ตอนที่ 9
อัลบั้ม: แนะนำละครเรื่อง "รอยฝันตะวันเดือด"
จากระเบียงมองออกไปเห็นวิวสวยงามของไร่องุ่น ทาเคชิยืนคุยกับโคจิอย่างอ่อนใจที่ศัตรูต้องการครอบครองเมือง จ้องจะโค่นโอะนิซึกะเพียงเพื่อต้องการอำนาจ...มันเป็นชะตาที่โอะนิซึกะโซเรียวทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้ โคจิแย้ง “แต่คุณทาเคชิก็เคยหนีมันมาแล้ว”
“ไม่มีใครรู้อนาคต วันนี้...ผมขอมีความสุขกับครอบครัวที่ผมรักก็พอ” ทาเคชินึกย้อนถึงอดีตที่เขาจดจำได้เป็นอย่างดี ทาโร่ขอร้องให้เขาไปอยู่เมืองไทยดูแลโอคุซัง และขอตายแทนเขา “อาโคจิคือพ่อของทาโร่ ผู้มีพระคุณที่มอบชีวิตให้กับผมและเซโกะ เพราะการเสียสละของทาโร่ทำให้ผมกับเซโกะได้อยู่ด้วยกัน ขอให้อาโคจิรับการแสดงความขอบคุณจากผมด้วย”
ทาเคชิก้มหัวให้โคจิด้วยความซาบซึ้ง
โคจิก้มหัวรับ “การเสียสละของทาโร่ไม่สูญเปล่า เมื่อคนที่เขารักมีความสุขถือเป็นเกียรติของตระกูลซาซากิเช่นกัน” ทั้งสองเงยหน้าสบตากัน ระลึกถึงวันคืนเก่าๆของทาโร่ร่วมกัน
ไม่มีใครรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับอาคิโกะ เธอเก็บตัวอยู่ในห้องที่อพาร์ตเมนต์ สภาพโทรมนั่งซึมครุ่นคิดถึงแต่คำขู่ของยูจิ ความเจ็บแค้นระคนเสียใจทำให้สติแตกร้องกรี๊ดๆออกมา ไทชิแวะมาเยี่ยมเยียน ได้ยินเสียงตกใจเคาะประตูรัวเรียก สักพักอาคิโกะเปิดประตูออกมา ไทชิอึ้งท่าทางเธอหงุดหงิดเดินหนีอย่างรำคาญ ปัดว่าตนไม่เป็นอะไร ไทชิไม่เชื่อ
“เธอไม่ใช่คนปล่อยตัวโทรมขนาดนี้ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรกระทบจิตใจ”
“อย่ามาทำเป็นรู้ดี” อาคิโกะเสียงกร้าว
ไทชิเค้นถามหรือไม่จริง อาคิโกะหลบสายตา ไทชิบอกเธออย่างอ่อนโยนว่าตนเป็นห่วง
“เธอทำดีกับฉันมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งเกลียดตัวเองที่รักเธอไม่ได้” อาคิโกะตะโกนใส่หน้า “เลิกวุ่นวายกับชีวิตฉันสักที!”
“ฉันไม่เคยต้องการอะไรจากเธอ แม้แต่ความรัก...ฉันมีความสุขที่ได้รักเธอ แค่นี้ก็พอแล้วสำหรับฉัน”
อาคิโกะมองไทชิน้ำตาเอ่อ เก็บกดที่ไม่อาจบอกความจริงเขาได้ ก้มหน้าน้ำตาไหลริน ไทชิดึงตัวเธอมากอดปลอบใจ “อย่าเกลียดตัวเอง เพียงเพราะเธอรักใครตอบไม่ได้...อาคิโกะคือความเบิกบาน สดใส เธอจะต้องสวย เข้มแข็งและมั่นใจในตัวเองเหมือนเดิม”
อาคิโกะปล่อยโฮอย่างหมดอาย ไทชิกอดปลอบแม้ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่
ooooooo
ในห้องพัก มายูมิจัดเสื้อผ้าเข้าตู้ แล้วหยิบตุ๊กตาฮินะออกมาวาง ริวมองอย่างแปลกใจ เธอบอกว่าอยากอธิษฐานขอพรให้เขาทุกวัน ริวว่ากำลังใจที่ตนต้องการมากที่สุดคือเธอคนเดียว
“ผู้กองยูจิบอกว่าความรักของฉันและพรจากตุ๊กตาฮินะจะช่วยให้คุณหายเร็วขึ้น”
ริวไม่สบอารมณ์เมื่อได้ยินชื่อยูจิ มายูมิจึงบอกว่าเขาเป็นคนให้ตุ๊กตาฮินะกับเรา ริวสวน
“เรา...คงให้คุณคนเดียวมากกว่า”
“ผู้กองเป็นเพื่อนที่หวังดีเท่านั้น”
“เอาตุ๊กตาตัวนี้ไปทิ้ง” ริวเสียงเฉียบ มายูมิจะอธิบายแต่เขายิ่งเสียงกร้าวให้เอาไปทิ้ง
มายูมิอึ้งกับท่าทีเกรี้ยวกราดของริว ไม่อยากขัดใจจึงถือตุ๊กตาออกไปจากห้อง...มายูมิมายืนริมระเบียงเศร้าๆ ในมือถือตุ๊กตาฮินะ แพรวดาวเดินตามออกมายืนข้างๆปลอบใจ
“รักคือการเสียสละ อดทน ให้อภัย สิ่งที่มายูมิพยายามทำเพื่อริว มันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก”
มายูมิน้ำตาซึมถ้าริวเข้าใจก็คงดี แพรวดาวย้ำ ความเข้มแข็งของมายูมิจะทำให้ริวเข้าใจทุกอย่าง แต่อาจต้องใช้เวลา...มายูมิรู้สึกมีกำลังใจขึ้น กล่าวขอบคุณ แพรวดาวโอบกอดอย่างอบอุ่น
เมื่อแพรวดาวมาจัดที่นอนในห้อง เห็นแววตาทาเคชิเครียดๆรู้สึกใจหาย “ฉันไม่ได้เห็นแววตาดุดันอย่างนี้มานานมาก แววตากล้าหาญของสายเลือดนักรบซามูไร”
“ผมคงเผลอเป็นห่วงโอะนิซึกะ ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ของผม” ทาเคชิปรับสีหน้าให้ปกติ
แพรวดาวถามถึงสถานการณ์ที่ชิบะคงรุนแรงมาก ริวถึงต้องหนีมารักษาตัวที่นี่ ทาเคชิพยักหน้ารับ เป็นห่วงอารมณ์คุ้มดีคุ้มร้ายของริว แพรวดาวชักห่วง
“ฉันนับถือหัวใจของมายูมิจริงๆ ที่อดทนเข้มแข็งและทำทุกอย่างเพื่อริวได้ขนาดนี้”
“ความรัก...จะช่วยให้ริวกับมายูมิผ่านพ้นอุปสรรคทั้งหมด เหมือนที่ผมกับคุณเคยผ่านมาแล้ว” ทาเคชิเชื่อเช่นนั้น แพรวดาวไม่ค่อยสบายใจนัก
มายูมิกลับเข้ามาในห้องเห็นริวนอนหลับ จึงลงนอนกอดเขา กระซิบเบาๆ “ฉันรู้ว่าคุณยังไม่หลับ” ริวลืมตาขึ้นช้าๆ “หายโกรธฉันรึยังคะ”
“ผมควรโกรธตัวเอง ที่ไม่ยอมฟังเหตุผลจากคุณ” ริวสำนึกผิด
“อย่าโทษตัวเองสิคะ เพราะคุณรักฉันมาก ถึงได้เป็นอย่างนี้”
ริวถามไม่โกรธตนหรือ มายูมิกระชับอ้อมกอดตอบ “ความรักของพี่เซโกะกับพี่ทาเคชิ เป็นแบบอย่างให้ฉันเลือกมองแต่สิ่งดีๆจากคนที่เรารัก ฉันจะอดทน รอวันที่จะได้อยู่กับคุณอย่างอบอุ่นเหมือนครอบครัวพี่เซโกะ”
ริวสะท้อนใจถึงสภาพร่างกายตัวเองที่ไม่ต่างจากคนพิการ จึงบอกมายูมิว่าถ้าตนไม่มีวันหายเป็นปกติให้เปิดใจรับคนอื่นที่จะเข้ามาดูแลเธอได้ดีกว่าตน มายูมิลุกขึ้นติงทำไมพูดแบบนี้
“ผมไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ตัว รั้งความสุขและอนาคตที่ดีของคุณ”
“อย่าดูถูกความรักของฉัน อย่าทำให้ฉันรู้สึกว่าการมอบความรักให้คุณมันสูญเปล่า...ฉันจะอยู่ตรงนี้เพื่อรักคุณและจะรักษาคุณด้วยตัวฉันเอง” มายูมิโผกอดริวแทนคำยืนยัน
ริวซาบซึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
ooooooo
ในไนต์คลับมิซาว่า ยามาโมโต้เดินนำมาซารุ ยูจิและเคนเข้ามาหาทาคาโอะ ซึ่งนั่งควงมีดพกเล่นอย่างสบายใจอยู่ ทาคาโอะตกใจลุกขึ้นทำความเคารพ แววตายามาโมโต้เยือกเย็นน่าเกรงขาม มองทุกคนอย่างตำหนิที่ทำงานพลาดอีก มาซารุรีบบอกว่าจะส่งคนล่าตัวริวมาให้ได้
“รู้เหรอ...ว่ามันอยู่ที่ไหน” ยามาโมโต้สวน ทุกคนอึ้งตอบไม่ได้
ทาคาโอะแขวะยูจิทันที “ถ้าบางคนไม่อวดเก่ง ป่านนี้ไอ้ริวคงเป็นศพไปแล้ว” ยูจิโกรธถีบเก้าอี้ใส่ทาคาโอะหลบทันพุ่งเข้าชกยูจิล้มคว่ำ ชี้หน้า “อย่าคิดว่ามีพ่อคุ้มกะลาหัวแล้วฉันจะไม่กล้าทำอะไรแก...ไอ้ผู้กองขี้ยา”
ยูจิถีบทาคาโอะล้มไปเช่นกัน โต้ “ฉันจะกำจัดอันธพาลชั้นต่ำอย่างแกเมื่อไหร่ก็ได้”
ทั้งสองชกกันนัว ยามาโมโต้ตวาดลั่นให้หยุด ทั้งสองชะงักผละออกจากกัน มาซารุเอ็ด “เรื่องสำคัญที่สุดตอนนี้ คือการตามล่าตัวริวให้เจอ ไม่ใช่มาทะเลาะกันเอง”
ยูจิหาว่าต้องมีหนอนบ่อนไส้ รู้แผนของตนแล้วแอบไปช่วยริว...ยูจิมองทาคาโอะกับนาบุอย่างระแวง ทาคาโอะสวน ถ้าตนรู้ใครทรยศ จะไม่ปล่อยไว้แน่ พลัน มีเสียงประตูขยับ นาบุหันขวับไปถามว่าใคร จุนโกะซึ่งแอบฟังอยู่ตกใจวิ่งหนีไปอย่างเฉียดฉิว นาบุเดินจ้ำตามไปเกือบทัน พอดีลูกน้องมาตามว่าเจ้านายเรียก นาบุจึงเดินกลับ จุนโกะซึ่งหลบอยู่ถอนใจเฮือก
นาบุกลับมารายงานว่าไม่พบใคร มาซารุเกรงยามาโมโต้จะหัวเสียมากขึ้นจึงรีบดึงเข้าเรื่อง “จู่ๆริวกับว่าที่คู่หมั้นก็หายตัวไปพร้อมโคจิ พวกโอะนิซึกะอาจจะมีแผนอะไรบางอย่าง”
“เปิดปากสามทหารเสือแห่งโอะนิซึกะได้ ก็จะรู้ว่าริวอยู่ที่ไหน...ส่งนักฆ่าที่เก่งที่สุดไปจัดการริว จะได้ปิดบัญชีแค้นระหว่างมิซาว่ากับโอะนิซึกะ” ยามาโมโต้สั่งการทาคาโอะ
ยูจิไม่พอใจที่ทาคาโอะได้รับมอบหมาย ยามาโมโต้รู้ทัน สั่งยูจิ “ตอนนี้โอะนิซึกะไม่เข้มแข็งพอที่จะช่วยใครได้ เราจะกำจัดผู้มีอิทธิพลของเมืองนี้พร้อมๆกัน ไปกำจัดฮารุให้สิ้นซาก...โค่นสายเลือดนักรบซามูไรและกำจัดเสี้ยนหนามที่ขวางทางให้หมด ถึงเวลาที่เราจะก้าวขึ้นมายิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองนี้” ทั้งทาคาโอะและยูจิรับคำพร้อมกัน ยามาโมโต้ยิ้มเหี้ยม
ยูจิมาดักเจออาคิโอะที่กองถ่าย วันนี้เธอยังจิตใจไม่ดี ทำงานผิดพลาดจนต้องเทกหลายครั้ง จึงขอพัก
แล้วเข้าไปสงบสติในห้องแต่งตัว กลับเจอยูจิขู่บังคับให้บอกว่าริวอยู่ที่ไหน เธอโต้ขนาดผู้กองฝ่ายสืบสวนอย่างเขายังไม่รู้แล้วตนจะรู้ได้อย่างไร ยูจิโกรธเข้าบีบคอที่ มาเล่นลิ้น สั่งให้สืบมาให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะถูกแฉทุกสื่อเรื่องของเธอกับเขา อาคิโกะร้าวรานใจอย่างมาก พอดีเสียง
ไทชิเรียกเอาข้าวกล่องมาส่ง ยูจิจึงรีบหลบออกไป ไทชิเห็นอาคิโกะหน้าซีดก็ตกใจประคองให้นั่ง หายาดมมาให้ สีหน้าหญิงสาวยังวิตกกังวลกับคำขู่ของยูจิ
ooooooo
หลายวันที่ผ่านมา มายูมิเฝ้าทำกายภาพบำบัดให้แก่ริว แม้เขาจะหงุดหงิดอารมณ์เสียอย่างไรเธอก็อดทน จนริวสามารถยกแขนซ้ายขึ้นได้บ้าง เขาฮึกเหิมพยายามจะเดินโดยไม่ให้มายูมิประคอง ใช้ไม้ค้ำยันด้วยตัวเอง แต่แล้วก็ล้มลง มายูมิตกใจเข้าตรวจดูว่าเขาเจ็บตรงไหนบ้าง
“ไม่ต้องยุ่ง...โธ่เว้ย...” ริวอารมณ์เสียขว้างไม้ค้ำทิ้ง มายูมิมองด้วยความสงสารเห็นใจ
เย็นวันนั้น มายูมิเอากะละมังน้ำอุ่นลอยดอกไม้หอมๆมาให้ริวแช่เท้าให้ผ่อนคลาย เธอลงมือนวดเท้าให้เขาอย่างไม่รังเกียจ อธิบายยิ้มแย้ม “การแช่เท้าในน้ำอุ่นจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของกระแสเลือด น้ำเหลือง และระบบประสาทแทบทุกส่วนในร่างกาย แช่บ่อยๆระบบไหลเวียนในร่างกายคุณก็จะดีขึ้น”
ริวมองการกระทำของเธอยิ่งทำให้รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าทำอะไรให้ตัวเองไม่ได้ ความเครียดทำให้อาการปวดหัวกำเริบ เขาสะบัดเท้าออกจากมือมายูมิ ทำให้น้ำกระเด็นใส่เธออย่างไม่ตั้งใจ
“พอได้แล้ว!เลิกทำเหมือนผมเป็นตัวตลกสักที”
“ฉันไม่เคยคิดอย่างนั้นนะคะ”
“ผมเป็นคนไร้ค่าที่ทำอะไรไม่ได้ พยายามแค่ไหนก็ยังยืนด้วยตัวเองไม่ได้ ผมเกลียดตัวเอง” ริวบีบขมับตัวเองแน่น
มายูมิเห็นอาการจะรีบไปหายามาให้ เขาตวาดให้เลิกยุ่งกับเขา เขาอยากอยู่คนเดียว หญิงสาวพยายามปลอบให้ใจเย็น ริวปวดหัวจี๊ดขยับเท้าเผอิญเตะกะละมังน้ำหกราดมายูมิ ทาเคชิกับแพรวดาววิ่งมาด้วยความตกใจ แพรวดาวรีบพามายูมิออกมาจากตรงนั้น เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบหมดกำลังใจ แพรวดาวกอดปลอบใจ
“โอะคะมิซังแห่งโอะนิซึกะจะต้องเข้มแข็ง เชิดหน้ารับแสงตะวันเข้าไว้ แล้วน้องของพี่จะไม่มีวันได้เห็นเงามืดอีกเลย”
มายูมิโผกอดปล่อยโฮระบายความเก็บกดภายในใจออกมา...ด้านริว ทาเคชิประคองเข้ามานั่งสงบสติ ให้แง่คิด “รู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป ฉันรู้ว่าแกเครียดที่ยังขยับตัวไม่ได้เหมือนคนปกติ แต่การรักษาต้องใช้เวลาและความอดทน”
ริวสวน “แกไม่เป็นฉัน ไม่มีวันรู้...”
“ฉันอาจจะไม่รู้ว่าแกทุกข์ทรมานยังไง แต่ฉันทนเห็นมายูมิเสียใจเพราะการกระทำแย่ๆของแกไม่ได้ แกรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า แต่การกระทำของแกต่างหากที่ไร้ค่า ถึงแม้ร่างกายจะพังก็ไม่ควรทำให้หัวใจของเรากับคนที่รักเราพังตามไปด้วย ทุกชีวิตอยู่ได้ด้วยใจ ต่อให้ท้อแท้สิ้นหวังแค่ไหน ถ้ายังมีหัวใจก็ยังมีชีวิต...แกโชคดีที่ยังมีทั้งชีวิตและหัวใจนะริว” ทาเคชิตบไหล่ริวเบาๆ...
เมื่อริวคิดได้ คิดถึงความหวังดีที่ผ่านมาของมายูมิ กำลังใจที่เธอมีให้แล้วรู้สึกผิด...เข้ามาในห้องนอน เห็นมายูมินอนหลับรอบตาแดงช้ำเพราะผ่านการร้องไห้หนัก เขาพึมพำขอโทษ คิดทำอะไรบางอย่างเพื่อเธอบ้าง
รุ่งเช้า มายูมิสะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงร้องโอ๊ย...ของริวกับเสียงไม้ค้ำยันหล่น เธอรีบวิ่งออกจากห้องไปที่ลานกว้างหน้าบ้าน เห็นริวล้มอยู่กับพื้น เขาพยายามใช้มือซ้ายหยิบไม้ค้ำยัน ใจมายูมิระทึกลุ้นให้เขาหยิบได้สำเร็จ พึมพำ “สู้นะคะริว...คุณต้องทำได้”
เห็นริวจับไม้ด้วยมือซ้ายได้ แล้วพยายามยันตัวเองให้ลุกยืนอย่างไม่ยอมแพ้ แม้จะล้มไปอีกเขาก็ยืนหยัดขึ้นมาจนได้ มายูมิดีใจน้ำตาปริ่ม “ริว!คุณยืนได้แล้ว คุณทำได้แล้ว”
มายูมิเดินเข้ามาหยุดตรงหน้า ริวมองเธอด้วยแววตาเต็มเปี่ยมด้วยความรัก “คุณทำให้ผมเข้มแข็งและพยายามลุกขึ้นสู้เพื่อชีวิตและหัวใจ คิมิ...คุณคือชีวิตและหัวใจของผม”
“หัวใจคุณกับหัวใจฉัน...เราคือหัวใจเดียวกันค่ะ อะนะตะที่รัก” มายูมิโผกอดริวด้วยความรักและพันธนาการแห่งหัวใจที่ผูกพันกันแน่นหนา ริวกอดตอบแนบแน่น
ทาเคชิกับแพรวดาวยืนโอบกอดกันมองทั้งสองอย่างปลาบปลื้มใจ
ooooooo
ในวันเดียวกันบนถนนเปลี่ยวนอกเมือง ขบวนรถมิอุระสามคันแล่นตามกันมา คันที่ฮารุนั่งอยู่กลาง เบื้องหน้ามีด่านตรวจ ฮารุสั่งลูกน้องให้ชะลอความเร็วไม่อยากโดนยัดข้อหา แต่พอรถมาถึงด่านก็มีการยิงใส่รถมิอุระไม่ยั้ง ฮารุโดนกระสุนถากเข้าที่หัวไหล่
ชุนช่วยยิงกันให้ฮารุหนีออกจากรถ สมุนมิอุระตายเรียบ ชุนประคองฮารุคลานหนี ยูจิโผล่มายกมือให้ลูกน้องหยุดยิงแล้วเข้าสำรวจ พอไม่พบร่างฮารุก็โกรธสั่งตามล่า ตำรวจปลอมเห็นฮารุรีบร้องบอก พร้อมกระหน่ำยิง ชุนโดนกระสุนเข้าที่ขา ฮารุหันมาประคองชุนทั้งที่ตัวเองก็บาดเจ็บพาหนีไปด้วยกันจนถึงริมแม่น้ำ ฮารุมองหน้าชุนราวบอกให้รู้ว่าต้องโดด เสียงปืนไล่หลังมา ฮารุกับชุนโดดลงแม่น้ำตูม...ยูจิเจ็บใจมากที่ทั้งสองหนีไปได้
มาถึงอีกฝั่ง ฮารุกับชุนประคองกันขึ้นจากน้ำ ชุนเห็นเลือดฮารุออกมากจะพาไปโรงพยาบาล แต่ฮารุให้พากลับไปตั้งหลักที่มิอุระเพราะเกรงจะโดนดักรอโรงพยาบาล และตนจะต้องรู้ให้ได้ว่าเหตุการณ์วันนี้เป็นฝีมือใคร...
ระหว่างนั้นคัตสึกับเซกิมารับโคจิที่สนามบิน มีสายตาคนของมิซาว่าจ้องมองความเคลื่อนไหว...เมื่อมาซารุรู้ว่าโคจิบินกลับมาจากฮ่องกงก็แปลกใจ เพราะตอนเดินทางไปเขาไปสิงคโปร์ สรุปแล้วริวกับมายูมิไปอยู่ที่ไหนกันแน่ จึงสั่งทาคาโอะ
“ในเมื่อสืบจากข้อมูลการเดินทางไม่ได้ ก็ต้องทำให้คนที่รู้มันพูดเอง” ทาคาโอะถามจะทำอย่างไรมาซารุยิ้มเหยียด “สามทหารเสือแห่งโอะนิซึกะมันจะเข้มแข็งสักเท่าไหร่กันเชียว”
ในวันนี้ ริวอาการดีขึ้นถึงขนาดจับช้อนทานข้าวได้เอง ทาเคชิแสดงความยินดี แต่ริวยังบ่นว่าเคลื่อนไหวไม่คล่องตัว แพรวดาวปลอบ “อย่าใจร้อนสิคะ...คุณริวขยันทำกายภาพบำบัดทุกวัน แถมยังมีคุณหมอประจำตัวคอยดูแลอย่างใกล้ชิด อีกไม่นานก็วิ่งได้ค่ะ”
ริวหันสบตามายูมิ กุมมือเธอด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบคุณนะมายูมิที่ไม่เคยทิ้งผม”
“ฉันจะทิ้งชีวิตและหัวใจตัวเองได้ยังไงล่ะคะ”
ทาเคชิกระแอม “หวานไม่เกรงใจคนแถวนี้เลยนะครับ”
“แกหวานล้ำหน้าฉันไปจนมีลูกสามคนแล้ว เดี๋ยวฉันจะรีบฟิตแซงแกมั่ง”
มายูมิตีแขนริวอายๆ ก่อนจะกล่าวขอบคุณทาเคชิกับแพรวดาวที่คอยให้กำลังใจ ทาเคชิชื่นชม “เราแค่ให้กำลังใจ แต่อาการที่ดีขึ้นของริวเกิดจากหัวใจที่เข้มแข็งและไม่ยอมแพ้ของเธอสองคน อุปสรรคแท้จริงไม่ใช่สิ่งที่เรามองเห็นตรงหน้า แต่มันคือสิ่งที่อยู่ในใจของเราเอง”
แพรวดาวบ่นเสียดายที่โคจิกลับไปเร็ว ไม่อย่างนั้นคงดีใจที่เห็นริวอาการดีขึ้น ริวสบตาทาเคชิทำนองรู้กันว่ามีภาระหน้าที่ที่โคจิต้องกลับไปจัดการแทน...
เมื่อโดนบีบบังคับอาคิโกะจึงต้องเลียบเคียงถามไทชิว่าริวไปอยู่ที่ไหน แต่ท่าทางเขาไม่รู้จริงๆ...ไทชิส่งอาคิโกะที่อพาร์ตเมนต์แล้วกลับ ไม่ทันไปไกลได้ยินเสียงปึงปังจากในห้อง ยูจิแอบเข้ามาเพื่อซักถามอาคิโกะที่ให้ไปสืบว่าริวอยู่ไหน พอไม่ได้เรื่องก็โมโหทำร้ายเธอ
ไทชิกลับมาเคาะประตูถาม ยูจิสั่งให้ไล่ไทชิไป อาคิโกะทำเสียงให้ปกติบอกไทชิว่าไม่มีอะไรตนง่วงอยากพัก ไทชิทิ้งท้ายว่าพรุ่งนี้จะมารับ...คืนนั้น อาคิโกะถูกยูจิกระทำอย่างซาดิสต์อีก
ooooooo
ยามเช้าอากาศแจ่มใส แพรวดาวทำขนมตาล มายูมิเห็นแล้วชื่นชอบให้สอนทำบ้าง แพรวดาวแซว อยากทำให้ว่าที่สามีทานใช่ไหม มายูมิเขินอาย ระหว่างนั้นทาเคชิช่วยริวฝึกซ้อมเคนโด้
“หัวใจของการต่อสู้คือสมาธิ...หัวใจของสมาธิคือมีสติตลอดเวลา ตั้งสติให้ดีริว แกต้องทำได้ แกต้องไม่แพ้” ทาเคชิกำชับริวซึ่งล้มลุกหลายครั้ง
ริวไม่ย่อท้อ ลุกขึ้นฟาดฟันดาบไม้ใส่ทาเคชิ แพรวดาวยกจานขนมออกมาวาง หยุดมองด้วยหัวใจหวั่นวิตก เดินหนีไปดื้อๆ มายูมิแปลกใจร้องเรียก ทาเคชิหันมองรีบวิ่งตามแพรวดาวไป...เธอมาหยุดมองแปลงดอกดาวเรืองที่กำลังบานสะพรั่ง พอทาเคชิตามมาถึงจึงถามขึ้น
“คุณจำที่มาของแปลงดอกดาวเรืองพวกนี้ได้ไหมคะ”
“มันคืออนุสรณ์ของความรักและความเสียสละที่ทาโร่มีให้กับเรา...โกรธที่ผมซ้อมเคนโด้กับริวเหรอ”
“อาวุธคือสัญลักษณ์ของสงคราม...คือการพลัดพราก...ฉันไม่อยากให้เรากลับไปสู่วิถีแห่งการต่อสู้อีก” สีหน้าแพรวดาวหวั่นวิตก
ทาเคชิกล่าวขอโทษ ตนแค่ฝึกการเคลื่อนไหวให้ริว แพรวดาวแทรกว่าตนกลัว ทาเคชิจึงย้ำ “ทาเคชิคนเก่าตายไปนานแล้ว ผมคือตะวัน สามีชาวไร่ของคุณ ตะวันกับแพรวดาวจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขด้วยกันตลอดไป”
แพรวดาวกอดทาเคชิราวกับกลัวจะถูกพรากจากไป ทาเคชิกอดปลอบให้เธอคลายวิตก...ด้านยูจิถูกมาซารุตำหนิที่หายไปทั้งคืน พอผู้หญิงของโอะนิซึกะไม่อยู่ก็กลับมาทำตัวเป็นเพลย์บอยมันก็ดี แต่ไม่ใช่เวลานี้ เพราะยามาโมโต้โกรธมากที่กำจัดฮารุไม่สำเร็จ ยูจิขอโทษส่งๆ
“คำขอโทษไม่มีความหมาย ทางเดียวที่แกจะลบล้างความผิดคือทำงานใหม่ให้สำเร็จ”
ยูจิงง มาซารุย้ำ ถ้าทำพลาดอีกพ่ออย่างตนก็คุ้มกะลาหัวเขาไม่ได้ ยูจิอึดอัดเก็บกด...วันต่อมา มาซารุกับเคนมาที่โอะนิซึกะ เพื่อหยั่งเชิงถามว่าริวอยู่ไหน เมื่อโคจิปฏิเสธไม่อาจเปิดเผย
“หมายความว่าคุณจะไม่ให้ความร่วมมือกับตำรวจในการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี”
โคจินิ่งมองมาซารุเสียงกร้าวด้วยมาดสุขุม...ในขณะที่มาซาโตะกำลังตรวจคลังสินค้าที่มีสินค้าจำนวนหนึ่งปะปนมา เป็นสินค้าเลี่ยงภาษี เขาสั่งลูกน้องเอาเอกสารกำกับสินค้ามาให้ตรวจ ต้องรีบส่งสินค้านั้นกลับไปก่อนที่โอะนิซึกะจะเดือดร้อน
อีกด้าน คาซูมะนั่งรอแขกอยู่ในห้องวีไอพีร้านซูชิแห่งหนึ่ง คัตสึกับเซกิบ่น “ผู้ร่วมลงทุนรายใหม่ไม่มีวินัย จะมีปัญหากับธุรกิจของเรารึเปล่าครับ”
คาซูมะครุ่นคิด ทำท่าจะกลับ เด็กเสิร์ฟเอากระดาษโน้ตมายื่นให้อย่างนอบน้อม พอคาซูมะเปิดอ่านข้อความก็ตกตะลึง...ยินดีต้อนรับสู่กับดัก...เด็กเสิร์ฟเผยตัวชักดาบออกหมายเอาชีวิตคาซูมะ เกิดการต่อสู้ดุเดือด พวก
มิซาว่าบุกเข้ารุมคัตสึและเซกิ ทั้งสองบอกให้คาซูมะหนีไปก่อน แต่เขาลังเลเป็นห่วงลูกน้อง ยูจิโผล่มาฟาดปืนเข้าที่คอคาซูมะสลบลง...คัตสึกับเซกิถูกรุมบาดเจ็บสะบักสะบอม ฮารุยกพวกมิอุระมาช่วยจนลูกน้องมิซาว่าหนีกระเจิง
ชุนรายงานฮารุว่าหาตัวคาซูมะไม่เจอ ฮารุเดาเหตุการณ์ได้ว่าพวกมิซาว่าคิดกำจัดสามทหารเสือเพราะโอะนิซึกะโซเรียวก็บาดเจ็บ เป็นการล้มตระกูลนักรบซามูไรให้สิ้นซาก นึกเป็นห่วงโคจิกับมาซาโตะ...ระหว่างนั้นมาซาโตะกำลังตรวจเช็กเอกสารกับไทชิ มีเสียงลังสินค้าล้มครืนดังสนั่นจึงรีบมาดู แปลกใจที่ลูกน้องหายไปไหนหมด ไม่ทันไรทาคาโอะเดินหัวเราะร่าออกมากับนาบุและสมุน กล่าวเสียงเยาะว่า
“ฉันส่งพวกมันไปรับใช้โซเรียวคนเก่าในนรกแล้ว”
มาซาโตะกับไทชิถูกล้อม ไทชิพยายามช่วยมาซาโตะหนี ถูกฟันหลายแผล มาซาโตะช่วยพยุงไทชิจึงโดนนาบุฟันกลางหลังทรุดลงเลือดอาบ ทันใดฮารุกับพวกบุกมาช่วยทัน ทาคาโอะเจ็บใจยกพวกหนี ฮารุไม่ตามเพราะเป็นห่วงมาซาโตะ ไทชิหวาดระแวงเกรงฮารุจะทำร้ายซ้ำ
แต่แล้วทุกคนที่บาดเจ็บก็ถูกส่งโรงพยาบาล โคจิถามฮารุรู้ความเคลื่อนไหวของมิซาว่าได้อย่างไร ฮารุเล่าว่า เมื่อหลายวันก่อนพวกตนถูกลอบทำร้าย จึงสะกดรอยตามกลุ่มอิทธิพลทุกกลุ่ม ฮารุเปิดแผลที่ถูกยิงหัวไหล่ให้ดูเป็นการยืนยัน
“แต่คนที่เล่นงานเราวันนั้นไม่ใช่มิซาว่า...อาจเป็นพวกเดียวกันหรือไม่ใช่ก็ได้”
โคจิแปลกใจที่มีกลุ่มอื่นอีก แต่ถึงอย่างไรตนจะต้องไปชิงตัวคาซูมะกลับมา พอจะเดินไป มาซารุเดินมาพร้อมเคนมองโคจิกับฮารุด้วยสายตาจับผิด...ทำทีซักถามเรื่องราวแล้วย้อนถาม
“มีใครเห็นมิซาว่าจับตัวคาซูมะไปไหม”
“เรามั่นใจว่า...” ฮารุกล่าวไม่ทันจบประโยค มาซารุสวน
“ความรู้สึกส่วนตัวใช้เป็นหลักฐานเอาผิดทางกฎหมายไม่ได้”
“แต่มิซาว่าบุกเล่นงานโอะนิซึกะทั้งสองแห่งในเวลาไล่เลี่ยกัน”
“โอะนิซึกะกับมิซาว่าทะเลาะวิวาทกันจนเป็นเรื่องปกติ ส่วนการหายตัวไปของคาซูมะ ถ้าไม่ครบ 24 ชั่วโมง ก็ยังแจ้งความไม่ได้”
ฮารุยัวะถามจะไม่ทำอะไรเลยใช่ไหม มาซารุย้อน ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย โคจิสบตาปรามฮารุอย่าพูดมาก มองมาซารุที่ดูร้ายลึก
ooooooo
มายูมิกับริวยืนสูดอากาศบริสุทธิ์ยามค่ำคืน ท่ามกลางดาวระยิบระยับบนท้องฟ้า มายูมิดีใจที่อาการริวดีขึ้นจนเกือบหาย แต่ริวไม่สบายใจเพราะวิถีนักรบซามูไรอย่างตนไม่มีอะไรแน่นอน มายูมิให้กำลังใจ ขอแค่เราได้อยู่ด้วยกัน อนาคตเป็นอย่างไรตนไม่กลัว
ริวกอดมายูมิถาม “คุณพร้อมจะเป็นโอะคะมิซังของผมรึยัง”
“ฉันพร้อมที่จะร่วมทุกข์และสุขกับคุณตลอดไปค่ะ”
ริวจุมพิตหน้าผากมายูมิอย่างแผ่วเบา เธอเขินอาย ริวยอมรับ “ความรักของคุณมีค่าสำหรับผมมาก คิมิที่รัก”
“การได้รักคุณ...คือความสุขที่สุดของฉันเช่นกัน”
“ผมเพิ่งเข้าใจว่าทำไมทาเคชิถึงยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อเซโกะ”
“เราจะเข้าใจทุกอย่างเมื่อเราเปิดใจ” มายูมิซบหน้าลงกับอกริว ทั้งสองกอดกันแนบแน่น
ขณะที่ทั้งสองเปิดใจรับความสุข ยูจิกลับแสดงความโหดเหี้ยม เผยตัวให้คาซูมะเห็นว่าเขาเป็นคนจับตัวมา คาซูมะแทบไม่เชื่อสายตาที่คิดมาตลอดว่าเป็นทาคาโอะ ยูจิซ้อมคาซูมะให้บอกว่าริวกับมายูมิอยู่ที่ไหน แต่คาซูมะไม่ยอมปริปาก...ยูจิรายงานมาซารุด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่าคาซูมะเจ็บปางตายยังไม่ยอมเปิดปาก
ทาคาโอะซึ่งนั่งอยู่ด้วยเยาะ
“สามทหารเสือแห่งโอะนิซึกะมันรักศักดิ์ศรีมากกว่าชีวิตตัวเอง”
“ฉันไม่ได้ขอความเห็นจากคนทำงานพลาดอย่างแก อย่าแส่” ยูจิตวาด
“เพิ่งแก้ตัวได้ครั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าแกจะวิเศษมากกว่าฉัน” ทาคาโอะสวน
ทั้งสองพุ่งเข้าห้ำหั่นกัน มาซารุโกรธ ผลักทั้งสองออกจากกัน ตวาด...ห่วยด้วยกันทั้งคู่ ทาคาโอะเข่นเขี้ยว ซ้อมคาซูมะจนตายก็ไม่มีวันบอกว่าริวอยู่ไหน เพราะโอะนิซึกะสำคัญมากกว่าชีวิต...มาซารุครุ่นคิดจะต้องทำให้ริวปรากฏตัวออกมาเอง
ระหว่างนั้น คาซูมะที่ถูกมัดติดอยู่กับเสา ทำทีเป็นยังไม่ฟื้น ลูกน้องมิซาว่าเข้ามาสะกิด ใช้มืออังจมูกไม่หายใจก็ตกใจ ช่วยกันแก้มัด คาซูมะฉวยโอกาสจัดการทั้งสองแล้วหนี วิ่งลัดเลาะออกไปอย่างทุลักทุเล แต่ไม่วายโดน มาซารุดักหน้า ใช้ปืนจ่อยิงเจาะอกอย่างโหดเหี้ยม...
เสียงฝูงนกบินพึ่บ ริวกับมายูมิตกใจ ทาเคชิเห็นเป็นเรื่องปกติอธิบายว่า “อยู่ในป่าเขาแบบนี้ เสียงปืนไม่ใช่เรื่องแปลก บางครั้งคนงานก็ยิงปืนขู่ฝูงนกที่จะเข้ามา
สร้างความเสียหายในไร่”
ริวรู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่างหน้าเครียด มายูมิเห็นรีบถามว่าปวดหัวอีกหรือ เขาส่ายหน้า ทาเคชิเองก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาแปลกๆ
ooooooo
โคจิหน้าเครียด เมื่อมีคนพบศพคาซูมะบริเวณป่าชานเมือง คาดว่าเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่าหกชั่วโมงไทชิเชื่อว่าเป็นฝีมือมิซาว่า โคจิเข่นเขี้ยว ไม่ว่าเป็นฝีมือใคร มันต้องชดใช้ โคจิคำนับศพ “หลับให้สบายเถอะเพื่อน โอะนิซึกะทุกคนจะทวงความยุติธรรมให้เอง”
ฮารุตกใจเมื่อรู้เรื่องจากชุน “โอะนิซึกะเสียขุนพลสำคัญไปหนึ่ง บาดเจ็บสาหัสอีกหนึ่ง แต่มิซาว่าคงไม่หยุดแค่นี้”
ชุนถามคิดว่ามีคนอื่นร่วมมือกับมิซาว่าไหม ฮารุตอบว่าแน่นอน ต้องมีตัวการใหญ่อยู่เบื้องหลังอาชญากรรมทุกรูปแบบของมิซาว่า ชุนถามอย่างเกรงๆ
“พวกมันต้องการโค่นโอะนิซึกะ แล้วเราจะเข้าไปเสี่ยงด้วยทำไม”
“ถ้ากำจัดโอะนิซึกะสำเร็จ แกคิดว่าใครจะเป็นเหยื่อรายต่อไป...ทางรอดเดียวของมิอุระคือการผนึกกำลังกับโอะนิซึกะให้แข็งแกร่ง”
ชุนยังข้องใจ โอะนิซึกะโซเรียวจะหายเป็นปกติหรือไม่ก็ไม่รู้ แล้วที่เราเลือกถูกข้างหรือ ฮารุคิดหนัก...คืนนั้น โคจิให้ไทชิเอาจดหมายไปส่งถึงริว ย้ำระวังอย่าให้ใครเห็นที่อยู่ แต่ก็มีคนทำความสะอาดโรงพยาบาลที่จ้องมองทั้งสองอยู่ตลอดเวลา
หลายวันผ่านไป แพรวดาวเดินดูคนงานทำงาน เห็นมีคนงานใหม่ 5 คนก็แปลกใจ จึงบอกไม่เข้าใจงานให้ถามลุงบุญหัวหน้าคนงาน ทั้ง 5 คนผงกหัวก้มหน้าไม่ให้เธอเห็น...ที่ลานหน้าบ้านพัก มายูมิฝึกซ้อมเคนโด้กับริว เพื่อให้กล้ามเนื้อเขามีการเคลื่อนไหว ริวเริ่ม คล่องแคล่วแต่ยังเหนื่อยง่าย มายูมิจึงเข้าซ้อนหลัง
กุมมือเขาตวัดไม้ไปมาอย่างสวยงาม ริวยิ้มให้มายูมิอย่างรักใคร่ เธอเผลอสบตาเขาจึงพลาดจะล้ม ริวดึงเธอมากอดสบตาปิ๊งๆ
ทาเคชิเข้ามากระแอม ทำให้ทั้งสองผละออก
จากกัน ริวถลึงตาใส่ทาเคชิที่มาขัดจังหวะ ทาเคชิยื่นจดหมายให้จากโคจิ ริวรับมาอ่านอย่างสังหรณ์ใจแล้วเขาก็หน้าถอดสี มายูมิเห็นรีบถามมีอะไร ริวสบตาทาเคชิก่อนจะเอ่ย “อาคาซูมะ...เสียชีวิตแล้ว”
ทาเคชิตกใจ ริวขยำจดหมายวิ่งออกไปโทษตัวเองเป็นต้นเหตุให้คาซูมะตาย มายูมิตามมาปลอบ “อย่าโทษตัวเองสิคะ คุณเคยบอกฉันว่าหนทางของนักรบซามูไรไม่มีอะไรแน่นอน”
“การตายของอาคาซูมะถือเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่ แต่ไม่ควรเป็นเวลานี้”
“ฮึๆ ตอนนี้แหละเหมาะที่สุด” เสียงทาคาโอะหัวเราะเยาะพร้อมกับก้าวเข้ามา
ริวกับมายูมิตกใจ ทั้งสองตกอยู่ในวงล้อม
ทาคาโอะ นาบุและลูกน้อง ทาคาโอะเยาะ “คิดไม่ถึงว่าคนป่วยใกล้ตายจะกลับมายืนได้อีก ฉันไม่น่าพลาดเลย”
ริวย้อนว่านรกไม่ต้องการตน แต่ต้องการคนชั่วอย่างพวกเขา ทาคาโอะโกรธชักดาบออกมา พุ่งเข้าฟาดฟัน ริวกับมายูมิหลบไปคนละทาง ทาคาโอะกราดเกรี้ยว “ต้องขอบคุณวิญญาณไอ้คาซูมะ ที่ทำให้ฉันตามที่อยู่ในจดหมายมาเจอแก ในที่สุดเกียรติยศและศักดิ์ศรีของโอะนิซึกะก็ทำร้ายโซเรียวของมันเอง”
ด้านทาเคชิ เดินเครียดมาหาแพรวดาว เห็นเธอกำลังกวาดตามองหาใครบางคนจึงถามมองหาใคร แพรวดาวบอกว่า มองหาคนงานใหม่ 5 คน ไม่รู้หายไปไหน ทาเคชิเอะใจ พอดีคนงานวิ่งมาบอกว่า ริวกับ มายูมิถูกคนงานใหม่รุมทำร้าย ทาเคชิประมวลเรื่องราวได้ สั่งแพรวดาวเข้าบ้านปิดประตูลงกลอนให้หมด ห้ามเปิดให้ใครเด็ดขาด แพรวดาวงงแต่ก็ทำตามคำสั่ง
ทาเคชิใช้ผ้าปิดหน้าวิ่งมาช่วยรับมือกับนาบุ ริวให้มายูมิหนีไปก่อนแต่เธอไม่ยอมหันหลังชนร่วมต่อสู้ ทั้งสองแย่งดาบมาได้ ทาคาโอะเยาะ “รักกันมาก ขอแนะให้กอดกันลงนรกซะแกฟื้นตัวได้เร็วมาก ไม่เหมือนคนที่โดนยิงเจาะกบาล แต่คนป่วยยังไงก็เป็นคนป่วยวันยังค่ำ”
ทาคาโอะฟาดดาบใส่ริว แม้เขาจะตั้งรับแต่ก็สู้แรงทาคาโอะไม่ได้ ถูกถีบอกถลาไปหัวกระแทกหินก้อนใหญ่ ริวมึนไปพัก สะบัดหัวเรียกสติกลับคืน แต่ตายังพร่าเบลอ ทาคาโอะใช้จังหวะนั้นกระแทกศอกใส่ศีรษะริวซ้ำอย่างแรง ทำให้ริวล้มทั้งยืน มายูมิเห็นร้องลั่น...
ทาเคชิเตะนาบุกระเด็นแย่งปืนมายิงใส่ นาบุหนีกระเจิง คนงานถือจอบเสียมวิ่งเฮเข้ามา ทาคาโอะเห็นท่าไม่ดีโดดหนีตามนาบุไปอีกคน ทาเคชิไม่ตามเพราะเป็นห่วงริว มายูมิตรวจอาการริวอย่างห่วงใย
ooooooo
เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์อาวุโสพาร่างกายบอบช้ำเข้ามาที่โอะนิซึกะ เพื่อสารภาพกับโคจิว่า ตนโดนทำร้ายบังคับให้บอกที่อยู่ตามจดหมาย โคจิกับไทชิ กังวลเป็นห่วงความปลอดภัยของริวกับมายูมิ พลันคัตสึเข้ามารายงานว่ามายูมิโทร.มาบอกว่าริวถูกมิซาว่าทำร้ายอาการสาหัส
ไทชิเหลืออดถามโคจิจะปล่อยให้มิซาว่าเหิมเกริมโดยไม่ทำอะไรเลยหรือ โคจิเครียดจัดคิดหาวิธี...ในที่สุด โคจิแอบนัดฮิโระมาพบแถวริมทะเลสาบตามลำพัง เพื่อปรึกษาบางอย่าง
“นอกจากความสัมพันธ์ของยามาโมโต้กับมาซารุ ผมอยากรู้ว่าสองคนนี้เกี่ยวข้องกับมิซาว่ายังไง”
“คุณสงสัยว่าทั้งคู่ร่วมมือกับมิซาว่างั้นหรือ”
“ด้วยอำนาจและอิทธิพลของยามาโมโต้ เกรงว่าจะไม่ใช่แค่ร่วมมือ แต่น่าจะเป็นผู้บงการที่แท้จริง” สีหน้าโคจิมั่นใจ ฮิโระตาโพลงไม่เคยคิดมาก่อน
“ช่วงนี้มาซารุคอยจับตาดูผมตลอดเวลา คงทำงานให้ยากกว่าเดิม แต่ผมก็จะพยายาม”
“ผมเชื่อว่าคนที่สั่งฆ่าท่านโอะซะมุ และลอบทำร้ายโอะนิซึกะคือคนเดียวกัน ถ้าความจริงถูกเปิดเผย เราจะได้คนร้ายตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์วุ่นวายทั้งหมด”
ฮิโระรับคำ โค้งตัวลาตามมารยาท ทั้งสองเดินหันหลังจากกันไปคนละทาง...
เมื่อไทชิรู้ว่าโคจิออกไปตามลำพังไม่มีคนติดตามก็เป็นห่วง สั่งลูกน้องตามหาโดยเร็ว...ขณะที่โคจิเดินมาที่รถ ก็มีคนของมิซาว่ากรูเข้ามาล้อม ฝีมือโคจิจัดการสมุน
มิซาว่าได้ไม่ยาก ยูจิยืนมองอยู่เห็นไม่ได้การณ์ จึงเผยตัวออกมายืนจังก้า โคจิแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“ผู้กองยูจิ!...กล้าเผยตัวตนที่แท้จริง ก็ควรจะกล้าสู้กันอย่างลูกผู้ชาย ไม่ใช่วิธีหมาหมู่”
โคจิขยับดาบตั้งรับ ยูจิก้าวเข้ามาแล้วชักปืนยิงใส่ระยะประชิดสามนัด เหยียบยอดอกและเยาะ “ลูกผู้ชายอย่างฉัน ไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงกับคนแก่ไร้น้ำยา...ปิดตำนานสามทหารเสือแห่งโอะนิซึกะ”
เสียงปืนดังก้อง ทำให้ไทชิซึ่งกำลังตามหาโคจิได้ยิน เขาวิ่งเข้ามา พบร่างโคจินอนจมกองเลือดอยู่ ก็ตกใจรีบพาส่งโรงพยาบาล
ริวซึ่งนอนหมดสติอยู่ เกิดอาการกระสับกระส่าย มายูมิโผเข้าเขย่าปลุกให้เขาฟื้น ริวค่อยๆลืมตาขึ้นนึกทบทวนเหตุการณ์แล้วถาม “ไอ้ทาคาโอะมันทำอะไรคุณหรือเปล่า”
“พี่ทาเคชิกับคนงานในไร่ช่วยกันไล่พวกมิซาว่าไปหมดแล้วค่ะ”
ริวคิดถึงตอนที่หัวกระแทกก้อนหิน แล้วยังโดนทาคาโอะกระแทกศอกใส่ที่หัวอย่างจัง แล้วจะขยับร่างกาย “ขาผมไม่มีความรู้สึกอะไรเลย!”
“อย่าคิดมากนะคะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ ฉันก็พร้อมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอค่ะริว” มายูมิกุมมือให้กำลังใจ ริวฝืนยิ้มรับพยายามจะไม่ทดท้อ
ทาเคชิเอ่ยปากจะหาหมอที่เก่งที่สุดมารักษาริว แต่ริวปฏิเสธ ไม่จำเป็นเพราะตนมีหมอที่เก่งอยู่ข้างกายแล้ว แพรวดาวเดินเข้ามาสีหน้ากังวลใจ ริวรีบถามเกิดอะไรขึ้น
“คนของโอะนิซึกะโทร.ด่วนเข้ามาค่ะ...อาโคจิถูกลอบทำร้าย อาการเป็นตายเท่ากัน”
ทุกคนตกใจ ริวเครียด กดดันอย่างมาก จะเดินทางกลับโดยเร็ว ทาเคชิท้วงให้หายดีก่อน
“โอะนิซึกะไม่มีผู้นำก็เหมือนเรือขาดหางเสือ ฉันไม่มีวันทิ้งลูกน้องเอาตัวรอดคนเดียว”
ทาเคชิสะท้อนใจ “ทั้งๆที่แกรู้ว่ามันคือกับดักหรือ”
“เกียรติและศักดิ์ศรีของนักรบซามูไรแลกมาด้วยเลือดและชีวิต ฉันขอตายอย่างมีเกียรติร่วมกับพี่น้องโอะนิซึกะ ดีกว่าอยู่อย่างไร้ศักดิ์ศรี”
“ฉันดีใจที่เห็นแกโตขึ้น รู้จักหน้าที่มีความรับผิดชอบ เข้าใจความรักที่แท้จริง ไม่เหมือนฉัน ที่ทิ้งโอะนิซึกะมาอย่างเห็นแก่ตัว” ทาเคชิสลดใจ
“ความรักไม่ใช่เรื่องเห็นแก่ตัว ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว อย่าเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเอง” ริวปลอบใจ
แพรวดาวมองทั้งริวและทาเคชิอย่างรู้สึกว่าตน เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้เช่นกัน...เย็นวันนั้นแพรวดาวเห็นทาเคชิยืนมองรอยขีดสามขีดบนต้นไม้ จึงเปรยว่า ลูกๆชอบเล่นวัดส่วนสูง ทาเคชิเอ่ยถึงลูกชายคนโต ภานุ...คนรอง ภาสกานต์และคนเล็ก พราวตะวัน อย่างรู้สึกสุขใจ แพรวดาวดักคอว่าเขาไม่สบายใจเรื่องโอะนิซึกะใช่ไหม ทาเคชิถอนใจ
“ศัตรูของโอะนิซึกะตามมาถึงที่นี่ ตราบใดที่ตัวการใหญ่ยังไม่ถูกกำจัด คุณกับลูกก็จะไม่มีวันปลอดภัย”
“แต่พวกมันไม่รู้ว่าคุณยังมีชีวิตอยู่”
“โอะนิซึกะไม่เหลือใครแล้ว ผมทิ้งให้ริวลำบากคนเดียวไม่ได้”
“แต่คุณเคยสัญญาว่าเราจะใช้ชีวิตสงบสุขอยู่ด้วยกันที่นี่ตลอดไป ในที่สุดวันที่ฉันกลัวก็มาถึง” แพรวดาวกล่าวจบเดินจากไปด้วยความเสียใจ ทาเคชิมองตามอย่างหนักใจ
ริวนั่งมองอยู่ตรงระเบียง รู้สึกไม่สบายใจอย่าง มาก...ทาเคชิครุ่นคิดถึงคำขอก่อนตายของทาโร่ “โซเรียวจะมีความสุขกับโอคุซังที่เมืองไทย อย่าทำให้เธอเสียน้ำตาอีกเลย ผมขอร้อง...”
ทาเคชิรับปากจะทำทุกอย่างให้เซโกะมีความสุข...
นึกถึงคำสัญญาแล้วทาเคชิรู้สึกผิด
ooooooo










