สมาชิก

สุดแค้นแสนรัก

ตอนที่ 4

อัลบั้ม: เรื่องราวความรักความแค้นของ2ครอบครัวใน "สุดแค้นแสนรัก"


พอกลับถึงบ้าน นางแย้มเรียกพะยอมไปชำระความทันที เอาถุงใส่ที่คาดผมกับเสื้อยกทรงให้ดู ถามว่าใครซื้อให้!

พะยอมอึ้ง นางแย้มตวาดว่าอีอัมพรใช่ไหม พะยอมหลบตาพยักหน้า เท่านั้นเอง นางแย้มเปิดฉากด่าเปิง

“สารเลว เลวพอๆกัน วันหน้าถ้ามึงคิดไม่ซื่อกับกูอีก อย่าหาว่ากูไม่เตือน มึงไปญาติดีเห็นอกเห็นใจมันได้ยังไง มันเป็นศัตรูกับเรา พ่อมึงตายก็เพราะพ่อมัน จำใส่กะโหลกเอาไว้ ถ้ามึงยังขืนโง่เง่าให้มันหลอกใช้ยังงี้ มึงก็อย่าหวังเลยว่ามึงจะได้สมหวังกับลือพงษ์มัน กูจะไม่ช่วยมึงอีกแล้ว รอจนทึนทึกขึ้นคานหาผัวไม่ได้ทั้งชา
ติน่ะแหละ เจ็บใจจริงๆ ลูกในไส้แท้ๆทรยศกูได้”

ด่าจนหนำใจแล้วนางแย้มเดินปึงปังออกไป ทิ้งพะยอมให้นั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น

ooooooo

อัมพรเอาแต่นั่งเศร้าคิดถึงลูกและท้อกับชีวิตตัวเองจนอุไรบอกว่าต้องหาอะไรทำจะได้ไม่ต้องคิดมาก

วันนี้อัมพรเอาปิ่นโตไปส่งประยงค์ที่กระท่อมปลายนา จึงปรึกษาว่าตนอยากจะเช่าร้านโกตาขายก๋วยเตี๋ยวดีไหม ประยงค์กลัวเมียจะเหนื่อย อัมพรขอให้ ตนได้ลองทำดู ประยงค์หยอกว่าแล้วใครจะมาส่งปิ่นโตหรือว่าจะเอาวางไว้บนห้องนอนให้ไปเอาเอง หยอกแล้วกอดจูบอัมพรอย่างคิดถึง

นางแย้มมาแอบดูเห็นเต็มตา! พรวดออกมาด่าจนอัมพรลุกหนีก็ด่าว่าจะหนีไปไหนอีหน้าด้าน ประยงค์ ขอร้องแม่ แต่นางแย้มไม่หยุด ด่าอัมพรว่ามีผู้ชายอื่นแล้วนั่งรถเก๋งคันเบ้อเริ่มมาส่งกันคนเห็นกันทั้งตลาด ยังจะมาปลิ้นปล้อนเอาอะไรจากลูกตนอีก อัมพรโต้ว่า อย่ามาใส่ความกัน นางแย้มกราดเข้าไปประกาศขอตบล้างน้ำสักที

อัมพรฮึดสู้ ประยงค์ขอร้องทั้งแม่ทั้งเมียให้พอทีเถอะ เมื่อห้ามใครไม่ได้ก็เดินหนีไป ปล่อยให้นางแย้มกับอัมพรจิกตบกันสนั่น มีสำลีที่ตามนางแย้มมาด้วย เชียร์อย่างเมามันยิ่งกว่าดูมวยวัดเสียอีก

เรื่องถึงโรงพักจนได้ อุไรกับนางอ่ำตามไปช่วยอัมพร นางแย้มฟ้องหมวดทวีฉอดๆ ว่าอัมพรเป็นคนลงมือก่อนอ้างว่าตนมีสำลีเป็นพยาน เย้ยว่าถ้าอัมพรมีพยานทำไมประยงค์ไม่โผล่หัวมาช่วยล่ะ

นางอ่ำบอกอัมพรว่ายอมจ่ายค่าปรับให้เรื่องแล้วกันไปเถอะ หมวดทวีถามอัมพรว่าตกลงจะจ่ายค่าปรับ ไหม อัมพรที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงหน้าตายับเยิน กัดฟันอย่างเจ็บใจ

พอลงจากโรงพักนางแย้มก็คุยกร่างว่ารู้จักคนอย่างอีแย้มน้อยไป สำลีก็พูดเอาบุญเอาคุณว่าถ้าไม่มีตนเป็นพยานพวกมันก็คงรุมนางแย้มเละ แล้วบ่นหิวชวนไปหาก๋วยเตี๋ยวกินกัน

“ไปสิ...ฉันเป็นเจ้ามือเอง วันนี้รวยโว้ย” นางแย้มตบกระเป๋าหัวเราะร่า

ooooooo

อัมพรบอกหมวดทวีว่าตนจะฟ้องเอาลูกคืน หมวดติงว่าไม่ฟ้องไม่แจ้งความก็ดี เรื่องจะได้ไม่บานปลายใหญ่โต เรื่องแบบนี้น่าจะคุยกันได้ อัมพรกับอุไรบอกว่าคนอย่างนางแย้มคุยกันไม่รู้เรื่อง เล่นวิธีสะอาดๆ ไม่มีทางได้ผลหรอก

“ตามสบายเลยครับ จะเล่นยังไงกันก็เชิญ แต่ขอบอกไว้อย่างนะครับ ทุกคนต้องอยู่ใต้กฎหมาย จะทำอะไรที่เป็นการละเมิดกฎหมายไม่ได้เด็ดขาด” หมวดทวีเตือนสติ แล้วบอกว่าตนจะไปทางปากน้ำโพจะติดรถตนกลับหนองนมวัวก็ได้ สามแม่ลูกเลยนั่งรถหมวดทวีกลับด้วยกัน

พอหมวดขับรถผ่านตลาด นางแย้มกับสำลีกินก๋วยเตี๋ยวกันอยู่ จิกตามองตาม สำลีบอกว่าตำรวจคงชอบอัมพร แต่นางแย้มว่าชอบอุไรมากกว่าไม่เห็นหรือว่าตอนแจ้งความหมวดมองอุไรบ่อยๆ แล้วนางแย้มก็บอกให้สำลีไปยุแหย่ต่อว่า

“เอ็งเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้นกเล็กฟังด้วย เลือกจังหวะให้ลือพงษ์มันอยู่ด้วยยิ่งดี ข้าจะแหย่ให้มันเลิกๆ กันเด็ดขาดเสียที

ooooooo

กลับถึงบ้าน อัมพรพูดออกตัวกับหมวดทวีว่าวันนี้ไม่ค่อยสะดวกที่จะเชิญเข้าบ้านเอาไว้วันหลังก็แล้วกัน หมวดบอกไม่เป็นไร แล้วออกรถไป

พอหมวดทวีไปแล้ว อัมพรชวนอุไรกับนางอ่ำไปขโมยยงยุทธกัน เชื่อว่านางแย้มยังกลับไม่ถึงบ้านแน่ สามแม่ลูกเห็นพ้องกัน วางแผนให้อัมพรล่อพะยอมไปหลังบ้านแล้วอุไรกับนางอ่ำขึ้นไปขโมยยงยุทธบนเรือน

โชคดี พออัมพรล่อให้พะยอมไปหลังบ้าน อุไรไปผลักประตูปรากฏว่าไม่ได้ลงกลอน สองแม่ลูกเลยย่องเข้าไปอุ้มยงยุทธแล้วก็พากันลงบันไดทางหน้าบ้าน มองลอดใต้ถุนเห็นอัมพรกำลังชวนพะยอมคุยถ่วงเวลาอยู่

ขณะนางอ่ำกับอุไรอุ้มยงยุทธลิ่วออกมาจะไปบ้านตัวเอง นางแย้มก็ซ้อนมอเตอร์ไซค์มาถึงพอดี!

“ช่วยด้วย...ขโมย...ขโมย...อียอม มึงอยู่ไหน ช่วยจับขโมยเร็ว” นางแย้มตะโกนลั่นทั้งที่ยังไม่ได้ลงจากรถ อุไรบอกนางอ่ำให้รีบวิ่งไป

อัมพรรู้สถานการณ์ดีวิ่งพรวดออกมาก่อน พะยอมวิ่งตามมา เห็นนางแย้มกับอุไรกำลังตบตีกันอีนุงตุงนัง นางแย้มตะโกนให้พะยอมไปแย่งหลานคืนมาเร็ว พอดีสำลีซ้อนมอเตอร์ไซค์ตามมาถึง นางแย้มบอกให้ช่วยไปแย่งหลานตนมา

พะยอมไปแย่งยงยุทธจากนางอ่ำ อัมพรเข้าดึงลูกจากพะยอม ยื้อกันจนยงยุทธตกใจร้องไห้จ้า อัมพรตกใจกลัวลูกเจ็บเลยถูกพะยอมชิงยงยุทธไปได้ นางแย้มสั่งพะยอมให้อุ้มยงยุทธเข้าบ้านไปเลยส่วนตัวเองไปคว้ามีดมายืนจังก้าท้า

“พวกมึงเข้ามาเลย วันนี้กูยอมตาย ถ้ากูตายพวกมึงก็ติดคุก”

ฝ่ายลำลีก็ตะโกนปาวๆ ร้องขอความช่วยเหลือ อีกทางก็ขอให้นางแย้มพอได้แล้วให้วางมีดเสีย ด่าอุไรว่ามาหาเรื่องเขาถึงบ้าน อุไรด่าว่าไม่ใช่เรื่องของป้า อย่ามาเสือก!

ประยงค์กลับมาพอดีถามว่ามันอะไรกัน นางแย้มฟ้องว่าพวกนี้มาขโมยลูกเขา อัมพรโต้ว่าลูกประยงค์คนเดียวที่ไหน

“อัมพร เอ็งทำอะไรรู้ตัวบ้างไหม เราตกลงกันไว้ว่ายังไง” ประยงค์เตือนสติ แล้วประยงค์ก็ขอให้นางอ่ำพาลูกกลับไปเสีย อัมพรไม่ยอมกลับจนกว่าจะได้ลูกกลับไปด้วย

“กูไม่ให้ พวกมึงฝันไปเถอะ ข้ามศพกูไปก่อนแล้วกัน” นางแย้มท้าทาย อัมพรจะเข้าไปฆ่าจริงๆถูกประยงค์ฉุดไว้บอกว่านั่นแม่ตนนะ อัมพรยังดิ้นไม่หยุดเลยถูกประยงค์ผลักล้มโดนมีดบาดแขนเลือดไหล นางอ่ำถลาเข้าหาอัมพร อุไรด่าประยงค์อย่างเจ็บใจว่า

“ไอ้ยงค์! ไอ้คนใจดำ ทำได้แม้แต่ลูกเมียตัวเอง ไปตายโหงตายห่าซะมึง!”

ประยงค์ไม่ตอบโต้ ไปคว้าจักรยานขี่ออกไปทันที อัมพรร้องไห้แทบขาดใจในอกนางอ่ำ

สำลีไปที่ร้านขายของชำของนกเล็กกับโกตา ปั้นน้ำเป็นตัวเล่าฉอดๆว่าอัมพรคว้ามีดจะแทงนางแย้มที่อุ้มยงยุทธอยู่แต่สะดุดขาตัวเองล้มลงจนมีดบาดแขนตัวเอง ชาวบ้านที่มามุงฟัง พากันไม่พอใจอัมพรว่าถ้าพลาดไปถูกยงยุทธจะว่ายังไง

“ก็นั่นน่ะสิ อีนี่มันหมาบ้าชัดๆ ขายลูกให้เขาไปแล้ว ยังจะไปแย่งคืนอีก เงินทองที่ได้มา มันคงผลาญไปหมดแล้วล่ะ มันถึงอยากจะได้อีก” สำลีด่าอัมพรปาวๆ ชาวบ้านที่มามุงฟังพลอยเมามันไปด้วย

ลือพงษ์ไม่อยากฟัง เลยเดินออกจากบ้านไป

ooooooo

ฟังจากที่สำลีมาปั้นน้ำเป็นตัวเล่าจนอัมพร กลายเป็นคนเลวร้ายที่ตบตีกับนางแย้มคนรุ่นแม่แล้ว ทั้งนกเล็กและโกตาต่างมองอัมพรในแง่ลบ คุยกันที่โต๊ะกินข้าวว่าอัมพรอย่างสาดเสียเทเสีย แล้วสรุปว่า “คนอย่างนี้มันไม่ไหว”

“เลิกคุยเรื่องนี้เหอะ” ลือพงษ์ไม่อยากฟังอีก ถูกโกตาด่าว่าอย่าทำตัวหนีปัญหา ย้ำว่าแล้วยังเรื่องผู้ชายที่ขับรถเก๋งมาส่งอีกล่ะจะว่ายังไง ลือพงษ์บอกว่า “เรื่องนั้นฉันจะคุยกับอุไรเขาเอง”

“ไม่ต้องคุยแล้ว ขนาดนั่งรถมากับผู้ชายอื่นได้ มันก็คงไม่ได้จ่ายค่ารถเป็นเงินหรอก คนทั้งหนองนมวัวเขาพูดยังไงกันหัดเงี่ยหูฟังซะบ้าง” นกเล็กพูดอย่างชิงชัง จนลือพงษ์วางช้อนลุกขึ้นออกไป โกตาเสียงดังตามหลังว่า

“ลื้อจะไปไหน จะไปหามันอีกเหรอ มีสมองหัดคิดเองซะบ้าง ผู้หญิงหยำฉ่ายังงี้ ถ้าลื้อยังคิดจะแต่งงานกับมันอยู่ อั๊วก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว”

“ถ้าเอ็งยังขืนไปมาหาสู่กับมันอีก ได้เห็นดีกันแน่” นกเล็กสำทับ เห็นลือพงษ์เดินขึ้นบันไดไปในห้อง ทั้งสองก็ได้แต่มองหน้ากัน

ส่วนที่บ้านนางอ่ำ อัมพรเอาแต่นั่งพิงเสาร้องไห้ นางอ่ำเรียกให้กินข้าวก็ไม่สนใจ เลยบอกอุไรให้เรียกพี่สาวมากินข้าว อุไรบอกว่าปล่อยเขาไปสักพักเถอะ บังคับให้กินยังไงพี่เขาก็กินไม่ลงหรอก แล้วอุไรก็สาปแช่งพวกนางแย้มอย่างแค้นใจ

“ฉันภาวนาให้อีแย้มมันตกที่นั่งเดียวกับพี่อัมพร มันจะได้รู้สำนึก เจ้าประคู้ณณณ ขอให้มันถูกพรากลูกไปจากอก” นางอ่ำถามว่าโตป่านนี้แล้วใครจะมาพรากมันไปได้ “อ๊าว...ความตายไงแม่ ฉันภาวนาให้ไอ้ยูร อียอม มันตายห่าตายเหวภายในวันสองวัน”

“ไม่ดีนะ เอ็งอย่าทำอย่างนี้ แช่งชักหักกระดูกคนอื่นมันไม่ดี มันทำกรรมอะไรไว้มันก็จะได้รับกรรมของมันเอง”

“แล้วต้องรอให้ถึงชาติหน้าเหรอแม่ มันนานเกินไป มันต้องเห็นกันชาตินี้แหละ” อุไรจิกตาอาฆาตที่บ้านนางแย้ม...ประยงค์ไปเมาไม่ได้สติอยู่ที่กระท่อมปลายนายังไม่กลับ นางแย้มระแวงว่าถ้าพะยอมเลี้ยงยงยุทธอยู่อย่างนี้ไม่วันใดก็วันหนึ่งพวกอัมพรจะต้องมาแย่งยงยุทธไปอีก พะยอมบอกว่าแล้วแต่แม่แล้วกันตนพูดอะไรไปก็ไม่เห็นเคยฟัง แต่ยังไงก็ให้คิดถึงอนาคตตนบ้าง ไม่ใช่ให้มานั่งเป็นแม่ลูกอ่อนตั้งแต่ยังไม่มีผัวอย่างนี้

“กูก็ช่วยมึงอยู่นี่ไง มึงใจเย็นๆหน่อยสิโว้ย ทำตัวดีๆ สงบปากสงบคำไว้รับรองได้เป็นสะใภ้บ้านนั้นแน่ ตอนนี้เอาเรื่องไอ้ยงยุทธก่อน กูว่าช่วงนี้มึงต้องเอาหลานไปอยู่บ้านป้าย้อยสักพัก”

พะยอมถามว่านานเท่าไหร่ นางแย้มบอกว่าสักเดือนหนึ่ง อ่อยเอาใจว่า “กูจะหาทางให้มึงเจอลือพงษ์มันบ่อยๆ มึงเชื่อกูสิ สันดานผู้ชายน่ะนะใกล้อันไหนมันก็กินอันนั้นแหละ มันอดใจไม่ได้หรอก มึงเองก็หัดทำตัวให้เขามองบ้าง ทำได้ไหมล่ะ” มองหน้าพะยอมแล้วรวบรัด “มันต้องได้สิวะ”

รุ่งขึ้น พะยอมไปเรียกประยงค์ที่หน้าห้อง ไม่มีเสียงตอบ นางแย้มสงสัยว่าคงออกไปแต่เช้ามืดแล้ว พะยอมเชื่อว่าไม่ได้กลับมากกว่า

“ช่างหัวมัน เดี๋ยวมันก็กลับมาเอง มึงรีบไป เดี๋ยวใครมันชิงตัดหน้าเช่ารถลือพงษ์มันไปซะก่อน” นางแย้มสั่งการแล้วสั่งให้พะยอมไปเปลี่ยนเป็นเสื้อสีแดง พะยอมติงว่าตัวนั้นคอมันลึกไปหน่อย “ลึกๆน่ะแหละดี ไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้” พอพะยอมเดินออกไปนางแย้มปรามตามหลังว่า “แล้วอย่าโง่เดินกลับมาล่ะ ได้ยินไหมอียอม”

ooooooo

พะยอมไปถึงบ้านลือพงษ์ที่เป็นร้านขายของชำ ลือพงษ์เพิ่งกลับมาบอกนกเล็กว่าให้คนอื่นไปไม่ได้หรือ นกเล็กบอกว่าไม่มีใครอยู่ ให้เขาไปกับนางแย้มน่ะดีแล้ว วันนี้เขาเหมาไปทั้งวัน

พะยอมบอกให้ลือพงษ์กินข้าวเสียก่อน ลือพงษ์บอกให้เธอกลับไปรอที่บ้าน พะยอมบอกว่าตนรอได้เดี๋ยวไปพร้อมกันเลย นกเล็กผสมโรงว่าแดดร้อนจะตายจะให้น้องเดินกลับไปได้ยังไง เร่งให้รีบหาข้าวกินเสียจะได้ไปด้วยกัน

ลือพงษ์เดินไปหลังร้าน ในขณะที่พะยอมนั่งรออย่างสมใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่นางแย้มวางไว้

ขณะลือพงษ์ขับรถโดยมีพะยอมนั่งคู่มาด้วยนั้น พอดีอุไรจะเอาควายไปกินหญ้าที่ชายทุ่ง เห็นรถลือพงษ์แต่ไกลก็ดีใจแต่พอใกล้เข้ามาเห็นพะยอมนั่งคู่มาด้วยก็กลายเป็นซีดจ๋อย มองไปในรถเห็นลือพงษ์ทำเหมือนมองไม่เห็นขับรถผ่านไป แต่พะยอมปรายตายิ้มเยาะอย่างเหนือกว่า อุไรหน้าชาเหมือนถูกตบอย่างแรง

พอรถแล่นผ่านอุไรไป ลือพงษ์ก็ถอนใจ เมื่อไปถึงบ้านนางแย้ม ลือพงษ์นั่งรอในรถให้พะยอมไปรับนางแย้มกับยงยุทธ นางแย้มให้พะยอมอุ้มหลานตัวเองจะหิ้วตะกร้า อดถามไม่ได้ว่าเมื่อกี๊ผ่านบ้านนั้นนางอ่ำเห็นหรือเปล่า

“อุไรมันเอาควายออกไปเลี้ยงพอดี”

“หน้าซีดเป็นไก่ต้มเลยล่ะสิมึง กูน่ะเป็นทัพหน้ากรุยทางเอาไว้ให้มึงแล้ว ต่อไปมึงก็ต้องลุยของมึงเอง” นางแย้มย้ำ

ทั้งหมดพากันนั่งหน้ารถ นางแย้มให้พะยอมนั่งติดลือพงษ์และพยายามเบียดให้พะยอมไปกระแซะลือพงษ์

ลือพงษ์ขยับตัวเหมือนอึดอัดนางแย้มถามว่าเป็นอะไร เขาบอกว่าคลื่นไส้เหมือนจะอ้วกเหม็นกลิ่นนม นางแย้มถามขำๆว่านมอะไรเหม็น ลือพงษ์ไม่ตอบ

แต่บอกว่าตนไม่ไหวแล้ว จอดรถลงไปอ้วก นางแย้มไล่พะยอมให้ไปลูบหลัง พออ้วกเสร็จก็ให้เอาน้ำไปให้บ้วนปาก

พะยอมถามนางแย้มว่าแบบนี้จะขับรถไหวหรือ นางแย้มพูดอย่างรู้ดีว่าไม่เป็นอะไรหรอกแค่แพ้ท้อง พะยอมงง นางแย้มถามว่า

“มึงไม่เคยได้ยินเหรอ ผัวแพ้ท้องแทนเมียน่ะ กูว่าอีอุไรมันท้องแน่ แต่มันคงยังไม่ทันรู้ตัวหรอก กูขอให้มันท้องจริง แล้วกว่าที่มันจะรู้ตัวทุกอย่างมันก็สายไปแล้ว” นางแย้มยิ้มสะใจ พอลือพงษ์เดินกลับมา นางแย้มก็บัญชาให้พะยอมหยิบยาหม่องให้ บอกอีกว่า “เดี๋ยวหาอะไรเปรี้ยวๆกินซะหน่อยนะพ่อลือพงษ์จะได้ดีขึ้น”

จากการดูแลของพะยอมกับนางแย้ม ทำให้ลือพงษ์รู้สึกดีเห็นถึงน้ำใจที่สองแม่ลูกมีต่อตน

ooooooo

ขณะที่นางอ่ำกับอัมพรอยู่ที่บ้านนั้น ชาวบ้านมาตะโกนบอกว่าให้ไปดูประยงค์หน่อยเห็นนอนตัวสั่นอยู่กลางทุ่งโน่น นางอ่ำถามว่าทำไมไม่ไปบอกนางแย้มล่ะ

“แม่มันไม่อยู่บ้าน ไปไหนกันหมดก็ไม่รู้”

นางอ่ำเข้าไปเรียกอัมพรที่นอนอยู่ในห้อง อัมพรบอกว่าตนได้ยินหมดแล้ว นางอ่ำขอให้ไปดูประยงค์หน่อย อัมพรเกี่ยงว่าตนก็เป็นไข้อยากไปหาหมอเหมือนกัน นางอ่ำรู้ว่าอัมพรยังเคืองก็ได้แต่ถอนใจ รอจนอุไรเอาควายกลับ นางอ่ำบอกให้ไปดูประยงค์หน่อย

“เมียเขายังไม่สนใจ ฉันจะไปสนใจทำไมล่ะแม่” อุไรเกี่ยง นางอ่ำบอกว่ามันอาจจะหนักหนาก็ได้ “ให้คนอื่นมาส่งข่าวยังงี้ ฉันว่าแค่อยากให้พี่อัมพรไปหามากกว่า เจ้าเล่ห์นัก ปากก็ว่ารักคนของเรา เอาเข้าจริงๆ

ก็กลัวแม่หงอ แค่เอาลูกมาให้เราก็ยังทำไม่ได้ ไม่ต้องไปสนใจหรอกแม่ ฉันว่าเขาไม่ตายหรอก เดี๋ยวแม่เขากลับมาก็คงพากันไปดูเองแหละ”

“อีแย้มมันไปไหน” นางอ่ำร้อนใจ

“เหมารถพาอีพะยอมกับยงยุทธมันเข้าเมืองไปแล้ว มันคงกลัวเราไปแย่งอีก ก็เลยไปหลบไปซ่อน อีนี่มันร้ายจริงๆทำเอาใหม่ก็ได้โว้ย แค่เด็กคนเดียว คิดว่ากูไม่มีปัญญารึไง อีแย้ม!” อุไรด่าอย่างเจ็บใจ

ครู่เดียวหมวดทวีก็ขับรถมาจอดหน้าบ้าน นางอ่ำชะโงกไปดูถามว่าไปไงมาไง แล้วเรียกขึ้นบ้านก่อน ทวีถามว่าอุไรไม่อยู่หรือ นางอ่ำบอกว่าอยู่ เพิ่งเอาควายกลับจากทุ่งเดี๋ยวจะเรียกให้ บอกให้หมวดนั่งก่อน แล้วเดินไปในบ้าน

หมวดทวีไม่นั่ง แต่เดินดูรูปถ่ายที่ติดไว้ตามฝาผนัง ครู่เดียวนางอ่ำก็เอาขันน้ำมาให้ถามว่ากินอะไรมาหรือยัง หมวดรับขันน้ำไปดื่มบอกว่าเรียบร้อยมาแล้ว พอดีอุไรเข้ามา หมวดหันไปยิ้มให้ แต่อุไรไม่ยิ้มถามหน้าบึ้งว่า “มีอะไรคะ”

“ผ่านมาก็เลยแวะมาเยี่ยมน่ะครับ” นางอ่ำขอตัวไปดูอัมพร หมวดทวีถามอุไรว่าเป็นอย่างไรบ้าง

“เมื่อวานกลับมาก็เกิดเรื่องอีก ข่าวดังไปทั่วหนองนมวัว” อุไรพูดเซ็งๆ หมวดทวีถามว่าคราวนี้ใคร เริ่มก่อน ถามแล้วหัวเราะเห็นเป็นเรื่องเล็ก อุไรปรามว่า ไม่ตลกเลยนะคุณ หมวดเลยหน้าจ๋อย

ระหว่างที่พะยอมนั่งรถลือพงษ์กลับมา พะยอมเป่าหูเขาว่า ได้ยินเขาลือกันว่ามีตำรวจมาติดพันอุไร เห็นเขาว่าหน้าตาดีเป็นถึงผู้หมวด แถมขับรถเก๋งด้วย ทีแรกลือพงษ์ก็บอกว่าไม่รู้ เห็นพะยอมพูดไม่หยุดเลยถามว่าจะพูดให้มันได้อะไรขึ้นมา

“ไปๆมาๆฉันต้องเฝ้าบ้านคนเดียว ว่างๆตอนหัวค่ำพี่มาอยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ ฉันกลัว” พะยอมทอดสะพาน แต่ลือพงษ์กลับบอกให้ไปตามคนอื่นเถอะเพื่อนเธอเยอะแยะ “เขามีลูกมีผัวกันไปหมดแล้ว ไม่รู้ล่ะ พี่ไม่มาฉันก็จะไปนั่งเล่นที่บ้านพี่นะ” พะยอมยัดเยียดตัวเองจนขนาดนี้ ลือพงษ์ก็ยังไม่สนใจ

จนค่ำรถผ่านแถวบ้านนางอ่ำ ทั้งสองเห็นอุไรประคองอัมพรมาขึ้นรถหมวดทวี ลือพงษ์ชะลอรถถามอุไรว่าจะไปไหนกัน อุไรบอกว่า “พาพี่อัมพรไปหาหมอ”

“มีรถเก๋งใช้แล้วนี่ รถกระบะมันเลยหมดความหมาย” ลือพงษ์เหน็บ แม้อุไรจะบอกว่ามันไม่ใช่อย่างนั้นก็ยัง ย้อนถามว่า “ไม่ใช่แล้วมันคืออะไร...โชคดีนะ” แล้วลือพงษ์ก็กระชากรถออกไปอย่างประชดประชัน

ooooooo

ลือพงษ์ขับรถมาจอดหน้าบ้านนางแย้ม พะยอมอ้อยอิ่งมองเขาอย่างหยั่งท่าที ชวนว่าไม่เข้าบ้านกินน้ำกินท่าก่อนหรือ ลือพงษ์ตอบห้วนๆว่าไม่ ก็พอดีสุดาวิ่งมากวักมือหยอยๆร้องเรียกพะยอมแล้ววิ่งมาบอกว่า

“เอ็งรีบไปดูพี่ยงค์เดี๋ยวนี้เลย ท่าทางจะแย่นะ”

ลือพงษ์กับพะยอมรีบรับประยงค์ไปโรงพยาบาลในสภาพประยงค์หน้าซีดซูบเซียวอาการหนัก อุไรรออัมพรอยู่รีบลุกมาถามว่าประยงค์เป็นอะไร ลือพงษ์ตอบเสียงกระด้างว่าเป็นไข้หนักเลย พลางปรายตามองหมวดทวีที่อยู่แถวนั้นหยันๆ อุไรอยากอธิบายเรื่องที่หมวดทวีมาด้วยกัน บอกเป็นนัยว่า

“หมอกำลังตรวจพี่อัมพรอยู่ ป่วยเหมือนกัน”

พะยอมขอไปทำบัตรก่อน หมวดทวีจึงรีบเข้าไปช่วยลือพงษ์ประคองประยงค์พาไปนั่งที่เก้าอี้นั่งรอ ลือพงษ์พาประยงค์ไปนั่งโดยไม่มองหน้าอุไรแล้วเดินออกไป อุไรเลยตามออกไปหมายพูดกันให้รู้เรื่อง

อุไรถามลือพงษ์ที่ปั้นหน้าปึ่งว่าเป็นอะไร ลือพงษ์ย้อนเอาว่าตนน่าจะถามเธอมากกว่าว่าทำไมทำตัวแบบนี้ อุไรย้อนเอาบ้างว่า เมื่อเช้าไปไหนกันมา

ทั้งคู่ต่างถามตอบกันคำต่อคำอย่างอารมณ์ขุ่นมัว ลือพงษ์บอกว่าพานางแย้มไปปากน้ำโพ พออุไรถามว่าไปทำไม ลือพงษ์ไม่ตอบ จนอุไรถามใหม่ว่า “อีแย้มมันเอายงยุทธไปไว้ที่ไหนรู้ไหม”

“รู้...แต่คงบอกไม่ได้” ลือพงษ์ตอบสั้นๆแล้วเดินไปขึ้นรถ ทำให้อุไรของขึ้น ตามไปถามว่าทำไมบอกไม่ได้ “เดี๋ยวก็ตามไปแย่งกันให้ขายขี้หน้าชาวบ้านเขาอีก” ลือพงษ์ตอบไม่มองหน้า

อุไรโต้ว่าใครกันที่ผิด เพราะลูกควรเป็นของอัมพร ลือพงษ์พูดตามขี้ปากนางแย้มว่าก็ได้เงินจากประยงค์ไปตั้งหมื่นแล้วน้อยซะที่ไหน ระหว่างนั้นพะยอมกลับมามองหาลือพงษ์ หมวดทวีบอกอย่างรู้ใจว่าเดินออกไปข้างนอกแน่ะ พะยอมจึงเดินออกมามองหา

ส่วนอุไรกับลือพงษ์ต่างพูดประชดเสียดสีกันไปมา จนลือพงษ์หาว่าตนถูกสวมเขา อุไรสวนทันควันว่าใครกันแน่ที่ถูกสวมเขา แล้วต่างสะบัดหน้าใส่กัน ลือพงษ์บอกว่าไม่อยากทะเลาะด้วย อุไรเลยถามว่าแล้วเรื่องแต่งงานของเราว่ายังไง ลือพงษ์นิ่ง อุไรรู้ว่าต้องไม่ปกติ ถามเสียงดังว่า

“ทำไมไม่พูดล่ะ เงียบทำไม ใช่ซี้...เค้ามันคนใจง่าย มันก็เลยไม่มีค่าไม่มีราคาอะไรแล้ว จะไปรับผิดชอบทำไม”

ลือพงษ์บอกว่าตนก็คิดหาทางแก้ปัญหาอยู่เหมือนกันแต่เธอก็สร้างปัญหาไม่จบไม่สิ้นถามอย่างอัดอั้นว่า

“รู้ไหมว่าเดกับแม่เขาไม่เอาตัวเองแล้วจะให้เค้าไปพูดอะไรได้อีก ตัวเองร้ายแบบนี้แม่เค้ากลัว แม่กับเดเค้าไม่เอาตัวเอง”

อุไรอึ้งไปครู่หนึ่งถามว่าแล้วเขาจะแก้ปัญหาอย่างไร ลือพงษ์ตอบไม่ออก อุไรถามอีกว่ารักตนไหม พอลือพงษ์บอกว่ารัก เธอชวนหนีไปด้วยกัน ลือพงษ์นิ่งเพราะกลัวคำขู่ของเดที่ว่าถ้าทำอย่างนั้นก็ตัดพ่อตัดลูกกัน

ไม่ว่าอุไรจะถามว่ารักตนไหม บอกว่าตอนนี้ตนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้วอายคนทั้งบาง ลือพงษ์ก็บอกว่าเขาเข้าใจแต่พอชวนหนีไปด้วยกันอีก ลือพงษ์บอกว่าทำแบบนั้นไม่ได้ตนทำนาไม่เป็น ถ้าไม่ได้วิ่งรถก็อดตายกันพอดี

“งั้นมันก็คงจบใช่ไหม...” ลือพงษ์ก็ยังบอกว่าเขาไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ แต่...แล้วนิ่งไป อุไรตัดบททันทีว่า “เข้าใจแล้ว เข้าใจทุกอย่าง ไม่ต้องอ้อมค้อม รักอนาคตตัวเองมากกว่าหน้าของเค้า เห็นแก่ตัวที่สุด!”

อุไรปิดประตูรถปังแล้วเดินไปเลย ลือพงษ์มองตาม ได้แต่ถอนใจอย่างเหนื่อยล้า

พะยอมยืนมองอยู่ เห็นอากัปกิริยาของทั้งสองแล้วก็ยิ้มสมใจ เชื่อว่าแบบนี้เลิกกันแน่!

ooooooo

อัมพรออกจากห้องหมอมองหาอุไรไม่เห็น แต่กลับเห็นประยงค์นั่งหน้าซีดอย่างอ่อนล้าอยู่ อัมพรตกใจรีบเข้าไปหา พูดอย่างรู้สึกผิดว่า

“พี่ยงค์...ฉันไม่คิดว่าพี่จะเป็นมากอย่างนี้” ประยงค์ปรือตามอง เรียก “อัมพร...เอ็งไม่โกรธพี่นะ” อัมพรกุมมือ ประยงค์ไว้ด้วยความสะเทือนใจ หมวดทวีบอกว่าท่าทางเขาแย่มาก ตนจะไปคุยกับหมอเผื่อจะลัดคิวให้ได้แล้วเดินออกไป

อัมพรออกมาหาอุไรเห็นแต่ลือพงษ์นั่งซึมอยู่ในรถเลยเดินไปถามว่าอุไรล่ะ? ลือพงษ์ไม่ตอบ อัมพรเดินเลยไปหา เจอพะยอมตะโกนเรียกบอกว่า

“พี่ยงค์ถูกหมากัดด้วย หมอเห็นแผลที่ขาก็เลยออกมาถาม หมอกลัวว่าจะเป็นหมาบ้า”

อัมพรตกใจมากเพราะถ้าหมาบ้ากัดอันตรายถึงตายได้ พะยอมเอาแต่ร้องไห้ด้วยความตกใจกลัว หมวดทวีเข้ามาปลอบว่าใจเย็นๆอาจจะไม่ใช่หมาบ้าก็ได้ อัมพรก็ปลอบว่า ทำใจดีๆไว้หมอแค่สงสัยเท่านั้น

อุไรเดินหน้าเครียดเข้ามาบอกอัมพรว่าเสร็จแล้วก็กลับกันเถอะ อัมพรบอกว่าจะรอดูประยงค์ก่อน อุไรที่กำลังเสียใจเจ็บใจเรื่องลือพงษ์ถามว่ารอทำไมไม่เกี่ยวอะไรกับเรา

“เกี่ยวสิ...” อัมพรบอก เห็นอุไรสะบัดหน้าอย่างขัดใจ อัมพรเลยบอกหมวดทวีว่า “ผู้หมวดกลับไปกับอุไรก่อนก็ได้เดี๋ยวฉันกลับกับพะยอมเอง” อุไรเลยกลับไปกับหมวดทวี

ขณะเดินออกมา อุไรเดินนำหน้าแต่พอเห็นลือพงษ์นั่งมองอยู่ในรถ อุไรก็ชะลอฝีเท้าจนหมวดทวีเดินมาทันก็เข้ากระแซะจับต้นแขนพากันเดินไปที่รถเก๋งของหมวดที่จอดไม่ห่างจากรถของลือพงษ์นัก

ลือพงษ์มองอุไรนั่งรถเก๋งของหมวดทวีออกไปด้วยหัวใจที่แตกสลาย...

ooooooo

อุไรนั่งเบือนหน้ามองไปนอกหน้าต่างรถแอบเช็ดน้ำตาไม่ให้หมวดเห็น แต่หมวดดูออกพูดให้กำลังใจว่า ปัญหาทุกอย่างมันมีทางแก้ทั้งนั้น กลับถูกอุไรที่อารมณ์เสียอยู่พูดใส่ว่า

“ไม่รู้...แล้วอย่าพูดดีกว่า” หมวดเลยเงียบเห็นอุไรปาดน้ำตาก็ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้บอกว่าให้แล้วให้เลยสั่งขี้มูกก็ได้

กลับมาถึงบ้าน นางอ่ำเห็นแต่อุไรกลับมาคนเดียวก็ถามว่าแล้วอัมพรล่ะ อุไรบอกว่าเขารอดูอาการผัวเขาอยู่เดี๋ยวคงกลับมากัน คงหาทางกลับมาเอง นางอ่ำถามว่าประยงค์ไปหาหมอเหมือนกันหรือ อุไรพยักหน้าให้แม่ หันไปขอบคุณหมวดทวีแล้วขอตัวเลย นางอ่ำเลยต้องรับแขกแทน ถามหมวดว่ารีบไปไหนหรือเปล่า ชวนขึ้นบ้านกินน้ำกินท่ากันก่อน

พอหมวดทวีขึ้นบ้าน นางอ่ำบอกว่าตนกำลังเข้าครัวพอดีชวนอยู่กินข้าวด้วยกัน หมวดเกรงใจบอกว่ารบกวนเปล่าๆ

“รบกวนอะไรกัน คุณน่ะช่วยเหลือพวกเราเอาไว้มาก” หมวดพูดออกตัวว่าไม่รู้ว่าช่วยเหลือหรือมาทำให้อะไรๆมันแย่ลง “อย่าคิดอย่างนั้นเลยคุณ ฉันว่าเราคงเกื้อหนุนกันมา ไม่ชาติใดก็ชาติหนึ่งล่ะ ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่มีน้ำใจกับพวกเราขนาดนี้หรอก”

ไม่นานลือพงษ์ก็ขับรถมาส่งอัมพรที่หน้าบ้านก่อนไปส่งประยงค์กับพะยอม อัมพรขอบใจลือพงษ์และฝากพะยอมให้ดูแลประยงค์ด้วย ยืนมองรถลือพงษ์พาประยงค์ไปบ้านด้วยความเป็นห่วง

พออัมพรขึ้นเรือนหมวดทวีถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง อัมพรบอกว่า

“หมอให้รอดูอาการ” แล้วอัมพรก็เล่าอย่างทุกข์ใจว่า “เรื่องหมา...จริงๆแล้วหมออยากให้ตัดหัวหมาไปตรวจ แต่ไม่รู้จะไปหาเจอรึเปล่า พี่ยงค์เขาปล่อยไว้หลายวัน แผลก็เลยอักเสบ ฉีดยากันบาดทะยักแล้วแต่ก็ต้องไปฉีดยากันหมาบ้าอีกทุกวัน...ยี่สิบกว่าเข็ม อ้าว...แล้วอุไรไปไหนไม่มานั่งคุยเป็นเพื่อนผู้หมวด”

“อุไรอยู่ในห้องครับ แม่คุณอยู่ในครัว”

อัมพรคุยกับหมวดทวีซื่อๆ อย่างเปิดเผย ถามว่าไม่รังเกียจพวกตนที่เป็นชาวไร่ชาวนาหรือ หมวดบอกว่าตนก็ลูกชาวนาเพียงแต่มีโอกาสได้เรียนหนังสือเท่านั้น อัมพรเจียมตัวว่าพวกตนการศึกษาน้อยจบแค่ประถมสี่กัน หมวดก็บอกว่าพ่อตนก็ประถมสี่ แม่ไม่ได้เรียนด้วยซ้ำ

“คุณมาวุ่นวายกับพวกเราไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย” อัมพรพูดออกตัวอีก หมวดบอกว่ามันเป็นความสุขทางใจ “พวกเราไม่ใช่คนดิบคนดีอะไรเลยนะคะ ฉันเป็นม่ายผัวทิ้ง พ่อก็ฆ่าคนตาย น้องสาวก็....ก็พาพี่สาวขึ้นโรงพักเป็นว่าเล่น”

“อยากรู้ไหมว่าผมชอบพวกคุณตรงไหน ผมว่าพวกคุณชัดเจนกันดีครับ แม้แต่ตอนนี้คุณก็ไม่อ้อมค้อมเรื่องที่คุณคาใจ จะว่าไปคุณก็เป็นห่วงผมด้วย” เห็นอัมพรทำหน้างง หมวดอธิบายว่า “ก็คุณกลัวว่าผมจะเสียชื่อไม่ใช่เหรอครับ แต่ผมบอกตามตรงนะว่า ผมไม่ได้คิดคบหาพวกคุณเพื่อหน้าตาผม แต่ผมคบเพราะความรู้สึก...

ยิ่งผมเห็นพวกคุณมีกันสามคนแม่ลูกแล้วถูกคนอื่นรังแกแบบนี้ ผมอยากช่วย อยากแบ่งเบาทุกข์สุขบ้าง”

“แบ่งเบา?”

“ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน แต่เอาเป็นว่า ทางบ้านคุณไม่รังเกียจผู้ชายรูปชั่วตัวดำแบบนี้นะครับ”

อัมพรยิ้มแห้งๆ นึกในใจว่าต้องถามอุไรมากกว่ามั้ง....

ooooooo

พาประยงค์ขึ้นบ้านแล้ว ประยงค์เอาแต่เพ้อหาอัมพร พร่ำขอโทษ ขออย่าโกรธตนเลย พะยอมกับลือพงษ์เห็นแล้วได้แต่มองหน้ากัน

พะยอมขอร้องลือพงษ์อย่าเพิ่งกลับอยู่กินข้าวกันก่อน ลือพงษ์ไม่ตอบ พอพะยอมลุกไป ลือพงษ์ก็ลุกบ้าง

ลือพงษ์ไปนั่งซึมที่ห้องโถง ยามพลบค่ำเช่นนี้ ทำให้เขาคิดถึงวันที่เล่นน้ำกับอุไรและได้เสียกัน นึกถึงที่ทะเลาะกันรุนแรงที่หน้าโรงพยาบาล ภาพเหล่านั้นตามหลอนภาพแล้วภาพเล่า ลือพงษ์ได้แต่ถอนใจอย่างอัดอั้น

พะยอมเข้าครัวไปหาของทำอาหารตั้งหม้อข้าวแล้วเดินออกมา ลือพงษ์นั่งเงียบๆอยู่มืดๆพะยอมนึกว่ากลับไปแล้ว พอเรียกจึงรู้ว่ายังอยู่ ถามว่าทำไมไม่จุดตะเกียง ลือพงษ์บอกว่าตนไม่ใช่เจ้าของบ้าน พะยอมจึงไปหยิบตะเกียงมาจุดให้

ลือพงษ์ถามว่าหุงข้าวเสร็จหรือ พะยอมบอกว่าตั้งหม้อไว้แล้ว ว่าจะลงไปเก็บมะนาวมาตำน้ำพริกให้กิน พอหันไปไม่ทันดูเหยียบเอากระป๋องนมเซจะล้ม ลือพงษ์ประคองไว้เนื้อแนบเนื้อ ตาประสานกันอย่างใกล้ชิด

“ขอบใจจ้ะพี่...ฉันนี่ซุ่มซ่ามจัง” พะยอมพูดเขินๆ หลบตาลือพงษ์จะเบี่ยงตัวออก แต่ลือพงษ์ไม่ยอมปล่อย แถมยังจู่โจมจูบจนพะยอมเคลิ้มกับสัมผัสครั้งแรกจากผู้ชาย นิ่งงันไปราวกับโลกหยุดหมุน!

ลือพงษ์ปล่อยใจไปตามปรารถนาของอารมณ์เพราะผู้ใหญ่ให้ท้ายอยู่แล้ว

ทั้งคู่อยู่ในห้องนอนจนหม้อข้าวที่ตั้งไฟไว้ข้าวเดือดน้ำพุ่งจนกระทั่งไหลลงเตา...และข้าวไหม้...

ooooooo

สุดากับสำลีเดินมาหน้าบ้านเห็นไฟมืด สุดาถามแม่ว่ามืดค่ำแล้วน่าจะกลับกันแล้ว พลางร้องเรียก สำลีถามสุดาว่าได้กลิ่นอะไรไหม สุดาบอกว่าเหมือนกลิ่นข้าวไหม้

ด้วยความเป็นห่วง สองแม่ลูกขึ้นไปที่ครัว เห็นข้าวไหม้ สำลีบ่นว่าทำไมตั้งหม้อแล้วไม่ดู มันไปไหนของมัน สุดารีบหาผ้ายกหม้อลง ถามสำลีว่า

“แม่...รถที่จอดอยู่หน้าบ้านมันรถโกตาไม่ใช่เหรอ” สำลีบอกว่าใช่ สงสัยว่าสองคนอยู่เรือนโน้นกัน แล้วพากันออกจากครัว สุดาบ่นว่ามืดอย่างกับไม่มีคนอยู่ สำลีก็ตะโกนเรียกพะยอมไปด้วย สุดารีบห้ามแม่เมื่อได้ยินเสียงบางอย่างแล้วดึงแม่ออกไป

สุดากับสำลีมาหยุดที่หน้าห้องพะยอม ได้ยินเสียงพะยอมร้องไห้กระซิกๆอยู่ในห้อง สองแม่ลูกมองหน้ากันแล้วสุดาก็ทนไม่ได้ผลักประตูเข้าไปถาม

“พะยอม...เอ็งเป็นอะไร”

แล้วทั้งสุดาและสำลีก็ชะงักหน้าเสีย เมื่อเห็นพะยอมนั่งฟุบหน้าร้องไห้ และลือพงษ์นั่งกอดเข่าอยู่ไม่ไกลนัก!

ลือพงษ์กลับถึงบ้านอย่างเงียบขรึม แม่ทักก็ไม่ตอบเดบอกก็ไม่พูด จนโกตาถามนกเล็กว่ามันเป็นอะไรของมัน

ลือพงษ์เข้าห้องไปนอนก่ายหน้าผาก เจ็บใจตัวเองกับสิ่งที่ทำลงไป แต่อีกใจก็แก้ตัวให้ตัวเองว่าดีแล้ว เพราะอุไรยังมีคนใหม่ได้เลย

ooooooo

เช้าวันรุ่งขึ้นนางอ่ำใส่บาตรเสร็จ ชาวบ้านคนหนึ่งก็มาถามว่าไปตลาดมาหรือยัง นางอ่ำบอกว่าวันนี้ไม่ไปเพราะกับข้าวกับปลามีอยู่แล้ว ชาวบ้านคนนั้นถามว่ายังไม่รู้เรื่องอะไรเลยใช่ไหม นางอ่ำไม่อยากสนใจ ชาวบ้านคนนั้นเล่าจนได้ว่า

“แต่เขาลือกันว่า เมื่อวานนังแย้มมันไม่อยู่ ลูกสาวมันก็เลยถูกผู้ชายขึ้นหาน่ะ”

นางอ่ำผงะ อุไรปราดเข้ามาถามว่า “ใคร...ผู้ชายคนนั้นมันเป็นใครป้า!” ชาวบ้านคนนั้นบอกว่าสำลีเล่าว่าสุดาเห็นมากับตา อุไรย้ำถามอย่างร้อนใจ “ฉันถามว่า ผู้ชายคนนั้นมันเป็นใคร!”

“จะใครซะอีกล่ะอุไรเอ๊ย...ก็ไอ้ลือพงษ์แฟนเอ็งน่ะสิ”

อุไรช็อก มือเท้าเย็นแทบจะเป็นลม

พอขึ้นเรือนอุไรร้องไห้โฮ อัมพรปลอบน้องว่าอย่าเพิ่งไปเชื่อปากคนมันห้ามกันไม่ได้ ข่าวลือยังไงก็เป็นข่าวลือ ส่วนนางอ่ำก้มหน้าอย่างไม่รู้จะปลอบอุไรอย่างไร อุไรบอกอัมพรว่าสันดานผู้ชายมันก็เป็นอย่างนี้แหละ อัมพรบอกว่าตนจะไปเอาความจริงจากปากลือพงษ์เอง

“ไม่จำเป็นหรอกพี่อัมพร ทุกอย่างมันเข้าทางอีแย้มหมดแล้ว ฉันเห็นสันดานแท้ๆของพวกมันแล้ว...อีเพื่อน ทรยศ ชาตินี้อย่าเผาผีกันเลย” แล้วอุไรก็ลุกเข้าห้องไป

ooooooo

นางแย้มไปถึงบ้านโกตาก่อนแล้ว โกตาบอกว่าตนเพิ่งเค้นถามเอาความจริงจากลือพงษ์เมื่อเช้านี้เอง มันถึงได้ยอมรับ นางแย้มยิ้มเต็มหน้าชมเปาะว่า

“โถ...พ่อลือพงษ์นี่ช่างเป็นลูกผู้ชายอกสามศอกแท้ๆทำอะไรไว้ก็ยืดอกยอมรับ” นกเล็กถามว่าแล้วนางแย้มจะเอายังไงดี “ไหนๆมันก็มากันถึงขั้นนี้แล้ว ก็อย่าให้พะยอมมันตกเป็นขี้ปากชาวบ้านเขาเลย มันจะได้อายกันเปล่าๆ ฉันน่ะสงสารลูก อีกอย่าง...ถ้าเด็กมันไม่รักกัน มันก็คงไม่เข้าหากันอย่างนี้หรอก จริงไหมล่ะแม่นกเล็ก”

โกตาเสนอว่างั้นก็หมั้นกันไว้ก่อนปลายปีค่อยแต่ง นางแย้มแย้งทันทีว่าทำไมต้องรอให้เนิ่นนานขนาดนั้น โกตาเสนอว่างั้นก็เป็นหลังเกี่ยวข้าวจะได้เร็วขึ้นหน่อย แต่ก็ยังไม่ทันใจนางแย้ม แต่อ้างว่าไม่ทันใจเด็กมันเสนอใหม่ว่า

“เย็นนี้ผูกข้อไม้ข้อมือ ตกค่ำก็ส่งตัวเข้าห้องหอกันเลยก็สิ้นเรื่อง” นกเล็กถามมึนๆว่าเอางั้นเลยหรือ

“ทำแค่เป็นพิธีเท่านั้นแหละแม่นกเล็ก ชาวบ้านจะได้เลิกปากยื่นปากยาวกันเสียที”

แต่พอนกเล็กกับโกตาพูดถึงเรื่องสินสอดทองหมั้นนางแย้มก็ทำเป็นโกรธบอกว่าไม่ต้อง บาทเดียวตนก็ไม่เอา บอกแล้วว่า “เด็กมันรักกันแค่มันได้สมหวังร่วมหอลงโรงกันหัวอกคนที่เป็นแม่อย่างฉันก็ปลื้มใจจนไม่รู้จะปลื้มยังไงแล้ว”

โกตากับนกเล็กแอบโล่งอก ส่วนนางแย้มปากพูดไปอย่างนั้นเพราะต้องการเอาชนะอุไร แต่แอบเสียดายเหมือนกัน

ooooooo

ประยูรกลับบ้านจึงรู้จากสุดาที่มาดูแลประยงค์ว่าที่บ้านเตรียมจัดงานแต่งระหว่างพะยอมกับลือพงษ์ เขาอึ้งนึกไม่ถึงว่าพะยอมจะแย่งลือพงษ์ไปจากอุไรจนได้

เข้าไปดูประยงค์เห็นพี่ชายเพ้อหาแต่อัมพร ประยูรสงสารพี่ชายจึงไปบอกอัมพรว่าอาการประยงค์ไม่ค่อยดีอยากให้ไปดูหน่อย อัมพรบอกว่าตนสัญญาแล้วว่าจะไม่กลับไปเหยียบบ้านนั้นอีก อุไรจึงอาสาจะไปคุยกับประยูรเอง

อุไรออกไปบอกประยูรให้กลับไปเสีย อัมพรตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ไปเหยียบบ้านนั้นอีก ประชดว่า

“นังสุดามันก็ดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำอยู่ไม่ใช่หรือ แม่เอ็งก็คงสมใจอยู่หรอก ได้ลูกสะใภ้ ลูกเขยสมใจอยากแล้วนี่” ประยูรบอกว่างานนี้ตนไม่เกี่ยว “แต่เอ็งก็เคยมีส่วนเกี่ยวข้อง พี่พงษ์เข้าใจผิดก็เพราะเอ็ง เลวด้วยกันทั้งแม่ทั้งลูกทั้งบ้าน ไป๊...ออกไปจากบ้านข้าเดี๋ยวนี้!”

ประยูรจำต้องออกจากบ้านไป อุไรน้ำตาร่วงพรูทั้งช้ำทั้งเจ็บ

ooooooo

พอประยูรกลับถึงบ้าน ก็ถูกนางแย้มสั่งให้ไป เตรียมโน่นนี่นั่นวุ่นวายไปหมด เขาถามว่าทำไมต้อง รีบร้อนขนาดนี้ด้วย นางแย้มถามว่าปลาฮุบเหยื่อแล้วจะไม่ดึงเบ็ดรึไง ประยูรถามว่าแม่เรียกสินสอดทองหมั้นเท่าไร

นางแย้มบอกว่าสลึงเดียวก็ไม่เอา เพราะ “กูจะให้มันลือกันทั้งหนองนมวัว อีอุไรมันจะได้ยิ่งเจ็บกระดองใจว่าถูกแย่งไอ้ลือพงษ์มาจากมันได้” ประยูรถามว่าแม่ทำเกินไปรึเปล่า “มึงอย่าลืม บ้านอีอ่ำมันจะต้องฉิบหาย พวกมันจะต้องอยู่สู้หน้าใครที่นี่ไม่ได้ ต้องระเห็จไปจากหนองนมวัว มึงไปทำธุระที่กูสั่ง สามทุ่มจะได้ฤกษ์ผูกข้อไม้ข้อมือแล้ว”

ประยูรบอกว่าประยงค์ไข้ขึ้นสูงจนเพ้อส่งไปโรงพยาบาลก่อนไหม นางแย้มบอกว่าสุดาดูแลอยู่ไม่เป็นไรหรอกให้กินยาลดไข้ประทังไปก่อน ตอนนี้ไม่มีใครว่างหรอก

อัมพรพูดกับนางอ่ำอย่างเจ็บใจว่านางแย้มคนเดียวมันตั้งใจทำลายพวกเรา แล้วลุกจะออกไป นางอ่ำถามว่าจะไปไหน อัมพรบอกว่าคนเดียวที่จะบอกตนได้ว่า

นางแย้มเอาลูกตนไปไว้ที่ไหนคือลือพงษ์ ตนจะอาศัยช่วงที่กำลังวุ่นวายกันไปแย่งลูกคืนมาให้ได้

เดินไปเจอแม่ค้าถามอัมพรว่าจะไปไหน อัมพรบอกว่าจะไปหาลือพงษ์ ถามว่าเขาออกไปไหนหรือเปล่า แม่ค้าเล่าอย่างรู้ดีว่าจะไปไหนได้ค่ำนี้ก็จะผูกข้อมือกันแล้ว ถูกเก็บตัวอยู่ในบ้าน ถามว่ามีอะไรกับลือพงษ์หรือ อัมพรอึกอัก แม่ค้าถามว่าอย่างนี้แล้วอุไรจะทำยังไง

“อุไรก็อยู่ส่วนอุไร แค่คนรักกันเท่านั้น ยังไม่ทันได้แต่งกัน ก็คิดซะว่ามันมีเวรมีกรรมต่อกัน”

“คิดได้ยังงั้นก็ดี”

ooooooo

อัมพรไปที่บ้านลือพงษ์ถามนกเล็กว่าลือพงษ์อยู่ไหน นกเล็กปดว่าไม่อยู่ออกไปไหนก็ไม่รู้

อัมพรบอกว่าตนมาทำธุระสำคัญ แล้วเล่าเรื่องลือพงษ์ขับรถพานางแย้มเอายงยุทธไปส่งที่ปากน้ำโพธิ์ตนแค่อยากรู้ว่านางแย้มเอาลูกตนไปไว้ที่ไหน ตนจะไปหาลูก อ้อนวอนขอความเห็นใจ ขอให้นึกถึงหัวอกคนเป็นแม่บ้าง

นกเล็กบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตน ไล่ให้กลับไปเสียอย่ามาวุ่นวายแถวนี้แล้วเดินหนีไป อัมพรมองอย่างสิ้นหวัง...

แต่พอออกมามองขึ้นไปที่ห้องลือพงษ์ เห็นเขายืนอยู่ทำสัญญาณไม่ให้ส่งเสียงรีบโยนกระดาษแผ่นหนึ่งลงมาให้ แล้วหายกลับเข้าไปในห้อง อัมพรเก็บจดหมาย รีบกลับไปอ่านที่บ้านกับอุไร

“พี่อัมพร...ฝากบอกอุไรด้วยว่าผมขอโทษ ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย...ส่วนเรื่องลูกของพี่ ผมไม่ได้ไปส่งป้าแย้มจนถึงที่ ป้าแย้มอุ้มหลานนั่งสามล้อไปต่อเอง แต่ผมได้ข่าวว่าไปบ้านป้าย้อยเป็นโรงงานน้ำปลา ผมช่วยพี่ได้เท่านี้เอง”

อุไรอ่านจดหมายแล้วน้ำตาร่วง อัมพรบอกน้องให้คิดเสียว่าหมดเวรหมดกรรมต่อกันแล้ว อุไรปาดน้ำตาทิ้งบอกว่า

“เรื่องแค่นี้ไม่ถึงตายหรอก ใช่ไหมพี่อัมพร กับอีแค่ผู้ชายห่วยๆใจคอโลเลคนนึง จะต้องไปเสียดายมันทำไม ฉันจะต้องเข้มแข็ง จะต้องอยู่ให้ได้ ให้มันรู้กันไป!”

อัมพรเอื้อมบีบมืออุไรอย่างให้กำลังใจ

ooooooo

นางแย้มจัดงานแต่งอย่างเอิกเกริก ทองหยองมีเท่าไหร่ขนมาแต่งเพียบ บอกพะยอมว่า

“วันนี้แม่ทำให้เอ็งสมหวังได้ผัวที่เอ็งอยากได้แล้ว ยิ้มหน่อยสิวะ ยิ้มอย่างผู้ชนะให้มันกระอักเลือดตายไปเลย...ยิ้ม!”

เสียงโฆษกและดนตรีอึกทึกครึกโครมไปจนถึงบ้านนางอ่ำ พวกนางอ่ำตั้งสำรับจะกินข้าวกัน นางอ่ำสงสารอุไรจะไปปิดหน้าต่าง อุไรเดินออกมาบอกแม่ว่า

“ไม่ต้องปิดมันหรอกแม่ ช่างหัวมันเถอะ เสียงหมาเห่าเรายังทนฟังได้เลย กะอีแค่นี้ฉันไม่เป็นไรหรอก กินข้าวกันเถอะ” นางอ่ำบอกว่าถ้าอุไรหักอกหักใจได้แม่ก็สบายใจ “ความรักมันบ้าบอคอแตก มันไม่มีอยู่จริงหรอกแม่ มันก็แค่คำโกหกหลอกลวงเท่านั้นเอง พอกันที ชาตินี้ฉันจะไม่ขอมีมันอีกแล้ว”

สามแม่ลูกปรึกษากันว่าเราทำนาเองก็ไม่ไหว ให้เขาเช่าแล้วเราไปทำอย่างอื่นดีกว่า อุไรเรียนจบแล้วจะเปิดร้านตัดเสื้อ อัมพรกับนางอ่ำจะขายก๋วยเตี๋ยว เลือกทำเลที่ท่ารถใหม่ในเมืองที่กำลังสร้างตึกแถว อัมพรบอกว่าจะลองไปถามๆดู

อุไรถามว่าแล้วลูกล่ะ อัมพรบอกว่ายังไงตนก็ต้องเอาลูกคืน ส่วนประยงค์ อัมพรบอกแม่กับน้องอย่างตัดใจแล้วว่า

“พี่กับพี่ยงค์คงต้องหันหลังให้กันแล้ว ช่างมันเถอะ วาสนาคงมีต่อกันแค่นี้ ใจพี่ตอนนี้มีแต่ลูกเท่านั้น ยังไงพี่ก็ต้องเอาลูกคืนมาให้ได้”

กินข้าวเสร็จนางอ่ำรวบรวมสำรับจะยกไปเก็บ อุไรบอกว่าตนเก็บเอง แต่พอจะลุกก็ชะงักเกิดอาการคลื่นไส้ขึ้นกะทันหันจนต้องวิ่งออกไปอ้วก อัมพรรีบตามไปดูน้อง

นางอ่ำชงยาหอมให้อุไร อัมพรบอกแม่ว่าน้องคงเหนื่อยและเครียด แต่นางอ่ำสีหน้าวิตก บอกอัมพรว่า

“แม่กลัวว่า...อุไรมันท้องน่ะ”อัมพรอึ้ง...

ส่วนอุไรอยู่ในห้องนอน มือกำผ้าห่มแน่น ร้องไห้อย่างเจ็บปวด รู้ดีว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง!

ooooooo

สุดแค้นแสนรัก

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด