สมาชิก

สะใภ้จ้าว

ตอนที่ 14

ประกายตาวิบวับของคุณชายรองทำให้สาลินหายใจไม่ทั่วท้อง แถมเต้นระรัว ไม่เป็นจังหวะเหมือนเคย โชคดีเหลือเกินที่เขาเลิกจ้องหน้า สาวแสบบ้านสวนเลยรวบรวมสติกระเจิดกระเจิงได้

“ฉันยังไม่ได้แสดงความยินดีกับคุณเลย...เรื่องคุณหญิง”

“ฉันต้องแสดงความยินดีกับเธอต่างหาก”

“เรื่องอะไรกันคะ”

“เรื่องแรก...เธออยากให้ฉันไปพ้นตำแหน่งพี่เขยเธอนักไม่ใช่หรือ นี่ก็สมใจแล้วนี่ เรื่องที่สอง...ฉันแสดงความยินดีกับเธอที่เธอกำลังจะก้าวหน้าในอาชีพการงาน นี่เธอจะไปทำงานกับนายอัศนีย์จริงหรือ”

สาลินอึกๆอักๆแต่ก็ไม่ปฏิเสธ คุณชายรองเลยของขึ้น โมโหหึงโดยไม่รู้ตัว

“ทำไม...เขาเสนออะไร หรือว่าบ้านหนึ่งหลัง เงินสามแสน แหวนเพชรห้ากะรัต จี้เพชรพร้อมเงินเดือนหรือไง”

“นี่...ฉันไม่ใช่คนเห็นแก่เงินนะ”

“แต่อีกหน่อยก็ไม่แน่”

“เชิญคุณเป็นห่วงคุณหญิงยอดดวงใจของคุณเถอะ”

“ฉันแค่ไม่อยากให้เธอต้องกลายเป็นเหยื่อนายจิ้งจอกนั่น”

“เหมือนที่คุณหญิงเคยเป็นเหยื่อมาแล้วอย่างงั้นสิ”

คุณชายรองเหลืออด ดึงเธอมาใกล้ ปรามไม่ให้อวดดี แต่มีหรือสาวแสบจะยอมง่ายๆ

“ปล่อยนะ...ตอนนี้คุณก็ได้คุณหญิงคืนไว้ในอ้อมใจแล้ว กรุณาเลิกหึงเปะปะแล้วมาพาลฉันสักที”

“ใครว่าฉันหึงหญิงก้อย ฉันหึง...”

คุณชายรองเกือบหลุดความในใจไปแล้ว แต่เสด็จฯพระองค์หญิงก็ทรงถามหาสาลินเสียก่อน สองหนุ่มสาวคู่กัดเลยต้องแยกคนละมุม แต่ไม่วายส่งสายตาเอาเรื่องใส่กันไม่หยุด เสด็จฯทรงได้แต่มองคนนั้นทีคนโน้นทีขำๆ...ทรงรู้ดีเชียวล่ะว่าเป็นมวยถูกคู่แน่ แค่ยังไม่ยอมรับใจตัวเองกันเท่านั้น

แยกจากเสด็จฯและคุณชายรองมาได้ สาลินก็แล่นไปหาพี่สาวในตำหนัก ปลอบประโลมให้หายเศร้าใจเรื่องคุณชายรองกับคุณหญิงก้อย แต่ศรีจิตรากลับไม่มีท่าทีเดือดร้อน แถมยิ้มสดใสกว่าเดิมอีกต่างหาก

“ทำไมพี่ศรีหน้าตาเหมือนไม่ทุกข์ร้อนเลยล่ะ หรือว่าพี่แกล้งทำ ใจจริงน่ะอยากร้องไห้วันละร้อยหนใช่ไหม”

“แล้วสาล่ะ...อยากจะร้องไห้วันละร้อยหนบ้างไหม”

ศรีจิตราแกล้งย้อนยิ้มๆ สาลินถึงกับอึ้งไป แต่ไม่ทันตอบ ก็ต้องนิ่วหน้าด้วยความสงสัย เมื่อเห็นรถคันยาวคุ้นตาจอดหน้าวัง ผลรีบบอกว่าเหมือนรถของพลไม่มีผิด แต่สาลินก็ไม่ติดใจ เพราะคิดว่าเขาคงมาเยี่ยมคุณชายเล็ก ต่างจากศรีจิตรา ตีหน้านิ่ง ทั้งที่ในใจอยากโห่ร้อง เพราะเริ่มแน่ใจอะไรบางอย่าง...

ooooooo

จรวยร้อนใจเรื่องการตัดสินใจของคุณชายรอง ที่จะแต่งงานกับคุณหญิงก้อย เลยไปดักเจอราชนิกุลสาวหัวสูงที่ร้านทำผมเจ้าประจำ แล้วก็ไม่ผิดหวัง คุณหญิงก้อยปรากฏตัวจริงๆ พร้อมท่าทางเหยียดหยามเหมือนเคย

“ถ้าคุณหญิงมาเป็นสะใภ้รองทั้งๆที่เสด็จฯไม่ทรงปลื้ม เกิดกริ้วพวกดิฉันไม่โดนไล่จากวังหมดตำหนัก หรือคะ”

คุณหญิงก้อยปรายตามองจรวยอย่างสมเพช “เธออย่าลืมนะว่าฉันคือผู้ที่เหมาะสมที่สุดจะเป็นสะใภ้อันดับหนึ่งของวังวุฒิเวสม์ ฉันคือหม่อมราชวงศ์หญิงเทพีเพ็ญแสง รัชนีกุล และฉันครองรักกับคุณรองมานานนับสิบปี”

“แต่คุณหญิงไม่ใช่คนที่เสด็จฯทรงปลื้ม ไม่งั้นคงไม่ทรงจับคู่คุณรองกับยายศรีจิตราหรอก”

“คนที่เสนอให้จับคู่คือยายแก่สอางค์ต่างหาก เพราะอยากให้หลานตัวเองได้ดี ฉันนี่แหละคือคนคู่ควรที่สุด เด็จป้าทรงรักคุณรองมาก ถ้าคุณรองตัดสินใจ เด็ดขาดแล้ว เด็จป้าต้องทรงยอมตามทุกอย่าง”

“ได้ยินอย่างนี้ดิฉันก็คลายใจ เฮ้อ...ตอนแรกก็กลัวว่าเรือนหอจะถูกทุบทิ้งเสียอีก”

คำว่าเรือนหอ ทำให้คุณหญิงก้อยหูผึ่ง ฝันหวานกลางวันแสกๆ จะได้ครองคู่และเป็นเจ้าของเรือนหอสุดหรูกับชายคนรัก และเพื่อประกาศศักดาตัวเอง ราชนิกุลสาวเลยบุกถึงวังวุฒิเวสม์ในเช้าถัดมา

เสด็จพระองค์หญิงทรงไม่รู้เรื่องคุณหญิงก้อยจะประกาศศึก เสด็จมาตรวจดูความเรียบร้อยของการ ก่อสร้างเรือนหอเช่นเคย โดยมีคุณชายเล็กตามประกบ รายงานทุกขั้นตอน

“นี่ตารองไม่มาดูเลยใช่ไหม...บ้านตัวเองแท้ๆ ฉันให้เธออยู่แทนดีกว่าชายเล็ก ตารองไม่ต้องอยู่แล้ว”

คุณชายเล็กรีบปฏิเสธ “โธ่...เกล้าไม่อาจเอื้อมแย่งของพี่รองหรอกพ่ะย่ะค่ะ”

“ก็ดูเหมือนว่าเขาจะสละทิ้งแล้วนี่”

“โธ่...อย่ากริ้วพี่รองเลยพ่ะย่ะค่ะ”

“เฮ้อ...ถ้าเจ้ารองมาเช้าถึงเย็นถึงศรีจิตราบ่อยๆ เหมือนแก ก็คงจะรักหมดใจได้เหมือนกัน”

เสด็จฯรับสั่งเป็นนัยๆทิ้งท้าย ก่อนจะพระพักตร์ตึง เมื่อเห็นคุณชายรองพาคุณหญิงก้อยชมเรือนหอ เหล่าข้าราชบริพาร คุณสอางค์และคุณชายเล็กเริ่มใจไม่ดีและถึงกับเครียด เมื่อคุณชายรองพาคุณหญิงก้อยมาทำความเคารพ

“เธอถือวิสาสะอะไรมาดูเรือนหอ”

คุณชายรองรีบออกรับแทนคนรัก “เออ...เกล้าขอประทานอภัยที่ไม่ได้ขอประทานอนุญาตเด็จป้าก่อน”

“เธอพาหญิงก้อยมาดูเรือนหอแบบนี้ หมายความว่า... เธอกำลังบอกฉัน ว่านี่คือเรือนหอของเธอสองคนงั้นสิ”

คุณชายรองอึกๆอักๆ พูดไม่ออก คุณหญิงก้อยเลยตอบแทน

“ก็ควรจะเป็นของเราสองคนสิเพคะ ในเมื่อคุณรองตัดสินใจแล้วว่าจะแต่งงานกับหญิง”

“อ้อ...เธอไตร่ตรองดีแล้วหรือกิตติ...ไม่คิดจะปรึกษาฉันสักคำ เมื่อไหร่ล่ะ”

คุณหญิงก้อยยิ้มหยัน เร่งให้ชายคนรักตอบวันที่ แต่คุณชายรองก็ไม่ทำตาม เสด็จฯกริ้วจัด ดำเนินแยกไปที่ริมสระบัว แต่ไม่วายรับสั่งเสียงเข้มให้คุณชายรองตามไปคุยด้วยเป็นการส่วนตัว

คุณชายเล็กรอจนพี่ชายแยกออกไป จึงมาเตือนคุณหญิงก้อยไม่ให้ก้าวร้าวเสด็จฯ เช่นเดียวกับคุณสอางค์ ที่พยายามไกล่เกลี่ยสถานการณ์ แต่ราชนิกุลสาวก็เชิดหน้า ไม่กลัวและไม่แคร์

“คุณข้าหลวงคะ ปกติหญิงก็เข้านอกออกในวังวุฒิเวสม์บ่อยๆ ไม่เห็นต้องขออนุญาตใคร”

“ค่ะ...ถ้านั่นมันที่ตำหนักเล็ก ที่คุณหญิงจะมาพลอดรักกับคุณรองในที่ลับตาหรือในที่แจ้งยังไงก็ได้ แต่นี่มันเรือนหอค่ะ เรือนหอที่ทรงสร้างขึ้นไว้สำหรับคุณรองและศรีจิตรา...ไม่ใช่คนอื่น!”

ooooooo

สองป้าหลานคุยกันพักใหญ่ คุณชายรองก็เดินหน้าเครียดกลับมา แล้วบอกให้หญิงคนรักไปลาเสด็จฯ คุณชายเล็กกับคุณสอางค์สนับสนุนเต็มที่ แต่คุณหญิงก้อยก็ยังยึกยัก ไม่ยอม แถมไปท้าทายเสด็จฯอีกต่างหาก เสด็จฯทรงรับไหว้แกนๆ ก่อนจะรับสั่งกับคุณชายรอง กระทบถึงคุณหญิงก้อย

“จำไว้นะกิตติราชนรินทร์ เรือนหอนี้ฉันสร้างไว้ให้เธอกับคู่ครองที่เหมาะสมเท่านั้น”

ทุกคนอ้าปากค้าง แต่คุณหญิงก้อยก็ไม่สลด สวนกลับอย่างไม่เกรงกลัว

“หญิงคือคู่ครองของคุณรองนะคะ เด็จป้าทรงวินิจฉัยว่าหญิงไม่เหมาะสมอย่างไรหรือเพคะ”

“กล้ามากนะหญิงก้อย ที่กล้าถามในสิ่งที่เธอไม่ควรถาม”

“หม่อมฉันต้องการความยุติธรรมเพคะ”

“ได้...ความยุติธรรมคือเรือนหอนี้ แรกเริ่มฉันดำริให้สร้างเพื่อชายรองกับศรีจิตรา ไม่ใช่ให้ใครมาอยู่ก็ได้ตามอำเภอใจ กิตติราชนรินทร์...ฉันให้เวลาเธอสามวัน ไตร่ตรองให้ถ้วนถี่ แล้วมาให้คำตอบฉันอีกครั้ง”

“แต่หม่อมฉันคิดว่าคำตอบของคุณรองคงเหมือนเดิมเพคะ”

“หมดธุระเธอแล้ว กลับไปได้ ไป...ไปให้พ้นหน้าฉันได้แล้วทุกคน!”

เหตุการณ์วุ่นวายหน้าเรือนหอ กลายเป็นหัวข้อสนทนาของคนทั้งวัง โดยเฉพาะที่ตำหนักเล็กร้อนรนกันกว่าเดิมด้วยซ้ำ กลัวเสด็จฯจะกริ้วจนต้องระเห็จออกจากวังวุฒิเวสม์ จรวยเป็นโต้โผใหญ่ ยุแยงและใส่ไคล้ศรีจิตรา ว่าทำให้ทุกอย่างยุ่งเหยิง เลยถูกหม่อมอำพันเอ็ด แถมถูกคุณชายโตขู่ไม่ให้สาระแนอีก ถ้าไม่อยากโดนหย่า!

ฟากวังรัชนีกุลก็ร้อนระอุไม่แพ้กัน ท่านชายจันทร์โมโหขนาดหนักเมื่อทราบวีรกรรมลูกสาวคนเล็ก หม่อมวาณีกับคุณหญิงกลางพยายามเป็นกันชน แต่ก็เหมือนจะไม่ได้เรื่อง

“รู้ไหมว่าถ้าเสด็จป้ากริ้วอะไรจะเกิดขึ้น”

“อะไรจะเกิดก็เกิดไปสิเพคะ หญิงไม่แคร์ คุณรองกับหญิงรักกัน ไม่น่าจะหนักศีรษะหรือพระเศียรใคร”

“เธอหยุดโอหังบังอาจพูดจาสามหาวก้าวร้าวซะที เรื่องแต่งกับชายรองน่ะอย่าฝันเลย เสด็จพี่ไม่มีวันยอม”

“แต่หญิงจะแต่ง หญิงไม่ยอมให้ความสุขของหญิงถูกทำลายเพราะยายแก่จอมอคติคนหนึ่งแน่!”

หม่อมวาณีกับคุณหญิงกลางอ้าปากค้าง ไม่อยากเชื่อหูว่าคุณหญิงก้อยจะก้าวร้าวขนาดนี้ ส่วนท่านชายจันทร์โกรธจนลมออกหู ถลาไปตบลูกสาวคนเล็กฉาดใหญ่ที่ไม่สำนึก

“ฉันตบเธอเพื่อให้สำนึกว่าเธอมีสายเลือดสูงส่งแค่ไหน อย่าแสดงกิริยาวาจาต่ำๆแบบนี้อีก เสด็จป้าทรงมีพระคุณรดหัวพ่อเธออยู่ ไม่งั้นเราคงต้องไปเร่ร่อนเป็นเจ้าไม่มีศาล แล้วเธอก็คงไม่แคล้วต้องไปเป็นนางบังเงาข้างถนน!”

ooooooo

ถึงจะถูกเสด็จพระองค์หญิงขัดขวาง หรือท่านพ่อประณามเท่าไหร่ คุณหญิงก้อยก็ไม่คิดเปลี่ยนใจเรื่องคุณชายรอง และหนึ่งในแผนของเธอคือส่งอัศนีย์ไปใกล้ชิดสาลิน

อัศนีย์ยอมช่วยเพราะมีผลประโยชน์ร่วมกัน คือเอาชนะใจสาลิน แต่สภาพร่างกายบอบช้ำจากการตกท้องร่องสวนเมื่อหลายวันก่อน ทำให้เขากลายเป็นภาระของสาวแสบบ้านสวนต้องดูแลเขาตลอดมื้อกลางวันในวันต่อมาแทน

คุณชายรองซึ่งควงมากับคุณหญิงก้อย มองภาพสองหนุ่มสาวด้วยแววตารุ่มร้อน อยากไปจับแยกแทบขาดใจ แต่ก็ทำได้แค่ตีหน้าขรึม และทักทายตามมารยาท คุณหญิง ก้อยเห็นท่าทางอึดอัดใจของสาลิน ก็สาแก่ใจมากและไม่รอช้า ตามไปกระแนะกระแหนอีกฝ่ายในห้องน้ำ

สาลินเห็นหน้าคุณหญิงก้อยก็พอเดาได้ แล้วก็ไม่แปลกใจเลยที่ถูกค่อนแคะแดกดันเรื่องชนชั้นเหมือนเคย

“นี่เธอคิดว่าเธอมีอะไรเทียบเคียงฉันได้หรือ”

“ก็มีสองมือสองเท้า และก็มีสมองที่อาจจะแยกแยะอะไรได้ดีกว่าคุณหญิงน่ะสิคะ”

“ฉันอยากจะขอเตือนด้วยความหวังดี อัศนีย์น่ะไม่เคยรักใครจริง พอสมใจแล้วเขาก็เขี่ยทิ้ง”

“เหมือนที่เขาเขี่ยคุณหญิงทิ้งใช่ไหมคะ”

“ฉันต่างหากที่เป็นคนเขี่ยเขาทิ้งเหมือนรองเท้าเก่าๆคู่หนึ่ง”

“คุณหญิงก็เลยหวนมาหารองเท้าคู่เก่า หวังว่าคงใส่สบายนะคะ”

“จำเอาไว้ ฉันไม่ได้หวนไปหาคุณรอง แต่เป็นคุณรองที่หวนมาหาฉัน คงเพราะเขาได้เห็นความไม่จริงใจหรือไร้ราคาในตัวเธอล่ะมัง เขากลับมาโดยยอมให้เด็จป้ากริ้ว ยอมเสี่ยงโดนตัดจากกองมรดก แต่เขาก็ยอมทุกอย่างเพื่อฉัน”

สาลินอึ้งไปอึดใจ น้ำตารื้นอย่างช่วยไม่ได้ แต่ก็พยายามกลั้นสุดความสามารถ

“คอยดูต่อไปเถอะ เด็จป้าจะกริ้วได้ไม่นาน อีกหน่อยฉันก็คือสะใภ้เอกของวังวุฒิเวสม์ ในขณะที่เธอเป็นได้แค่นางบำเรอในโรงเต้นเท่านั้น จำใส่สมองเธอไว้”

สาลินสะเทือนใจมาก แต่คงไม่สมใจคุณหญิงก้อยที่ตบท้ายเสียงหยัน

“อ้อ...ถ้าสละเวลาจากอัศนีย์สักนิด ลองผ่านมาที่โต๊ะฉันสิ ฉันอยากให้เธอเห็น ได้ยินอะไรบางอย่าง ที่จะทำให้เธอตระหนักได้เสียทีว่าเธอมันไร้ราคา ไม่มีอะไรเทียบเคียงฉันได้แม้แต่นิด”

เพราะคำพูดท้าทายนั่นแท้ๆ สาลินเลยอดใจไม่ไหว ตามไปแอบฟังถึงโต๊ะคุณหญิงก้อย แล้วก็เหมือนโลกถล่ม เมื่อได้ยินอีกฝ่ายฉอเลาะออเซาะคุณชายรอง ให้จัดงานแต่งภายในสองเดือน!

ooooooo

หลังประกาศต่อหน้าสาลิน คุณหญิงก้อยก็สั่งวิรงรองในบ่ายวันเดียวกัน ให้พาดหัวบนหน้าหนังสือพิมพ์ ให้เป็นข่าวใหญ่ครึกโครมทั่วพระนคร จะได้หักหน้าเสด็จฯและประกาศศักดากับทุกคนที่คิดขัดขวาง

ขณะที่คุณหญิงก้อยแผลงฤทธิ์ใหญ่ สาลินกลับหมดแรงดื้อๆ ไม่มีอารมณ์ตอบโต้เหมือนเคย ได้แต่ กลับบ้านไปนอนร้องไห้เงียบๆคนเดียวกับหนังสือนิยายที่เธอเขียนขึ้นเพราะได้แรงบันดาลใจจากคุณชายรอง

แต่ก็ไม่ใช่แค่สาลินคนเดียวที่สะเทือนใจจากวีรกรรมคุณหญิงก้อย คุณชายรองก็เป็นเดือดเป็นร้อนไม่ต่างกัน เพราะถึงจะจงใจเล่นละครตบตาแค่ไหน ก็ใจไม่ดีเลยเมื่อเห็นสีหน้าก่อนจากกันของบรรณารักษ์สาว

วันรุ่งขึ้น...คุณชายรองเลยตั้งใจไปคุยด้วยเพื่อหยั่งท่าที แต่กลับต้องโมโหหึงแทนเมื่อเห็นคุณชายเล็กในคราบพลช่างฟิตมารับเธอกลับบ้าน แถมเธอยังไม่ยอมคุยดีด้วย เขาเลยต้องกลับวังแบบเซ็งๆ

ฝ่ายคุณชายเล็กในคราบพลช่างฟิตกับสาลิน ไม่รู้เรื่องอารมณ์หึงของคุณชายรอง มัวนั่งเหม่อกันไปคนละทาง เพราะมีเรื่องกังวลกันคนละอย่าง แล้วราชนิกุลหนุ่มก็เป็นฝ่ายทนไม่ไหว โพล่งออกไปก่อน

“คุณสาครับ ถ้าผม...เอ่อผม สารภาพรักกับคุณ คุณจะคิดว่ายังไง”

เพราะความสับสนในใจ โดยเฉพาะเรื่องความรู้สึกที่มีต่อศรีจิตรา ทำให้พลหรือคุณชายเล็กเลือกถามออกไป แต่สาลินไม่เข้าใจความนัยนั้น ได้แต่ตอบกลับตามประสาซื่ออย่างที่ใจคิด

“ฉันก็จะรักคุณตอบไง รัก...ให้คุณเป็นเพื่อนสนิท เป็นเพื่อนรัก เป็นพี่ชายแสนดีของฉัน”

“โธ่...ผมเป็นได้แค่เพื่อนหรือพี่ชายเท่านั้นหรือครับ”

“ความรักฉันเพื่อนนี่แหละเยือกเย็น มั่นคง ยั่งยืน และไม่ทำให้ใครเจ็บปวด”

“คุณสา...คุณพูดอย่างกับคุณกำลังเจ็บปวดกับความรักอย่างนั้นแหละ”

“ฉันจะไปกล้ารักใคร แค่เห็นพี่ศรีรักเขาข้างเดียวก็เจ็บแทนแล้ว”

พลหรือคุณชายเล็กถึงกับอึ้ง สาลินเลยเข้าใจว่าเขาอกหักเพราะถูกเธอปฏิเสธ

“เปล่าฮะ ผมแค่โล่งใจอะไรบางอย่าง”

“เราสองคนจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป เสียดายไม่มีสุราสาบาน”

พลเหลือบเห็นเรือขายกาแฟเลยเรียกไว้ แล้วสั่งมาดื่มร่วมสาบานแทนสุรา สองหนุ่มสาวยกจอกชนกันยิ้มๆ ส่งต่อมิตรภาพอันดีให้แก่กันและกัน โดยมีสายตาคุณตาคุณยายเป็นพยาน ว่าทั้งสองเป็นได้แค่เพื่อนกันเท่านั้น

ooooooo

แม้จะถูกสาลินปฏิเสธ แต่คุณชายเล็กกลับไม่เสียใจอย่างที่คิด โล่งใจมากกว่า เพราะได้พิสูจน์ความจริงบางอย่าง แต่พุดซ้อนกับชบาไม่รู้เรื่องเข้าใจเอาเองว่าช่างฟิตหนุ่มคงช้ำใจมาก เลยเยาะเย้ยถากถางไม่หยุด

คุณชายเล็กไม่สะทกสะท้านกับถ้อยคำเหน็บแนมนั้นแม้แต่น้อย แต่เพื่อให้สมบทบาทพลช่างฟิตเลยแกล้งเศร้าสร้อยไปตามเรื่อง แถมแกล้งตีหน้านิ่ง อารมณ์ต่อเนื่องถึงเย็นวันเดียวกัน เมื่อเจอนมย้อย ก็อ้อนอย่างอดไม่ได้

“วันนี้ผมไปสารภาพรักกับสาว เขาปฏิเสธ บอกว่ารักผมอย่างเพื่อน”

“ฮึ...ทำไมคะ ทำไมเขาไม่รักคุณเล็ก”

“ก็เพราะเขารักคนอื่นหมดหัวใจน่ะสิฮะ”

“ฮึ...งั้นแม่คนนี้ก็เหมือนไก่ได้พลอย”

“เพราะเขามีเพชรในมือแล้วต่างหากฮะ”

“ใครกันจะมาเลอเลิศอะไรปานนั้น”

ทันใดนั้น...รถของคุณชายรองก็แล่นเข้ามา เหล่าสาวใช้ไปต้อนรับและช่วยถือของกันให้วุ่น คุณชายเล็กได้แต่มองตามนิ่งๆ ก่อนจะพูดลอยๆด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ

“จริงนะนม...รายนั้นน่ะเจ้าชายในฝัน ใครๆก็รักเขา ผมเทียบอะไรกับเขาไม่ได้สักอย่าง”

“นี่คุณเล็กอกหักจริงๆหรือคะ”

“ผมชอบเขามากนะนม ชอบจนคิดว่ารัก แต่วันนี้แหละที่ผมแน่ใจ...ว่ารักกับชอบมันคนละเรื่องกัน”

“แล้วคุณเล็กรักใครจริงๆเข้าหรือยังล่ะคะ”

“ฮะ...แค่กลัวว่าจะรักเขาข้างเดียวเท่านั้นเอง”

นมย้อยอยากรู้นักว่าหญิงสาวคนไหนที่ทำร้ายใจคุณชายเล็กของเธอได้ แต่ไม่ทันซัก คุณชายรองก็เดินมาเสียก่อน เลยเลี่ยงไปเตรียมสำรับและของว่าง สองพี่น้องเลยได้คุยกัน

คุณชายรองเคืองไม่หายที่ถูกน้องชายตัดหน้าไปรับสาลิน เลยแขวะเสียงเรียบ

“ตกลงทั้งแก ทั้งเจ้าพล รุมจีบเจ้าหล่อนงั้นสิ”

“พี่จะมาสนใจอะไรล่ะครับ ตอนนี้พี่ก็ทิ้งคุณสา หันไปหาหญิงก้อย ผมก็ต้องทำคะแนนของผมบ้าง”

“ขอให้เจ้าพลมันชนะแล้วกัน”

พูดจบก็ผละเข้าห้อง ทิ้งคุณชายเล็กให้มองตาม พลางยิ้มหยันให้ตัวเอง

“ผมแพ้แล้วครับ...แพ้อย่างหมดรูปเลยล่ะ คนที่ชนะคือพี่ต่างหาก”

ooooooo

ในที่สุดความต้องการของคุณหญิงก้อยก็เป็นจริง พาดหัวข่าวเรื่องงานแต่งของเธอกับคุณชายรองในอีกไม่เกินสองเดือน กลายเป็นข่าวใหญ่ในอีกหลายวันต่อมา ทำให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องแทบนั่งไม่ติด โดยเฉพาะชาววังวุฒิเวสม์ กลัวเสด็จพระองค์หญิงจะทรงทราบและกริ้วจนถูกตะเพิดจากวัง

แต่คำภาวนาของทุกคนก็ไม่เป็นจริง เพราะเสด็จฯทรงมีรับสั่งไม่ให้ปิดข่าวหรือซ่อนหนังสือพิมพ์ และเรียกตัวคุณชายรองมาพบ เพื่อทรงสอบถามความจริงด้วยองค์เอง

“เธอลองตอบให้ฉันฟังอีกครั้งซิ...กิตติราชนรินทร์ ตอบฉันต่อหน้าทุกคน”

“สิ่งที่เกล้าทำลงไป เพราะเกล้าไม่ต้องการถูกบังคับพ่ะย่ะค่ะ”

“ที่ฉันหาคู่ครองที่เหมาะสมให้เธอ เธอคิดว่าฉันบังคับเธองั้นหรือ”

“เกล้าขอประทานอภัยที่จะต้องทูลตามความรู้สึกแท้จริงของเกล้า...ใช่พ่ะย่ะค่ะ ความรักไม่ใช่เรื่องจะบังคับหรือกะเกณฑ์อะไรได้ เกล้าขอทำตามที่หัวใจเรียกร้อง ไม่ขอถูกบังคับอีกต่อไปพ่ะย่ะค่ะ”

“อย่างนั้นหรือ งั้นสิ่งที่ฉันทำต่อไปนี้ ฉันก็ถูกบังคับให้กระทำเช่นกัน คนที่ฉันรักราวลูกในไส้ คนที่ฉันเลี้ยงมากับมือ คนที่กินข้าวแดงแกงร้อนของฉัน กลับทรยศต่อฉันได้ถึงเพียงนี้”

รับสั่งจบก็ทอดเนตรมาทางหลานชายคนโปรดก่อนจะทรงประกาศกร้าว

“นับแต่นี้...เธอไม่ใช่หนึ่งในวุฒิวงศ์ ไม่ใช่ทายาทของแผ่นดินวุฒิเวสม์...ไม่ใช่แม้กระทั่งหลานของฉัน!”

คุณชายรองหลั่งน้ำตา ศรีจิตรา คุณสอางค์ หม่อม อำพัน นมย้อย คุณชายโตและคุณชายเล็ก ถึงกับอ้าปากค้าง แต่ไม่ทันทูลทัดทาน เสด็จฯก็ทรงโพล่งออกไปเสียก่อน

“ชื่อกิตติราชนรินทร์จะถูกลบออกจากพินัยกรรม จะไม่ถูกกล่าวถึงในวังวุฒิเวสม์ ชื่อนี้จะเป็นชื่อที่ถูกลืมและลบจากความทรงจำของทุกคนตลอดไป”

กว่าทุกคนจะได้สติและทูลขอประทานอภัยให้คุณชายรองก็หลายอึดใจต่อมา แต่เสด็จฯก็ทรงไม่เปลี่ยนพระทัย

“นี่คือบทเรียนของคนที่ทรยศฉัน ออกไปให้พ้นหน้าฉัน ตอนนี้ฉันอยากอยู่คนเดียว ออกไปทุกคน!”

เป็นอันว่าคุณชายรองต้องเก็บข้าวของออกจากวังในบ่ายวันเดียวกัน ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของคนทั้งตำหนักเล็ก โดยเฉพาะหม่อมอำพันกับนมย้อย น้ำตาไหลพรากไม่หยุด เสียใจมากที่คุณชายรองโชคร้ายเช่นนี้

ไม่ต่างกับคุณชายโตกับคุณชายเล็ก เป็นห่วง ไม่อยากให้คุณชายรองตกระกำลำบาก แต่เจ้าตัวคนมีเรื่อง กลับไม่มีท่าทีเดือดเนื้อร้อนใจอะไรมาก นอกจากก้มหน้ารับสภาพเท่านั้น

ศรีจิตราเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง รับรู้ถึงความ ทุกข์โศกของทุกคนดี แต่ที่เครียดมากกว่าคือความรู้สึกของน้องสาว ไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง หากรู้ว่าคุณชายรองคู่กัดถูกไล่จากวังและตัดออกจากกองมรดก

คุณชายเล็กผ่านมาเห็นท่าทางเหม่อๆ ก็นึกสงสาร ต้องเดินมาปลอบ

“คุณศรีอย่าห่วงเลยฮะ เด็จป้ารักพี่รองมาก อีกไม่นานก็หายกริ้วฮะ”

“แต่มันเหมือนว่า...ดิฉันเป็นต้นเหตุทำให้คุณชายรองต้องออกจากวัง”

“ไม่จริงนะฮะ...เพราะต่อให้ไม่มีคุณศรี เด็จป้าก็ไม่มีวันโปรดให้พี่รองแต่งกับผู้หญิงจิตใจโลเลแบบนี้เป็น อันขาด ไม่มีผู้ชายที่ไหนจะชอบผู้หญิงแบบนั้นหรอกฮะ”

“แล้วคุณชายเล็กล่ะคะ...ชอบผู้หญิงแบบไหน”

“ชอบผู้หญิงจิตใจมั่นคง รักใครแล้วไม่มีวันเสื่อม คลาย แต่ถ้าเขามีคนอื่น ผมก็ได้แต่...รอให้เขามองผมบ้าง”

ศรีจิตราหน้าแดงอย่างช่วยไม่ได้ ประทับใจคำตอบของเขา และก่อนที่จะเขินกันไปมากกว่านี้ ก็เปลี่ยนมาถามเรื่องพลกับสาลิน คุณชายเล็กถึงกับสะดุ้ง กลัวถูกจับได้ แต่ก็ยังตีมึนกลบเกลื่อน

“แปลกจัง...ทำไมยายสาพูดถึงแต่คุณพล ไม่ยักพูดถึงคุณชายเล็กบ้างเลย”

“ผมคงไม่เป็นที่สนใจของคุณสามังครับ เขาสนแต่เจ้าพล”

“อยากเห็นหน้าคุณพลจังเลย เห็นว่ามาในงานวัน ประสูติด้วย ยังเต้นรำกับยายสาด้วย เอ...หรือว่าดิฉันเคยเห็นหน้าเขาแล้ว เขาคงมีนิสัยซนๆแบบคุณชายนี่แหละค่ะ”

ศรีจิตราสบตายิ้มๆ จนคุณชายเล็กต้องหลบตา “เหมือนยังไงหรือครับ”

“ก็ชอบปลอมตัวเป็นคนนั้นคนนี้ หลอกคนไปเรื่อยๆ น่ะสิคะ”

ooooooo

แม้ว่าศรีจิตราจะพอเดาได้แล้วว่าคุณชายเล็กคือคนเดียวกับพลช่างฟิต แต่ก็ไม่แพร่งพรายให้ใครรู้ ความลับของคุณชายเจ้าสำราญเลยยังเป็นความลับต่อไป ส่วนสาลิน...วุ่นวายกับการเตรียมงานวันอุทิศหนังสือของห้องสมุด และมัวตื่นตะลึงกับหนังสือโป๊ที่มีคนมาบริจาค เลยไม่ทันมองว่าคุณชายรองแวะมาหา

“ฉันห้ามเธออ่านจันดารากับบันเทิงทศวาร แต่เธอกลับอ่านหนังสือที่มีภาพโจ๋งครึ่มแบบนี้เลยหรือ”

สาลินถึงกับหน้าถอดสี ความผิดตนไม่ใช่แค่เปิดดูภาพในหนังสือโป๊อย่างตื่นเต้นแบบออกนอกหน้า แต่ยังทำท่าเลียนแบบอย่างสนุกสนานกับบรรดาเพื่อนร่วมงานอีกด้วย คุณชายรองได้แต่ส่ายหน้าอ่อนใจ แต่กระนั้นก็อดส่งสายตาระยิบระยับด้วยความเอ็นดูไม่ได้ เมื่อเห็นท่าทางเชิดหน้าเหมือนไม่รู้สึกผิดของเธอ

“คุณมีธุระอะไรกับฉันคะ ฉันมีเวลาให้คุณห้านาที”

“ตั้งแต่คบหานักธุรกิจนี่ เดี๋ยวนี้พูดจาเป็นนักธุรกิจไปแล้วนะ...ฉันมาเรื่องบริจาคหนังสือ”

“อีกตั้งหลายวัน เดี๋ยวฉันให้ทางห้องสมุดส่งรถไปรับหนังสือที่วังค่ะ”

“ไม่ต้องหรอก ตอนนี้ฉันขนหนังสือมาไว้ที่ร้านแล้ว”

“ฉันจะใส่พระนามเสด็จฯกับชื่อคุณเป็นผู้บริจาคนะคะ”

“ใส่แค่พระนามเสด็จป้าเถอะ เพราะว่าตอนนี้ฉันไม่ใช่วุฒิวงศ์แล้ว”

“คุณหมายความว่าอะไรคะ”

“ก็หมายความว่า...เด็จป้าเนรเทศฉันจากวุฒิเวสม์ ทรงประกาศตัดขาด ห้ามไม่ให้ฉันใช้สกุลวุฒิวงศ์อีก”

สาลินเบิกตาโพลง ลืมตัวถลาไปจับมือปลอบใจเขา

“โธ่...เพราะเรื่องคุณหญิงก้อยหรือคะ แล้วตอนนี้...คุณเป็นยังไงบ้าง”

“ตอนนี้น่ะหรือ ฉันก็รู้สึกแปลกๆ...แปลกที่มีผู้หญิงมาจับมือถือแขนฉัน”

สาลินชะงัก หน้าแดง ปล่อยมือทันที พร้อมกับอธิบายคำถามใหม่

“ฉันหมายความว่า...แล้วคุณจะทำยังไงต่างหาก”

คุณชายรองยักไหล่ ตาวาวเมื่อเห็นสายตาเป็นห่วงของเธอ “ก็ไม่เห็นต้องทำอะไร ฉันแค่ถูกไล่ออกจากวุฒิเวสม์ ไม่ได้ถูกไล่ออกจากงานสักหน่อย ฉันยังมีเงินเดือน มีร้านผ้า แย่หน่อยที่ต้องยืมรถบุโรทั่งนายศุภรมาใช้”

“โธ่...นี่คุณต้องมารับเคราะห์หรือคะ”

“ยังไงฉันก็เป็นคนเดิม หน้าเดิม มีมือมีแขนขาเหมือนเดิม...อาจจะมีแต่เพียงหัวใจที่เปลี่ยนไป”

แต่สาลินก็เป็นกังวล จนไม่ทันสังเกตประกายตาวิบวับของอีกฝ่าย

“ไม่ได้นะ...คุณเป็นผู้สืบสกุลวุฒิวงศ์ เป็นทายาทของวุฒิเวสม์ คุณเป็นเจ้า จะมาเป็นชาวบ้านได้ยังไง”

“ท่านพ่อฉันต่างหากที่เป็นเจ้า ฉันก็เป็นแค่ชาวบ้านคนหนึ่ง เธอเองก็เคยบอกหญิงก้อยอย่างนี้ไม่ใช่หรือ”

“แล้วคุณหญิงก้อยล่ะคะ คุณหญิงว่ายังไงบ้าง”

คุณชายรองไม่ได้ให้คำตอบนั้น เพราะตัวเองก็ยังไม่รู้คำตอบ จนเมื่อได้เจอกับราชนิกุลสาวในบ่ายวันเดียวกัน ก็แทบต้องถอนใจยาว เพราะเจ้าของเรื่องฝ่ายหญิงโวยวายไม่หยุดที่เขาถูกตัดจากกองมรดก

“ใครเขาจะว่ายังไง หญิงแคร์ด้วยหรือ ปกติผมไม่เคยเห็นหญิงแคร์อะไร”

“แต่เรื่องนี้หญิงแคร์ค่ะ รอบตัวเรามีแต่พวกปากหอยปากปู”

“ช่างเขาปะไร ตอนนี้เรามีกันและกันอย่างที่หญิงต้องการแล้วไง เสด็จป้าจะทรงบีบบังคับอะไรเราไม่ได้”

คุณหญิงก้อยอยากจะเป็นบ้า แต่ก็ต้องพยายามสงบสติอารมณ์ไว้ จนเมื่อเขาพาออกจากร้านอาหารหรู ไปขึ้นรถกลับบ้านเช่าของเขา ก็แทบอยากถอยหลังกลับ เมื่อเห็นเขาเอารถบุโรทั่งของศุภรมาขับแทนคันเดิม

“หญิงรักผมที่ตัวผม ที่จิตใจผมไม่ใช่หรือ สิ่งนอกกายพวกนี้ หญิงไม่สนใจเลย หญิงเคยบอกไม่ใช่หรือฮะ”

นอกจากรถบุโรทั่งที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเคลื่อนตัวได้แล้ว คุณชายรองยังพาคุณหญิงก้อยไปบ้านเช่าชั่วคราวของเขาอีกด้วย และสภาพโทรมๆ สีหลุดล่อนตามผนังและสวนรกเหมือนป่าช้า ก็ทำให้ราชนิกุลสาวหัวสูงสติแตก

“ทำไมหญิงต้องอยู่ที่นี่คะ คุณรองน่ะเงินเดือนก็ไม่ใช่น้อย แล้วยังมรดกท่านพ่ออีก”

“เงินผมเอาไปลงทุนทำร้านหมดแล้วล่ะหญิง นี่ร้านก็ขาดทุนมาสองปีแล้ว”

คุณหญิงก้อยถึงกับผงะ เรี่ยวแรงเหมือนจะหมดดื้อๆ คุณชายรองลอบสังเกตท่าทีตลอด แล้วก็เป็นอย่างที่คาด เมื่อเธอโวยวายอีกรอบ ตอนเขาบอกให้เธอมาช่วยจัดบ้านและทำความสะอาดบ้านเขาบ้าง

“ทำไมไม่ให้แม่บ้านดูแลล่ะคะ”

“โธ่...หญิงครับ ตอนนี้ผมต้องประหยัดทุกอย่าง รายได้ทางเดียวตอนนี้ก็คือเงินเดือนกระทรวง”

“เอ...แล้วเงินมรดกท่านพ่อล่ะคะ”

“หญิง...เงินมรดกน่ะหมดนานแล้ว ที่จริงไม่มีด้วยซ้ำ เพราะตอนท่านพ่อสิ้น สมบัติเก่าแทบไม่เหลืออะไร ดีที่เสด็จป้าทรงค้ำจุนพวกเรา แล้วหญิงอย่านึกนะว่าเงินที่ประทานจะพอ เพราะ...เอ่อ...หม่อมแม่ก็ถลุงไปกับบ่อนทุกวัน”

“ตายแล้ว...คุณรองกำลังจะบอกหญิงว่าคุณรองหมดตัวงั้นหรือ”

“เอาเป็นว่า...ผมไม่ได้ร่ำรวยอย่างแต่ก่อนดีกว่า ผมยังพอหารายได้เสริมได้บ้าง”

รายได้เสริมของเขาก็เช่นงานสอนหนังสือหรือแปลบทความต่างๆ ซึ่งคุณหญิงก้อยก็เกรงว่าจะไม่ทำเงินมากพอจะเลี้ยงเธอได้ คุณชายรองเลยได้แต่ทำใจว่าคงเปลี่ยนนิสัยอีกฝ่ายไม่ได้ แต่ก็ต้องสวมบทเล่นละครต่อให้แนบเนียน

“ถ้าเราประหยัด รู้จักอดออม เราก็อยู่ได้นะ อีกไม่ถึงสองเดือนเราจะแต่งงานกันแล้ว เราจะแต่งงานเงียบๆ เชิญเฉพาะญาติสนิท จัดอย่างสมถะที่สุด แล้วบ้านเช่าเล็กๆนี่ จะเป็นรังรักของเรา”

“หญิงต้องมาอยู่ในรัง...เอ่อ...รังรักหลังนี้หรือคะ”

“ครับ...เราจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็น ว่าความยากไร้ไม่ใช่อุปสรรคความรักของเราแม้แต่น้อย”

ooooooo

บททดสอบรักแท้ของคุณชายรอง ทำให้ได้รู้ว่าคุณหญิงก้อยไม่ได้รักเขาอย่างที่พูดแม้แต่น้อย แต่รักความเป็นเจ้าและความสะดวกสบายที่จะได้จากเขามากกว่า เห็นได้ชัดว่าเธอมีสีหน้าและท่าทางอึดอัด เมื่อรู้ว่าเขาถูกตัดจากกองมรดก กิจการขาดทุน ขับรถบุโรทั่งเก่าๆ และต้องย้ายจากวังหรูหรามาอยู่บ้านเช่าโทรมๆ

ส่วนสาลิน...ซึ่งยังไม่รู้ตัวว่าจะถูกทดสอบด้วย

ในเวลาต่อมา กำลังประสาทเสียที่รู้ว่าคุณชายรองต้องเดือดร้อน ถูกไล่ออกจากวังเพราะปฏิเสธไม่แต่งงานกับพี่สาว สาวแสบบ้านสวนเป็นกังวลจนไม่เป็นอันทำงาน ต้องแล่นไปหาพี่สาวถึงวังวุฒิเวสม์ แต่ศรีจิตรากลับไม่มีท่าทีทุกข์ร้อน แถมเล่าถึงเหตุการณ์อย่างสนุกสนานอีกต่างหาก

“เสด็จฯทรงประกาศตัดขาดคุณชายต่อหน้าทุกคนแล้วไล่ออกจากวัง อย่างกับฉากในหนังหรือละครเวทีแน่ะสา”

“ยังจะมาพูดเล่นอีก สาสงสารเขาจะตายแล้ว”

“สาแคร์คุณชายจัง ก็ไม่ดีหรอกหรือที่คุณชายจะได้อยู่กับคุณหญิงก้อย”

สาลินมัวกลุ้ม เลยไม่ทันเห็นสายตาวิบวับล้อเลียนของพี่สาว “โดยโดนเสด็จฯทรงตัดขาดน่ะหรือ ฮึ...ความจริงที่สามาหาพี่ศรี สากะจะนัดพี่ศรีไปเจอคุณพล แต่พอเกิดเรื่องแบบนี้ สาไม่มีกะจิตกะใจเป็นแม่สื่อแล้ว”

“สาเพิ่งไปเจอคุณชายเล็กมาสินะ”

“คุณชายเล็กอะไร...เปล่านี่คะ สาเจอแต่คุณพล ไม่เคยเจอคุณชายเล็กสักหน่อย”

“คุณชายเล็กอาจจะไปเจอสาหลายหนแล้วก็ได้”

“อื้อ...อย่าบอกนะว่าเขาไปคอยแอบดูสา ตาย...พิลึกตายเลย”

จนแล้วจนรอด ศรีจิตราก็ไม่บอกความจริงเรื่องคุณชายเล็กคือคนเดียวกับพลช่างฟิต แต่เลือกเก็บความลับนั้นไว้กับตัว ไม่บอกใคร แต่ก็เหมือนเสด็จพระองค์หญิงจะทรงรู้ทัน เพราะทรงส่งสายตาเจ้าเล่ห์แบบที่นักเล่านิทานสาวต้องกลั้นยิ้มแทบแย่ เมื่อทรงประกาศไม่ให้ทุบเรือนหอทิ้งอย่างที่หลายคนนึกกลัว แถมมีรับสั่งให้เร่งมือทำของชำร่วยอีกต่างหาก เพราะอาจมีงานมงคลระหว่างคุณชายเล็กกับสาลิน

ข่าวงานมงคลของคุณชายเล็กกับสาลินกลายเป็นข่าวใหญ่ทั่ววังวุฒิเวสม์ โดยเฉพาะตำหนักเล็ก ตื่นเต้นกันใหญ่ที่คุณชายเจ้าสำราญจะช่วยกู้หน้า เช่นเดียวกับที่บ้านราชดำริ คุณสร้อยเป็นโต้โผใหญ่เหมือนเคย เรียกสาวใช้มาสั่งงาน เตรียมขมิ้นกับน้ำมะขามเปียกให้พร้อม จะได้ขัดสีฉวีวรรณสาวแสบบ้านสวนให้เป็นสาวชาววัง

กว่าคุณชายเล็กจะรู้ตัวก็เกือบหนึ่งวันต่อมา เมื่อสังเกตเห็นท่าทางแปลกๆของทุกคนที่ตำหนักเล็ก โดยเฉพาะหม่อมอำพัน พะเน้าพะนอเอาใจเขาแบบที่ไม่เคยมาก่อน จนเมื่อได้ยินชื่อสาลินจากปากแม่ เลยพอปะติดปะต่อเรื่องราวได้ ก่อนจะมั่นใจเต็มที่ เมื่อนมย้อยเย้าขำๆ

“ตอนนี้คุณสาเป็นนางคู่บัลลังก์แทนคุณศรี ถ้าคุณเล็กแต่งกับเธอ คุณเล็กก็จะเป็นทายาทอันดับหนึ่งของเสด็จฯ”

ooooooo

ขณะที่ชาววังวุฒิเวสม์กับสมาชิกบ้านราชดำริวุ่นวายกับการเตรียมงานมงคล สาลินก็พยายามทำเป็นไม่สนใจ และทุ่มเทให้กับการเตรียมงานวันอุทิศหนังสือ และภารกิจสำคัญในวันนี้ คือไปรับหนังสือบริจาคที่ร้านผ้าไหมของคุณชายรอง แต่ไม่ทันไปถึง ก็ได้เจอคุณหญิงกลางระหว่างทาง

คุณหญิงกลางมีสีหน้าตกใจมาก เมื่อรู้ว่าคุณชายรองถูกตัดจากกองมรดกของเสด็จพระองค์หญิง เลยตัดสินใจแวะไปเยี่ยมถึงร้านผ้าไหม จึงได้เจอศุภร ซึ่งกำลังช่วยคุณชายรองเล่นละครลองใจสาลิน

“ไอ้หม่อม...แกยืมเงินฉันไปสามงวดแล้วนะ ตั้งแต่ระเห็จออกจากวัง ยังไม่ใช้เงินคืนฉันสักบาท นี่เราก็กำลังจะขยายร้าน ยังถอนทุนคืนไม่ได้เลย แกก็รู้ว่าตอนนี้ร้านเราไม่มีฝรั่งเข้า ขาดทุนมาเป็นปีแล้ว ฉันจะระดมเงินทุนเพิ่มจากแก แกก็ไม่มีอีก จะมาเบียดบังอะไรฉันอีกวะ เฮ้อ...ถ้าแกยังลืมตาอ้าปากไม่ได้ บางทีฉันอาจต้องถอนหุ้นแกจากร้าน”

“โธ่...ศุภร ฉันขอร้อง ยังไงก็เห็นแก่ความเป็นเพื่อนเถอะวะ”

สองหนุ่มตีบทแตก แต่ที่คาดไม่ถึง คือการปรากฏตัวของคุณหญิงกลางพร้อมกับสาลิน

“อ้าว...คุณหญิงกลาง คุณสา มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” ศุภรทักยิ้มๆ

“มานานแล้วค่ะ นานพอจะได้ยินได้เห็นทั้งหมดที่คุณทำกับเพื่อนอย่างไร้มนุษยธรรมที่สุด”

“เดี๋ยวครับคุณหญิง อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะครับ”

“แล้วจะให้ฉันเข้าใจว่ายังไงบ้าง คุณรองกำลังลำบาก แต่คุณกลับทิ้งเพื่อน คุณรองเคยช่วยคุณทั้งตอนเรียนที่นี่และที่อังกฤษ แต่คุณกลับตอบแทนบุญคุณเขาแบบนี้”

คุณชายรองเห็นเรื่องจะไปกันใหญ่ เลยพยายามไกล่เกลี่ย “หญิงกลางครับ อย่าทะเลาะกันเลยนะครับ ไม่ใช่ความผิดของศุภร ศุภรทำถูกแล้ว มันเป็นความผิดของผมต่างหากที่เอาตัวไม่รอดเอง”

“มันเป็นเรื่องของธุรกิจน่ะครับ”

“ค่ะ...เข้าใจ แต่ถ้าธุรกิจมันจะทำลายความเป็นเพื่อนแบบนี้ ฉันรับไม่ได้ ขอตัวก่อนค่ะ”

คุณหญิงกลางผละจากไปแล้ว แถมทิ้งท้ายตัดความสัมพันธ์อีกต่างหาก ศุภรแทบเต้นด้วยความร้อนใจ รอจนเธอลับร่างและหันมาเอาเรื่องเพื่อนรักเสียงเข้ม

“เพราะแก...ไอ้หม่อม แกคนเดียว สร้างแต่ปัญหา ถ้าหญิงกลางเลิกกับฉัน มันคือความผิดของแกทั้งหมด!”

คุณชายรองอยากจะหัวเราะแทบแย่ เพราะรู้ดีว่าเพื่อนต้องแก้ปัญหาได้ แต่ก็ต้องกลั้นไว้ ตีบทบาทเป็นคุณชายตกยากจริงจัง ซึ่งก็ได้ผล สาลินถลามาจับมือเขาเพื่อปลอบประโลมเหมือนเคย

“เธอ...ไม่สมเพชฉันหรอกหรือ”

สาลินสบตาเขานิ่ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “คุณชายคะ...ฉันจะไปสมเพชคุณทำไม คุณค่าของคนไม่ได้วัดที่ราคาของวัตถุนะคะ แล้วคุณค่าของคุณชายก็มีมากเสียจนไม่ต้องอายใคร”

“งั้น...ฉันพอจะมีความมั่นใจขึ้นบ้างกับคำชมของเธอ เออ...ที่จริงฉันมีหนังสือจะบริจาคอีกหลายเล่มที่บ้าน”

สาลินนิ่วหน้าเมื่อได้ยินคำว่าบ้าน แต่เมื่อเขาอธิบายว่าเป็นบ้านเช่า เลยไม่ติดใจอะไร แถมนั่งรถบุโรทั่งของเขาตามไปดูหนังสืออีกต่างหาก พร้อมด้วยสีหน้ารื่นรมย์อย่างเห็นได้ชัด ต่างจากคุณหญิงก้อยลิบลับเลยทีเดียว

ooooooo

สะใภ้จ้าว

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด