สมาชิก

สะใภ้จ้าว

ตอนที่ 8

ค่ำคืนแห่งการเปลี่ยนโฉมนางทโมนให้เป็นสาวชาววังจบลงอย่างสวยงาม ท่ามกลางความง่วงงุนและอาการปวดเมื่อยทั้งร่างของสาลิน แต่ผลลัพธ์ก็เป็นที่น่าพอใจมาก แต่คงไม่ใช่สำหรับคุณสร้อย ด้วยฝังใจเสียแล้วว่าหลานสาวคนเล็กเป็นพวกกระโดกกระเดกไม่เรียบร้อยเหมือนพวกทหารพระรามกลับชาติมาเกิด!

การมาถึงของสาลิน น้องสาวคนเดียวของศรีจิตรา ทำให้ผู้คนในวังวุฒิเวสม์ตื่นเต้นมาก ไม่เว้นแม้แต่คุณชายรอง ถึงกับตะลึงตาค้าง ที่ได้เห็นบรรณารักษ์สาวคู่ปรับในสภาพสวยงาม ผุดผาด เหมือนหญิงสาวชาววังไม่มีผิด

แต่คนตื่นเต้นสุดคงหนีไม่พ้นคุณสอางค์ ด้วยคำพูดของน้องสาวยังฝังหัว ทำให้ระแวง กลัวหลานสาวคนเล็กจะทำให้ขายหน้า แต่สาลินก็ทำให้สองป้าอ้าปากค้าง เมื่อเธอสามารถหมอบคลานและสำรวมกิริยามารยาทได้อย่างนุ่มนวล จนแม้แต่เสด็จพระองค์หญิงยังอดทอดพระเนตรด้วยความพอพระทัยไม่ได้

“หน้าตาสดใสดีจริง ท่าทางคล่องแคล่วไม่กลัวใคร แต่หมอบคลานกราบกรานอะไรก็เรียบร้อย”

สาลินใจเต้น ก้มหน้าซ่อนยิ้ม ศรีจิตรามองไปทางน้องสาวด้วยความชื่นชมและเอ็นดู โดยมีคุณสอางค์กับคุณสร้อยเฝ้ามองอย่างระแวดระวัง กลัวสาลินจะดีแตกตอนท้าย แต่เสด็จฯกลับไม่ทรงคิดเช่นนั้น

“สอางค์...ไหนเธอบอกว่าแก่นแก้วทโมนไพร”

“หม่อมฉันไม่ได้บอกเพคะ แต่แม่สร้อยตัวดีเป็นคนบอกเพคะ”

คุณสร้อยสะดุ้งเฮือก สีหน้าเจื่อนอย่างเห็นได้ชัด รีบแก้ตัวอึกๆอักๆ

“ก็...ก็ปกติอยู่กับหม่อมฉัน ถ้าไม่ทำข้าวของแตก ก็ไปห้อยโจนทะยานบนต้นไม้ ไม่ก็ควบเป็นม้ามโนทัย วันนี้ที่เป็นอย่างนี้ได้ ก็แปลว่าที่หม่อมฉันอบ หม่อมฉันรม มันซึมเข้าไปได้น่ะสิเพคะ”

สาลินตาโต ทำท่าจะเถียงป้าเหมือนเคย แต่ศรีจิตราส่งสัญญาณขอไว้ เลยต้องพยายามข่มอารมณ์ ก่อนจะเงยหน้ายิ้มหวานกับเสด็จฯ เมื่อทรงมีรับสั่งถามด้วยความเอ็นดู

“จริงไหมสาลิน เธอน่ะ...เป็นประเภททำได้ทุกอย่าง แต่พอใครมากะเกณฑ์ จ้ำจี้จ้ำไช ก็พาลไม่ทำใช่ไหม”

“อาจเป็นได้เพคะ”

“จบห้องแปดแล้วยังไงนะ”

“หม่อมฉันไปเรียนต่ออนุปริญญาสองปีด้านบรรณารักษ์ พอจบก็ทำงานห้องสมุดฝรั่งที่สุรวงศ์เพคะ”

“ดูสิ ทำงานทำการแล้ว แต่หน้าอ่อนอย่างกับเด็กนักเรียน”

“ใครๆก็พูดกันแบบนี้กับหม่อมฉันบ่อยๆเพคะ”

สีหน้ายิ้มแย้มของหลานสาวคนเล็ก ทำให้คุณสร้อยนึกหมั่นไส้ อดแขวะไม่ได้

“อูย...เสด็จฯทรงชมเข้าหน่อย ก็หน้าเห่ออย่างกับได้ขึ้นปราสาท”

“แล้วจะให้หลานหน้างอคอคอดเป็นนิจศีลแบบเธอหรือ”

คุณสร้อยถึงกับหงอ เมื่อถูกเสด็จฯทรงตอกกลับ เรียกเสียงหัวเราะจากคนอื่น โดยเฉพาะบรรดานางข้าหลวงที่มาแอบดูสาลิน น้องสาวคนเดียวของศรีจิตรา...ว่าที่สะใภ้รองแห่งวังวุฒิเวสม์

และด้วยความเอ็นดูสาลินแท้ๆ ทำให้เสด็จฯมีรับสั่ง อยากให้เธอมาอยู่ในวังกับพี่สาว คุณสอางค์กับคุณสร้อยตื่นเต้นกันใหญ่ กระซิบกระซาบให้หลานสาวคนเล็กตอบรับ แต่สาลินก็เลือกจะปฏิเสธตรงๆ อยากอยู่ดูแลคุณตาคุณยายที่บ้านสวนมากกว่า เพราะท่านทั้งสองไม่มีใคร ที่สำคัญ...อยู่บ้านสวนก็เป็นอิสระดี

ศรีจิตราใจหายวาบ เกรงเสด็จฯจะกริ้ว เช่นเดียวกับคุณสอางค์กับคุณสร้อย ส่งสายตาดุใส่สาลินใหญ่ที่กล้าทูลปฏิเสธ แต่เสด็จฯก็ทรงทำให้ทุกคนแปลกใจ ด้วยการยอมรับการตัดสินใจของสาลิน

“เด็กรู้จักกตัญญู ดูแลคุณตาคุณยายแทนแม่... พูดกันตรงๆแบบนี้แหละดี ไม่ใช่อมพะนำไว้ แล้วมาหวานอมขมกลืนทีหลัง ไอ้เรื่องอิสระน่ะ เป็นใครก็ไม่ชอบถูกบังคับจู้จี้กันทุกคนแหละ”

ooooooo

การมาของคุณสร้อยและหลานสาวคนเล็ก ไม่เพียงทำให้ตำหนักใหญ่ครื้นเครง แต่ยังทำให้ตำหนักเล็กพลอยวุ่นวายไปด้วย โดยเฉพาะนมย้อย ต้องเตรียมสำรับกลางวันมากขึ้นเป็นพิเศษ คุณชายเล็กมองว่าเป็นเรื่องน่ายินดี ไม่ใช่แค่เพราะจะได้กินของอร่อย แต่จะได้ถือโอกาส ปันบางส่วนไปกำนัลสาวแสบบ้านสวนเมืองนนท์ด้วย

กว่าจะเข้าเฝ้าเสด็จพระองค์หญิงเสร็จ สาลินก็เกร็งจนเมื่อย แต่ยังแสร้งตีหน้านิ่ง ทำตัวเรียบร้อยต่อเนื่องจนศรีจิตราซึ่งรู้ทันความแสบของน้องสาว ต้องฟาดเพียะเข้าให้ด้วยความหมั่นไส้

“นี่ยายสา...เลิกทำเป็นเล่นสักที”

สาลินแกล้งโอดก่อนจะหลุดหัวเราะ แล้วลงไปนอนแผ่หราบนเตียง กิริยากลับกลายเป็นธิดาวานรเหมือนเคย

“ใครบอกว่าสาทำเล่น สาฝึกเอาจริงเอาจังอยู่ครึ่งค่อนวันกะครึ่งคืน ตอนเช้ายังมีซ้อมใหญ่อีก”

“เห็นไหมล่ะ สาน่ะจะทำดีก็ทำได้ เสด็จฯโปรดสามากนะ”

“นั่นสิ...ทีแรกสากลัวจะตาย นึกว่าจะทรงดุ ที่ไหนได้... พระทัยดีที่สุด แล้วเสด็จฯทรงให้สามาเฝ้าทำไมคะพี่ศรี”

ศรีจิตรานิ่งไปอึดใจ ก่อนจะบอกว่าเป็นพระประสงค์เสด็จฯ ให้อีกฝ่ายพาเธอไปเที่ยวเล่นข้างนอกบ้างรวมทั้งไปจับจ่ายซื้อเสื้อผ้าเตรียมสำหรับงานหมั้นที่จะมาถึง สาลินถึงกับผงะ ของขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อคิดได้ว่าคุณชายขี้เก๊ก ไม่ได้ทำตามสัญญา ยอมให้มีการแต่งงานเกิดขึ้นจนได้!

ความจริงจากปากพี่สาว ทำให้สาลินทนนั่งเฉยไม่ไหว ต้องแล่นไปเอาเรื่องคุณชายขี้เก๊กถึงตำหนักเล็ก คุณชายรองไม่มีทีท่าเดือดร้อน เตรียมตั้งรับอย่างเต็มที่ ต่างจากคุณชายเล็ก ลุกพรวดและขอตัวดื้อๆ กลัวสาลินจับได้

สาลินมาถึงตำหนักเล็กในอีกไม่กี่อึดใจต่อมา คุณชายรองตีหน้าขรึม ยืนยันจะทำตามที่สัญญาแน่ สาวแสบบ้านสวนไม่เชื่อนัก แต่ก็ยอมผ่อนท่าทีลง ปล่อยให้เขามีเวลาทำตามที่บอก พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นตะกร้าบรรจุกับข้าวและขนมหลายอย่าง หน้าตาคุ้นๆ คุณชายเล็กซึ่งแอบมองจากมุมลับตา ใจหายวาบ กลัวความแตก แล้วก็ได้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อเธอไม่ได้ติดใจอะไร

ความสดใสร่าเริงของสาลินทำให้เสด็จพระองค์หญิงพอพระทัยมาก จนคุณสอางค์กับคุณสร้อยเป็นปลื้ม และเกิดความคิดจะจับคู่หลานสาวคนเล็กให้คุณชายเล็ก ศรีจิตราผ่านมาโดยบังเอิญ อดขำไม่ได้เมื่อได้ยินแผนของสองป้า

“ต่อไปนี้แม่สร้อยต้องพายายสามาที่นี่บ่อยๆ ฉันจะได้จัดการให้เจอคุณชายเล็ก แต่ว่าเราต้องทำทุกอย่างให้มันแนบเนียน เป็นบังเอิญ เป็นฟ้าลิขิต เป็นธรรมชาติ เพราะยังไงเราก็ฝ่ายหญิง ถ้าคนรู้มันจะน่าเกลียด”

สองป้าคงวางแผนกันอีกนาน ถ้าศรีจิตราจะไม่เคาะประตูขัดจังหวะ พร้อมแจ้งว่าเธอกับสาลินจะไปเดินซื้อของสัปดาห์หน้า สองป้าเลยลืมเรื่องจับคู่เสียสนิท มัวบ่นด้วยความเป็นห่วง ไม่อยากให้สองสาวไปด้วยกันตามลำพัง

ooooooo

ขณะที่สถานการณ์ของวังวุฒิเวสม์เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ สถานการณ์ของคุณหญิงก้อยที่โรงแรมหรูเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย ต้องเจอผู้คนซ้ำๆ และเรื่องเดิมๆที่ไม่ทำให้เธอตื่นเต้นเหมือนเคย

วิรงรองซึ่งตามประกบราชนิกุลสาวหัวสูงเพื่อหาข่าว มองมาด้วยสีหน้าเอือมระอาไม่แพ้กัน นึกหมั่นไส้แทบแย่ แต่ก็ทำได้แค่ปั้นหน้ายิ้มแย้มชวนคุย ตามประสากระจอกข่าวที่ดี

“เธอนี่พิลึกจริง นั่นก็เบื่อนี่ก็เบื่อ ถามจริงๆเถอะ มีอะไรหรือเปล่า ฉันเห็นเธออารมณ์เสียมาเป็นเดือนแล้ว”

“ไม่มีอะไร แต่เธอก็รู้ว่าพระนครน่าเบื่อจะตายไป”

“ต๊าย...ฉันลืมไปว่าคุยกับอดีตนิวยอร์กเกอร์อยู่ เออ... หญิงก้อย อาทิตย์หน้าจะวันเกิดฉันล่ะ ฉันอยากจะจัดปาร์ตี้ อยากแต่งเป็นสไตล์เมษาฮาวายหรือชุดว่ายน้ำ เธอว่าแบบไหนดี”

“แบบไหนก็น่าเบื่อทั้งนั้น”

วิรงรองแอบเบ้หน้า เกือบจะหลุดปากจิกกัดอยู่แล้ว ถ้าจิตติณจะไม่พาแขกคนสำคัญเข้ามาเสียก่อน

คุณหญิงก้อยถึงกับหน้าตึง เมื่อได้เห็นหน้าแขกพิเศษของวิรงรอง ต่างจากอัศนีย์ สีหน้าระรื่นเหมือนได้เจอของถูกใจ วิรงรองเห็นเป็นโอกาสเหมาะจะเขี่ยถ่านไฟเก่าให้คุอีกครั้ง แต่ราชนิกุลสาวก็ไม่ให้ความร่วมมือ ขอตัวดื้อๆ

อัศนีย์ตามติด วิรงรองมองตามด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ คว้ากล้องใส่มือจิตติณแล้วลากไปถ่ายภาพอดีตสามีภรรยาคนดัง ด้วยความหวังจะได้ข่าวใหญ่ข่าวร้อน...เอาให้ฉาวไปทั้งพระนครเลยทีเดียว!

ทั้งที่ลั่นวาจาไปแล้วแท้ๆ ว่าไม่ได้เคยหลบหน้าใคร แต่ท่าทางเหมือนกำลังหนีอะไรบางอย่างของคุณหญิงก้อย ก็ทำให้อัศนีย์หัวเสีย ต้องตามไปพูดกันให้รู้เรื่อง

“สิ่งที่คุณหญิงทำนี่แหละเรียกว่าหลบหน้า ทำไมไม่คิดว่าสิ่งที่แล้วไปแล้วเป็นอดีต เราอยู่ในปัจจุบันก็พอ”

“ใช่...เพราะสิ่งที่แล้วไปแล้ว มันไม่มีความสลักสำคัญต่อฉันเลย...แม้แต่เพียงปลายเล็บ”

“นั่นสิ...ได้ข่าวว่าตอนนี้คุณหญิงกำลังมีความสุข”

คุณหญิงเหยียดยิ้มเย็น ตอกกลับอย่างมีมาด “คนอย่างฉัน มีความสุขเสมอ ไม่มีอะไรทำให้ฉันหมดความสุขได้หรอก เพราะโลกนี้ ไม่มีอะไรสำคัญกับฉันเท่ากับตัวฉันเอง”

“โอ...เรื่องนี้ผมรู้ดี รู้ซึ้งเข้าไปถึงจิตวิญญาณเชียวล่ะ”

สีหน้าเย้ยหยันของอดีตสามี ทำให้คุณหญิงก้อยโกรธมาก จะผละไป แต่ก็ถูกเขารั้งตัวไว้

“คุณหญิงเวลาสะบัดสะบิ้งแบบนี้ มันยั่วอารมณ์ผัวเก่าคนนี้ดีนัก”

คุณหญิงก้อยพยายามสะบัดตัวออก แต่ก็ถูกเขากระชากมากอดไว้ พร้อมสีหน้าดุดัน

“หยาบคาย ถ้าไม่ปล่อยฉันจะเรียกพนักงาน”

“เอาสิ...อยากให้เป็นข่าวหรือไง คุณหญิงถูกผัวเก่าปล้ำกลางโรงแรมหรู”

คุณหญิงก้อยโมโหมาก ดึงตัวสุดแรง แล้วตบอดีตสามีจนหน้าหัน แต่เขาก็ยังยิ้มได้ วิรงรองกับจิตติณซึ่งแอบถ่ายภาพล่อแหลมของอดีตสามีภรรยาจนพอใจ จึงแสร้งตีหน้าตกใจ แล้วออกไปไกล่เกลี่ย

“จากก้นบึ้งหัวใจฉันเลยนะ ฉันเสียดายแทนเธอสองคนจริงๆ” วิรงรองเปิดฉาก

“ถ่านไฟเก่าหรือ...คนอย่างฉันไม่มีวันหวนคืน มีแต่จะก้าวไปข้างหน้า” คุณหญิงก้อยตอก

“แต่อาร์นี่เป็นม้าฝีเท้าดีนะครับ อาจจะวิ่งไปดักรอคุณหญิงอยู่ปลายทางก็ได้”

คำพูดของจิตติณทำให้คุณหญิงก้อยตาวาว ก่อนจะยอมผ่อนท่าที เมื่อถูกหว่านล้อมให้สงบศึกหนักเข้า แต่กระนั้น...ราชนิกุลสาวคนดังแห่งพระนครก็วางท่ามากเหมือนเคย...ไม่ยอมสงบจริงๆ

ooooooo

แม้จะรับปากสงบศึกปะทะอารมณ์ แต่คุณหญิงก้อยก็ก่อสงครามประสาทกับอดีตสามีไม่เลิก จนเขานึกอยากเอาชนะ เมื่อเธอจะกลับวังรัชนีกุล เลยอาสาไปส่ง

“มันไม่ใช่ธุระของคุณที่จะไปส่งฉัน”

อัศนีย์ยิ้มยั่ว “สามีเก่าจะไปส่งอดีตภรรยามันเสียหายอะไรล่ะครับ เอาน่า...สงครามเย็นของเรามันต้องมีการติดพันนัวเนียกันบ้าง ไม่งั้นจะเรียกว่าสงครามได้ยังไง”

วิรงรองกับจิตติณมองตามอดีตสองสามีภรรยาที่ขึ้นรถไปด้วยกันยิ้มๆ นึกกระหยิ่มใจที่แผนสร้างสถานการณ์จุดถ่านไฟเก่าเพื่อหาข่าวฉาวของตนได้ผลเกินคาด แถมทำให้เพื่อนรักร่วมวงสังคมชั้นสูงคืนดีกันอีก

แต่ที่คอลัมนิสต์สาวกับช่างภาพจำเป็นไม่รู้ คือบรรยากาศบนรถอัศนีย์ เต็มไปด้วยความอึดอัด โดยเฉพาะจากคุณหญิงก้อย ที่อดเสียดายลึกๆไม่ได้ เมื่อพิจารณาความหรูหรารอบตัว ไม่เว้นแม้แต่คนขับรถกิตติมศักดิ์!

และคงเพราะมัวแต่เหม่อ เลยไม่ทันรู้ตัว ยกมือเสยผม เผยให้เห็นนาฬิกาเรือนเล็กแต่หรูหรา ของขวัญชิ้นสุดท้ายที่อดีตสามีมอบให้ก่อนหย่า อัศนีย์ถึงกับยิ้มเยาะเล็กๆ รู้ดีแก่ใจว่าอดีตภรรยาเป็นคนเช่นไร และไม่รอช้าเลยจะกำราบให้หายแค้น ที่ถูกเธอปั่นหัวป่วนประสาทตลอดทั้งวัน

“ขอบคุณนะครับ...ที่คุณหญิงยังใส่นาฬิกาเรือนนี้อยู่”

คุณหญิงก้อยชะงัก แต่ยังเชิดหน้า เอ่ยขอบคุณตามมารยาทและขอตัวเข้าวัง โดยมีอัศนีย์มองตามยิ้มๆ บรรดาสาวใช้เห็นสีหน้าเจ้านายสาวก็เตรียมหลบกระสุนเต็มที่ แต่ก็ผิดคาด เพราะราชนิกุลสาวไม่ได้อาละวาดอย่างที่นึกกลัว

หม่อมวาณีปลื้มมากที่ลูกสาวคนเล็กกลับวังแต่หัววัน ไม่ได้ไปสังสรรค์จนดึกดื่นเหมือนเคย แต่อารมณ์ดีๆก็ต้องจางหาย เมื่อได้รู้ว่าชายหนุ่มที่มาส่งลูกสาวคืออัศนีย์ เถลิงการ...อดีตสามีรูปหล่อพ่อรวยของลูกสาวคนเล็ก!

คุณหญิงกลางลอบถอนใจอย่างหนักหน่วง เมื่อได้เห็นอาการตีโพยตีพายของแม่

“หม่อมแม่คะ...สมัยนี้น่ะ ถึงจะเลิกร้างกันแล้วก็ยังเป็นเพื่อนกันได้”

“ไม่มีทางหรอก มีแต่จะตะขิดตะขวงใจมากกว่า ทำไมต้องเป็นแบบนี้ก็ไม่รู้ ถ้าท่านพ่อทรงทราบ เดี๋ยวก็กริ้ว”

หม่อมวาณีโวยไม่เลิก จนคุณหญิงกลางอ่อนใจ ต้องปล่อยให้แม่บ่นไปเรื่อยๆ...เหนื่อยเมื่อไหร่คงหยุดเอง

ooooooo

ภาพกอดรัดฟัดเหวี่ยงของอดีตสามีภรรยาคนดังอย่างอัศนีย์กับคุณหญิงก้อย กลายเป็นข่าวใหญ่วันรุ่งขึ้น พร้อมภาพประกอบและพาดหัวข่าวสุดฉาว โดยคอลัมนิสต์สาวเจ้าของคอลัมน์วิรงรองจ๊ะจ๋า

“ตุ๊กตาหน้ารถของอัศนีย์ เถลิงการ คนล่าสุดไม่ใช่ใครอื่น แต่คือ ม.ร.ว.เทพีเพ็ญแสง อดีตภรรยา...มีคนเห็นทั้งคู่ช่วยกันเป่าถ่านไฟเก่าจนลุกสว่างวาบ ไม่แพ้พลุปีใหม่...”

บรรดาสาวใช้ตำหนักเล็ก รวมทั้งนมย้อยใจไม่ดี พยายามจะเอาหนังสือพิมพ์ไปซ่อน แต่จรวยก็แอบหยิบไปวางให้คุณชายรองอ่านจนได้ โชคดีที่เขาไม่เห็นและไม่สนใจข่าวซุบซิบ แผนยุยงของจรวยเลยยังเป็นหมัน

ขณะที่สถานการณ์ในวังวุฒิเวสม์ยังเงียบสงบ สถานการณ์ที่วังรัชนีกุลร้อนเป็นไฟ เมื่อหม่อมวาณีได้อ่านข่าวซุบซิบของลูกสาว คุณหญิงกลางหยิบมาอ่านบ้างแล้วยิ้มหยัน

“ก็ไม่ดีหรือคะ หญิงก้อยจะได้มีสามีเดียว ไม่มีใครครหา”

“น้อยไปสิ แค่นี้ก็โดนนินทาจนไม่รู้จะยังไงแล้ว ฮึ...ไอ้เจ้าเสือผู้หญิงนี่มันจะมาจริงใจกับใคร ขืนไปคืนดีกับมัน ก็ไม่แคล้วน้ำตาเช็ดหัวเข่า โดนมันทิ้งอีก”

“แต่คราวที่แล้วน่ะ หญิงก้อยเป็นฝ่ายทิ้งนะคะ”

“ไม่รู้ล่ะใครทิ้งใครก่อน ถ่านไฟเก่าที่มันมีแต่ขี้เถ้า เป่าไม่ติดก็มีเหมือนกัน”

“ค่ะ...ถ่านไฟเก่าแบบคุณรองก็อาจเป็นอย่างนั้นด้วย”

หม่อมวาณีถึงกับอึ้ง แต่ก็เถียงไม่ออก เพราะลูกสาวคนโตพูดถูกทุกคำ

ไม่ใช่แค่หม่อมวาณีที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทนลูกสาวคนเล็ก ราชนิกุลสาวหัวสูงต้นเรื่องก็ประสาทเสียไม่แพ้กัน และไม่รอช้า จะโทร.ไปเล่นงานคอลัมนิสต์สาวคนดัง

“เรื่องอะไรอีกล่ะคะเจ้าหญิง”

“ไม่ต้องมาทำเป็นไขสือยายติ่ง ฉันพูดถึงข่าวที่เธอเสกสรรปั้นน้ำเป็นตัวขึ้นมา”

“แหม...ก็แค่ยั่วเย้ากระเซ้าแหย่เล่นๆ”

“แต่ฉันไม่เล่นด้วย”

“ไม่เล่นก็ไม่เล่น พูดจริงๆนะหญิง ใครๆทุกคนน่ะอยากให้เธอคืนดีกัน”

“ถ้าอย่างนั้น ใครๆทุกคนก็เตรียมผิดหวังก็แล้วกัน”

“หรือว่าเธอกลัวคุณชายรองโกรธ”

คุณหญิงก้อยเงียบไปอึดใจ ก่อนจะสวนกลับหยิ่งๆ

“โกรธก็โกรธไป ฉันไม่แคร์หรอก”

วิรงรองเบ้หน้าด้วยความหมั่นไส้ แต่ยังแสร้งเป็นห่วง “นี่...เธอกับคุณชายรองมีปัญหาอะไรกันแน่”

“เปล่า...ไม่มีปัญหาอะไร แค่ฉันรำคาญความลูกแหง่ติดเด็จป้าของเขา อะไรก็สุดแท้แต่เด็จป้า ตัดสินใจอะไรไม่ได้สักอย่าง ชักช้าน่ารำคาญ”

วิรงรองตาวาว รีบจดประเด็นสำคัญเรื่องปัญหาระหว่างคุณชายรองกับคุณหญิงก้อย “งั้นข่าวของฉันวันนี้ อาจเป็นผลดีกับเธอ คุณชายรองจะได้รู้ว่าเขามัวชักช้าไม่ได้ เพราะเธอเป็นกระดังงาลนไฟที่หอมหวนทวนลมขนาดนี้”

คุณหญิงก้อยคิดตาม แล้วขอวางสายดื้อๆ ยิ้มพรายด้วยความชอบใจ อารมณ์เสียๆก่อนหน้าแทบไม่มีเหลือ

ooooooo

จรวยไม่ยอมแพ้ หาเรื่องเอาหนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวฉาวของอัศนีย์กับคุณหญิงก้อยไปกางแผ่บนโต๊ะอาหารให้คุณชายรองรู้จนได้ คุณชายเล็กซึ่งเห็นเป็นคนแรก ปรายตามองพี่สะใภ้อย่างรู้ทัน ก่อนจะถอนใจยาว หันไปทางพี่ชายคนรองที่มีสีหน้านิ่งขรึมเหมือนเคย ดูไม่โกรธและไม่หึงอย่างที่นึกกลัว

“มันก็อาจจะทั้งโกรธ ทั้งหึง แต่แปลก...ที่รู้สึกชัดที่สุดคือเบื่อ”

“แล้วมันยังไงแน่ นี่พี่รอง...ยังรักหญิงก้อยอยู่หรือเปล่า”

“ฉันกับหญิงรักกันมาเกือบสิบปีแล้วนะ”

“แล้วตอนนี้...กับภาพข่าวแบบนี้ล่ะครับ”

คุณชายรองอึ้งไปอึดใจ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ไอ้เรื่องแต่งงานกับศรีจิตรานี่ ถ้านายเป็นฉัน นายจะทำยังไง”

“ถ้าผมเป็นพี่รอง ผมก็จะทำตามใจน่ะสิ จะมีประโยชน์อะไร ถ้าแต่งกับคนหนึ่ง แล้วหัวใจไปอยู่กับอีกคน”

คำพูดน้องชายแทงใจดำอย่างแรง แต่กระนั้น... คุณชายรองก็ยังเกรงพระทัยเสด็จพระองค์หญิง

“ถ้าเป็นผม...ผมจะทูลเด็จป้าให้เด็ดขาด และต้องยอมให้เด็จป้ากริ้วด้วย”

“ถ้าเด็จป้ากริ้ว เรื่องก็จะใหญ่โต ดีไม่ดี ฉันอาจจะถูกตัดจากกองมรดก ต้องระเห็จไปอยู่ที่อื่น”

“จะขนาดนั้นเลยหรือครับ”

“เสด็จฯตรัสคำไหนต้องเป็นคำนั้น”

คุณชายเล็กยิ้มให้กำลังใจพี่ชายคนรอง “ก็ไม่เห็นจะเป็นไรนี่ครับ เงินส่วนตัวของพี่รองก็มี เงินเดือนก็ตั้งหลายพัน ร้านผ้าไหมก็ทุนคืนแล้ว หญิงก้อยเองก็น่าจะหางานหาเงินได้”

“แต่ฉันไม่แน่ใจว่าหญิงก้อยจะทนความลำบากได้หรือเปล่า”

“ถ้าหญิงก้อยรักพี่รองจริง ก็ต้องทนได้สิฮะ ข้อสำคัญพี่รองต้องพูดกับเธอให้เข้าใจ”

“แต่หญิงไม่ยอมเจอฉันเลย แล้วจะให้ฉันทำยังไง”

ระหว่างที่สองคุณชายคิดหนัก จะจัดการคลี่คลายสถานการณ์ของคุณหญิงก้อย จรวยก็แอบเอาเรื่องทั้งหมด ไปยุแยงคุณชายโต ให้ช่วยทำให้คุณชายรองกับคุณหญิงก้อยคืนดี ซึ่งก็ได้ผลดีเกินคาด คุณชายโตเชื่อสนิทว่าภรรยาจอมสอดรู้เป็นห่วงน้องชายคนรอง เลยตัดสินใจไปปรึกษากับคุณชายเล็กในเวลาต่อมา

คุณชายเล็กนิ่วหน้า แปลกใจไม่น้อยที่จู่ๆพี่ชายคนโตก็มาถามเรื่องพี่ชายคนรองกับหญิงคนรัก

“ทำไมพี่จะไม่สนใจ เพราะพี่เองก็มีส่วนกับเรื่องนี้ด้วย...เรื่องแต่งงานกับศรีจิตรา ความจริงน่ะมันเรื่องของฉัน แต่ชายรองดันต้องมารับเคราะห์แทน”

“แหม...มันคงไม่ใช่เคราะห์ร้ายขนาดนั้นมังฮะ”

“ยังไงก็เถอะ ถ้าชายรองรักกับหญิงก้อยก็ไม่น่าต้องมาเป็นเหยื่อการคลุมถุงชนแบบนี้”

“แล้วพี่โตมาบอกผมทำไม”

“ก็นายน่าจะเป็นสื่อให้ชายรองกับหญิงก้อยคืนดีกันได้น่ะสิ”

“นี่พี่โตคิดเองหรือมีใครบอกครับ”

คุณชายเล็กมองลุ้นๆ หวังให้พี่ชายคนโตห่วงจากใจจริง แต่ก็กลับต้องถอนใจเมื่อได้ยินคำตอบ

“จรวยน่ะ...มานั่งบ่นว่าห่วงชายรอง แล้วแนะนำให้ฉันมาพูดกับแก”

ooooooo

คุณชายเล็กสวมบทกามเทพให้พี่ชายคนรอง ไปเจรจากับคุณหญิงก้อยถึงวังรัชนีกุลในเช้าวันต่อมา หม่อมวาณีกับคุณหญิงกลางให้การต้อนรับเป็นอย่างดี แม้จะอดเป็นกังวลไม่ได้ เมื่อได้ยินเป้าหมายของราชนิกุลหนุ่ม

“พี่รองน่ะ...เขาตัดสินใจแล้ว จะขัดพระทัยเด็จป้า ไม่แต่งงานกับหลานคุณสอางค์”

หม่อมวาณีตื่นเต้นมาก ต่างจากคุณหญิงกลาง ที่ยังแบ่งรับแบ่งสู้ แล้วเรื่องก็ไม่ง่ายจริงๆ เมื่อคุณหญิงก้อยยอมเจอกับคุณชายรองเพื่อคืนดี แต่กลับตั้งเงื่อนไขไว้ด้วย

“เมื่อไหร่มันไม่สำคัญเท่าอย่างไรหรอกค่ะ หญิงอยากให้การที่คุณรองกลับมาหาหญิง มันเป็นโอกาสพิเศษ ให้มันมีบรรยากาศ มีสักขีพยาน และมีแต่ความชื่นชมยินดี”

ภาระหน้าที่สร้างสถานการณ์พิเศษ ให้มีสักขีพยานและความชื่นชมยินดีตกเป็นของวิรงรองแบบไม่ต้องสงสัย เพราะคุณหญิงก้อยจะถือโอกาสใช้ปาร์ตี้วันเกิดของคอลัมนิสต์สาวให้เป็นสถานที่ประวัติศาสตร์

จิตติณซึ่งแวะมาหาวิรงรองเหมือนเคย รับฟัง แผนการทั้งหมด แล้วก็อดทึ่งไม่ได้

“แล้วเธอเขียนข่าวเชียร์เพื่อให้ไอ้อัศคืนดีกับคุณหญิงยังไงหว่า มันถึงกลับตาลปัตรแบบนี้”

“ก็ใช่น่ะสิ แต่ก็อีข่าวนี้แหละ ทำให้คุณชายรองตัดสินใจคืนดีกับหญิงก้อย”

“งั้น...งานนี้ไอ้อัศจะมาได้ยังไง”

“ห้ามเด็ดขาด...หญิงก้อยห้ามเชิญอาร์นี่มาเด็ดขาด เซ็งจริงๆ...งานวันเกิดฉัน ฉันเป็นเจ้าของวันเกิด ควรจะเด่นล้ำที่สุดในงาน นี่คุณเธอจะมาขโมยซีนเป็นนางเอกของงานแทนฉัน!”

การ์ดเชิญไปปาร์ตี้งานวันเกิดของวิรงรองมาถึงมือคุณชายรองในวันต่อมา คุณชายเล็กรู้เรื่อง ก็รีบไปชี้แจง

“หญิงก้อยจะไปงานนี้ บอกว่าถ้าพี่รองอยากเจอเธอ ก็ไปเจอที่งานได้”

“ทำไมหญิงไม่พูดกับฉันตรงๆ”

“ตามประสาหญิงก้อยแหละฮะ ขอไว้ท่าก่อน มีอะไรก็ไปพูดกันในงานแล้วกันฮะ”

“แต่ฉันไม่ชอบกลุ่มเพื่อนของคุณติ่ง น่ารำคาญ โดยเฉพาะนายคนที่ชื่อจิตติณอะไรนั่น”

“ก็อยู่ในงานสักพัก แล้วค่อยปลีกตัวออกมาสองคนก็ได้นี่ฮะ”

คุณชายรองพยักหน้าแบบเสียไม่ได้ จนคุณชายเล็กนึกเอะใจ

“นี่พี่รองไม่ดีใจเลยหรือฮะ ที่เรื่องยุ่งๆนี่จะได้จบเสียที”

“ก็เพราะฉันรู้ไง ว่าถึงเรื่องนี้จบลง เรื่องยุ่งเรื่องใหม่มันก็จะเกิดแทนที่”

“นี่แหละครับชีวิต เขาว่าไงนะ...โลกนี้คือละคร”

“โลกนี้คือละครโรงใหญ่ ชายหญิงไซร้คือตัวละครนั่น”

“แต่งานนี้พี่รองไม่ใช่ตัวละครธรรมดา แต่เป็นพระเอกเลยนะครับ”

คุณชายรองเหยียดยิ้มเย็น นึกกังวลและสมเพชตัวเองไม่น้อย คุณชายเล็กต้องปลอบและให้กำลังใจ ให้สู้เพื่อความรัก แต่กลับต้องพูดไม่ออก เมื่อพี่ชายคนรองประกาศให้เขาไปร่วมงานปาร์ตี้จอมปลอมนี้ด้วย

ooooooo

อารมณ์ขุ่นมัวที่ต้องเตรียมตัวเตรียมใจไปเล่นละครฉากใหญ่ในงานปาร์ตี้วันเกิดของวิรงรองจางหายลง เมื่อคุณชายรองได้เจอหน้าบรรณารักษ์สาวบ้านสวนในวันต่อมา ตอนเขาเอาหนังสือไปคืน

แต่สาลินกลับไม่รู้เรื่อง และมองไม่เห็น มัวซุบซิบค่อนแคะเรื่องเขากับจิตริณี

“นี่เอาหนังสือไปเกือบสองอาทิตย์ ยังไม่เอามาคืน อย่าบอกบอสนะคะว่าฉันขู่จะปรับอีตาคุณชายตั้งห้าบาท”

จิตริณีเห็นคุณชายรอง เลยพยายามส่งสัญญาณเตือน แต่ก็ไม่ทัน ราชนิกุลหนุ่มโพล่งขัดขึ้นเสียก่อน

“กลัวต้องถูกปรับน่ะ เลยรีบเอาหนังสือมาคืนเธอ”

สาลินถึงกับเก้อไป แต่ยังเชิดหน้า ทำเป็นไม่กลัว “มานานแล้วหรือคะ”

“ก็...นานพอจะได้ยินเธอด่าฉันทั้งหมดแหละ”

แม้จะเขม่นหน้ากันไม่น้อย แต่สุดท้ายคุณชายรองก็ชวนเธอไปกินกลางวันด้วยจนได้ สาลินไม่เล่นตัวมาก ยอมออกไปกับเขา พร้อมกับหวังเต็มเปี่ยมจะหลอกให้เขาเลี้ยงเธอจนหมดตัว

แต่กระนั้น...คุณชายรองก็ไม่ยี่หระ ผ่อนคลายกว่าเคยด้วยซ้ำ ที่ได้เดินเล่นซื้อของกินริมถนนตลอดทาง สาลินเองก็อดแปลกใจไม่ได้ แต่ไม่ทันสรตะอะไรมาก ก็ตาโตเสียก่อน เมื่อเห็นขนมถูกใจข้างทาง

และคงเพราะความรีบร้อนปนตะกละนั่นเองทำให้ขนมร้อนๆเกือบลวกปาก สาลินแทบน้ำตาไหล โบกมือไล่ลมร้อนออกจากปากใหญ่ จนคุณชายรองต้องกลั้นยิ้ม

“นี่คุณ...อย่ามายิ้มยั่วฉันนะ”

“ฉันไปยั่วอะไรเธอ ฉันแค่ถามดู เผื่อว่าฉันจะ ซื้อบ้าง”

“ผู้ดีอย่างคุณ กินขนมติดดินอย่างนี้เป็นด้วยหรือ”

“เป็นสิ อย่างน้อยฉันก็รู้ว่า...ควรจะรอให้มันเย็นลงก่อนแล้วค่อยกิน”

สาลินแทบเต้น แต่ต้องพยายามข่มอารมณ์ไว้ ก่อนจะโวยลั่น เมื่อเขาเดินนำไปทางโรงแรมหรู

“นี่คุณ...จะพาฉันเข้าโรงแรมหรือ”

“พูดให้ดีๆ พาเธอไปกินข้าวในโรงแรม ฉันอยากพาเธอไปร้านผ้าไหมฉันด้วย”

“เพื่ออะไร...จะอวดว่าคุณไม่ได้มีแค่เงินเดือนกระทรวง ยังทำธุรกิจส่วนตัวด้วยงั้นหรือ ฮึ...ถึงจะอวดรวยแค่ไหน ฉันก็ไม่ใจอ่อนให้คุณแต่งงานกับพี่ศรีหรอก”

“เธอนี่มันเพ้อเจ้อจริงๆนะ ไปร้านผ้ากับฉันแล้วฉันจะบอกข่าวดีให้เธอฟัง”

ขณะที่สองหนุ่มสาวคู่ปรับนั่งกินข้าวในโรงแรมหรู... อัศนีย์ก็เดินยิ้มกริ่มเข้าห้องสมุด หวังใจจะชวนสาลินออกไปกินกลางวันด้วยให้ได้ แต่เศรษฐีหนุ่มหล่อพ่อรวยก็ต้องหัวเสีย เมื่อรู้จากจิตริณีว่าคุณชายรองตัดหน้าไปแล้ว

และก็คงเพราะความเจ็บใจนี่เอง ทำให้อัศนีย์คิดแผนชั่ว หาทางเอาคืนคุณชายรองบ้าง ด้วยการโทร.ไปยุแยงคุณหญิงก้อยให้รีบมาเจอ และตามไปจับผิดชายคนรักที่อาจกำลังปันใจให้บรรณารักษ์สาวบ้านสวน!

ooooooo

คุณชายรองพาสาลินมาถึงร้านผ้าไหมในเวลาต่อมา พร้อมแจ้งข่าวดีตามสัญญา ว่าเขาจะคืนดีกับคุณหญิงก้อยในอีกไม่กี่วัน บรรณารักษ์สาวนิ่วหน้า เพราะข่าวลือที่ยินก่อนหน้าไม่ได้เป็นเช่นนั้น

“แล้วทำไมถึงมีข่าวกับภาพคุณหญิงก้อยและคุณอัศนีย์กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างนั้นล่ะ”

“เธอจะเอานิยายอะไรกับข่าวซุบซิบ เอาเป็นว่าฉันจะคืนดีกับหญิงก้อยแล้วกัน เธอคงสบายใจได้”

“สบายใจสิ สบายใจที่สุดเลย พี่ศรีก็คงสบายใจเหมือนกัน”

หลังข่าวดี บรรยากาศระหว่างสาลินกับคุณชายรองก็ดีขึ้นมาก จนเขากล้าขอให้เธอเลือกของขวัญให้เพื่อน บรรณารักษ์สาวไม่เห็นเป็นเรื่องเหลือบ่ากว่าแรงเลยยอมช่วย แล้วรสนิยมของเธอก็ทำให้เขาอดชื่นชมไม่ได้

“ตกลงเอาผืนนี้ เธอก็มีรสนิยมดีเหมือนกันนี่”

“เปล่า...ฉันเลือกเพราะเห็นว่ามันแพงดีต่างหาก”

“จะถูกจะแพงมันก็ร้านฉันเอง ยังไงฉันก็ไม่ล่มจมหรอก”

และเพื่อเป็นการตอบแทน คุณชายรองเลยเสนอจะซื้อผ้าผืนที่เธอชอบให้ แต่เธอก็ปฏิเสธ

“ไม่เอาหรอก ดูๆแล้วมันหรูหราเกินไปสำหรับมนุษย์เดินดินกินข้าวแกงโหนรถเมล์อย่างฉัน”

คุณชายรองยืนยัน “ฉันซื้อให้เธอเอง”

“ไม่ต้องเอาใจฉันแบบนี้หรอก เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าฉันเป็นหนี้บุญคุณคุณ ทั้งๆที่คุณจะไม่ได้เป็นพี่เขยฉันแล้ว”

จู่ๆคุณชายรองก็ของขึ้น คว้ามือเธอหมับ ก่อนจะดันเข้ามุม แล้วพูดเสียงเข้ม

“จำไว้นะ...ที่ฉันซื้อให้เพราะอยากซื้อให้ ไม่ได้คิดว่าซื้อเพราะอยากได้เธอเป็นน้องภรรยาเหมือนกัน”

ภาพสองหนุ่มสาวคุยกันลับๆล่อๆในมุมมืด ทำให้คุณหญิงก้อยกับอัศนีย์ซึ่งแอบมองจากนอกร้านตกตะลึง ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะตั้งหลักได้ก่อน และทำท่าจะเข้าไปเอาเรื่องชายคนรักและยายผู้หญิงหน้าด้าน!

“ยายเด็กนั่นคือยายเด็กชาวสวน น้องสาวว่าที่คู่หมั้นคุณรองใช่ไหมคะ”

“เอ...ผมไม่ยักรู้ นายคุณชายรองมีว่าที่คู่หมั้นแล้วเหรอครับ”

“ค่ะ...เป็นพระประสงค์เสด็จป้า ก็เหตุนี้แหละที่ฉันเลิกคุยกับเขา...แล้วคุณรองพาแม่นี่มาที่นี่ทำไม”

“เด็กนั่นเป็นบรรณารักษ์ห้องสมุดฝรั่งที่สุรวงศ์น่ะครับ เห็นว่านายคุณชายไปมาหาสู่ประจำ แถมยังยืมหนังสือคืนหนังสือกันด้วย แล้วยังพากันไปไหนต่อไหนตามลำพังบ่อยๆ”

คุณหญิงก้อยเลือดขึ้นหน้า ตั้งท่าจะเข้าไปในร้าน อัศนีย์ต้องตามไปรั้งไว้

“ปล่อยฉัน...ฉันจะไปฉีกหน้าทั้งคู่ ให้คาหนังคาเขาไปเลย”

“ไม่งามสำหรับคุณหญิงหรอกครับ ในร้านมีลูกค้า อีกอย่าง...ถ้าเป็นแบบนี้ แสดงว่านายคุณชายจะทำตัวเป็นพระยาเทครัว รวบทั้งพี่สาวน้องสาว คนมักมากแบบนี้คุณหญิงจะไปสนใจทำไม”

คุณหญิงก้อยยิ่งคิดยิ่งแค้น เกือบเถียงแล้ว แต่ก็ต้องอั้นไว้ เมื่อศุภรเดินผ่านมา อัศนีย์รีบคว้าตัวอดีตภรรยามากอดบังหน้า ก่อนจะทำตาโต เมื่อเธอเสนอแผนเอาคืนชายคนรัก ด้วยการเชิญเขาไปงานปาร์ตี้วันเกิดของวิรงรอง

“สามีเก่าต้องไปเผชิญหน้ากับคนรักเก่า มันจะดีหรือครับคุณหญิง”

“จะห่วงทำไมล่ะคะ...ของเก่าด้วยกันทั้งคู่!”

ooooooo

หลังสถานการณ์น่าอึดอัดในมุมลับตาของร้าน สาลินก็มองมาด้วยสายตาแปลกๆ จนคุณชายรองเริ่มรู้สึกผิดที่ออกอาการมากเกินไป แต่กระนั้นก็ยังปั้นหน้านิ่ง ชวนคุยเรื่องอื่นเพื่อคลี่คลายสถานการณ์

“แล้วเธอคิดว่าฉันจะซื้ออะไรให้หญิงก้อยดี”

“คุณจะง้อผู้หญิง คงไม่มีอะไรดีเท่าดอกไม้ เอาดอกไม้อะไรก็ได้ที่สวยๆ...แล้วก็แพงๆ”

“ทำไมเธอต้องเน้นว่าแพงๆด้วยนะ เธอคิดว่าคนในแวดวงฉันมีแต่คนหน้าเงินหรือ”

“เปล่า...ฉันเห็นว่าคุณเป็นคนมีเงินต่างหาก ควรจะกระจายรายได้ของคุณไปทั่วๆ”

จบคำก็คว้าดอกไม้สวยใกล้มือยื่นให้ เหมือนจะบอกว่าประมาณนี้คงใช้ได้ คุณชายรองตั้งท่าจะถามต่อ แต่ก็ต้องยั้งไว้ก่อน เมื่อศุภรปรากฏตัวพร้อมรอยยิ้มร่า เมื่อเห็นหน้าแขกสาวคนสวยของเพื่อนรักและหุ้นส่วน

แต่ไม่ทันที่ศุภรจะได้คุยด้วย สาลินก็วิ่งหน้าตั้งออกจากร้าน เมื่อเห็นนาฬิกาบอกเวลาเข้างานครึ่งบ่าย คุณชายรองส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจระคนเอ็นดู ก่อนจะหันมาตอบคำถามเพื่อนรักที่มองมาด้วยความสงสัย

“เขาไม่ได้ควงมากับฉัน เขาแค่มาช่วยเลือกของขวัญให้ฉัน”

ศุภรยิ้มบางๆ ชมใหญ่ว่าสาลินเป็นคนน่ารัก สดใส น่าคุยด้วย จนคุณชายรองนึกหมั่นไส้

“ทำไมหมู่นี้ถึงได้ยินคนชมโฉมแม่นี่บ่อยเหลือเกิน”

“อ้าว...แล้วนายไม่เห็นว่าเขาน่ารักเหรอ”

ไม่ใช่แค่คุณชายรองต้องนั่งตอบคำถามของเพื่อนรัก สาลินก็ถูกไล่ต้อนไม่แพ้กัน แต่เธอก็เอาตัวรอดไปได้ พร้อมกับข้ออ้างหนักแน่น ว่ากำลังช่วยให้คุณชายชื่อยาวได้คืนดีกับคุณหญิงเทโพคนดังต่างหาก!

แต่ข้ออ้างของสาลิน กลับใช้ไม่ได้กับจิตริณี ซึ่งสังหรณ์ใจบางอย่าง กลัวเกิดเรื่องไม่ดีกับอีกฝ่าย เพราะเห็นท่าอัศนีย์แล้วไม่ไว้ใจ บรรณารักษ์สาวเลยต้องเล่ารายละเอียดให้ฟัง

“เมื่อกี้อีตาคุณชายให้ฉันไปที่ร้านผ้าไหมของเขา เธอให้ฉันเลือกของขวัญจะเอาไปให้คุณหญิงก้อยน่ะ”

“เขาจะคืนดีกันหรือคะ”

“คุณชายบอกอย่างนั้น ที่ฉันสงสัยก็คือตกลงคุณหญิงก้อยเขาคืนดีกับคุณอัศนีย์ตามข่าวหรือเปล่าคะ”

“ข่าวโคมลอยค่ะ อาร์นี่บอกฉันแล้วว่าไม่ใช่เรื่องจริง”

“โล่งอก...ถ้าอย่างนั้นงานนี้ คุณชายรองคืนดีคุณหญิงก้อยแน่ๆ พี่สาวฉันจะได้พ้นถูกจับแต่งงานเสียที”

จิตริณีนิ่วหน้า ย้อนถามงงๆ “พี่สาวคุณ...ถูกจับแต่งงานกับคุณชายหรือคะ”

สาลินยกมือปิดปาก แอบรู้สึกผิดที่หลุดปากเรื่องพี่สาว จิตริณีถึงกับถอนใจ

“เอาล่ะ...ฉันพอจะปะติดปะต่อเรื่องได้แล้ว ว่าทำไมคุณถึงต้องไปยุ่งกับคุณชายรองขนาดนั้น”

“ขอร้องนะคะ อย่าเล่าให้ใครฟัง”

“ค่ะ...แต่คุณต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฉันฟังก่อน...”

ooooooo

และแล้วงานปาร์ตี้วันเกิดของวิรงรองก็มาถึง เจ้าของงานเดินถ่ายรูปกับแขกทั่วงาน โดยมีจิตติณเป็นช่างภาพจำเป็น บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนานและหรูหรา แต่หม่อมวาณีกับคุณหญิงกลาง ซึ่งมาช่วยงานเพราะเห็นแก่คุณหญิงก้อย กลับมองหน้ากันด้วยความกังวล กลัวเกิดเรื่องมากกว่าได้เรื่อง

วิรงรองยังไม่รู้ถึงแผนการล่าสุดของคุณหญิงก้อย ยืนยันกับหม่อมวาณีและคุณหญิงกลางว่าอัศนีย์จะไม่มาที่นี่แน่ เพราะเธอได้รับคำสั่งมาจากคุณหญิงก้อย จะไม่ชวนเศรษฐีหนุ่มหล่อพ่อรวยมาทำให้แผนล่ม

อัศนีย์ไม่ปรากฏตัวจริงๆตามคาด หม่อมวาณีกับคุณหญิงกลางเลยคลายใจลง จนเมื่อคุณชายรอง คุณชายเล็กและศุภรมาถึง พร้อมช่อดอกไม้และกล่องของขวัญ สองแม่ลูกก็ได้ถอนใจโล่ง ที่ภารกิจนี้น่าจะจบลงด้วยดี

งานปาร์ตี้ยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ แต่คุณหญิงก้อยก็ยังมาไม่ถึง คุณชายรองเลยต้องรออย่างอดทน ท่ามกลางสายตาเห็นใจของคุณชายเล็ก ศุภรและคุณหญิงกลาง

“นี่ถ้าพี่รองไม่ชวนมานะ ผมไม่มางานนี้ให้เสียเวลาหรอก เหม็นขี้หน้าคนในงานนี้เต็มที”

“นายเล็กพูดตรงใจ ฉันเองก็ไม่อยากมาเหมือนกัน แต่ขัดนายรองไม่ได้” ศุภรเห็นด้วย

“คุณเล็ก...คุณเองก็จบจากอเมริกา ศิษย์เก่าเหมือนพวกเขานะคะ”

คุณชายเล็กส่ายหน้า สวนกลับทันควัน “ไม่เหมือนครับคุณกลาง...พวกผมถูกสอนให้รักจรรยาบรรณ อาชีพของตัวเอง แต่ยายวิรงรองไม่มีจรรยาบรรณในงานข่าวของหล่อน”

ศุภรสนับสนุน “ถูกต้อง...เอาข่าวเสียๆหายๆคนอื่นลงหากิน บางทีก็จริง บางทีก็เท็จ ใครจะเสียหายยังไงก็ช่าง”

สามหนุ่มสาวคุยกันถูกคอ และคงคุยแก้เบื่อกันอีกนาน ถ้าคุณหญิงก้อยจะไม่ปรากฏตัวในชุดหรูหรากลางงานเสียก่อน คุณชายรองไม่รอช้า คว้าช่อดอกไม้ที่เตรียมมาง้อ และลากเธอไปคุยในมุมลับตา

คุณหญิงก้อยเหยียดยิ้มเย็น แกล้งพูด “หญิงยังไม่ได้ทักทายเพื่อนๆเลยนะคะ”

“อยู่กับผมก่อนเถอะ คิดถึงหญิงเหลือเกิน”

“เหรอคะ...คิดถึงหญิง หรือคิดถึงหญิงอื่นกันแน่”

คุณชายรองนิ่วหน้าไม่เข้าใจ “พูดอะไรน่ะหญิงก้อย”

“หญิงแค่รู้สึกว่าช่วงเวลาที่เราห่างกันไป คุณชายอาจจะหันไปหาแม่หญิงชาวสวนคนนั้นไปแล้ว”

“หญิงชาวสวน...ศรีจิตราน่ะหรือ ผมถึงต้องพบหญิงวันนี้ไงครับ เพื่อยืนยันว่าผมจะแต่งงานกับหญิงเท่านั้น”

“จะขัดพระประสงค์เด็จป้าหรือคะ”

“ครับ...ผมจะกราบทูลเด็จป้าว่าผมตัดสินใจแล้ว ผมจะแต่งงานกับหญิงที่ผมรักคือหญิงก้อยคนเดียวเท่านั้น”

คุณหญิงก้อยเบือนหน้าหนี พยายามข่มอารมณ์พลุ่งพล่าน พลันเสียงเพลงโปรดก็ดังขึ้น ราชนิกุลสาวเลยขอตัวไปเต้นดื้อๆ คุณชายรองหน้าตึง ไม่ได้ตามไปห้าม แต่กลับคว้าแก้วเหล้ามาดื่มพรวดแก้เซ็งแทน

เสียงเพลงเต้นรำดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แขกเหรื่อทุกคนยกเว้นคุณชายรอง ออกไปเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน ไม่เว้นแม้แต่คุณชายเล็กกับศุภร ซึ่งชื่นชอบการเต้นรำเป็นทุน แต่เพียงไม่นานวงเต้นรำก็ต้องแตกฮือ เมื่อคุณชายเล็กกับศุภรทำท่าจะมีเรื่องชกต่อยกับพวกจิตติณ

คุณชายรองเห็นท่าไม่ดี และอยากออกจากงานปาร์ตี้ห่วยๆนี้เต็มที เลยตรงไปลากตัวหญิงคนรักมาพูดให้จบเรื่อง แต่เธอก็สะบัดตัวออก พร้อมประกาศลั่นว่าเธอกับเขาไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก!

สถานการณ์เริ่มร้อนระอุ แต่คงไม่สาแก่ใจคุณหญิงก้อย เพราะไม่กี่อึดใจต่อมา อัศนีย์...แขกไม่ได้รับเชิญก็ปรากฏตัว คุณหญิงก้อยไม่รอช้า ถลาไปทักทายอดีตสามีด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมยืนประกบคู่ให้จิตติณและกระจอกข่าวซุบซิบในงานถ่ายภาพไปทำข่าว

อัศนีย์เห็นสีหน้าเหมือนจะระเบิดของคุณชายรองก็แอบรู้สึกไม่ดี ต้องขอตัวกลับหลังจากนั้น เพราะรู้สึกว่าเรื่องราวเริ่มเลยเถิด แต่คุณหญิงก้อยกลับไม่ยอม ยกมือโอบรอบคอเขา ทำท่าเหมือนจะจูบ แต่ไม่ทันได้ทำ ก็ต้องถลาตามแรงกระชากของคุณชายรองเสียก่อน ที่โมโหหึงจนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้

“ปล่อยนะคุณชาย หญิงกำลังสนุกกับคนรักเก่าของหญิง”

“คนรักเก่างั้นหรือ”

“อ้อ...ยังไม่เข้าใจใช่ไหมคะ ใช้คำให้ตรงก็ได้...สามีเก่าก็แล้วกัน”

“หญิงกำลังจะบอกว่า...หญิงกลับไปคืนดีกับสามีเก่างั้นหรือ”

“นี่คือคำตอบค่ะ...”

จบคำก็ประกบปากจูบอดีตสามีอย่างดูดดื่ม เรียกเสียงฮือฮาและแสงแฟลชจากแขกเหรื่อในงาน คุณชายรองเดือดจัด ถลาไปต่อยอัศนีย์จนแทบคว่ำ แต่มีหรืออีกฝ่ายจะยอม สวนหมัดกลับจนหน้าช้ำไปตามๆกัน

วิรงรองเห็นว่าเหตุการณ์จะโกลาหลไปกันใหญ่ เลยพยายามจะห้าม แต่ก็พลาดท่าถูกผลักตกสระน้ำ!

เหตุการณ์เจ้าภาพสาวตกน้ำ ทำให้ทุกคนอยู่ในความสงบ คุณชายรองได้สติก่อนเพื่อน คว้าช่อดอกไม้เดินผ่านหน้าคุณหญิงก้อย ไปมอบให้คุณหญิงกลาง และขอตัวกลับพร้อมคุณชายเล็กและศุภร เช่นเดียวกับอัศนีย์ ที่หอบร่างสะบักสะบอมไปประจันหน้ากับอดีตภรรยา

“สมใจคุณหญิงแล้วใช่ไหม บอกตามตรงนะ คุณหญิงทำแบบนี้โง่สิ้นดีเลย...อย่าใช้ผมทำเรื่องบัดซบแบบนี้อีก!”

ooooooo

สะใภ้จ้าว

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด