สมาชิก

สะใภ้จ้าว

ตอนที่ 13

เพราะภาพข่าวฉาวของเธอกับอัศนีย์แท้ๆ ทำให้สาลินตกที่นั่งลำบาก แม้ว่าทุกคนจะเข้าใจและเชื่อว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่กระนั้น...เสด็จพระองค์หญิงก็ไม่ทรงนิ่งนอนใจ เร่งให้มีการทาบทามสาลินให้คุณชายเล็ก

ศรีจิตราทราบเรื่องทุกอย่าง และนำมาบอกน้องสาว เมื่ออีกฝ่ายแวะมาเยี่ยมถึงวังวุฒิเวสม์ในวันหนึ่ง พร้อมกับคุณสร้อย ซึ่งมาทำหน้าที่พิเศษร่วมกับคุณสอางค์ คือหอบกระเช้าของคาวหวานไปให้หม่อมวาณี ตอบแทนคุณหญิงกลางที่เคยทำขนมเค้กฝากมาให้เมื่อหลายวันก่อน หม่อมอำพันต้อนรับสองป้าคู่ปรับแบบเสียไม่ได้ แต่เห็นแก่หน้ามิตรสหายร่วมโต๊ะพนัน เลยยอมสงบศึกแบบชั่วคราว

สาลินได้ยินพี่สาวพูดถึงคุณชายเล็ก แถมโฆษณาสรรพคุณความดีงามไม่หยุดหย่อน ก็อดบ่นไม่ได้

“ทำไมพี่ศรีถึงชอบพูดถึงแต่คุณชายเล็กล่ะ สาได้ยินพี่ศรีพูดเรื่องอีตาคุณชายเล็กนี่เป็นร้อยหนแล้ว”

“แต่พี่ได้ยินสาพูดถึงคุณชายรอง ร้อยเอ็ดหนแล้วเหมือนกัน”

สาวแสบบ้านสวนอึ้งไปอึดใจ ศรีจิตรานึกขำแต่ไม่อยากแกล้งน้องสาวแล้ว เลยเปลี่ยนเรื่องถามถึงอัศนีย์ และปฏิกิริยาของคุณชายรองต่อภาพข่าวนั้น

“เขาก็ลากสาไปด่าน่ะสิคะ ห้ามสาไม่ให้คุยกับนายอัศนีย์ เชอะ...มีสิทธิ์อะไร เขาไม่ใช่เจ้าหัวใจสาสักหน่อย”

“นั่นสิ...ใครกันนะจะมาเป็นเจ้าหัวใจสา”

“ที่เขามาอาละวาดกับสาน่ะ เพราะอะไรรู้ไหมคะ เขายังโกรธนายอัศนีย์ที่มาแย่งคุณหญิงก้อย คนรักเขาไป เขาหึงยายคุณหญิงจนหน้ามืดแล้วมาพาลกับสา”

ศรีจิตราลอบยิ้ม มั่นใจกว่าเดิมว่าว่าที่คู่หมั้นหนุ่มต้องหลงรักน้องสาวเธอแน่ แต่ยังตีหน้านิ่งกลบเกลื่อน จนสาลินเข้าใจเอาเองว่าพี่สาวคงไม่สบายใจเรื่องว่าที่คู่หมั้น

“พี่ศรี...พี่ศรีทำใจได้หรือยัง เรื่องคุณชายรอง”

“พี่ไม่ต้องทำใจหรอกจ้ะ แค่เตรียมใจต่างหาก...รอดูว่าคุณชายจะเลือกใคร”

“โธ่เอ๋ย...เขาต้องเลือกคนอื่นแน่เลยพี่ศรี”

“พี่ก็แน่ใจอย่างนั้นว่าเขาต้องเลือก...อีกคนหนึ่ง”

“โธ่...แล้วพี่ศรียังจะรักคุณชายอยู่อีกหรือ”

ศรีจิตรานิ่งนิดเดียว คิดถึงคุณชายอีกคน แล้วตอบยิ้มๆ “จ้ะ...พี่ตัดสินใจแล้ว”

“รักเขาข้างเดียวน่ะหรือ”

“ต่อให้รักเขาข้างเดียว พี่ก็จะทำทุกอย่างเพื่อชนะใจเขา ต่อให้ไม่สำเร็จ ต่อให้เจ็บปวด ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย”

สาลินไม่อยากเชื่อหู ว่าพี่สาวจะปักใจกับว่าที่คู่หมั้นขนาดนี้ “ฮึ...เขาน่ารักอะไรนักหนา เห็นมีแต่วางอำนาจ ขี้เก๊กก็เท่านั้น ปากก็อย่างกับตะไกร ที่สำคัญ...คือเขารักคนอื่นอยู่ ใช่สิ...สาไม่เคยรักใครนี่ สาก็เลยไม่รู้”

“ไม่แน่หรอก สาอาจจะรักเขาเข้าแล้ว แต่สาไม่รู้ตัวก็ได้”

“พี่ศรีพูดอะไร มีด้วยหรือคะ รักเข้าแล้วโดยไม่รู้ตัว

“มีสิสา มันเหมือนน้ำที่หยดลงทีละหยด สั่งสมมากขึ้นจนท่วมท้น จนถึงวันหนึ่ง มันก็จะถั่งโถมเข้าหาสา เข้าท่วมท้นหัวใจ เอิบอาบไปทุกอณูของชีวิตสา แล้วสาจะพบว่ามันคือความรัก ความรักอันลึกซึ้งที่ไม่มีวันไถ่ถอนได้”

สาลินถึงกับคราง เมื่อได้ยินปรัชญาความรักของพี่สาว

“พี่ศรี...นี่ความรักทำให้พี่ศรีเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เชียวหรือ”

ooooooo

หลังสงบศึกชั่วคราว คุณสอางค์กับคุณสร้อยจึงได้ร่วมวงไพ่ที่ตำหนักเล็กพร้อมกับหม่อมวาณี

เลยได้สืบรู้เรื่องคุณหญิงกลางว่าไม่ได้สนิทสนมกับคุณชายเล็กฉันชู้สาว แต่เธอกำลังคบหาดูใจกับศุภร

ศรีจิตรารู้เรื่องก็ดีใจมาก แต่แสดงออกไม่ได้ กลัวผิดสังเกต ซึ่งสองป้าก็ไม่ทันเอะใจจริงๆ มัวยุยงหลานสาวให้ใช้จริตจะก้านมัดใจคุณชายรอง ศรีจิตรายิ้มบางๆ แต่ในใจลิงโลด หมายมาดในใจ ต้องทำอะไรสักอย่าง...

เช้าวันต่อมาที่วังรัชนีกุล...คุณหญิงก้อยได้รับของขวัญชิ้นพิเศษ เป็นดอกไม้ช่อโตและสร้อยไข่มุกล้อมเพชร พร้อมการ์ดจากคุณชายรอง หม่อมวาณีตื่นเต้นแทนลูกสาวคนเล็กมาก ผิดกับคุณหญิงกลาง ที่คิดว่ามันแปลกๆ

“ไม่น่าเชื่อยังไงคะพี่กลาง ตรงที่เขาอยากคืนดีกับหญิงน่ะหรือ”

“ที่พี่บอกไม่น่าเชื่อ คือวิธีง้อต่างหากจ้ะ คุณรองไม่น่าทำอะไรที่...เอ่อ...หวานจนเอียนขนาดนี้”

“นั่นแปลว่าเขาเป็นคนผิด แล้วหญิงเป็นคนถูกต่างหาก เขาถึงต้องยอมง้อหญิง”

หม่อมวาณีเห็นท่าไม่ดี กลัวลูกสาวสองคนจะทะเลาะกัน เลยพยายามห้ามทัพและตัดบท

“ลูกหญิงจ๋า ถ้าหญิงเจอชายรอง อย่าพูดเรื่องใครถูกใครผิด ใครง้อใครก่อนนะลูก หญิงจำแค่ว่าชายรองรักหญิงมากจนยอมหญิงหมดทุกอย่างดีกว่า”

คุณหญิงก้อยกระหยิ่มใจ มั่นใจเหลือเกินว่าคุณชายรองยังรักและรอเธอเสมอ จนอดใจไม่ไหว ต้องหอบสร้อยมุกหรูไปอวดพวกวิรงรองถึงสำนักพิมพ์ในเย็นวันเดียวกัน

“คุณรองคงรู้ว่าเพชรเป็นเพื่อนแท้ของผู้หญิง”

วิรงรองข่มอารมณ์หมั่นไส้เต็มที่ ก่อนจะโต้กลับเสียงหวาน “เราทุกคนก็เป็นเพื่อนแท้ของหญิงจ้ะ”

คุณหญิงก้อยยิ้มชอบใจ ไม่ทันคิดเลยว่าทุกอย่างจะเป็นแผนของอัศนีย์กับพวกวิรงรอง ช่วยกันทำให้เธอหลงเชื่อว่าคุณชายรองยังมีใจ อัศนีย์มาถึงหลังจากนั้นไม่นาน สะใจมากเมื่อรู้ว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน แต่ก็ต้องทำเนียนเหมือนไม่รู้เรื่อง และแสร้งทำเป็นง้องอนเพื่อให้สมจริง ซึ่งคุณหญิงก้อยก็เชื่อสนิท

“คุณชายไถ่ถอนโทษด้วยสร้อยเส้นนี้ สวยกว่า หรูกว่า และแพงกว่านาฬิกาข้อมือที่คุณให้ฉันตั้งเยอะ”

“ผมเป็นห่วงนะ แต่ที่จริงก็ดีใจที่คุณกับคุณชายเข้าใจกันได้เสียที มีอะไรให้ผมช่วยก็บอก”

“อืม...คุณช่วยฉันได้นะ ทุกวันพุธคุณรองจะแวะมาร้านนายศุภร แล้วมักจะไปทานกลางวันที่ร้านลักซอร์ ทำไมไม่ลองนัดยายบรรณารักษ์ไปที่ร้านนั่นล่ะ”

“อ้อ...คุณจะให้คุณชายตัดใจจากสาลินให้เร็วขึ้น”

“ใช่...คุณชายตัดใจจากแม่นั่นเร็วเท่าไหร่ คุณก็ได้แม่นั่นไปครองเร็วเท่านั้น เราได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย”

“ไม่เลวครับ...ตกลงตามนั้น”

คุณหญิงก้อยกลับไปแล้ว ทิ้งอัศนีย์ให้มองตามด้วยแววตาสาสมใจ

“ขอบใจนะจินนี่...แค่เพชรกับดอกไม้เท่านั้นจริงๆ”

ooooooo

นอกจากจะเป็นไส้ศึกในวังวุฒิเวสม์ให้คุณหญิงก้อยแล้ว จรวยก็ไม่ละความพยายามจะกำจัดศรีจิตราให้พ้นทาง จะได้ไม่มีสะใภ้หน้าไหนมาใหญ่เกินหน้าเธอในตำหนักเล็ก และวันนี้ก็ถือเป็นโอกาสดี ที่เธอจะปั่นหัวศรีจิตราถึงเรื่องคุณชายเล็ก เพราะเธอแอบระแคะระคายมาระยะหนึ่งแล้วว่าทั้งสองอาจมีใจให้กัน

“วันนี้หยุดหรือคะ ไม่เห็นคุณชายเล็กมาคุมงาน แปลกจังนะคะ คุณชายเล็กคุมทุกขั้น อย่างกับเรือนหอตัวเอง”

ศรีจิตรารู้ทันว่าอีกฝ่ายจะยุแยง แต่ก็เก็บอาการ ตอบกลับประสาซื่อ

“คุณชายรองเธอบอกว่าคุณชายเล็กมีหัวทางนี้มากกว่าค่ะ”

“ฮึ...แต่รวยว่าคุณชายรองไม่ดูดำดูดีเรือนหอนี้เลยต่างหาก”

“เพราะคุณชายรองรักคุณหญิงก้อยสุดหัวใจใช่ไหมคะ”

“ต๊าย...นี่คุณศรีไม่ทุกข์ไม่ร้อนเลยหรือคะ เอ...หรือว่าคุณศรีมีคุณชายเล็กคอยปลอบใจอยู่”

“ค่ะ...คุณชายเล็กเธอคอยเตือนดิฉันอยู่ทุกๆเรื่องเลยค่ะ”

“เรื่องอะไรบ้างหรือคะ”

ศรีจิตรายิ้มเย็น ตอกกลับแบบไม่ไว้หน้า “ก็เรื่องที่ทุกสิ่งทุกอย่างอาจไม่เป็นอย่างที่เห็น คนที่ดูไม่ชอบเรา อาจจะหวังดีกับเรา ส่วนคนที่ดูจริงใจ อาจจะมุ่งร้ายกับเราก็ได้”

จรวยถึงกับหน้าม้าน แต่สีหน้าเรียบเฉยของอีกฝ่ายก็ทำให้ไม่แน่ใจ...หรือว่ามันจะหลอกด่า

คืนเดียวกันที่ร้านอาหารหรู...คุณหญิงก้อยแต่งตัวชุดสวยมากินมื้อเย็นกับคุณชายรอง มั่นใจมากว่าเขาต้องพะเน้าพะนอเธออย่างดีเหมือนเคย แต่ผิดคาด คุณชายรองมีท่าทีเมินเฉยและเย็นชา จนเธอเกือบหมดความอดทน แต่เมื่อนึกถึงคำแม่ที่ว่าให้อดทน เลยต้องปล่อยไป และเก็บไว้แค่ภาพถ่ายคู่ที่ทางร้านถ่ายให้เท่านั้น

และก็เพราะภาพถ่ายนี้เอง ทำให้คุณหญิงก้อยคิดแผนขึ้นได้ เริ่มด้วยการโทร.หาจรวย ช่วยยุยงคนในวัง ให้รังเกียจศรีจิตรา จะได้ไม่เป็นมารหัวใจเธออีก คุณหญิงกลางได้ยินทุกอย่าง อดไม่ได้จะทักท้วง แต่คุณหญิงก้อยก็ไม่สำนึก ยืนกรานทำตามแผนเดิม โดยไม่รู้เลยว่าตัวเองก็ถูกจรวยหลอกใช้เช่นกัน

“อย่าคิดว่าคุณหญิงใช้รวยฝ่ายเดียว รวยก็ใช้คุณหญิงเป็นเครื่องมือ คุณชายรองต้องกระเด็นจากวังในอีกไม่ช้า”

คุณหญิงกลางกลัวเรื่องบานปลาย เลยแอบบอกคุณชายเล็กถึงแผนการร้ายของน้องสาว แล้วเขาก็ได้ประจักษ์ใจในอีกสองสามวันต่อมา เมื่อได้ยินกับหู เห็นกับตา ว่าคุณหญิงก้อยมาระรานศรีจิตราถึงร้านทำผม

“ไม่นึกนะว่าคนอย่างเธอจะมาทำผมร้านระดับนี้ด้วย”

“คนอย่างดิฉันทำไมหรือคะ”

“ก็เด็กบ้านสวนที่โดนคุณป้าครอบให้หาสามีทางลัด บังคับให้แต่งงานกับคุณชายวุฒิเวสม์ หวังเป็นสะใภ้เจ้า”

ศรีจิตราพยายามข่มอารมณ์ ตอบกลับอย่างใจเย็น “ดิฉันทำตามพระประสงค์ของเสด็จฯค่ะ”

“แหม...ยังโง่เขลาเบาปัญญาเหมือนเคย ยายป้าสองคนของเธอนั่นแหละที่ยัดเยียดความคิดนี้ให้เด็จป้า เอาล่ะ...เพื่อให้เธอได้รู้ตัวไว้ นี่...ของขวัญจากคุณรองที่ให้ฉันไว้เป็นการขอโทษและขอคืนดี นี่จ้ะ...รูปถ่ายของเรา”

ภาพถ่ายคู่ของคุณหญิงก้อยกับคุณชายรองในร้านอาหารหรู ทำให้ศรีจิตราหน้าเสียด้วยความเป็นห่วงสาลิน แต่คุณหญิงก้อยกลับเข้าใจอีกทาง

“คุณชายขอคืนดีฉัน เราไปดินเนอร์ปรับความเข้าใจกันแล้ว แนะนำด้วยความหวังดีนะ เก็บข้าวของแล้วออกจากวังเสียแต่เนิ่นๆ เก็บตัวอยู่ในเล้าเป็ดเล้าไก่ของเธอเสีย เป็นหม้ายขันหมากสะใภ้เจ้าน่ะ มันน่าอายไม่น้อยเลยนะ”

“ขอบคุณที่แนะนำ แต่ขอให้ดิฉันได้ยินจากปากคำของคุณชายเองดีกว่านะคะ ดิฉันถึงจะเชื่อ...ขอตัวค่ะ”

ศรีจิตราจะผละไป แต่คุณหญิงก้อยไม่ยอม ตามไปยื้อไว้

“ไม่ต้องรอให้ได้ยินจากคุณรองหรอก ไม่กี่วันหนังสือพิมพ์ก็จะลงข่าวฉันกับคุณรองให้เป็นที่เอิกเกริกทั่วฟ้าเมืองไทยแล้ว ถ้าหน้าเธอยังมียางอายบ้าง ก็ควรจะหลีกทางเสีย”

ศรีจิตราไม่ยี่หระ และไม่อยากต่อปากต่อคำด้วย เลยพยายามปลีกตัวอีกครั้ง แต่คุณหญิงก้อยก็ไม่จบง่ายๆ

“ฝากบอกไปถึงนังน้องสาวเธอด้วย ให้หลีกทางเหมือนกัน เพราะแม่คนนี้ดูจะไร้ยางอายมากกว่าเธอเสียอีก แม้แต่คู่หมั้นพี่สาวยังคิดแย่งได้ จิตใจเธอสองคนทำด้วยอะไรกันนะ”

“อย่างน้อยทั้งดิฉันและน้องสาวก็ยังพอมียางอาย จะไม่เที่ยวโผไปหาผู้ชายคนนั้นที คนนี้ที เดี๋ยวคนรักเก่า เดี๋ยวสามีเก่า หรือจูบกับพี่ชายคนรักจนเป็นที่เอิกเกริกทั่วฟ้าเมืองไทยอย่างที่เป็นข่าวหรอกค่ะ”

คุณหญิงก้อยถึงกับอ้าปากค้าง และเกือบจะเงื้อมือตบแล้ว ถ้าศรีจิตราจะไม่ดักคอ

“อย่าใช้คำต่ำๆนะคะ คนมองมาทั้งร้านแล้ว คุณหญิงควรจะมียางอายบ้าง”

คราวนี้คุณหญิงก้อยหมดความอดทนจริงๆ ตั้งท่าจะตบให้หายแค้น แต่คุณชายเล็กก็โผล่มาขวางไว้ พร้อมกับดึงศรีจิตราออกมา คุณหญิงก้อยโกรธมากและโพล่งออกไปอย่างเหลืออด

“แหม...ปกป้องกันดีเหลือเกิน อย่าบอกนะว่าคุณชายเล็กก็ร่วมวงสโมสรสลับพี่สลับน้องด้วย เป็นรักสี่เส้างั้นสิ”

“หญิงก้อย...ถ้าท่านจันทร์ทรงทราบว่าหญิงทำตัวแพศยาขนาดนี้ คงเสียพระทัยแทนตระกูลรัชนีกุลไม่น้อยเลย”

คุณชายเล็กตอกกลับอย่างไม่ไว้หน้าแล้วผละไปพร้อมกับศรีจิตราทันที ทิ้งคุณหญิงก้อยให้เต้นเร่าๆคนเดียว เสียหน้าสุดขีดที่ถูกประจานต่อหน้าสาธารณชนแบบนี้

ooooooo

แผนการหลอกคุณหญิงก้อยให้ตายใจเรื่องคุณชายรองได้ผลดีเกินคาด อัศนีย์เลยไปทวงสัญญาจากสาลิน ให้มาทำงานกับเขา เพราะไนต์คลับจะก่อสร้างเสร็จสิ้นในอีกไม่กี่เดือน

สาลินมีท่าทีอึกอัก พยายามแบ่งรับแบ่งสู้ อัศนีย์เห็นคุณชายรองกับศุภรมากินข้าวร้านเดียวกัน เลยแกล้งกุมมือเธอไว้ เมื่อคุณชายรองเห็นก็โมโหหึง และปั้นปึงจากไป ศุภรได้แต่ละล้าละลัง แต่สุดท้ายก็ตามไปคุยกับเพื่อนรัก

“ไอ้หม่อม...ใจเย็น หึงแล้วอย่าพาลหึงสิวะ นี่หึงที่มันเป็นผัวเก่าหญิงก้อย หรือหึงที่มันมายุ่งกับว่าที่น้องเมีย”

“หุบปากนะไอ้บ้า”

“ไม่หุบโว้ย...แกทำท่าเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ

นี่แปลว่าอะไร เรื่องนายกับคุณสาน่ะ รักน้องเมียแล้วใช่ไหม”

คำถามของศุภรยังไม่ได้คำตอบ เพราะสองหนุ่มต้องต้อนรับแขกสาวสองคนที่มาถึงในเวลาเดียวกันแต่คนละจุดประสงค์เสียก่อน คุณหญิงกลางกับจิตริณีนั่นเอง คนแรกมาเพื่อขอคำปรึกษาจากศุภรเรื่องดองดอกไม้ของน้องสาว ส่วนอีกคนมาเลือกซื้อเนกไทเป็นของขวัญให้เจ้านาย

เรื่องเนกไทของจิตริณีไม่ใช่ปัญหา แต่เรื่องดองดอกไม้ของคุณหญิงกลางทำให้ทุกคนต้องมองหน้ากันงงๆ โดยเฉพาะคุณชายรองที่กลายเป็นเจ้าของช่อดอกไม้พร้อมสร้อยมุกสุดหรูแบบไม่รู้ตัว จิตริณีพยายามปะติดปะต่อเรื่องราว จนเมื่อได้เห็นการ์ดที่มากับช่อดอกไม้ เลยถึงบางอ้อ เพราะรู้จักลายมือนั้นเป็นอย่างดี

คุณชายรองแทบกุมขมับ เมื่อรู้ความจริงจากจิตริณีว่าอัศนีย์จัดฉากทุกอย่าง ส่งดอกไม้และสร้อยมุกไปให้คุณหญิงก้อย วางแผนให้เข้าใจผิด เพื่อดึงสาลินออกห่างจากเขา และเมื่อคุณชายเล็กรู้เรื่องในเย็นวันเดียวกัน ก็เป็นกังวลไปด้วย เพราะเมื่อเช้าคุณหญิงก้อยก็แวะไปหาเรื่องศรีจิตราเหมือนกัน

“เจ้าหล่อนไปราวีคุณศรีที่ร้านทำผม ขู่คุณศรีต่างๆ นานา แถมจะทำร้ายคุณศรีด้วย ดีนะที่ผมตามไปช่วยไว้”

“หา...แล้วแกตามไปได้ยังไง”

“แหม...หญิงกลางบอกผมก่อนน่ะสิครับ เธอได้ยินยายก้อยโทร.นัดแนะกับหนอนบ่อนไส้ในตำหนักเรา”

“หนอนบ่อนไส้งั้นหรือ...”

ภารกิจตามหาหนอนบ่อนไส้จึงเกิดขึ้นหลังจากนั้น ซึ่งสองคุณชายก็ใช้เวลาไม่นานเลย ตามเจอหนอนตัวนั้นจนได้ ซึ่งก็คือจรวย ที่หมั่นปั่นหัวและยุแยงหม่อมอำพันกับคุณชายโตเสมอ ให้เห็นผิดเป็นชอบและเข้าใจศรีจิตราแบบผิดๆตลอด สองคุณชายจึงคิดแผนโต้กลับ ด้วยวิธีการหนามยอกเอาหนามบ่ง...

ooooooo

คุณชายรองกับคุณชายเล็กร่วมกันเล่นละครตบตาคุณหญิงก้อยกับพวกอัศนีย์ เลยไม่ได้ไปให้สองพี่น้องจากบ้านราชดำริเห็นหน้าบ่อยๆเหมือนเคย ศรีจิตรามีโอกาสเจอน้องสาว เลยลองหยั่งเชิงถามถึงคุณชายรอง

“สาเจอคุณชายรองบ้างไหมหมู่นี้”

“เมื่ออาทิตย์ก่อนเจอหนหนึ่ง เขาเจอสาคุยธุระกับนายอัศนีย์เท่านั้นแหละ แขวะสาใหญ่เลย เขาหึงนายอัศนีย์”

ศรีจิตราลอบยิ้ม แกล้งถาม “ที่มาคุยกับสาหรือจ๊ะ”

“ไม่ใช่...เขาหึงแม่คุณหญิงนางพญาหงส์เหินนั่นต่างหาก สาว่าอีกไม่นานเขาต้องคืนดีกันแน่ๆ”

“แต่ถ้า...เขาเลิกกันเด็ดขาดล่ะสา”

“ถ้าเขาเลิกกัน แล้วเขา...เขาหันมาหาพี่ศรี สาก็จะพยายามทนที่ต้องมีเขาเป็นพี่เขย”

“พี่คิดว่าสาต้องทนเรื่องอื่นเสียอีก”

สาลินถึงกับงง แต่ไม่ทันได้ซัก มาลากับวรรณาก็ขนขนมจากนมย้อยมาให้เสียก่อน สาวแสบบ้านสวนเลยเบนความสนใจมาที่ขนมรสเลิศแทน แต่ก็ไม่วายสงสัย เพราะขนมของนมย้อยรสชาติเหมือนขนมของพลช่างฟิตไม่มีผิด!

ข้อสงสัยของน้องสาว ทำให้ศรีจิตราเอะใจและเมื่อได้เจอคุณชายเล็กในวันเดียวกัน เลยตัดสินใจจะสืบให้รู้เรื่อง แต่ก่อนจะถึงขั้นตอนนั้น เธอก็ได้ใช้วิชาจริตมารยาที่สองป้าสอนมาเสียก่อน ด้วยการแกล้งเป็นลมเมื่อถูกหนามกุหลาบตำ คุณชายเล็กตกใจมาก รีบอุ้มเธอไปพักที่ศาลาและช่วยพัดวีจนเธอฟื้น

“ทำไมกุหลาบแสนสวยถึงทำร้ายคุณศรีได้ลงคอนะ เขาเปรียบผู้หญิงเหมือนกุหลาบไม่ใช่หรือ”

ศรีจิตราสบตาเขานิ่ง “เขาเปรียบกุหลาบกับความรักต่างหากล่ะคะ งดงาม หอมหวาน แต่ถ้าไม่ระวังก็ต้องถูกหนามมันให้เจ็บปวดทรมาน เหมือนกับนางมัทนา”

คุณชายเล็กถึงกับอึ้ง ขยับตัวออกห่าง ด้วยคิดและเข้าใจเองว่าเธอคงหมายถึงตัวเองกับพี่ชายคนรอง

“เรื่องอะไรนะฮะ มัทนะพาธาใช่ไหม”

“นางมัทนาไม่ยอมรับรักจอมเทพจนถูกสาปเป็นดอกกุหลาบ วันใดมีความรักจึงจะกลับเป็นคนได้ตลอดไป นางรักกับท้าวชัยเสน แต่พระองค์มีมเหสีแล้ว ลงท้ายก็ถูกมเหสีใส่ร้าย ท้าวชัยเสนหลงเชื่อ ขับไล่นาง นางกลับมาแต่ก็ไม่ยอมรับรักจอมเทพอีก จึงถูกสาปให้เป็นดอกกุหลาบตลอดกาล”

ตำนานดอกกุหลาบไม่ได้เศร้าน้อยไปกว่าสีหน้าคนเล่าเลย คุณชายเล็กเลยพยายามคลี่คลายบรรยากาศ

“ว้า...จบเศร้าอีกแล้ว”

“ค่ะ...นิทานไม่ได้จบสุขไปหมดทุกเรื่องหรอกค่ะ”

“เหมือนชีวิตคนใช่ไหมฮะ”

“ค่ะ...ชีวิตคนต้องเจอมรสุมเสมอ”

“แต่อย่าลืมสิฮะ หลังพายุร้าย ก็จะมีรุ้งหลากสีบนท้องฟ้า”

สองหนุ่มสาวส่งยิ้มให้กัน แววตาเป็นประกายระยิบระยับ ลึกซึ้งมากกว่าเคย จนคนแอบมองจากมุมไกลๆอย่างคุณชายรองเริ่มสงสัย...หรือว่าจะมีรายการผิดฝาผิดตัว

คุณชายรองเฝ้าครุ่นคิดถึงท่าทีระหว่างน้องชายกับว่าที่คู่หมั้นสาวจนดึกดื่น ก่อนจะได้ข้อสรุปบางอย่าง ที่ชวนโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเจอกับเสด็จพระองค์หญิงในคืนเดียวกัน จึงตัดสินใจทูลถามเรื่องงานแต่ง

“รอไปก่อนไม่ได้หรือพ่ะย่ะค่ะ เกล้าอยากอยู่เป็นโสดสักปีหนึ่ง”

เสด็จฯซ่อนยิ้ม ทรงทราบดีว่าสาเหตุเพราะอะไร แต่ยังทรงแกล้งทำไม่รู้

“อยากเป็นโสด หรือยังอาลัยอาวรณ์ใคร”

“ตัดบัวยังเหลือใยนะพ่ะย่ะค่ะ”

“เธอหมายถึงหญิงก้อย...หรือผู้หญิงอื่น”

“ถ้าหมายถึงหญิงก้อย ก็หมายถึงยังเป็นญาติกันอยู่พ่ะย่ะค่ะ”

“อ้อ...เดี๋ยวนี้มาทำเล่นลิ้นกับป้า ไปลับฝีปากกับใครมาจากไหน”

“เกล้าเป็นนักการทูต ก็ต้องมีวาทศิลป์อยู่บ้างสิพ่ะย่ะค่ะ”

“หรือว่าตอนนี้เธอไปชอบใครอื่นอีก”

“โธ่...ถ้าเกล้าไปชอบใคร ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมาชอบเกล้านะพ่ะย่ะค่ะ”

“เธอน่ะเจ้าเสน่ห์จะตายไป ทำไมเขาจะไม่ชอบเธอตอบ เอ๊ะ...นี่ตกลงมีใครอื่นอีกจริงหรือ”

คุณชายรองมีท่าทางอึกอัก ยิ่งเมื่อเสด็จฯรับสั่งถึงสองพี่น้องจากบ้านราชดำริว่าเป็นเด็กดี ยิ่งไม่สบายใจ จนต้องทูลถามอย่างหมดทางเลือก “แล้วถ้าคุณศรีไปรักคนอื่นแล้วล่ะพ่ะย่ะค่ะ”

เสด็จฯทรงกลั้นยิ้มแทบแย่ เมื่อได้ยินคำถามของหลานชายคนโปรด จนเมื่อได้เจอหน้าหลานชายคนเล็กในเวลาต่อมา เลยแกล้งถามว่าเขาตีสนิทกับศรีจิตราเพื่อหาทางเข้าหาสาลินใช่หรือไม่

“เอาไว้ป้าจะนัดสาลินให้เจอแกอีกดีไหม”

คุณชายเล็กมีสีหน้าอึดอัด เสด็จฯกับคุณชายรองเลยหยุดแกล้ง และถามถึงดอกกุหลาบของศรีจิตราในมือแทน

“เขาถึงกับให้กุหลาบแดงแจ้งรักกับแกหรือ”

“เขาอาจจะฝากผมมาให้พี่รองก็ไม่รู้ เอาไหมพี่รอง”

“เขาให้นาย...ก็ต้องเป็นของนายสิ”

ooooooo

คุณชายรองดำเนินการตามแผนขั้นต่อไป ด้วยการออกเดตกับคุณหญิงก้อยอีกครั้ง และคืนนี้เขาก็เลือกไนต์คลับหรูเป็นสถานที่พลอดรัก จนอัศนีย์กับพวกวิรงรองถึงกับตะลึง ไม่อยากเชื่อตาตัวเอง

แต่ฉากรักแสนหวานก็ไม่น่าตกใจเท่าสิ่งที่คุณชายรองประกาศ เมื่อจู่ๆราชนิกุลหนุ่มก็โผกอดอัศนีย์แน่น พร้อมกับเอ่ยขอบคุณถึงสิ่งที่อีกฝ่ายทำเพื่อเขากับคุณหญิงก้อย

“บอกหญิงไปสิครับ เรื่องที่คุณปรารถนาดีกับเรา อยากให้เราคืนดีกัน พวกคุณร่วมมือกันทั้งหมด หรือจะให้ผมบอกเอง คืออย่างนี้นะหญิง คุณอาร์นี่เขาส่ง...”

คุณหญิงก้อยตาโต อยากรู้ขึ้นมาทันที วิรงรองกลัวความแตกเลยแกล้งดึงราชนิกุลสาวไปอีกทาง เปิดโอกาสให้อัศนีย์เคลียร์กับคุณชายรองตามลำพัง

“ผมส่งอะไรคุณชาย”

“รู้อยู่แก่ใจ ไม่น่ามาย้อนถาม อุบายตื้นๆแบบนี้ไม่น่าทำเลย ไม่นึกหรือว่าความมันจะแตกง่ายๆ ถ้าผมบอกปฏิเสธหญิงไปว่าผมไม่ได้ส่งทั้งสร้อย ทั้งดอกไม้ หญิงต้องมาเอาเรื่องพวกคุณทันที”

พวกวิรงรองยังเชิดหน้า ยืนกรานว่าไม่รู้เรื่อง คุณชายรองเลยต้องใช้ไม้ตาย

“อย่าปากแข็งเลยครับ ผมสืบมาหมดแล้ว ทั้งร้านที่พวกคุณไปซื้อ ทั้งราคาเพชร ไข่มุก ของปลอมทั้งนั้น”

อัศนีย์หน้าเจื่อน เสียหน้าอย่างแรง เช่นเดียวกับพวกวิรงรอง หมดทางจะแก้ตัว แต่ก็ไม่วายสงสัย เหตุใดคุณชายรองถึงยอมรับสมอ้างและไม่บอกความจริงกับคุณหญิงก้อย

“งานนี้ทำให้ผมได้กลับมารื้อฟื้นความหลังกับหญิงอีกครั้ง”

“ตกลงคุณคืนดีกับหญิงจริงๆ แล้วสาลินที่คุณจีบอยู่ล่ะ”

คุณชายรองตีหน้านิ่ง แกล้งหลอกให้อัศนีย์ได้ใจ “หลังจากที่เธอหันไปเดทกับคุณบ่อยๆ ผมก็รู้แล้วว่าเธอไม่มีเยื่อใยกับผมเลย ผมถึงเห็นค่าของหญิงก้อยขึ้นมาไง เป็นอีกเรื่องที่ผมต้องขอบคุณ”

“หมายความว่าคุณจบกับสาลินแล้ว”

“เราต่างกันมาก แล้วดูเหมือนเธอจะสนใจคุณมากกว่าผม”

อัศนีย์ยิ้มมั่นใจ “มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว”

เป็นอันว่าคุณหญิงก้อยก็ยังไม่รู้ความจริงเรื่องแผนของพวกอัศนีย์ เช่นเดียวกับคุณชายรอง หลอกทุกคนสำเร็จ ว่าเขาอยากคืนดีกับราชนิกุลสาวจริงๆ ส่วนศรีจิตรา...ไม่สนว่าใครจะหลอกใคร มัวมุ่งมั่นกับการหาทางบอกความในใจกับคุณชายเล็ก และหนังสือนิทานเวตาลที่เขานำมาให้เมื่อหลายวันก่อน ก็ทำให้เธอเกิดความคิดบางอย่าง...

ooooooo

และแล้ววันสำคัญก็มาถึง ศรีจิตราเตรียมตัวแต่เช้า แต่งชุดสวยนั่งรอคุณชายเล็กที่ศาลากลางสวน พร้อมสำหรับละครฉากใหญ่ คุณชายเล็กได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของเหล่าสาวใช้ในวังก็แอบดู แล้วก็ถึงกับตะลึง เมื่อได้เห็นศรีจิตรามาดใหม่ สวยงามและงดงามราวกับนางในวรรณคดี
ศรีจิตรารวบรวมความกล้า ใช้เสน่ห์ทั้งหมดที่มี เชื้อเชิญให้คุณชายเล็กอยู่ฟังนิทานเวตาล เรื่องราวของราชบุตรนามว่าวัชรมุกุฎ ที่ดันไปตกหลุมรักหญิงสาวคนหนึ่ง ระหว่างเดินชมสระบัว พร้อมกับสหายเจ้าปัญญาชื่อพุทธิศริระ

หญิงสาวงามปริศนาคนนั้น ไม่ได้เอ่ยวาจาใดๆกับราชบุตรเลย แต่กลับแสดงท่าทางบางอย่าง เริ่มจากการเก็บดอกบัวมาประนมไว้แล้วชูขึ้นไหว้ฟ้า ต่อจากนั้นก็ลดมือ เอาดอกบัวนั้นทัดหู ดึงออกแล้วใช้ฟันกัด ทิ้งลงกับพื้นแล้วใช้เท้าเหยียบ ก่อนจะหยิบขึ้นมาอีกครั้งแล้ววางแนบกลางอก
ระหว่างที่เล่า ศรีจิตราก็ทำท่าประกอบด้วย จนคุณชายเล็กถึงกับเคลิ้ม หลงเพริศไปกับเสน่ห์แสนหวาน ของนักเล่านิทานสาว ศรีจิตราส่งยิ้มหวานตบท้าย ก่อนจะหน้าเจื่อน เมื่อเขาถามว่าสิ่งที่สาวงามคนนั้นทำแปลว่าอะไร

“พระราชบุตรไม่ฉลาดนัก ไม่เข้าใจความ เจ้าชายจึงเล่าให้พระสหายฟัง ถึงปริศนาที่นางทำ พุทธิศริระคิดนิดเดียว ก่อนจะทูลว่าเมื่อนางยกดอกบัวไหว้ฟ้า คือนางขอบคุณทวยเทพที่ให้ได้พบพระองค์ เมื่อทัดหู เพื่อบอกว่านางเป็นชาวเมืองกรรณาฎกะ เมื่อนางขบดอกบัวด้วยทนต์ แสดงว่านางเป็นธิดาท้าวทันตวัต เมื่อนางเหยียบดอกบัว เพื่อแสดงว่านางคือเจ้าหญิงปัทมาวดี และที่นางเอาดอกบัวแนบอุระ แปลว่าบัดนี้...พระองค์สถิตในใจนาง”

เล่าจบก็สบตาเขานิ่ง มาลากับวรรณาที่นั่งฟังอยู่ด้วย อดไม่ได้ โพล่งขึ้น

“ผู้หญิงอะไรเปรี้ยวจริง บอกรักผู้ชายก่อน”

แต่คุณชายเล็กก็ยังไม่รู้เรื่อง จนแล้วจนรอด “เฮ้อ...ผู้หญิงนี่มีวิธีบอกรักพิสดารจังนะครับ”

ศรีจิตราถึงกับถอนใจเฮือกใหญ่ สวนกลับปลงๆ “ก็บอกถึงขนาดนี้ เจ้าชายก็ยังไม่รู้เรื่องนี่คะ”

ฝ่ายคุณหญิงก้อย...เจ็บใจท่าทางแข็งกร้าวของสองพี่น้องบ้านราชดำริมาก เลยเอาคืนด้วยการนำภาพคู่ของเธอกับคุณชายรองไปลงหนังสือพิมพ์ คุณสอางค์เปิดมาเจอก็ทนไม่ไหว แล่นไประบายกับน้องสาวด้วยความอึดอัด คุณสร้อยเลยถึงกับเต้นผาง และพาลไปลงกับอุ่นเรือน

“นี่แหละน้า คนมันเป็นไพร่ เอามาขัดเกลายังไง กลิ่นโคลนท้องร่องท้องสวนก็ยังอยู่ เชอะ...คิดว่ามีวาสนา แต่ลงท้ายก็คงกลับมาเกาะฉันกินเหมือนเดิม”

อุ่นเรือนคอแข็ง โต้กลับเสียงเรียบ “แต่มันไม่ใช่ความผิดของแม่ศรีนะคะ”

“ผิดสิยะ ผิดที่มันไม่เชื่อฉัน ฉันให้มันแต่งจริตกระบิดกระบวนยวนยั่วคุณชายรอง มันก็บิด แต่เป็นบิดตะกูด สนิมสร้อย เหนียมอาย งอมืองอตีน แม่คุณหญิงก้อยร้อยมาลัยนั่นถึงได้แย่งไป”

อุ่นเรือนโกรธมาก ตั้งท่าจะเถียงแทนลูกสาวอีกรอบ แต่ก็ไม่ทันคุณสร้อยตามเคย

“นี่...อย่ามากล้าดีเถียงฉันนะยะ เดี๋ยวเสด็จฯก็คงทรงไล่มันกลับมา ฮึ...เสียขมิ้นดินสอพองไปเป็นหาบๆ อย่างนี้ต้องส่งไปอยู่ก้นสวนกับนังน้องสาวชะนีดงนั่น วันๆให้ตักอึรดผักให้เหม็นฉาวโฉ่อยู่นั่นแหละดี”

พูดจบก็หันไปขอเสียงสนับสนุนจากพี่สาว แต่ก็ต้องผงะ เมื่อคุณสอางค์ส่งสายตาดุดันมาให้แทน อุ่นเรือนมองมาด้วยแววตานิ่งสงบ ทั้งที่ในใจแอบสะใจอย่างช่วยไม่ได้ แต่กระนั้น...ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ต้องหาทางคุยกับลูกสาวให้ได้

ooooooo

เนกไทสีสวยจากร้านคุณชายรองบนโต๊ะทำงาน ไม่ทำให้ไนเจลหายงอน เคืองไม่หายที่จิตริณีหมกมุ่นเรื่องอัศนีย์ จนไม่มีเวลาสนใจเขา และคนรับกรรมหนักสุด คงหนีไม่พ้นพนักงานทุกคนในห้องสมุด กลายเป็นที่รองรับอารมณ์ขึ้นๆลงๆ แถมต้องปั่นงานอย่างบ้าคลั่ง เพราะไนเจลหัวเสียแล้วบ้างานตลอดเวลา

แต่ถึงยุ่งแค่ไหน ภาพถ่ายของคุณหญิงก้อยกับคุณชายรองก็ทำให้ทุกคนซุบซิบกันด้วยความเป็นห่วงสาลินเหมือนเคย แต่บรรณารักษ์สาวบ้านสวนกลับมีสีหน้าเรียบเฉย มัวคร่ำเคร่งกับงานจนทุกคนพูดไม่ออก

คุณชายรองก็เป็นห่วงสาลินไม่แพ้กัน แต่เพื่อแผนการที่คิดไว้ เลยสวมบทคุณชายหนุ่มผู้คลั่งรักต่อ ด้วยการประกาศต่อหน้าแม่และทุกคนที่ตำหนักเล็ก จะยกเลิกงานหมั้นกับศรีจิตราและแต่งงานกับคุณหญิงก้อย หม่อมอำพันเต้นผาง กลัวว่าการกระทำของลูกชายคนรองจะทำให้ถูกเสด็จฯเฉดหัวจากวังวุฒิเวสม์

“ผมทราบครับ...อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด”

“อ้อ...ดีนะ ลำพังตัวเองน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่แม่ พี่ๆ น้องๆอาจจะถูกเฉดหัวออกไปทั้งหมด ทีนี้ล่ะไม่มีหลังคาคุ้มกะลาหัว เธอสนใจบ้างไหม”

คำพูดของหม่อมอำพัน ทำให้ทุกคนที่ตำหนักเล็กเริ่มมองหน้ากันเครียดๆ แต่คุณชายรองก็ไม่เปลี่ยนใจ

“ลำบากกันเสียบ้างก็ดีครับ พวกเราสบายกันจนเคยตัวแล้ว ผมขอตัว”

“อ้าว...พูดอย่างนี้ก็ว่าแม่น่ะสิ ใช่ไหมชายโตนมย้อย เจ้าเล็ก ชายรองว่าแม่ใช่ไหม”

ไม่มีใครตอบคำถามนี้ของหม่อมอำพัน คุณชายโตรับสภาพด้วยท่าทางนิ่งสงบ แถมกำชับจรวยไม่ให้วุ่นวายมากกว่านี้ ถ้าไม่อยากถูกทิ้ง ต่างจากคุณชายเล็ก เป็นเดือดเป็นร้อนมากมาย แต่ไม่ใช่เพราะจะถูกไล่จากวัง แต่เป็นเพราะคำประกาศกร้าวของพี่ชายที่จะยกเลิกงานหมั้นกับศรีจิตรา

“มันเป็นเรื่องดีจะตาย เขาจะได้เป็นอิสระจากฉัน เขาจะได้ไปรักคนอื่นไง”

คุณชายรองตอบกลับยิ้มๆ ก่อนจะหน้าเคร่ง เมื่อน้องชายสวนกลับ และพาดพิงถึงสาลิน

“สาลินมาเกี่ยวอะไรด้วย”

“เกี่ยวสิ เพราะคุณสาคือเงาที่ครอบครองใจพี่รองอยู่ในตอนนี้”

“นี่ช่างรู้ใจฉันจริงนะ”

“รู้สิครับ แล้วผมรู้ด้วยว่าพี่รองเองก็ตัดใจจากคุณสาไม่ได้ ผมว่าพี่รองกับหญิงก้อยไปด้วยกันไม่รอดแน่ พี่รองไม่ลองสำรวจจิตใจตัวเองอีกสักหนเหรอ”

“นายเล็ก ก่อนจะเตือนฉัน ไปสำรวจใจตัวเองให้ดีซะก่อนดีกว่าไหม ว่านายรักใครหรือไม่รักใคร”

“ผมรู้ใจตัวผมเองดีอยู่แล้วครับ”

“อย่าแน่ใจนักนะนายเล็ก เพราะฉันก็เคยแน่ใจเหมือนนายในตอนนี้ ว่าฉันรักใคร เกลียดใคร แต่เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งที่ฉันเคยรู้ สิ่งที่ฉันเคยเชื่อ สิ่งที่ฉันเคยรู้สึก มันกลับตาลปัตรกันไปหมด”

ooooooo

เพราะภาพข่าวบ้าๆระหว่างคุณหญิงก้อยกับคุณชายรองแท้ๆ ทำให้ชีวิตสาลินวุ่นวาย ไหนจะถูกญาติพี่น้องเล่นงาน เพื่อนร่วมงานก็สอบสวน ไม่หยุดหย่อน จนเธอแทบไม่เป็นอันทำงาน จิตริณีคิดว่าทุกอย่าง แปลกๆ และเมื่อได้คุยกับสาลินอย่างจริงจัง เลยมั่นใจว่าทุกอย่างเป็นแผนของอัศนีย์แน่

สาลินไม่อยากเชื่อข้อสันนิษฐานของจิตริณีนัก แต่ก็อดเก็บไปครุ่นคิดจนถึงเวลาเลิกงานไม่ได้ คุณชายรองซึ่งมาดักรอ เห็นท่าเธอก็อยากจะลากตัวมาคุยให้รู้เรื่อง แต่ไม่ทันขยับ ก็ถูกอัศนีย์ตัดหน้า

อัศนีย์ทวงสัญญาให้เธอไปทำงานด้วย เพราะเรื่องระหว่างคุณชายรองกับคุณหญิงก้อยก็เป็นจริงแล้ว แต่บรรณารักษ์สาวก็ลังเล อัศนีย์พอเดาได้ แต่ก็ไม่อยากกดดัน เลยเสนอตัวไปส่งเธอที่บ้านสวนแทน

สาลินไม่เต็มใจนัก แต่เมื่อถูกเขาเย้าเรื่องคุณชายรองเทียวรับเทียวส่งเธอบ่อยๆ เลยยอมแบบเสียไม่ได้ ระหว่างทาง เขาเลยถือโอกาสจีบและเล่าเรื่องชีวิตคู่กับคุณหญิงก้อย ซึ่งสาลินก็รับฟังผ่านๆ ก่อนจะบอกให้เขาจอดรถที่ปั๊มน้ำมันของพุดซ้อน เพราะไม่อยากให้เขาไปส่งถึงบ้านสวน

แต่ถึงจะกันท่าแค่ไหน อัศนีย์ก็พยายามหาทางตามหาบ้านสวนของเธอจนได้ สาลินระแวงอยู่แล้ว เลยส่งแกะมาตั้งรับ พร้อมกับรวมหัวกันหลอกเขาจนตกท้องร่อง ก่อนจะช่วยกันส่งตัวเขาคืน ให้พุดซ้อนกับชบาดูแลแทน

เช้าวันรุ่งขึ้น...สาลินก็ตัดสินใจไปเยี่ยมพี่สาวที่วังวุฒิเวสม์ คุณสอางค์ต้อนรับหลานสาวคนเล็กอย่างดีพร้อมกับกำชับไม่ให้ทูลเสด็จฯเด็ดขาดเรื่องภาพคู่ของคุณหญิงก้อยกับคุณชายรอง สาลินรับปาก เพราะไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่เช่นกัน แค่ที่ศรีจิตราต้องมาทนเรื่องบ้าๆนี้ก็เกินพอแล้ว

แต่ที่ทุกคนไม่รู้ คือศรีจิตราสบายและโล่งใจมาก ไม่กังวลหรือเศร้าใจเลย เพราะไม่ได้คิดอะไรกับคุณชายรอง นอกจากเป็นห่วงน้องสาวเท่านั้น คุณชายเล็กไม่รู้เรื่อง และคิดว่าเธอเพิกเฉยเพราะกำลังสะเทือนใจ เลยพยายามจะปลอบ แต่นอกจากเธอจะไม่ฟังแล้ว ยังบอกไม่ให้เขาคิดมากอีกต่างหาก

สาลินได้เจอพี่สาวหลังจากนั้นไม่นานจึงได้รู้ว่าคุณชายเล็กเป็นห่วงพี่สาวไม่น้อย เลยคิดอยากเจอหน้าให้รู้แล้วรู้รอด ศรีจิตรานิ่วหน้า เพราะเข้าใจว่าน้องสาวรู้จักกับคุณชายเล็กที่งานเต้นรำแฟนซีหน้ากากแล้ว

“สาบอกความจริงก็ได้ สาไม่เคยเจอคุณชายเล็กหรอกพี่ศรี”

“อะไร...ก็สาเต้นรำกับเขาอยู่เป็นนานสองนาน”

“นั่นไม่ใช่คุณชายเล็กหรอกค่ะ นั่นคือคุณพล”

“เพ้อเจ้อแล้วสา พี่ยังเต้นรำกับคุณชายอยู่เลย”

“พี่ศรีเต้นกับคุณพลนั่นแหละ เขาใส่หน้ากาก พี่ศรีเลยไม่รู้ไง ในงานน่ะ...คุณพลแต่งตัวเป็นคู่แฝดกับคุณชายเล็ก เหมือนกันเปี๊ยบ เลยไม่มีใครสงสัย...แม้แต่เสด็จฯ”

ศรีจิตรานิ่งคิด ก่อนจะพึมพำ “อย่างงั้นหรือสาแสดงว่าเขาหลอกเก่งนะ...”

สาลินไม่ได้ติดใจคำพูดของพี่สาว มัวหมกมุ่นกับความคิดตัวเอง เรื่องคุณชายรองคืนดีกับคุณหญิงก้อย เพราะตั้งแต่เกิดเรื่อง เขาก็ไม่โผล่หน้ามาให้เห็นอีกเลย เสด็จฯทรงดูออก เลยถือโอกาสที่สาลินมาเฝ้าเพื่อขอประทานหนังสือไปบริจาคห้องสมุด จัดแจงให้ได้เจอกับคุณชายรอง

หนังสือมากมายตรงหน้าทำให้สาลินเพลิดเพลิน ก่อนจะตกใจแทบผงะ เมื่อเจอคุณชายรองในระยะประชิด

คุณชายรองส่งสายตาวิบวับ ก่อนจะเย้า “ขวัญอ่อนจริง...หรือว่าวางแผนจะขโมยหนังสือต้องห้ามอยู่”

“ฉันตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะเป็นคุณ”

“แล้วเธออยากให้เป็นใครล่ะ นายเล็กหรือ”

“ที่ฉันบอกว่าไม่คิดว่าเป็นคุณ เพราะช่วงเวลานี้ คุณน่าจะไปรับคุณหญิงก้อยไปเริงราตรีอยู่”

“ฉันเป็นคนดูแลห้องสมุดให้เด็จป้า ยังไงธุระของเด็จป้าก็ต้องสำคัญกว่าอย่างอื่น”

พูดจบก็สบตานิ่ง จนสาลินหน้าร้อนผ่าวด้วยความเขิน... อดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าธุระที่ว่านั้นหมายถึงเธอ

ooooooo

สะใภ้จ้าว

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด