สมาชิก

สะใภ้จ้าว

ตอนที่ 5


คุณหญิงก้อยในชุดกรุยกรายอยู่บ้านนั่งอ่านแมกกาซีนในห้องโถงวังรัชนีกุล โดยมีท่านชายจันทร์ หม่อมวาณีและคุณหญิงกลางทำกิจกรรมส่วนตัวอื่นๆไม่ไกลกันนั้น แต่ความสงบที่หาได้ยากยิ่ง ก็ต้องมลายหาย เมื่อหม่อมวาณีเปิดประเด็นถามถึงคุณชายรองกับลูกสาวคนเล็ก

“หญิงเบื่อจังเลยค่ะ คุณรองมารับหญิงไปเที่ยวคลับ แต่ไม่ได้สนุกไปกับหญิงด้วย คืนก่อนหญิงเต้นระบำกับยายวิรงรอง สนุกจะตาย แต่คุณรองกลับนั่งหลับ”

คุณหญิงกลางอดไม่ได้ แกล้งแขวะว่าคุณชายรองคงเบื่อพวกวิรงรอง ที่ชอบเอาเรื่องชาวบ้านไปลงข่าวซุบซิบ คุณหญิงก้อยชักสีหน้า โต้ว่าคอลัมนิสต์สาวเป็นเพื่อน คงไม่ทำแบบนั้น ท่านชายจันทร์เลยสวนออกไปอย่างเหลืออด

“ดีนะ...คบยายนี่เป็นเพื่อน ทั้งๆที่มันเอาข่าวเสียๆหายๆของแกไปลงหากิน ทั้งเรื่องหย่าผัว แล้วกลับมาคบคนรักเก่าหวังจะได้เป็นผัวใหม่ แกโง่จนดูไม่ออกเหรอ ว่านังเพื่อนคนนี้มันหากินกับข่าวฉาวๆของแก”

คุณหญิงก้อยโกรธมาก แต่ยังทิฐิ “หญิงก็ชอบจะเป็นข่าวฉาวๆนี่เพคะ มันสนุกออก”

“งั้นแกก็ควรจะเลิกคิดเป็นสะใภ้เจ้าให้วุฒิวงศ์ได้แล้ว เพราะนั่นเขาผู้ดีแท้ ไม่ใช่ไพร่อย่างแก!”

คำพูดของท่านพ่อ แทงใจดำอย่างแรง จนคุณหญิงก้อยทนฟังแทบไม่ไหว ต้องลุกไปสงบสติอารมณ์ข้างนอก แต่ไม่ทันหายกรุ่น ก็ต้องมาหัวเสียอีกรอบ เมื่อคุณชายรองโทร.มายกเลิกนัด

“หญิง...เด็จป้ามีรับสั่งให้ผมร่วมโต๊ะเสวยด้วย หญิงไม่โกรธผมนะ หญิงก็ทราบดี”

“ค่ะ...หญิงทราบดีว่าประกาศิตของเด็จป้า ต้องสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดทั้งสิ้น”

คุณชายรองถอนใจหนักหน่วง “หญิง...ผมขอแก้ตัวพรุ่งนี้นะครับ”

“หญิงจะไปวันนี้ หญิงแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว หญิงไม่ยอมเป็นแม่สายบัวแต่งตัวค้างหรอกค่ะ”

“หญิงจะไปยังไงคนเดียว”

“อย่าห่วงเลยค่ะ ยังมีใครอีกเยอะแยะที่เต็มใจพาหญิงไป...สวัสดีค่ะ”

พูดจบก็วางสายทันที หม่อมวาณีถลามาหา ไม่สบายใจเลยที่ลูกสาวคนเล็กเอาแต่ใจ

“หญิงไม่ชอบคนไม่รักษาคำพูดค่ะ หญิงเกลียดคนโกหก”

หม่อมวาณีทำท่าจะท้วง แต่ก็ช้ากว่าท่านชายจันทร์ ที่ทนไม่ไหวต้องโพล่งออกไป

“แล้วใครที่โกหกว่าแต่งตัวแล้ว ใครที่รักษาคำพูดด้วยการแต่งงานกับไอ้เศรษฐีใหม่ที่เพิ่งเจอแค่เดือนเดียว!”

คุณหญิงก้อยตาวาวด้วยความโกรธจัด กรีดร้องเสียงหลง ผลักแจกันล้มแตกกระจาย แล้ววิ่งหนีขึ้นห้อง ท่านชายจันทร์จะผวาตามไปเอาเรื่อง หม่อมวาณีเข้าขวาง และพยายามไกล่เกลี่ยสถานการณ์เหมือนเคย

“โธ่...ท่านเพคะ อย่าทรงดุด่าลูกอีกเลย หญิงคงเสียใจมาก แต่ก่อนไม่เห็นเคยเป็นแบบนี้”

คุณหญิงกลางเห็นเหตุการณ์ตลอด ส่ายหน้าเบาๆด้วยความเอือมระอา

“จริงหรือคะหม่อมแม่ ตอนเด็กๆ พอไม่ได้ดั่งใจ หญิงก็จะอาละวาดร้องกรี๊ดๆแบบนี้ล่ะค่ะ ตอนนั้นหญิงน่ารักเหมือนตุ๊กตา ไม่ว่าจะทำอะไร ก็มีแต่คนเห็นว่าน่ารักไปหมด”

หม่อมวาณีชะงัก เถียงไม่ออกเพราะลูกสาวคนโตพูดจริงทุกอย่าง เช่นเดียวกับท่านชายจันทร์ อ่อนท่าทีลงเพราะฉุกใจคิดได้ว่าตัวเองก็มีส่วนผิด ทำให้คุณหญิงก้อยเอาแต่ใจแบบนี้

ooooooo

ปฏิกิริยาตอบกลับของคุณหญิงก้อย ทำให้คุณชายรองเครียดหนัก แต่กระนั้น...เขาก็ขัดรับสั่งเสด็จพระองค์หญิงไม่ได้ นมย้อยกับคุณชายเล็กได้แต่รับฟังด้วยความเห็นใจ แต่ก็ไม่อยากให้คุณชายนักการทูตปิดกั้นตัวเอง

“เจ้าประคู้น ขอให้เหมือนอิเหนาเจอหน้าบุษบาทีเถอะ”

คุณชายเล็กนิ่วหน้า ไม่เข้าใจเพราะไม่เคยรู้เรื่องวรรณคดีเรื่องอิเหนา นมย้อยเลยอธิบายเสียงอ่อน

“ก็อิเหนาหมั้นกับบุษบา แต่ไปเจอนางจินตหราเข้าก็หลง ไม่ยอมเจอหน้าบุษบาไงคะ”

“โอ้โฮ...นี่มันเรื่องของพี่รองชัดๆเลยนี่ฮะ แล้วยังไงฮะ”

“จนกระทั่งเกิดสงคราม อิเหนาต้องไปช่วยรบ ถึงได้เจอหน้าบุษบาเป็นครั้งแรก”

นมย้อยยิ้มกว้างเพ้อฝัน คุณชายเล็กต้องสะกิดให้เล่าต่อถึงปฏิกิริยาของอิเหนา

“ก็...หันไปรับไหว้นางเทวี ภูมีดูนางไม่วางตา”

เวลาเดียวกันที่ห้องศรีจิตรา...คุณสอางค์แวะมาดูความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้าย คิดไม่ต่างกับนมย้อยเลย เห็นหลานสาวคนโตงามสรรพในชุดที่เตรียมไว้

“หลานสาวฉันงามเหมือนบุษบา พ่ออิเหนาคงลืมแม่จินตหราได้เสียทีล่ะทีนี้”

ศรีจิตราขมวดคิ้ว ก่อนจะถามขึ้น “จินตหรา...มีจินตหราจริงๆใช่ไหมคะ”

“ว้าย...ไม่มี จินตหราอะไรไม่มี กลอนมันพาไปน่ะลูก”

คุณสอางค์พยายามกลบเกลื่อนเต็มที่ พร้อมกับถลึงตาใส่มาลาและวรรณา ไม่ให้หลุดปากเรื่องคุณหญิงก้อย ศรีจิตราลอบมองท่าทางผิดสังเกตนั้นด้วยความรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่กล้าซักอะไรมาก นอกจากรอดูเหตุการณ์ไปก่อน

และแล้วเวลานัดหมายก็มาถึง ศรีจิตราตื่นเต้นแทบแย่ แต่ไม่นานก็เลือนหาย เมื่อคุณชายรองไม่มาสักที เสด็จพระองค์หญิงทรงสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ แต่ก็ทรงพยายามทำเฉย รอจนคุณชายรองยอมปรากฏตัว

คุณสอางค์กับบรรดาสาวๆต้นห้องลุ้นกันใหญ่ อยากให้คุณชายรองตะลึงลานกับความงามแบบเรียบง่ายของว่าที่คู่หมั้นสาว แต่ราชนิกุลหนุ่มก็ทำให้ผิดหวัง

เมื่อเขาไม่มีท่าทีกระตือรือร้นหรือท่าทางสนใจเธอเลยแม้แต่นิดเดียว

เสด็จพระองค์หญิงกับคุณสอางค์ ไม่ยอมแพ้ ช่วยกันเปิดโอกาสให้ทั้งสองได้ใกล้ชิด โดยจัดให้คุณชายรองพาศรีจิตราชมรอบตำหนักเล็ก ราชนิกุลหนุ่มรับปากตามมารยาท ศรีจิตราก็ทราบดี แต่ก็ขัดรับสั่งเสด็จฯไม่ได้

คุณชายเล็กนั่งดูโทรทัศน์คอยอยู่แล้ว เมื่อคุณชายรองกลับจากทานมื้อเย็นกับเสด็จฯแล้วเขาก็ไม่รอช้า ถามถึงว่าที่คู่หมั้นของอีกฝ่าย ราชนิกุลหนุ่มนักการทูตทำหน้าเบื่อหน่าย ก่อนจะตอบว่าศรีจิตรามีท่าทางเหมือนหุ่น

“แปลว่าอะไรครับพี่รอง...เธอสวยเหมือนหุ่นนางละคร หรือว่าไม่มีชีวิตชีวาเหมือนหุ่น”

“ถูกทุกข้อ”

“สวยเหมือนหุ่นนี่ผมพอจะนึกออก แต่ไม่มีชีวิตนี่มันประมาณไหนกันครับ”

“ก็เขาทำหน้านิ่งๆเฉยๆตลอดเวลา แล้วก็ไม่มีปากมีเสียง แทบไม่พูดอะไรเลย นอกจากเพคะกับค่ะน่ะสิ”

คุณชายเล็กรับฟังยิ้มๆ อดนึกถึงสาลินน้องสาวของศรีจิตรา ซึ่งมีบุคลิกต่างกันไม่ได้ จนถึงกับรำพึงเบาๆ

“ไม่ยักกะเหมือนน้องสาวแฮะ”

ooooooo

คุณชายเล็กได้พิสูจน์ความจริงด้วยตัวเองในเช้าวันต่อมา เมื่อบังเอิญเห็นศรีจิตราถือขันใส่ดอกไม้เดินผ่านมา ระหว่างที่เขาซ่อมเครื่องรถยนต์หน้าตำหนักเล็ก แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่รู้จักเขา แถมดันเข้าใจผิด คิดว่าเขาคือยอด คนขับรถประจำวังอีกต่างหาก เพราะเคยเห็นเขาขับรถไปส่งคุณสร้อยเมื่อไม่กี่วันก่อน

ส่วนศรีจิตรา...ประหม่าและทำอะไรไม่ถูก เมื่อได้ประจันหน้าคนขับรถหนุ่มหล่อ ซึ่งเคยแต่แอบมองเขาจากหน้าต่างห้องเมื่อหลายคืนก่อน ยิ่งเขาเย้าแหย่ ยิ่งหน้าแดง เผลอทำขันหลุดมือ จนเขาต้องมาช่วยเก็บ แล้วก็ถึงกับตัวชาวาบ เมื่อมือเธอดันสัมผัสมือเขาอย่างจัง!

สองหัวใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยมาก่อน โดยเฉพาะศรีจิตรา กว่าจะตั้งสติได้ หัวใจก็แทบหลุดจากร่าง ส่วนคุณชายเล็กสบตาหวานนั้นอึ้งๆ แปลกใจไม่น้อย เพราะไม่เคยเห็นผู้หญิงเรียบร้อยทุกกระเบียดเท่าเธอ แต่ไม่ทันขอโทษหรือแก้ตัว ศรีจิตราก็ดึงมือออกแล้วผละไปแล้ว

คุณชายเล็กไม่ได้ตามไปเซ้าซี้หรือแก้ตัว แต่ใช้ให้ยอด คนขับรถตัวจริงซึ่งเขาส่งไปหยิบของก่อนหน้า นำขันดอกไม้ไปคืนถึงตำหนักใหญ่ ศรีจิตราถึงกับทำหน้าไม่ถูก เมื่อเห็นขันในมือมาลากับวรรณา

“คุณศรีขา...นายยอดเอาขันดอกไม้มาคืนค่ะ คุณศรีไปลืมไว้ได้ยังไงคะ”

“ไม่ได้ลืมหรอกค่ะ แค่ทิ้งไว้ ว่าจะกลับไปเอาทีหลัง...เอ่อ คนขับรถตำหนักเล็กชื่อนายยอดหรือคะ”

สีหน้างงๆของมาลากับวรรณา ทำให้ศรีจิตราถึงกับหน้าเจื่อน ก่อนจะแก้ตัวแกนๆว่าเคยเจอยอดเมื่อหลายวันก่อน ตอนเขาขับรถไปส่งคุณสร้อยที่บ้านราชดำริ สองสาวต้นห้องเลยไม่สงสัย

“อุ๊ย...หน้าเจ้ายอดนี่จำง่ายค่ะ เห็นหน้าแล้วเอาไปฝันร้าย”

“เอ...ทำไมล่ะคะ นายยอดเขาก็หน้าตาดีเหมือนกันนี่คะ”

พูดจบก็หน้าแดง ต้องรีบขอตัวดื้อๆ ทิ้งให้มาลาและวรรณามองตามขำๆ

“ว้าย...คุณศรีนี่ช่างประชดประชันเหมือนกันนะนี่ นายยอดน่ะ...ตัวดำเป็นเหนี่ยงเชียว”

หลังเจอพี่สาวตอนเช้า คุณชายเล็กในคราบพลช่างฟิตก็แวบมาบ้านสวนเมืองนนท์บ่ายวันเดียวกันเพื่อเจอน้องสาวจอมแสบ สาลินต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี เพราะเขามาเยี่ยมพร้อมขนมตำรับชาววังตะกร้าใหญ่

หน้าตาและรสชาติขนม ทำให้ชาวสวนเมืองนนท์ติดใจกันทั้งบ้าน โดยเฉพาะสาลิน หยิบเข้าปากไม่หยุด จนคนถือมาให้ยิ้มปลื้ม ก่อนจะหน้าถอดสี เมื่อเธอถามถึงคนทำขนมพวกนี้

“แม่ย้อยของคุณเป็นชาววังหรือคะ”

“ครับ...เลี้ยงผมในวังมาตั้งแต่เด็ก”

“คุณถูกเลี้ยงในวังงั้นหรือ”

คำถามของสาลินทำให้ทุกคนในบ้านเงียบกริบ หันมองเขาเป็นตาเดียวเหมือนจะคาดคั้นคำตอบ แต่คุณชายเล็กก็เอาตัวรอดไปได้ แถมทำให้สาลินหัวเราะเสียงดังลั่น เพราะเขาทำให้เธอคิดถึงคุณสร้อย

“สมมติว่าคุณเอาขนมไปให้คุณป้าสร้อยนะ คุณป้าจะบอกว่า...”

สาลินเงียบไปอึดใจ ก่อนจะทำหน้าเคร่ง มือเท้าหมอนขวาน เลียนแบบเสียงป้า “ขอบใจย่ะ เอามาทำไม ของที่นี่ทำอยู่บ่อยๆ อย่างขนมค้างคาวนี่ ตำรับเจ้าครอกวัดโพธิ์เชียวนะยะ ส่วนขนมทองเอกนี่ก็ตำรับท้าวทองกีบม้า สืบทอดมาตั้งแต่แผ่นดินพระนารายณ์”

ท่าทางของสาลิน ทำให้พลหรือคุณชายเล็กในคราบช่างฟิต รวมทั้งคนอื่นๆหัวเราะลั่น สาลินยิ้มรับด้วยความภูมิใจ ก่อนจะเล่าต่อด้วยน้ำเสียงเป็นตัวเอง ว่าคุณสร้อยจะไม่จบแค่นั้น แต่จะส่งของตอบแทนให้เขาภายในสามวัน

“คุณจะได้ทุกอย่างที่คุณให้ แต่ต้องวิเศษกว่า วิจิตรกว่า วิลิศมาหรากว่าสิบเท่า เพื่อบอกว่านี่ต่างหากของแท้”

ทุกคนพากันขำกลิ้ง จนคุณยายต้องปรามหลานสาว ไม่ให้นินทาคุณสร้อยมากไปกว่านี้ สาลินทำท่าจะเถียง แต่ก็ได้ตื่นเต้นยินดีเสียก่อน เมื่อเห็นอุ่นเรือนหอบกระเป๋าเดินทางใบเล็กเข้ามา...

ooooooo

สองแม่ลูกทักทายกันด้วยความคิดถึง เป็นที่ปลาบปลื้มใจของคุณตาคุณยาย รวมถึงพลหรือคุณชายเล็กในคราบช่างฟิตด้วย แต่ที่ทำให้บรรยากาศเสีย ก็เมื่ออุ่นเรือนถูกคุณตาคุณยายเอ็ดเรื่องศรีจิตรา ซึ่งถูกคุณสร้อยบงการชีวิตทุกอย่าง แม้แต่เรื่องหมั้นหมายแต่งงาน ก็บอกหรือแสดงความเห็นไม่ได้ สาลินเห็นแม่หน้าเสีย ก็ออกโรงปกป้อง “แหม...

คุณป้าสร้อยเลี้ยงพี่ศรีมา แม่เลยไม่อยากขัดใจ อย่าว่าแม่เลยนะคะคุณตาคุณยาย ถ้าจะให้ดี ไปต่อว่าคุณป้าสร้อย ที่บ้านราชดำริเลยดีกว่า สาจะเสมอนอกให้เลย”

คุณตาคุณยายหลุดขำกันใหญ่ เช่นเดียวกับพล สาลินหันมาเห็นแล้วนึกขึ้นได้ รีบไล่เขากลับบ้านดื้อๆ

ไม่กี่อึดใจต่อมา พลหรือคุณชายเล็กในคราบช่างฟิตก็มาเดินไต่สะพานข้ามท้องร่องในสวน โดยมีสาลินตามมาส่ง พร้อมความรู้สึกผิดนิดๆที่ไล่เขากลับบ้าน ดื้อๆ เพราะไม่อยากให้เขารู้เรื่องภายในครอบครัว

พลส่ายหน้า ยิ้มกว้าง แล้วแกล้งพูด “โธ่...ผมไม่รู้เรื่องอะไรสักหน่อย แค่รู้ว่าพี่สาวคุณโดนคุณป้าจอมเผด็จการส่งเข้าวังเสด็จพระองค์หญิง เพื่อไปแต่งงานกับคุณชายชื่อยาวแค่นั้นเอง”

สาลินถึงกับอ้าปากค้าง “นี่คุณปะติดปะต่อเรื่องได้ขนาดนี้เชียวหรือ”

“ผมเป็นคนมีความสามารถพิเศษ”

“โธ่...สงสารพี่ศรี ทำไมต้องถูกคลุมถุงชนแบบนี้”

“นี่ผมเพิ่งได้ยินคนบ่นเรื่องนี้เหมือนคุณเปี๊ยบเลย”

พลหรือคุณชายเล็กในคราบช่างฟิตหมายถึงคุณชายรอง แต่สาลินไม่ได้ติดใจ มัวพิลาปรำพันเรื่องพี่สาว จนเขาต้องปลอบให้ทำใจ ก่อนจะแยกย้ายกันเมื่อสุดเขตสวน แต่พลันสองหนุ่มสาวก็ต้องวกมาเจอกันใหม่ไม่กี่อึดใจต่อมา เมื่อพลเจอพุดซ้อนกับชบาซึ่งมาแอบฟังจากในพุ่มไม้เข้าอย่างจัง!

สาลินกับพลกลั้นยิ้มแทบแย่ เมื่อเห็นท่าทางอึกๆอักๆของสองแม่ลูกเจ้าของปั๊ม เลยรวมหัวกันแกล้งสองแม่ลูก พุดซ้อนกับชบาหน้าเสีย รีบอ้างว่ามาเก็บผักไปทำอาหารแล้วรีบขอตัวดื้อๆ

คืนเดียวกันนั้น...สาลินขนขนมของพลไปกินกับแม่ในห้อง เพลิดเพลินกับรสชาตินุ่มลิ้น แล้วตัดสินใจถามแม่ถึงศรีจิตรา ว่าจะมีความสุขกับชีวิตแต่งงานหรือไม่ อุ่นเรือนปลอบให้ทำใจ เพราะไม่มีใครควบคุมชะตาชีวิตตัวเองได้

“ดูอย่างแม่ โตขึ้นมาจากสวนแท้ๆ แต่กลับมาเจอลูกพระยา นักเรียนนอกจากอังกฤษอย่างพ่อได้”

“พ่อกับแม่เจอกัน รักกันเอง ไม่มีใครกะเกณฑ์ แต่กับพี่ศรี หนูสงสัยว่าคุณชายชื่อยาวนั่นจะรักพี่ศรีไหม แล้วยังครอบครัวเขาอีก ว่าที่แม่สามีจะรังแครังคัดพี่ศรี หรือเปล่า”

“มันก็คงไม่เลวร้ายไปหมดหรอกลูก ดูอย่างแม่ ถ้าทุกอย่างมันแย่ แม่คงทนอยู่บ้านคุณพ่อไม่ได้จนป่านนี้”

สาลินพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันไปสนใจขนมชาววังอย่างจริงจัง จนอุ่นเรือนอดไม่ได้ ต้องถามถึงคนให้

“นายพลนี่...เขามาชอบหนูหรือลูก”

“ไม่รู้สิคะ แต่เขาชอบมาคุยกับหนู”

“แล้วหนูชอบเขาหรือเปล่า”

“ชอบสิคะ...หนูชอบขนมของตานี่ม้ากมาก”

ooooooo

คุณชายกิตติราชนรินทร์หรือคุณชายรองยังพยายามค้นหาสมุดบันทึก เพื่อพิสูจน์ข้อกล่าวหาจากคู่ปรับสาวที่เจอกันโดยบังเอิญบ่อยๆที่ร้านอาหารหรู แต่ก็ต้องหยุดการค้นหากลางคัน เมื่อคุณชายเล็กแวะมาคุยด้วย

สีหน้าหมองๆของพี่ชาย ทำให้คุณชายเล็กเดาว่าคงมีเรื่องกับคุณหญิงก้อย แต่ไม่ทันซักถาม ก็ได้หัวเราะพรึ่ด เมื่อตาดันไพล่ไปเห็นนามบัตรพี่ชาย คุณชายรองนิ่วหน้า ก่อนจะตาเขียวด้วยความโกรธ เมื่อน้องชาย บอกว่ามีคนวิจารณ์ชื่อกิตติราชนรินทร์ว่ายาวมาก จนเอาไปตั้งชื่อคนได้อีกหลายคน

“แล้วเพื่อนช่างวิจารณ์ของแกนี่เป็นใคร ฉันรู้จักไหม ผู้หญิงหรือผู้ชาย”

“ถ้าเป็นผู้ชายแล้วพี่รองจะทำไมหรือฮะ”

“ฉันก็อาจจะต่อยปากสั่งสอนที่บังอาจมาวิจารณ์ชื่อที่เสด็จป้าประทานให้น่ะสิ”

“แล้วถ้าเป็นผู้หญิงล่ะฮะ”

“ฉันก็จะบอกเจ้าหล่อนว่าอย่าปากคอเราะรายนัก”

คุณชายเล็กนึกขำ ชักอยากเห็นจริงๆ ว่าหากพี่ชายได้เจอสาลินจะเป็นเช่นไร คุณชายรองไม่ทันสังเกตสายตาเจ้าเล่ห์ของน้องชาย มัวหมกมุ่นกับความคิดตัวเอง ที่มีภาพของคู่ปรับสาวผุดขึ้นมา

“ไม่รู้เป็นยังไง ผู้หญิงสมัยนี้ปากคอร้ายกาจ เถียงฉอดๆ เถียงคำไม่ตกฟาก ยิ่งยายเด็กบ้านั่น...”

“ฮะ...เด็กบ้าที่ไหนกันฮะ”

“ช่างเถอะ แกไม่รู้จักหรอก แล้วฉันก็คงจะไม่เจอะเจอเจ้าหล่อนอีกแล้วในชีวิตนี้”

คุณชายเล็กลืมเรื่องเด็กบ้าของพี่ชายไปเลยหลังจากนั้น และมุ่งหน้าไปตำหนักใหญ่ เพื่อเอานาฬิกาของเสด็จพระองค์หญิงไปซ่อม แต่ไม่ทันได้เอาไป ก็ต้องชะงัก เมื่อถูกหาว่าเป็นขโมย!

ศรีจิตรานั่นเอง ผ่านมาเห็นเขาทำด้อมๆมองๆในห้องโถง และยังเข้าใจผิด คิดว่าเขาเป็นคนขับรถ เลยคิดว่าเขาเป็นหัวขโมย คุณชายเล็กถึงกับคราง ก่อนจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ เมื่อได้ยินเธอเรียกเขาว่ายอด

“มีอะไรให้ผมรับใช้ครับคุณผู้หญิง”

“ฉันไม่มีอะไรให้เธอรับใช้ แต่เธอทำอะไรลงไปก็น่าจะรู้ตัว”

“โธ่...คุณก็รู้ว่าผมไม่ได้เจตนา”

“ถ้าเธอไม่เจตนา เธอก็คงไม่ทำอะไรแย่ๆอย่างนั้น”

คุณชายเล็กสวมบทยอด ทำหน้ามึนไม่รู้ไม่ชี้ จนศรีจิตราต้องกุมขมับ

“ผมไม่ได้ตีฝีปาก แต่ว่ามันผิดขนาดนั้นเชียวหรือครับ กะอีแค่ผมจับมือคุณโดยบังเอิญเนี่ย”

ศรีจิตราหน้าแดง เมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อเช้า “นี่เธอ อย่ามาพูดเฉไฉออกนอกเรื่องนะ”

“อ้าว...ไม่ใช่เรื่องที่คุณพูดหรือครับ ให้ตาย ผมขอยืนยันว่าที่ผมจับมือคุณเป็นเรื่องบังเอิญ”

“หยุดพูดนะ ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น ฉันหมายถึง เรื่องที่เธอขโมยของ”

คุณชายเล็กหรือคนขับรถในสายตาศรีจิตราพยักหน้าเออออ ก่อนจะวกมาเรื่องเมื่อเช้าหน้าตาย

“เรื่องขันดอกไม้น่ะ ผมฝากคนเอามาคืนคุณแล้ว นี่คุณยังไม่ได้อีกหรือฮะ โธ่...ผมจะขโมยขันคุณทำไม”

“ฉันไม่ได้หมายถึงขันใบนั้น แต่หมายถึงนาฬิกาในมือเธอ”

คุณชายเล็กแกล้งทำหน้าสำนึกผิด ทำท่างกๆเงิ่นๆ ส่งนาฬิกาคืน แต่คงรีบไปหน่อย เลยหลุดมือ ศรีจิตราก้มลงเก็บ เลยได้สัมผัสมือเขาอีกรอบ คุณชายเล็กมองมายิ้มๆ ก่อนจะเย้า

“คราวนี้เป็นอุบัติเหตุนะครับ”

ศรีจิตราหน้าแดงก่ำ ส่งเสียงเข้มแก้เก้อ “เธอไปได้แล้ว”

ooooooo

คุณชายรองพยายามง้องอนคนรักอย่างไม่ย่อท้อ แต่คุณหญิงก้อยก็เล่นแง่ ไม่ยอมรับสาย คุณหญิงกลางรำคาญ เลยรับสายแทนเพื่อหยั่งเชิงอีกฝ่าย คุณหญิงก้อยได้แต่มองตามเครียดๆ แม้จะเอะอะโวยวายไม่ชอบใจพี่สาว แต่ก็อดอยากรู้ไม่ได้ว่าชายคนรักจะมีท่าทีเช่นไร

แต่จนแล้วจนรอด คุณหญิงกลางก็ไม่ปริปากว่าคุณชายรองคิดเช่นไร คุณหญิงก้อยเลยได้แต่งุ่นง่าน

คนเดียว และพาลหงุดหงิดไปทั่ว จนใครก็เข้าหน้าไม่ติด หม่อมวาณีกลุ้มใจมาก ยิ่งลูกสาวคนเล็กมาขอเงินก้อนใหญ่ไปจับจ่ายแก้เซ็ง ยิ่งเครียดหนัก คุณหญิงกลางต้องปลอบให้ทำใจ เพราะน้องสาวนั้นนิสัยเสียเกินแก้แล้ว

“จ่ายไปเถอะค่ะ เผื่อหญิงก้อยจะอารมณ์ดีขึ้น”

“เฮ้อ...ชายรองนะชายรอง จะง้อหญิงก้อยหน่อยก็ไม่ได้ ดูซิปั่นป่วนไปหมดแล้ว”

“หม่อมแม่คะ คุณรองน่ะง้อจนไม่รู้จะง้อยังไงแล้วนะคะ ทางเรานี่แหละเล่นองค์ ไม่ยอมคุยด้วยสักที”

“แหม...ง้ออีกสักนิด หญิงก้อยก็คงใจอ่อน นี่ใจคอหญิงกลางจะไม่ช่วยน้องเลยหรือ”

คุณหญิงกลางไม่ตอบ แต่ชี้ชวนให้แม่ดูเค้กสายรุ้งก้อนใหญ่ที่เพิ่งทำเสร็จ

“จะทำขนม ทำให้ได้อะไรขึ้นมาน่ะ น้องกำลังไม่สบายใจ มามัวเสียเวลาทำอะไรก็ไม่รู้”

คุณหญิงกลางยิ้มเจ้าเล่ห์ “วันก่อนนายเล็กเอาขนมนมย้อยมาให้ตั้งหลายอย่าง หญิงก็เลยจะทำเค้กไปตอบแทน พอหญิงอบเสร็จ หม่อมแม่ก็เอาไปเยี่ยมหม่อมอำพันไงคะ แล้ววันนั้น...ก็บังเอิญมีหญิงก้อยติดรถไปด้วย”

หม่อมวาณีตาโต ชอบใจในความฉลาดของลูกสาว คุณหญิงกลางได้แต่ยิ้มเนือยๆ ย้อนเสียงเรียบ

“ค่ะ...คงไม่เสียเวลา มามัวทำอะไรก็ไม่รู้แล้วนะคะ”

เช้าวันต่อมาที่วังวุฒิเวสม์...ศรีจิตราไปเดินเล่น เลยได้พบกับจรวยอีกครั้ง และครั้งนี้สะใภ้ใหญ่ของหม่อมอำพัน ก็ไม่รอช้า ยุแยงให้ศรีจิตราเข้าใจผิดเรื่องคุณหญิงก้อยกับคุณชายรอง

“คุณหญิงก้อยเธอเป็นคนรักของคุณชายรอง

ใช่ไหมคะ”

“ว้ายตายจริง คุณก็ทราบหรือ ฉันคิดว่าเขาปิดบังงำความไม่ให้คุณรู้เสียอีก คุณชายรองกับคุณหญิงก้อยน่ะ รักกันสุดสวาทขาดใจเชียวค่ะ เธอมาพลอดรักกันที่ตำหนักนี้บ่อยๆ”

ศรีจิตราหน้าซีด จรวยสะใจมาก แต่ไม่ทันซ้ำ มาลากับวรรณาก็โผล่มาดึงศรีจิตรากลับตำหนักใหญ่ก่อน

ระหว่างที่ศรีจิตราประสาทเสียเรื่องว่าที่คู่หมั้น สาลินก็เตี้ยมกับแม่ หอบชะลอมผลไม้มากมายไปเยี่ยมป้าที่บ้านราชดำริ คุณสร้อยทำเป็นปั้นปึ่งทั้งที่ในใจชอบมากเหมือนเคย สาลินเลยเข้าแผน ด้วยการเกริ่นว่าจะแบ่งผลไม้บางส่วนไปเยี่ยมพี่สาวและกราบเสด็จพระองค์หญิง คุณสร้อยได้ยินก็ตาโต อุทานลั่น

“ว้าย...จะเข้าวังหรือ ฉันต้องไปด้วย ขืนไม่ไป เดี๋ยวแกไปแสดงอิทธิฤทธิ์อวดชาววัง นี่ฉันเตือนไว้นะ จะเดินจะลุกจะนั่ง ก็ต้องระวังมากๆ อย่าให้ใครเขาว่าได้ว่าหลานคุณสอางค์ คุณสร้อย มารยาทอย่างกับนางสำเพ็ง”

“มารยาทนางสำเพ็งเป็นยังไงหรือคะ”

คุณสร้อยจะตอบ พลันก็คิดได้ว่าไม่ควร เลยขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อดื้อๆ สาลินคาใจเลยซักไซ้จากแม่ อุ่นเรือนมีสีหน้าลำบากใจมาก ได้แต่อึกๆอักๆบอกลูกว่าเป็นคำไม่ดี...อย่าสนใจเลย

ooooooo

แผนการของคุณหญิงกลางเริ่มต้นเช้าวันเดียวกัน ท่ามกลางความไม่พอใจของคุณหญิงก้อย ซึ่งถูกแม่ขอร้องแกมบังคับให้ขับรถพาไปส่งเค้กตามบ้าน

ญาติสนิทมิตรสหาย แต่ที่ที่ทำให้ราชนิกุลสาวคนดังไม่เต็มใจไปมากสุด คงหนีไม่พ้นวังวุฒิเวสม์ ไม่อยากเจอคุณชายรองให้เสียหน้า

และเพื่อกันแผนผิดพลาด คุณหญิงกลางเลยโทร.ขอความช่วยเหลือจากคุณชายเล็ก ให้ช่วยถ่วงเวลาคุณชายรอง ไม่ให้ออกไปไหนจนกว่าแม่กับน้องสาวจะถึง

คุณชายเล็กต้องยอมแบบเสียไม่ได้ หลอกให้พี่ชายเขียนจดหมาย แต่กลับไม่อยู่รอรับหม่อมวาณีกับคุณหญิงก้อย โบ้ยให้นมย้อยรับหน้าที่ต่อแทน ส่วนตัวเองรีบคว้าโหลขนมหลายอย่างไปเยี่ยมสาลินที่บ้านสวนเมืองนนท์

แต่ขับออกไปไม่ถึงรั้วหน้าบ้าน คุณชายเล็กก็ต้องเหงื่อตก เมื่อเห็นรถจากบ้านราชดำริแล่นสวนมา ราชนิกุลหนุ่มเจ้าสำราญยกมือไหว้คุณสร้อยเร็วๆ ก่อนจะเบือนหน้าหนี ไม่อยากให้อุ่นเรือนซึ่งนั่งมาด้วยเห็นหน้าชัดๆ และโชคก็เป็นของเขา เพราะอุ่นเรือนไม่เห็นจริงๆ รวมถึงสาลิน ซึ่งนั่งมาด้วยแต่เขามองไม่เห็น

แผนของคุณหญิงกลางเรียบร้อยดีและได้ผลเกินคาด คุณชายรองกับคุณหญิงก้อยคืนดีกันตามหวัง หม่อมวาณีเลยเบาใจ ยอมให้ลูกสาวปรับความเข้าใจกับคนรักตามลำพัง ส่วนตัวเองแอบไปเล่นไพ่แก้เซ็งกับหม่อมอำพัน

ฟากสาลิน ไม่ได้เข้าเฝ้าเสด็จพระองค์หญิง เพราะทรงมีธุระข้างนอกพร้อมคุณสอางค์ คุณสร้อยเลยแวบไปเอนหลัง ทิ้งให้สาลิน อุ่นเรือนและศรีจิตราพูดคุยกันในห้อง สาลินก็ไม่รอช้า ซักไซ้พี่สาวเรื่องว่าที่พี่เขย แต่ศรีจิตราก็ตอบอะไรไม่ได้ จนสาวแสบบ้านสวนเหลืออด ประกาศกร้าวจะเอาชะลอมผลไม้ที่เตรียมมาไปส่งถึงตำหนักเล็กเอง

“ว้ายยายสา...เอาไปทำไมกันลูก น่าเกลียดตาย”

“แต่เอาของฝากมาเยอะแยะ แล้วไม่ให้เขาเลยไม่น่าเกลียดกว่าหรือคะแม่”

“แต่มันเหมือนเรา...อยากรู้จักเขาจนออกนอกหน้า”

“ไม่ใช่แม่นี่คะ แต่เป็นสาเองที่เอาของมาไหว้เขา ไม่น่าเกลียดหรอกค่ะ”

“แต่ลองเรียนคุณป้าก่อนไม่ดีกว่าหรือลูก”

“ว้า...เอาอีกแล้ว รายงานคุณป้าก่อนอีกแล้ว อีกหน่อยสามีจะหอมแก้ม ถ้าคุณป้าไม่อนุญาตก็ไม่ได้สิคะ”

อุ่นเรือนกับศรีจิตราถึงกับกุมขมับ อ่อนใจกับคารมวกวนป่วนประสาทของสาลินเหลือเกิน สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องปล่อยให้สาวแสบบ้านสวนแบกชะลอมไปตำหนักเล็กอย่างที่ตั้งใจ

ooooooo

หลังขออนุญาตคุณสร้อยเรียบร้อย สาลินก็หอบหิ้วชะลอมใบใหญ่ไปตำหนักเล็ก แต่ดันทะเร่อทะร่าไม่ทันระวัง เลยได้เห็นฉากรักหวานดูดดื่มของคุณชายขี้เก๊กกับคุณหญิงหัวสูงเข้าอย่างจัง!

คุณชายรองกับคุณหญิงก้อยถึงกับอ้าปากค้าง เช่นเดียวกับจรวย ซึ่งแอบดูฉากเด็ดจากอีกมุม สาลินยืนอึ้งไปอึดใจ ภาพเก่าๆรวมทั้งคำบอกเล่าเกี่ยวกับคู่รักราชนิกุลผุดขึ้นในหัวอีกครั้ง ทั้งฝ่ายหนึ่งที่เป็นแม่ม่ายเพิ่งหย่า และอีกฝ่ายที่เป็นอดีตคนรักซึ่งอาจเป็นชู้กับเมียชาวบ้านมานาน

แต่ที่แย่กว่านั้นคือความจริงจากปากคุณชายขี้เก๊ก ที่ว่าหม่อมอำพันคือแม่ของเขา สาลินถึงกับพูดไม่ออกไปพักใหญ่ คุณหญิงก้อยเลยถือโอกาสจิกกัดด้วยความหมั่นไส้ จนสาวแสบบ้านสวนทนไม่ไหว ส่งชะลอมให้

“รบกวนเรียนหม่อมอำพันว่าเป็นของฝากเมืองนนท์ น้องสาวคุณศรีจิตรา ว่าที่ลูกสะใภ้หม่อมฝากมาให้”

คุณชายรองตัวชา ก่อนจะหน้าซีด เมื่อเห็นสีหน้าของคนรัก และเมื่อเขายืนยันว่าทุกอย่างเรื่องจริง ศรีจิตราคือว่าที่คู่หมั้นที่เสด็จฯประทานให้ คุณหญิงก้อยก็สติแตก กรีดร้องโหยหวน ถลาไปขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที!

เสียงกรีดร้องของคุณหญิงก้อย ทำให้ทุกคนในวังแตกตื่น ตามหากันให้วุ่นว่าเสียงโหยหวนที่ว่าเป็นของใคร มีเพียงคุณชายรองกับสาลินเท่านั้น ไม่สนว่าใครจะแตกฮือแค่ไหน มัวโต้เถียงกันอย่างดุเดือดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิด

“มันกงการอะไรของเธอต้องมาแส่เรื่องฉัน แม่นักถ้ำมอง”

“ฉันไม่ได้ถ้ำมอง คุณต่างหากพวกชอบโชว์”

“นี่มันบ้านของฉัน แล้วก็มุมลับตา”

“ถ้าลับตาจริง ฉันก็คงโผล่เข้าไปไม่ได้”

คุณชายรองขบกรามแน่น พยายามข่มอารมณ์ “นี่เธอก่อเรื่องอะไรไว้รู้ไหม”

“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ว่าคนที่เล้าโลมผู้หญิงกลางวันแสกๆบ่อยๆ จะเป็นคนที่ขับรถสาดโคลนใส่ฉันสองหน เป็นคนปากจัดด่าฉันเสียๆหายๆ และเป็นคน...ที่พี่สาวฉันต้องแต่งงานด้วย”

คุณชายรองแทบคลั่ง สวนกลับทันควัน “ฉันก็ไม่คิดเหมือนกัน ว่าแม่นักถ้ำมองเป็นกิจวัตร ราดน้ำรดกางเกงฉันถึงสองครั้ง แถมเถียงคำไม่ตกฟาก จะเป็น... น้องสาวคนที่ฉันต้องแต่งงานด้วย”

สาลินเหยียดยิ้ม ถามเสียงเยาะ “อ้อ...รู้ตัวเหมือนกันหรือ ว่าคุณต้องแต่งงาน”

“งั้นก็รู้ไว้ว่าฉันไม่ได้อยากแต่งกับพี่สาวเธอเลย”

“ฉันก็ไม่อยากได้คุณมาเป็นพี่เขยเหมือนกัน”

“อ้อ...ไม่อยากได้ฉันเป็นพี่เขย แต่วิ่งวุ่นเอาของกำนัลมาให้ถึงที่”

“นั่นเขาเรียกว่าน้ำใจ เพราะแถวบ้านฉัน ทุกคนมีน้ำใจไมตรีต่อกัน”

คุณชายรองกำลังจะหมดความอดทน กัดฟันบอกให้เธอขอโทษที่สบประมาทเขา แต่มีหรือสาลินจะยอมง่ายๆ

“ฉันขอโทษ...ขอโทษที่คิดว่าคุณเป็นคนดีเหมือนคนอื่นแถวบ้านฉัน”

“พูดจาก้าวร้าวอวดดีนักนะ ต่อไปอย่าได้เหยียบเข้ามาในวังนี้อีกเป็นอันขาด”

“เสียใจ เสด็จฯโปรดให้ฉันมาเยี่ยมพี่สาวได้ทุกเมื่อที่ต้องการ”

“ฉันจะทูลเสด็จป้าว่าเธอก้าวร้าวเล่นลิ้นยังไงบ้าง”

“ฉันก็จะทูลเสด็จฯว่าคุณเล่นลิ้นแลกลิ้นกับผู้หญิงอื่นยังไงบ้าง”

คุณชายรองตาโต เอ็ดเสียงเขียว “ฉันไม่เคยเห็นใครพูดจาส่อนัยทางเพศได้เท่าเธอ”

“ฉันก็ไม่เคยเห็นใคร แสดงพฤติกรรมส่อนัยทางเพศได้ทุกที่ทุกเวลาอย่างคุณ”

สาลินโต้กลับไม่ลดละ ก่อนจะโวยลั่นที่เขาเอาเปรียบพี่สาว ด้วยการดึงดันเรื่องคุณหญิงก้อย

“อย่าคิดนะว่าพี่สาวฉันอยากเป็นสะใภ้เจ้าจนตัวสั่น คุณรักคนอื่น ทำไมไม่คัดค้านผู้ใหญ่”

เป็นครั้งแรกที่คุณชายรองอึกๆอักๆ เถียงไม่ออก สาลินเลยยิ่งย่ามใจ พูดแทงใจดำ

“คุณไม่กล้าขัดใจผู้ใหญ่สินะ เลยเอาใจผู้ใหญ่โดยให้ผู้หญิงคนหนึ่งมารับเคราะห์ ทูลเสด็จฯสิว่าคุณไม่แต่งงาน เพราะคุณรักคนอื่น พี่สาวฉันจะได้ไม่ต้องรับเคราะห์ ได้เจอคนที่รักเขาจริงๆ คุณก็จะได้รักคนที่รักคุณจริงๆเหมือนกัน”

ooooooo

คุณชายรองกับสาลินแยกย้ายกันแล้ว แต่ทั่วทั้งวังยังตื่นตระหนกไม่เลิก กับเสียงกรีดร้องโหยหวนปริศนา รวมถึงซากข้าวของแตกกระจายทั่วตำหนักเล็ก ซึ่งจรวยเป็นคนเฉลยภายหลัง ว่าเป็นผลพวงความโกรธของคุณหญิงก้อย

คุณสร้อยลมแทบจับ เมื่อหลานสาวคนเล็กเล่าหน้าตายว่าเพิ่งก่อเรื่องที่ตำหนักเล็ก แต่สีหน้าเป็นกังวลของพี่สาวก็ทำให้สาลินไม่กล้าลงรายละเอียดเรื่องคุณชายรองกับคุณหญิงก้อย ได้แต่เสหยิบของว่างเข้าปาก ยิ้มกว้างเมื่อสัมผัสได้ถึงรสชาตินุ่มลิ้น แต่ก็ไม่วายสงสัย เพราะรสชาติขนมชาววังพวกนี้คุ้นลิ้นอย่างบอกไม่ถูก

กว่าจะปลีกตัวจากคุณสร้อยได้ สาลินก็เฉไฉจนเหนื่อย และเมื่อได้อยู่ตามลำพังกับแม่ ก็ไม่รอช้าจะระบายให้ฟังด้วยความอึดอัดใจ โดยเฉพาะเรื่องปฏิกิริยาของ คุณชายรองที่มีต่อศรีจิตรา

“สาไปเจอพี่เขยของสา กำลังกอดจูบ โอ้โลมปฏิโลมกับยายคุณหญิงเทพีเพ็ญแสงค่ะ”

อุ่นเรือนยกมือทาบอก สาลินลำบากใจมาก แต่ สุดท้ายก็โพล่งออกไป

“แล้วคนที่ว่าใส่หน้าหนู ว่าเขาไม่ได้อยากได้ใคร่ดีกับของของเรา ไม่ใช่แม่จรวย แต่เป็นนายคุณชายรองนี่ต่างหาก แล้วเขาก็ไม่ได้พูดถึงมะม่วงนะคะ แต่เขาพูดออกมาตรงๆว่าเขาไม่ได้อยากแต่งงานกับพี่ศรีแม้แต่นิดเดียว”

“คุณพระ คุณเจ้า นี่อย่าบอกให้พี่ศรีรู้นะลูก”

“สาก็ไม่กล้าบอกหรอกค่ะ สาสงสารพี่ศรี”

อุ่นเรือนร้อนใจมาก เช่นเดียวกับสาลิน ที่แม้จะยังไม่รู้จะช่วยพี่สาวเช่นไร แต่ก็ปฏิญาณเสียงเข้ม

“สาจะทำทุกอย่าง ไม่ให้อีตาคุณชายรองนี่มาเป็นพี่เขยของสา!”

เวลาเดียวกันที่ห้องคุณชายโตตำหนักเล็ก...จรวยเล่าถึงเหตุการณ์วุ่นวายระหว่างคุณชายรองกับคุณหญิงก้อย อย่างเมามัน ขัดใจไม่น้อยที่น้องสาวคนสวยของศรีจิตรามาทำให้ความแตก

“ฉันงง...เธอจะไปขัดใจทำไม มันเกี่ยวอะไรกับเธอ”

“โธ่คุณโตขา...พอคุณหญิงก้อยรู้ความจริง เธอต้องเลิกกับคุณรองแน่ๆ แล้วถ้าคุณรองเลิกกับคุณหญิงก้อย ก็ต้องมาแต่งกับคุณศรี แต่งกันเมื่อไหร่ คุณรองจะมีอำนาจปกครองตำหนักนี้คนเดียว คุณโตกับจรวยและตาตุ้มจะเป็นแค่คนอาศัย จะถูกเฉดหัวไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”

“น้องชายฉันไม่ใช่คนอย่างนั้น แล้วเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องของเธอเลย อย่ายุ่งดีกว่า”

“ยังไงก็ยุ่งไปแล้วล่ะค่ะ เพราะจรวยบอกเรื่องยายคุณหญิงก้อยรักกับคุณรองให้ยายศรีสนิมสร้อยฟังไปแล้ว”

“จรวย...อย่ายุ่งเรื่องนี้อีก ถ้าไม่เลิกยุ่ง ฉันนี่แหละจะเฉดหัวเธอออกจากบ้าน เอาตาตุ้มไปอาบน้ำ!”

ooooooo

กว่าสาลินจะกลับถึงบ้านสวนเมืองนนท์ก็บ่ายจัดของวันเดียวกัน พลหรือคุณชายเล็กในคราบช่างฟิตมารออยู่นานแล้ว พร้อมกับโหลขนมหลายใบ สาลินยิ้มยินดี ก่อนจะบอกหน้าตายว่าหายไปตั้งแต่เช้า เพราะไปเยี่ยมพี่สาวที่วังวุฒิเวสม์พร้อมกับแม่และป้า

หลังจากนั้นสาลินก็เล่าถึงเหตุการณ์วุ่นวายที่ตำหนักเล็ก พลมีสีหน้าตกใจมาก จนถึงกับหลุดอุทานออกไป แต่สาลินก็ไม่ได้สนใจ มัวฟ้องคุณตาคุณยายด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว เรื่องพี่สาวต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก แถมยังมีคนรักอยู่แล้ว อย่างคุณชายกิตติราชนรินทร์ วุฒิวงศ์!

พลเกือบสำลักน้ำชา เมื่อได้ยินชื่อพี่ชาย กลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ เมื่อสาลินบอกว่าจะทำทุกทาง ไม่ให้พี่สาวได้แต่งงานกับราชนิกุลหนุ่ม และแผนแรกที่เธอจะทำ คือจัดแจงให้พี่สาวไปรักกับคนอื่น

คุณยายตบอกผ่าง “อกจะแตก คิดอะไรโลดโผนอย่างนั้นยายสา”

“จริงนะคะ ทีเขายังรักคนอื่นได้ เราก็หาคนรัก ของเราบ้างสิคะ”

พลกลัวเรื่องไปกันใหญ่ เลยพยายามเปลี่ยนเรื่อง แต่กระนั้น...สาลินก็วกกลับมาจนได้ ระหว่างทางที่พาเขาไปส่งที่สุดเขตสวน ราชนิกุลหนุ่มในคราบช่างฟิตเริ่มใจไม่ดี แต่ยังใจแข็ง กล่อมให้เธอลองให้โอกาสคุณชายรองสักครั้ง

“ฉันว่ายาก ก็แม่คุณหญิงคนรักของว่าที่พี่เขยฉัน ทั้งสวย ทั้งหรู จริตจก้านแพรวพราว คงยากจะหมดรักง่ายๆ”

“ว้า...ทำไมจะยอมยกธงขาวง่ายๆอย่างนั้น”

“ก็เพราะคนอย่างเขา ไม่น่าจะได้พี่สาวที่แสนดีของฉันไปเป็นคู่ชีวิตน่ะสิ”

พุดซ้อนกับชบาแอบเงี้ยหูฟังจากมุมไกลๆเหมือนเคย เบ้หน้าให้กันด้วยความหมั่นไส้ เมื่อเห็นสาลินกับพลคุยกันถูกคอ พลันก็ได้เบิกตาโพลง เมื่อได้ยินประโยคต่อมาของสาลิน

“นี่คุณ...ฉันอยากได้คุณมาเป็นพี่เขยฉัน แทนอีตาคุณชายบ้ากามนั่น”

พลหรือคุณชายเล็กในคราบช่างฟิตถอนใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะปฏิเสธ ไม่อยากเกี่ยวข้องด้วย สาลินทำท่าจะเกลี้ยกล่อมเขาอีกครั้ง แต่ดันได้ยินเสียงขลุกขลักเหมือนมีคนหลบในพุ่มไม้ไม่ไกลกันนั้น เลยเปลี่ยนท่าทางเป็นนึกสนุก รวมหัวกับช่างฟิตหนุ่มทำให้พุดซ้อนกับชบาออกจากที่ซ่อนจนได้

เหตุการณ์ที่บ้านสวนจบลงด้วยความสนุกสนาน ต่างจากสถานการณ์ที่วังรัชนีกุล คุกรุ่นและน่าอึดอัดเหลือเกิน เพราะคุณหญิงก้อยเก็บตัวเงียบในห้อง นับตั้งแต่กลับจากวังวุฒิเวสม์ หม่อมวาณีกลุ้มใจมาก คุณหญิงกลางต้องปลอบให้ทำใจ เพราะดูท่าน้องสาวคงโกรธอีกนาน เพราะเรื่องคุณชายรองมีคู่หมั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย

หม่อมอำพันก็ร้อนใจไม่ต่างกัน เพราะลูกชายคนรองยืนกรานจะไม่บอกเลิกคุณหญิงก้อย แถมพาลไปลงกับศรีจิตราอีกต่างหาก ที่มีน้องสาวชาวสวนที่ชอบเถียงคำไม่ตกฟาก

“ถึงเขาจะเป็นชาวสวน ก็ไม่ได้กระจอกงอกง่อย ตาเขาเป็นคหบดี ยายเป็นลูกสาวเจ้าสัว ปู่เป็นพระยา

ย่าเป็นหม่อมเจ้า และที่สำคัญ เขาเป็นสาวบริสุทธิ์ไม่ได้มีผัว... เอ๊ย...ผ่านมือชายมาแล้วอย่างหญิงก้อย”

คุณชายรองหน้าเสีย หม่อมอำพันนึกสงสาร แต่ไม่วายเตือนสติให้คิดดีๆก่อนจะผละไป

ooooooo









สะใภ้จ้าว

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด