ตอนที่ 13
ชานนท์กลับมาที่ห้องทำงานตัวเองอย่างลุ้นระทึก แหวนที่มนัสขายให้จะใช่แหวนวงเดียวกันกับที่เฉลิมให้สุภาหรือเปล่า เขาตรงดิ่งไปเปิดลิ้นชักหยิบแหวนวงนั้นขึ้นมาพลิกหาสัญลักษณ์ที่เฉลิมว่าแล้วต้องตะลึง
“ใช่แหวนของคุณอาเฉลิมจริงๆ รสาไม่เคยโกหก”
ครู่ต่อมา ชานนท์นำแหวนวงนั้นมาให้เฉลิมดูถึงที่ห้องพักฟื้น เขาเห็นแหวนเต็มตาถึงกับมือไม้สั่นจำได้แม่นว่าเป็นแหวนของตัวเองที่มอบให้สุภา ชานนท์สรุปถ้าเช่นนั้นก็เป็นไปได้ว่ารสาอาจเป็นลูกของเขาจริงๆ
“แหวนของรสาเหรอ แล้วทำไมรสาไม่โชว์หลักฐานชิ้นนี้ตั้งแต่แรก ทำไมแหวนวงนี้ถึงมาอยู่กับนนท์ได้ล่ะ”
ชายหนุ่มเล่าให้ฟังว่าซื้อแหวนวงนี้มาจากมนัสยามที่บริษัทของเขา ซึ่งเป็นพี่ชายของรสาเป็นลูกชายคนโตของสุภา เฉลิมตั้งข้อสังเกตถ้าสุภามอบแหวนวงนี้ให้มนัสแทนที่จะให้รสาก็แสดงว่าเธอไม่ใช่ลูกของตน ชานนท์จำได้รสาเคยบอกว่ามีหลักฐานจะมาแสดงกับเฉลิมแต่อยู่ๆเธอก็หาหลักฐานที่ว่าไม่ได้
“ผมว่าเบื้องหลังจะต้องมีอะไรแน่”
“งั้นนนท์ไปสืบเบื้องหลังที่ว่านี้ให้อาทีได้ไหม ถือซะว่าได้ทำให้คนแก่ใกล้ตายอย่างอาจะได้ตายตาหลับ” เฉลิมพูดจบส่งแหวนคืนให้ชานนท์ เป็นจังหวะเดียวกับวรรณฤดีและธัชชัยเปิดประตูห้องเข้ามา เธอตาไวเห็นแหวนที่เฉลิมส่งให้ชานนท์ ถามว่านั่นแหวนอะไร ท่านโกหกว่าเป็นแหวนของชานนท์ เห็นสวยดีก็เลยขอดู ไม่มีอะไรน่าสนใจ วรรณฤดีจะขอดูบ้าง ชานนท์รีบเก็บแหวน ไหว้เฉลิมแล้วขอตัวกลับก่อน เธอรอจนเขาไปพ้นแล้ว
“เรื่องที่คุณพ่อให้ทนายทำพินัยกรรมไปถึงไหนแล้วคะ”
เฉลิมได้แต่นั่งนิ่งไม่พูดอะไร ในเวลาต่อมาระหว่างเดินกลับไปขึ้นรถ ธัชชัยเตือนวรรณฤดีน่าจะอยู่เป็นเพื่อนคุณพ่อนานกว่านี้หน่อย มาแค่ห้านาทีสิบนาทีแล้วกลับ ท่านจะหาว่าเราไม่เต็มใจมา อีกอย่างหนึ่งเธอไม่ควรถามเรื่องพินัยกรรมทุกครั้งที่เจอหน้าท่าน แทนที่จะฟังคำเตือน วรรณฤดีกลับเล่นงานสามีตัวเองยกใหญ่ เขาแค้นใจมากแต่ต้องเก็บอารมณ์เอาไว้...
เมื่ออยู่ลำพังกับตัวเอง เฉลิมครุ่นคิดหนักเรื่องที่วรรณฤดีเอาแต่ถามถึงเรื่องพินัยกรรม ไม่เคยถามสักคำว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง ผิดกับรสาที่ดูจะห่วงใยเขามากกว่า
ooooooo
ทันทีที่กลับถึงออฟฟิศ ชานนท์สั่งให้บงกชตามมนัสมาพบด่วนที่สุด คนถูกเรียกตัวเกิดอาการวัวสันหลังหวะ คิดไปต่างๆนานาทำไมเจ้านายต้องเรียกไปพบอีก หรือแหวนที่ตัวเองขายให้เป็นแหวนปลอม
“กูไม่น่าอมของมันเลย คุณชานนท์จะจับกูส่งตำรวจหรือเปล่าวะเนี่ย” มนัสบ่นอุบ ครั้นมาถึงหน้าห้องทำงานของเจ้านาย พยายามตะล่อมถามบงกชว่าชานนท์เรียกตนมาทำไมรู้หรือเปล่า
“ไม่รู้ ก็พี่มนัสทำอะไรผิดมาล่ะ”
มนัสเสียวสันหลังวูบหรือว่าแหวนวงนั้นเป็นแหวนปลอมอย่างที่คาดไว้ พาลจะเดินหนีดื้อๆ บงกชตะครุบแขนเขาไว้ เจ้านายรออยู่ แล้วลากเขาเข้าไปในห้อง...
ชานนท์เห็นบงกชพามนัสมาส่งแล้วยังยืนเฉย รีบบอกว่ามีธุระส่วนตัวจะคุยกับเขา เธอรู้ตัวว่าโดนไล่ทางอ้อมจำต้องเดินออกไป ทันทีบงกชปิดประตูห้อง ชานนท์หันไปถามมนัสว่าแหวนที่ขายให้ตนเป็นของใคร เขายืนกรานว่าได้รับมรดกจากแม่ ชานนท์ไม่เชื่อ ถ้าเป็นมรดกจริง รสาก็ควรจะได้รู้ว่ามีแหวนวงนี้อยู่
“อย่าบอกนังรสามันนะครับ” มนัสละล่ำละลัก ชานนท์ต่อรองถ้าไม่อยากให้รสารู้เรื่อง เขาต้องบอกที่มาที่ไปของแหวนวงนี้ให้ฟัง เผื่อสักวันมีคนมาอ้างตัวเป็นเจ้าของแหวน ตนจะได้ตั้งรับถูก ชานนท์พูดหลอกล่อจนมนัสหลุดปากว่าหลังจากแม่ตาย เขาไปเจอแหวนวงนี้ก็เลยเอามาเป็นของตัวเองโดยที่รสาไม่รู้
“แล้วใครครับที่อ้างว่าเป็นแหวนของเขา ผมกล้าสาบานว่านี่เป็นแหวนของแม่จริงๆ”
“เจ้าของคนเดิมคือคนที่ให้แหวนวงนี้กับแม่นาย”
มนัสอยากรู้มากว่าเป็นใคร แต่ชานนท์ไม่ยอมบอก
ooooooo
ชานนท์แวะไปหาเฉลิมที่ห้องพักฟื้นแต่เช้า เล่าเรื่องที่มนัสสารภาพว่าสุภาไม่ได้ให้แหวนวงนี้กับเขา แต่เก็บไว้ในกล่องเก็บข้าวของ พอเธอตาย มนัสไปค้นเจอก็เลยยึดไปเป็นสมบัติของตัวโดยไม่บอกรสา
“ทำไมสุภาไม่ให้รสาก่อนตาย ถ้ารสาถือแหวนมาพบอา เปอร์เซ็นต์ที่อาจจะเชื่อรสาก็จะสูงขึ้นจากที่อาไม่เชื่อเลย คิดแต่ว่ารสาเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ แต่ตอนนี้อาก็ยอมรับว่าอาเริ่มเชื่อบ้างแล้วว่ารสาอาจจะเป็นลูกของอาอีกคนหนึ่งจริง”
“แล้วช่วงนี้รสาเธอมาพบคุณอาบ้างหรือเปล่า”
เฉลิมเห็นเธอมาหาช่วงแรกๆ แต่ตอนนี้หายไป ชานนท์อาสาจะไปดูให้ว่าเธอหายไปไหน ครู่ต่อมาชานนท์มาหารสาที่ร้านเสื้อ เธอไม่อยากเจอเขาพยายามจะหลบหน้าแต่ไม่สำเร็จ เขาอยากคุยกับเธอเรื่องแม่ของเธอ อยากรู้ว่าท่านพูดอะไรเกี่ยวกับเฉลิมบ้าง รสาสงสัยทำไมอยู่ๆเขาถึงอยากรู้เรื่องนี้ขึ้นมา เขามีหลักฐานบางอย่างที่อาจจะช่วยพิสูจน์ได้ว่าเธอเป็นลูกอีกคนหนึ่งของเฉลิม รสาชั่งใจจะเล่าให้ฟังดีไหม สุดท้ายเธอยอมเปิดปากเล่าว่าแม่สั่งเสียให้เธอไปพบเฉลิม และบอกว่าเธอเป็นลูกอีกคนหนึ่งของท่าน
“แม่บอกให้ฉันนำแหวนมาเป็นหลักฐานต่อท่าน แต่ฉันหาแหวนนั่นไม่พบ พี่มนัสเก็บของของแม่ไปหมด”
“คุณคิดว่าถ้าคุณอาเฉลิมได้เห็นแหวนที่แม่คุณบอก ท่านจะยอมรับว่าคุณเป็นลูกเหรอ”
รสาส่ายหน้าแทนคำตอบ แต่อย่างน้อยก็คงจะทำให้คำพูดของเธอน่าเชื่อถือมากขึ้น แต่มันไม่จำเป็นอีกแล้ว เธอไม่สนใจแล้วว่าเฉลิมจะยอมรับเธอหรือไม่ยอมรับ ตอนนี้เธอสนใจแค่อยากให้ท่านหายป่วย ได้มีชีวิตยืนยาว ได้อยู่ดูลูกหลานเติบโต ชานนท์มองเธออย่างชื่นชม
“ผมอยากให้คุณไปเยี่ยมท่าน ผมว่าตอนนี้ คุณอาเฉลิมคงอยากพบคุณ”
จากนั้นไม่นานรสามายืนอยู่ตรงหน้าเฉลิมที่ยังคงนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ท่านยอมรับว่ามองเธอผิด ตอนนี้ท่านรู้แล้วว่าเธอไม่ใช่พวกสิบแปดมงกุฎ แต่อาจจะเป็นลูกของท่าน รสาไม่สนใจเรื่องที่ตัวเองจะเป็นลูกของเฉลิมไหม ตอนนี้เธอห่วงแต่เรื่องสุขภาพของท่านมากกว่า เฉลิมมองเธออย่างตื้นตันใจ อดเปรียบเทียบกับวรรณฤดีไม่ได้ที่ห่วงแค่สมบัติของท่าน แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไร คนที่เฉลิมนึกถึงเดินนำธัชชัย เปรมจิตและศศิกานต์เข้ามาในห้อง ถึงกับชะงักเมื่อเห็นรสาอยู่ที่นั่น
“เอ๊ะ แม่นี่ ต้องให้ฉันทุบตีอย่างวัวอย่างควายใช่ไหมหล่อนถึงจะหายดื้อด้าน เลิกมาตอแยกับพวกฉันสักที” ไม่พูดเปล่าวรรณฤดีช่วยกันกับธัชชัยลากตัวรสาไปที่ประตู เฉลิมตวาดลั่นให้พอได้แล้ว รสาเป็นแขกของท่าน และท่านมีเรื่องอยากจะคุยกับเธอ วรรณฤดีปรี๊ดแตกชี้หน้าคู่อริอย่างเอาเรื่อง
“แก...แกมาหลอกอะไรคุณพ่ออีกหา คุณพ่อถึงได้เปลี่ยนท่าทีเป็นคนละคนอย่างนี้”
เฉลิมเสียงเข้ม รสาไม่ได้มาหลอกอะไร ต่อไปนี้ให้ถือว่าเธอเป็นน้องอีกคนหนึ่ง ไม่ใช่คนอื่น แล้วขอร้องให้วรรณฤดีเห็นแก่ท่านซึ่งจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ช่วยทำให้ท่านสบายใจหน่อยได้ไหม วรรณฤดีประกาศลั่นไม่มีวันทำอย่างที่พ่อขอร้องได้ ท่านทำแบบนี้เท่ากับชักศึก เข้าบ้าน สักวันจะต้องเสียใจ แล้วเดินกระแทกเท้าปังๆออกไป ธัชชัยรีบเดินตามต้อยๆ วรรณฤดีอารมณ์เสียไม่เลิกบ่นกับสามีไม่รู้ว่าพ่อเป็นบ้าอะไร อยู่ๆถึงจะให้เธอไปนับญาติกับนังรสา
“แต่ผมว่าเรื่องนี้มันต้องมีเหตุผลครับ และเหตุผลนั้นผมว่าคุณนนท์ต้องรู้” ธัชชัยสีหน้ามั่นใจ...
ทางด้านศศิกานต์เห็นพ่อพูดจาภาษาดอกไม้กับรสาก็แปลกใจมาก ดึงตัวชานนท์ออกไปคุยกันนอกห้องว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ๆพ่อถึงยอมรับรสาง่ายดายอย่างนี้ เขาขอให้เธอไปถามท่านเอาเอง เขามีหน้าที่เพียงไปรับรสามาพบตามที่ท่านขอร้องเท่านั้น ศศิกานต์น้อยใจที่เขารู้อะไรแล้วไม่ยอมบอกกันบ้าง ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มมีรอยร้าว
ooooooo
เปรมจิตเล่าให้แม่จันฟังถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของเฉลิม ถึงขนาดให้วรรณฤดีนับรสาเป็นน้องเป็นนุ่ง เธอไม่รู้ว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แม่จันแนะในเมื่อเธอถามเหตุผลจากเฉลิมไม่ได้ และถามจากรสาไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นก็มีเพียงชานนท์คนเดียวเท่านั้นที่พอจะถามได้ จังหวะนั้นมีเสียงรถของศศิกานต์แล่นเข้ามา
“ยัยศศิกลับมาพอดี ศศิอาจจะรู้อะไรบ้างเพราะเห็นลากตัวตานนท์ออกไปคุยกันข้างนอก” เปรมจิตว่าแล้วเดินนำแม่จันไปถามเรื่องนี้จากลูกสาวคนเล็ก แต่ไม่ได้ความอะไรเพราะชานนท์ไม่ยอมบอกอะไร ให้เธอไปถามเรื่องนี้จากคุณพ่อเอาเอง เปรมจิตไม่สบายใจที่เฉลิมทำตัวมีลับลมคมใน...
ท่าทีที่เปลี่ยนไปของเฉลิมทำเอามธุรสกับบงกชเป็นงงเช่นกัน ตั้งข้อสังเกตว่าต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆถึงทำให้ท่านเป็นเยี่ยงนี้ รสาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ท่านเปลี่ยนไปมาก หรือมันอาจจะเกี่ยวกับเรื่องที่ชานนท์ว่ามีหลักฐานบางอย่างอยู่ในมือที่อาจจะพิสูจน์ได้ว่าเธอเป็นลูกของเฉลิมจริงๆ ยังไม่ทันจะมีใครพูดอะไรอีก มีเสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น บงกชชะโงกหน้าไปดูเห็นมนัสยืนอยู่ก็แปลกใจ
มนัสอยากรู้เรื่องแหวนจนหักห้ามใจไม่ไหวต้องบุกมาถามน้องสาวทั้งที่ค่ำแล้ว แหวนวงนั้นสำคัญอย่างไร ทำไมแม่ถึงต้องยกให้เธอ รสาขอแหวนคืนก่อนแล้วจะบอกเรื่องที่เขาต้องการรู้ มนัสไม่ยอมบอกจนกว่า
เธอจะบอกก่อนว่าแหวนวงนั้นสำคัญอย่างไรและใครเป็นคนให้แม่ รสาจำใจเล่าเรื่องแหวนให้ฟัง มนัสถึงกับตะลึง
“โห นังสาเอ๊ย แกนี่โชคดีเป็นบ้าเลยเว้ย แกมีพ่อเป็นถึงมหาเศรษฐี มีเงินใช้ไปทั้งชาติก็ไม่หมด มิน่าล่ะแกถึงได้ผิวขาวสวย หน้าตาดี ที่แท้แกก็เป็นลูกผู้ดีมีเงินนี่เอง แกได้ดิบได้ดีก็อย่าลืมพี่ชายต่างพ่อคนนี้ซะล่ะ”
“อย่าบ้าไปหน่อยเลยพี่มนัส ฉันก็ยังเป็นฉันคนเดิมนี่แหละ ทีนี้จะบอกได้หรือยังว่าตอนนี้แหวนอยู่ที่ไหน”
“ฉันขายไปแล้ว...” มนัสยังไม่ทันจะเล่าว่าขายให้ใคร บงกชโพล่งขึ้นเสียก่อนว่าเขาขายให้ชานนท์ ที่เธอรู้ก็เพราะวันก่อนเจ้านายเรียกมนัสมาพบ พอออกมาจากห้องเจ้านาย เธอเห็นเขามีเงินเป็นฟ่อน อย่างน้อยก็เป็นแสนบาท มนัสยอมรับว่าขายแหวนให้ชานนท์จริงๆ แต่บอกเพียงว่าขายให้แค่หนึ่งแสนบาทเท่านั้น รสาถึงบางอ้อทันที หลักฐานที่ชานนท์ว่าก็คือแหวนวงนี้นี่เอง เขาคงเอาแหวนไปให้เฉลิมดู นี่ถึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ท่านเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อเธอ บงกชอยากรู้รสาจะทำอย่างไรต่อไป
“พรุ่งนี้ฉันจะไปพบคุณชานนท์”
ooooooo
วรรณฤดีบุกมาหาชานนท์ถึงที่ทำงานแต่เช้าเพื่อถามว่าทำไมท่าทีที่พ่อของเธอมีต่อรสาเปลี่ยนไป เขาแนะให้ไปถามจากเฉลิมเอาเอง มาถามคนนอกอย่างเขาทำไม เธอถามแล้วแต่พ่อไม่ยอมบอก
“ก็แสดงว่าท่านไม่อยากให้เธอรู้ เมื่อท่านแสดงท่าทีว่าไม่อยากให้เธอรู้ ฉันก็ยิ่งไม่สมควรพูดอะไรอีก”
“อย่าบอกนะว่าตอนนี้เธอย้ายข้างไปอยู่ข้างเดียวกับนังรสามันแล้ว เอ๊ะ หรือว่าเธอไปนอนกับมันมาแล้ว ถึงได้เลือกที่จะอยู่ข้างมันยังงี้”
ชานนท์ไม่พอใจ ถ้าเธอพูดจาไม่ให้เกียรติคนอื่นแบบนี้ เราคงพูดกันไม่รู้เรื่อง แล้วบอกให้ธัชชัยพาเธอกลับไป ไม่อย่างนั้นตนจะให้ รปภ.มาเชิญ วรรณฤดีไม่ยอมไปไหนทั้งนั้นจนกว่าจะรู้เรื่องก่อน ธัชชัยต้องเตือน ให้เธอใจเย็นๆ อย่าลืมว่าตัวเองกำลังท้องอยู่ วรรณฤดี นึกขึ้นได้เดินกระแทกเท้าปังๆกลับไป...
วรรณฤดีเดินหน้าเครียดมารอลิฟต์โดยมีธัชชัยตามมาเอาใจ เธอกำลังอารมณ์เสียที่ถูกชานนท์เล่นงานแถมมีแต่คนเข้าข้างนังนั่น พอเห็นอภิรักษ์เดินออกจากลิฟต์ก็วีนใส่เขาว่าหลงนังลูกคนใช้จนไม่ลืมหูลืมตา แล้วเดินเข้าลิฟต์ไปหน้าตาเฉย อภิรักษ์ได้แต่ส่ายหน้าระอาใจที่เธอพาลไม่เลือก ก่อนจะเดินไปที่ห้องทำงานตัวเอง จึงไม่เห็นรสาที่เพิ่งเดินออกจากลิฟต์อีกตัวหนึ่ง ไม่กี่อึดใจถัดมา รสามายืนอยู่ตรงหน้าชานนท์
“เพื่อไม่ให้เสียเวลาคุณ ฉันขอเข้าประเด็นเลยนะคะ ฉันขอซื้อแหวนวงนั้นคืน”
ชายหนุ่มแปลกใจที่เธอรู้เรื่องแหวน เธอเฉลยว่ามนัสเป็นคนเล่าให้ฟังเมื่อคืนนี้ ชานนท์แปลกใจที่มนัสเป็นคนไม่ให้บอกเรื่องแหวนกับรสา แต่เขากลับเป็นคนบอกเสียเอง ตนเอาแหวนให้เฉลิมดูแล้ว ท่านยอมรับว่าเป็นแหวนที่ท่านให้กับสุภาจริงๆ
“พี่มนัสบอกฉันว่าเอาแหวนมาขายคุณในราคาหนึ่งแสนบาท ฉันเขียนเช็คมาให้คุณแล้วหนึ่งแสนบาท”
“ผมซื้อเขามาในราคาสองแสนนะ ไม่ใช่หนึ่งแสน”
รสาไม่มีเงินมากขนาดนั้น จะมัดจำไว้ก่อนหนึ่งแสนบาทส่วนที่เหลือขอผ่อนเป็นงวดๆได้ไหม ชานนท์สงสัยทำไมเธอถึงอยากได้แหวนวงนั้นนักในเมื่อเฉลิมยอมรับแล้วว่าเธอเป็นลูกอีกคนหนึ่งของท่าน
“ตอนนี้แหวนนั่นมันไม่เกี่ยวกับการพิสูจน์ว่าฉันใช่ลูกของท่านหรือไม่อีกแล้วล่ะค่ะ แต่ฉันอยากได้แหวนคืนมา เพื่อเป็นตัวแทนของแม่ เพราะสมบัติอื่นๆของแม่ ฉันยกให้พี่มนัสทั้งหมด ฉันขอแค่แหวนวงนี้วงเดียวล่ะค่ะ...ขอฉันดูแหวนนั่นหน่อยได้ไหมคะ”
ชานนท์เปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานหยิบแหวนวงนั้นยื่นให้ รสารับมามองอย่างพิจารณา พลางพึมพำในใจแหวนวงนี้นี่เองที่ตามหามานาน แหวนของเฉลิมที่ให้แม่เป็นค่าปลอบขวัญ อยู่ๆความเจ็บปวดแล่นขึ้นมาอัดแน่นในอกเมื่อนึกถึงสิ่งที่เฉลิมเคยทำไว้กับแม่ รสารู้สึกวิงเวียนจะเป็นลม ชานนท์เห็นท่าไม่ดีรีบประคองเอาไว้ เป็นจังหวะเดียวกับศศิกานต์เปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมกับบงกชถึงกับชะงัก
ภาพที่เห็นเหมือนชานนท์กำลังกอดรสาอยู่ ศศิกานต์ เสียใจมาก เจ็บจนพูดอะไรไม่ออก หันหลังเดินจากไปทั้งน้ำตา บงกชตะลึงกับภาพตรงหน้า พูดอะไรไม่ออกเช่นกัน รีบตามเธอไป แต่ยังไม่ทันจะปลอบอะไร อภิรักษ์เดินมาทักศศิกานต์เสียก่อน เธอไม่ทักทายตอบจ้ำพรวดๆ จากไป เขามองตามสีหน้างงๆแล้วหันไปถามบงกชว่าพี่นนท์อยู่ไหมจะขอพบ เธอแต่งเรื่องว่าตอนนี้ชานนท์ไม่สะดวกเพราะมีแขก
“คุณรักษ์กลับไปที่ห้องทำงานก่อนดีไหมคะ เดี๋ยวพอแขกบอสกลับไปแล้ว กชจะแจ้งบอสให้โทร.หา”
“ก็ดีเหมือนกัน ขอบคุณนะครับคุณกช”
บงกชมองตามอภิรักษ์ที่เดินกลับไปด้วยความโล่งใจ แล้วมองไปทางห้องเจ้านายสีหน้ากังวลใจ
ooooooo
รสาเริ่มได้สติ พอรู้ว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของชานนท์รีบเบี่ยงตัวออก เขาสงสัยพอเธอเห็นแหวนวงนี้ก็วูบไปทันที เธอคิดถึงแม่ คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น กับท่าน คิดว่าทำไมท่านถึงได้แหวนวงนี้มา ทีแรก เธอจะเล่าเรื่องอดสูที่เฉลิมทำไว้กับแม่ แต่แล้วเปลี่ยนใจพูดเรื่องเงินค่าแหวนแทนที่
“คุณรับเช็คแสนหนึ่งนั่นไว้ก่อนนะคะ ส่วนอีกหนึ่งแสนที่เหลือ ฉันขอผ่อนสักห้างวด งวดละสองหมื่น แต่ถ้าคุณจะเอามากกว่านั้นฉันคงไม่ไหว”
ชานนท์ขอให้เธอเก็บเรื่องเงินไว้พูดกันทีหลัง ส่วนแหวนวงนี้ ในเมื่อมันเป็นมรดกที่แม่ของเธอตั้งใจจะให้เธอ เขาก็จะให้เธอเก็บเอาไว้แล้วเอามันใส่มือ เธอขอบคุณเขามาก รับรองลูกหนี้คนนี้ไม่เบี้ยวเขาแน่ แล้วยกมือไหว้ลาเขาก่อนจะผละจากไป ชานนท์มองตามอาลัยอาวรณ์
ทันทีที่เจอหน้าเพื่อนรัก บงกชปรี่เข้ามาถามอย่างไม่อ้อมค้อมว่าเธอกับชานนท์รักกันใช่ไหม เธอยังไม่ทันจะอ้าปากปฏิเสธ บงกชชิงพูดขึ้นก่อนว่าเมื่อครู่นี้ตนเห็นเธอกอดกับเขา รสาอ้างตอนนั้นเธอเป็นลม
“จะเป็นลมหรือเป็นอะไรก็ไม่รู้ล่ะ แต่ฉันเห็นบอสกอดแก แล้วฉันก็ไม่ได้เห็นคนเดียว คุณศศิก็เห็น ถึงกับเดินร้องไห้ออกไป”
รสาร้อนใจมากเป็นห่วงความรู้สึกของศศิกานต์ รีบหยิบมือถือขึ้นมาโทร.หา เธอกำลังเศร้ากับภาพบาดตาก็เลยไม่ยอมรับสาย รสาไม่ยอมแพ้ส่งไลน์ไปหาเธอแทน
“กรุณารับสายฉันสักนิดเถอะนะคะคุณศศิ ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ”...
ขณะที่รสามีปัญหาคาใจที่จะต้องเคลียร์กับศศิกานต์ วรรณฤดีบุกไปที่ออฟฟิศของทนายของเฉลิม ข่มขู่ให้ทนายบอกว่าท่านทำพินัยกรรมไว้อย่างไร เขาไม่ยอมบอกอะไรทั้งสิ้น ต่อให้เธอเป็นลูกสาวแท้ๆของท่านก็ตาม วรรณฤดีโกรธมากปัดข้าวของบนโต๊ะทนายกระจายเกลื่อนพื้น ก่อนจะเดินกระแทกเท้าปังๆออกไป ธัชชัยได้แต่ ส่ายหน้าระอาใจกับความเจ้าอารมณ์ของเธอ...
ด้านศศิกานต์ยอมรับสายของรสาและคุยปรับความเข้าใจกันได้ว่ารสากับชานนท์ไม่ได้มีอะไรกัน เธอไปพบเขาเพื่อขอซื้อแหวนคืน พอเห็นแหวนแล้วอดคิดถึงแม่ไม่ได้ก็เลยเป็นลม ชานนท์วิ่งมารับตัวไว้ได้ก่อนเธอจะล้มหัวฟาดฟื้น...
ครั้นกลับถึงบ้าน รสาเล่าเรื่องที่เคลียร์ปัญหาคาใจกับศศิกานต์เรียบร้อยให้สองเพื่อนซี้ฟัง และสัญญาว่าต่อจากนี้ไปจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับคนพวกนี้อีกแล้ว ต่างคนต่างอยู่
“ขอให้มันจริงเถอะ แต่ฉันสังหรณ์ว่ามันจะไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอกรสา” มธุรสอดกลุ้มใจแทนเพื่อนไม่ได้...
ชานนท์นอนไม่หลับครุ่นคิดถึงตอนที่รสาเป็นลมอยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง รู้สึกใจเต้นไม่เป็นส่ำ ต้องสะบัดหัวไล่ความคิดนั้นออกไป แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล ยิ่งเขาพยายามลืมก็ยิ่งเห็นแต่ภาพของเธอ...
ศศิกานต์นอนไม่หลับเช่นกัน หยิบแหวนหมั้นขึ้นมาพูดด้วยประหนึ่งว่าคนที่มอบให้ยืนอยู่ตรงหน้า
“คนที่จะร่วมชีวิตกันไม่ควรจะมีความลับต่อกันไม่ใช่หรือคะพี่นนท์ แล้วทำไมพี่นนท์ถึงมีความลับกับศศิล่ะคะ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับรสา ทำไมคะพี่นนท์” ศศิกานต์น้อยใจน้ำตาซึม
ooooooo
หมอได้ผลตรวจเนื้อเยื่อของศศิกานต์แล้วพบว่าไม่สามารถบริจาคไตให้พ่อตัวเองได้ นั่นเท่ากับเฉลิมต้องไปเข้าชื่อเพื่อรอรับบริจาคไตจากผู้บริจาคอวัยวะที่สามารถเข้ากับเขาได้ นอกจากเขาจะมีพี่น้องหรือมีลูกคนอื่นอีก วรรณฤดีสวนทันทีว่าไม่มี พ่อมีแค่เธอกับศศิกานต์เท่านั้น ธัชชัยถามหมอเสียงเครียดไม่มีวิธีอื่นอีกหรือ
“ไม่มีครับ ตอนนี้ก็คงได้แต่ฟอกไตให้คุณเฉลิมไปก่อนจนกว่าจะได้ไตบริจาคล่ะครับ”
จากนั้นศศิกานต์ เปรมจิตกับวรรณฤดีและธัชชัยต่างเดินหน้าเครียดออกจากห้องทำงานของหมอ ศศิกานต์เสียใจน้ำตาไหลพรากที่ไม่สามารถช่วยพ่อได้จนเปรมจิตต้องดึงตัวมากอดปลอบใจ วรรณฤดีจะหาซื้อไตจากตลาดมืดมาให้พ่อ จะยอมให้ท่านตายก่อนที่ลูกของตนจะคลอดไม่ได้ ธัชชัยทักท้วงซื้อไตไม่ใช่เรื่องง่าย เธอรู้หรือว่าจะไปหาซื้อได้ที่ไหน วรรณฤดีไม่รู้เหมือนกัน แต่เรามีเงินมากมายคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“วรรณจะลองติดต่อเพื่อนๆดูก่อนนะคะคุณแม่ เผื่อว่าใครจะมีหนทางช่วยเหลืออะไรเราได้บ้าง” วรรณฤดีว่าแล้วเดินลิ่วออกไปโดยมีธัชชัยเดินตามต้อยๆเหมือนเคย สวนกับชานนท์ที่เดินเข้ามาหาศศิกานต์
“ผลตรวจเป็นอย่างไรบ้างศศิ”
ครู่ต่อมาชานนท์กับศศิกานต์มานั่งคุยกันตามลำพังถึงเรื่องที่ไตของเธอเข้ากับพ่อไม่ได้ เธอเสียใจมากที่ช่วยอะไรท่านไม่ได้ เวลาของท่านเหลือน้อยลงทุกทีแล้ว
ชานนท์ลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าจะพูดเรื่องนี้ดีหรือไม่ แต่สุดท้ายตัดสินใจบอกเธอว่ายังมีรสาอีกคนหนึ่งที่อาจจะช่วยเฉลิมได้ ศศิกานต์ถึงกับยิ้มออก
“จริงสิ...รสาก็เป็นลูกคุณพ่ออีกคนหนึ่ง บางทีรสาอาจจะช่วยคุณพ่อได้”...
ศศิกานต์ไม่รอช้านำเรื่องนี้ไปปรึกษาแม่กับวรรณฤดี ฝ่ายหลังถึงกับปรี๊ดแตกหาว่าน้องบ้าไปแล้วที่พูดอะไรไม่รู้จักคิด เรื่องอะไรจะเอาคนเลือดต่ำๆอย่างนังนั่นมาวุ่นวายกับพวกเรา ศศิกานต์เถียงคอเป็นเอ็น ถ้าจะช่วยพ่อ เราจะมามัวแบ่งเขาแบ่งเราไม่ได้ เราทุกคนต้องช่วยกันคนละไม้ละมือ ทางไหนที่ท่านยังมีหวัง เธอจะลองทำทั้งหมด แล้วหันไปถามเปรมจิตว่าเข้าใจเจตนาของเธอใช่ไหม วรรณฤดีขวางสุดฤทธิ์จะไม่ยอมให้รสามาวุ่นวายในชีวิตของพวกเราเด็ดขาด ขืนไปเอ่ยปากด้วย มันจะได้หัวเราะเยาะเอา
“ศศิว่ารสาไม่ใช่คนแบบนั้น ถ้าพี่วรรณกลัวเสียหน้า ศศิจะเป็นคนไปพูดกับรสาเอง”
วรรณฤดียังคงค้านหัวชนฝาไม่ยอมให้ศศิกานต์ไปพูดกับรสาเด็ดขาด ผู้เป็นน้องไม่ยอมแพ้ หันไปขอความเห็นชอบจากแม่ซึ่งยังให้คำตอบอะไรไม่ได้ ต้องขอคิดดูก่อน...
เปรมจิตแอบมาปรึกษากับแม่จันที่มุมลับตาคน คิดไม่ตกจะทำอย่างไรกับเรื่องรสาดี แม่จันแนะถ้ามันเป็นหนทางเดียวที่จะต่ออายุของเฉลิมได้ เธอก็น่าจะทำ เปรมจิตว้าวุ่นใจมาก ถ้าทำอย่างที่แม่จันแนะนำก็เท่ากับเรายอมรับกับสังคมว่ารสาคือลูกอีกคนหนึ่งของเฉลิม ยอมรับว่าเขาเคยทำเรื่องเลวร้ายอะไรไว้ในอดีตและยอมรับว่าเฉลิมนอกใจเธอไปมีลูกกับคนรับใช้ในบ้าน แล้วเธอจะมีหน้าไปมองหน้าผู้คนในสังคมได้อย่างไร
“ขนาดแค่เรารู้ความจริงกันอยู่สองคน ฉันก็เจ็บมากพออยู่แล้วนะพี่จัน”
“แล้วระหว่างชีวิตของคุณเฉลิมกับหน้าตาในสังคม คุณเปรมจะเลือกอะไรล่ะคะ”
ooooooo
รสากำลังดูแหวนวงนั้นอย่างพิจารณาตอนที่อภิรักษ์โทร.มาถามว่าว่างหรือเปล่า เขานัดแม่กินข้าวก็เลยอยากให้เธอไปด้วย รสารู้สึกไม่ดีกับกัลยาที่มาหลอกเอาเงินของเขาจึงไม่อยากยุ่งด้วย ปฏิเสธว่าไม่ว่างกำลังวุ่นๆเรื่องงานศพแม่ อีกอย่างหนึ่งที่ร้านเสื้อกำลังจะปิดงบต้องอยู่ทำบัญชี
“ว้า เสียดายจังครับ ไม่เป็นไรครับ แล้ววันหลังเราค่อยนัดกันก็ได้ครับ” อภิรักษ์วางสายสีหน้าผิดหวัง โดยไม่รู้ว่าชานนท์ยืนฟังอยู่อีกมุมหนึ่ง อ่อนใจที่น้องยังติดต่อกับกัลยาไม่เลิกไม่แล้วสักที...
ด้านเปรมจิตหยิบเอกสารที่มีผลตรวจดีเอ็นเอของรสากับเฉลิมแล้วชวนแม่จันไปหารสาด้วยกัน
“ฉันนอนคิดทั้งคืนเลยนะพี่จัน สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจแล้วว่ายังไงๆก็ต้องเลือกเอาชีวิตคุณเฉลิมไว้ก่อน เรื่องอื่นช่างหัวมัน” เปรมจิตสีหน้ามุ่งมั่นเอาจริง...
อีกมุมหนึ่งในห้องโถงของบ้าน วรรณฤดีกำลังยื้อยุดฉุดแขนไม่ยอมให้ศศิกานต์ไปหารสา เธอขัดขืนสุดฤทธิ์ไม่ยอมให้พี่สาวจับตัวไว้ ยืนยันเพื่อช่วยชีวิตพ่อ เธอยินดีทำทุกอย่างแม้จะต้องกราบขอร้องให้รสาช่วย แล้วสะบัดแขนพี่สาวออกก่อนจะผละจากไป
“อ๊าย นังน้องบ้า คอยดูเถอะ นังรสามันจะต้องเรียกร้องเอาเงินจากเราเป็นล้านๆ แล้วฉันก็จะไม่ยอม...ฉันไม่ยอม” วรรณฤดีโวยวายอย่างบ้าคลั่ง ธัชชัยได้แต่มองอย่างเหนื่อยใจ เสียงร้องของเธอดังไปถึงหูเปรมจิตกับแม่จันที่กำลังเดินลงมาจากข้างบนพร้อมกับผลตรวจดีเอ็นเอของรสากับเฉลิม ต่างตกใจ รีบพากันไปยังต้นเสียง เห็นวรรณฤดีอาละวาดปัดข้าวของใกล้มือล้มระเนระนาด เปรมจิตร้องถามว่าเกิดอะไรขึ้น
“ก็ยัยศศิน่ะสิคะคุณแม่ กำลังจะไปหานังรสา ไปกราบกรานขอร้องให้มันช่วยคุณพ่อ”
“ศศิทำถูกแล้วนี่ลูก”
วรรณฤดีถึงกับสติแตกที่แม่เห็นด้วยกับการกระทำของน้อง เหลือบเห็นเอกสารในมือแม่ กระชากไปดูอย่างไร้มารยาท พอเห็นหลักฐานยืนยันว่ารสาเป็นลูกของเฉลิมเป็นน้องต่างมารดาของตัวเอง ถึงกับคลั่งยอมรับความจริงไม่ได้ ฉีกเอกสารเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เปรมจิตอธิบายอย่างใจเย็น ถึงเธอจะฉีกเอกสารทิ้งก็ไม่ทำให้ความจริงที่ว่ารสาเป็นลูกของเฉลิมเปลี่ยนแปลง คืนที่เขาเข้าหาสุภา ท่านก็เห็น ถึงอยากจะปฏิเสธความจริงแค่ไหนแต่ก็ทำไม่ได้ แล้วหันไปชวนแม่จันให้ไปกันได้แล้ว วรรณฤดีอยากรู้ว่าท่านจะไปไหน
“แม่จะไปหารสา ไปขอร้องให้รสาไปตรวจดูว่าสามารถให้ไตกับคุณพ่อได้หรือไม่ ตอนนี้รสาคือความหวังเดียวของคุณพ่อ” ว่าแล้วเปรมจิตขยับจะไป วรรณฤดีดึงแขนเอาไว้ สองแม่ลูกยื้อยุดฉุดกันไปมา
ธัชชัยเห็นท่าไม่ดีรีบเข้าไปดึงมือเมียออกจากแขนแม่ยายซึ่งรีบร้อนออกไปกับแม่จัน ทิ้งให้วรรณฤดีร้องกรี๊ดๆด้วยความแค้นจนเป็นลมล้มฟุบไปตรงนั้น ธัชชัยเข้าไปประคองแทบไม่ทัน
ooooooo
บงกชกับมธุรสต่างฟันธงที่ชานนท์ยอมให้แหวนรสามาถือครองไว้ทั้งที่ยังจ่ายเงินไม่ครบสองแสนบาทเป็นเพราะเขามีใจให้ รสากลุ้มใจมาก ขืนเป็นอย่างนั้นก็เท่ากับทำร้ายจิตใจศศิกานต์ซึ่งเธอยอมไม่ได้ จังหวะนั้นคนที่รสาพูดถึงแวะมาหาเพื่อขอร้องให้เธอช่วยพ่อของตนด้วย เพราะตนไม่สามารถให้ไตกับท่านได้
“คุณเป็นลูกท่านแท้ๆยังให้ไตกับท่านไม่ได้ แต่ฉันเป็น...”รสาพูดไม่ทันจบ มีเสียงเปรมจิตดังขึ้นเสียก่อน
“เธอเป็นลูกอีกคนหนึ่งของคุณเฉลิม ฉันยอมรับแล้วว่าเธอเป็นลูกอีกคนหนึ่งของท่าน”
รสางงทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เปรมจิตเล่าให้ฟังว่าตัวเองเป็นคนไม่ชอบอะไรที่ค้างคาใจก็เลยเอาเลือดของ รสาที่เปื้อนผ้าเช็ดหน้าของศศิกานต์ไปให้แล็บตรวจ ซึ่งผลออกมาว่าเป็นลูกของเฉลิม ในเมื่อเธอเป็นลูกอีกคนหนึ่งของเขา เธอก็อาจจะช่วยเขาได้ เปรมจิตเห็นรสานิ่งเงียบคิดว่าลังเล จัดแจงยกมือไหว้อ้อนวอนให้ช่วย รสารีบคว้ามือเอาไว้ ขอร้องไม่ให้ทำแบบนี้ เปรมจิตยอมทำทุกอย่าง หากจะทำให้ยืดชีวิตเฉลิมออกไปได้
“ค่ะคุณเปรมจิต ถ้าหมอตรวจแล้วพบว่าดิฉันสามารถให้ไตคุณเฉลิมได้ ดิฉันยินดีค่ะ”
เปรมจิตดีใจน้ำตาไหลพราก ศศิกานต์พลอยร้องไห้ไปด้วย โผกอดรสาพร่ำขอบคุณไม่หยุดปาก...
ขณะที่รสารับปากจะช่วยเฉลิม วรรณฤดีฟื้นคืนสติขึ้นมาได้ก็ลุกพรวดจากที่นอน ธัชชัยต้องคว้าตัวไว้ ไม่ให้รีบลุก เกรงจะเป็นลมไปอีก เธอไม่ยอมนอน อ้างต้องรีบไปห้ามแม่ไม่ให้ไปหารสา เขาเตือนสติว่าไม่ควรห้ามเพราะชีวิตของเฉลิมสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด เธอไม่อยากให้ท่านอยู่เห็นหน้าหลานคนแรกของตระกูลหรือ
วรรณฤดีโวยวายขืนยอมรับว่านังนั่นเป็นลูกของพ่ออีกคนหนึ่ง ก็เท่ากับทำให้มันมีสิทธิในสมบัติของท่านไปด้วยซึ่งเธอยอมไม่ได้ ถ้ามันคิดจะมาแบ่งสมบัติของท่าน เธอจะฆ่ามัน แล้วทุบหมอนระบายแค้น ธัชชัยต้องจับตัวเธอไว้ ถ้ารสาเป็นลูกของท่านจริงและช่วยทำให้ท่านมีชีวิตต่อไปได้เธอก็ต้องยอมรับ
“ให้รสาได้ต่อชีวิตให้คุณพ่อก่อน แล้วหลังจากนั้นเราค่อยกำจัดมันก็ยังได้นี่ครับคุณวรรณ”
วรรณฤดียิ้มเหี้ยม เห็นดีด้วยกับความคิดแยบยลของสามี...
ชานนท์มาที่โรงพยาบาลพอดีตอนที่เปรมจิต แม่จันและศศิกานต์กำลังจะพารสามาพบเฉลิม ศศิกานต์เล่าให้เขาฟังว่ารสาเป็นลูกอีกคนหนึ่งของพ่อจริงๆ แม่ของเธอเอาดีเอ็นเอของทั้งคู่ไปตรวจมาแล้ว แถมรสายังตกลงจะให้ไตพ่ออีกด้วย ถ้าหมอตรวจแล้วว่าให้ได้ ชานนท์มองรสาทึ่ง
“คนเป็นลูกมีหน้าที่ทดแทนบุญคุณให้พ่อแม่ค่ะ” รสาจงใจพูดประโยคนี้เพื่อเป็นการเตือนสติชานนท์ไปในตัว เปรมจิตบอกให้เข้าไปคุยเรื่องนี้กับเฉลิมก่อน เพราะเดาใจไม่ออกว่าเขาจะคิดอย่างไร...
เฉลิมตกใจมากเมื่อรู้ว่าเปรมจิตเอาดีเอ็นเอของเขากับของรสาไปตรวจ และผลออกมาว่าเป็นพ่อลูกกัน เขาเสียใจมากที่มองเธอผิดมาตลอดทั้งที่เธอไม่เคยโกหก รสาขอร้องอย่าคิดอะไรมาก ที่แล้วก็ให้แล้วไป
“ดิฉันว่าตอนนี้เราควรสนใจเรื่องอาการเจ็บป่วยของท่านก่อนดีกว่า ดิฉันยินดีสละไตให้ท่าน”
“ไม่...ฉันไม่เอา ถ้าฉันจะต้องตายด้วยโรคบ้าๆนี่ก็ปล่อยให้ฉันตายไปเถอะ แต่ฉันจะไม่ยอมให้เธอต้องมาสละอะไรเพื่อฉันซึ่งเป็นพ่อเลวๆคนหนึ่งของเธออย่างเด็ดขาด” คำปฏิเสธของเฉลิมทำเอาทุกคนไม่สบายใจไปตามๆกัน จากนั้นเปรมจิต แม่จันกับศศิกานต์ ชานนท์และรสาพากันเดินหน้าเครียดออกจากห้องพักฟื้นของเฉลิม โดยเฉพาะเปรมจิตดูจะกลุ้มใจกว่าใครเพื่อน ไม่คิดว่าเฉลิมจะปฏิเสธเสียงแข็งขนาดนี้
“แต่เราก็ยังไม่รู้เลยนะครับคุณอา ว่ารสาจะสามารถให้ไตกับคุณอาเฉลิมได้หรือเปล่า อาจจะเป็นเหมือนกรณีของศศิก็ได้นะครับ” ชานนท์ปลอบ รสาเห็นด้วยกับเขา
“ถ้าอย่างนั้นดิฉันจะให้หมอตรวจร่างกายก่อนว่าสามารถให้ไตกับท่านได้หรือไม่แล้วค่อยคิดกันว่าจะทำอย่างไรกันต่อไปนะคะคุณเปรมจิต”
ooooooo
อภิรักษ์เห็นแม่เอร็ดอร่อยกับอาหารชั้นเลิศที่ตัวเองสั่งมาให้กินเต็มโต๊ะก็ยิ้มปลื้ม กัลยาไม่วายปะเหลาะว่าอาหารร้านนี้อร่อยมาก ถ้าเธอห่อกลับไปกินต่อที่บ้านได้ ก็จะห่อกลับแล้ว
“ถ้าแม่ชอบผมสั่งอีกชุดกลับบ้านให้แม่ก็ได้ครับ” พูดจบอภิรักษ์หันไปสั่งบริกรเอาอาหารอย่างที่สั่งมานี่อีกหนึ่งชุดใส่กล่องกลับบ้าน กัลยาแสร้งทำเป็นลำบากใจทั้งที่ดีใจจะได้มีของกินอร่อยๆไปฝากชู้รัก จากนั้นอภิรักษ์หยิบเช็คเงินสดสามแสนบาทที่พ่อฝากมายื่นให้ กัลยาตาโตตื่นเต้นแทบเก็บอาการไม่อยู่
“พ่ออยากเห็นแม่สบาย ไม่ต้องลำบากอย่างที่แล้วๆมา”
“ทำไมท่านถึงดีกับแม่อย่างนี้ ทั้งๆที่แม่ทำเลวร้ายกับท่านเหลือเกิน” กัลยาบีบน้ำตา
อภิรักษ์ปลอบว่าอย่าคิดมาก พ่อเต็มใจให้และจะดีใจมากถ้าแม่รับไว้ กัลยาฝากเขาไปบอกพาณิชให้ด้วยว่าเธอกราบขอบพระคุณท่าน สักวันถ้ามีโอกาส เธอจะไปกราบท่านด้วยตัวเอง อภิรักษ์ชวนให้แม่กินข้าวกันต่อเดี๋ยวอาหารเย็นหมดจะไม่อร่อย กัลยาก้มหน้าก้มตากินอาหารต่อไป แต่พอเขาเผลอ เธอแอบยิ้มชอบใจที่การกลับไปหาลูกหาผัวเก่าคราวนี้ไม่เสียเที่ยวจริงๆ...
หลังจากรสาให้หมอเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อและเลือดเรียบร้อย ก็ขอตัวกลับก่อน ศศิกานต์รบกวนชานนท์ ถ้าไม่มีธุระอะไรช่วยไปส่งรสาให้ด้วย เธอยังไม่ทันจะอ้าปาก ปฏิเสธ ศศิกานต์ชิงพูดตัดหน้า
“ให้พี่นนท์ไปส่งนะรสา ฉัน...เอ้อ ต่อไปนี้ฉันต้องเรียกตัวเองว่าพี่แล้วสิ เพราะรสาเป็นน้องนี่ พี่กับคุณแม่คงต้องอยู่คุยกับคุณพ่ออีกสักครู่”
รสาจำต้องพยักหน้ารับคำ ไหว้ลาเปรมจิตกับแม่จัน ก่อนจะเดินไปกับชานนท์...
ระหว่างทางไปที่จอดรถชานนท์อดถามรสาไม่ได้ว่ารู้สึกอย่างไรที่ตอนนี้กลายเป็นลูกสาวมหาเศรษฐีของเมืองไทยไปแล้ว เธอไม่รู้สึกอะไร ยังคงเป็นรสาคนเดิม เขายังสงสัยไม่หายถ้าผลตรวจออกมาว่าเธอให้ไตกับเฉลิมได้ ก็เท่ากับเธอต่อชีวิตให้ท่าน ต่อไปจะเอ่ยปากขออะไรท่านคงยินดีจัดให้ เธอไม่คิดจะขออะไรจากท่าน ขอแค่ให้ท่านหายดีมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานๆได้อยู่อุ้มหลาน ชานนท์หยุดเดินแล้วหันมองคู่สนทนา
“คุณคิดอย่างนี้จริงๆหรือรสา คุณคิดว่าลูกทุกคนมีหน้าที่ต้องทดแทนบุญคุณพ่อแม่จริงๆเหรอ ทั้งๆที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณอาเฉลิมไม่เคยยอมรับการกระทำของตัวเองในอดีต ไม่เคยรับรู้ว่ามีคุณเป็นลูกและเมื่อคุณปรากฏตัวขึ้นคุณอาเฉลิมก็ไม่เคยยอมรับในสิ่งที่คุณพยายามจะบอกท่านเลยแม้สักครั้ง”
รสายืนยันว่าคิดอย่างนั้นจริงๆ ชานนท์อดเปรียบเทียบกับตัวเองที่ชอบตั้งแง่กับแม่ไม่ได้...
ที่ร้านเสื้อของสามสาว ขณะบงกชกับมธุรสกำลังเม้าท์ถึงเพื่อนรักของตัวเองที่ตอนนี้กลายเป็นลูกสาวมหาเศรษฐี ต่างชะงักเมื่อเห็นชานนท์เดินมาส่งรสาที่หน้าร้าน สองสาวรอจนเขากลับไปแล้ว ต่างแย่งกันถามเสียงเซ็งแซ่ว่าเฉลิมเป็นอย่างไรบ้าง ยอมรับเธอเป็นลูกสาว ของเขาหรือเปล่า เธอให้ไตเขาได้หรือไม่ แล้วทำไมเธอถึงกลับมากับชานนท์ทั้งที่เมื่อเช้าออกไปกับศศิกานต์และเปรมจิต คนถูกรุมถามรำคาญจัดต้องเอามือปิดหู...
การแสดงออกของรสาต่อเฉลิมทำให้มุมมองชีวิตที่ชานนท์มีต่อกัลยาเปลี่ยนไป ถึงขนาดยอมให้อภิรักษ์ชวนแม่มากินข้าวที่บ้านได้ เขาดีใจมากที่พี่ชายยอมรับในตัวท่าน
“แล้วพี่นนท์จะอยู่กินข้าวกับแม่ด้วยไหมครับ ถ้าพี่นนท์อยู่แม่ต้อง...”
“อย่าเพิ่งเลย” แม้ชานนท์จะใจอ่อนลงแล้ว แต่ก็ยังทำใจกับเรื่องที่แม่ทำไว้ในอดีตไม่ได้ อภิรักษ์สงสัยไม่หายทำไมเขาถึงยอมให้แม่เข้าบ้านได้ ไม่ขัดขวางตนกับพ่อเหมือนอย่างเคย ชานนท์ให้น้องไปถามรสาเอาเอง แล้วเดินขึ้นห้องไปเลย อภิรักษ์ได้แต่มองตามงงๆ ทำไมถึงต้องไปถามรสาด้วย
ooooooo
เช้าวันรุ่งขึ้น อภิรักษ์แวะไปถามรสาถึงที่ร้านเสื้อ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชานนท์ถึงได้เปลี่ยนความคิดยอมให้ตนชวนแม่มากินข้าวที่บ้านได้ เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เข้าใจแล้วว่าทำไมชานนท์ถึงได้โกรธกัลยามากมายนัก แล้วเล่าเรื่องที่ได้ยินกัลยาคุยกับอรุณให้ฟัง อภิรักษ์ปวดใจจนพูดอะไรไม่ออก
“คุณนนท์รู้เรื่องนี้ก่อนใคร เขาจึงโกรธคุณน้ากัลยามาก พยายามกีดกันไม่ให้คุณน้าได้พบคุณและคุณลุงพาณิช ตอนนั้นฉันเองก็ไม่รู้ ฉันเคยพยายามบอกเขาหลายครั้ง ไม่ว่าคุณน้าจะเป็นคนยังไง คุณน้าก็ยังเป็นแม่ผู้บังเกิดเกล้าที่คนเป็นลูกต้องกตัญญูและหาทางตอบแทนบุญคุณเสมอ”
“แต่พี่นนท์ก็ไม่เคยฟังคุณตราบจนกระทั่ง เขาเห็นคุณยอมสละไตเพื่อต่อชีวิตให้คุณอาเฉลิมทั้งๆที่คุณอาเฉลิมปฏิเสธไม่ยอมรับคุณเป็นลูกมาตลอด...พี่นนท์เปลี่ยนไปเพราะคุณจริงๆ” อภิรักษ์รู้สึกได้ว่าระหว่างรสากับพี่ชายตัวเองต้องมีอะไรบางอย่าง จึงนำข้อสงสัยนี้ไปถามบงกชว่าสองคนนี้มีใจให้กันใช่ไหม เธอปฏิเสธทันทีว่าไม่รู้เรื่อง เขาไม่เชื่อ ในเมื่อเธอเป็นเพื่อนสนิทของรสาต้องรู้อะไรบ้าง ขอร้องอย่าปิดบังอะไรตนอีกเลย
“ผมเป็นน้องแท้ๆของพี่นนท์แต่พี่นนท์ไม่เคยเล่าเรื่องแม่ให้ผมฟังเลย แต่กับคุณรสา พี่นนท์พาไปที่บ้านแม่หลายครั้งจนรู้ว่าแม่กลับมาหาผมเพื่อหลอกเงิน พี่นนท์กับคุณรสามีใจตรงกันแต่เก็บซ่อนกันไว้ใช่ไหมครับ”
บงกชเลี่ยงการตอบคำถามด้วยการย้อนถามเขาว่าคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ อภิรักษ์รักรสามากเธอก็รู้ ส่วนชานนท์ก็เป็นพี่ชายที่เขารักมากเช่นกัน ดังนั้นเขาย่อมยินดีที่จะเห็นคนที่เขารักสองคนมีความสุข
“จริงหรือคะ” บงกชตาโตตื่นเต้น
“ผมคิดอย่างนี้จริงๆ แต่สำหรับศศิ ผมไม่รู้”...
ผลการตรวจออกมาแล้วพบว่ารสาสามารถบริจาคไตให้เฉลิมได้ สร้างความดีใจให้ศศิกานต์กับเปรมจิตเป็นอย่างมาก รีบนำข่าวดีนี้ไปบอกเฉลิม แต่เขากลับยืนกรานคำเดิมจะไม่ขอรับไตจากรสาเด็ดขาด ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยรับรู้ ไม่เคยรับผิดชอบอะไรในตัวเธอในฐานะพ่อมาก่อน แล้วตอนนี้จะให้ยอมรับไตจากเธอเขาทำไม่ได้ แม้เธอจะเต็มใจให้ก็ตาม เปรมจิตกับศศิกานต์พากันถอนใจกลุ้ม...
รสารู้เรื่องที่เฉลิมไม่ยอมรับไตจากตนเองก็กลุ้มใจไม่แพ้สองแม่ลูกเช่นกัน บ่นกับมธุรสไม่รู้จะทำอย่างไรดี ท่านเหลือเวลาน้อยลงทุกทีแล้ว มธุรสได้แต่ปลอบเธออย่าเพิ่งไปเครียดเรื่องนั้น ตอนนี้เอาเรื่องงานศพแม่สุภาก่อนดีไหม อีกสองวันจะถึงวันเผาแล้ว...
ด้วยความสำนึกผิดทำให้เฉลิมฝันเห็นสุภามาตามให้ไปงานเผาศพเธอ เขาสะดุ้งตื่นนั่งครุ่นคิดถึงความฝันเมื่อครู่ เปรมจิตซึ่งนอนเฝ้าไข้อยู่พลอยตื่นไปด้วยถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า
“ผมไม่ได้เป็นอะไรหรอก...คุณ...รสาจะเผาศพสุภาวันไหนรู้ไหม”
ooooooo
ศศิกานต์แวะมาหาชานนท์ที่ทำงานเพื่อจะชวนไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน แต่เขาติดธุระด่วนกับลูกค้าก็เลยไปด้วยไม่ได้ อภิรักษ์เห็นเป็นโอกาสเหมาะที่จะคุยเรื่องรสากับชานนท์จึงอาสาจะพาเธอไปเอง
ระหว่างกินอาหารด้วยกัน อภิรักษ์เล่าให้ศศิกานต์ฟังถึงเรื่องที่รสาสามารถทำให้ชานนท์เปลี่ยนใจเรื่องแม่ได้อย่างน่าทึ่ง ศศิกานต์บ่นด้วยความน้อยใจ ชานนท์
ไม่เคยเล่าเลยว่ารสารู้จักกับกัลยา
“ศศิได้เห็นคุณป้ากัลยาก็ตอนวันหมั้นแวบๆ เคยถามพี่นนท์ครั้งหนึ่ง แต่พี่นนท์ก็ไม่ยอมเล่าอะไร แต่กับ รสา...”พูดได้แค่นั้น ศศิกานต์ทนนั่งต่อไปไม่ไหวลุกหนีออกจากร้านอาหาร อภิรักษ์รีบตามจนทันดึงมือเอาไว้ เธอถึงกับปล่อยโฮอย่างหมดความอดกลั้น เขาพยายามปลอบให้เธอคลายเศร้าแต่ไม่สำเร็จ
“รักษ์ พี่นนท์เขามีใจให้รสาใช่ไหม”
อภิรักษ์ย้อนถามแล้วถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เธอจะว่าอย่างไร ศศิกานต์ได้แต่อึ้ง...
วรรณฤดีร้องห้ามเสียงหลงเมื่อรู้ว่าเฉลิมจะไปงานเผาศพสุภาทั้งที่ยังไม่หายป่วย เขาไม่สนใจเสียงห้ามปรามของลูกยืนกรานจะต้องไปงานนี้ให้ได้ เปรมจิตเห็นวรรณฤดีทำท่าจะสติแตก รีบสั่งให้ธัชชัยพาตัวเธอออกไปข้างนอกก่อน เขารีบทำตามคำสั่งลากวรรณฤดีที่พยายามดิ้นหนีออกไปจนได้
อารมณ์รุนแรงของวรรณฤดีทำให้อยู่ๆก็เกิดปวดท้อง ขึ้นมาถึงกับตัวงอด้วยความเจ็บปวด ธัชชัยต้องปลอบให้เธอใจเย็นๆ พยายามหายใจลึกๆ เธอทำตามที่เขาแนะสักพัก รู้สึกดีขึ้น
“คุณวรรณต้องพยายามไม่เครียดนะครับ เครียดแล้วมันมีผลกับเด็กในท้องทุกที”
“ที่ฉันต้องเป็นอย่างนี้ก็เพราะนังรสาคนเดียว” วรรณฤดีพาลไม่เลิก...
ไม่ได้มีแต่เฉลิมเท่านั้นที่วางแผนจะไปงานเผาศพสุภา ชานนท์ก็ตั้งใจจะไปงานนี้เช่นกัน
ooooooo
ในวันงานเผาศพ ระหว่างที่รสา บงกชและมธุรส กำลังตรวจดูความเรียบร้อยของงาน มนัสเข้ามาต่อว่าน้องสาวว่าน่าจะจัดงานให้หรูหรากว่านี้ จะได้สมฐานะ ที่เธอเป็นลูกมหาเศรษฐี และที่สำคัญแม่สุภาก็เป็นเมียมหาเศรษฐีคนหนึ่งเหมือนกัน รสาขอร้องให้เขาหยุดพูดแบบนี้ได้แล้ว เธอเบื่อจะฟังเต็มที
จังหวะนั้นอภิรักษ์เดินเข้ามากับชานนท์ รสาปลีกตัว ไปต้อนรับ มนัสเข้ามาเสนอหน้าจะพาทั้งคู่ไปนั่งที่เก้าอี้แขกวีไอพี บงกชกับมธุรสเห็นไม่เข้าทีรีบเข้ามาลากตัวจอมจุ้นออกไป ปล่อยให้รสาต้อนรับแขกเพียงลำพัง
จากนั้นไม่นาน เฉลิม เปรมจิตกับแม่จันและศศิกานต์ก็มาถึงงาน
รสาตะลึงที่เห็นเฉลิมมา พอตั้งสติได้รีบเข้าไปไหว้ ท่านเล่าให้ฟังว่าสุภามาเข้าฝัน เรียกให้มางานนี้ และที่สำคัญรสาไม่ใช่ใครอื่น เป็นลูกสาวอีกคนหนึ่งของท่าน รสาถึงกับน้ำตาซึม มนัสสะบัดบงกชกับมธุรสหลุด แล้ววิ่งเข้ามาไหว้ประจบเฉลิม แต่พอเห็นสายตาคมกริบที่ท่านมองมาถึงกับหน้าจ๋อย
“รสา...พาท่านไปนั่งเถอะ” ชานนท์เตือน
ครั้นเฉลิมกับคณะขึ้นมานั่งบนศาลาสวดศพเรียบร้อย ศศิกานต์หันมาทักชานนท์มานานหรือยัง
เขารู้สึกผิดต่อเธอที่มีใจให้รสามากกว่า แต่ยังไม่ทันจะตอบอะไร เฉลิมหันมาขอบใจเขาเสียก่อนถ้าไม่ได้เขาเอาแหวนวงนั้นมาให้ดู ท่านก็คงไม่มีวันรู้ ไม่มีวันยอมรับในตัวรสา แต่ในเมื่อท่านได้รู้แล้ว ท่านก็ต้องชดเชยให้เธอ ให้สาสมกับเรื่องที่ผ่านมา ศศิกานต์นิ่วหน้าแปลกใจแหวนอะไรหรือ
“ก็แหวนที่พ่อให้แม่ของรสาไว้น่ะสิ นนท์เอามาให้พ่อดู”
ศศิกานต์หน้าเสียทันที อภิรักษ์เห็นสีหน้าไม่สู้ดีนัก ของเธอเอื้อมมือมาบีบมือเธอไว้อย่างเป็นกำลังใจให้ เป็นจังหวะเดียวกับรสาเข้ามาบอกเฉลิมอีกสิบนาทีจะเริ่มพิธีแล้ว ท่านพยักหน้ารับรู้ แต่แล้วบรรยากาศเงียบสงบของงานก็ต้องเปลี่ยนไปเมื่อมีเสียงแปดหลอดของวรรณฤดีดังขึ้น
“แหม คุณพ่อ คุณแม่ น้องสาว มางานนี้กันหมด แล้วจะขาดฉันได้อย่างไรกันล่ะ”
ทุกคนในงานหันมองวรรณฤดีเป็นตาเดียวกัน ต่างไม่สบายใจเพราะมั่นใจว่าวรรณฤดีไม่ได้มาดีแน่ๆ
ooooooo










