สมาชิก

รอยไหม

ตอนที่ 13

สล่าพันนั่งหน้าเครียดฟังเจ้าศิริวงศ์เล่นพิณเปี๊ยะด้วยท่วงทำนองดุดัน แสดงความมั่นใจในความรักอันยิ่งใหญ่ ครั้นเพลงจบลง เจ้าน้อยมองหน้าสล่าพันหวังฟังคำวิจารณ์ แต่สล่าพันกลับถอนใจ

“จะได ถอนใจ๋...อ้าย เพลงของเฮาบ่ม่วนก๊ะ”

สล่าพันนิ่งไปนิดก่อนเอ่ย “ถ้าเจ้าคิดเข้าข้างตั๋วเอง เจ้าก่อม่วนของเจ้าคนเดียว คนอื่นบ่ม่วนกับเจ้าหรอก ความลับมันบ่มีในโลกนี้หรอกเน้อเจ้า”

เจ้าศิริวงศ์ชะงัก เพราะรู้ทันทีว่า สล่าพันรู้เรื่องหมดแล้ว

“ความสุขของเจ้า คือความทุกข์ของคนอื่นแต๊ๆ เน้อ” สล่าพันเตือนสติอีก

เวลาเดียวกัน เจ้านางน้อยก็พร่ำรำพันขอให้คำเที่ยง เห็นใจในความรักของตนกับเจ้าศิริวงศ์

“ปี้เลี้ยงปี้ดูแลเจ้ารินมาแต่ละอ่อน อะหยังตี้เป๋นความสุขของเจ้าริน ก่อเป๋นความสุขของปี้เหมือนกั๋น แต่อย่างนึงตี้ปี้อยากจะเตือนเจ้ารินเน้อ...ถ้าเจ้าศิริวัฒนาเปิ้นจะฮู้ความจริง ก่อขอหื้อเปิ้นฮู้จากปากเจ้าน้อยหรือเจ้ารินเน้อ อย่าหื้อเปิ้นฮู้จากปากคนอื่นเด็ดขาด”

มณีรินขยับเข้ากอดคำเที่ยงแทนคำขอบใจ

ooooooo

“คุณเรรินเจ้า คุณเรริน” บัวซอนเคาะประตูเรียก

เรรินที่นั่งฟุบหลับคาสมุดบันทึกของสล่าพัน สะดุ้งตื่นรีบลุกไปเปิดประตู บัวซอนบอกว่า เห็นเรรินเงียบไปนาน กลัวจะไม่สบาย มณีรินบอกว่า เธอเพิ่งหลับไปเมื่อตอนเช้ามืดนี่เอง เพราะอ่านบันทึกของสล่าพันจนเพลิน

เวลาเดียวกันนั้น วงพระจันทร์พาธนินทร์มาพบบัวเงินพร้อมแต่งเรื่องหลอกว่า เรรินเป็นภรรยาของธนินทร์และกำลังนอกใจมาคบหากับสุริยวงศ์เพราะหวังปอกลอก บัวเงินโกรธมากสั่งให้เด็กในบ้าน โทร.ตามสุริยวงศ์มาพบและยื่นคำขาด

“ถ้าแกยังคิดจะนับถือย่าอยู่ แกต้องเลิกคบหาอีแม่ญิงสารเลวคนนี้”

สุริยวงศ์ไม่มีคำตอบให้ เขารีบถอยออกไป ธนินทร์ตามมาถามหาเรริน สุริยวงศ์บอกว่ากลับกรุงเทพฯไปแล้วแต่ธนินทร์ไม่เชื่อ

วงพระจันทร์ตามมาเย้ย “สุริยะ...ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ดีเด่อะไร นอกจากคุณจะต้องกินเดนของเหลือจากคนอื่น แล้ว คิดบ้างรึเปล่าว่าจะซวยขนาดไหน ถ้าจู่ๆมันบอกว่าท้องกับคุณขึ้นมา”

“อย่าดูถูกคนอื่น โดยเอาตัวเองเป็นมาตรฐาน...วงพระจันทร์” สุริยวงศ์ตอกกลับ

วงพระจันทร์กรี๊ดลั่น สุริยวงศ์ไม่สนหันไปทิ้งท้ายกับธนินทร์ “ถ้าคุณดีพอ...คุณรินก็จะกลับไปหาคุณเองไม่มีใครกักขังหน่วงเหนี่ยวเธอไว้ได้หรอก” สุริยวงศ์เอ่ยพลางเดินออกไป

ธนินทร์เดือดดาล ในขณะที่วงพระจันทร์เต้นเร่าๆ

ครั้นออกจากบ้านบัวเงินแล้ว สุริยวงศ์ก็มาปรับทุกข์กับวันดารา วันดาราตำหนิวงพระจันทร์ที่ทำตัวหน้าเกลียดขึ้นทุกวัน พร้อมตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมบัวเงินจึงจงเกลียดจงชังเรรินนัก ทั้งๆที่เพิ่งจะเจอหน้ากันแค่สองครั้ง

“ตอนนี้ผมห่วงคุณรินหนักกว่าครับเอื้อย เป๋นไปได้ก่อครับเอื้อย ตี้จริงแล้วเธออาจจะยังอยู่ในเจียงใหม่นี่แหละ” สุริยวงศ์สงสัย

“มีเหตุผลอะหยังล่ะ” วันดารามองหน้าน้องชาย

สุริยวงศ์นึกถึงห้องทอผ้าและความมุ่งมั่นในการทอผ้าผืนนั้นให้สำเร็จของเรรินขึ้นมาทันที

ooooooo

ธนินทร์มาถามข่าวเรรินกับพรรณวรินทร์ที่โรงแรม พรรณวรินทร์ยืนยันว่า เรรินยังไม่ได้กลับไป เพราะเธอโทร.ไปถามเด็กหลายครั้งแล้ว

ธนินทร์เข้าใจว่า สุริยวงศ์เอาตัวเรรินไปซ่อนจึงชวนพรรณวรินทร์ไปแจ้งความ แต่พรรณวรินทร์ไม่เห็นด้วยเพราะกลัวเสียชื่อเสียง

“คุณแม่จะเอายังไงกันแน่ครับ จะเอาตัวรินเขากลับมาหรือจะรักษาชื่อเสียงนามสกุล” ธนินทร์ตะคอกใส่

“ทำไมจะต้องให้แม่เลือกด้วยในเมื่อทั้งสองอย่างสำคัญพอๆกัน แม่ต้องรักษาไว้ให้ได้ทั้งสองอย่าง”

“หวังมากไปรึเปล่าครับคุณแม่ ป่านนี้คงเน่าไม่เหลืออะไรดีแล้ว” ธนินทร์เดินหัวเสียออกไป

พรรณวรินทร์นั่งอึ้งคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากปากธนินทร์

เวลาเดียวกัน สุริยวงศ์มาที่ห้องทอผ้าหวังจะได้พบเรริน แต่ประตูยังถูกปิดตาย ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ ชายหนุ่มใจคอแห้งเหี่ยว จึงไม่ทันเห็นเรรินที่โผล่มาจากอีกทาง เพื่อมาดูลาดเลาว่าจะเข้าไปในห้องทอผ้าได้หรือไม่

เรรินชะงักเมื่อเห็นสุริยวงศ์ เธอรับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่ชายหนุ่มมีให้ แต่ต้องตัดใจถอยออกไป ส่วนสุริยวงศ์ เมื่อไม่ได้พบเรรินก็เดินมาหาบัวซอนที่เรือน เพื่อขอให้เธอช่วยโทร.บอกด้วยถ้าพบเรริน จากนั้นก็เดินกลับไปหาไหมแมในห้องทำงานและถามหาเรรินอีกครั้ง

“คนตี้เปิ้นว่าเปิ้นเป๋นอาจารย์สอนทอผ้าใจ้ก่อเจ้า

บ่ หันเลยนะเจ้า เมินแล้วตั้งแต่เปิ้นก่อเรื่องเอาไว้” ไหมแมรีบบอก

“เรื่องอะหยัง” สุริยวงศ์แปลกใจ

“ก่...ก่...ข้าเจ้าผิดเองตี้ปาเปิ้นไปชมผ้าตี้ทอบ่เสร็จผืนนั้น เผลอแผล็บเดียวเปิ้นลงไปนั่งทอผ้าผืนนั้นต่อเลยหลังจากนั้นในห้องนั้นก่อมีแต่เรื่องแปลกๆเจ้า...คุณสุริยะอย่าบอกคนอื่นนะเจ้า ข้าเจ้าขอร้องบ่จะอั้นข้าเจ้าต้องเดือดร้อนแน่...คุณสุริยะมีธุระอะหยังกับเปิ้นเจ้า” ไหมแมซัก

“บ่มีอะหยัง...บ่มีอะหยัง” สุริยวงศ์ปฏิเสธแล้วเดินเลี่ยงไปที่ห้องจัดแสดงผ้า

ชายหนุ่มยืนพินิจพิจารณาผ้าซิ่นเชียงตุงของเจ้านางมณีรินและเครื่องประดับที่ถูกแสงตกกระทบ รู้สึกเหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่าง ทำให้เขาต้องขยับเข้าไปหาภาพถ่ายโบราณที่ใช้ประกอบการจัดแสดง พลันขนหัวลุกเมื่อเห็นภาพใบหน้าเจ้านางมณีรินเต็มตา

“คุณริน...” สุริยวงศ์รำพึงเพราะค้นพบกุญแจดอกสำคัญแล้ว

ส่วน​เร​ริน เธอ​รอ​จน​แน่ใจ​ว่า​สุ​ริ​ยวง​ศ์​ออก​ไป​แล้ว​จึง​กลับ ​เข้า​มา​ขอบใจ​บัว​ซอ​น​ที่​ไม่​บอก​สุ​ริ​ยวง​ศ์ว่า​เธอ​แอบ​อยู่ บัว​ซอ​น อ​ด​สงสัย​ไม่ได้ ​เอ่ย​ถาม​เร​รินว่า​ทำไม​ต้อง​หลบ​สุ​ริ​ยวง​ศ์​ด้วย

“ฉัน​มี​ความ​จำเป็น​บาง​อย่าง ธุร​ะสำคัญ​ที่​ฉัน​กำลัง​ทำให้​เขา​ต้อง​ลำบาก​ใจ”

“หนู​จะ​บ่​ถาม​หรอก​เจ้า​ว่า​ธุระ​สำคัญ​ของ​คุณ​คือ​อะหยัง เพราะ​หนู​เจื้อ​ว่า​คุณ​บ่​ได้​ยะ​เรื่อง​บ่​ดี” บัว​ซอ​น​เข้าใจ

เร​ริน​ยิ้ม​ขอบใจ​บัว​ซอ​น แล้ว​ขอตัว​กลับ​ห้อง เพื่อ​อ่าน​บันทึก​ของ​ส​ล่า​พัน​ต่อ

ooooooo

เจ้า​ศิริ​วัฒนา​ให้​คน​ตาม​ช่าง​ภาพ มา​ถ่าย​ภาพ​ตน​กับ​มณี​ริน และ​เรียก​ให้​เจ้า​ศิริ​วงศ์​เข้าไป​ถ่าย​ด้วย​กัน​โดย​มี​คำ​เที่ยง​กับ​ส​ล่า​พัน​ช่วย​จัด​ข้าวของ​ตกแต่ง​ฉาก​ให้​เข้าที่​ลงตัว​ด้วย​ความ​อึดอัด​ใจ

บัว​เงิน​นั่ง​มอง​เหตุการณ์​ที่​เกิด​ขึ้น​อย่าง​เงียบ​สงบ​ทั้งที่​อยาก​เห็น​พิรุธ​ของ​ชู้​รักทั้ง​คู่​ให้​เต็มตา​สา​แก่​ใจ

ครั้น​ถ่ายรูป​เสร็จ ส​ล่า​พัน​ก็​เปรย​กับ​เจ้า​ศิริ​วงศ์ “เรื่อง​บาง​เรื่อง​จะ​หื้อ​ได้​ผล​ดี ต้อง​ใจ้เวลา แต่​บาง​เรื่อง​รอ​คอย​หื้อ​เวลาผ่าน​ไป​เนิ่นนาน​ยิ่งบ่​เป๋​น​ผล​ดี​เน้อ​ครับ​เจ้า”

“เฮา​ฮู้ อ้าย​พัน แต่​จะ​หื้อ​เฮา​ยะ​จะ​ได​เฮา​บ่​มี​โอกาส​เลย เฮา​ฮ้อ​นใจ๋เน้อบ่​ได้​ดูดาย” เจ้า​ศิริ​วงศ์​หนักใจ

“ฮ้อ​นใจ๋อะห​ยัง ดูดาย​อะห​ยัง​เจ้า​น้อย” เจ้า​ศิริ​วัฒนา​เดิน​เข้า​มา

ส​ล่า​พัน​กับ​เจ้า​ศิริ​วงศ์ เงียบ​งัน​ไป​ทันที เจ้า​ศิริ​วัฒนา​ล้อ​น้อง​ชาย​ว่า ถ้า​มี​ปัญหา​หัวใจ​ให้​ปรึกษา​ตน เพราะ​ส​ล่าพัน​คง​ช่วย​ไม่ได้

“น้อง​บ่​ได้​มี​ปัญหา​อะห​ยัง กำลัง​ปรึกษา​อ้าย​พัน​เรื่อง​ลำนำ​ตี้​แต่ง​ที่​จะ​ขับ​วัน​พิธี​ของ​เจ้า​อ้าย​นั่นแหละ​ครับ”

“จะ​ได​เคร่งเครียด​นัก​ขนาด​ขับ​กั๋น​สดๆวัน​งาน​ยังได้เลย เอ้​อ อ้าย​พัน​เครื่อง​คำ​ของขวัญ​ตี้เฮา​จะ​หื้อ​เจ้า​ริน​เปิ้น​นะ​ไป​ถึง​ไหน​แล้ว ปา​เฮา​ไป​ผ่อ​ได้​ก่อ” เจ้า​ศิริ​วัฒนา​หัน​ไป​คุย​กับ​ส​ล่า​พัน

“ได้​ครับ​เจ้า เชิญ​ครับ” ส​ล่า​พัน​เดิน​นำ​ออก​ไป

เจ้า​ศิริ​วงศ์​มอง​ตาม​พี่​ชาย​ที่​เดิน​ตาม​ส​ล่า​พัน​ออก​ไป​ด้วย​ความ​อึดอัด​ใจ

ตอน​ค่ำ เจ้า​ศิริ​วัฒนา​ก็​มา​หา​มณี​ริน​ที่​เรือน เห็น​เธอ​นั่ง​ใจลอย​จก​ไหม​คำ​สร้าง​ลาย​บน​ผ้า​ตุ๊​ม ก็​แกล้ง​เปรย

“ใครๆใน​โลก​นี้​ก่อ​ต้อง​อิจฉา​อ้าย​กั่น​ทั้งนั้น เพราะ​ผ้า​ตุ๊​ม​ผืน​นี้​เป๋​น​ผ้า​ตุ๊​ม​ตี้งาม​ตี้​สุด”

“ผ้า​ยัง​ทอ​ได้​บ่​ถึง​คืบ​จะ​หัน​ว่า​งาม​ได้​อย่าง​ใด” มณี​ริน​ออกตัว นึก​เสียใจ​ที่​ชาย​หนุ่ม​ตรง​หน้า​ไม่​ใช่​เจ้า​ศิริ​วงศ์

“งาม​ด้วย​ความ​ตั้ง​ใจ๋​ของ​คน​ทอ ขอบ​ใจ๋เน้อ​เจ้า​ริน​ตี้​ตอบแทน​ความ​ฮัก​ของ​อ้าย​ด้วย​เส้น​ไหม​สี​ขาว​บริสุทธิ์​จน​เป๋​น ​ผ้า​ผืน​นี้ เจ้า​น้อย​ศิริ​วงศ์​เปิ้น​บ่น​ว่า​แต่ง​ลำนำ​ตี้จะ​ขับ​ใน​วัน​แต่งงาน​ของ​เฮา​บ่ออก...อ้าย​ว่า​เปิ้น​น่า​จะ​มา​ผ่อ​เจ้า​ริน​ทอ​ผ้า​ผืน​นี้​เนาะ ได้​หัน​เจ้า​ริน​เปิ้น​ต้อง​เกิด​แฮง​บันดาล​ใจ๋​พ่อ​ง​ละ” เจ้า​ศิริ​วัฒนา​ส่ง​ยิ้ม​บาดใจ แล้ว​ขอตัว​กลับ

เจ้า​ศิริ​วัฒนา​มา​ที่​ห้อง​ทำ​งาน เห็น​เจ้า​ศิริ​วงศ์​กำลัง​ร่าง​จดหมาย​ภาษา​อังกฤษ​ติดต่อ​คู่​ค้า​ให้​อยู่ แต่​ดูใจ​คอ​ไม่​อยู่​กับ​เนื้อ​กับ​ตัว​นัก

“มี​อะห​ยัง​อ้าย​ต้อง​เซ็น​แหม​ก่อ” เจ้า​ศิริ​วัฒนา​ทัก

“จดหมาย​ฉบับ​นี้​ยัง​ร่าง​บ่​เสร็จ​เลย​ครับ​เจ้า​อ้าย”

“บ่​เป๋​นห​ยัง ฉบับ​นั้น​ยัง​บ่​ต้อง​รีบ​ร้อน​เอา​ไว้​อ้าย​ปิ๊ก​มา​เซ็น​ก่อ​ได้”

“เจ้า​อ้าย​จะ​ไป​ไหน”

“เฮา​ต้อง​ปา​ตัวแทน​ฝรั่ง​ขึ้น​ไป​ผ่อ​ไม้​ตี้สาละ​วิ​นก​ว่า​จะ​ได้​ปิ๊ก​ก่อ​คง​สาม​สี่​วัน อ้าย​ฝาก​งาน​ทาง​นี้​ตวยเน้อ” เจ้า​ศิริ​วัฒนา​ขยับ​จะ​เดิน​ออก แต่​เจ้า​ศิริ​วงศ์​เรียก​ไว้​ตั้งใจ​จะ​คุย​เรื่อง​มณี​ริน แต่​เมื่อ​เจ้า​ศิริ​วัฒนา​หัน​มา เขา​กลับ​พูดไม่​ออก

“จะ​อั้น​อ้าย​ขึ้น​นอน​ก่อน​เน้อ วัน​พูกต้อง​ออก​เดินทาง​แต่​เจ้า” เจ้า​ศิริ​วัฒนา​เดิน​ออก​ไป

เจ้า​ศิริ​วงศ์​ได้​แต่​มอง​ตาม

ooooooo

รุ่งอรุณ​วัน​ใหม่ คำ​เที่ยง​ยืน​คุม​เหล่า​บริวาร​อัญเชิญ​ดอกไม้ และ​สำรับ​อาหาร​ถวาย​พระ​ใส่​สาแหรก​คานเพื่อ​ไป​ทำบุญ​ที่​วัด มณี​ริน​เดิน​ออก​มา​บอก​ว่า เธอ​คง​ไป​วัด​ด้วย​ไม่​ไหว เพราะ​ไม่ค่อย​สบาย

“นี่​ละ​น้า​จน​ดึกจนดื่น​ก่อ​ยัง​จุด​เตียน​จก​ผ้า​บ่​ยอม​หลับ​ยอม​นอน บัว​คำ...เอ็ง​อยู่​ตี้​นี่​คอย​ดู​แล​เจ้า​ริน​เน้อ บ่​ต้อง​ไป​หรอก” คำ​เที่ยง​ร้อง​สั่ง​บริวาร​คน​หนึ่ง

“บ่​เป๋​นห​ยัง​ไป​กั๋นเต๊อะ เฮา​นอน​พัก​บ่​เมิน​ก่อ​คง​หาย” มณี​ริน​รีบ​บอก

คำ​เที่ยง​ลอบ​มอง​เจ้า​นาง​น้อย​นึก​ระแวง​ขึ้น​มา แต่​จำ​ต้อง​ตัดใจ​เดิน​นำ​เหล่า​บริวาร​ไป​ทำบุญ​ที่​วัด

เมื่อ​มา​ถึง​วัด พระชายา​ที่​ประทับ​อยู่​ใน​ศาลา​เห็น​เพียง​คำ​เที่ยง​กับ​บริวาร​ช่วย​กัน​ลำเลียง​ของ​ถวาย​พระ​ขึ้น​จัด​วาง​ก็​ถาม​หามณี​ริน คำ​เที่ยง​ว่าเจ้า​นาง​น้อย​ไม่ค่อย​สบาย​นอน​พัก​อยู่​ที่​เรือน

บัว​เงิน​ที่นั่ง​อยู่​ข้างๆพระชายา​หูผึ่ง​รู้สึกถึงความไม่ชอบ มาพากล

ด้าน​มณี​ริน เธอ​รอ​จนทุก​คน​ออก​ไป​หมด​แล้ว จึง​แอบไป​พบ​เจ้า​ศิริ​วงศ์​ที่​ห้อง​หนังสือ ทั้ง​คู่​โผ​เข้า​กอด​กัน​ด้วย​ความ​รัก

มณี​ริน​ว่า คำ​เที่ยง​ไป​ทำบุญ​ที่​วัด​กว่า​จะ​กลับ​ก็​คง​บ่าย เจ้า​ศิริ​วงศ์​พอใจ​บอก​มณี​ริน​ว่า เจ้า​ศิริ​วัฒนา​ก็​ไป​แม่ฮ่องสอน​อีก​หลาย​วัน​กว่า​จะ​กลับ

“อิสรภาพ​แม้​จะ​เป๋​น​ช่วง​เวลา​สั้นๆแต่​ก่อ​มี​ค่า​นัก” มณี​ริน​ยิ้ม​ดีใจ

เจ้า​ศิริ​วงศ์​จูบ​มณี​ริน​รับขวัญ​แล้ว​พา​ออก​ไป​เที่ยว​นอก​คุ้ม ทำ​เหมือนว่า​โลก​นี้​มี​เพียง​เรา​สอง​คน​เท่านั้น

“ถ้า​ตั๋ว​สารภาพ​ความ​จริง​กับ​เจ้า​อ้าย​ของ​ตั๋ว​แล้ว เปิ้น​ยอม​ฮับบ่​ได้​ตั๋ว​จะ​ยะ​จะ​ได” มณี​ริน​อด​ห่วง​ไม่ได้

“เฮา​ฮู้​จัก​เจ้า​อ้าย​ของ​เฮา​ดี​เปิ้น​ต้อง​เข้า​ใจ๋​เฮา​สอง​คน... ตั๋ว​บ่​ต้อง​กังวล​ไป​เลย”

“ถ้า​เฮา​เกิด​มา​เป๋​น​ไอ้​น้อย​อี​น้อย​คน​ธรรมดา...เฮา​คง​มี​ความ​สุข​กั๋​นก​ว่า​นี้ ความ​ผิด​ของ​เฮา​สอง​คน​คง​จะ​บ่​ใหญ่​หลวง​เต้า​อี้...ใจ้ก่อ”

“ถ้า​ความ​ฮัก​เป๋​น​ความ​ผิด จะ​ได​คน​ถึง​ถูก​สร้าง​หื้อ​เกิด​มา​มี​ความ​ฮัก​ตวย ประเพณี​มัน​ก่อ​แค่​สิ่ง​ตี้​คน​เฮา​สร้าง​ขึ้น​มา​ตี​กรอบ​ตัว​เอง​เต้า​อั้น​เจ้า​นาง​น้อย” เจ้า​ศิริ​วงศ์​กระชับ​อ้อม​กอด​พลาง​จูบ​ปลอบ​ใจ

เสียง​พิณ​เปี๊ยะ​ดัง​กัง​วา​นก้อง​หวาน​และ​ทรง​พลัง ศิริ​วงศ์​ตระ​กอง​กอด​มณี​ริน​อยู่​ใน​อ้อม​แขน   เหมือน​ต้องการ​ให้​

ฟ้า​ดิน​ป่า​เขา​เป็น​พยาน​ใน​ความ​รัก​ของ​ทั้ง​สอง แต่​ทั้ง​คู่​ไม่​รู้​เลย​ว่า ที่​ชาย​ป่า​อีก​ด้าน เจ้า​ศิริ​วัฒนา​กำลัง​ยืน​มอง​อยู่ เพราะ​แอบ​ติดตาม​ทั้ง​สอง​มา​ตั้งแต่​พา​กันออก​มา​จาก​ห้อง​หนังสือ​แล้ว

ใกล้​เวลา​คำ​เที่ยง​กลับ​จาก​วัด​แล้ว เจ้า​ศิริ​วงศ์​จำใจ​พา​มณี​ริน​มา​ส่ง​ที่​เรือน​พลาง​นัดแนะ​ว่า คืน​นี้​จะ​มา​รอ​ใน​สวน  ​มณีริน​เอียงอาย​ปฏิเสธ​จะ​ไม่​ลงมา

“จะ​อั้น​เฮา​จะ​รอ​ยัน​เจ้า”

“ก่อ​ตาม​ใจ๋​ตั๋ว” มณี​ริน​ผละ​ออก​ไป​แต่​ก็​หัน​กลับ​มา​ยิ้ม​ให้​ก่อน​จะ​จาก​ไป

ศิริ​วงศ์​ครึ้ม​ใจ​หัน​หลัง​กลับ​เดิน​ไป​ตึก​ใหญ่ แต่​เมื่อ​พ้น​แนว​ไม้​บัง ก็​สะดุ้ง​เพราะ​เจ้า​ศิริ​วัฒนา​ยืน​นิ่ง​หน้าตา​เรียบ​เฉย​มอง​อยู่

เช่น​เดียว​กับ​มณี​ริน​ที่​ยืน​ตะลึง​เมื่อ​คำ​เที่ยง​เข้า​มา​รายงาน​ว่า เจ้า​ศิริ​วัฒนา​มา​หา​เธอ​ที่​เรือน​แต่​ไม่​พบ

“มา​ได้​จะ​ได ก่อ​ไหน​เปิ้น​ว่า​เปิ้น​ไป​สาละ​วิน” มณี​ริน ​ปาก​คอ​สั่น

“ปี้​ก่อ​บ่ฮู้...​เปิ้น​มา​ถึง...บ่​อู้​อะห​ยัง​สัก​กำ​นั่ง​ก่อ​บ่​นั่ง เปิ้น​นิ่ง​เฉย​จน​น่า​กลัว​เน้อ​เจ้า​ริน” คำ​เที่ยง​นึก​ห่วง

มณี​ริน​หน้าซีด​รู้​ว่าความ​หายนะ​มา​เยือน​แล้ว

ooooooo

“โจ​คดี​แต๊ๆ ไป​ได้​บ่​ตัน​ถึง​ดอย​สะเก็ด​รถ​ก่อ​เกิด​เสีย...เหมือน​มัน​บ่อ​ยาก​หื้อ​อ้าย​ไป​จะ​อั้น​ละ ปี้ก่อ เลย​ตัดสิน​ใจ๋ปิ๊ก​มา...ยก​เลิก​นัด​ออก​ไป​ก่อน” เจ้า​ศิริ-วัฒนา​เอ่ย

“เจ้า​อ้าย” เจ้า​ศิริ​วงศ์​คอ​แ​ห้งผาก ขยับ​จะ​สารภาพ แต่​เจ้า​ศิริ​วัฒนา​ชิง​พูด​ต่อ

“ตี้นี่​ก่อ​มี​งาน​ต้อง​ยะ​ต้อง​สะสาง​อีก​นัก​ขนาด จดหมาย​ตี้ตั๋ว​ร่าง​ไว้​เสร็จ​รึ​ยัง​ล่ะ เจ้า​ศิริ​วงศ์”

“ครับ...เสร็จ​แล้ว​ครับ เจ้า​อ้าย”

“ตรวจ​ทาน​ดู​ดีแล้ว พร้อม​ตี้​จะ​หื้อ​ปี้​ผ่อ​แล้ว...ใจ้​ก่อ”

“ครับ” เจ้า​ศิริ​วงศ์​ตอบ

รอย​ยิ้ม​เหือดแห้ง​ไป​จาก​หน้า​เจ้า​ศิริ​วัฒนา​ก่อน​จะ​เดิน​นำ​ออก​ไป

เจ้า​ศิริ​วงศ์​เหมือน​ถูก​สาปให้​กลาย​เป็น​หิน​อยู่​ตรง​นั้น​อึดใจ​ใหญ่​ก่อน​จะ​เดิน​ตาม​พี่​ชาย​ไป

เวลา​เดียวกัน​นั้น ผี​อี​เม้ย​เข้า​มา​รายงาน​บัว​เงิน​ว่า เจ้า​ศิริ​วัฒนา​จับ​ได้​คา​หนัง​คา​เขา​ว่า มณี​ริน​กับ​เจ้า​ศิริ​วงศ์​แอบ​ไป​พลอดรัก​กัน บัว​เงิน​หัวเราะ​สะใจ​พลาง​บอก​กับ​ผี​อี​เม้ย​ว่า อีก​ไม่​นาน​มณี​ริน​จะ​กลาย​เป็น​มณี​ร่วง

ใน​ตอน​ค่ำ เจ้า​หลวง​มี​รับสั่ง​ให้​ทุก​คน​ไป​ที่​คุ้ม เพื่อ​ฟัง​เจ้า​ศิริ​วงศ์​เล่น​พิณ​เปี๊ยะ เจ้า​น้อย​เล่น​พิณ​ด้วย​ความ​กังวล​เช่น​เดียว​กับ​มณี​ริน คำ​เที่ยง​และ​ส​ล่า​พัน​ที่นั่ง​ใจคอ​ไม่​อยู่​กับ​เนื้อ​กับ​ตัว ขณะ​ที่​เจ้า​ศิริ​วัฒนา​นิ่ง​ข​รึม​ยาก​จะ​คาด​เดา​อารมณ์ แล้ว​จู่ๆ สาย​พิณ​เปี๊ยะ​ของ​เจ้า​ศิริ​วงศ์​ขาด​คา​พิณ เพลง​สะดุด​จน​ทุก​คน​ต้อง​หัน​มา​เพราะ​รู้สึก​เหมือน​ถูก​กระชาก​อารมณ์​ให้​กลับ​มา​สู่​ความ​เป็น​จริง​กัน​ถ้วน​หน้า

“ลูก​ขอ​ตั๋ว​ขึ้น​ข้าง​บน​ก่อน​นะ​ครับ” เจ้า​ศิริ​วัฒนา​เอ่ย​ขึ้น

“อ้าว แล้ว​บ่​เดิน​ไป​ส่ง​เจ้า​นาง​น้อย​เปิ้น​ก๊ะ​ลูก” พระชายา​แปลก​ใจ

“นัง​คำ​เที่ยง​คง​ดูแล​เจ้า​ริน​เปิ้นได้​เพราะ​ตี้ผ่าน​มา​ก่อ​ดูแล​ได้​เป๋​นอ​ย่าง​ดี​นี่​ครับ” เจ้า​ศิริ​วัฒนา​ว่​ากระทบ

คำ​เที่ยง​ก้มหน้า​นิ่ง เจ้า​ศิริ​วัฒนา​หัน​ไป​บอก​มณี​ริน “สุ​มา​เน้อ​เจ้า​ริน อ้าย​ฮู้​สึก​บ่​ค่อย​สบาย​จะ​ได​ก่อ​หื้อ​เจ้า​น้อย​ไป​ส่ง​ก่อ​แล้ว​กั๋น”

“บ่​เป๋​นห​ยัง​หรอก​เจ้า ข้า​เจ้า​ปิ๊ก​กับ​ปี้​คำ​เที่ยง​กับ​ละ​อ่อน​ได้” มณี​ริน​ก้มหน้า​ไม่​ยอม​สบตา

“ลูก​ขอ​ตั๋ว ป้อ​เจ้าแม่​เจ้า...” เจ้า​ศิริ​วัฒนา​ลุก​เดิน​ออก​ไป

เจ้า​ศิริ​วงศ์​กับ​มณี​ริน​มอง​ตาม​หายใจ​ไม่​ทั่ว​ท้อง

ooooooo

เจ้าศิริวงศ์ตัดสินใจตามเจ้าศิริวัฒนามาที่ห้อง เพื่อมาสารภาพความจริง แต่ต้องอึ้งเพราะเจ้าศิริวัฒนาบอกว่าตนรู้เรื่องหมดแล้ว

“เจ้าอ้าย...น้องขอสุมา” เจ้าสุริยวงศ์พูดได้เท่านี้

“สุมา...ง่ายไปหน่อยมั้ง ตั๋วก่อฮู้อยู่เต็มอกว่าเจ้ารินเป๋นกู่หมั้นเฮามาแต่ละอ่อน อีกบ่เมินก่อจะแต่งงานกันเป๋นเมียเฮา เป๋นปี้สะใป้ตั๋ว แล้วผีบ้าตัวใดมันดลใจ๋หื้อตั๋วยะเรื่องเลวซามนี้ได้ ตัวบ่ฮู้ก๊าว่าการแต่งงานของอ้ายกับเจ้ารินสำคัญจะได ความสัมพันธ์ของสองแผ่นดินจะต้องพังทลายก่อเพราะเรื่องอัปยศตี้ตั๋วสองคนก่อมันขึ้น”

“น้องฮู้...น้องสำนึกผิดแต่จะหื้อยะจะไดในเมื่อเฮาสองคน...ฮักกั๋น”

เจ้าศิริวัฒนาเจ็บปวดที่ได้ยินคำนี้ จึงตบหน้าเจ้าศิริวงศ์เต็มแรง “ฮักก๊ะ...ตั๋วกล้าฮ้องความอัปยศนี้ว่าความฮักได้จะได”

ด้านบัวเงิน เธอตามไปแดกดันมณีรินที่กำลังจะเดินกลับเรือนพร้อมคำเที่ยงและบริวาร

“มึงนี่มันระยำแต๊ จะมีผัวเป๋นตัวเป๋นตนแล้วยังสาระแนมีป้อจายใหม่แหมเกิดมากูบ่เกยพบเกยหัน มึงนี่มันก่อบ่ต่างจากอีพวกแม่ญิงงามเมือง คอยดูเต๊อะมึงจะบ่ได้ไผซักคน เพราะบ่มีไผตี้จะเอามึงหรอก”

คำเที่ยงได้ฟังก็เดือดปุดๆ ขณะที่มณีรินยืนตะลึง บัวเงินทำทีเป็นหันมาเห็นมณีริน

“สุมาเต๊อะ เจ้านางน้อยมาแต่เมื่อใดเฮากำลังอบรมสั่งสอนคนของเฮา อีนี่มันแรดเหลือทน มึงหัดผ่อตัวอย่างดีๆมีถมไป อย่างเจ้านางน้อยเนี่ย เปิ้นงดงามหมดจดหาใดเหมือน งามทั้งภายนอกภายใน ตั้งแต่เจียงตุงลงมาถึงเจียงใหม่นี่บ่มีผู้ใดจะงดงามมีก่าควรเมืองอย่างเปิ้นอีกแล้วมึงฮู้ก่อ สงสัยว่ากูจะต้องฝากหื้อมึงไปเป๋นขี้ข้าตำหนักเปิ้นซักหน่อย เปิ้นจะได้จ่วยอบรมบ่มสันดานมึงเหียใหม่ว่างามอย่างเจียงตุงเปิ้นงามกั๋นอย่างใด” บัวเงินส่งยิ้มเชือดเฉือน

มณีรินบาดใจ รู้เต็มอกว่าโดนค่อนว่าจึงเดินหนี คำเที่ยงตามติดใจคอไม่ดี สงสัยว่าบัวเงินระแคะระคายเรื่องนี้ได้อย่างไร

มณีรินเดินน้ำตาร่วงขึ้นเรือน คำเที่ยงตามมาปลอบ “เจ้ารินใจเย็นๆเต๊อะ อย่าไห้ไปเลย ปี้แน่ใจ๋ว่าหม่อมบัวเงินเปิ้นบ่ได้ฮู้อะหยังหรอก เปิ้นปากนักฮู้ไปจะอั้นเอง”

“ความลับบ่มีในโลก เฮาเตรียมใจ๋ไว้แล้ว อยู่ตี้ว่าจะจ้าหรือเร็วเต้าอั้นปี้คำเที่ยง แต่เฮาเสียใจ๋ตี้เปิ้นยัดเยียดความอัปยศมาหื้อเฮา เปิ้นบ่เข้าใจ๋ความฮัก ในเมื่อเฮากับเจ้าน้อยฮักกั๋นมันผิดตรงไหน” มณีรินร่ำไห้

ผิดกับบัวเงินที่หัวเราะร่วนเพราะผีอีเม้ยมารายงาน ว่าเจ้าศิริวัฒนาต้อนเจ้าศิริวงศ์จนมุม ต้องยอมสารภาพหมดไส้หมดพุง

“มึงบ่มีทางรอดแน่อีมณีรินถ้าบ่ถูกตัดหัวประจาน มึงก่อต้องตากหน้าปิ๊กบ้านป่าเมืองเถื่อนของมึงล่ะ” บัวเงินสะใจ

ooooooo

เจ้าศิริวงศ์ค่อยๆ ทรุดลงกับพื้นตรงหน้าพี่ชายเพื่อขอความเมตตา “เจ้าอ้ายจะหื้อน้องยะจะได ในเมื่อครั้งแรกตี้น้องกับเจ้านางน้อยได้ปะกัน เฮาต่างฝ่ายต่างบ่ฮู้สถานะของตั๋วมันเป๋นฮักเมื่อแรกปะ แล้วเจ้าอ้ายจะหื้อน้องยะจะได”

“ตั๋วอ้างความฮักแรกปะ มันก่อเต้ากับหันแก่ตั๋ว”

“เมื่อฮู้ความจริงว่าเจ้านางน้อยเปิ้นจะต้องเป๋นปี้สะใป้ของน้องในวันตั้งหน้า น้องก่อพยายามตัดใจ๋จากเปิ้นแล้ว แต่น้องหยุดฮักเจ้านางน้อยเปิ้นบ่ได้...เจ้านางน้อยเอง เปิ้นก่อฮู้สึกบ่ได้ต่างกั๋น”

“ตั๋วกล้าอ้างว่าเจ้ารินฮักตั๋วก๊ะ” เจ้าศิริวัฒนากำมือแน่น

“เฮาสองคนฮักกันแต๊ เจ้าอ้าย”

“แล้วจะได...ฮักกันแต๊ แล้วจะได เฮาจะต้องเป็นฝ่ายเสียสละหื้อตั๋วก๊ะ ในเมื่อเฮาก่อฮักเจ้ารินเปิ้นนักเหมือนกั๋น ตอบเฮามา...” เจ้าศิริวัฒนาตะโกนลั่น

เจ้าศิริวงศ์กราบเจ้าศิริวัฒนาแทนคำพูด แต่เจ้าศิริวัฒนายังยืนกรานด้วยแรงทิฐิ “เฮาบ่เจื้อว่าแม่ญิงอย่างเจ้ารินเปิ้นจะหันความฮักฉาบฉวยจากตั๋ว สำคัญกว่าหน้าที่ตี้จะต้องยะเพื่อบ้านเมืองของเปิ้น”

ศิริวงศ์นั่งอึ้งพูดไม่ออก

ด้านมณีริน เธอหดหู่ใจยิ่งนักเพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้าจึงหันมาสั่งเสียคำเที่ยง แต่คำเที่ยงยืนกรานจะขอติดตามไปดูแลมณีรินในทุกที่ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะอะไรก็ตาม มณีรินสวมกอดคำเที่ยงด้วยความซาบซึ้งใจ

เช้าวันใหม่ มณีรินนำสำรับขึ้นถวายเจ้าหลวงและพระชายา มีบัวเงินนั่งส่งสายตาเย้ยหยันอยู่มุมหนึ่ง เจ้าศิริวัฒนาทานข้าวได้เพียงนิดเดียวก็รวบช้อนบอกว่า ตนอิ่มแล้ว

เจ้าหลวงนึกได้บอกกับลูกชาย

“ครูบาเปิ้นอื้อฤกษ์แต่งงานมาแล้วเน้อ ตกเอาขึ้น

สิบห้าค่ำเปิ้นว่าฤกษ์ดีตี้สุดเต้าตี้จะหาได้แล้วในปี๋นี้”

เจ้าศิริวงศ์กับมณีรินหันมาสบตากันใจแป้ว เจ้าศิริวัฒนาเห็นอาการก็ยิ่งหงุดหงิดรีบเอ่ยกับมณีรินว่า มีเรื่องจะคุยด้วยเดี๋ยวนี้

“เจ้า” มณีรินรับแล้วลุกตามเจ้าศิริวัฒนาออกไป

“มีเรื่องอะหยังกั๋น...ฮู้ก่อศิริวงศ์” พระชายาถามลูกชายคนเล็ก แต่เจ้าหลวงชิงตอบแทนว่า คงไปคุยเรื่องแต่งงาน บัวเงินนั่งฟังนิ่งส่งยิ้มเย็นยะเยือก

ooooooo

เจ้าศิริวัฒนาเดินนำมณีรินเข้ามาในสวนพลางเอ่ยถามว่า จะทอผ้าตุ้มผืนนั้นเสร็จเมื่อใด มณีรินว่า เธอไม่รู้

“บ่ฮู้เพราะเจ้ารินบ่ได้ตั้งใจ๋ทอเพื่อใจ้ในวันแต่งงานกับอ้ายใจ่ก่อ มืออยู่ตี้ผ้าผืนนั้นแต่หัวใจ๋ของเจ้ารินอยู่ตี้ใดกั๋นแน่”

“สุมาเต๊อะเจ้า...เจ้าก่อฮู้ความจริงหมดแล้ว จะหื้อข้าเจ้าต้องตอบคำถามของเจ้ายะหยัง”

“หมายความว่า เจ้ารินจะปฏิเสธการแต่งงานกับอ้ายตวย”

“ข้าเจ้าบ่ได้คิดปิดบังแต่เฝ้าหาโอกาสเหมาะตี้จะกราบเรียนเจ้าเรื่องนี้อยู่เมินแล้ว ข้าเจ้าเสียใจ๋ตี้ปล่อยหื้อเวลาล่วงเลยมาจนถึงวันนี้ ข้าเจ้ากราบขอความเมตตา เจ้าได้โปรดหันใจ๋ในความฮักของข้าเจ้ากับเจ้าน้อยตวยเต๊อะเจ้า” มณีรินทรุดตัวลงจะกราบ

เจ้าศิริวัฒนาแทบหัวใจสลายรีบขัด “แล้วถ้าเฮาบ่ยอมล่ะ เจ้าริน”

“เจ้าก่อมีเอื้อยบัวเงินอยู่แล้วตั้งคน”

“บัวเงินบ่เกี่ยว คนตี้จะเป๋นชายาของเฮาเป๋นแม่เจ้าแห่งนครเจียงใหม่คนต่อไป คือเจ้านางมณีริน คนเดียว”

“เจ้าคิดเพียงเรื่องของวันนี้ เจ้าลืมไปแล้วว่าวันข้างหน้าเฮาจะมีความสุขกั๋นได้จะใด การจะต้องทนใจ้ชีวิตกับคนตี้เฮาบ่ได้ฮักมันเป๋นเรื่องทรมานบ่ต่างจากการตายทั้งเป๋นหรอกเจ้า”

“ป้อเจ้าแม่เจ้าของเฮาทั้งสองฝ่ายหมั้นหมายเฮาสองคนเอาไว้ตั้งแต่เป๋นละอ่อน จะไดเจ้ารินถึงลืมเลือนสิ่งนี้”

“ข้าเจ้าบ่ได้ลืมเลือน แต่การหมั้นหมายของเฮาเป๋นหน้าที่ต่อแผ่นดิน ส่วนความฮักเป๋นเรื่องตี้เกิดขึ้นจากหัวใจ๋”

“มีความยุ่งยากตี้เกิดขึ้นตวยมาสองอย่าง อย่างตี้หนึ่งอ้ายจะบอกความจริง ป้อเจ้าแม่เจ้าของเฮาตั้งสองฝ่ายอย่างได

ตี้จะบ่ยะหื้อเปิ้นเจ็บปวด อย่างตี้สอง อ้ายจะยะทำใจ๋อ้ายอย่างใดเจ้าริน ในเมื่อหัวใจ๋ของอ้ายมอบหื้อเจ้ารินไปแล้ว อ้ายฮักเจ้ารินนักขนาด อ้ายจะทนหันเจ้ารินเดินไปจากอ้ายได้อย่างใด เจ้ารินเลือดเย็นกับอ้ายเกินไปแล้ว”

“ข้าเจ้าบ่มีสิ่งใดจะยะได้แล้วนอกจากกราบขอความเมตตา...ได้โปรดหันแก่ความฮัก...” มณีรินประนมมือขึ้นจะกราบอีกครั้ง

“บ่...บ่...บ่...เฮาบ่ยอมหรอกเจ้าริน” เจ้าศิริวัฒนากลั้นนํ้าตา เมื่อมณีรินก้มลงกราบ

“สำหรับคนบางคน หน้าที่อาจจะสำคัญเต้ากับชีวิต แต่สำหรับข้าเจ้าถ้าจะต้องพลาดหวังจากความฮัก ข้าเจ้าขอยอมต๋ายเหียดีกว่า” มณีรินลุกเดินจากไป

เจ้าศิริวัฒนามองตามแทบสิ้นเรี่ยวแรง

ด้านเจ้าศิริวงศ์ก็ร้อนใจยิ่งนัก ด้วยเป็นห่วงมณีริน จึงหันมาปรึกษาสล่าพัน “อ้ายพัน...เฮาว่าเฮาเดาใจ๋เจ้านางน้อยเปิ้นบ่ผิดหรอก...แต่สำหรับเจ้าอ้าย...เฮาบ่แน่ใจ๋”

“เจ้าอ้ายเปิ้นเป๋นคนมีเหตุมีผล ผมว่าเปิ้นต้องยอมฮับฟัง เจ้าใจ๋เย็นๆทำใจ๋หื้อสบายเต๊อะ”

“เฮาฮู้ว่าเฮาทำความผิดมหันต์ เฮาสองคนพร้อมตี้จะฮับความจริง แต่ถ้าการลงโทษคือการพรากเฮาสองคนหื้อต้องพรากจากกั๋น...เฮาก่อพร้อมยอมต๋ายตวยกั๋น...อ้ายพัน” ศิริวงศ์ตัดสินใจตามออกไปที่สวนก็พบมณีรินเดินออกมาพอดี ทั้งสองโผเข้ากอดกันแน่นไม่จำเป็นต้องมีคำพูดใดๆ

ส่วนเจ้าศิริวัฒนาก็เดินกลับเข้าห้องพร้อมกับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสเพราะการถูกปฏิเสธความรัก มีพลังเท่ากับการถูกทรยศหักหลัง เหมือนถูกมีดคมสองเล่มปักเข้าขั้วหัวใจทั้งน้องชายและหญิงที่ตนรัก นํ้าตาลูกผู้ชายไหลหลั่ง เจ้าศิริวัฒนาระเบิดอารมณ์ทุบกำแพงไม่ยั้งทำร้ายตัวเองให้สาสมกับความโง่ที่ถูกหักหลัง

บัวเงินที่เฝ้าติดตามสบโอกาสเข้ามาใส่ไฟหวังจะให้เจ้าศิริวัฒนาโกรธเกลียดมณีริน แต่กลับโดนเจ้าตบเข้าเต็มหน้า

บัวเงินแสยะยิ้มทิ้งระเบิดลูกใหญ่ก่อนลา “ความฮักมันบ่มีหรอกเจ้าอ้ายคิดไปเองฝันไปเองทั้งนั้น...ถ้ายังดันทุรังยกอีมณีรินขึ้นเป๋นชายา เป๋นแม่เจ้าหื้อไผต่อไผกราบไหว้ เจ้าอ้ายก่อง่าวนักขนาดแล้ว”

เจ้าศิริวัฒนาระบายความคับแค้นเจ็บปวดด้วยการตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง พลางคว้าของบนโต๊ะเขวี้ยงใส่ตู้กระจกแตกกระจาย

ooooooo

เรรินสะดุ้งเฮือก รู้สึกเหมือนกระจกตู้แตกอยู่ตรงหน้า เธอกลับมาสู่ปัจจุบันและอ่านสมุดบันทึกของสล่าพันหมดเล่มพอดี เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง ฟ้าใกล้สางแล้ว จึงจะลุกไปปิดไฟ แต่ต้องชะงัก เพราะเห็นเจ้าศิริวัฒนายืนหันหลังให้อยู่ในสวน

“เจ้าคะ” เรรินเดินออกมาหาพลางขอร้องให้เจ้าเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น

“คุณเหนื่อยเกินไปแล้ว พักผ่อนเสียบ้างเถิด ยังมีเวลาอีกถมไป”

“สมุดบันทึกของสล่าพันจบลงแค่นั้น...ฉันเองก็กลับเข้าไปในห้องใต้คืนนั้นไม่ได้ เจ้าคนเดียวที่จะเล่าต่อให้ฟังได้” เรรินอ้อนวอน แต่เจ้าศิริวัฒนากลับส่งยิ้ม

“คุณรินคะ คุณริน” เสียงบัวซอนเรียกหา

เรรินหันกลับไปมอง บัวซอนเดินออกมาชวนเรรินไปใส่บาตรด้วยกัน เรรินหันกลับไปทางเจ้าศิริวัฒนาก็ไม่เห็นเขาเสียแล้ว

หลังใส่บาตรแล้ว เรรินก็เข้ามาก้มๆเงยๆหาบันทึกของสล่าพันในตู้ เพราะหวังว่าจะมีเล่มต่อๆไปอีก แต่บัวซอนยืนยันว่าไม่มี หรือถ้ามีก็คงสูญหายไปแล้ว เรรินถอนใจสิ้นหวังเดินเลี่ยงออกไปที่ห้องทอผ้าในคุ้ม เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้รู้เรื่องราวในอดีตต่อได้ แล้วเธอก็ชะงัก เมื่อเห็นไม้ที่ตีปิดตายประตูห้อง ถูกรื้อออกไปจนหมดแล้ว ประตูห้องทอผ้าถูกเปิดอ้าทิ้งไว้ เหมือนเชื้อเชิญเธอให้เข้าไป

เรรินก้าวเข้าไปในห้องแล้วตรงไปยังกี่ทอผ้าทันที “อีกนิดเดียวก็จะเสร็จสมบูรณ์แล้วไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ขอบคุณ มากที่ช่วยเปิดประตูให้ฉันได้มีโอกาสกลับเข้ามาในห้องนี้อีกครั้ง” เรรินลูบคลำผ้าที่ทอค้างไว้ด้วยความรู้สึกรักและผูกพัน “ขอให้ความตั้งใจของฉัน นำพาให้ฉันได้รับรู้เรื่องราวชีวิตของเจ้านางมณีรินด้วยเถิด” เรรินหยิบขนเม่นและเส้นไหมขึ้นมาเริ่มจกลายผ้าต่อ

สุริยวงศ์ขยับออกมาจากมุมตึกด้วยความดีใจ เพราะเฝ้ารอคอยอยู่แถวนี้มาพักใหญ่แล้ว เขาหวนนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เพราะถ้าไม่ได้วันดาราช่วยสะกิดใจว่า “ถ้าเฮาฮักหรือผูกพันกับสิ่งใดนักๆ เฮาก็จะวนเวียนอยู่ใกล้สิ่งนั้น บ่มีทางไปไหนได้ไกลดอก”

“บ่มีทางไปไหนได้ไกลดอก...” สุริยวงศ์ค้นพบ ความจริง จึงกลับมาที่คุ้มสั่งให้ไหมแมไปตามคนงานมางัดไม้ที่ตีปิดตายประตูห้องทอผ้าออก

สุริยวงศ์ออกจากที่ซ่อนเดินไปผลักบานประตูห้องทอผ้า ตั้งใจจะได้เผชิญหน้าเรริน แต่ในห้องกลับว่างเปล่า

“คุณรินครับ...คุณริน...” สุริยวงศ์เรียกหา งงงันสุดๆ เพราะเห็นกับตาว่าเรรินเข้ามาในห้องนี้ เขามองรอบๆห้อง แล้วสะดุดสายตาเข้ากับภาพเขียนคุ้มเจ้าหลวง ที่ดูเหมือนมีสิ่งมีชีวิตเคลื่อนไหวอยู่ภายในภาพนั้น

ooooooo

บัวเงินรีบรุดมาที่ห้องพระชายาตั้งใจจะฟ้องเรื่องมณีรินกับเจ้าศิริวงศ์ แต่เจ้าศิริวัฒนามาเห็นเข้าพอดีจึงตวาดไล่บัวเงินกลับไป บัวเงินสะบัดหน้าเดินหนี

มณีรินยืนอึ้งเพราะเข้ามารับรู้เหตุการณ์อยู่ด้วย เธอมองตามเจ้าศิริวัฒนาที่เข้าไปหาพระชายาในห้อง เห็นพระชายานำเครื่องประดับมาให้มณีรินเลือกว่าจะใช้อะไรบ้างในวันแต่งงาน ส่วนเจ้าหลวงก็ยํ้ากับมณีรินถึงหน้าที่ของลูกหลานที่ต้องรักษาสมบัติของปู่ย่าตาทวดให้คงอยู่สืบไป มณีรินถึงกับพูดไม่ออกและไม่กล้าที่จะบอกความจริง เพราะไม่อยากทำร้ายจิตใจทั้งสอง

ครั้นออกมาจากห้องพระชายาแล้ว มณีรินก็ตรงดิ่งไปรอพบเจ้าศิริวงศ์ในสวน พักใหญ่เจ้าน้อยก็มาถึง มณีรินโผเข้าหาพลางเอ่ย “เจ้าศิริวัฒนาเปิ้นนิ่งเฉย เปิ้นบ่กราบทูลความจริง ช่วงเวลานี้มันทรมานจิตใจเฮานัก”

“เจ้าอ้ายเปิ้นคงต้องการเวลาเพื่อทำใจ”

“แต่ถ้าเปิ้นบ่ยอมล่ะ”

“เฮายังแน่ใจว่าเปิ้นต้องเข้าใจและเห็นใจในความฮักของเฮาสองคน เจ้านางน้อย” เจ้าศิริวงศ์สวมกอดมณีรินอย่างให้กำลังใจ แล้วพาไปส่งที่เรือน

มณีรินมองอยู่ห่างๆอย่างเห็นใจ แล้วเธอก็เห็นเจ้าน้อยเดินกลับขึ้นตึกใหญ่ และได้พบกับบัวเงินที่มาดักรอ บัวเงินแสร้งทำเป็นเห็นใจในความรักของเจ้าน้อยกับมณีริน แล้วพูดใส่ไฟว่า เจ้าศิริวัฒนาคงไม่ยอมให้ทั้งคู่ได้สมหวังในความรักแน่
“ทางเดียวที่เจ้าน้อยจะสมหวังได้...พาเจ้านางน้อยเปิ้นหนีไปเสียเต๊อะ ไปหื้อไกล หื้อพ้นอาญาแผ่นดินเจ้าหลวงเปิ้น พี่เชื่อว่าความฮักที่เจ้านางน้อยเปิ้นมีต่อเจ้าน้อย ต้องทำหื้อเปิ้นบ่ลังเลที่จะไปกับเจ้าน้อยดอก” บัวเงินแนะ

เจ้าศิริวงศ์คิดหนัก เพราะความคิดนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในหัวสมอง เรรินที่สังเกตการณ์รับรู้ความเจ้าเล่ห์ลํ้าลึกของบัวเงิน

เวลาเดียวกันนั้น เจ้าศิริวัฒนาไปหาสล่าพันในห้อง เห็นเขากำลังประกอบเข้าช่อปิ่นเป็นรูปดอกปีบงดงาม จึงเอ่ยถามว่า แม่เจ้าสั่งทำให้ใคร สล่าพันอึกอักจำตอบว่า เจ้าศิริวงศ์ สั่งทำให้มณีริน

“ที่แท้เปิ้นก็ฮักกาสะลองมากกว่าเก็ดถะหวา เฮานี่เหมือนคนง่าวแต๊ๆเนาะอ้ายพัน คิดเข้าข้างตัวเองอยู่ได้นมนาน เหมือนคนตาบอด มองบ่หันความจริงอะหยังทั้งสิ้น” เจ้าศิริวัฒนาเจ็บชํ้ายิ่งนัก

“เจ้าครับ...” สล่าพันอยากรู้การตัดสินใจ

“ความฮัก คือ ความยินดีในความสุขของคนที่เฮาฮัก ใช่ก่อ อ้ายพัน” เจ้าศิริวัฒนาเอ่ยถาม

สล่าพันพูดไม่ออก ยินดีและสงสารไปพร้อมกัน เมื่อเห็นเจ้าโน้มเอียงมาด้านการยอมเสียสละ

ooooooo

รอยไหม

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด