ตอนที่ 13
สล่าพันนั่งหน้าเครียดฟังเจ้าศิริวงศ์เล่นพิณเปี๊ยะด้วยท่วงทำนองดุดัน แสดงความมั่นใจในความรักอันยิ่งใหญ่ ครั้นเพลงจบลง เจ้าน้อยมองหน้าสล่าพันหวังฟังคำวิจารณ์ แต่สล่าพันกลับถอนใจ
“จะได ถอนใจ๋...อ้าย เพลงของเฮาบ่ม่วนก๊ะ”
สล่าพันนิ่งไปนิดก่อนเอ่ย “ถ้าเจ้าคิดเข้าข้างตั๋วเอง เจ้าก่อม่วนของเจ้าคนเดียว คนอื่นบ่ม่วนกับเจ้าหรอก ความลับมันบ่มีในโลกนี้หรอกเน้อเจ้า”
เจ้าศิริวงศ์ชะงัก เพราะรู้ทันทีว่า สล่าพันรู้เรื่องหมดแล้ว
“ความสุขของเจ้า คือความทุกข์ของคนอื่นแต๊ๆ เน้อ” สล่าพันเตือนสติอีก
เวลาเดียวกัน เจ้านางน้อยก็พร่ำรำพันขอให้คำเที่ยง เห็นใจในความรักของตนกับเจ้าศิริวงศ์
“ปี้เลี้ยงปี้ดูแลเจ้ารินมาแต่ละอ่อน อะหยังตี้เป๋นความสุขของเจ้าริน ก่อเป๋นความสุขของปี้เหมือนกั๋น แต่อย่างนึงตี้ปี้อยากจะเตือนเจ้ารินเน้อ...ถ้าเจ้าศิริวัฒนาเปิ้นจะฮู้ความจริง ก่อขอหื้อเปิ้นฮู้จากปากเจ้าน้อยหรือเจ้ารินเน้อ อย่าหื้อเปิ้นฮู้จากปากคนอื่นเด็ดขาด”
มณีรินขยับเข้ากอดคำเที่ยงแทนคำขอบใจ
ooooooo
“คุณเรรินเจ้า คุณเรริน” บัวซอนเคาะประตูเรียก
เรรินที่นั่งฟุบหลับคาสมุดบันทึกของสล่าพัน สะดุ้งตื่นรีบลุกไปเปิดประตู บัวซอนบอกว่า เห็นเรรินเงียบไปนาน กลัวจะไม่สบาย มณีรินบอกว่า เธอเพิ่งหลับไปเมื่อตอนเช้ามืดนี่เอง เพราะอ่านบันทึกของสล่าพันจนเพลิน
เวลาเดียวกันนั้น วงพระจันทร์พาธนินทร์มาพบบัวเงินพร้อมแต่งเรื่องหลอกว่า เรรินเป็นภรรยาของธนินทร์และกำลังนอกใจมาคบหากับสุริยวงศ์เพราะหวังปอกลอก บัวเงินโกรธมากสั่งให้เด็กในบ้าน โทร.ตามสุริยวงศ์มาพบและยื่นคำขาด
“ถ้าแกยังคิดจะนับถือย่าอยู่ แกต้องเลิกคบหาอีแม่ญิงสารเลวคนนี้”
สุริยวงศ์ไม่มีคำตอบให้ เขารีบถอยออกไป ธนินทร์ตามมาถามหาเรริน สุริยวงศ์บอกว่ากลับกรุงเทพฯไปแล้วแต่ธนินทร์ไม่เชื่อ
วงพระจันทร์ตามมาเย้ย “สุริยะ...ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ดีเด่อะไร นอกจากคุณจะต้องกินเดนของเหลือจากคนอื่น แล้ว คิดบ้างรึเปล่าว่าจะซวยขนาดไหน ถ้าจู่ๆมันบอกว่าท้องกับคุณขึ้นมา”
“อย่าดูถูกคนอื่น โดยเอาตัวเองเป็นมาตรฐาน...วงพระจันทร์” สุริยวงศ์ตอกกลับ
วงพระจันทร์กรี๊ดลั่น สุริยวงศ์ไม่สนหันไปทิ้งท้ายกับธนินทร์ “ถ้าคุณดีพอ...คุณรินก็จะกลับไปหาคุณเองไม่มีใครกักขังหน่วงเหนี่ยวเธอไว้ได้หรอก” สุริยวงศ์เอ่ยพลางเดินออกไป
ธนินทร์เดือดดาล ในขณะที่วงพระจันทร์เต้นเร่าๆ
ครั้นออกจากบ้านบัวเงินแล้ว สุริยวงศ์ก็มาปรับทุกข์กับวันดารา วันดาราตำหนิวงพระจันทร์ที่ทำตัวหน้าเกลียดขึ้นทุกวัน พร้อมตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมบัวเงินจึงจงเกลียดจงชังเรรินนัก ทั้งๆที่เพิ่งจะเจอหน้ากันแค่สองครั้ง
“ตอนนี้ผมห่วงคุณรินหนักกว่าครับเอื้อย เป๋นไปได้ก่อครับเอื้อย ตี้จริงแล้วเธออาจจะยังอยู่ในเจียงใหม่นี่แหละ” สุริยวงศ์สงสัย
“มีเหตุผลอะหยังล่ะ” วันดารามองหน้าน้องชาย
สุริยวงศ์นึกถึงห้องทอผ้าและความมุ่งมั่นในการทอผ้าผืนนั้นให้สำเร็จของเรรินขึ้นมาทันที
ooooooo
ธนินทร์มาถามข่าวเรรินกับพรรณวรินทร์ที่โรงแรม พรรณวรินทร์ยืนยันว่า เรรินยังไม่ได้กลับไป เพราะเธอโทร.ไปถามเด็กหลายครั้งแล้ว
ธนินทร์เข้าใจว่า สุริยวงศ์เอาตัวเรรินไปซ่อนจึงชวนพรรณวรินทร์ไปแจ้งความ แต่พรรณวรินทร์ไม่เห็นด้วยเพราะกลัวเสียชื่อเสียง
“คุณแม่จะเอายังไงกันแน่ครับ จะเอาตัวรินเขากลับมาหรือจะรักษาชื่อเสียงนามสกุล” ธนินทร์ตะคอกใส่
“ทำไมจะต้องให้แม่เลือกด้วยในเมื่อทั้งสองอย่างสำคัญพอๆกัน แม่ต้องรักษาไว้ให้ได้ทั้งสองอย่าง”
“หวังมากไปรึเปล่าครับคุณแม่ ป่านนี้คงเน่าไม่เหลืออะไรดีแล้ว” ธนินทร์เดินหัวเสียออกไป
พรรณวรินทร์นั่งอึ้งคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากปากธนินทร์
เวลาเดียวกัน สุริยวงศ์มาที่ห้องทอผ้าหวังจะได้พบเรริน แต่ประตูยังถูกปิดตาย ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ ชายหนุ่มใจคอแห้งเหี่ยว จึงไม่ทันเห็นเรรินที่โผล่มาจากอีกทาง เพื่อมาดูลาดเลาว่าจะเข้าไปในห้องทอผ้าได้หรือไม่
เรรินชะงักเมื่อเห็นสุริยวงศ์ เธอรับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่ชายหนุ่มมีให้ แต่ต้องตัดใจถอยออกไป ส่วนสุริยวงศ์ เมื่อไม่ได้พบเรรินก็เดินมาหาบัวซอนที่เรือน เพื่อขอให้เธอช่วยโทร.บอกด้วยถ้าพบเรริน จากนั้นก็เดินกลับไปหาไหมแมในห้องทำงานและถามหาเรรินอีกครั้ง
“คนตี้เปิ้นว่าเปิ้นเป๋นอาจารย์สอนทอผ้าใจ้ก่อเจ้า
บ่ หันเลยนะเจ้า เมินแล้วตั้งแต่เปิ้นก่อเรื่องเอาไว้” ไหมแมรีบบอก
“เรื่องอะหยัง” สุริยวงศ์แปลกใจ
“ก่...ก่...ข้าเจ้าผิดเองตี้ปาเปิ้นไปชมผ้าตี้ทอบ่เสร็จผืนนั้น เผลอแผล็บเดียวเปิ้นลงไปนั่งทอผ้าผืนนั้นต่อเลยหลังจากนั้นในห้องนั้นก่อมีแต่เรื่องแปลกๆเจ้า...คุณสุริยะอย่าบอกคนอื่นนะเจ้า ข้าเจ้าขอร้องบ่จะอั้นข้าเจ้าต้องเดือดร้อนแน่...คุณสุริยะมีธุระอะหยังกับเปิ้นเจ้า” ไหมแมซัก
“บ่มีอะหยัง...บ่มีอะหยัง” สุริยวงศ์ปฏิเสธแล้วเดินเลี่ยงไปที่ห้องจัดแสดงผ้า
ชายหนุ่มยืนพินิจพิจารณาผ้าซิ่นเชียงตุงของเจ้านางมณีรินและเครื่องประดับที่ถูกแสงตกกระทบ รู้สึกเหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่าง ทำให้เขาต้องขยับเข้าไปหาภาพถ่ายโบราณที่ใช้ประกอบการจัดแสดง พลันขนหัวลุกเมื่อเห็นภาพใบหน้าเจ้านางมณีรินเต็มตา
“คุณริน...” สุริยวงศ์รำพึงเพราะค้นพบกุญแจดอกสำคัญแล้ว
ส่วนเรริน เธอรอจนแน่ใจว่าสุริยวงศ์ออกไปแล้วจึงกลับ เข้ามาขอบใจบัวซอนที่ไม่บอกสุริยวงศ์ว่าเธอแอบอยู่ บัวซอน อดสงสัยไม่ได้ เอ่ยถามเรรินว่าทำไมต้องหลบสุริยวงศ์ด้วย
“ฉันมีความจำเป็นบางอย่าง ธุระสำคัญที่ฉันกำลังทำให้เขาต้องลำบากใจ”
“หนูจะบ่ถามหรอกเจ้าว่าธุระสำคัญของคุณคืออะหยัง เพราะหนูเจื้อว่าคุณบ่ได้ยะเรื่องบ่ดี” บัวซอนเข้าใจ
เรรินยิ้มขอบใจบัวซอน แล้วขอตัวกลับห้อง เพื่ออ่านบันทึกของสล่าพันต่อ
ooooooo
เจ้าศิริวัฒนาให้คนตามช่างภาพ มาถ่ายภาพตนกับมณีริน และเรียกให้เจ้าศิริวงศ์เข้าไปถ่ายด้วยกันโดยมีคำเที่ยงกับสล่าพันช่วยจัดข้าวของตกแต่งฉากให้เข้าที่ลงตัวด้วยความอึดอัดใจ
บัวเงินนั่งมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเงียบสงบทั้งที่อยากเห็นพิรุธของชู้รักทั้งคู่ให้เต็มตาสาแก่ใจ
ครั้นถ่ายรูปเสร็จ สล่าพันก็เปรยกับเจ้าศิริวงศ์ “เรื่องบางเรื่องจะหื้อได้ผลดี ต้องใจ้เวลา แต่บางเรื่องรอคอยหื้อเวลาผ่านไปเนิ่นนานยิ่งบ่เป๋นผลดีเน้อครับเจ้า”
“เฮาฮู้ อ้ายพัน แต่จะหื้อเฮายะจะไดเฮาบ่มีโอกาสเลย เฮาฮ้อนใจ๋เน้อบ่ได้ดูดาย” เจ้าศิริวงศ์หนักใจ
“ฮ้อนใจ๋อะหยัง ดูดายอะหยังเจ้าน้อย” เจ้าศิริวัฒนาเดินเข้ามา
สล่าพันกับเจ้าศิริวงศ์ เงียบงันไปทันที เจ้าศิริวัฒนาล้อน้องชายว่า ถ้ามีปัญหาหัวใจให้ปรึกษาตน เพราะสล่าพันคงช่วยไม่ได้
“น้องบ่ได้มีปัญหาอะหยัง กำลังปรึกษาอ้ายพันเรื่องลำนำตี้แต่งที่จะขับวันพิธีของเจ้าอ้ายนั่นแหละครับ”
“จะไดเคร่งเครียดนักขนาดขับกั๋นสดๆวันงานยังได้เลย เอ้อ อ้ายพันเครื่องคำของขวัญตี้เฮาจะหื้อเจ้ารินเปิ้นนะไปถึงไหนแล้ว ปาเฮาไปผ่อได้ก่อ” เจ้าศิริวัฒนาหันไปคุยกับสล่าพัน
“ได้ครับเจ้า เชิญครับ” สล่าพันเดินนำออกไป
เจ้าศิริวงศ์มองตามพี่ชายที่เดินตามสล่าพันออกไปด้วยความอึดอัดใจ
ตอนค่ำ เจ้าศิริวัฒนาก็มาหามณีรินที่เรือน เห็นเธอนั่งใจลอยจกไหมคำสร้างลายบนผ้าตุ๊ม ก็แกล้งเปรย
“ใครๆในโลกนี้ก่อต้องอิจฉาอ้ายกั่นทั้งนั้น เพราะผ้าตุ๊มผืนนี้เป๋นผ้าตุ๊มตี้งามตี้สุด”
“ผ้ายังทอได้บ่ถึงคืบจะหันว่างามได้อย่างใด” มณีรินออกตัว นึกเสียใจที่ชายหนุ่มตรงหน้าไม่ใช่เจ้าศิริวงศ์
“งามด้วยความตั้งใจ๋ของคนทอ ขอบใจ๋เน้อเจ้ารินตี้ตอบแทนความฮักของอ้ายด้วยเส้นไหมสีขาวบริสุทธิ์จนเป๋น ผ้าผืนนี้ เจ้าน้อยศิริวงศ์เปิ้นบ่นว่าแต่งลำนำตี้จะขับในวันแต่งงานของเฮาบ่ออก...อ้ายว่าเปิ้นน่าจะมาผ่อเจ้ารินทอผ้าผืนนี้เนาะ ได้หันเจ้ารินเปิ้นต้องเกิดแฮงบันดาลใจ๋พ่องละ” เจ้าศิริวัฒนาส่งยิ้มบาดใจ แล้วขอตัวกลับ
เจ้าศิริวัฒนามาที่ห้องทำงาน เห็นเจ้าศิริวงศ์กำลังร่างจดหมายภาษาอังกฤษติดต่อคู่ค้าให้อยู่ แต่ดูใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนัก
“มีอะหยังอ้ายต้องเซ็นแหมก่อ” เจ้าศิริวัฒนาทัก
“จดหมายฉบับนี้ยังร่างบ่เสร็จเลยครับเจ้าอ้าย”
“บ่เป๋นหยัง ฉบับนั้นยังบ่ต้องรีบร้อนเอาไว้อ้ายปิ๊กมาเซ็นก่อได้”
“เจ้าอ้ายจะไปไหน”
“เฮาต้องปาตัวแทนฝรั่งขึ้นไปผ่อไม้ตี้สาละวินกว่าจะได้ปิ๊กก่อคงสามสี่วัน อ้ายฝากงานทางนี้ตวยเน้อ” เจ้าศิริวัฒนาขยับจะเดินออก แต่เจ้าศิริวงศ์เรียกไว้ตั้งใจจะคุยเรื่องมณีริน แต่เมื่อเจ้าศิริวัฒนาหันมา เขากลับพูดไม่ออก
“จะอั้นอ้ายขึ้นนอนก่อนเน้อ วันพูกต้องออกเดินทางแต่เจ้า” เจ้าศิริวัฒนาเดินออกไป
เจ้าศิริวงศ์ได้แต่มองตาม
ooooooo
รุ่งอรุณวันใหม่ คำเที่ยงยืนคุมเหล่าบริวารอัญเชิญดอกไม้ และสำรับอาหารถวายพระใส่สาแหรกคานเพื่อไปทำบุญที่วัด มณีรินเดินออกมาบอกว่า เธอคงไปวัดด้วยไม่ไหว เพราะไม่ค่อยสบาย
“นี่ละน้าจนดึกจนดื่นก่อยังจุดเตียนจกผ้าบ่ยอมหลับยอมนอน บัวคำ...เอ็งอยู่ตี้นี่คอยดูแลเจ้ารินเน้อ บ่ต้องไปหรอก” คำเที่ยงร้องสั่งบริวารคนหนึ่ง
“บ่เป๋นหยังไปกั๋นเต๊อะ เฮานอนพักบ่เมินก่อคงหาย” มณีรินรีบบอก
คำเที่ยงลอบมองเจ้านางน้อยนึกระแวงขึ้นมา แต่จำต้องตัดใจเดินนำเหล่าบริวารไปทำบุญที่วัด
เมื่อมาถึงวัด พระชายาที่ประทับอยู่ในศาลาเห็นเพียงคำเที่ยงกับบริวารช่วยกันลำเลียงของถวายพระขึ้นจัดวางก็ถามหามณีริน คำเที่ยงว่าเจ้านางน้อยไม่ค่อยสบายนอนพักอยู่ที่เรือน
บัวเงินที่นั่งอยู่ข้างๆพระชายาหูผึ่งรู้สึกถึงความไม่ชอบ มาพากล
ด้านมณีริน เธอรอจนทุกคนออกไปหมดแล้ว จึงแอบไปพบเจ้าศิริวงศ์ที่ห้องหนังสือ ทั้งคู่โผเข้ากอดกันด้วยความรัก
มณีรินว่า คำเที่ยงไปทำบุญที่วัดกว่าจะกลับก็คงบ่าย เจ้าศิริวงศ์พอใจบอกมณีรินว่า เจ้าศิริวัฒนาก็ไปแม่ฮ่องสอนอีกหลายวันกว่าจะกลับ
“อิสรภาพแม้จะเป๋นช่วงเวลาสั้นๆแต่ก่อมีค่านัก” มณีรินยิ้มดีใจ
เจ้าศิริวงศ์จูบมณีรินรับขวัญแล้วพาออกไปเที่ยวนอกคุ้ม ทำเหมือนว่าโลกนี้มีเพียงเราสองคนเท่านั้น
“ถ้าตั๋วสารภาพความจริงกับเจ้าอ้ายของตั๋วแล้ว เปิ้นยอมฮับบ่ได้ตั๋วจะยะจะได” มณีรินอดห่วงไม่ได้
“เฮาฮู้จักเจ้าอ้ายของเฮาดีเปิ้นต้องเข้าใจ๋เฮาสองคน... ตั๋วบ่ต้องกังวลไปเลย”
“ถ้าเฮาเกิดมาเป๋นไอ้น้อยอีน้อยคนธรรมดา...เฮาคงมีความสุขกั๋นกว่านี้ ความผิดของเฮาสองคนคงจะบ่ใหญ่หลวงเต้าอี้...ใจ้ก่อ”
“ถ้าความฮักเป๋นความผิด จะไดคนถึงถูกสร้างหื้อเกิดมามีความฮักตวย ประเพณีมันก่อแค่สิ่งตี้คนเฮาสร้างขึ้นมาตีกรอบตัวเองเต้าอั้นเจ้านางน้อย” เจ้าศิริวงศ์กระชับอ้อมกอดพลางจูบปลอบใจ
เสียงพิณเปี๊ยะดังกังวานก้องหวานและทรงพลัง ศิริวงศ์ตระกองกอดมณีรินอยู่ในอ้อมแขน เหมือนต้องการให้
ฟ้าดินป่าเขาเป็นพยานในความรักของทั้งสอง แต่ทั้งคู่ไม่รู้เลยว่า ที่ชายป่าอีกด้าน เจ้าศิริวัฒนากำลังยืนมองอยู่ เพราะแอบติดตามทั้งสองมาตั้งแต่พากันออกมาจากห้องหนังสือแล้ว
ใกล้เวลาคำเที่ยงกลับจากวัดแล้ว เจ้าศิริวงศ์จำใจพามณีรินมาส่งที่เรือนพลางนัดแนะว่า คืนนี้จะมารอในสวน มณีรินเอียงอายปฏิเสธจะไม่ลงมา
“จะอั้นเฮาจะรอยันเจ้า”
“ก่อตามใจ๋ตั๋ว” มณีรินผละออกไปแต่ก็หันกลับมายิ้มให้ก่อนจะจากไป
ศิริวงศ์ครึ้มใจหันหลังกลับเดินไปตึกใหญ่ แต่เมื่อพ้นแนวไม้บัง ก็สะดุ้งเพราะเจ้าศิริวัฒนายืนนิ่งหน้าตาเรียบเฉยมองอยู่
เช่นเดียวกับมณีรินที่ยืนตะลึงเมื่อคำเที่ยงเข้ามารายงานว่า เจ้าศิริวัฒนามาหาเธอที่เรือนแต่ไม่พบ
“มาได้จะได ก่อไหนเปิ้นว่าเปิ้นไปสาละวิน” มณีริน ปากคอสั่น
“ปี้ก่อบ่ฮู้...เปิ้นมาถึง...บ่อู้อะหยังสักกำนั่งก่อบ่นั่ง เปิ้นนิ่งเฉยจนน่ากลัวเน้อเจ้าริน” คำเที่ยงนึกห่วง
มณีรินหน้าซีดรู้ว่าความหายนะมาเยือนแล้ว
ooooooo
“โจคดีแต๊ๆ ไปได้บ่ตันถึงดอยสะเก็ดรถก่อเกิดเสีย...เหมือนมันบ่อยากหื้ออ้ายไปจะอั้นละ ปี้ก่อ เลยตัดสินใจ๋ปิ๊กมา...ยกเลิกนัดออกไปก่อน” เจ้าศิริ-วัฒนาเอ่ย
“เจ้าอ้าย” เจ้าศิริวงศ์คอแห้งผาก ขยับจะสารภาพ แต่เจ้าศิริวัฒนาชิงพูดต่อ
“ตี้นี่ก่อมีงานต้องยะต้องสะสางอีกนักขนาด จดหมายตี้ตั๋วร่างไว้เสร็จรึยังล่ะ เจ้าศิริวงศ์”
“ครับ...เสร็จแล้วครับ เจ้าอ้าย”
“ตรวจทานดูดีแล้ว พร้อมตี้จะหื้อปี้ผ่อแล้ว...ใจ้ก่อ”
“ครับ” เจ้าศิริวงศ์ตอบ
รอยยิ้มเหือดแห้งไปจากหน้าเจ้าศิริวัฒนาก่อนจะเดินนำออกไป
เจ้าศิริวงศ์เหมือนถูกสาปให้กลายเป็นหินอยู่ตรงนั้นอึดใจใหญ่ก่อนจะเดินตามพี่ชายไป
เวลาเดียวกันนั้น ผีอีเม้ยเข้ามารายงานบัวเงินว่า เจ้าศิริวัฒนาจับได้คาหนังคาเขาว่า มณีรินกับเจ้าศิริวงศ์แอบไปพลอดรักกัน บัวเงินหัวเราะสะใจพลางบอกกับผีอีเม้ยว่า อีกไม่นานมณีรินจะกลายเป็นมณีร่วง
ในตอนค่ำ เจ้าหลวงมีรับสั่งให้ทุกคนไปที่คุ้ม เพื่อฟังเจ้าศิริวงศ์เล่นพิณเปี๊ยะ เจ้าน้อยเล่นพิณด้วยความกังวลเช่นเดียวกับมณีริน คำเที่ยงและสล่าพันที่นั่งใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่เจ้าศิริวัฒนานิ่งขรึมยากจะคาดเดาอารมณ์ แล้วจู่ๆ สายพิณเปี๊ยะของเจ้าศิริวงศ์ขาดคาพิณ เพลงสะดุดจนทุกคนต้องหันมาเพราะรู้สึกเหมือนถูกกระชากอารมณ์ให้กลับมาสู่ความเป็นจริงกันถ้วนหน้า
“ลูกขอตั๋วขึ้นข้างบนก่อนนะครับ” เจ้าศิริวัฒนาเอ่ยขึ้น
“อ้าว แล้วบ่เดินไปส่งเจ้านางน้อยเปิ้นก๊ะลูก” พระชายาแปลกใจ
“นังคำเที่ยงคงดูแลเจ้ารินเปิ้นได้เพราะตี้ผ่านมาก่อดูแลได้เป๋นอย่างดีนี่ครับ” เจ้าศิริวัฒนาว่ากระทบ
คำเที่ยงก้มหน้านิ่ง เจ้าศิริวัฒนาหันไปบอกมณีริน “สุมาเน้อเจ้าริน อ้ายฮู้สึกบ่ค่อยสบายจะไดก่อหื้อเจ้าน้อยไปส่งก่อแล้วกั๋น”
“บ่เป๋นหยังหรอกเจ้า ข้าเจ้าปิ๊กกับปี้คำเที่ยงกับละอ่อนได้” มณีรินก้มหน้าไม่ยอมสบตา
“ลูกขอตั๋ว ป้อเจ้าแม่เจ้า...” เจ้าศิริวัฒนาลุกเดินออกไป
เจ้าศิริวงศ์กับมณีรินมองตามหายใจไม่ทั่วท้อง
ooooooo
เจ้าศิริวงศ์ตัดสินใจตามเจ้าศิริวัฒนามาที่ห้อง เพื่อมาสารภาพความจริง แต่ต้องอึ้งเพราะเจ้าศิริวัฒนาบอกว่าตนรู้เรื่องหมดแล้ว
“เจ้าอ้าย...น้องขอสุมา” เจ้าสุริยวงศ์พูดได้เท่านี้
“สุมา...ง่ายไปหน่อยมั้ง ตั๋วก่อฮู้อยู่เต็มอกว่าเจ้ารินเป๋นกู่หมั้นเฮามาแต่ละอ่อน อีกบ่เมินก่อจะแต่งงานกันเป๋นเมียเฮา เป๋นปี้สะใป้ตั๋ว แล้วผีบ้าตัวใดมันดลใจ๋หื้อตั๋วยะเรื่องเลวซามนี้ได้ ตัวบ่ฮู้ก๊าว่าการแต่งงานของอ้ายกับเจ้ารินสำคัญจะได ความสัมพันธ์ของสองแผ่นดินจะต้องพังทลายก่อเพราะเรื่องอัปยศตี้ตั๋วสองคนก่อมันขึ้น”
“น้องฮู้...น้องสำนึกผิดแต่จะหื้อยะจะไดในเมื่อเฮาสองคน...ฮักกั๋น”
เจ้าศิริวัฒนาเจ็บปวดที่ได้ยินคำนี้ จึงตบหน้าเจ้าศิริวงศ์เต็มแรง “ฮักก๊ะ...ตั๋วกล้าฮ้องความอัปยศนี้ว่าความฮักได้จะได”
ด้านบัวเงิน เธอตามไปแดกดันมณีรินที่กำลังจะเดินกลับเรือนพร้อมคำเที่ยงและบริวาร
“มึงนี่มันระยำแต๊ จะมีผัวเป๋นตัวเป๋นตนแล้วยังสาระแนมีป้อจายใหม่แหมเกิดมากูบ่เกยพบเกยหัน มึงนี่มันก่อบ่ต่างจากอีพวกแม่ญิงงามเมือง คอยดูเต๊อะมึงจะบ่ได้ไผซักคน เพราะบ่มีไผตี้จะเอามึงหรอก”
คำเที่ยงได้ฟังก็เดือดปุดๆ ขณะที่มณีรินยืนตะลึง บัวเงินทำทีเป็นหันมาเห็นมณีริน
“สุมาเต๊อะ เจ้านางน้อยมาแต่เมื่อใดเฮากำลังอบรมสั่งสอนคนของเฮา อีนี่มันแรดเหลือทน มึงหัดผ่อตัวอย่างดีๆมีถมไป อย่างเจ้านางน้อยเนี่ย เปิ้นงดงามหมดจดหาใดเหมือน งามทั้งภายนอกภายใน ตั้งแต่เจียงตุงลงมาถึงเจียงใหม่นี่บ่มีผู้ใดจะงดงามมีก่าควรเมืองอย่างเปิ้นอีกแล้วมึงฮู้ก่อ สงสัยว่ากูจะต้องฝากหื้อมึงไปเป๋นขี้ข้าตำหนักเปิ้นซักหน่อย เปิ้นจะได้จ่วยอบรมบ่มสันดานมึงเหียใหม่ว่างามอย่างเจียงตุงเปิ้นงามกั๋นอย่างใด” บัวเงินส่งยิ้มเชือดเฉือน
มณีรินบาดใจ รู้เต็มอกว่าโดนค่อนว่าจึงเดินหนี คำเที่ยงตามติดใจคอไม่ดี สงสัยว่าบัวเงินระแคะระคายเรื่องนี้ได้อย่างไร
มณีรินเดินน้ำตาร่วงขึ้นเรือน คำเที่ยงตามมาปลอบ “เจ้ารินใจเย็นๆเต๊อะ อย่าไห้ไปเลย ปี้แน่ใจ๋ว่าหม่อมบัวเงินเปิ้นบ่ได้ฮู้อะหยังหรอก เปิ้นปากนักฮู้ไปจะอั้นเอง”
“ความลับบ่มีในโลก เฮาเตรียมใจ๋ไว้แล้ว อยู่ตี้ว่าจะจ้าหรือเร็วเต้าอั้นปี้คำเที่ยง แต่เฮาเสียใจ๋ตี้เปิ้นยัดเยียดความอัปยศมาหื้อเฮา เปิ้นบ่เข้าใจ๋ความฮัก ในเมื่อเฮากับเจ้าน้อยฮักกั๋นมันผิดตรงไหน” มณีรินร่ำไห้
ผิดกับบัวเงินที่หัวเราะร่วนเพราะผีอีเม้ยมารายงาน ว่าเจ้าศิริวัฒนาต้อนเจ้าศิริวงศ์จนมุม ต้องยอมสารภาพหมดไส้หมดพุง
“มึงบ่มีทางรอดแน่อีมณีรินถ้าบ่ถูกตัดหัวประจาน มึงก่อต้องตากหน้าปิ๊กบ้านป่าเมืองเถื่อนของมึงล่ะ” บัวเงินสะใจ
ooooooo
เจ้าศิริวงศ์ค่อยๆ ทรุดลงกับพื้นตรงหน้าพี่ชายเพื่อขอความเมตตา “เจ้าอ้ายจะหื้อน้องยะจะได ในเมื่อครั้งแรกตี้น้องกับเจ้านางน้อยได้ปะกัน เฮาต่างฝ่ายต่างบ่ฮู้สถานะของตั๋วมันเป๋นฮักเมื่อแรกปะ แล้วเจ้าอ้ายจะหื้อน้องยะจะได”
“ตั๋วอ้างความฮักแรกปะ มันก่อเต้ากับหันแก่ตั๋ว”
“เมื่อฮู้ความจริงว่าเจ้านางน้อยเปิ้นจะต้องเป๋นปี้สะใป้ของน้องในวันตั้งหน้า น้องก่อพยายามตัดใจ๋จากเปิ้นแล้ว แต่น้องหยุดฮักเจ้านางน้อยเปิ้นบ่ได้...เจ้านางน้อยเอง เปิ้นก่อฮู้สึกบ่ได้ต่างกั๋น”
“ตั๋วกล้าอ้างว่าเจ้ารินฮักตั๋วก๊ะ” เจ้าศิริวัฒนากำมือแน่น
“เฮาสองคนฮักกันแต๊ เจ้าอ้าย”
“แล้วจะได...ฮักกันแต๊ แล้วจะได เฮาจะต้องเป็นฝ่ายเสียสละหื้อตั๋วก๊ะ ในเมื่อเฮาก่อฮักเจ้ารินเปิ้นนักเหมือนกั๋น ตอบเฮามา...” เจ้าศิริวัฒนาตะโกนลั่น
เจ้าศิริวงศ์กราบเจ้าศิริวัฒนาแทนคำพูด แต่เจ้าศิริวัฒนายังยืนกรานด้วยแรงทิฐิ “เฮาบ่เจื้อว่าแม่ญิงอย่างเจ้ารินเปิ้นจะหันความฮักฉาบฉวยจากตั๋ว สำคัญกว่าหน้าที่ตี้จะต้องยะเพื่อบ้านเมืองของเปิ้น”
ศิริวงศ์นั่งอึ้งพูดไม่ออก
ด้านมณีริน เธอหดหู่ใจยิ่งนักเพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้าจึงหันมาสั่งเสียคำเที่ยง แต่คำเที่ยงยืนกรานจะขอติดตามไปดูแลมณีรินในทุกที่ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะอะไรก็ตาม มณีรินสวมกอดคำเที่ยงด้วยความซาบซึ้งใจ
เช้าวันใหม่ มณีรินนำสำรับขึ้นถวายเจ้าหลวงและพระชายา มีบัวเงินนั่งส่งสายตาเย้ยหยันอยู่มุมหนึ่ง เจ้าศิริวัฒนาทานข้าวได้เพียงนิดเดียวก็รวบช้อนบอกว่า ตนอิ่มแล้ว
เจ้าหลวงนึกได้บอกกับลูกชาย
“ครูบาเปิ้นอื้อฤกษ์แต่งงานมาแล้วเน้อ ตกเอาขึ้น
สิบห้าค่ำเปิ้นว่าฤกษ์ดีตี้สุดเต้าตี้จะหาได้แล้วในปี๋นี้”
เจ้าศิริวงศ์กับมณีรินหันมาสบตากันใจแป้ว เจ้าศิริวัฒนาเห็นอาการก็ยิ่งหงุดหงิดรีบเอ่ยกับมณีรินว่า มีเรื่องจะคุยด้วยเดี๋ยวนี้
“เจ้า” มณีรินรับแล้วลุกตามเจ้าศิริวัฒนาออกไป
“มีเรื่องอะหยังกั๋น...ฮู้ก่อศิริวงศ์” พระชายาถามลูกชายคนเล็ก แต่เจ้าหลวงชิงตอบแทนว่า คงไปคุยเรื่องแต่งงาน บัวเงินนั่งฟังนิ่งส่งยิ้มเย็นยะเยือก
ooooooo
เจ้าศิริวัฒนาเดินนำมณีรินเข้ามาในสวนพลางเอ่ยถามว่า จะทอผ้าตุ้มผืนนั้นเสร็จเมื่อใด มณีรินว่า เธอไม่รู้
“บ่ฮู้เพราะเจ้ารินบ่ได้ตั้งใจ๋ทอเพื่อใจ้ในวันแต่งงานกับอ้ายใจ่ก่อ มืออยู่ตี้ผ้าผืนนั้นแต่หัวใจ๋ของเจ้ารินอยู่ตี้ใดกั๋นแน่”
“สุมาเต๊อะเจ้า...เจ้าก่อฮู้ความจริงหมดแล้ว จะหื้อข้าเจ้าต้องตอบคำถามของเจ้ายะหยัง”
“หมายความว่า เจ้ารินจะปฏิเสธการแต่งงานกับอ้ายตวย”
“ข้าเจ้าบ่ได้คิดปิดบังแต่เฝ้าหาโอกาสเหมาะตี้จะกราบเรียนเจ้าเรื่องนี้อยู่เมินแล้ว ข้าเจ้าเสียใจ๋ตี้ปล่อยหื้อเวลาล่วงเลยมาจนถึงวันนี้ ข้าเจ้ากราบขอความเมตตา เจ้าได้โปรดหันใจ๋ในความฮักของข้าเจ้ากับเจ้าน้อยตวยเต๊อะเจ้า” มณีรินทรุดตัวลงจะกราบ
เจ้าศิริวัฒนาแทบหัวใจสลายรีบขัด “แล้วถ้าเฮาบ่ยอมล่ะ เจ้าริน”
“เจ้าก่อมีเอื้อยบัวเงินอยู่แล้วตั้งคน”
“บัวเงินบ่เกี่ยว คนตี้จะเป๋นชายาของเฮาเป๋นแม่เจ้าแห่งนครเจียงใหม่คนต่อไป คือเจ้านางมณีริน คนเดียว”
“เจ้าคิดเพียงเรื่องของวันนี้ เจ้าลืมไปแล้วว่าวันข้างหน้าเฮาจะมีความสุขกั๋นได้จะใด การจะต้องทนใจ้ชีวิตกับคนตี้เฮาบ่ได้ฮักมันเป๋นเรื่องทรมานบ่ต่างจากการตายทั้งเป๋นหรอกเจ้า”
“ป้อเจ้าแม่เจ้าของเฮาทั้งสองฝ่ายหมั้นหมายเฮาสองคนเอาไว้ตั้งแต่เป๋นละอ่อน จะไดเจ้ารินถึงลืมเลือนสิ่งนี้”
“ข้าเจ้าบ่ได้ลืมเลือน แต่การหมั้นหมายของเฮาเป๋นหน้าที่ต่อแผ่นดิน ส่วนความฮักเป๋นเรื่องตี้เกิดขึ้นจากหัวใจ๋”
“มีความยุ่งยากตี้เกิดขึ้นตวยมาสองอย่าง อย่างตี้หนึ่งอ้ายจะบอกความจริง ป้อเจ้าแม่เจ้าของเฮาตั้งสองฝ่ายอย่างได
ตี้จะบ่ยะหื้อเปิ้นเจ็บปวด อย่างตี้สอง อ้ายจะยะทำใจ๋อ้ายอย่างใดเจ้าริน ในเมื่อหัวใจ๋ของอ้ายมอบหื้อเจ้ารินไปแล้ว อ้ายฮักเจ้ารินนักขนาด อ้ายจะทนหันเจ้ารินเดินไปจากอ้ายได้อย่างใด เจ้ารินเลือดเย็นกับอ้ายเกินไปแล้ว”
“ข้าเจ้าบ่มีสิ่งใดจะยะได้แล้วนอกจากกราบขอความเมตตา...ได้โปรดหันแก่ความฮัก...” มณีรินประนมมือขึ้นจะกราบอีกครั้ง
“บ่...บ่...บ่...เฮาบ่ยอมหรอกเจ้าริน” เจ้าศิริวัฒนากลั้นนํ้าตา เมื่อมณีรินก้มลงกราบ
“สำหรับคนบางคน หน้าที่อาจจะสำคัญเต้ากับชีวิต แต่สำหรับข้าเจ้าถ้าจะต้องพลาดหวังจากความฮัก ข้าเจ้าขอยอมต๋ายเหียดีกว่า” มณีรินลุกเดินจากไป
เจ้าศิริวัฒนามองตามแทบสิ้นเรี่ยวแรง
ด้านเจ้าศิริวงศ์ก็ร้อนใจยิ่งนัก ด้วยเป็นห่วงมณีริน จึงหันมาปรึกษาสล่าพัน “อ้ายพัน...เฮาว่าเฮาเดาใจ๋เจ้านางน้อยเปิ้นบ่ผิดหรอก...แต่สำหรับเจ้าอ้าย...เฮาบ่แน่ใจ๋”
“เจ้าอ้ายเปิ้นเป๋นคนมีเหตุมีผล ผมว่าเปิ้นต้องยอมฮับฟัง เจ้าใจ๋เย็นๆทำใจ๋หื้อสบายเต๊อะ”
“เฮาฮู้ว่าเฮาทำความผิดมหันต์ เฮาสองคนพร้อมตี้จะฮับความจริง แต่ถ้าการลงโทษคือการพรากเฮาสองคนหื้อต้องพรากจากกั๋น...เฮาก่อพร้อมยอมต๋ายตวยกั๋น...อ้ายพัน” ศิริวงศ์ตัดสินใจตามออกไปที่สวนก็พบมณีรินเดินออกมาพอดี ทั้งสองโผเข้ากอดกันแน่นไม่จำเป็นต้องมีคำพูดใดๆ
ส่วนเจ้าศิริวัฒนาก็เดินกลับเข้าห้องพร้อมกับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสเพราะการถูกปฏิเสธความรัก มีพลังเท่ากับการถูกทรยศหักหลัง เหมือนถูกมีดคมสองเล่มปักเข้าขั้วหัวใจทั้งน้องชายและหญิงที่ตนรัก นํ้าตาลูกผู้ชายไหลหลั่ง เจ้าศิริวัฒนาระเบิดอารมณ์ทุบกำแพงไม่ยั้งทำร้ายตัวเองให้สาสมกับความโง่ที่ถูกหักหลัง
บัวเงินที่เฝ้าติดตามสบโอกาสเข้ามาใส่ไฟหวังจะให้เจ้าศิริวัฒนาโกรธเกลียดมณีริน แต่กลับโดนเจ้าตบเข้าเต็มหน้า
บัวเงินแสยะยิ้มทิ้งระเบิดลูกใหญ่ก่อนลา “ความฮักมันบ่มีหรอกเจ้าอ้ายคิดไปเองฝันไปเองทั้งนั้น...ถ้ายังดันทุรังยกอีมณีรินขึ้นเป๋นชายา เป๋นแม่เจ้าหื้อไผต่อไผกราบไหว้ เจ้าอ้ายก่อง่าวนักขนาดแล้ว”
เจ้าศิริวัฒนาระบายความคับแค้นเจ็บปวดด้วยการตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง พลางคว้าของบนโต๊ะเขวี้ยงใส่ตู้กระจกแตกกระจาย
ooooooo
เรรินสะดุ้งเฮือก รู้สึกเหมือนกระจกตู้แตกอยู่ตรงหน้า เธอกลับมาสู่ปัจจุบันและอ่านสมุดบันทึกของสล่าพันหมดเล่มพอดี เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง ฟ้าใกล้สางแล้ว จึงจะลุกไปปิดไฟ แต่ต้องชะงัก เพราะเห็นเจ้าศิริวัฒนายืนหันหลังให้อยู่ในสวน
“เจ้าคะ” เรรินเดินออกมาหาพลางขอร้องให้เจ้าเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น
“คุณเหนื่อยเกินไปแล้ว พักผ่อนเสียบ้างเถิด ยังมีเวลาอีกถมไป”
“สมุดบันทึกของสล่าพันจบลงแค่นั้น...ฉันเองก็กลับเข้าไปในห้องใต้คืนนั้นไม่ได้ เจ้าคนเดียวที่จะเล่าต่อให้ฟังได้” เรรินอ้อนวอน แต่เจ้าศิริวัฒนากลับส่งยิ้ม
“คุณรินคะ คุณริน” เสียงบัวซอนเรียกหา
เรรินหันกลับไปมอง บัวซอนเดินออกมาชวนเรรินไปใส่บาตรด้วยกัน เรรินหันกลับไปทางเจ้าศิริวัฒนาก็ไม่เห็นเขาเสียแล้ว
หลังใส่บาตรแล้ว เรรินก็เข้ามาก้มๆเงยๆหาบันทึกของสล่าพันในตู้ เพราะหวังว่าจะมีเล่มต่อๆไปอีก แต่บัวซอนยืนยันว่าไม่มี หรือถ้ามีก็คงสูญหายไปแล้ว เรรินถอนใจสิ้นหวังเดินเลี่ยงออกไปที่ห้องทอผ้าในคุ้ม เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้รู้เรื่องราวในอดีตต่อได้ แล้วเธอก็ชะงัก เมื่อเห็นไม้ที่ตีปิดตายประตูห้อง ถูกรื้อออกไปจนหมดแล้ว ประตูห้องทอผ้าถูกเปิดอ้าทิ้งไว้ เหมือนเชื้อเชิญเธอให้เข้าไป
เรรินก้าวเข้าไปในห้องแล้วตรงไปยังกี่ทอผ้าทันที “อีกนิดเดียวก็จะเสร็จสมบูรณ์แล้วไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ขอบคุณ มากที่ช่วยเปิดประตูให้ฉันได้มีโอกาสกลับเข้ามาในห้องนี้อีกครั้ง” เรรินลูบคลำผ้าที่ทอค้างไว้ด้วยความรู้สึกรักและผูกพัน “ขอให้ความตั้งใจของฉัน นำพาให้ฉันได้รับรู้เรื่องราวชีวิตของเจ้านางมณีรินด้วยเถิด” เรรินหยิบขนเม่นและเส้นไหมขึ้นมาเริ่มจกลายผ้าต่อ
สุริยวงศ์ขยับออกมาจากมุมตึกด้วยความดีใจ เพราะเฝ้ารอคอยอยู่แถวนี้มาพักใหญ่แล้ว เขาหวนนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เพราะถ้าไม่ได้วันดาราช่วยสะกิดใจว่า “ถ้าเฮาฮักหรือผูกพันกับสิ่งใดนักๆ เฮาก็จะวนเวียนอยู่ใกล้สิ่งนั้น บ่มีทางไปไหนได้ไกลดอก”
“บ่มีทางไปไหนได้ไกลดอก...” สุริยวงศ์ค้นพบ ความจริง จึงกลับมาที่คุ้มสั่งให้ไหมแมไปตามคนงานมางัดไม้ที่ตีปิดตายประตูห้องทอผ้าออก
สุริยวงศ์ออกจากที่ซ่อนเดินไปผลักบานประตูห้องทอผ้า ตั้งใจจะได้เผชิญหน้าเรริน แต่ในห้องกลับว่างเปล่า
“คุณรินครับ...คุณริน...” สุริยวงศ์เรียกหา งงงันสุดๆ เพราะเห็นกับตาว่าเรรินเข้ามาในห้องนี้ เขามองรอบๆห้อง แล้วสะดุดสายตาเข้ากับภาพเขียนคุ้มเจ้าหลวง ที่ดูเหมือนมีสิ่งมีชีวิตเคลื่อนไหวอยู่ภายในภาพนั้น
ooooooo
บัวเงินรีบรุดมาที่ห้องพระชายาตั้งใจจะฟ้องเรื่องมณีรินกับเจ้าศิริวงศ์ แต่เจ้าศิริวัฒนามาเห็นเข้าพอดีจึงตวาดไล่บัวเงินกลับไป บัวเงินสะบัดหน้าเดินหนี
มณีรินยืนอึ้งเพราะเข้ามารับรู้เหตุการณ์อยู่ด้วย เธอมองตามเจ้าศิริวัฒนาที่เข้าไปหาพระชายาในห้อง เห็นพระชายานำเครื่องประดับมาให้มณีรินเลือกว่าจะใช้อะไรบ้างในวันแต่งงาน ส่วนเจ้าหลวงก็ยํ้ากับมณีรินถึงหน้าที่ของลูกหลานที่ต้องรักษาสมบัติของปู่ย่าตาทวดให้คงอยู่สืบไป มณีรินถึงกับพูดไม่ออกและไม่กล้าที่จะบอกความจริง เพราะไม่อยากทำร้ายจิตใจทั้งสอง
ครั้นออกมาจากห้องพระชายาแล้ว มณีรินก็ตรงดิ่งไปรอพบเจ้าศิริวงศ์ในสวน พักใหญ่เจ้าน้อยก็มาถึง มณีรินโผเข้าหาพลางเอ่ย “เจ้าศิริวัฒนาเปิ้นนิ่งเฉย เปิ้นบ่กราบทูลความจริง ช่วงเวลานี้มันทรมานจิตใจเฮานัก”
“เจ้าอ้ายเปิ้นคงต้องการเวลาเพื่อทำใจ”
“แต่ถ้าเปิ้นบ่ยอมล่ะ”
“เฮายังแน่ใจว่าเปิ้นต้องเข้าใจและเห็นใจในความฮักของเฮาสองคน เจ้านางน้อย” เจ้าศิริวงศ์สวมกอดมณีรินอย่างให้กำลังใจ แล้วพาไปส่งที่เรือน
มณีรินมองอยู่ห่างๆอย่างเห็นใจ แล้วเธอก็เห็นเจ้าน้อยเดินกลับขึ้นตึกใหญ่ และได้พบกับบัวเงินที่มาดักรอ บัวเงินแสร้งทำเป็นเห็นใจในความรักของเจ้าน้อยกับมณีริน แล้วพูดใส่ไฟว่า เจ้าศิริวัฒนาคงไม่ยอมให้ทั้งคู่ได้สมหวังในความรักแน่
“ทางเดียวที่เจ้าน้อยจะสมหวังได้...พาเจ้านางน้อยเปิ้นหนีไปเสียเต๊อะ ไปหื้อไกล หื้อพ้นอาญาแผ่นดินเจ้าหลวงเปิ้น พี่เชื่อว่าความฮักที่เจ้านางน้อยเปิ้นมีต่อเจ้าน้อย ต้องทำหื้อเปิ้นบ่ลังเลที่จะไปกับเจ้าน้อยดอก” บัวเงินแนะ
เจ้าศิริวงศ์คิดหนัก เพราะความคิดนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในหัวสมอง เรรินที่สังเกตการณ์รับรู้ความเจ้าเล่ห์ลํ้าลึกของบัวเงิน
เวลาเดียวกันนั้น เจ้าศิริวัฒนาไปหาสล่าพันในห้อง เห็นเขากำลังประกอบเข้าช่อปิ่นเป็นรูปดอกปีบงดงาม จึงเอ่ยถามว่า แม่เจ้าสั่งทำให้ใคร สล่าพันอึกอักจำตอบว่า เจ้าศิริวงศ์ สั่งทำให้มณีริน
“ที่แท้เปิ้นก็ฮักกาสะลองมากกว่าเก็ดถะหวา เฮานี่เหมือนคนง่าวแต๊ๆเนาะอ้ายพัน คิดเข้าข้างตัวเองอยู่ได้นมนาน เหมือนคนตาบอด มองบ่หันความจริงอะหยังทั้งสิ้น” เจ้าศิริวัฒนาเจ็บชํ้ายิ่งนัก
“เจ้าครับ...” สล่าพันอยากรู้การตัดสินใจ
“ความฮัก คือ ความยินดีในความสุขของคนที่เฮาฮัก ใช่ก่อ อ้ายพัน” เจ้าศิริวัฒนาเอ่ยถาม
สล่าพันพูดไม่ออก ยินดีและสงสารไปพร้อมกัน เมื่อเห็นเจ้าโน้มเอียงมาด้านการยอมเสียสละ
ooooooo










