ตอนที่ 7
ความสอดรู้สอดเห็นของจรวย ทำให้คุณชายเล็กหัวเสียแต่เช้า ไม่ต่างจากสาลิน หงุดหงิดไม่เลิกเรื่องคุณชายรองมาส่งเมื่อคืน แถมได้คะแนนความดีความชอบจากคนทั้งบ้านสวน!
เมื่อพลหรือคุณชายเล็กในคราบช่างฟิตมาเยี่ยมเหมือนเคย สาลินก็อดไม่ได้ ต้องนินทาคุณชายขี้เก๊ก ว่าที่คู่หมั้นของพี่สาวให้ฟัง พลได้ฟังเรื่องราวโดยละเอียดก็กลั้นยิ้มแทบแย่ แต่ก็ตอบโต้หรือพูดแก้ต่างอะไรให้พี่ชายไม่ได้ กลัวสาวแสบบ้านสวนรู้ความจริงแล้วเขาจะไม่ได้มานั่งเล่นคุยกับเธอที่นี่อีก
เช้าวันเดียวกันที่ศาลาการเปรียญ...คุณตาคุณยายทิ้งให้สาลินเฝ้าบ้านกับพิณและแกะ ส่วนท่านทั้งสองมาร่วมงานเลี้ยงพระเพลพร้อมญาติมิตรในละแวกเดียวกันเนื่องในวันพระเหมือนเคย แต่บรรยากาศชื่นมื่นอิ่มบุญ ก็มีอันต้องขุ่นมัว เมื่อพุดซ้อนกับชบาถือปิ่นโตเถามหึมามาร่วมงาน
อาหารเหลาสุดหรูที่สองแม่ลูกเจ้าของปั๊มหอบหิ้วมาจากพระนคร ทำให้ชาวบ้านอิ่มหมีพีมันถ้วนหน้า แต่เรื่องเล่าซุบซิบของสองแม่ลูกต่างหาก ทำให้คุณตา
คุณยายหน้าตึง เพราะดันเป็นเรื่องของหลานสาวคนเล็ก ที่สองแม่ลูกเห็นนอนสลบไสลไม่ได้สติมาในรถกับชายหนุ่มท่าทางดีเมื่อคืนก่อน!
เสียงชาวบ้านดังเซ็งแซ่หลังจากนั้น คุณยายกลัวเรื่องจะลุกลาม เข้าใจผิดไปใหญ่ เลยตัดสินใจแถลงไขเรื่องทั้งหมด พร้อมประกาศว่าชายหนุ่มท่าทางดีคนนั้นคือคุณชายกิตติราชนรินทร์ วุฒิวงศ์...ว่าที่พี่เขยของสาลิน
เหตุการณ์กลับตาลปัตรหลังจากนั้น สาลินรอดพ้นข้อกล่าวหาอกุศลอย่างหวุดหวิด เพราะชาติตระกูลสูงส่งของคุณชายรองแท้ๆ ทำให้บรรดาชาวบ้าน โดยเฉพาะพุดซ้อน เลิกคิดและหมดข้อกังขาเรื่องเมื่อคืน
แต่กระนั้น...คุณตาคุณยายก็ยังไม่สบายใจ เมื่อกลับถึงบ้านสวน แล้วเจอพลนั่งคุยกับหลานสาวเจ้าปัญหาอย่างสนิทสนม ก็อดของขึ้นไม่ได้ แต่พยายามข่มอารมณ์ไว้ แล้วตีหน้าเข้ม เอ่ยปากขอให้พลกลับไปก่อน
พลเห็นท่าคุณตาคุณยายก็เริ่มเครียด รีบขอตัวกลับ โดยมีสาลินมองตามงงๆ ก่อนจะหันมากระเง้ากระงอด
“ทีคุณพลไปไล่เขากลับ แต่กับอีตาคุณชายชื่อยาวนั่นต้อนรับใหญ่”
“นั่นเขาจะมาดองกับเรา ก็ต้องรู้จักมักคุ้นกันไว้สิจ๊ะ แต่นายพลนี่ ลูกเต้าเหล่าใครก็ไม่รู้”
“เขาดู...เปิดเผย จริงใจ ตรงไปตรงมาดีออกค่ะคุณยาย”
“ยายสาเอ๊ย คบคนน่ะ เขาต้องดูนานๆลูก อย่ารีบด่วนตัดสินใครเลย”
คุณยายพยักหน้าเห็นด้วยกับคุณตา แล้วอธิบายเหตุผล “ที่ฉันให้เขากลับแต่หัววันน่ะ ไม่ได้รังแครังคัดอะไร แต่ว่าช่วงนี้มีนังพวกตาผีจมูกมด คอยสอดส่ายสายตาหาเรื่องหนูอยู่”
สาลินไม่เข้าใจ เพราะก่อนหน้านี้ พิณก็นั่งฟังเธอคุยกับพลด้วย คุณยายเลยต้องไขข้อข้องใจว่าไม่เกี่ยวกับพล แต่เพราะวันนี้พุดซ้อนเอาเรื่องเธอกับคุณชายรองไปซุบซิบในทางเสียหาย
“มันไม่อะไรหรอกย่ะ ถ้าแม่นั่งรถเขามาเฉยๆ ไม่ใช่คนนอนหลับใหลไม่ได้สติขนาดนั้น”
“หนูแค่หลับตาเล่นๆ เอ๊ะ...แล้วยายซ้อนมาเห็นได้ยังไง”
“อุ๊ยตาย...แค่หลับตาเล่นๆ แต่ไม่รู้เลยหรือว่าคุณชายรองเขาเข้าไปเติมน้ำมันในปั๊มยายซ้อนตั้งนานสองนาน”
สาลินหน้าเจื่อน แก้ตัวเสียงอ่อย “ก็ลมมันเย็น หนูก็ต้องเคลิ้มไปบ้างสิคะ”
คุณตาเห็นท่าสาลินก็นึกขำ ก่อนจะเล่าว่าคุณยายถึงขั้นยอมโกหกเพื่อปกป้องหลานสาว โดยเฉพาะเรื่องที่เธอหลับมาตลอดทางเพราะเป็นไข้ ไม่ใช่เพราะอย่างอื่น
“แล้วพอบอกว่าเป็นคุณชาย เป็นหม่อมราชวงศ์ เป็นพระภาติยะเสด็จพระองค์หญิง ก็เลยคดีพลิก ยายซ้อนเห่อเจ้า ปลาบปลื้มประโลมใจ เลิกคิดอกุศลได้”
สาลินหน้าหงิก “พอเห็นเป็นเจ้า เป็นหม่อมเข้าล่ะก็ กลายเป็นสัปบุรุษบริสุทธิ์ผุดผ่องขึ้นมาเชียวหรือคะ ฮึ...อีตานี้แหละ คุณชายชื่อยาว เสือผู้หญิงแท้ๆเชียว หนูเจอทีไรก็เห็นเขาโอ้โลมปฏิโลม กอดจูบลูบคลำผู้หญิงทุกที”
คุณยายส่ายหน้า อ่อนใจกับอคติของหลานสาว อดไม่ได้จะเหน็บด้วยความหมั่นไส้
“อ้อ...เขาเป็นเสือผู้หญิง แล้วยังมีหน้าไปหลับใหลไม่ได้สติในรถเขาอีกนะจ๊ะ”
“ฮึ...หนูอยากให้ยายซ้อนรู้ว่าอีตาคุณชายนี่ไม่ใช่คนดี”
คุณยายอยากจะหยิกหลานให้เนื้อเขียว แต่ก็ทำได้แค่ยุส่ง “งั้นเดี๋ยวก็ไปหายายซ้อน บอกว่าที่ฉันพูดน่ะผิด ที่จริงคุณชายเป็นเสือผู้หญิงตัวฉกาจ หนูเลยนอนแผ่หมดเรี่ยวหมดแรง...ดีไหมจ๊ะ”
ooooooo
นอกจากเรื่องของคุณชายรองจะทำให้เธอดังไปทั่วคุ้งน้ำเมืองนนท์แล้ว สาลินยังต้องตอบ
คำถามเพื่อนร่วมงานที่ห้องสมุดในวันต่อมา โดยเฉพาะจากบราลีกับลลิตา ว่าเหตุใดเธอต้องขึ้นรถไปกับคุณชายรอง
สาลินเอาตัวรอดได้อย่างข้างๆคูๆ แต่ก็ไม่มีใครถือสาหรือตามซักไซ้ เพราะมัวตื่นเต้นกับข่าวใหญ่มากกว่า ที่ว่าอัศนีย์ เถลิงการ อดีตสามีรูปหล่อพ่อรวยของคุณหญิงเทพีเพ็ญแสง กลับถึงเมืองไทยแล้ว
บราลีกับลลิตาซุบซิบเรื่องข่าว ลุ้นใหญ่ว่าเศรษฐีหนุ่มรูปหล่อพ่อรวยจะถ่านไฟเก่าคุโชนกับอดีตภรรยาสาวสวยคนดังแห่งพระนครหรือไม่ จิตริณีรับฟังทั้งสองพูดกันด้วยความเบื่อหน่าย สาลินเห็นว่าเลขาสาวเป็นเพื่อนอัศนีย์ เลยถามด้วยความอยากรู้ แต่ไม่ทันได้ถาม สองสาวก็ต้องแยกย้ายเพราะได้เวลาเข้างาน
เช้าวันเดียวกันที่วังรัชนีกุล...ข่าวอัศนีย์กลับมาเมืองไทย ทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารขุ่นมัวไม่น้อย โดยเฉพาะจากคุณหญิงก้อย มีสีหน้าเย็นชาทันทีที่ได้ยินชื่ออดีตสามี หม่อมวาณีหน้าเสีย พยายามไกล่เกลี่ยสถานการณ์เหมือนเคย คุณหญิงกลางรำคาญท่าทางยโสของน้องสาว เลยแกล้งพูดเรื่องคุณชายรอง ว่าคงวุ่นเรื่องงานหมั้นน่าดู
ได้ผล...คุณหญิงก้อยไม่ต่อปากต่อคำกับแม่อีก แต่ผละขึ้นห้องดื้อๆ หม่อมวาณีมองตามด้วยความอ่อนใจ ก่อนจะหันมาเอาเรื่องลูกสาวคนโตที่ตั้งใจกวนน้ำให้ขุ่น
“วันนั้นหม่อมแม่ก็พูดเองไม่ใช่หรือคะ ว่าคุณรองควรคิดให้รอบคอบเรื่องขัดพระทัยเด็จป้า”
“เฮ้อ...แต่ฝ่ายเราล่ะลูก จะเป็นยังไง โธ่เอ๋ย... หญิงก้อย วันๆไม่กินอะไร ผอมแทบปลิวลมอยู่แล้ว ชายรองก็ช่างกระไร ไม่มาดูดำดูดีเลย แล้วไอ้เจ้าอัศนีย์นี่อีก ไม่รู้จะกลับมาทำไมตอนนี้”
คุณหญิงกลางยิ้มเยาะ “ดีออกค่ะหม่อมแม่ หญิงก้อยจะได้เลิกเบื่อไงคะ”
ขณะที่ตัวเองเป็นหัวข้อสนทนาของผู้คนค่อนพระนคร อัศนีย์ก็ไปปรากฏตัวที่ห้องสมุดช่วงสายวันเดียวกัน สาลินตะลึงกับความหล่อชั่วอึดใจ ก่อนจะตั้งสติได้ และให้การต้อนรับตามประสาบรรณารักษ์ที่ดี หนุ่มหล่อพ่อรวยเห็นท่าอึ้งๆของเธอ ก็อดยิ้มด้วยความเอ็นดูไม่ได้ ก่อนจะถามหาจิตริณี เพื่อนเก่าจากนิวยอร์กที่ไม่ได้เจอกันนาน
ท่าทางกระดี๊กระด๊าที่ได้เจอเพื่อนเก่าของจิตริณีหรือจินนี่ ทำให้ทุกคนมองมาด้วยอาการแตกต่างกัน สาลินถึงกับอ้าปากค้าง บราลีกับลลิตาเบิกตาโพลงด้วยความคาดไม่ถึง แต่คนอาการหนักที่สุด คงหนีไม่พ้นไนเจล เจ้านายหนุ่มตาน้ำข้าวที่ตกหลุมรักเลขาสาวตัวเองอย่างจัง หึงและหวงจนแสดงอาการอย่างออกนอกหน้า
และเมื่ออัศนีย์เอ่ยปากชวนเพื่อนสาวไปกินมื้อกลางวันที่ร้านอาหารหรู ไนเจลก็หงุดหงิดงุ่นง่านมาก และไม่รอช้าจะลากตัวสาลินออกไปกินข้าวสองต่อสองบ้าง แต่ไม่ใช่เพราะประชดจิตริณี แต่อยากสืบเรื่องบางอย่างมากกว่า...
อัศนีย์พาจิตริณีไปนั่งร้านหรูแห่งหนึ่งไม่ไกลจากห้องสมุดนัก พร้อมกับสั่งเครื่องดื่มโปรดของเธออย่างรู้ใจ
“ยังไม่เปลี่ยนใจชอบอย่างอื่นใช่ไหม”
“ฉันไม่ใช่คนชอบเปลี่ยนใจบ่อยๆอย่างเธอนี่”
“ใครว่าผมชอบเปลี่ยนใจ ผมแค่ชอบลองของใหม่”
จิตริณีเหยียดยิ้มเย็น ก่อนจะย้อนอย่างรู้ทัน “แปลว่า...ของเก่าก็ไม่ทิ้ง ของใหม่ก็อยากลองใช่ไหม แล้วทำไมของใหม่ลองไม่ถึงปี ถึงกลายเป็นของเก่าที่ทิ้งขว้างกันได้ล่ะ”
อัศนีย์ยิ้มพราย ตอบอย่างไม่ปิดบังว่าของเก่าอย่างคุณหญิงก้อยเอาใจยาก เอาแต่ใจตัวอย่างที่สุด!
“แปลกจัง คุณเองก็เอาแต่ใจ เจ้าอารมณ์เป็นที่หนึ่ง น่าจะอยู่กันได้”
“ใครว่า...แข็งกับแข็งมาเจอกัน มันก็เลยหักเป๊าะต่างหาก”
“ข่าวว่าคุณกลับมาตั้งเกือบเดือนแล้ว ไปมัวทำอะไรอยู่”
“ล่องเรือไปเรื่อยๆ แวะพัทยา ผมว่าต่อไปที่นั่นน่าจะบูม เป็นแหล่งท่องเที่ยวได้”
จิตริณีส่ายหน้าเบาๆ อัศนีย์ก็เป็นแบบนี้เอง ลมเพ ลมพัดไปเรื่อยๆตามใจปรารถนา และในกรณีของอดีต ภรรยา เธอก็ไม่แปลกใจเลย เพราะเพื่อนหนุ่มหล่อพ่อรวยของเธอคนนี้ ไม่ใช่คนที่ยอมให้ใครมากดหัวง่ายๆ
ท่าทางเข้าอกเข้าใจของเพื่อนเก่าอย่างจิตริณี ทำให้อัศนีย์สบายใจขึ้น ที่ผ่านมาเขาเหนื่อยและเครียดมามาก ทั้งเรื่องงานและเรื่องอดีตภรรยา แต่บทสนทนาสั้นๆง่ายๆกับเพื่อนเก่าอย่างเธอก็ช่วยให้เขาผ่อนคลายได้มากจริงๆ
ooooooo
ไม่ใช่แค่อัศนีย์กับจิตริณีเท่านั้นที่ไปนั่งจิบเครื่องดื่มในร้านอาหารหรู คุณชายรองกับศุภร หุ้นส่วนและเพื่อนสนิท ก็ไปนั่งกินมื้อกลางวัน พร้อมกับคุยเรื่องงานด้วยเช่นกัน แต่สีหน้าผ่องใสไม่เหมือนคนเพิ่งอกหักของราชนิกุลหนุ่ม ก็ทำให้ศุภรอดสงสัยไม่ได้ คุณชายรองทำหน้าไม่เชื่อ แต่ไม่ทันแก้ตัว ก็ต้องตะลึงตาค้างเสียก่อน
และภาพที่ทำให้คุณชายรองถึงกับพูดไม่ออก ก็คือภาพของสาวแสบบ้านสวน ที่เขาเพิ่งขับรถไปส่งเมื่อคืนก่อน ควงกับชายหนุ่มตาน้ำข้าวท่าทางดีมากินมื้อกลางวันในร้านเดียวกัน!
สาลินไม่ได้รับรู้ถึงสายตาอำมหิต มัวตั้งหน้าตั้งตาเป็นศิราณีให้เจ้านายหนุ่ม ซึ่งกำลังคลั่งเพราะพิษรักแรงหึงที่เห็นจิตริณีเลขาสาวไปกินข้าวกับเพื่อนเก่ารูปหล่อพ่อรวยอย่างอัศนีย์ แต่เจ้ากรรม...กิริยาพูดคุยกันอย่างสนิทสนมของเจ้านายลูกน้อง กลับทำให้คุณชายรองกับศุภรเข้าใจผิด คิดว่าทั้งสองกำลังพลอดรัก
อีกด้านหนึ่งของร้านอาหารหรู...บทสนทนาของสองเพื่อนเก่าเปลี่ยนประเด็นจากเรื่องคุณหญิงก้อย เป็นเรื่องระหว่างเลขาสาวกับเจ้านายหนุ่มขี้หึง อัศนีย์รู้ทันตามสัญชาตญาณหนุ่มเจ้าสำราญ ว่าไนเจลต้องคิดอะไรบางอย่างกับเพื่อนเก่าของเขาแน่ จิตริณีก็รู้ดีและไม่คิดจะปิดบังเพื่อนหรือปิดโอกาสเจ้านายหนุ่ม แต่ที่ทำให้เธอสนใจมากกว่า กลับเป็นท่าทีสนอกสนใจของเพื่อนหนุ่มที่มีต่อบรรณารักษ์สาวบ้านสวน
“โธ่...ผมเห็นแกหน้าตาเก๋ดี ท่าทางก็รื่นเริง ก็แค่อยากรู้จักเอาไว้เท่านั้น”
แม้จะเจอสายตาออดอ้อนที่เคยใช้ได้ผลมาตลอด แต่คราวนี้จิตริณีกลับตัดบทดื้อๆ
“ธรรมชาติอยากลองของใหม่ของคุณสินะ...เด็กคนนี้เป็นเด็กดี ฉันไม่ให้ท้ายคุณเด็ดขาด!”
แต่ถึงจะถูกจิตริณีกันท่าแบบนั้น อัศนีย์ก็ไม่ยี่หระ ตั้งใจไว้แล้ว จะต้องทำความรู้จักสาวน้อยหน้าเก๋ เด็กดีของเพื่อนสาวให้ได้ แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น เศรษฐีหนุ่มรูปหล่อพ่อรวยก็ต้องเจอกับคู่ปรับเก่าโดยบังเอิญที่หน้าห้องน้ำก่อน
คุณชายรองเกือบมองผ่านชายหนุ่มหน้าตาดีที่เดินสวนกันอยู่แล้ว ถ้าอีกฝ่ายจะไม่ส่งยิ้มกวนประสาทมาให้ พร้อมกับแนะนำตัวอย่างเป็นทางการว่าเขาคืออัศนีย์ เถลิงการ
“อ้อ...เสียใจด้วยกับการหย่าร้างของคุณกับหญิงก้อย”
“ผมก็ยินดีด้วย ที่หญิงก้อยกลับไปหาคุณชายอีกครั้ง”
ถ้อยคำสวนกลับแบบยียวนทำให้คุณชายรองถึงกับหน้าตึง แต่ไม่ทันตอกกลับ ไนเจลก็เดินออกจากห้องน้ำอีกคน สองหนุ่มคู่ปรับถึงกับชะงัก อัศนีย์เป็นฝ่ายตั้งหลักได้ก่อน ทักยิ้มๆอย่างรู้ทัน ว่าเจ้านายหนุ่มของเพื่อนสาวคงแอบตามมาสังเกตการณ์ ส่วนคุณชายรองยังคงอึ้ง เพราะจำได้ดีว่าหนุ่มตาน้ำข้าวตรงหน้าคือคนที่ควงมากับสาลิน
คุณชายรองมองคนนั้นทีคนนี้ทีด้วยความงุนงง เพราะนอกจากหนุ่มตาน้ำข้าวที่ชื่อไนเจลจะไม่สนใจเขาแล้ว ยังต่อปากต่อคำกับอัศนีย์ไม่หยุดปาก แต่ก็พอจับความได้ว่าเกี่ยวกับหญิงสาวที่ชื่อจิตริณีหรือจินนี่
ศุภรออกจากห้องน้ำในจังหวะเดียวกันนั้นเอง คุณชายรองเลยจะขอตัวจากสถานการณ์น่าเบื่อนี้ แต่ไม่ทันขยับ ก็ต้องหูผึ่ง เมื่อได้ยินอัศนีย์กับไนเจลพูดถึงบรรณารักษ์สาวบ้านสวนที่ชื่อว่าสาลินหรือลินซี่!
ooooooo
กว่าคุณชายรองกับศุภรจะปลีกตัวจากสนามรบ ของอัศนีย์กับไนเจลได้ก็แทบแย่ และแม้เรื่องของสาลินจะน่าสนใจ ก็ดึงเขาไว้ไม่ได้ แต่ไม่ทันได้ออกจากร้านอาหาร ราชนิกุลหนุ่มก็ต้องรับศึกหนักอีกรอบ เมื่อดันเจอกับบรรณารักษ์สาวบ้านสวน หัวข้อสนทนาของสองหนุ่มที่เขาเพิ่งหาทางหนีออกมาได้เมื่อครู่ใหญ่
สาลินตะลึงไม่แพ้กันเมื่อเห็นหน้าราชนิกุลหนุ่ม แต่ครั้นได้ยินเหตุผลที่เจอเขาแถวนี้บ่อยๆ ว่าเป็นเพราะเขากับศุภรเปิดร้านผ้าไหมด้วยกัน เลยต้องมาตรวจงาน ก็ถึงกับตาวาว
“คุณเปิดร้านมาสองปีแล้ว ก็เป็นไปได้ที่คุณจะแวะมาร้านบ่อยๆ แล้วขับรถสาดโคลนใส่ฉันตั้งสองหน”
“อาจจะใช่ แล้วก็อาจไม่ใช่ก็ได้ ตราบใดที่ฉันยังไม่เจอสมุดบันทึก ฉันก็ยังสรุปไม่ได้”
“อย่างคุณต่อให้หาเจอ ต่อให้ตรงกับวันที่ฉันกล่าวโทษ คุณก็คงไม่ยอมรับความจริงหรอก”
“รู้ได้ยังไงว่าฉันเป็นคนแบบนั้น”
“โธ่...แค่เรื่องพี่สาวฉันกับยายแฟนหญิงเทโพของคุณ คุณยังไม่กล้าทูลเสด็จฯเลย ยอมรับความจริงไหมล่ะ”
“นี่เธอ...อย่ามาหาเรื่องฉันเกินไปนักนะ เธอมันก็แค่...”
“บรรณารักษ์ห้องสมุดฝรั่ง”
คุณชายรองโกรธจนพูดไม่ออก แต่ไม่ทันตอกกลับ ไนเจลก็หุนหันออกจากร้าน พร้อมลากตัวเธอกลับห้องสมุด ตามมาด้วยอัศนีย์ซึ่งแววตาเต็มไปด้วยความสนุกสนานที่ได้ยั่วประสาทเจ้านายหนุ่มของเพื่อนสาว
ท่าทางเกือบจะฆ่ากันตายของอัศนีย์กับไนเจลไม่ได้คาใจศุภรเท่าเรื่องเพื่อนหนุ่มต่อล้อต่อเถียงกับบรรณารักษ์สาวเหมือนเด็กๆ ทั้งที่สาลินก็ดูเรียบร้อยในสายตาเขาแท้ๆ
“อย่าให้หน้าซื่อๆหลอกแกได้เชียว ยายเด็กนั่นร้ายจะตาย เจ้าหล่อนเล่นงานฉันฉอดๆ...ไม่เห็นหรือ”
“เห็น...แต่ฉันงง นายกับเด็กนี่ต้องมีอะไรมากกว่าแค่นายขับรถทำโคลนเปื้อนชุดเขาแน่”
“ก็ยายคนนี้แหละที่เอาน้ำมาราดกางเกงฉัน”
“อ้อ...แล้วมีอะไรมากกว่านั้นอีกหรือเปล่า เห็นพูดถึงพี่สาวเขากับหญิงเทโพและเสด็จฯ มันอะไรกัน”
“เรื่องมันยาวว่ะ ฉันไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง”
“ว่ามา...เริ่มต้นที่คุณหญิงเทโพนี่ ใช่คุณหญิงเทพีเพ็ญแสงหรือเปล่า แล้วเสด็จฯใช่เสด็จป้าของแกหรือเปล่า แล้วพี่สาวเขาเป็นใคร เกี่ยวอะไรกับแก และที่สำคัญ...สวยไหม...”
เย็นวันเดียวกันที่ตำหนักเล็กวังวุฒิเวสม์...ทุกคนยกเว้นจรวย เพลิดเพลินกับผ้าไหมผืนสวยเนื้อดีที่คุณชายรองหอบหิ้วมาฝากจากร้าน คุณชายเล็กเฝ้ามองเหตุการณ์ทุกอย่างด้วยความชอบใจ ก่อนจะหันไปคุยกับพี่ชายเลยได้รู้ว่าอีกฝ่ายแวะไปตรวจงานที่ร้านและได้เจอกับสาลินโดยบังเอิญ
คุณชายเล็กไม่ทันระวัง หลุดปากว่าสาลินทำงานเป็นบรรณารักษ์ในห้องสมุดฝรั่งแถวสุรวงศ์ คุณชายรองถึงกับนิ่วหน้าที่น้องชายรู้เรื่องสาวแสบบ้านสวนมากกว่าเขาเสียอีก แต่ก็ไม่ได้ติดใจจะซักไซ้
“เป็นบรรณารักษ์หรือ แต่ปากคอเราะราย กล้าหาญชาญชัยเหมือนแม่ค้าตลาดสดไม่มีผิด”
“โธ่...อย่าด่วนตัดสินใจใครง่ายๆสิครับ หน้าปกกับเนื้อในอาจไม่เหมือนกันก็ได้”
พูดจบก็นึกถึงภาพสาลินจีบปากจีบคอแขวะเรื่องชื่อยาวของพี่ชาย จนต้องหลุดหัวเราะอีกรอบ คุณชายรองเห็นรอยยิ้มเหมือนมีเลศนัยของน้องชาย ก็เริ่มเอะใจ แต่คุณชายเล็กก็แก้ตัวง่ายๆ
“ไม่มีอะไรครับ แค่ขำว่าตอนนี้ผมเจอแต่คนชอบตัดสินใครต่อใครง่ายๆอยู่ซะเรื่อย”
ooooooo
นมย้อยหอบผ้าไหมหลายพับที่คุณชายรองหิ้วมาฝากไปแจกจ่ายให้บรรดาสาวใช้ในครัว โดยมีน้อมกับเจียมเป็นเหมือนผู้ช่วยคอยบอกคอยแนะให้สาวๆ แต่กระนั้นก็ไม่วายจิกกัดไปถึงจรวยที่นั่งอยู่ไม่ไกลกันนั้น
จรวยทนฟังไม่ได้ ฮึดฮัดกลับตำหนัก น้อมมองตามขำๆ มั่นใจว่าคุณชายรองไม่หอบผ้าไหมมาฝากพี่สะใภ้ เพราะเหม็นขี้หน้า นมย้อยไม่เชื่อและไม่อยากให้ใครมองราชนิกุลหนุ่มไม่ดี เลยแก้ต่างแทน
“คุณชายเธอไม่คิดเล็กคิดน้อยหรอก แต่วันก่อนคุณชายโตเพิ่งทะเลาะกับแม่จรวย...ก็เรื่องเธอขนตัดเสื้อเดือนที่แล้วสิบชุดน่ะสิ คุณรองเธอคงเห็นว่าถ้าให้จรวย ผัวเมียจะทะเลาะกันอีก”
จรวยไม่ได้ยินคำของนมย้อย เลยกลับมาโวยวายใหญ่กับสามี คุณชายโตรับฟังด้วยความเบื่อหน่ายและได้แต่ปลอบไปตามแกน ว่าให้ต่างคนต่างอยู่ ไม่เห็นต้องทำให้เรื่องวุ่นเหมือนที่ผ่านมา
“ค่ะ...ตอนนี้ก็พอทำเนา แต่พออีกหน่อยแต่งงานไป แม่หลานสาวคุณสอางค์ แม่ชาวสวนนั่นคงเข้ามาวางท่าเป็นสะใภ้เอก คอยชี้นิ้วรดหัวรวยอีกคน”
“ใครจะกล้ามาทำอย่างนั้น เด็จป้าก็อยู่ หม่อมแม่ก็อยู่ทั้งคน”
“แล้วถ้าเสด็จฯสิ้น หม่อมแม่สิ้นล่ะคะ เราไม่บ้านแตกสาแหรกขาดหรือ”
วาจาเหมือนไม่ยอมจบของจรวย ทำให้คุณชายโตหัวเสียมาก แต่ครั้นเห็นสายตาและท่าทางยั่วยวนของอีกฝ่าย ก็ทำให้ใจอ่อนยวบ ทำท่าจะโผหาด้วยแรงพิศวาสเหมือนทุกครั้ง แต่เสียงร้องโยเยของลูกชายคนเดียวก็ทำให้สองผัวเมียต้องผละจากกัน...โอ๊ย อารมณ์เสีย จะมาแหกปากร้องอะไรตอนนี้นะ!
วันเดียวกันที่โรงแรมหรู...อัศนีย์นัดเจอเพื่อนเก่าอย่างจิตติณกับวิรงรอง พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะเรื่องกิจการใหม่ของเศรษฐีหนุ่มหล่อพ่อรวย ที่อยากเปิดไนต์คลับใหญ่และโก้ที่สุดในพระนคร วิรงรองตื่นเต้นมาก จนอดไม่ได้บ่นกับจิตติณด้วยความเสียดายแทนคุณหญิงก้อยที่หย่าขาดจากอัศนีย์
“เฮ้ย...เลิกกันไปตั้งครึ่งค่อนปีแล้วนะ”
“ใครจะรู้ เขาอาจจะยังรักกันอยู่ก็ได้”
“อ้าว...ก็หญิงก้อยหวนไปคืนดีกับแฟนเก่าแล้วนี่”
“แต่ช่วงหลังมานี่ ดูจะระหองระแหงกันอีกแล้ว”
สายตาเจ้าเล่ห์ของคอลัมนิสต์สาวทำให้จิตติณนิ่วหน้า วิรงรองเลยขยายความยิ้มๆ
“ถ้าถ่านไฟเก่ามันยังคุอยู่ ก็น่าจะทำให้มันรุ่งโรจน์โชติช่วงขึ้นมาอีกครั้ง”
จิตติณหัวเราะเบาๆ “ให้ตาย...พวกผู้หญิงอย่างเธอ ทำไมชอบจับคู่ให้คนโน้นคนนี้นัก แล้วแน่ใจหรือว่าอาร์นี่จะไม่ไปเจอที่หมายใหม่แล้ว...ฉันรู้จักสันดานมันดี”
การคาดเดาของจิตติณไม่เกินจริงเลย และที่หมายใหม่ของอัศนีย์ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นบรรณารักษ์สาวหน้าตาน่ารักแห่งห้องสมุดฝรั่งนั่นเอง และวันนี้เขาก็เดินเกมรุกอย่างเต็มตัว ด้วยการบุกหาเธอถึงห้องสมุดแล้วพยายามจะเชิญชวนให้ไปกินมื้อกลางวันด้วยกัน
สาลินเห็นสายตากรุ้มกริ่มของเขาก็เริ่มอึดอัด แต่ยังตีหน้านิ่ง ปฏิเสธยิ้มๆ
“ผู้หญิงไทย เขาไม่ไปไหนสองต่อสองกับผู้ชายที่ไม่รู้จักกันอย่างนี้หรอกค่ะ”
“อะไร...แต่เมื่อวานผมกับคุณเจอกันตั้งสองครั้งแล้ว”
สาลินอึ้งไปอึดใจ ก่อนจะยิ้มหวานผายมือไปทางแว่น เด็กหนุ่มแว่นหนาที่เพียรจีบเธอมานาน
“เห็นคุณนักศึกษาแว่นนี่ไหมคะ เอ่อ...ฉันคงไปทานกลางวันกับเขาน่ะค่ะ”
“สักวันหนึ่ง คุณจะต้องยอมรับว่าเรารู้จักกัน!”
ooooooo
อัศนีย์กลับไปแล้ว ไม่ทันเจอจิตริณี ซึ่งนิ่วหน้าด้วยความแปลกใจ เพราะได้ยินจากสาลินว่าเพื่อนหนุ่มแวะมายืมหนังสือ แต่ไม่ทันยืมก็กลับไปเสียก่อน สาลินไม่ได้อธิบายความอะไรมาก มัวโล่งใจที่บอกปัดเศรษฐีหนุ่มพ่อรวยไปได้ ก่อนจะส่งสายตาขอบคุณไปทางแว่น ที่ยอมให้เธอใช้เป็นข้ออ้าง
และแล้วเวลาพักเที่ยงก็มาถึง ไนเจลไปกับจิตริณีตามประสาคนจีบกันใหม่ๆ ทิ้งสาลินให้ไปกินข้าวข้างทางกับบราลีและลลิตา แต่ไม่ทันได้กิน บรรณารักษ์สาวบ้านสวน ก็ต้องเบิกตาโพลงด้วยความดีใจ เมื่อเจอกับพลโดยบังเอิญ
เป็นอันว่าสาลินตัดสินใจไปกินมื้อกลางวันกับพล แถมเสนอตัวเป็นเจ้ามือเลี้ยงอีกต่างหาก พลหรือคุณชายเล็กในคราบช่างฟิตตอบรับด้วยความยินดี ก่อนจะยิ้มแหย เมื่อเธอวกมาที่บทสนทนาคราวที่แล้ว อยากจะจีบเขาเป็นพี่เขย แทนคุณชายชื่อยาวขี้เก๊กและเย่อหยิ่ง
พลพยายามแบ่งรับแบ่งสู้ ไม่อยากเอาตัวไปเกี่ยวให้เรื่องวุ่นกว่านี้ แต่ก็ดูเหมือนสาลินจะไม่ยอม
“ทำไมจะไม่ได้ พี่สาวฉันทั้งสวย ทั้งเก่ง ทั้งดี คุณเห็นปุ๊บก็ต้องชอบปั๊บ”
พลอมยิ้ม ชอบใจและนึกเอ็นดูท่าทางคนอวดพี่สาว “ก็อาจจะจริงนะ แต่ถ้าพี่สาวคุณดีขนาดนั้น จะเหมาะกับช่างฟิตอย่างผมได้ไง เธอเหมาะกับคนดีๆอย่างคุณชายชื่อยาวมากกว่า”
“ใครบอกว่าอีตานั่นดี ทั้งเย่อหยิ่ง ทั้งอวดวิเศษ ทั้ง...”
“มักมากในกามารมณ์”
สาลินหน้าเจื่อน “ฉันกำลังจะพูดว่าทั้งที่มีคู่รักอยู่แล้วต่างหาก โธ่...พี่สาวฉันต้องเสียใจตายแน่”
“ถ้าพี่สาวคุณดีพร้อม เขาก็ต้องเห็นสิฮะ”
“ไก่ได้พลอยมีถมไป แถมอีตาคุณชายนี่เป็นไก่ตาบอดด้วย”
พลหัวเราะ คิดถึงคำพี่ชายอย่างช่วยไม่ได้ “คุณนี่ปากจัดอย่างที่เขาว่าจริงๆ”
มื้อกลางวันของพลกับสาลินจบลงอย่างสวยงามและอิ่มแปล้ ช่างฟิตหนุ่มอาสาไปส่งบรรณารักษ์สาวถึงห้องสมุด แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจดื้อๆ เพราะดันเห็นพี่ชายคนรองกำลังเดินมาจากอีกมุม สาลินไม่รู้เรื่องได้แต่มองตามหลังช่างฟิตหนุ่มงงๆ ก่อนจะแทบผงะ เมื่อหันมาเจอคุณชายรองในระยะประชิด!
คุณชายรองก็ตกใจไม่แพ้กัน คาดไม่ถึงว่าจะได้เจอเธอโดยบังเอิญอีกครั้ง แถมอะไรดลใจไม่รู้ ทำให้เขาชวนเธอขึ้นรถ เพื่อไปส่งห้องสมุด สาลินปฏิเสธ เขาเลยแกล้งถามว่ากลัวอะไร
สาลินเชิดหน้า ตอบเสียงเรียบ “ฉันกลัวเป็นหนี้บุญคุณใคร”
“อย่ากลัวเลย เพราะตอนนี้เธอก็เป็นหนี้ฉันอยู่แล้ว”
“ใครเป็นหนี้อะไรคุณ พูดมานะ”
“ก็ใครล่ะที่เสื้อเปียกฝนจนมองเห็นทะลุปรุโปร่งถึงเนื้อใน...จนฉันต้องเสียสละเสื้อให้ใส่”
“ไม่ต้องมาเท้าความ แล้วฉันเป็นหนี้อะไร”
“นี่เธอความจำเสื่อมหรือ เสื้อฉันยังอยู่กับเธอ”
สาลินถึงกับอ้าปากค้าง ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะกล้าทวงแบบนี้ แต่คุณชายรองก็ไม่สน อาศัยข้ออ้างนี้ บังคับแกมขู่ให้เธอนั่งรถไปกับเขาจนได้ โดยมีพลหรือคุณชายเล็กในคราบช่างฟิตแอบมองตามจากมุมไกลๆ อดแปลกใจไม่ได้ที่พี่ชายรองสนิทสนมกับบรรณารักษ์สาวมากกว่าที่คิด จนถึงกับพานั่งรถไปด้วย
ooooooo
เพราะข้ออ้างนั่นแท้ๆ ทำให้สาลินยอมนั่งให้คุณชายรองขับมาส่งถึงห้องสมุด แต่เมื่อถึงเขากลับบอกไม่ให้เธอไปเอาเสื้อที่ร้านซักแห้ง แต่ย้อนถามถึงการยืมหนังสือในห้องสมุดแทน
คุณชายรองนึกขำท่าทางงอนเหมือนเด็กๆ แต่ก็ยังตีหน้าขรึม แก้ตัวเสียงเรียบ
“ฉันก็แค่อยากรู้...ว่าเธอทำงานเป็นบรรณารักษ์จริงๆน่ะสิ ไม่ใช่สาวเสิร์ฟหรือเด็กเลี้ยงแกะ”
สาลินกัดฟันกรอด “เมื่อรู้แล้วก็กลับไปได้”
“หนังสือเยอะดีนะ ขอฉันดูหนังสือหน่อย เผื่อจะยืมกลับไปอ่านบ้าง”
“ต้องเป็นสมาชิก”
“ก็สมัครให้ฉันสิ”
การปรากฏตัวของคุณชายรอง ทำให้พนักงานสาวๆ แตกตื่น โดยเฉพาะแก๊งบรรณารักษ์อย่างบราลีกับลลิตา ถึงกับตาโต เมื่อได้เห็นท่าทางเรียบง่ายและเป็นกันเองของเขา แต่ราชนิกุลหนุ่มก็ไม่ได้สนใจสายตาอยากรู้อยากเห็นของใคร มัวจ้องจับผิดสาลิน ที่ชอบไปกิน
มื้อกลางวันกับผู้ชายมากหน้าหลายตา ไม่เว้นแม้แต่ไนเจลผู้เป็นเจ้านาย
“วันนี้ไม่ใช่เวรของบอสค่ะ วันนี้ฉันไปทานกับคุณพลหนุ่มปั๊ม”
“พล...หนุ่มปั๊ม อ้อ...มีหลายคน คงไม่รวมนายเศรษฐีอัศนีย์นั่นอีกคนนะ”
“อัศนีย์...คุณอัศนีย์มาเกี่ยวอะไรด้วย”
“ไม่รู้สิ เห็นเขาพูดถึงเธอว่าน่ารักอย่างโน้นอย่างนี้”
“เหรอคะ คุณอัศนีย์เขาชมฉันเหรอ แหม...น่าปลื้มใจ รู้จักกันแค่แป๊บเดียว เมื่อกี้ก่อนเที่ยงเขาก็แวะมาหาฉัน”
คุณชายรองนิ่วหน้า หงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล “เหรอ...นายอัศนีย์มาหาเหรอ”
“เขามาชวนฉันไปทานกลางวัน แต่พอดีฉันมีนัดกับคุณพลน่ะค่ะ”
คุณชายรองมองมาด้วยความหมั่นไส้ สาลินเลยแกล้งยั่วด้วยการบอกให้แว่นเตรียมตัวเป็นคู่เดต
มื้อกลางวันของเธอในวันพรุ่งนี้ คุณชายรองหน้าตึง เกือบจะโต้แล้ว แต่ก็ต้องสงบท่าทีไว้ เมื่อไนเจลกลับเข้ามาพร้อมกับจิตริณี แล้วถือโอกาสขอตัวดื้อๆ โดยมีสาลินตามไปส่ง
“ขอบใจที่ให้ยืมหนังสือ ครบกำหนดแล้วฉันจะแวะมาคืน”
“ดีค่ะ เพราะฉันจะเอาเสื้อสูทมาคืนคุณด้วย”
สีหน้าเฉยชาของเธอ ทำให้คุณชายรองหัวเสียขึ้นมาอีก รื้อเรื่องหนุ่มๆรอบตัวเธอมาชวนทะเลาะอีกรอบ
“พี่สาวเธอ เขารู้ไหมนะว่าเธอ...มีคู่เดตทานกลางวันเยอะขนาดนี้”
“รู้สิ...ฉันไม่เคยปิดบังพี่ศรีอยู่แล้ว”
“พี่สาวเธอไม่เตือนบ้างหรือไง เที่ยวหว่านเสน่ห์ไปทั่วแบบนี้”
“คุณนี่ตัดสินคนอย่างใจแคบที่สุด ทุกคนที่ฉันไปทานด้วยคือเพื่อน คือนาย ฉันไม่ได้คิดอะไรด้วยสักหน่อย”
“แต่ผู้ชายพวกนั้นคิด และเธอก็เปิดโอกาสให้เขาเสียด้วย”
สาลินโมโหมาก โพล่งออกไปด้วยความหงุดหงิด
“ฉันเป็นห่วงพี่ศรีจริงๆ ที่ต้องมาแต่งงานกับผู้ชายใจแคบ และดูถูกผู้หญิงอย่างคุณ”
“นี่มันจะมากไปแล้วนะ”
คุณชายรองทำท่าจะเอาเรื่อง แต่เธอก็ตัดบทดื้อๆ
“ลาก่อนค่ะ อ่อ...หนังสือต้องคืนตรงเวลานะคะ
ถ้าเลยกำหนดต้องถูกปรับวันละสิบบาท หนังสือหายากค่ะ”
ooooooo
วีรกรรมหัวกระไดไม่แห้งของสาลิน ทำให้แก๊งบรรณารักษ์ รวมทั้งจิตริณีมองมาด้วยความอยากรู้ แต่สาวแสบบ้านสวนก็ไม่ให้ความกระจ่างกับใครแถมเถียงข้างๆคูๆอีกต่างหาก ว่าสามหนุ่มที่แวะเวียนมา เป็นแค่คนรู้จัก
ไม่ใช่แค่สาลิน ต้องรับศึกหนักจากเพื่อนร่วมงาน คุณชายรองก็ต้องตอบคำถามน้องชายไม่แพ้กัน ที่เขาไปโผล่หน้าแถวห้องสมุดสุรวงศ์ แถมต่อล้อต่อเถียงกับหญิงสาวแปลกหน้าแต่ท่าทางเอาเรื่องคนหนึ่งด้วย
“จะใครซะอีกล่ะ นี่แหละ...แม่สาลิน น้องสาวศรีจิตรา”
“อ๋อ...น้องเมียในอนาคตของพี่รองนี่เอง”
“นายเรียกแบบนี้แล้วฟังพิลึก”
“เอ...แปลกนะ ท่าทางพี่รองดูจะสนิทกับว่าที่น้องเมียมากกว่าว่าที่เมียเสียอีก”
คุณชายรองหน้าเจื่อน ก่อนจะตีหน้าเข้มเหมือนเคย พร้อมกับโต้ว่าไม่มีอะไร
“แต่ผมดูเหมือนจะมีอะไรนะครับ ดูเหมือนจะ มีการต่อปากต่อคำ มีการทะเลาะและมีการงอนป่องๆ ใส่กันด้วย”
น้ำเสียงล้อๆของน้องชาย ทำให้คุณชายรองเริ่มอารมณ์ไม่ดี
“นายเล็ก...นายอยากโดนต่อยปากไหม”
“อย่านะฮะ ผมยังอยากกินน้ำพริกอยู่”
คุณชายเล็กโอดขำๆ ก่อนจะนึกถึงสาลิน ที่ทำท่าหาเรื่องจะต่อยพี่ชายเขาให้ได้ แต่ก็ทำได้แค่อมยิ้ม จนคุณชายรองเริ่มสงสัย แต่ช่างฟิตหนุ่มเจ้าสำราญก็ไม่อธิบายอะไรมาก นอกจากเตือนให้พี่ชายระวังตัวดีๆเท่านั้น
“เผื่อโจทก์ของพี่รอง จะหานักเลงมาจัดการ”
คำเตือนของน้องชายไม่ได้อยู่ในห้วงความคิดของคุณชายรองตลอดบ่าย มัวสนใจหนังสือที่เพิ่งยืมจากห้องสมุดมากกว่า จนกระทั่งน้องชายเจ้าสำราญแวะมาชวนไปกินมื้อเย็นกับเสด็จพระองค์หญิง
คุณชายรองไม่อยากเจอหน้าศรีจิตราให้อึดอัดใจ เลยจะปฏิเสธ คุณชายเล็กเลยต้องอ้อน
“โธ่ ตั้งแต่คุณหนูศรีมาอยู่วัง พี่รองเจอเธอแค่ครั้งเดียว ใจคอจะไม่ยอมไปพบเธออีกเลยหรือครับ น่า...ไปนะ”
คุณชายเล็กเห็นพี่ชายไม่ขยับ แถมกุมหนังสือแน่น เลยถือวิสาสะหยิบดู
“หนังสือห้องสมุด แน่ะ...ไปห้องสมุดคุณสาน้องสาวคุณศรีมาแน่ๆเลย”
“ฉันไปส่งเขา”
“แล้วก็ยืมหนังสือเขามาเสียด้วย เป็นยังไงครับ บรรยากาศดีน่าไปนั่งอ่านหนังสือไหม”
“ห้องสมุดน่ะดี แต่คนไม่ค่อยดี มีแต่คนเพี้ยนๆ ยายเด็กนั่นถึงทำงานที่นั่นได้”
“คนหนึ่งเพี้ยน อีกคนมักมากในกามารมณ์ ขนมพอสมน้ำยาจริงๆ”
คำพูดแปลกๆของน้องชายทำให้คุณชายรองเอะใจ คุณชายเล็กขี้เกียจแก้ตัวเลยเฉไฉดื้อๆ เปลี่ยนเรื่องเป็นคะยั้นคะยอให้พี่ชายไปตำหนักใหญ่ด้วยกัน คุณชายรองรำคาญเลยยอมไปด้วยแบบเสียไม่ได้
ooooooo
เสด็จพระองค์หญิงแย้มสรวลด้วยความชอบพระทัย ที่หลานชายสองคนมาร่วมโต๊ะเสวย และทรงอารมณ์ดีมากพอจะชวนคุยถึงความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ที่อะไรก็ไม่เป็นเหมือนอดีต คนหนุ่มสาวไม่ได้เก็บตัวกับบ้าน แต่มีโอกาสไปข้างนอก เปิดหูเปิดตา และเปิดโลกทัศน์ให้ทัดเทียมนานาชาติ
“ศรีจิตราก็ชอบอ่านหนังสือ คนอ่านหนังสือน่ะ ฉลาด หูตากว้างไกล มีความคิดความอ่าน”
ถ้อยรับสั่งชื่นชมทำให้ศรีจิตราปลื้มมาก คุณชายเล็กมองมาด้วยความเอ็นดู พูดสนับสนุน
“จริงพ่ะย่ะค่ะ วันก่อนเกล้าคุยกับคุณศรีเรื่องนิทานอยู่นาน คุณศรีรู้จักนิทานมาก พอๆกับนมย้อยเลยพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกเพคะ หม่อมฉันน่ะชอบอ่านแค่พวกนิทาน ต้องยายสา...สาลินน้องสาวหม่อมฉันสิเพคะ ยายสาอ่านหนังสือทุกเรื่องทุกแนว จนแทบจะหมดห้องสมุดที่ทำงานอยู่แล้วเพคะ”
ชื่อของสาลินทำให้ชายหนุ่มสองคนบนโต๊ะเสวยอมยิ้ม จนเสด็จฯอดแปลกพระทัยไม่ได้ แต่ก็ทรงเก็บพระอาการไว้ จนเมื่อหลานชายคนโปรดอย่างคุณชายรอง ขอให้สาลินเป็นคนพาศรีจิตราไปเที่ยวนอกวังแทนตัวเอง เลยถือโอกาสถามจากคุณสอางค์ จึงได้ทรงทราบว่าสาลินเป็นบรรณารักษ์ และไม่ได้พามาเฝ้าเพราะชอบเล่นซนเป็นลิงทโมน
เสด็จฯได้ยินข้าหลวงคนสนิทอ้างถึงคุณสร้อย ผู้เป็นน้องสาวไม่ขาดปากถึงเรื่องสาลิน เลยทรงซักไซ้ใหญ่ จนคุณสอางค์ต้องสารภาพว่าไม่ได้เจอหลานสาวคนเล็กสุดแสบมาเกือบห้าปีแล้ว
“พวกฟังความข้างเดียวอีกแล้ว สิ่งที่เห็นและความจริงอาจไม่ตรงกันก็ได้ เขาถึงว่าอย่าตัดสินหนังสือจากปก”
และก็คงเพราะข้อกังขาเรื่องสาลินนี่เอง ทำให้เสด็จฯมีรับสั่งให้เข้าเฝ้า อยากทอดพระเนตรด้วยองค์เอง ว่าจะหน้าตาสะสวยเหมือนศรีจิตราหรือไม่ คุณชายเล็กแกล้งทูลว่าสวยไม่แพ้กัน เพราะเคยเห็นตอนพี่ชายยืนคุยกับเธอเมื่อกลางวัน ศรีิจิตราถึงกับอึ้ง ต่างจากเสด็จฯที่มีรับสั่งถามเสียงนุ่ม
“แล้วเธอไปรู้จักน้องสาวศรีจิตรามาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“หลายวันมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ สาลินมาที่นี่ แล้วเอาผลไม้ไปให้หม่อมแม่ เลยได้พบกับเกล้า”
ทุกคนเลยถึงบางอ้อ จำได้ดีถึงวันที่คุณหญิงก้อยมาอาละวาดที่ตำหนักเล็ก จนได้ทราบความจริงเรื่องคุณชายรองมีว่าที่คู่หมั้นคนใหม่แล้ว แต่กระนั้น...เสด็จฯก็ยังมีพระประสงค์ให้สาลินเข้าเฝ้าอยู่ดี สร้างความปลาบปลื้มใจให้แก่คุณสอางค์เป็นอย่างมาก ต่างจากสองคุณชาย กลัวเรื่องยุ่งไปกันใหญ่ เช่นเดียวกับศรีจิตรา อดแปลกใจไม่ได้ เรื่องน้องสาวเคยเจอกับคุณชายหนุ่มว่าที่คู่หมั้น แต่กลับไม่เคยเล่าให้เธอฟัง
หลังมื้อเย็นกับเสด็จฯ สองคุณชายก็เดินกลับตำหนักเล็ก คุณชายรองหงุดหงิดไม่หาย ที่น้องชายเจ้ากี้เจ้าการ ยุยงให้เสด็จฯมีรับสั่งให้เขาพาศรีจิตราไปเที่ยวนอกบ้าน
“โธ่พี่รอง...จะแต่งกันอยู่แล้ว ยังเมียงมองกันไป แอบดูกันมา นี่มันยุคอวกาศแล้วนะครับ ไม่ใช่ยุคสร้างกรุง”
“ฉันรู้...แต่ที่ฉันไม่อยากทำตัวสนิทสนมกับเขา ก็เพราะฉันไม่คิดว่าฉันต้องแต่งกับเขา”
คุณชายเล็กอ้าปากค้าง “พี่รองจะขัดพระทัยเด็จป้าหรือฮะ”
“ฉันแค่อยากขอเวลาสักหน่อย หาจังหวะที่เหมาะจะกราบทูลเท่านั้น”
“ผมเห็นว่าคุณศรีเป็นคนน่ารัก คุ้นเคยกันไว้ก็ไม่มีอะไรเสียหาย”
“เขาไม่เห็นพูดอะไรกับฉันสักคำ ผิดกับแม่น้องสาว”
คุณชายเล็กหัวเราะ ก่อนจะแนะยิ้มๆ “โธ่...ก็ลองคุยกับเขาดูสิฮะ วันก่อนคุณศรีคุยกับผมตั้งหลายเรื่อง เขาถามผมเรื่องเมืองนอก เรื่องงานที่บริษัท เรื่องการควบคุมคุณภาพของปั๊ม”
“คิดว่าเขาคุยกับแกแต่เรื่องนิทานเสียอีก”
“ฟังดูก็รู้ฮะ ว่าคุณสร้อยคงเลี้ยงแบบปิดหูปิดตา ให้อยู่แต่กับบ้าน ผมถึงอยากให้เขาไปเปิดหูเปิดตาบ้าง”
“ความจริง คนที่น่าจะอาสาพาเขาเที่ยวก็คือแก”
“ขนาดเสนอว่าให้เป็นพี่รอง เด็จป้ายังทรงลังเลเลย เรื่องผมยิ่งไม่ต้องพูดถึง”
“งั้นก็ดีแล้ว ให้แม่น้องสาวเป็นคนพาไป”
“ขอถามหน่อยเถอะ ทำไมพี่รองถึงเจาะจงให้คุณสาเป็นคนพาไป”
สรรพนามเรียกขานสาลินว่าคุณสา ทำให้คุณชายรองนิ่วหน้า คุณชายเล็กอึกๆอักๆ ก่อนจะแถว่าเรียกเหมือนที่เรียกศรีจิตราเพราะเป็นพี่น้องกัน ก่อนจะขอตัวดื้อๆ ไม่อยากคุยต่อให้พี่ชายสงสัยมากกว่านี้
ooooooo
เพราะความคาใจเรื่องน้องสาวไม่บอกเรื่องที่เคยเจอคุณชายรองแท้ๆ ทำให้ศรีจิตราเงียบไปพักใหญ่ คุณสอางค์ มาลากับวรรณาเลยเข้าใจว่าเธอน้อยใจว่าที่คู่หมั้น ที่มีท่าทีเย็นชา ไม่อ่อนหวานเหมือนเวลาอยู่กับเสด็จพระองค์หญิง ศรีจิตราเลยต้องแก้ตัวเป็นการใหญ่ว่าไม่ได้คิดมาก แต่กำลังตื่นเต้นมากกว่าที่จะได้ไปเที่ยวกับสาลิน
สองสามวันต่อมา...สาลินก็ถูกคุณสร้อยเรียกไปพบ เพื่อแจ้งข่าวว่าเธอต้องเข้าวังวุฒิเวสม์ เข้าเฝ้าเสด็จฯตามที่มีพระประสงค์ บรรณารักษ์สาวปฏิเสธไม่ออก แต่ที่ทำให้ลำบากใจมากกว่า คือบทเรียนสุดโหดของคุณสร้อย จะให้เธอค้างคืนบ้านราชดำริ เพื่อเตรียมตัวซักซ้อมท่าทางให้เป็นสาวชาววังเต็มตัว
แค่เห็นพี่สาวตัวเหลือง หน้าซีด แถมเมื่อยไปทั้งตัวก็นึกขยาดแล้ว สาลินเลยหาทางเอาตัวรอด ด้วยการอ้างว่าคุณยายไม่สบาย เลยอยู่ค้างไม่ได้ ต้องกลับไปเฝ้าดูแลคุณยายที่บ้านสวน
อุ่นเรือนหน้าเสีย รีบขอพี่สะใภ้ไปดูอาการแม่ คุณสร้อยอยากจะเป็นลม แต่ก็ไม่ใจดำ เอ่ยปากอนุญาต พร้อมกับเจียดยาหอมอย่างดีฝากไปด้วย แต่เมื่อถึงบ้านสวน อุ่นเรือนเลยได้รู้ว่าถูกลูกสาวหลอกเสียสนิท!
คุณยายมีอาการคลื่นเหียน แน่นอก คล้ายจะเป็นลมจริง เพราะดันนึกสนุกเอาชุดที่เคยใส่ตอนสาวๆมาใส่อวดคนทั้งบ้าน แต่ขนาดที่เล็กมาก ทำให้คุณยายเกือบเป็นลม อุ่นเรือนเห็นแม่เต้นรำได้ จึงหันไปเอาเรื่องสาลิน คุณยายได้ยินเข้า พยายามปะติดปะต่อเรื่องราว แล้วจึงหันไปดุหลานสาวคนเล็กอีกต่อ
“อ้าว...แม่คุณ แม่ทูนหัว มาแช่งอะไรฉันอีกยะ”
“หนูไม่ได้แช่งสักหน่อย ที่หนูบอกคุณป้าน่ะ หนูพูดความจริงทั้งนั้น”
“อ้อ...ความจริงทั้งนั้น ไหนบอกซิว่าฉันไข้หนักเจียนตายแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่”
หลังจากนั้นเรื่องราวเมื่อวันก่อน เผยให้เห็นถึงวีรกรรมสุดโลดโผนของคนเล่า โดยมีผู้เป็นยายตามดุ ก็ถูกถ่ายทอดให้ทุกคนฟัง คุณยายอยากจะเป็นบ้า แต่ก็ดุหลานสาวคนเล็กไม่ลง ได้แต่ค่อนแคะเหน็บแนมไปตามประสา
“แต่ว่าทุกอาการของฉัน เกิดจากน้ำมือแกสินะ แม่มะกอกสามตะกร้า”
“ไม่ใช่มะกอกสามตะกร้าหรอกค่ะ ต้องเรียกว่าแม่เสียวสวาด!”
จบถ้อยคำของอุ่นเรือน ทุกคนในบ้านก็มองมาเป็นตาเดียว โดยเฉพาะคุณตาคุณยาย เอ็ดใหญ่ที่ลูกสาวว่าหลานสาวคนโปรดด้วยคำสองแง่สองง่าม อุ่นเรือนหน้าเสีย สาลินหัวเราะงอหาย ก่อนจะแก้ตัวให้แม่
“มันเป็นคำอีสานค่ะ แปลว่าเฉลียวฉลาด”
ทุกคนถอนใจเฮือก คุณยายเลยวกเข้าเรื่องเดิม
“เดี๋ยว...แล้วแกเอาเรื่องตายเรื่องเป็นฉันไปหลอกคุณป้าทำไม”
“ถ้าไม่บอกอย่างนี้ คุณป้าจะยอมให้แม่มาหรือคะ”
สายตาออดอ้อนของลูกสาวก็ทำให้อุ่นเรือนโกรธไม่ลง เช่นเดียวกับคุณตาคุณยาย ใจอ่อนยวบเมื่อคิดได้ว่าหลานสาวทำเพราะคิดถึงแม่ แต่ไม่ทันได้แยกย้ายไปนอนและคุยกันให้หายคิดถึง สาลินก็โพล่งออกมา
“คืนนี้ยังคุยกันไม่ได้ค่ะ เพราะแม่กับคุณยายมีงานสำคัญ เสด็จพระองค์หญิงโปรดให้หนูเข้าเฝ้าพรุ่งนี้ แม่กับคุณยายต้องฝึกซ้อมให้หนูเต็มที่เลยนะคะ เอาแบบส่งอาภัสราเข้าประกวดงานวชิราวุธเลยนะคะ”
บทเรียนเข้มข้นจากคุณยายกับแม่ เลยถูกถ่ายทอดให้สาลินอย่างเร่งด่วน ตอนแรกบรรณารักษ์สาวก็ล้มลุก คลุกคลานแทบแย่ แต่หลังจากฝึกซ้อมหลายครั้ง ก็เปลี่ยนลิงทโมนให้กลายเป็นสาวชาววังจนได้
แต่ภารกิจเปลี่ยนโฉมสาวทโมนก็ไม่จบแค่กิริยาท่าทาง แต่รวมไปถึงการบ่มและขัดผิวตามแบบฉบับคุณสร้อยด้วย และอุ่นเรือนก็เตรียมตัวมาอย่างดี จนสาลินเริ่มขยาด ผู้เป็นแม่เลยต้องใช้ไม้ตาย
“เดี๋ยวหนูจะแพ้พี่ศรี แม่จะแพ้คุณป้าสร้อยนะลูก”
ชื่อคุณสร้อยทำให้สาลินนึกฮึด “งั้นหนูจะไม่ขี้เกียจแล้วค่ะ เดี๋ยวขัดสีฉวีวรรณหนูสามรอบก็ได้”
ooooooo










