สมาชิก

รอยไหม

ตอนที่ 14

เจ้าศิริวงศ์เข้ามาในห้องพระชายาตั้งใจมาบอก

ความจริง แต่ต้องเก็บความคิดไว้ เมื่อเห็นแม่เจ้า นั่งดูรูปถ่ายเก่าๆในอัลบั้ม ท่าทางมีความสุข

“แม่เจ้าของลูก” เจ้าศิริวงศ์คลานเข่าเข้าหา

“อ้าว ศิริวงศ์เข้ามาแต่เมื่อใดลูก แม่หยิบรูปถ่ายเก่าๆ มาดูเล่น ดูสิตอนละอ่อน สองคนพี่น้องเล่นกันจนมอมแมม แม่จำได้ว่าจับลูกสองคนแต่งตัวจนงามแล้ว เผลออีกที บ่ฮู้ว่าที่งามแล้วมันหายไปไหนหมด” พระชายาหัวเราะ

เจ้าศิริวงศ์นํ้าตาซึม กอดตักแม่เอาไว้ ไม่ให้เห็นนํ้าตา

“อะหยังกันนี่ จู่ๆก็มากอดแม่เหมือนสมัยละอ่อน มาประจบจะขอของเล่นแม่บ่มีผิดเลย”

“แม่เจ้า...ถ้าลูกยะอะหยังผิดไปลูกขอสุมา ยกโทษหื้อ ลูกโตย”

“ขอสุมาอะหยัง ยกโทษอะหยัง แม่บ่เข้าใจ แล้วนี่จะไดไห้” พระชายาแปลกใจ แต่ศิริวงศ์พูดไม่ออก

พระชายาดึงลูกขึ้นมากอด “มีอะหยัง อู้กับแม่เต๊อะ ไห้จะอี้ เหมือนวันเข้ามาลาแม่ตอนลูกจะจากไปพระนครแต๊ๆ ไห้เหมือนจะขาดใจ มีอะหยังบอกแม่มาเต๊อะ”

เจ้าศิริวงศ์กัดฟันแน่นพลางปฏิเสธ “บ่มีอะหยังครับ ลูกแค่อยากกอดแม่เจ้า อยากหื้อแม่เจ้าฮู้ว่าลูกฮัก”

“แม่ก็ฮักลูก ฮักทั้งสองคน ฮักอย่างแก้วตาดวงใจเน้อ” นํ้าเสียงพระชายาเต็มเปี่ยมด้วยความเมตตา

เจ้าศิริวงศ์ยิ่งรู้สึกผิด ไม่กล้าทำร้ายจิตใจผู้เป็นแม่ พลอยให้เรรินที่สังเกตการณ์อยู่มุมหนึ่งใจคอหวั่นไหวไปด้วย เธอเดินเลี่ยงออกมาที่เรือนบัวเงิน เห็นเจ้าของเรือนเดินพล่าน รังสีอำมหิตปกคลุมไปทั่วจนมณีรินขยาดรีบหาที่หลบเมื่อบัวเงิน

หันมาตวาด

“ถ้ามันหนีตามกันไปจริงๆ กูจะสาแก่ใจนัก... ความฮักมันบ่มีจริงดอก มีแต่ตัณหาราคะ กูอยากหันมัน ต้องอาญาแผ่นดินตายด้วยคุมหอกคุมดาบ ถูกสาปบ่มีวัน ได้ผุดได้เกิด โลกนี้มีกูก็ต้องบ่มีอีมณีริน อีเม้ย...มึงอยู่ที่ใด กูเรียกมึงอยู่ อีเม้ย ใกล้เวลาที่มึงจะต้องยะการหื้อกูอีกแล้ว” สิ้นเสียงบัวเงิน

กลุ่มมวลสารสีเทาไหลพุ่งเข้ามาทางหน้าต่าง แล้ว ปรากฏเป็นร่างอีเม้ยหมอบอยู่แทบเท้าบัวเงิน

“กะเจ้าหม่อม สุดแท้แต่หม่อมจะสั่ง เม้ยยินดีรับคำ บัญชาเจ้า” ผีอีเม้ยก้มหน้ารับ

บัวเงินหยิบพวงเครื่องในสดๆโยนลงบนพื้น ผีอีเม้ย คลานเข้ามาคว้าพวงเครื่องในนั้นสวาปามอย่างมูมมาม  เรริน ช็อกสุดขีดกับภาพตรงหน้า

ooooooo

เรรินผงะตกใจผีอีเม้ยจนกระสวยหลุดมือหล่นลงพื้น เธอรีบตั้งสติก้มลงเก็บกระสวยขึ้นมาวางบนผ้าตุ้ม

“อีกนิดเดียวเท่านั้น อีกนิดเดียว” เรรินคลี่ผ้าคลุม ปิดผ้าตุ้มเอาไว้แล้วขยับออกจากกี่ เพราะถึงเวลากลับเรือน

ครั้นมาถึง บัวซอนก็ชวนเรรินไปทำบุญที่วัดด้วยกัน เพราะวันนี้เป็นวันสงกรานต์ แต่เรรินว่าเธอปวดหัว ขอนอนพัก บัวซอนจึงออกไปทำบุญเพียงลำพัง

เวลาเดียวกันนั้น สุริยวงศ์กับวันดาราก็มารับ บัวเงินไปทำบุญเช่นกัน แต่โดนปฏิเสธ

“กับข้าวถวายพระปี้วันทำมาแล้วครับคุณย่า แต่ถ้าคุณย่าอยากทำบุญต่างหาก ก่อถวายปัจจัยตุ๊เจ้าเปิ้นเอาก่อได้” สุริยวงศ์คะยั้นคะยอ

“กูบอกว่ากูบ่ไป กูจังนักขนาดวันสงกรานต์ห่าเหว

อะหยังเนี่ย ไผมันจะมีความสุขม่วนอกม่วนใจ๋กั๋นก่อจ่างหัวมัน กูจังนักวันสงกรานต์ กูจังนัก” บัวเงินเดินกลับเข้าห้องอย่างหัวเสียพลางบ่นพึมพำไม่ขาดปาก

สุริยวงศ์มองตามอึ้งๆ เปรยว่า บัวเงินคงมีความทรงจำไม่ดีกับวันสงกรานต์นัก จึงได้ฝังใจขนาดนี้

“บ่มีไผฮู้หรอก นอกจากตั๋วคุณย่าเปิ้นเอง” วันดาราถอนใจลุกเดินนำสุริยวงศ์ไปที่รถ

ส่วนบัวเงิน เธอทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้โยกตัวโปรดพลางรำพึง “เจ็ดสิบปี๋...แต่กูยังจ๋ำได้ถนัดเหมือนตะวา อีมณีรินเพราะมึงคนเดียวปี้น้องเปิ้นถึงต้องมาล้างกั๋นด้วยชีวิต เจ้าอ้าย...

ถ้าเจ้าอ้ายฮู้ซึ้งถึงความฮักตี้น้องมีต่อเจ้าอ้ายพ่อง เจ้าอ้ายก่อคงบ่ต้องยะบาปจะอี้หรอก” บัวเงินน้ำตาร่วง นึกถึงวันในอดีต

ooooooo

เจ้าหลวง พระชายา เสด็จลงวิหารทำบุญวันขึ้นปีใหม่ ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า พระสงฆ์ยังสวดเจริญพระพุทธมนต์ มณีรินนั่งข้างเจ้าศิริวัฒนา ส่วนเจ้าศิริวงศ์อยู่อีกฟากไกลกัน บัวเงินนั่งอยู่หลังสุด เฝ้าสังเกตความเป็นไปของรักสามเส้า

ครั้นเสร็จพิธีในวิหาร ทุกคนก็ออกมาค้ำกิ่งโพธิ์ด้วยไม้ค้ำยัน เจ้าศิริวงศ์ทำทีเป็นค้ำไม้ใกล้กับคำเที่ยงแล้วแอบกระซิบ “บ่ายสามโมงสรงน้ำพระ บอกเจ้านางน้อยตวยปี้คำเที่ยง ว่าเฮาจะไปรอตี้รินน้ำปิง”

คำเที่ยงอ้าปากค้างเหมือนได้ยินไม่ถนัด แต่เจ้าศิริวงศ์ถอยออกไปแล้ว

ผีอีเม้ยที่อยู่ด้านหลังคำเที่ยงจิกหัวและถ่มน้ำลายใส่คำเที่ยงด้วยความหมั่นไส้ แล้วรีบไปกระซิบบอกเรื่องสำคัญกับบัวเงิน บัวเงินส่งยิ้มพอใจ

หลังเสร็จพิธีทำบุญเช้าแล้ว มณีรินก็กลับมาที่เรือน คำเที่ยงเข้ามาล้างและเช็ดเท้าให้พลางส่งต่อข้อความว่าตอนบ่ายสามเจ้าน้อยจะไปรอมณีรินที่ริมปิง แต่เธอไม่อยากให้เจ้านางน้อยไป เพราะใจคอไม่ดีเลย และตอนนี้เหตุการณ์ก็ยังไม่น่าไว้วางใจนัก

“จะอั้นเฮาก็จะไปอย่างคนธรรมดาบ่ไปอย่างเจ้า นางมณีรินหรอก” มณีรินยิ้มสดใส เดินเลี่ยงออกไป

คำเที่ยงมองตามด้วยความกังวล

ด้านเจ้าศิริวงศ์ เขามาหาสล่าพันเพื่อรับปิ่นดอกกาสะลองที่สั่งทำ เพราะจะนำไปให้มณีรินในวันนี้ สล่าพันเอ่ยเตือนเจ้าน้อยด้วยความเป็นห่วง

“เจ้าน้อย...ระวังตั๋วหื้อนักๆเน้อ โบราณเปิ้นยังว่า...ก่อนพายุใหญ่จะมาคลื่นลมมักสงบเสมอ”

“เฮาบ่คิดจะอั้น อ้ายพัน...เฮาเปิดใจ๋กับเจ้าอ้ายเปิ้นไปแล้ว เฮาแน่ใจว่าเจ้าอ้ายเปิ้นต้องหันใจในความฮักของเฮากับเจ้านางน้อย เปิ้นต้องยอมฮับและเปิดทางหื้อเฮาสองคน” เจ้าศิริวงศ์มั่นใจ แล้วขอตัวเพราะถึงเวลารดน้ำดำหัวเจ้าหลวงและพระชายา

ที่คุ้มหลวง เจ้าศิริวัฒนาเป็นคนแรกที่เข้าไปรดน้ำดำหัวเจ้าหลวงและพระชายา

“ขอหื้อลูกมีความสุขความเจริญยิ่งๆขึ้นไป คิดสิ่งใดก่อขอหื้อสมปรารถนา มีสติปัญญาอยู่กับตั๋ว ปัญหาอะหยังตี้เหมือนอริศัตรูเข้ามาคุกคาม ก่อขอหื้อต้องพ่ายแพ้ไปด้วยสติและปัญญาของลูกเน้อ” เจ้าหลวงอวยพร ต่อด้วยพระชายา

“มีเรื่องอะหยังขุ่นข้องหมองใจ๋ก่อหื้อฮู้จักปล่อยวาง ประนีประนอมและฮู้จักหื้ออภัย แล้วลูกจะพบความสุขแต๊ คือการได้หื้อว่าได้เสียสละ เน้อลูกเน้อ”

เจ้าศิริวัฒนาอิ่มเอมในพรที่ได้รับจนน้ำตาซึม เพราะทุกคำพูดของพ่อแม่ทิ่มแทงเข้าไปกลางใจตน เจ้าศิริวัฒนาก้มกราบเจ้าหลวง และพระชายาซึ่งพรมน้ำลงรดหัวให้เช่นกัน

เจ้าศิริวงศ์กับมณีรินสบตากัน คาดหวังว่าจะได้รับข่าวดีจากเจ้าศิริวัฒนา ขณะที่บัวเงินร้อนรุ่มเดาไม่ออกว่าเจ้าศิริวัฒนาจะตัดสินปัญหาอย่างไรกันแน่ เพราะสิ่งเดียวที่เธอคาดหวังคือ ความตายของมณีริน

ooooooo

ชายฝั่งริมน้ำปิง ชาวบ้านช่วยกันขนทรายจากตลิ่งเข้าวัด และก่อเจดีย์ทรายเล่นกันบนชายหาด เรือลำหนึ่งพายตัดสายน้ำมาจากฝั่งตรงข้าม และเข้าเกยหาด คำเที่ยงขึ้นจากเรือก่อนแล้วช่วยประคองมณีริน ทั้งคู่แต่งตัวกลมกลืนเป็นชาวบ้านธรรมดา

มณีรินมองหาเจ้าศิริวงศ์ เห็นเขาก้าวเดินออกมาจากกลุ่มชาวบ้านที่เล่นสาดน้ำกันอยู่ ในมือมีพิณเปี๊ยะติดมาด้วย ทั้งคู่เกาะกุมมือกัน

“อย่าอยู่ตี้นี่เมินเน้อเจ้าริน” คำเที่ยงกำชับ

“บ่เมินดอกพี่คำเที่ยง เฮาก่อเจดีย์ทรายไหว้พระกันเสร็จแล้วก็จะปิ๊ก” เจ้าศิริวงศ์รับปาก

คำเที่ยงค่อยๆถอยห่างออกไปอย่างรู้หน้าที่ เวลาเดียวกันนั้นเอง บัวเงินเข้ามาหาเจ้าศิริวัฒนาในห้องพลางฟ้องว่า คนของเธอไปเห็นเจ้าศิริวงศ์กับเจ้ามณีรินเล่นน้ำสงกรานต์อยู่ที่ริมปิงพร้อมใส่ไฟ

“เปิ้นหัวร่อต่อกระซิก จับมือถือแขนกันอย่างกับเป๋น ผัวเมียกัน บ่ได้ฮู้สึกอับอายสายตาของใผเลย เจ้าอ้าย...เจ้านางน้อย เปิ้นยะจะอี้ นอกจากจะบ่เกรงใจ๋แล้ว ยังเป๋นการดูหมิ่น เจ้าอ้ายอย่างหื้ออภัยบ่ได้เน้อ เจ้าอ้ายเป๋นคู่หมั้นคู่หมายแต๊ๆ แต่เปิ้นไประเริงกับป้อจายอื่นจะอี้ นอกจากจะผิดผีแล้ว เสื้อบ้านเสื้อเมืองจะต้องบ่ปอใจ๋ อัปรีย์จัญไรจะบังเกิดในแผ่นดิน”

“คนของเจ้ามันตาฝาด หญิงจายกู่นั้น บ่ใจ้น้องจายข้ากับเจ้ารินหรอก ออกไป...ข้าจะพักผ่อน” ศิริวัฒนาหันหลังหนี

บัวเงินได้จังหวะ หยิบห่อผ้าขาวบรรจุผมอีเม้ยออก มาเปิดแล้วหยิบปอยผมขึ้นมางึมงำ

“ถึงเวลามึงได้ยะงานของมึงแล้วอีเม้ย” บัวเงินคลานเข้าไปหาศิริวัฒนา แล้วฉวยโอกาสยัดปอยผมผีอีเม้ยเข้าชายโจงกระเบน

“อะหยังของเอ็งแหม บัวเงิน” เจ้าศิริวัฒนาพูดออกมาได้ไม่จบประโยค ก็ชะงักกึก

บัวเงินมองเขม็ง เห็นศิริวัฒนาตาขวางลุกพรวดขึ้นยืน หน้าผีอีเม้ยเข้าซ้อนหน้าเจ้าศิริวัฒนา ตาพองโต อ้าปากขึ้นกรีดร้องคำรามเป็นเสียงผีอีเม้ย

ที่ริมปิง เจ้าศิริวงศ์กับมณีรินช่วยกันตกแต่งเจดีย์ทรายด้วยตุงกระดาษจนเสร็จ มือเจ้าศิริวงศ์ขยับไปแตะทับมือมณีรินไว้พลางอธิษฐาน

“ชาตินี้ เฮาได้ทำบุญสืบพระศาสนาร่วมกั๋น เกิดชาติหน้าฉันใด ขอหื้อบุญกุศล หนุนส่งนำพาหื้อเฮาสองคนไดปะกั๋นแหม ทุกภพทุกชาติไปเน้อ ต่อหื้ออยู่กั๋นคนละแผ่นดิน มีฝั่งน้ำกั้นขวาง แต่เฮาก่อร่วมผืนฟ้าเดียวกั๋น มีหัวใจที่เต็มไปด้วยความฮักต่อกั๋นเน้อเจ้านางน้อย เฮาจะจดจำดวงตาแสนงามคู่นี้ไว้ บ่มีวันลืมเลือน”

“เฮาก่อจะจดจำสายคู่นี้ บ่มีวันลืมเลือนเหมือนกั๋น” มณีรินตอบรับ

ขณะที่เจ้าศิริวงศ์กับมณีรินให้คำมั่นสัญญาต่อกันอยู่นั้น เจ้าศิริวัฒนาก็กำลังทุรนทุรายกำลังต่อสู้อยู่กับผีอีเม้ยที่จะเข้าครอบครองร่าง บัวเงินตะลึงตาค้างกับฤทธิ์เดชของอีเม้ย พลางร้องสั่ง

“เอาหื้ออยู่ อีเม้ย เอาหื้ออยู่”

“เสียงอะหยัง นังบัวเงิน” เจ้าหลวง พระชายา และสล่าพันวิ่งพรวดเข้ามา

พระชายากรีดร้องเมื่อเห็นภาพเจ้าศิริวัฒนา เหมือนคนบ้าคลั่ง กวาดทำลายข้าวของบนโต๊ะทำงานกระเด็นมาถึงเจ้าหลวงกับตน สล่าพันรีบเอาตัวกันไว้

เจ้าศิริวัฒนาของขึ้น  ก้าวพรวดพราดตาขวาง ผ่าน ทุกคนออกไปหยิบดาบมากำแน่น แล้วหันขวับมาร้องคำราม

“เจ้าครับ...เจ้า” สล่าพันเสี่ยงตายตามมา

“ไอ้พัน...มึงคิดจะขวางตางกูก๊ะ” เจ้าศิริวัฒนาคำรามอย่างดุร้ายด้วยน้ำเสียงของอีเม้ย

เจ้าหลวงกับพระชายาที่ตามเข้ามายืนตะลึง บัวเงินจ้องเขม็งสะใจฤทธิ์อีเม้ย

“กูจะควักหัวใจ๋มึงออกมาอีมณีริน อีคนสารเลว” เสียงผีอีเม้ยในร่างเจ้าศิริวัฒนาเอ่ย แล้วก้าวพรวดพราดออกไป เจ้าหลวงเร่งให้สล่าพันตามไป แล้วหันมาถามบัวเงิน ว่าเกิดอะไรขึ้น

บัวเงินทำเป็นก้มหน้านิ่ง แล้วบอกเล่าความสัมพันธ์ของเจ้าศิริวงศ์กับมณีรินให้ทั้งสองรับรู้

ooooooo

ห่อผ้าปิ่นคำดอกปีบถูกคลี่เปิดออกพร้อมเสียงกังวานของเจ้าศิริวงศ์ “ปิ่นคำกาสะลองจ้อนี้ เฮาหื้อเจ้านางน้อยไว้เป็นตี้ระลึกถึงความฮักของเฮาเน้อ”

“งามนัก...เฮาจะปักปิ่นนี้กู่วัน”

“จะอั้นกู่วัน เจ้านางน้อยก่อจะได้ยินเสียงกระซิบจากเฮาว่า เจ้าน้อยศิริวงศ์ฮักเจ้านางมณีรินนักขนาด ฮักผู้เดียว ฮักตลอดไป ฮักจนวันต๋าย...”

มณีรินยกมือขึ้นปิดปากคนรัก “วันดี วันมงคล จะไดอู้ถึงความต๋าย...บ่ดี”

เจ้าศิริวงศ์รวบมือมณีรินไว้แล้วจูบละมุนละไม “เฮาบ่กั๋ว จาดนี้เฮาได้ฮู้จักความฮักแล้ว ถึงต๋ายเฮาก่อบ่นึกเสียดายหรอก...เฮาจะปักปิ่นหื้อเจ้านางน้อยเน้อ” เจ้าศิริวงศ์เสียบปิ่นปักมวยผมให้มณีริน

เป็นเวลาเดียวกับที่เรือหางแมงป่อง พุ่งทะยานตัดผิวน้ำมาจากฝั่งตรงข้าม ทหารจ้วงฝีพายสุดกำลัง เห็นเจ้าศิริวัฒนายืนกำดาบแน่นอยู่กลางลำเรือ แววตากร้าว ด้วยฤทธิ์อำนาจผีอีเม้ยครอบงำ

ชาว​บ้าน​ที่​เล่น​น้ำ​เล่น​ทราย​กัน​อยู่​บน​ชายฝั่ง​ต่าง​มอง​ไป​เป็น​ตาเดียว​กัน คำ​เที่ยง​ที่​อยู่​แถว​นั้น​เห็น​แล้ว​ขน​หัว​ลุก รีบวิ่ง​ไป​บอก​เจ้า​ศิริ​วงศ์​ที่​กำลัง​ดีด​พิณ​เปี๊ยะ​ให้​มณี​ริน​ฟัง พลาง​เร่ง​ให้​ทั้ง​สอง​หลบ​ไป​ก่อน​เพราะ​ท่าทาง​เจ้า​ศิริ​วัฒนา​เหมือน​โกรธ​ใคร​มา

เจ้า​ศิริ​วงศ์​เป็น​ห่วง​มณี​ริน​จึง​สั่ง​ให้​หลบ​ไป​กับ​คำ​เที่ยง​ก่อน ส่วน​ตน​จะ​ไป​รับหน้า​เจ้า​ศิริ​วัฒนา​เอง แต่​มณี​ริน​ไม่​ยอม​ยืนกราน​จะ​ขอ​อยู่​เคียง​ข้าง​คน​รัก

“ตอน​นี้​เฮาบ่ฮู้​ว่า​เจ้า​อ้ายเปิ้น​มา​ด้วย​ความ​ฮู้​สึก​ใด

เจื้อ​เฮา​เต๊อะ หลบ​ไป​กับ​ปี้​คำ​เที่ยง​ก่อน เฮา​จะ​อยู่​ฮับ​หน้า​เปิ้น​เอง” เจ้า​ศิริ​วงศ์​ขอร้อง แต่​มณี​ริน​กลับ​จับ​มือ​เจ้า​ศิริ​วงศ์​ไว้​แน่น​ไม่​ยอม​ปล่อย

“ไป​เต๊อะ เจ้า​ริน” คำ​เที่ยง​ดึง​มณี​ริน​ออก ​มือ​ของ​ทั้งสอง​หลุด​จาก​กัน

“ฝาก​ดูแล​เจ้า​นาง​น้อยเปิ้นตวยเน้อ​ปี้​คำ​เที่ยง” เจ้า​ศิริ​วงศ์​สั่ง​แล้ว​เดิน​ออก​ไป​เผชิญหน้า​พี่​ชาย​ที่​ริม​ปิง

เรือ​หาง​แมง​ป่อง​พุ่ง​เข้า​เกย​น้ำ​ตื้น​ชายฝั่ง ชาว​บ้านเปิด​ทาง​เจ้า​เสด็จ เจ้า​ศิริ​วัฒนา​ขึ้น​จาก​เรือ มือ​กำ​ดาบ​แน่น ตาขวาง กวาด​สายตา​มอง​หา​เป้าหมาย  ​แล้ว​ก้าว​พรวดพราด เหยียบย่ำลง​ไป​บน​กอง​เจดีย์​ทราย​ปัก​ตุง​กระดาษ​ที่​ชาว​บ้าน​ก่อ​กัน​เอา​ไว้

“เจ้า​อ้าย” เจ้า​ศิริ​วงศ์ วิ่ง​ออก​มา​เผชิญหน้า​กับ​เจ้า​ศิริวัฒนา แต่​เจ้า​ศิริ​วัฒนาไม่ได้​สนใจ​เจ้า​ศิริ​วงศ์​เลย​สัก​นิด​เพราะ​เป้าหมาย​คือ มณี​ริน

“มัน​อยู่​ตี้​ไหน อี​มาร​สารเลว​มณี​ริน มัน​อยู่​ตี้​ไหน” เสียง​ผี​อี​เม้ย​เอ่ย​ถาม

เจ้า​ศิริ​วงศ์​ตะลึง​รู้สึก​เหมือน​ผู้​ที่​อยู่​ตรง​หน้า​ไม่​ใช่​พี่​ชาย​ของ​ตน แต่​จำ​ต้อง​คุกเข่า​ขอร้อง

“เจ้า​อ้าย น้อง​ขอ​ความ​เมตตา เจ้า​อ้าย​โปรด​หัน​แก่​ความ​ฮัก​ของ​เฮา​สอง​คน​ตวย”

“บ่เกี่ยว​กับ​มึง กู​ต้องการ​ตั๋ว​อี​มณี​ริน” เจ้า​ศิริวัฒนา​จะ​ก้าว​ขึ้น​เข้า​เขต​วัด​เบื้องบน

พุ​ทธานุ​ภาพ​ทำให้​เกิด​เหมือน​ม่าน​เรือง​แสง​ค่อยๆเคลื่อน​ลง​มา​ปิด​กั้น​อาณาเขต​ไว้ เจ้า​ศิริ​วัฒนา​ผงะ​ชะงัก ผี​อี​เม้ย​หัว​ทิ่ม​ทะลัก​ออก​มา​จาก​ตัว​เจ้า​ศิริ​วัฒนา

เจ้า​ศิริ​วงศ์​เข้า​คว้า​แขน​พี่​ชาย​ไว้ ผี​อี​เม้ย​รีบ​กลับคืน​เข้า​ร่าง​ได้​ก็​หัน​ขวับ​มา ​แต่​ยัง​ทำ​อะไร​ไม่ได้​เพราะ​เจ้า​ศิริ​วัฒนา​เริ่ม​รู้ตัว​และ​ขัดขืน

“ถ้า​เจ้า​อ้าย​จะ​ลงโทษ ก็​ลงโทษ​น้อง​คน​เดียว​เต๊อะ ถ้า​จะ​ต้อง​เจ็บน้อง​ขอ​เจ็บ​แทน​เจ้า​นาง​น้อย  ถ้า​จะ​ต้อง​ต๋าย​แล้ว​เจ้า​อ้าย​หาย​โกรธ น้อง​ก่อ​ยินดี​ต๋าย​ด้วย​คม​ดาบ​ใน​มือ​เจ้า​อ้าย” เสียง​เจ้า​ศิริ​วงศ์​อ้อนวอน

เหมือน​ทำให้​พลัง​ของ​เจ้า​ศิริ​วัฒนา​เข้มข้น​ขึ้น ขณะ​ที่​ผี​อี​เม้ย​เริ่ม​อ่อน​แรง​ลง แล้ว​เสียง​บัว​เงิน​ก็​ดัง​ก้อง

“โอกาส​เดียว​ตี้​มึง​จะ​แทน​คุณ​กู​ได้​อี​เม้ย มึง​ต้อง​ยะหื้อ​สำ​เร็จคน​ไหน​มา​ขวาง​ทาง​มึง อย่า​ไว้หน้า​มัน” อี​เม้ย​ฮึด​สู้​  มัน​ยึด​ร่าง​เจ้า​ศิริ​วัฒนา​ได้​อีก​ครั้ง

เจ้า​ศิริ​วัฒนา​สะดุ้ง​เฮือก​สะบัด​แขน​ออก​จาก​เจ้า​ศิริ​วงศ์​แล้ว​ก้าว​อย่าง​มั่นคงจะ​เข้า​เขต​วัด​ให้​ได้ เจ้า​ศิริ​วงศ์​รีบ​คว้า​ขา​เจ้า​ศิริ​วัฒนา​กอด​รัด​ไว้​แน่น​พลาง​พร่ำ​รำพัน “หัน​แก่​ความ​ฮัก... เจ้า​อ้าย​เมตตา​เฮา​สอง​คน​ตวย”

มือ​ที่​กำ​ดาบ​ของ​เจ้า​ศิริ​วัฒนา​ต่อสู้​กันเอง​อย่าง​เข้มข้น สุดท้าย​อี​เม้ย​เป็น​ฝ่าย​ชนะ มัน​ชัก​ดาบ​ออก​จาก​ฝัก​แล้ว​เงื้อ​ขึ้นสุด​แขน​แล้ว​พลัน​ชะงัก  ​เมื่อ​เห็น​เจ้า​ศิริ​วงศ์​ก้ม​ลง​กราบ​ขอ​ความ​เมตตา

“ถ้า​เจ้า​นาง​น้อย​มี​อัน​เป๋​น​ไป น้อง​ก่อ​จะ​ต๋ายตวย   บ่มี อะห​ยัง​พราก​ความ​ฮัก​ของเฮาสอง​คน​ได้​ดอก​เจ้า​อ้าย”

“ดี...จะอั้นกูก็อยากฮู้”  เจ้าศิริวัฒนาถีบเจ้าศิริวงศ์  แล้ว กระทืบๆๆ จากนั้นก็ตะโกนสั่งทหารให้เอาตัวเจ้าศิริวงศ์ไปที่เรือ

ผีอีเม้ยในร่างเจ้าศิริวัฒนาตะโกนเรียกมณีรินให้ออกมา

ooooooo

ด้านมณีรินที่หลบอยู่ในวิหาร ตัดสินใจออกมา เผชิญหน้ากับความจริง เพราะเป็นห่วงเจ้าน้อย คำเที่ยง พยายามจะดึงไว้ แต่ไม่สำเร็จ

มณีรินวิ่งมาถึงริมปิงก็เห็นเจ้าศิริวงศ์ถูกทหารคุมตัวพา

นั่งเรืออ​อกไป โดยมีเจ้าศิริวัฒนายืนอยู่ข้างๆ

“เจ้าน้อยๆ” มณีรินตะโกนเรียกคนรัก

“มึงมาแล้วก๊าอีคนบูชาความฮักด้วยชีวิต” เจ้าศิริวัฒนา แสยะยิ้มกำดาบในมือแน่น สั่งให้ทหารเอาเรือกลับเข้าไป เพื่อจะจัดการกับมณีริน

เจ้าศิริวงศ์สะบัดหลุดจากทหาร  แล้วลุกขึ้นปัดดาบในมือ

เจ้าศิริวัฒนา​ร่วงลงตกนํ้า เจ้าศิริวัฒนาเดือดดาล ฟาดเจ้าศิริวงศ์ ด้วยหลังมือล้มลง แล้วเข้าคร่อมพลางบีบคออย่างแรงด้วยมือ ข้างเดียว

เจ้าศิริวงศ์เห็นหน้าผีอีเม้ยซ้อนทับหน้าเจ้าศิริวัฒนาครึ่งๆ ก็ชะงัก   เป็นเวลาเดียวกับที่มืออีกข้างของเจ้าศิริวัฒนาคว้า เอาพิณเปี๊ยะขอ​งเจ้าศิริวงศ์ที่ทหารเก็บมา   เงื้อขึ้นสุดแขน แล้วจะปักลงกลางอกเจ้าน้อย

“เจ้าอ้าย” เจ้าศิริวงศ์ร้อง แต่นาทีนั้นเอง ด้ามพิณเปี๊ยะ ปักเข้ากลางอกเสียแล้ว เจ้าน้อยกระเสือกกระสนกระถดหนี

“กูบ่ไจ้ปี้ของมึง” เจ้าศิริวัฒนาคว้าคอเจ้าศิริวงศ์ยกตัว ขึ้นกระชากดึงพิณออกมาพลางตะ​โกนเรียกมณีริน

“อีมณีริน มึงมาผ่อศพผัวรักของมึงเสีย” เจ้าศิริวัฒนา ผลักร่างเจ้าศิริวงศ์พลัดหงายหลังตกนํ้า แล้วจมหายไป

ก​ับนํ้าเชี่ยว พร้อมเสียงหัวเราะกึกก้องของผีอีเม้ย

“เจ้าน้อย...เจ้าน้อย” มณีรินกรีดร้องอย่างเสียสติ แล้วลุยนํ้าลงมาอย่างไม่คิดชีวิตทั้งที่ว่ายนํ้าไม่เป็น จนจมนํ้า หายไปกับสายนํ้าอีกคน

มณีรินดำนํ้าลงควานหาร่างเจ้าศิริวงศ์จนเจอ เธอกอด ศพเจ้าน้อยไว้แน่นพร้อมจะตายตาม

“ตายตามกันไปเสียได้ก็ดี อีคนสารเลว” ผีอีเม้ย พอใจกับผลงานแล้วร่างของมันก็หลุดพรวดออกมาจากร่างเจ้า

ศิร​ิวัฒนา ก่อนสลายตัวเป็นก้อนมวลสารสีเทาดำ ม้วนตัว หายไปในอากาศ

เจ้าศิริวัฒนาสิ้นแรงซวนเซแล้วทรุดลง​  งงงันกับสิ่งที่ เกิดขึ้นเหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่น แล้วหันไปเห็นพิณเปี๊ยะ เปื้อนเลือดในมือ

“อะหยัง...เฮายะอะหยังลงไป เจ้าน้อย...เจ้าริน” เจ้าศิริวัฒนาตะโกนสุดเสียง

ooooooo

ที่คุ้มหลวง เจ้าหลวงกับพระชายาเดินกระวน-กระวายร้อนใจเป็นที่สุด เพราะยังไม่มีใครกลับมา ส่งข่าว  เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ สล่าพันก็เข้ามาในห้อง

“เป็นจะไดไอ้พัน มึงตามลูกกูไปทันก่อ” เจ้าหลวงรีบถาม

ส​ล่า​พัน​พูด​ไม่​ออก​ได้​แต่​ก้มหน้า​ทรุด​ตัว​ลง​หมอบ​กราบ​กับ​พื้น ไม่​สามารถ​ทำ​ภารกิจ​ที่​ต้อง​กราบทูล​ความ​จริง​ที่​เกิด​ขึ้น​ออก​มา​ได้​เป็น​คำ​พูด มี​แต่​เสียง​สะอื้น​ดัง​ขึ้น​แทน

“พัน...อะห​ยัง...เกิด​อะห​ยัง​ขึ้น​กัน​แน่” พระชายา​แทบ​หยุด​หายใจ

ส​ล่า​พัน​กัดฟันเงย​หน้า​ขึ้น​กราบทูล​เรื่องราว​ทั้ง​น้ำตา เมฆ​หมอก​สี​เทา​ดำ​แผ่​ปกคลุม​ไป​ทั่ว​คุ้ม   ตาม​มา​ด้วย​เสียง​กรีดร้อง​อย่าง​ตกใจ​สุดขีด​ของ​พระชายา​และ​เสียง​ร้องไห้​ระงม​ของ​ทุก​คนใน​ที่​นั้น

ส่วน​บัว​เงิน​เอง​ก็​แทบ​ช็อก   ​เมื่อ​อี​เม้​ยก​ลับ​มา​รายงาน​ว่า​เจ้า​น้อย​ตาย​แล้ว​เพราะ​มัน​พลั้ง​มือ​ไป

“อี​ง่าว...​แล้ว​อี​มณี​ริน​ล่ะ มัน​ตาย​แล้ว​แน่​ก๊ะ มึง​หัน​กับ​ตา​มึง​ก่อ”

“มัน...มัน​จม​หาย​ลง​ไป​ใน​น้ำ” ผี​อี​เม้ย​เริ่ม​ไม่​แน่ใจ

“อี​เม้ย” บัว​เงิน​ตวาด​ลั่น

ผี​อี​เม้ย​เห็น​ท่า​ไม่​ดี​รีบ​คลาน​หนี​หัวซุกหัวซุน

ที่​เรือน​มณี​ริน​ใน​ตอน​ค่ำ เหล่า​บริวาร​แต่ง​ไว้ทุกข์​นั่ง​ร้องไห้​ซับ​น้ำตา​กัน​ทั่ว​หน้า คำ​เที่ยง​บีบ​นวด​มณี​ริน​ที่​ยัง​ไม่ได้​สติ​อยู่​บน​เตียง​พลาง​ร้อง​เรียก

“เจ้า​ริน...เจ้า​ริน ได้ยิน​พี่​ก่อ​เจ้า​ริน”

มณี​ริน​ค่อยๆลืมตา รู้สึก​เหมือน​ตก​อยู่​ใน​ความ​ฝัน​แดน​สนธยา เธอ​เอ่ย​ถาม​คำ​เที่ยง​ว่า ตน​ฝัน​ไป​ใช่​ไหม คำ​เที่ยง​น้ำตา​ไหล​พราก​ประคอง​มณี​ริน​ขึ้น​นั่ง เหล่า​บริวาร​เห็น​ก็​พา​กัน​ร้องไห้​ระงม

“พวก​โต...ไว้ทุกข์​หื้อ​ผู้​ใด” มณี​ริน​ยัง​ไม่​ยอม​รับ​ความ​จริง

คำ​เที่ยง​จำ​ใจ​เอ่ย “จน​พลบ​ค่ำ พวก​ทหาร​ถึง​ได้​งม​ศพ​เจ้า​น้อย​เปิ้น​ขึ้น​มา​ได้ เจ้า​ริน​ทำใจ​เสีย​เน้อ มี​วัน​พบ​กัน​ก็​ต้อง​มี​วัน​พลัดพราก”

“เฮาบ่เชื่อ​พี่​จนกว่า เฮา​จะ​หัน​กับ​ตา​เฮา” มณี​ริน​น้ำตา​ร่วง​ลุก​ลง​จาก​เตียง​แล้ว​วิ่ง​ออก​ไป​ที่​คุ้ม​หลวง

มณี​ริน​วิ่ง​พรวด​เข้า​มา​ใน​ห้อง​ตั้ง​ศพ​เจ้า​ศิริ​วงศ์ ร่าง​ของ​เจ้า​น้อย​ใน​ชุด​เต็มยศ​นอน​อยู่​บน​ตั่ง

“เจ้า​น้อย...เจ้า​น้อย” มณี​ริน​วิ่ง​เข้า​มา​หา​ศพ​เจ้า​ศิริ​วงศ์ “ตื่น​ขึ้น​มา​เต๊อะ​เจ้า​น้อย...เฮา​ฮู้​ว่า​โต​แค่​นอน​หลับ​ไป โต​ยังบ่ได้​จาก​เฮา​ไป​ที่​ใด ตื่น​ขึ้น​มา​เต๊อะ เฮา​สอง​คน​ยัง​มี​เรื่อง​คุย​กัน​อีก​นัก อย่าง​น้อย​ก็​ลืมตา​ขึ้น​มา​ฟัง​เฮา​ก่อน เฮา​ยัง​เล่า​เรื่อง​บ้าน​เกิด​ของ​เฮา​หื้อ​โต​ฟังบ่จบ​เลย เจ้า​น้อย...เจ้า​น้อย” มณี​ริน เขย่า​ร่าง​เจ้า​ศิริ​วงศ์

เจ้า​หลวง​สะเทือนใจ น้ำตา​ร่วง ส​ล่า​พัน​ก้มหน้า​อยู่​สุด​ห้อง​ไกลๆ คำ​เที่ยง​ที่​ตาม​เข้า​มา​ทรุด​ตัว​ลง​ร้องไห้​อยู่​หน้า​ห้อง

เจ้า​ศิริ​วัฒนา​กัดฟัน​แน่น สำนึก​ผิด ​และ​สะเทือนใจ​อย่าง​แรง นัย​น์ตา​ไม่​สามารถ​มอง​เห็น​สิ่ง​ใด​ได้ เพราะ​ถูก​ปิดบัง​ด้วย​ม่าน​น้ำตา ส่วน​บัว​เงิน​สงบ​นิ่ง​แต่​น้ำตา​ร่วง เพราะ​ศิริ​วงศ์​ต้อง​ตาย​ด้วย​น้ำมือ​ตน​แท้ๆ

พระชายา​ดึง​มณี​ริน​เข้า​มาก​อด​ปลอบ “เจ้า​นาง​น้อย... หักอกหักใจ​เสีย​เต๊อะ แม่​เอง​ก็​ใจ​จะ​ขาด แต่​จะ​ยะ​จะ​ได​ได้ เปิ้น​จาก​เฮา​ไป​แล้ว บ่มี​วัน​ปิ๊ก​มา​แล้ว”

มณี​ริน​มอง​ศพ​เจ้า​ศิริ​วงศ์​แล้ว​ขยับ​ไป​หา​ที่​ปลาย​เท้า พลาง​เอื้อม​มือ​ไป​จับ​เท้า​ทั้ง​สอง​ข้าง​ของ​เจ้า​ศิริ​วงศ์​แสดง​คารวะ​อัน​สูง​สุด​ที่​เมีย​จะ​แสดง​ต่อ​ผัว​ได้ นั่น​คือ​รวบ​ผม​ที่​ยาว​เต็ม​หลัง​เข้า​มา​ก้ม​ลง​ใช้​เส้น​ผม​เช็ด​เท้า​ให้ ทำให้​บรรยากาศ​เต็ม​ไป​ด้วย​ความ​เศร้า​สะเทือนใจ

เจ้าหลวงเดินจิตใจหม่นหมองออกมาสั่งสล่าพัน “ข้าฝากเอ็งดูแลจัดงานส่งลูกข้าเป็นครั้งสุดท้าย หื้อสมเกียรติโตย แล้วเอ็งประกาศออกไปหื้อทุกคนฮับฮู้ ตั้งแต่บัดนี้ไป ใครไม่ว่าหน้าไหน ถ้ามันเล่นพิณเปี๊ยะอีก มันจำต้องอาญาแผ่นดิน”

“รับสนองพระบัญชา” สล่าพันยกมือไหว้รับคำสั่ง ทั้งที่ใจสลาย

เช่นเดียวกับเจ้าศิริวัฒนาที่ยังคงอยู่ในความทุกข์ทรมาน เขากอดรูปถ่ายคู่กันของสองพี่น้องพลางรำพัน

“เจ้าน้อยของอ้าย อ้ายยะหยังลงไป อ้ายบ่ได้ตั้งใจ สุมา หื้ออ้ายโตย เจ้าน้อย...อ้ายบ่ได้ตั้งใจ”

ลานโล่งถูกตกแต่งอย่างสมเกียรติ เพื่อใช้เป็นสถานที่ เผาศพเจ้าน้อย ตุงมากมายถูกปักขึ้นสูงเสียดฟ้าสีครามหม่น เสียงร้องไห้ระงม ทุกคนอยู่ในความโศกศัลย์ เปลวไฟฐานเชิงตะกอนค่อยๆลุกโชนโชติช่วงขึ้นไหม้ฟืนเผาศพ

บัวเงินเก็บความแค้นไว้ภายใน เธอเสียใจไม่น้อยต่อความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เจ้าศิริวัฒนาน้ำตาไหล ส่วนมณีรินเหมือนร้องไห้มาเจ็ดวันเจ็ดคืนจนไม่มีอะไรจะร้อง กองฟืนทรุดตัวลงและยิ่งทำให้ไฟลุกโชนหน้าขึ้นอีก

“พาเฮาไปโตยเจ้าน้อย อย่าทิ้งเฮาไว้คนเดียวจะอี้ พาเฮาไปโตย” มณีรินดิ้นรนทั้งที่อ่อนแรงเต็มที มือไขว่คว้าจะไปหาเจ้าน้อยเสียให้ได้ จนหมดสติไปกับอ้อมกอดคำเที่ยง

พิธีศพเจ้าน้อยผ่านพ้นไป มณีรินยังคงทำใจไม่ได้ เธอนอนเลื่อนลอยอยู่บนเตียง คำเที่ยงเข้ามาขอร้องให้เจ้านางน้อยลุกขึ้นมากินข้าวกินปลาอย่าทรมานตัวเอง

“ในเมื่อคนที่เฮาฮักจากเฮาไปแล้ว เฮาจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะหยัง พี่คำเที่ยง” มณีรินรำพึง

“ถ้าเจ้ารินมีอันเป็นไปอีกคน แล้วคนข้างหลังที่ฮักเจ้ารินล่ะ เจ้ารินต้องนึกถึงจิตใจเปิ้นหื้อนักๆเน้อ ไหนจะพ่อเจ้าแม่เจ้าที่เชียงตุง ไหนจะเจ้าหลวงพระชายาที่นี่แหม” คำเที่ยงเตือนสติ

มณีรินค่อยๆหลับตาลง น้ำตาไหลลงข้างแก้ม

“พี่จะไปยกสำรับมาหื้อ เจ้ารินคอยพี่หน่อยเน้อ” คำเที่ยงขยับลุกออกไป

มณีรินที่นอนนิ่งลุกขึ้นนั่ง พลางเอื้อมมือไปหยิบปิ่นทองคำข้างเตียงมากำแน่นตั้งใจจะแทงตัวเองด้วยด้ามปิ่น แต่คำเที่ยงหันกลับมาเห็นพอดี

“เจ้าริน...อย่า จะไดยะจะอี้” คำเที่ยงพุ่งเข้ามายื้อห้ามได้ทัน

“เฮาอยากตาย พี่คำเที่ยง ปล่อยหื้อเฮาได้ตายสมใจเฮาเต๊อะ เฮาจะตามเจ้าน้อยเปิ้นไป” มณีรินร่ำไห้

คำเที่ยงสงสารเจ้านางน้อยจับใจ

ขณะที่ในห้องเสวยก็ดูเงียบเหงา พวกนางข้าหลวงที่อยู่รับใช้ต่างสงบเงียบเหมือนไม่มีตัวตน สล่าพันอยู่รับใช้ในมุมของตน เจ้าหลวงกับพระชายายังเสวยไม่ลงจึงหันมาปรับทุกข์กัน

“คุ้มเจ้าหลวงใหญ่โตกว้างขวาง แต่คนในคุ้มมีแต่ความทุกข์ ทรัพย์สมบัติอะหยังก็บ่มีความหมาย”

“ทุกอย่างสายเกินไป ถ้าพ่อกับแม่ได้ฮับรู้เรื่องความทุกข์ของลูกเสียก่อนหน้านี้ พี่น้องก็คงบ่ต้องมาล้างกันเองจะอี้” พระชายาซับน้ำตา

สล่าพันก้มหน้านิ่ง บรรยากาศเงียบสนิทเหมือนไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ในห้อง

ooooooo

มณีรินยังคงเลื่อนลอยเหมือนร่างไร้วิญญาณอยู่ในห้อง คำเที่ยงพาเจ้าศิริวัฒนาเข้ามาหวังจะให้ ช่วยปลอบใจเจ้านางน้อย

“เจ้าริน...ยกโทษหื้ออ้ายเน้อ...อ้ายขอฮับผิดทั้งหมด อ้ายเสียใจนักขนาด ชาตินี้ชาติหน้าหรือชาติไหนๆ อ้ายก็

คงบ่มีทางพ้นบาปนี้ไปได้ ถ้าเจ้ารินบ่เปิดโอกาสหื้ออ้ายได้ ไถ่บาป” ศิริวัฒนาเอื้อมไปจับมือมณีรินมากุมไว้ “แต่งงานกับอ้ายเน้อเจ้าริน หื้อโอกาสอ้ายได้มอบความฮักจากหัวใจอ้ายต่อเจ้าริน...เจ้ารินจะได้ฮู้ว่าอ้ายก็ฮักเจ้ารินบ่ได้น้อยไปกว่าเจ้าน้อยศิริวงศ์เปิ้นเลย” แต่มณีรินนิ่งเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น

เจ้าศิริวัฒนาดึงตัวมณีรินมากอด มณีรินน้ำตาร่วง

สิ้นเรี่ยวแรงที่จะขัดขืน เธอเอ่ยออกไป “เฮาจะแต่งงานกับเจ้า... ได้อย่างใด ในเมื่อเฮาฮู้อยู่เต็มอกว่าเจ้าคือ...ฆาตกรเลือดเย็น พรากคนฮักของเฮาไป...เจ้าบ่ฮู้จักความฮักต่อหื้อชาตินี้ชาติหน้าหรือชาติไหนๆ เฮาก็ฮักเจ้าบ่ลงดอก เอาชีวิตของคนฮักเฮาคืนมา หรือบ่จะอั้นถ้าจะสงเคราะห์ช่วยฆ่าเฮาหื้อตายตามเจ้าน้อย

ศิริวงศ์เปิ้นไปด้วยจะดีกว่านัก” มณีรินเมินหน้าหนี

เจ้าศิริวัฒนาหูอื้อตาลายค่อยๆขยับออกไป การถูกปฏิเสธ ขับดันให้กลายเป็นความโกรธ ความเด็ดเดี่ยวเข้มแข็งกลับคืนมาสู่ตนอีกครั้ง

คำเที่ยงเห็นใจเจ้าศิริวัฒนาจึงเข้าเกลี้ยกล่อมมณีรินให้ยอมยกโทษให้เจ้าศิริวัฒนา แต่มณีรินยืนกรานว่าบาปนั้นจะต้องอยู่ในใจเจ้าไปชั่วกัปชั่วกัลป์

“เฮาบ่ได้อาฆาตจองเวร แต่กรรมนั้นจะสนองเปิ้นเอง ความฮักของเปิ้นบ่ใช่ความฮักมันเป็นแค่ความหลงเท่านั้น พี่คำเที่ยงอย่าบังคับจิตใจเฮาอีกต่อไปเลย เฮา...มณีรินบ่มีวันยอมได้ชื่อว่าเป็นหญิงสองผัวดอก เฮาเกิดมาเพื่อมีหัวใจฮักและภักดีต่อเจ้าน้อยศิริวงศ์ผู้เดียว” มณีรินยึดมั่นในคำสัญญา

ผีอีเม้ยที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดรีบกลับไปรายงานบัวเงิน

“ง่าวนักขนาด อีแม่ญิงผ่านมือชายมาแล้ว มันจะคู่ควรเป็นพระชายาเป็นแม่เจ้าหื้อใครต่อใครกราบไหว้ได้จะได ความจริงปรากฏจะอี้ ยังจะฝังจิตฝังใจอยู่กับมันแหม สิ้นคิด เจ้าอ้ายสิ้นคิด” บัวเงินแค้นใจ รีบรุดไปเฝ้าพระชายา เธอเล่นบทพี่สาวคนดีชื่นชมความรักที่มณีรินมีต่อเจ้าน้อยให้พระชายาฟัง พลางแนะนำว่า น่าจะส่งมณีรินกลับเชียงตุงเพื่อจะได้ลืมอดีตอันขมขื่น

“บ่ง่ายจะอั้นดอก บัวเงิน วันข้างหน้าศิริวัฒนาจะต้องขึ้นเป็นเจ้าหลวงเชียงใหม่ แล้วผู้ใดจะเหมาะสมกับตำแหน่งพระชายาเปิ้น นอกจากเจ้านางมณีริน และคนที่จะตัดสินใจเลือกพระชายาคือ ศิริวัฒนาเปิ้นเอง” พระชายาชี้แจง

บัวเงินคอแห้งผากแอบถามตัวเองว่า จะต้องเป็นได้แค่หม่อมไปจนตายงั้นหรือ

เวลาเดียวกันนั้น เจ้าศิริวัฒนาก็มาที่เรือนมณีรินเพื่อบังคับให้เธอยอมแต่งงานด้วย แต่มณีรินไม่ยอม ทำให้เจ้าศิริวัฒนาโกรธและคิดจะเอาชนะ มณีรินไม่ตอบโต้เธอยิ้มออกมาอย่างสมเพชและดูแคลน เจ้าศิริวัฒนาเห็นก็ยิ่งแค้น คว้าแขนมณีรินฉุดดึงออกไปจากห้อง มณีรินที่อ่อนแรงล้มลุก คลุกคลานออกไป คำเที่ยงที่ยืนตื่นตระหนกรีบตามไป

เจ้าศิริวัฒนาฉุดดึงลากมณีรินมาจนถึงกี่ทอผ้า “ปิ๊กมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้แล้ว เจ้านางน้อย ผ้าตุ๊มผืนนี้แม่ญิงผู้เป็นเจ้าสาวจักต้องทอ เพื่อมอบให้เจ้าบ่าวผู้ที่จะต้องร่วมชีวิตไปโตยเท่านั้น” เจ้าศิริวัฒนาเหวี่ยงมณีรินไปที่กี่

ทอผ้า “ทอ...ทอเข้า...เฮาสั่งหื้อทอ” เจ้าศิริวัฒนาฉุดดึง

มณีรินขึ้นมาอีกครั้ง และบังคับให้นั่งลงบนกี่

มณีรินเซซังเหมือนไม่มีชีวิตจิตใจ คำเที่ยงสงสารจนน้ำตาร่วง

เจ้าศิริวัฒนาจับกระสวยยัดใส่มือมณีรินบังคับให้ทอ ในที่สุดมณีรินก็ขยับมือ สอดกระสวยพุ่งเส้นไหมช้าๆ เจ้าศิริวัฒนาสงบลงเอ่ยกับมณีริน

“ชีวิตเฮาสองคนยังต้องเดินทางร่วมกันไปอีกเมิน เจ้ารินเปิดดวงตาและดวงใจของเจ้าริน หันผ่อหัวใจฮักจากคนที่ยังมีชีวิต มีลมหายใจอยู่บ้างเต๊อะ จะไดจึงเฝ้าผูกมัด

ตัวเองไว้กับคนที่ตายจากไปแล้วจะอี้”

มณีรินก้มหน้าก้มตาทอผ้าช้าๆ ไม่พูดอะไร เจ้าศิริวัฒนาค่อยๆถอยออกไป

“เจ้าริน” คำเที่ยงเช็ดน้ำตาคลานเข้ามาหามณีริน

“เฮาจะทอผ้าผืนนี้หื้อแล้วตามที่เปิ้นสั่ง แต่เมื่อทอแล้ว เปิ้นจะได้หันว่า บ่มีอะหยังมาพรากความฮักของเฮากับเจ้าน้อยศิริวงศ์เปิ้นได้ เพราะเมื่อผ้าผืนนี้แล้วสมบูรณ์เฮาจะใช้ผ้าผืนนี้ ผูกคอตายตามคนที่เฮาฮักไป” มณีรินบอกความตั้งใจ

คำเที่ยงใจหายวาบมองมณีรินที่ทอผ้าอย่างมีสมาธิ แม้น้ำตาร่วงลงมาแต่ใบหน้ากลับอาบรอยยิ้ม เพราะค้นพบจุดหมายปลายทางที่พึงพอใจ

อีเม้ยที่ตามติดสถานการณ์รีบกลับไปฟ้องบัวเงินว่า มณีรินลงมือทอผ้าต่อแล้ว เพราะเตรียมตัวจะแต่งงานกับ

เจ้าศิริวัฒนา

“อีสารเลว อีญิงหลายผัว จะไดมันบ่โดดกองไฟตายตามผัวเก่ามันไปให้สิ้นเฮื่อง กูจะขอจองเวรกับมันทุกชาติไป มีกูก่อต้องบ่มีอีมณีริน”

บัวเงินประกาศก้อง แล้วรุดไปที่เรือนมณีรินด้วยฤทธิ์คั่งแค้น

ooooooo

รอยไหม

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด