังไงไม่เหมือนลูกจ้างกระจอกๆ” เตชินมองพศิกาอย่างเหยียดๆ

“แน่ใจนะว่าจะไปเดินชมเกาะทั้งชุดนี้”

เตชินย้อนถามทำไมต้องไม่แน่ใจด้วย หญิงสาวไม่พูดอะไรอีกเดินนำเขาไปยังส่วนต่างๆของรีสอร์ตซึ่งใหญ่โตกว้างขวางพร้อมกับอธิบายประกอบไปด้วย ยิ่งเดินก็ยิ่งร้อนขึ้นๆจนเขาทนไม่ไหว ถอดสูท ปลดเนกไทและเสื้อเชิ้ตตัวนอกออกเหลือเพียงเสื้อกล้ามตัวใน พศิกาเห็นสภาพของเขาแล้วต้องกลั้นหัวเราะแทบแย่

“ท่าทางคุณจะเหนื่อยมากแล้ว วันนี้พอแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้ฉันจะพาคุณไปดูที่ท้ายเกาะ”...

วันที่สองของการเยี่ยมชมรีสอร์ต พศิกาไม่ต้องมาตามตัวเตชินให้เมื่อยเพราะเขามาตรงเวลานัดหมาย แต่ชุดที่เขาสวมไม่ถูกกาลเทศะอีกเช่นเคย วันนี้เขามาในโหมดสบายเกินเหตุ นุ่งกางเกงขาสั้นกับรองเท้าแตะทั้งที่วันนี้เธอต้องพาเขาไปแนะนำตัวให้รู้จักกับพวกผู้จัดการฝ่ายต่างๆของที่นี่ ทำให้เขาหัวเสียมากที่เธอไม่บอกล่วงหน้า พาลหาเรื่องกลั่นแกล้งรวบตัวเธอมากอด อ้างว่าอยากจะแสดงความรักกับเธอในฐานะแม่เลี้ยงของตัวเอง แถมยังหอมแก้มเธออีกด้วย พศิกาทนไม่ไหวเงื้อมือจะตบ เขาหลบทันก่อนจะทำหน้าเย้ยหยันใส่ เธอโมโหคว้าไม้แถวนั้นไล่ตี เตชินแย่งไม้โยนทิ้งแล้วแบกเธอพาดบ่าเอาไปโยนลงทะเล

“จำไว้นะพศิกานี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น เธอกับฉันยังต้องสนุกกันอีกเยอะ”

ooooooo

ทะเลไฟ

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด