ตอนที่ 15
สาลินไม่มีปัญหากับการนั่งรถบุโรทั่งของ คุณชายรอง แม้เสียงเครื่องยนต์ กับอาการสั่นสะเทิ้นทั้งคันจะทำให้น่าหวาดเสียวบ้าง แต่บรรณารักษ์สาวก็หาทางปรับตัวจนได้ ด้วยการเอาผ้าพันคอผูกเบาะกับมือจับประตู แถมนั่งหัวเราะคิกคักไม่หยุดจนราชนิกุลหนุ่มอดทึ่งไม่ได้
“นี่เธอ...หาเรื่องเล่นสนุกได้ทั้งวันจริงๆนะ เธอเคยเป็นทุกข์เป็นร้อนอะไรบ้างไหมนี่”
“มีสิ...ก็ที่เสด็จฯกริ้วคุณ จนคุณต้องออกจากวังไง”
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอกน่า นี่เธอหิวหรือยัง ภัตตาคารข้างหน้านี่อาหารอร่อยนะ”
“อุ๊ย...ไม่เอาค่ะ มันเลี่ยน ใส่ผงชูรสเยอะ อีกอย่างมันก็แพงด้วย”
“ฉันแค่ถูกไล่ออกจากวัง ไม่ถึงกับหมดตัวหรอกนะ”
“เอ๊ะ...แต่เมื่อกี้คุณบอกคุณศุภรว่าคุณยอบแยบเต็มที ยังไงกันแน่”
“เอ่อ...ก็ใช่ ฉันลืมตัวบ่อยๆว่าฉันยังเป็นคุณชายวังวุฒิเวสม์อยู่ ตอนนี้ฉันเป็นแค่ยาจก จะสุรุ่ยสุร่ายไม่ได้”
“ดีค่ะ เอาอย่างนี้...แวะตลาดให้หน่อย เดี๋ยวฉันซื้อของสดไปทำให้คุณทานเอง ประหยัดกว่าตั้งเยอะ”
นอกจากไม่รังเกียจอาหารบ้านที่ต้องลงครัวเองแล้ว สาลินยังไม่มีท่าทางสะดีดสะดิ้ง เมื่อเห็นบ้านเช่าทรุดโทรมของคุณชายรอง แถมหยิบโน่นจับนี่มาล้อเลียน จนเขาอดยิ้มด้วยความเอ็นดูไม่ได้
“เธอนี่เจ้าวางแผนนะ หาของสารพัดในสวนมาเล่นพิสดารแบบนี้”
“สนุกจะตาย ฉันเคยแกล้งยายพิณ กรี๊ดบ้านแตก ในวังคงไม่เล่นอะไรแบบนี้หรอก คงเล่นแต่ตุ๊กตาชาววัง”
“ใครว่า...ในวังน่ะ มีต้นไม้เยอะอย่างกับป่า เด็จป้าทรงหาอะไรแปลกๆมาให้เราสามคนเล่นประจำ ทรงสอนฉันเล่นด้วงกว่าง ทรงให้ฉันเลี้ยงปลากัดด้วยนะ”
“เสด็จพระองค์หญิงน่ะหรือคะ”
“คุณสอางค์บอกว่าสมัยเรียน เด็จป้าทรงเป็นหัวโจก พาสมุนเล่นอะไรแผลงๆร้อยแปด คงแบบเธอนั่นแหละ”
เวลาเดียวกันที่ร้านทำผม...คุณหญิงก้อยต้องพยายามข่มอารมณ์ เมื่อเจอกับสายตาและเสียงซุบซิบจากผู้คนรอบข้าง ไม่เว้นแม้แต่จรวย ลูกค้าประจำคนใหม่ ที่แสร้งตีหน้ายิ้ม ทำท่าเหมือนเข้าอกเข้าใจ
“รวยเสียใจด้วยนะคะ เรื่องคุณชายรองถูกเนรเทศออกจากวัง คุณหญิงเลยไม่มีโอกาสได้อยู่เรือนหอ”
“ฉันดีใจต่างหากที่ไม่ต้องเข้าไปอยู่ในวัง คุณรองออกจากวังนั่นก็เพื่อฉัน”
“แต่ก็แปลกนะคะ เสด็จฯยังทรงให้สร้างเรือนหอต่อ ของหมั้นของแต่งก็ทำกันอยู่ต่อเนื่อง”
คุณหญิงก้อยหูผึ่ง ยิ้มบางๆอย่างมีความหวัง “ก็เป็นไปได้ ที่เด็จป้าทรงขู่ไปอย่างนั้น เมื่อฉันกับคุณรองแต่งงานกัน เด็จป้าคงพระทัยอ่อน ยอมรับคุณรองกับฉันกลับเข้าวังตามเดิม เรือนหอก็คงเป็นของฉันนั่นแหละ”
จรวยลอบเบ้หน้าอย่างรู้ทัน ก่อนจะตีหน้าซื่อเหมือนไม่รู้อะไร “รวยก็ไม่แน่ใจนะคะ เพราะเห็นลือกันว่าคุณชายเล็กจะเป็นเป้าหมายคนต่อไป ถ้าไม่จับคู่ยาย
คนน้อง ก็อาจจะเป็นคนพี่เหมือนเดิม”
“ทำไมเธอคิดอย่างนั้น”
“ก็ตอนนี้นังคนพี่เป็นหม้ายขันหมากแล้ว แต่เสด็จฯไม่ทรงเฉดหัวมันออกไปเสียที ยังลอยหน้าในวังเหมือนเดิม”
คุณหญิงก้อยเริ่มคล้อยตามข้อสังเกตของจรวย ความริษยาและโกรธแค้นแล่นพล่าน จนหลุดปากสั่งเหมือนเคย ให้อีกฝ่ายสืบหาวันเวลาที่ศรีจิตราจะมาเสริมสวยอีก...อยากเจอน้ำหน้านัก อีนังหน้าด้าน ชุบมือเปิบ!
ooooooo
บททดสอบสาลินของคุณชายรองเป็นไปด้วยความราบรื่น บรรณารักษ์สาวบ้านสวนเพลิดเพลินกับทุกอย่าง ทั้งทำความสะอาดบ้าน ทำกับข้าว และรับประทานร่วมกันอย่างสนุกสนาน ต่างจากบรรยากาศที่วังรัชนีกุล แทบร้อนเป็นไฟ เพราะพาดหัวข่าวใหญ่เรื่องคุณชายรองถูกเนรเทศจากวังวุฒิเวสม์
เช่นเดียวกับสถานการณ์ของคุณหญิงกลาง ยังไม่รู้เรื่องศุภรเล่นละครเพื่อช่วยเพื่อนรักอย่างคุณชายรอง เลยเคืองไม่หาย และพลอยทำให้ทุกคนในวังเป็นกังวลไปด้วย
ขณะที่ข่าวฉาวของคุณชายรองกระฉ่อนทั่วเมือง อัศนีย์ก็เดินตามแผน ทวงสัญญาให้สาลินไปทำงานที่ไนต์คลับด้วย แต่เธอก็บ่ายเบี่ยง หนีหน้าเขาเสมอ จนเขาต้องบากหน้าไปขอความช่วยเหลือจากจิตริณี
จิตริณีลำบากใจไม่น้อย แต่เห็นแก่เพื่อนเก่าจากนิวยอร์ก เลยช่วยกล่อมสาลินให้ไปเจออัศนีย์ที่สปอร์ตคลับในวันต่อมา โดยอ้างว่าจะได้เจอคุณชายรองด้วย บรรณารักษ์สาวจึงยอมตกลง แต่กระนั้น...เพื่อกันไม่ให้เรื่องเลยเถิดเหมือนที่ผ่านมา จิตริณีเลยพ่วงตัวเองไปด้วยเพราะไม่อยากให้สาลินไปตามลำพังกับเสือผู้หญิงอย่างอัศนีย์
และในวันเดียวกันนั่นเอง...คุณชายรองก็มุ่งหน้ามาที่สปอร์ตคลับจริงๆ พร้อมกับคุณหญิงก้อย แต่เพราะสภาพรถบุโรทั่งไม่อำนวย สองหนุ่มสาวคู่รักเลยต้องนั่งมองหน้ากันเครียดๆ ไปไม่ถึงไหนสักที
“หญิงบอกแล้วใช่ไหม ให้เอารถของหญิงมา ตายจริง...เดี๋ยวต้องมีคนรู้จักเราผ่านมาเห็นแน่ๆ”
“ทำไมหรือหญิง หญิงอับอายที่อยู่กับผมหรือ”
คุณหญิงก้อยหน้าเจื่อน อยากบอกว่าใช่ แต่กลับปั้นหน้าเศร้าพูดอีกอย่าง “หญิงไม่อายหรอกค่ะ แต่ว่าคนพวกนี้ซุบซิบเป็นงานอดิเรก นินทาเป็นงานประจำ หญิงไม่อยากให้คุณรองต้องเป็นขี้ปากชาวบ้าน”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย ผมเริ่มจะชินแล้วล่ะ”
สีหน้าจริงจังของชายคนรัก ทำให้คุณหญิงก้อยอยากกรีดร้องให้หายคลั่ง เพราะแน่ใจว่าคงทำใจให้ชินกับเรื่องบ้าๆพวกนี้ไม่ได้ และคุณชายรองก็ทำให้เธอยิ่งมั่นใจ เมื่อเขาขอร้องให้เธอช่วยเข็นรถ!
คุณหญิงก้อยกำลังจะเป็นบ้า แต่ไม่มีทางเลือก ต้องกระย่องกระแย่งช่วยคุณชายรองเข็นรถ แต่ก็เหมือนโชคจะเข้าข้าง เมื่อรถคันหรูของอัศนีย์แล่นมาจอดขนาบ พร้อมกับสาลินและจิตริณีที่รีบเปิดประตูมาดู
อัศนีย์กลั้นขำแทบแย่เมื่อเห็นสภาพอดีตภรรยา แต่ก็ไม่ไร้น้ำใจ เสนอตัวช่วยเหลือคุณชายรองอีกแรง
“อย่าเรียกผมคุณชายเลยฮะ ผมกำลังทำตัวให้ชินกับการเป็นยาจก”
“มาครับ ผมจะช่วยลากไปอู่”
“ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมโทรศัพท์เรียกรถลากดีกว่า แต่ถ้าจะกรุณา ช่วยพาคุณหญิงไปสปอร์ตคลับก่อน”
“ผมยินดีช่วยเหลือครับ แต่ไม่รู้ว่าคุณหญิงจะยินดีหรือเปล่า”
คุณหญิงก้อยเชิดหน้า โพล่งออกไปอย่างไม่แคร์ใคร “ไม่ยินดีค่ะ แต่ฉันไม่มีทางเลือก ขอตัวนะคะคุณรอง”
พูดจบก็ผละไปขึ้นรถอัศนีย์ สาลินเลยอาสาช่วยแทน ทุกคนถึงกับพูดไม่ออก มีเพียงจิตริณีมองมาด้วยแววตารู้ทันและชอบใจ แต่ก็ไม่อยากพูดอะไรมาก ปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องตัดสิน
ooooooo
สาลินอยู่ช่วยคุณชายรองจนเขานำรถมาถึงสปอร์ตคลับจนได้ ท่ามกลางความโล่งใจของทุกคน แต่ไม่ใช่คุณหญิงก้อย หมั่นไส้บรรณารักษ์สาวบ้านสวนมาก และอดไม่ได้จะถากถาง เมื่อสบโอกาสเจอกันในห้องน้ำ
“อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่อง เธอกำลังถูกจับคู่กับ นายเล็ก หรือว่าเธอจะแก้ข่าว”
“ขอแก้ข่าวค่ะ เพราะฉันกับคุณชายเล็กคงไม่ใช่คู่กันแน่ๆ”
“ก็ดีนะ ที่เธอยังจงรักภักดีกับอาร์นี่”
“ก็ขอแก้ข่าวอีกค่ะ เพราะฉันไม่เคยจงรักภักดีกับคุณอัศนีย์หรือใครทั้งนั้น”
“งั้น...เธอก็ไม่ได้หวังจะครอบครองเรือนหอล่ะสิ”
สาลินนิ่วหน้าไม่เข้าใจ แต่เพียงแวบเดียวก็ปะติดปะต่อเรื่องได้
“เฮ้อ...คุณหญิงคะ ฉันว่าคุณหญิงคิดมากไปแล้วล่ะ”
“ฉันไม่ได้คิดมาก แต่ฉันคิดรอบคอบต่างหาก ถึงเธอไม่คิด แต่พี่สาวเธอคงคิด ไม่อย่างนั้นทำไมยังลอยหน้าอยู่ในวัง ทั้งๆที่เป็นหม้ายขันหมากไปแล้ว”
“ใครจะอยู่หรือไปจากวัง เสด็จฯเป็นผู้ประทาน อนุญาต ไม่ใช่เข้าออกตามอำเภอใจ”
สองสาวคงเถียงกันอีกนานถ้าจิตริณีไม่เข้ามาขวางก่อน คุณหญิงก้อยหัวเสียมาก สะบัดหน้าหนีไปซ้อมเทนนิสกับวิรงรองแทน ทิ้งจิตริณีกับสาลินให้มองตามเครียดๆ...ดูท่าว่าเรื่องนี้คงไม่จบง่ายๆ
ฟากอัศนีย์...กล่อมคุณชายรองให้ไปร่วมงานเปิดตัวไนต์คลับของเขาในอีกไม่กี่วัน ราชนิกุลหนุ่มบ่ายเบี่ยง ไม่อยากไปให้หงุดหงิด แต่ก็ต้องลังเล เมื่ออีกฝ่ายบอกว่าสาลินจะมาร่วมงานด้วย ในฐานะหัวหน้าประชาสัมพันธ์คนใหม่
อีกมุมหนึ่งของสนามเทนนิส...วิรงรองมองดูการสนทนาของอัศนีย์กับคุณชายรองด้วยความสงสัย แต่ที่อยากรู้กว่า คือการปรากฏตัวของสาลิน คู่ปรับและศัตรูหัวใจของคุณหญิงก้อย
“ไม่นึกนะหญิง ว่าแม่สาลินจะกล้ามาเผชิญหน้ากับหญิงวันนี้ด้วย”
“ยายบ้านสวนนั่นดูไม่กลัวเกรงอะไร กล้าเผชิญหน้า ผิดกับเธอ ลอบทำร้ายฉันลับหลัง”
“พูดอะไรน่ะหญิง ฉันไปทำร้ายเธอลับหลังตอนไหน”
“ก็ที่เธอแส่ลงข่าวคุณรองน่ะสิ เธอจงใจแกล้งฉันใช่ไหม”
“โถ...กลั่นแกล้งอะไรกันจ๊ะ ฉันแค่ทำตามเสาวนีย์ของหญิง”
“ฉันไปสั่งอะไรเธอตั้งแต่เมื่อไหร่”
“อ้าว...ก็ที่หญิงกำชับฉันไง ว่าให้มีข่าวหญิงกับคุณรองต่อเนื่องเป็นชุด เริ่มจากข่าวแต่งงานภายในสองเดือน”
“แต่เธอก็น่าจะรู้ว่าข่าวนี้ไม่น่าเขียน ถ้าเธอยังมีสมองอยู่บ้าง”
“นี่ฉันก็ใช้สมองเขียนแล้วนะหญิง เพราะเนื้อหาข่าวก็คือคุณชายรองยอมสละได้ทุกสิ่งเพื่อความรัก คุณชายยอมทิ้งยศศักดิ์เพื่อคุณหญิงยอดดวงใจ ไม่มีอะไรในโลกนี้ งดงาม เลอค่า ไม่มีวันแปดเปื้อนเท่าเธอ”
“ก็ได้...ฉันยกโทษให้”
“โอ...เป็นพระกรุณาเพคะ”
พูดจบก็ยิ้มหยัน แล้วผละไปสมทบจิตริณีและสาลิน คุณหญิงก้อยมองตามด้วยความแค้นใจ และฉวยโอกาสเอาคืน ด้วยการแอบฟาดไม้แร็กเกตที่ไหล่คอลัมนิสต์สาวอย่างแรง!
ooooooo
เหตุการณ์หลังจากนั้นเต็มไปด้วยความวุ่นวาย วิรงรองถูกส่งตัวไปทำแผลที่ห้องพยาบาลของสปอร์ตคลับ โดยมีคุณชายรอง อัศนีย์ จิตริณีและสาลินล้อมหน้าล้อมหลังไม่ห่าง มีเพียงคุณหญิงก้อย แอบมองด้วยความสะใจ จิตริณีหันมาเห็นพอดี และสังหรณ์ใจบางอย่างว่าเหตุการณ์ครั้งนี้คงไม่ใช่อุบัติเหตุและเลขานุการสาวก็ได้พิสูจน์ความจริง เมื่อคุณหญิงก้อยหลุดปากหลังจากนั้น
“แหม...ยายติ่งนี่ก็สำออยนะคะ แผลเล็กแค่นี้เอง ร้องจะเป็นจะตาย”
“ดิฉันว่าไม่ใช่แค่แผลนะคะ เพราะที่ไหล่ก็โดนแร็กเกตคุณหญิงฟาดเข้าเต็มๆ ยกแขนแทบไม่ขึ้น”
“คุณพูดเหมือนฉันตั้งใจทำอย่างนั้น”
“ฉันไม่ได้กล่าวหาคุณหญิงนะคะ อย่าเพิ่งร้อนตัว”
คุณหญิงก้อยแทบคลั่ง แต่ต้องเก็บอาการไว้ไม่กระโตกกระตากให้ถูกจับได้ จนเมื่อวิรงรองออกจากห้องพยาบาล และต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจอีกรอบ ราชนิกุลสาวก็ไม่รอช้า จะขอให้อดีตสามีไปส่งที่วัง
คุณชายรองพยายามทัดทาน แต่ราชนิกุลสาวหัวสูงก็ไม่เปลี่ยนใจ สาลินเลยอาสาไปกับคุณชายรองแทน
“งั้นฉันไปกับคุณชาย ฉันช่วยเข็นได้สบายมาก คุณอัศนีย์ไปส่งคุณหญิง คุณจินนี่ก็ไปส่งคุณติ่ง”
เป็นอันว่าทุกคนแยกย้ายตามนั้น สาลินรอจนทุกคน ออกไปแล้ว จึงหันมาขอคุณชายรองให้ไปส่งแค่ถนนใหญ่ เพราะคิดว่ารถเขาคงไปไม่ถึงเมืองนนท์แน่ คุณชายรองปลื้มที่เธอเป็นห่วง แต่ต้องตีหน้าขรึม และแกล้งไอเหมือนคนไม่สบาย บรรณารักษ์สาวเลยเปลี่ยนใจ ไปส่งเขาถึงบ้านเช่าแทน
ฝ่ายวิรงรอง...ทึ่งกับความมีน้ำใจของสาลินไม่หาย เพราะอีกฝ่ายเป็นคนปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ และอดไม่ได้จะเปรยกับจิตริณีที่นั่งรถไปโรงพยาบาลด้วยกัน เลขานุการสาวยิ้มน้อยๆ บอกว่าสาลินเป็นคนดี แต่คนที่คอลัมนิสต์สาวต้องระแวงมากกว่าคือคุณหญิงก้อย ที่จงใจทำให้เกิดอุบัติเหตุนี้ขึ้น
ระหว่างที่จิตริณีเล่ารายละเอียดและข้อสันนิษฐานของตัวเองเรื่องคุณหญิงก้อยให้วิรงรองฟัง สาลินก็พาคุณชายรองกลับถึงบ้านเช่า แต่ก็ไม่วายห่วง อยากให้เขาแวะไปตรวจที่โรงพยาบาล
“ฉันนอนพักเดี๋ยวเดียวก็หาย แค่มึนหัวเท่านั้นเอง เธอกลับได้แล้วล่ะ”
“แล้วคุณอยู่คนเดียว ใครจะดูแลคุณ”
“เดี๋ยวฉันเรียกหญิงก้อยมาก็ได้ หญิงดูแลฉันได้อยู่แล้ว”
“คุณแน่ใจเหรอคะ”
“ทำไมพูดอย่างนั้น”
สาลินคันปากยิบๆ อยากเล่าเรื่องคุณหญิงก้อยจงใจทำร้ายวิรงรอง แต่ก็ยั้งปากไว้ได้ คุณชายรองแกล้งป่วยไม่เลิก แถมแอบเคี้ยวใบแก้วหน้าบ้านให้ตัวร้อน บรรณารักษ์สาวเลยต้องพาเขาไปแช่น้ำแข็งเพื่อลดไข้
คุณชายรองหนาวจนปากสั่น แต่ต้องแกล้งทำเป็นอาการดีขึ้นเพราะไข้ลด เพื่อให้สมบทบาทคนป่วย จนสาลินเชื่อสนิท และช่วยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้อย่างไม่รังเกียจ
“เธอเคยทำมาก่อนหรือ เห็นเธอทำแผลให้คุณติ่งอย่างชำนาญ”
“ค่ะ...ฉันเป็นนางพยาบาลประจำบ้าน ใครเจ็บป่วยอะไรฉันรักษาได้หมด คุณตามีตำรับยาสมุนไพรตั้งหลายเล่ม ที่บ้านสวนก็ปลูกสมุนไพรไว้เยอะแยะ เราแทบไม่ต้องพึ่งยาหมอฝรั่งเลยนะ แม้แต่เจ้ามอมฉันก็เคยทำแผลให้มัน”
“ฉันว่าไข้ฉันน่าจะลดแล้วนะ เพราะน้ำมันเย็นขึ้นเรื่อยๆ”
“ค่ะ...เหมือนไข้จะลดแล้ว ทำไมเร็วจัง”
คุณชายรองไม่ตอบคำถามนั้น เฉไฉกลบเกลื่อนเอาตัวรอดไปได้ ซึ่งสาลินก็ไม่ได้ติดใจ ลงมือทำข้าวต้มให้กินอีกต่างหาก จนคนป่วยตัวปลอมปลื้มใหญ่...ถึงกับยิ้มไม่หุบเลยทีเดียว
ooooooo
เพราะเหตุการณ์วุ่นวายที่สปอร์ตคลับ ทำให้คุณหญิงก้อยกลุ้มใจมาก อยากแต่งงานเป็นสะใภ้
วุฒิวงศ์ แต่ไม่อยากตกอับ ต้องกัดก้อนเกลือกินกับคุณชายรองที่บ้านเช่า และหนทางแรกที่เธอนึกถึง คือขอความช่วยเหลือจากท่านชายจันทร์ และทวงสมบัติหม่อมย่าที่ประทานให้เธอก่อนหน้านี้
“หม่อมย่ายกให้เธอเป็นทุนการศึกษา กับเป็นของขวัญแต่งงาน ตอนเธอไปอเมริกา เพื่อที่เธอจะเรียนไม่จบ และเพื่อแต่งแล้วหย่าสายฟ้าแลบ เธอน่ะผลาญสมบัติไปจนหมดไม่เหลือแม้สตางค์แดงเดียว”
“แล้วท่านพ่อจะช่วยหญิงกับคุณรองยังไงบ้างเพคะ หลังจากที่เราแต่งงานกันแล้ว”
“ทำไมต้องช่วย สมบัติของชายรองก็มีตั้งเยอะ”
“นั่นสมบัติเด็จป้าเพคะ ตอนนี้คุณรองกำลังลำบาก เพราะเหลือแต่เงินเดือนราชการ ธุรกิจก็ขาดทุน”
“อย่าว่าแต่ชายรองเลย ธุรกิจของรัชนีกุลก็อยู่ใต้ใบบุญของวังวุฒิเวสม์เหมือนกัน ถ้าฉันยื่นมือไปช่วย เสด็จพี่ไม่โปรดแน่ และถ้าเสด็จพี่กริ้วฉันขึ้นมาอีกคน เราจะเดือดร้อนกันหมด”
“ท่านพ่อเห็นแก่ตัวเอง ไม่เห็นแก่หญิงเลย”
หม่อมวาณีกับคุณหญิงกลางอ้าปากค้าง กลัว ท่านชายจันทร์จะกริ้ว แต่กลับตรัสสวนเสียงเรียบแทน
“แล้วเธอเล่า ตั้งแต่ลืมตาดูโลกขึ้นมานี่ เธอเคยเห็นแก่ใครอื่นบ้างไหม!”
แต่ถึงจะถูกประณามหยามเหยียดแค่ไหน คุณหญิงก้อยก็ไม่สลดและไม่สำนึก แถมวางแผนกับจรวยอีกต่างหาก เมื่ออีกฝ่ายโทร.แจ้งเรื่องศรีจิตรา ว่าที่เจ้าของเรือนหอหลังงามในวังวุฒิเวสม์จะไปทำผมในวันมะรืน
แผนกลั่นแกล้งศรีจิตราถูกตระเตรียมอย่างดี แต่ก่อนจะถึงวันนั้น คุณหญิงก้อยก็ต้องประสาท เมื่อแวะหาคุณชายรองในเช้าวันถัดมา แล้วเจอภาพบาดใจ สาลินกับชายคนรักคุยกันกะหนุงกะหนิง พร้อมมื้อเช้าชุดใหญ่
คุณชายรองถึงกับอึ้ง ไม่คิดมาก่อนว่าคุณหญิงก้อยจะแวะมา จึงเอ่ยปากชวนกินด้วยแบบแกนๆ
“แหม...ถ้าร่วมวงด้วย ก็ขัดความสำราญแย่เลยสิคะ”
“คุณหญิงคะ คุณชายไม่สบายตั้งแต่เมื่อวาน ฉันเลยมาดูแล”
“ตั้งแต่เมื่อวาน อ้อ...งั้นก็ดูแลต่อเนื่องมาถึงวันนี้สินะ ค้างอ้างแรมกันหรือเปล่า”
“ฉันคิดว่าฉันสมควรจะกลับแล้ว คุณชายคะ... หนังสือที่จะบริจาค ฉันมาเอาวันหลังแล้วกัน”
“เธอน่าจะบอกฉันด้วยนะ เพราะฉันก็มีของอยากบริจาคให้ทานเหมือนกัน”
“กรุณาอย่าเข้าใจผิดนะคะ คุณชายกับฉันบริสุทธิ์ใจ”
“เธอแน่ใจหรือ...ว่าเธอบริสุทธิ์ใจจริง”
“ฉันแน่ใจค่ะ...แน่ใจว่าฉันบริสุทธิ์กว่าคุณหญิง”
สาลินตอกพร้อมส่งสายตาไม่กลัว ก่อนจะสะบัดหน้าออกไปโดยไม่เหลียวหลัง คุณชายรองได้แต่มองตามเครียดๆ แต่เพื่อให้สมบทบาท เลยแกล้งอ้อนสาวคนรักให้ช่วยเช็ดตัวให้ เพราะเขายังอาการไม่ดี คุณหญิงก้อยอึกๆอักๆ ไม่อยากทำ แต่ก็ขัดไม่ได้ ยอมหยิบจับโน่นนี่แบบขอไปที
ooooooo
คุณหญิงก้อยแทบเป็นลม เมื่อต้องรับบทพยาบาลจำเป็น ดูแลคนป่วยอาการค่อนข้างหนักอย่างคุณชายรอง และเมื่อเขาแกล้งอ้วกคาอ่างอาบน้ำ ก็ทนไม่ไหวรีบผละไปด้วยความรังเกียจ พร้อมประกาศจะตามคนจากวังมาดูแลแทน คุณชายรองไม่ปฏิเสธและไม่ได้รั้งไว้ เพราะคิดว่าได้ผลการทดสอบที่น่าพอใจแล้ว
ส่วนสาลิน...หลังกลับจากบ้านเช่าคุณชายรอง ก็อดรนทนไม่ไหว ต้องไปขอเฝ้าเสด็จพระองค์หญิง เพื่อขอประทานอภัย คุณสอางค์ใจไม่ดี เกรงจะกริ้วเพราะมีรับสั่งห้ามพูดถึงคุณชายรอง แต่ก็ผิดคาด เมื่อเสด็จฯทรงอนุญาตให้บรรณารักษ์สาวบ้านสวนเข้าเฝ้าได้
แม้จะทรงพอเดาได้อยู่แล้วว่าสาลินมาขอเข้าเฝ้าด้วยเหตุอะไร แต่ก็ยังทรงตีหน้านิ่ง ทำเหมือนยังกริ้วหลานชายคนโปรด จนสาลินหายใจไม่ทั่วท้อง เพราะเรื่องที่เกิดกับคุณชายรอง เธอเองก็มีส่วนผิด
“เรื่องทั้งหมดไม่ใช่ความผิดคุณชายรอง แต่เป็นหม่อมฉันเองเพคะ...หม่อมฉันเห็นเขารักอยู่กับคุณหญิงก้อย ถ้าแต่งไปกับพี่ศรี พี่ศรีต้องไม่มีความสุข หม่อมฉันเลยทำทุกอย่างเพื่อให้คุณชายคืนดีกับคุณหญิงเพคะ”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเธอหรอก เรื่องของเรื่องคือชายรองอยากขัดใจฉันอยู่แล้ว”
“แต่เรื่องความรัก เราไม่ควรบังคับใจใครนะเพคะ”
สาลินทูลโต้อย่างไม่ลดละ จนเสด็จฯก็อดทึ่งไม่ได้ แต่ยังทรงปั้นหน้านิ่ง รับสั่งย้อนเสียงเรียบ
“นี่เธอกำลังสอนฉันหรือ”
“มิได้เพคะ แต่หม่อมฉันแค่เห็นว่าคนเราควรจะแต่งงานกันด้วยความรักมากกว่าความเหมาะสม”
“แต่ฉันคิดว่าคนเราควรจะแต่งงานกันด้วยความรักเท่าๆกับความเหมาะสม”
“ถ้าเช่นนั้น คุณหญิงก้อยและคุณชายรองก็ควรแต่งงานกันสิเพคะ เพราะมีทั้งความเหมาะสมและ...ความรัก”
“ตรงกันข้ามในกรณีของสองคนนี้ ไม่มีความเหมาะสมอะไรเลย และไม่มีกระทั่งความรักด้วย เธอนี่... เก่งกล้าสามารถนักนะ กล้าขอในสิ่งที่คนทั้งวังนี้ไม่กล้าแม้แต่จะคิด”
“หม่อมฉันจำเป็นต้องกล้าเพื่อความถูกต้องเพคะ”
“อย่างนั้นหรือ ฉันคิดว่าเธอกล้า...เพื่อเทิดทูนความรักเสียอีก”
สาลินนิ่วหน้า ไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ไม่ทันทูลถาม ก็ทรงตัดบทก่อน เสด็จฯรอจนบรรณารักษ์สาวบ้านสวนลับตาแล้ว จึงพึมพำเบาๆ “ขอเวลาให้ฉันใคร่ครวญเรื่องนี้อีกสักนิด เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่ฉันจะยกโทษให้ชายรอง ตอนนี้ให้เขารับกรรมที่เขาก่อขึ้นไปให้เต็มที่เสียก่อน”
เพราะสภาพยาจกของคุณชายรองแท้ๆทำให้คุณหญิงก้อยทนเฉยไม่ได้ วันต่อมาเลยมุ่งหน้าไปร้านทำผมเจ้าประจำ เพื่อระรานศรีจิตราและกดดันเรื่องเรือนหอ นักเล่านิทานสาว แม้จะอึดอัดใจมาก แต่ก็มีสติตั้งรับได้ดีเหมือนเคย จนคุณหญิงก้อยหน้าม้านและยอมถอยกลับไปเอง
ไม่ใช่แค่ศรีจิตราที่ต้องรับศึกหนัก สาลินก็ปวดประสาทไม่แพ้กัน เพราะถูกอัศนีย์ตื๊อให้ไปทำงานไนต์คลับตามสัญญา บรรณารักษ์สาวพยายามบ่ายเบี่ยง หลบเลี่ยงเต็มที่ แต่สุดท้ายก็จำใจต้องยื่นเรื่องขอลาออกจากห้องสมุด
ไนเจลไม่เข้าใจและทำท่าจะไม่ยอมรับ เช่นเดียวกับพนักงานคนอื่นๆ มีเพียงจิตริณีมองสาลินด้วยความเห็นใจมากกว่าคนอื่น ก่อนจะเอ่ยปากขอร้องไนเจลไม่ให้อนุมัติใบลาออกของสาลิน แต่ให้คิดว่าเป็นการไปพักร้อนเท่านั้น เพราะเชื่อว่าบรรณารักษ์สาวต้องได้กลับมาทำงานห้องสมุดอีกแน่...แค่รอเวลาเหมาะสมเท่านั้น
ooooooo










