ตอนที่ 10
อัลบั้ม: แนะนำละครเรื่อง "รอยฝันตะวันเดือด"
ตอนค่ำทาเคชิเข้ามาในห้องเห็นแพรวดาวกอดรูปครอบครัวน้ำตาไหลริน จึงเข้าไปสวมกอดขอโทษที่ทำให้เธอต้องเสียน้ำตาอีก เขาปาดน้ำตาบนใบหน้าคนรักอย่างแผ่วเบา
“ทาเคชิคนเก่าตายไปแล้ว แต่ตะวันคนใหม่ก็ไม่สามารถลบสายเลือดและชาติกำเนิดของตัวเองได้”
“ฉันเห็นแก่ตัว ฉันกลัวว่าจะสูญเสียคุณ”
“คุณจะไม่มีวันสูญเสีย เพราะคุณกับลูกคือสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตผม”
แพรวดาวยอมรับว่า เธอกับเขาเกิดมาต่างกัน คิดไม่เหมือนกัน ทาเคชิกระซิบข้างหู แต่สุดท้ายเราก็อยู่ด้วยกันได้เพราะความรัก สงสัยพยานรักสามคนจะไม่
พอ ขอเพิ่มคนที่สี่ได้ไหม แพรวดาวเขิน ทุบอกเขาเบาๆ ทาเคชิย้ำ “ไม่มีดวงตะวัน ก็จะไม่มีดวงดาวส่องสว่างบนท้องฟ้า เราคือแสงสว่างของกันและกัน ผมสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรให้คุณไม่สบายใจ”
ทั้งสองสวมกอดกันด้วยความรัก แพรวดาวคลายความน้อยใจลง...แต่ทางด้านริว เขานอนไม่หลับ ครุ่นคิดว่าตนจะเป็นสาเหตุให้แพรวดาวกับทาเคชิมีปัญหากัน
มายูมิโอบกอด
“ไม่มีใครแก้ปัญหาใหญ่ได้ในวันเดียว เครียดจนทุกข์จะทำให้เรายิ่งแย่นะคะ”
“ถ้าผมตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง คุณจะว่ายังไง” ริวหยั่งเชิงถาม
“ชีวิตของเราคือชีวิตเดียวกัน ฉันเชื่อและยอมรับในการตัดสินใจของคุณค่ะ” มายูมิยืนยัน
วันรุ่งขึ้น ทาเคชินั่งมองตราประจำตระกูล
โอะนิซึกะสลับกับรูปครอบครัว ทำนองต้องตัดสินใจพลัน แพรวดาวถือจดหมายหน้าตื่นเข้ามายื่นให้ “ฉันไปตามริวกับมายูมิมาทานอาหารเช้า แต่พวกเขาไม่อยู่แล้ว เจอแต่จดหมายฉบับนี้”
ทาเคชิใจหายวาบเปิดอ่าน...“ถึงทาเคชิ...ฉันจากมาโดยไม่ได้ลา เพราะรู้ว่าแกต้องขัดขวางและตามฉัน
มาแน่ ฉันจะปล่อยให้อิทธิพลเถื่อนอยู่เหนือความถูกต้องของบ้านเมืองไม่ได้ เพราะมันเป็นหน้าที่ของโอะนิซึกะ โซเรียว...หัวหน้าของนักรบซามูไร ผู้นำที่ดีต้องไม่หลบหนีภัยอย่างหวาดกลัว แต่ต้องกล้าเผชิญหน้าและฝ่าฟันปัญหาและอุปสรรคไปกับลูกน้องทุกคน เป็นเรื่องไม่ถูกต้องถ้าแกจะทิ้งเซโกะกลับมา เพราะแกเคยยืนยันว่าจะใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวที่รัก...สัจจะของสายเลือดนักรบซามูไรคือสัญญาที่ต้องรักษาด้วยชีวิต...”
ระหว่างนั้น ริวกับมายูมิกำลังนั่งเครื่องเดินทางกลับญี่ปุ่น ริวทิ้งท้ายจดหมายว่า “ดูแลครอบครัวของแกให้ดี ฉันจะพิทักษ์เมืองนี้ให้ปลอดภัยจากอันธพาลชั่วด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีของสายเลือดโอะนิซึกะ นักรบซามูไร”
ทาเคชิอ่านจบ ปล่อยจดหมายปลิวไปกับสายลม ดวงตาเหม่อมองออกไปเบื้องหน้าพึมพำ อวยพรให้ริวโชคดี
ooooooo
ในพิธีศพคาซูมะซึ่งจัดที่บ้านโอะนิซึกะ ริวนั่งรถเข็นอยู่ข้างโลงศพมีมายูมิเฝ้าดูแล ฮารุกับชุนเข้ามาเคารพศพแล้วหันมากล่าว “โคโนทะบิโนะโกะฝุโค โอคุยาหมิ โมชิอาเงมัสสุ...โปรดรับการแสดงความเสียใจจากมิอุระด้วย”
“ขอบคุณที่ให้เกียรติโอะนิซึกะ” ริวก้มหัวรับ
ฮารุเสียใจที่ไม่สามารถช่วยคาซูมะได้ ริวก็เจ็บแค้นยืนยันจะต้องเรียกร้องความยุติธรรมให้คาซูมะให้ได้ เสียงทาคาโอะหัวเราะดังก้อง เดินเข้ามาพร้อมลูกน้อง
“หนึ่งในสามทหารเสือแห่งโอะนิซึกะตายทั้งที น่าจะจัดงานให้มันครึกครื้นยิ่งใหญ่กว่านี้หน่อย” ฮารุลุกขึ้นเตือนให้เกียรติเจ้าภาพด้วย ทาคาโอะสวน “พวกสุนัขพันธุ์ทาง...อย่าแส่”
ชุนไม่พอใจขยับจะเข้าเล่นงาน ฮารุปรามไว้ ทาคาโอะยิ่งย่ามใจมองริวที่นั่งรถเข็น เย้ย
“ฉันมาแสดงความเสียใจกับโอะนิซึกะ นักรบแห่งตะวันที่กำลังจะดับแสง ในขณะที่มิซาว่ากำลังจะเรืองรองสว่างไสวขึ้นอีกครั้ง”
“กองความเสียใจต่ำๆไว้ตรงนั้นแหละ ฉันไม่ ต้องการ” ริวเสียงกร้าว
“ลุกขึ้นเองยังไม่ได้ ยังกล้าตีฝีปากอีกเหรอโอะนิซึกะโซเรียวผู้ต้อยต่ำ”
มายูมิสุดทน ก้าวออกมายืนประจันหน้าทาคาโอะ “ออกไป! ที่นี่ไม่ต้อนรับอันธพาล”
“หน้าที่ของผู้หญิงอย่างเธอคือ จัดดอกไม้ ชงชา และดูแลสามีผู้พิการ” ทาคาโอะเย้ยหยัน
“คำพูด...ยืนยันสติปัญญาของผู้พูด โอะคะมิซังอย่างฉันเป็นได้มากกว่าที่คุณคิด”
“เก่งกล้ายังไง ผู้หญิงก็เป็นเพศที่อ่อนแอกว่าชาย”
“ถ้ามองกุหลาบเป็นแค่ดอกไม้ ระวังจะตายเพราะคมหนามที่ซ่อนอยู่...โอะนิซึกะไม่มีวันดับแสง” มายูมิประกาศกร้าว ริวทึ่งและอดห่วงคนรักไม่ได้
ทาคาโอะโกรธย่างก้าวเข้าหาแต่ต้องชะงัก เมื่อไทชิและโอะนิซึกะทั้งหมดลุกพึ่บขึ้นล้อม ไทชิเสียงกร้าวใครกล้าแตะนายหญิงแม้ปลายเล็บ อย่าหวังจะรอดชีวิตออกไป ฮารุสำทับ มิอุระก็ไม่ยอมให้ใครรังแกสุภาพสตรีต่อหน้าต่อตาเช่นกัน...มายูมิเชิดหน้าจ้องทาคาโอะอย่างไม่ยี่หระ
ทาคาโอะกลับมาระเบิดอารมณ์เหวี่ยงแจกันบนโต๊ะทำงานแตกกระจาย เข่นเขี้ยว...ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างมายูมิจะมาทำอะไรตนได้...เสียงมาซารุเยาะสมน้ำหน้าเข้ามา
“ก็ทำให้แกโมโหเป็นฟืนเป็นไฟอยู่นี่ไง ไปทำกร่างถึงถิ่นโอะนิซึกะ แต่กลับถูกผู้หญิงตอกหน้าหงายกลับมา...ขายหน้าจริงๆ”
ทาคาโอะฮึดฮัดไม่พอใจ นาบุชิงแทรกไม่อยากให้เจ้านายมีปัญหา รายงานว่าเจอมิอุระในงานศพ มาซารุหวั่นใจ ถ้าสองตระกูลนั้นรวมกันจะทำให้งานใหญ่ของพวกตนยากขึ้น ทาคาโอะแนะนำให้ฆ่าทิ้งให้หมด
มาซารุตวาดกลับ ถ้าง่ายขนาดนั้นทำไมไม่ฆ่าริวทิ้งตั้งแต่อยู่เมืองไทย
“มันตายแน่ ถ้าไม่มีคนเข้ามาช่วยไว้” ทาคาโอะเสียงอ่อยลง มาซารุถามว่าใคร “เห็นหน้าไม่ชัด แต่ฝีมือการต่อสู้เก่งพอๆกับไอ้ริว”
เคนคิดว่าเป็นคนของโอะนิซึกะที่ส่งไปคุ้มครอง ทาคาโอะตัดบทว่า ริวเดินไม่ได้ก็ไม่ต่างอะไรกับคนตาย มาซารุไม่เห็นด้วย ขนาดเป็นเจ้าชายนิทรายังฟื้นได้ แค่ลุกเดินไม่ใช่เรื่องยาก
“ตีเหล็กต้องรีบตีตอนร้อน โอะนิซึกะกำลังอ่อนแอ เราควรเร่งจัดการตามแผนท่านยามาโมโต้นะครับ”
เคนเสนอ มาซารุครุ่นคิดก่อนจะหันมาสั่งทาคาโอะด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ร้ายลึก
“คาซูมะ ที่ปรึกษาด้านธุรกิจของโอะนิซึกะตายไปแล้ว แกต้องรีบขยายธุรกิจของมิซาว่าและกว้านซื้อที่ดินในเมืองนี้มาให้มากที่สุด ฉันจะหาทางแยกโอะนิซึกะกับมิอุระออกจากกันเอง”
ooooooo
ยามค่ำคืน มายูมิจัดยาให้ริวทานก่อนนอน บอกให้พักมากๆ จะได้แข็งแรงเร็วขึ้น ริวย้อนว่าเร็วแค่ไหนก็ไม่ทันใจตน แต่วันนี้ตนทึ่งที่เธอจัดการทาคาโอะได้อย่างเข้มแข็ง มายูมิตอบว่าเป็นหน้าที่ของนายหญิงแห่งโอะนิซึกะ แต่ริวห่วงความปลอดภัยของเธอ
“สำหรับฉันไม่มีอะไรน่ากลัวเท่ากับการไม่ได้อยู่กับคุณ...จำไว้นะคะริว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ เราจะฝ่าฟันปัญหาทุกอย่างไปด้วยกัน”
“ผมจะไม่ยอมให้ใครพรากคุณไปจากผม”
“ฉันเชื่อในสิ่งที่คุณพูด แต่คุณก็ต้องเชื่อในคำแนะนำของหมออย่างฉัน ได้เวลาพักผ่อนแล้วค่ะ” มายูมิประคองริวลงนอน ริมฝีปากแทบประกบกัน เธอเขินอาย
ริวขยับเข้าใกล้ แต่กลับเบนไปจุมพิตที่หน้าผาก “คุณคือหัวใจดวงเดียวของผม...คิมิ”
มายูมิจึงหอมแก้มเขาฟอด...บอกให้ฝันดีแล้วล้มตัวลงนอนกลบเกลื่อนความเขิน ริวเอื้อมมือไปจับมือเธอมากุมไว้อย่างอบอุ่น ทั้งสองนอนหลับไปด้วยกัน
เช้าวันใหม่ มายูมิลืมตาขึ้นพบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดริว จึงนอนยิ้มอบอุ่นหัวใจ พอเห็นริวขยับจะตื่นก็แสร้งทำเป็นนอนหลับ ริวรู้ทันหอมแก้มเธอฟอด มายูมิสะดุ้งโวยคนฉวยโอกาส
“คุณรู้ไหม นับวันผมยิ่งมั่นใจที่มีคุณเป็นที่รัก” ริวยื่นหน้าจะหอมแก้มอีก
มายูมิเขินเบี่ยงหนี ดันให้เขาลุกอาบน้ำเพื่อทานข้าวและยาให้ตรงเวลา ริวยิ้มยอมทุกอย่างด้วยสายตาเปี่ยมรัก...พอทั้งสองหยอกล้อเข็นรถเข็นเข้ามาที่ห้องโถง ต้องชะงักเมื่อเห็นอาคิโกะถลาเข้ามาหา ถามอาการริวอย่างห่วงใย ริวอึกอักๆ ก่อนจะตอบว่า ไม่ต้องห่วง ตนมีกำลังใจดี
อาคิโกะแอบค้อนมายูมิก่อนจะบอกว่า “ฉันทำอาหารและขนมที่คุณชอบมาให้ ป่านนี้ป้าอายาโกะคงจัดเสร็จแล้ว...ไปทานด้วยกันนะคะคุณมายูมิ”
มายูมิยิ้มเจื่อนๆ ที่อาคิโกะทำตัวเหมือนเจ้าของบ้านเสียเอง เข้ามาแย่งเข็นรถให้ริว ไทชิติงว่าไม่ใช่หน้าที่เธอ แต่อาคิโกะเชิดไม่สนใจเข็นรถริวไปยังห้องอาหาร มายูมิเดินตามเงียบๆ...บนโต๊ะอาหาร มีอาหารที่อาคิโกะทำมาหลายอย่าง เธอคีบปลาย่างเกลือใส่ชามให้ริวโดยไม่เกรงใจมายูมิ ไทชิมองอย่างไม่สบายใจ ริวกล่าวขอบคุณตามมารยาท
“เต้าหู้ทรงเครื่องก็อร่อยนะคะ” อาคิโกะคีบให้ริวอีก ริวพยักหน้ารับรู้แล้วคีบต่อให้มายูมิ
“คุณชอบเต้าหู้...ทานเยอะๆนะ”
มายูมิยิ้มหวานให้ริว อาคิโกะจ้องถลึงตาอย่างเคืองๆ “ฉันทำแต่อาหารที่ริวชอบ ไม่รู้จะถูกปากคุณมายูมิรึเปล่า” มายูมิชมว่าทำได้อร่อยมาก อาคิโกะได้ทีเย้ย ตั้งใจให้รู้ว่าตนคิดอย่างไรกับริว “ฉันฝึกงานบ้านงานครัวมาตั้งแต่เด็ก เพราะรู้ว่าภาระสำคัญของผู้หญิง นอกจากตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ ก็ต้องเป็นภรรยาที่ดีของสามี จริงไหมคะริว...วันนี้ฉันว่างก็เลยจะมาช่วยดูแลริวเหมือนตอนอยู่โรงพยาบาล”
ไทชิขัดว่าที่นี่มีคนดูแลเยอะแล้ว อาคิโกะเมินหันมาส่งสายตาอ้อนวอนมายูมิ อ้างริวเคยช่วยตนไว้มาก อยากตอบแทนบุญคุณบ้าง มายูมิอึดอัดลำบากใจ...สุดท้าย มายูมิก็ปล่อยอาคิโกะดูแลริว อายะโกะกับฟุมิโกะไม่สบายใจ บ่นกับมายูมิที่เข้ามาช่วยงานในครัว
“คุณมายูมิไม่น่าปล่อยให้คุณอาคิโกะดูแลโซเรียวคนเดียว”
“ให้ริวอยู่กับเพื่อนบ้าง เขาอาจจะสดชื่นขึ้น”
ฟุมิโกะท้วง ถ้าอาคิโกะไม่คิดแค่เพื่อน อายะโกะปรามอย่าพูดให้มายูมิเสียใจ มายูมิถอนใจ “ฉันอาจจะไม่รู้จักคุณอาคิโกะ แต่ฉันรู้จักริวพอที่จะมั่นใจว่า...ความคิดทำร้ายความเชื่อใจของเราสองคนไม่ได้”
อายะโกะยิ้มปลื้ม “ใจที่หนักแน่น จะทำให้หัวใจมีแต่ความสุขค่ะ”
มายูมิยิ้มรับ พยายามไม่คิดมาก...ระหว่างนั้น อาคิโกะเข็นรถริวออกมาสูดอากาศในสวน พยายามคุยถึงความทรงจำวัยเด็กที่ริวกับเธอมีร่วมกัน แต่ริวกลับย้อนว่า ที่ผ่านมาเพราะเธอเป็นคนของโอะนิซึกะ...อาคิโกะจึงขอร้อง
“ถ้าฉันขอให้คุณมองฉันเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งล่ะคะ”
“เราเป็นได้แค่เพื่อนที่ดีต่อกัน ผมยินดีช่วยเหลือคุณทุกอย่างในฐานะเพื่อนเท่านั้น”
อาคิโกะอึ้งไม่คิดว่าริวจะปฏิเสธตรงๆ ต้องสะกดกลั้นความรู้สึกไม่พอใจเอาไว้...อาคิโกะแยกมาสงบสติอารมณ์ อยากร้องกรี๊ดๆแต่ทำไม่ได้ สบถดังๆออกมา
“ฉันด้อยกว่านังมายูมิตรงไหน ฉันมีอะไรที่สู้มันไม่ได้”
“ความรักไง...โซเรียวรักคุณมายูมิ แต่ไม่ได้รักเธอ” ไทชิก้าวเข้ามา
อาคิโกะสะดุ้งหันมาตวาดไม่ได้ถาม ไทชิย้ำ จะต้องเจ็บอีกกี่ครั้ง ถึงจะเลิกยุ่งกับโซเรียว อาคิโกะย้อน เมื่อไหร่เขาถึงจะเลิกหวังดี เลิกห่วงตน ไทชิตอบหนักแน่น
“คงไม่มีวันนั้น”
“เธอเลิกเป็นห่วงฉันไม่ได้ ฉันก็เลิกรักริวไม่ได้เหมือนกัน” อาคิโกะผละไปอย่างไม่พอใจ
ไทชิเศร้าลง ยังคงเป็นห่วงอาคิโกะเสมอ
ooooooo
บ่ายวันนั้น ยูจิกำลังเก็บงานบนโต๊ะเพื่อจะออกไปหามายูมิ มาซารุหอบแฟ้มงานมาโยนให้ทำ ย้ำเตือนให้ตาสว่างว่ามายูมิไม่มีวันสนใจเขา แต่ยูจิเชื่อว่า ไม่มีริว มายูมิต้องเลือกตน
“ฉันพยายามเคี่ยวเข็ญให้แกเก่ง แกร่ง เพื่อเป็นที่หนึ่ง แต่ไม่คิดว่าแกจะแพ้ความรักโง่ๆจนโงหัวไม่ขึ้นอย่างนี้” มาซารุโกรธกลับออกไป ยูจิปาดแฟ้มหล่นจากโต๊ะอย่างหงุดหงิด...
ในห้องพักฟื้นโรงพยาบาล โคจิกับมาซาโตะนอนสลบไสลคนละเตียงมีสายระโยงระยาง ริวกับมายูมิเข้ามาเยี่ยม มองร่างทั้งสองอย่างเศร้าหดหู่ ริวรำพันถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
“ตอนนี้ศัตรูกำลังเหิมเกริม เพราะโอะนิซึกะขาดกำลังสำคัญอย่างอาโคจิกับอาคาซูมะ...มาซารุได้รับตำแหน่งการทำงานสูงขึ้นจากการสนับสนุนของยามาโมโต้...มิซาว่ากว้านซื้อที่ดินหลายแห่งเพื่อขยายกิจการบ่อนและไนต์คลับ หนำซ้ำยังข่มขู่บริษัทคู่ค้าของโอะนิซึกะให้ยกเลิกร่วมธุรกิจกับเรา...มิอุระถูกมิซาว่าเสนอผลประโยชน์ให้มหาศาลเพื่อร่วมลงทุนในธุรกิจขนส่งทางรถไฟแข่งกับโอะนิซึกะ ไม่รู้ว่าฮารุจะยอมรับข้อเสนอของทาคาโอะรึเปล่า”
ริวนึกถึงภาพความเลวร้ายของทาคาโอะ มิซาว่าที่พาลูกน้องไปข่มขู่นักธุรกิจให้เซ็นเอกสารยกเลิกร่วมธุรกิจกับโอะนิซึกะ และเสนอผลประโยชน์แก่ฮารุ มิอุระ
“ถ้ามิซาว่าแทรกแซงธุรกิจที่โอะนิซึกะเคยครองฐานการตลาดทั้งหมด ธุรกิจของโอะนิซึกะจะต้องล้มแน่ๆ... ผมเป็นโอะนิซึกะโซเรียวที่ไม่ได้เรื่อง ไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ตอนนี้ได้ ผมขอโทษที่ทำให้อาทั้งสองต้องผิดหวัง” ริวก้มหัวขอโทษโคจิกับมาซาโตะอย่างท้อแท้ใจ
มายูมิมองด้วยความเห็นใจ กลับมาบ้าน มายูมิเข้ามานั่งมองป้ายบรรพบุรุษ นึกถึงคำตักเตือนของโคจิที่ว่า...นายหญิงของโอะนิซึกะต้องเข้มแข็งเช่นเดียวกับนักรบ เพื่อปกป้องคนในครอบครัวและรักษาเกียรติยศของตระกูลแทนสามี...มายูมิคิดทำอะไรบางอย่างเพื่อริว
วันต่อมา มายูมิเชิญสมาชิกโอะนิซึกะทั้งหมดเข้าประชุม ไทชิเข็นรถริวเข้ามาด้วยความแปลกใจ... มายูมิกล่าวด้วยน้ำเสียงเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว
“ทุกคนคงทราบ ขณะนี้โอะนิซึกะกำลังประสบปัญหาอย่างหนัก อาณาจักรโอะนิซึกะ อุดมการณ์การต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความดีงามกำลังสั่นคลอนพร้อมจะล่มสลายทุกเมื่อ...คู่แข่งของเรากำลังก้าวหน้า เติบโตและแข็งแกร่งมากกว่าเราหลายเท่า สามทหารเสือแห่งโอะนิซึกะมีทั้งบาดเจ็บและเสียชีวิต ไม่สามารถช่วยพวกเราได้แล้ว พวกเราเหลือเพียงแค่โซเรียวคนเดียวเท่านั้น แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น โซเรียวแห่งโอะนิซึกะก็ยังคงยึดถืออุดมการณ์ เกียรติและศักดิ์ศรีของนักรบซามูไร พร้อมจะเสียสละเลือดและชีวิตเพื่อความถูกต้องและดีงามของบ้านเมืองนี้” มายูมิมองไปที่ผู้อาวุโสทีละคน “ฉันเข้าใจทุกคน เราอยู่กันมานาน ทุกคนจึงมีสิทธิ์เลือกชีวิตของตัวเอง จะอยู่กับโอะนิซึกะต่อ หรือจะแยกตัวออกไป วันนี้... ฉันต้องการให้ทุกคนตัดสินอนาคต จะยอมแพ้กับอุปสรรค ออกไปใช้ชีวิตกับครอบครัวของตัวเอง หรือจะร่วมกันกอบกู้ศักดิ์ศรีของโอะนิซึกะร่วมกับฉันและโซเรียว”
เสียงฮือฮาในที่ประชุม...แววตามายูมิเด็ดเดี่ยวแข็งแกร่ง ไดกิสบตาเหล่าสมาชิกอาวุโสก่อนจะกล่าว “พวกเราทุกคนยินดีร่วมมือกับโซเรียวและว่าที่นายหญิงแห่งโอะนิซึกะกอบกู้ทุกอย่างที่เป็นของโอะนิซึกะกลับคืนมา โอะนิซึกะคือครอบครัว เราจะไม่มีวันทิ้งกัน”
มายูมิขอบคุณสำหรับความภักดีของทุกคน แล้วหันหลังไปหาป้ายบรรพบุรุษ ประกาศกร้าวเสียงดัง “ในฐานะว่าที่นายหญิงแห่งโอะนิซึกะ ฉันขอสาบานว่าจะอยู่เคียงข้างโอะนิซึกะโซเรียว ไม่ว่าเวลาสุขหรือทุกข์ ฉันจะสนับสนุนและเติมเต็มทุกสิ่งในชีวิตของริว โอะนิซึกะ เพื่อสานต่อวิถีสายเลือดแห่งนักรบซามูไร”
มายูมิก้มหัวคำนับป้ายบรรพบุรุษ ทุกคนในห้องก้มหัวตามอย่างพร้อมเพรียง ริวตะลึงและทึ่งกับความห้าวหาญของคนรัก
ooooooo
หลังจากนั้นมายูมิเข็นรถพาริวชมสวน ริวยื่นมือไปกุมมือ มายูมิจึงย่อตัวลงข้างเขา สบตาอย่างซาบซึ้ง ริวกล่าวขอบคุณสำหรับความรักและกำลังใจที่มอบให้ มายูมิยิ้มรับมันเป็นหน้าที่ที่นายหญิงแห่งโอะนิซึกะควรทำ แต่ริวยังกังวลว่าโอะนิซึกะจะกลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิมได้
“สมาชิกโอะนิซึกะทุกคนสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวเหลือแค่ความร่วมมือจากมิตรเก่าของเรา”
“คุณหมายถึงมิอุระหรือ”
“ฮารุยังไม่ตกลงร่วมธุรกิจกับมิซาว่า ถ้าเราสานสัมพันธ์ที่ดีกับฮารุได้ มิซาว่าก็จะโค่นล้มเรายากขึ้น” มายูมิเชื่อเช่นนั้น
แต่ริวยังหนักใจ ถ้าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กับขนส่งสินค้าทางรถไฟ ที่เป็นรายได้หลักของโอะนิซึกะ ถูกมิซาว่ายึดครองสำเร็จ นั่นคือความสูญเสียครั้งใหญ่ มายูมิมีแผนในใจ...ศัตรูแข็งแกร่งมาก ไม่ได้แปลว่าเราจะต้องแพ้ ตนมั่นใจว่ายังมีทางแก้ไขสถานการณ์นี้
ตกดึก มายูมิจัดยาให้ริวทานตามปกติ ริวแปลกใจที่มียาเพิ่มมาขนาน มายูมิอ้างว่าอยากให้เขาคลายความเครียด ริวทานยาล้มตัวลงนอนแต่สีหน้ายังเครียด มายูมิโอบกอดให้กำลังใจ
“ริว...คุณคือความหวังเดียวของโอะนิซึกะที่เหลืออยู่ ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณนะคะ ถ้าวันนี้ยังคิดหาทางแก้ปัญหาไม่ได้ คุณควรจะพักผ่อนเต็มที่ จะได้แข็งแรงเร็วๆ” มายูมิจุมพิตที่หน้าผาก
ริวหลับตาพริ้มอย่างว่าง่ายแล้วเคลิ้มหลับ มายูมิยิ้มอย่างมีเลศนัย...สักพักเธอลุกขึ้นแต่งตัว สยายผมสุดเซ็กซี่ อายาโกะไม่สบายใจ พยายามเตือนอย่าไปหามิอุระตอนนี้เลย มันอันตราย
“การตัดสินใจของมิอุระสำคัญต่อธุรกิจของโอะนิซึกะ ฉันต้องทำให้มิอุระเป็นพวกเดียวกับเราให้ได้” มายูมิให้เหตุผล
อายะโกะเกรงริวรู้จะไม่พอใจ มายูมิบอกว่ายาที่ตนให้จะทำให้เขาหลับถึงเช้า มายูมิตัดบทหันไปถามฟุมิโกะว่าไทชิเตรียมรถพร้อมหรือยัง ฟุมิโกะรับคำ อายะโกะได้แต่ภาวนาให้บรรพบุรุษคุ้มครองมายูมิให้ปลอดภัย
เมื่อมาถึงไนต์คลับมิอุระ ไทชิเปิดประตูรถให้มายูมิและจะตามเข้าไป เธอปฏิเสธสั่งให้เขารอข้างนอก ไทชิจำต้องก้มหัวรับ...มายูมิเข้ามาพบฮารุ เขาประหลาดใจมาก ชุนเตือนว่าเธอคงมาคุยธุรกิจแทนโซเรียว ฮารุชื่นชม “ผู้หญิงใจเด็ดแบบนี้ สมเป็นนายหญิงของมิอุระมากกว่า...ต้อนรับแขกคนพิเศษของฉันให้ดีที่สุด คืนนี้ฉันจะทำให้มายูมิลืมว่าที่สามีพิการไปเลย”
ฮารุต้อนรับมายูมิในห้องวีไอพีหรู ชมเธอว่ากล้ามากที่มาคนเดียว มายูมิย้อนว่าตนมั่นใจในความเป็นสุภาพบุรุษของเขา ฮารุยิ่งชอบใจความใจเด็ดของเธอ... มายูมิจิบเครื่องดื่มที่เขายื่นให้พอเป็นพิธี ฮารุยิ้มกระลิ้มกระเหลี่ยแล้วชวนเธอออกไปเต้นรำ มายูมิยิ้มรับคำเชิญ
ระหว่างเต้นรำ มายูมิไม่รอช้าที่จะเจรจาถึงปัญหาที่ประสบ ฮารุแทรก“สามทหารเสือแห่งโอะนิซึกะเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัส ริวก็เดินไม่ได้ โอะนิซึกะเหมือนเรือขาดหางเสือไม่มีผู้นำ”
“แต่ยังมีว่าที่นายหญิงแห่งโอะนิซึกะอย่างฉัน” มายูมิสวน
เข้าทาง ฮารุเสนอตัวช่วย มายูมิแสร้งทำเขินอายยินดีรับ ฮารุได้ใจรวบตัวเธอเข้ามากอด เธอเบนตัวออกอย่างมีจริตติงไม่เหมาะ ฮารุยิ้มพรายชวนไปหาที่คุยเหมาะๆ... พอกลับเข้ามาในห้องรับรอง ฮารุจะโอบกอด มายูมิเบี่ยงหนีขอคุยเรื่องสำคัญ ฮารุรู้ทันถามเธอต้องการอะไร
“คุณคิดว่าอะไรมีค่าจนทำให้ฉันเสี่ยงเข้ามาที่นี่คนเดียว”
“ผมให้ได้ทุกอย่างที่คุณต้องการ”
“ฉันอยากได้ความร่วมมืออย่างเต็มใจจากมิอุระ” ฮารุให้พูดชัดๆ มายูมิขยายความ “ไม่ทำธุรกิจร่วมกับมิซาว่า ร่วมมือกับโอะนิซึกะปกป้องอันธพาลที่ต้องการครอบครองเมืองนี้”
“ผมจะได้อะไรจากโอะนิซึกะ”
“มิตรภาพ...”
“ถ้าเปลี่ยนจากมิตรภาพเป็นตัวคุณ” ฮารุใช้สายตาโลมเลีย ยื่นมือไปแตะต้นขา
มายูมิสะบัดตัวออกดึงมีดพกที่เหน็บอยู่ต้นขาออกมาจ่อคอฮารุ สายตาดุกร้าว “หนามของกุหลาบร้ายกว่าที่คุณคิด อย่าเสี่ยงเข้าไปสัมผัสดีกว่าค่ะ”
ฮารุชะงักจ้องมายูมิถามต้องการอะไร เธอบอกแค่ต้องการแสดงให้เห็นว่า ภายใต้ความสวยและอ่อนหวานที่ผู้ชายหลงใหล ยังมีหนามคมที่น่ากลัว
“เก่งแบบนี้ ผมไม่เสียใจเลยที่หลงใหลกุหลาบร้ายอย่างคุณ”
มายูมิเก็บมีดปล่อยฮารุ “โอะนิซึกะไม่อยาก ประกาศสงครามกับคนดี มิตรภาพของเรายังเหมือนเดิม หวังว่าคุณจะเลือกข้างที่ถูกต้องนะคะ”
ฮารุอึ้ง ครุ่นคิดตามคำพูดมายูมิ...ด้านหน้าไนต์คลับ ไทชิยืนกระวนกระวายเป็นห่วงมายูมิ สักพักเธอเดินออกมาสีหน้านิ่งเรียบ ไทชิอยากรู้ผลแต่เธอไม่ตอบนั่งนิ่งมาตลอดทางกลับบ้าน
คืนเดียวกัน ทาคาโอะเชิญฮารุมาพบที่ไนต์คลับมิซาว่า จุนโกะเห็นฮารุเดินตามนาบุผ่านไปก็ตกใจรีบหลบ แต่อดสงสัยไม่ได้...พอฮารุเข้ามาในห้องทำงานทาคาโอะ เจอยามาโมโต้ยืนสีหน้าร้ายลึกก็ตกใจเล็กน้อย ยามาโมโต้กล่าว “ขอบคุณที่ให้เกียรติมาตามคำเชิญ”
“ถ้าไม่มา คงไม่รู้ว่าคนที่ต้องการคุยกับผมคือท่านยามาโมโต้”
“ฉันทำธุรกิจร่วมกับมิซาว่ามานาน...”
“ทำธุรกิจกับมิซาว่าหรือมิซาว่าออกหน้าแทนท่านยามาโมโต้กันแน่” ฮารุรู้ทัน
ทาคาโอะฮึดฮัดไม่พอใจ ยามาโมโต้ปราม บอกฮารุว่าตนทำงานเป็นทีม อยากได้กำลังเสริมที่แข็งแกร่งมาร่วมทีม ฮารุแย้งว่าโอะนิซึกะครองพื้นที่ธุรกิจหมดแล้ว ยามาโมโต้จึงชวนให้ร่วมมือจัดการ ฮารุดักคอ จุดประสงค์ของท่านต้องการเล่นงานโอะนิซึกะมากกว่าแย่งชิงผลประโยชน์ทางธุรกิจ ยามาโมโต้ยิ้มร้ายลึก ชมว่าฉลาดสมกับที่อยากร่วมงานด้วย สีหน้าฮารุเครียดขึ้น
“ในบ้านเมืองนี้ คงไม่มีใครกล้าตอบปฏิเสธท่านยามาโมโต้ผู้ยิ่งใหญ่ แต่ผมมันคนพิลึก คิดไม่เหมือนชาวบ้าน รักสันโดษ ชอบตัดสินใจคนเดียว...ขอบคุณที่ให้โอกาส”
“กลับไปทบทวนดูให้ดี อนาคตของมิอุระอยู่ในมือคุณ”
“ฮารุ มิอุระ ไม่ใช่คนย้ำคิดย้ำทำ ไม่ก็คือไม่” ฮารุลุกยืนอย่างหยิ่งทะนง โค้งตัวลาออกไป
ทาคาโอะลุกพรวดไม่พอใจที่ฮารุไม่ให้เกียรติ ไม่ควรปล่อยให้มีชีวิตกลับไป ยามาโมโต้ปราม ถ้ามิอุระไม่เปลี่ยนใจก็ต้องถูกโค่นไปพร้อมโอะนิซึกะ...จุนโกะซึ่งแอบฟังอยู่ใจหายวาบ
ooooooo
วันต่อมา เมื่อริวรู้ว่าฮารุไปพบทาคาโอะ ก็ยิ่งเครียดเกรงจะร่วมมือกัน มายูมิปลอบอย่าคิดมาก การเจรจาธุรกิจไม่ได้คุยกันครั้งสองครั้งแล้วจะตกลงกันได้ แต่ริวหวั่นใจ ผลประโยชน์มหาศาลเปลี่ยนใจคนได้เสมอ ไทชิเสริมว่า ถ้ามิอุระปฏิเสธก็เท่ากับประกาศตัวเป็นศัตรู
“ฉันหวังว่าฮารุจะตัดสินใจเลือกสิ่งที่ถูกต้องให้กับตัวเองและบ้านเมือง” ริวคาดหวัง
ด้านฮารุปฏิเสธจะร่วมมือกับยามาโมโต้ ชุนหวั่นใจว่ายามาโมโต้จะไม่ยอมให้ปฏิเสธ...พอได้ฟังการสนทนาแล้ว จุนโกะก็ไม่สบายใจ นึกถึงคำพูดของริวที่เคยบอกว่า ถ้ามิซาว่าโค่นโอะนิซึกะได้ เด็กๆและชาวเมืองต้องตกอยู่ใต้อิทธิพลชั่ว จุนโกะสะท้อนใจยอมไม่ได้อีกแล้ว ตัดสินใจจะไปส่งข่าวให้โอะนิซึกะ เธอแต่งตัวทะมัดทะแมง ใส่หมวกพรางใบหน้า เดินอย่างระแวดระวังออกไปไม่พ้นสายตานาบุ เขาสะกดรอยตามไปเงียบๆกับลูกน้องอีกสองคน...จุนโกะเอะใจหลบหลีกจนมาถึงหน้าบ้านโอะนิซึกะ แต่ไม่ทันจะเข้าไป ก็ถูกนาบุตามมาลากตัว
จุนโกะถูกพาตัวมาให้ทาคาโอะ เขาใช้มีดกรีดข้างแก้มเธอที่คิดจะเอาข่าวไปบอกโอะนิซึกะ และยังฉีดยาเสพติดเข้าร่างกาย เธอกรีดร้องอย่างน่าสงสาร
ตกดึก ฮารุกำลังจะส่งคนไปปฏิเสธการร่วมมือกับยามาโมโต้ ชุนถามที่ตัดสินใจแบบนี้เพราะมายูมิหรือ ฮารุตอบว่าไม่เกี่ยว ถึงไม่มีโอะนิซึกะ ตนก็ไม่มีวันร่วมมือกับมิซาว่า เพราะมั่นใจว่า ทาคาโอะมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ลอบทำร้ายตนคราวก่อน ทันใด...เกิดเสียงระเบิดบึ้ม! ขึ้นจนฮารุกับชุนตกใจ ลูกน้องวิ่งเข้ามารายงานว่า มิซาว่าบุกถล่มไนต์คลับ ฮารุโกรธคว้าดาบประจำตัววิ่งออกไป
ออกมาถึงเห็นทาคาโอะกับลูกน้องกำลังต่อสู้กับคนของมิอุระ แขกในร้านวิ่งกันจ้าละหวั่น ฮารุเข้าฟาดฟันพวกมิซาว่า เสียงทาคาโอะกร้าว “ไอ้ฮารุ! วันนี้เป็นวันตายของแก”
ยูจิเฝ้าดูเหตุการณ์อย่างใจเย็น ยังไม่เผยตัว ทาคาโอะสั่งสมุนรุมฮารุ...ฮารุหันมารับดาบ
“สันดานสุนัขลอบกัด!”
“ท่านยามาโมโต้ให้โอกาสแล้ว แต่แกเลือกที่จะไม่รับเอง” ทาคาโอะโต้
“ฉันไม่ร่วมมือกับคนที่เคยลอบฆ่าฉัน”
“ฉันอยากให้แกตาย แต่คราวก่อนไม่ใช่ฝีมือฉัน” ทาคาโอะเงื้อดาบฟาดฟัน
ฮารุหลบทัน แปลกใจยังมีใครร่วมมืออีก ทาคาโอะเยาะให้ไปถามยมบาลในนรก แล้วถีบฮารุเซไปชนกับใครคนหนึ่ง...ฮารุหันมองถึงกับตะลึง “ผู้กองยูจิ!”
ยูจิยิ้มเยาะ “อยากรู้ใช่ไหมว่าใครลอบฆ่า...วันนี้ฉันไม่พลาดเหมือนคราวก่อนแน่” ยูจิยิงเปรี้ยงใส่ร่างฮารุระยะประชิด ล้มทั้งยืน
ชุนตกใจพุ่งเข้าจะช่วย ถูกนาบุฟันจนล้มไปอีกคน ...ฮารุเข่นเขี้ยว “โจรในคราบตำรวจ...แกอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ร้ายทั้งหมด”
ยูจิยิ้มเยาะยิงซ้ำอีกนัด ฮารุสะดุ้งเฮือกเลือดทะลัก ลูกน้องคนหนึ่งวิ่งมาบอกว่า มีรถตำรวจกำลังมุ่งหน้ามา ทาคาโอะตกใจมองหน้ายูจิหมายความว่าอย่างไร ยูจิบอก ตนแจ้งตำรวจเอง ให้รีบเผาทำลายหลักฐานแล้วสร้างสถานการณ์ให้ดูเป็นการล้างแค้นของพวกโอะนิซึกะ สมุนแยกย้ายกันทำตามคำสั่ง ฮารุกับชุนนอนหายใจรวยรินท่ามกลางกองไฟ
ooooooo
เช้าวันใหม่ เซกิเข้ามารายงานริวกับมายูมิว่า มาซารุมาขอพบ ทั้งสองแปลกใจ...ริวออกมาพบที่ห้องรับแขก ทักทายตามมารยาทแล้วถามตรงๆ ท่าทางไม่ได้ตั้งใจมาเยี่ยมตน มาซารุยอมรับ
“ไนต์คลับมิอุระถูกเผาเมื่อคืน ฮารุกับลูกน้องบาดเจ็บสาหัส”
มายูมิตกใจทำถ้วยชาในมือตก ทุกคนหันมอง เธอรีบกล่าวขอโทษไม่ทันระวัง มาซารุมองอย่างรู้ทันก่อนจะกล่าวกับริว “พยานยืนยันว่า คืนก่อนเกิดเหตุ คนของโอะนิซึกะเดินทางไปพบฮารุที่ไนต์คลับ”
ริวปฏิเสธไม่ได้ส่งใครไป มาซารุสวน นายหญิงแห่งโอะนิซึกะไม่ได้บอกอะไรเลยหรือ ริวหันมองมายูมิซึ่งก้มหน้าทำตัวไม่ถูก...พอมาซารุกลับไป ท่าทางริวไม่พอใจเมื่อมายูมิสารภาพ
“คืนวันก่อน คุณให้ยานอนหลับผมแล้วแอบไปหาฮารุ ทำเหมือนผมเป็นคนโง่ เป็นตัวตลกของคุณ”
“ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้นนะคะ แต่ถ้าฉันบอกคุณคงไม่ยอมให้ไป”
“ไม่มีใครยอมให้ผู้หญิงที่ตัวเองรักออกไปเสี่ยงอันตรายอยู่แล้ว ผมจะลงโทษทุกคนที่ร่วมมือกับคุณ”
มายูมิรีบขอร้อง ถ้าจะลงโทษให้ลงโทษตนคนเดียวเพราะตนเป็นคนสั่งพวกเขา ริวเสียใจที่ปกป้องเธอไม่ได้ ทำให้เธอต้องลำบาก มายูมิเข้าไปกอดปลอบว่าตนยินดีช่วยโอะนิซึกะเอง ถ้าจะผิดก็ผิดตรงที่ตนรักเขามากเกินไป...ริวอ่อนลงกอดตอบแต่ขอสัญญา จะไม่ทำแบบนี้อีก
“ชีวิตผมอยู่ได้เพราะมีคุณ ถ้าคุณเป็นอะไรไป ผมคงไม่ให้อภัยตัวเอง”
“ฉันจะไม่ทำให้คุณเป็นห่วงอีกแล้วค่ะ...แล้วเราจะ ถูกกล่าวหาเรื่องฮารุถูกลอบทำร้ายรึเปล่าคะ” มายูมินึกได้....
มายูมิตั้งใจจะไปโรงพยาบาลเพื่อดูอาการของฮารุ ริวท้วงยังไม่ครบกำหนดลาของเธอ ไทชิติงว่า ตำรวจให้เฉพาะหมอเจ้าของไข้เข้าออกได้เท่านั้นห้ามคนนอกเยี่ยมก่อนได้รับอนุญาต มายูมิขอร้องริวให้ตนไป ตนจะหาทางคุยกับหมอเจ้าของไข้ เพราะตนเป็นต้นเหตุที่ทำให้มิอุระเดือดร้อน ถ้าไม่เห็นกับตาว่าฮารุปลอดภัย คงไม่สบายใจ...
มาซารุกับเคนเดินคุยกันในสำนักงานตำรวจ ว่ามีเพียงพยานเห็นว่าโอะนิซึกะไปที่ไนต์คลับมิอุระแต่ไม่มีหลักฐานว่ามิอุระถูกโอะนิซึกะทำร้าย มาซารุคิดจะสร้างหลักฐานขึ้น เพื่อทำให้ความเชื่อถือของคนทั้งเมืองที่มีต่อโอะนิซึกะลดลง เคนโพล่งขึ้น
“ท่านยามาโมโต้ฉลาดมากที่วางแผนเล่นงานมิอุระแล้วโยนความผิดให้พวกโอะนิซึกะ”
“เป็นโชคดีของเรา ที่มายูมิเดินไปติดกับดักเอง”
เคนเสียดายที่ฮารุยังไม่ตาย แต่มาซารุคิดว่า อาการแบบนั้นก็เหมือนตายทั้งเป็น...ฮิโระแอบได้ยินการสนทนานี้ หน้าเครียด
บ่ายวันนั้น นานะดีใจมากที่มายูมิมา ซักถามหลายคำถามจนเธอตอบไม่ทัน มายูมิยอมรับกับเพื่อนว่าริวดีต่อตนมาก และตนจะทำทุกอย่างเพื่อเขา นานะอมยิ้ม
“ความรักเป็นทั้งพลังในด้านบวกและลบ ฉันดีใจที่เธอเลือกพลังด้านบวก มอบความสุขให้ตัวเอง”
ในห้องฉุกเฉิน มายูมิตรวจอาการคนไข้แต่ละคน ต้องชะงักเมื่อพบอาคิโกะนอนอยู่บนเตียง อาคิโกะทำท่าอ่อนเพลียบอกว่า จู่ๆก็หน้ามืดอ่อนเพลีย เป็นมาหลายวันแล้วให้ช่วยตรวจ พยาบาลรายงานมายูมิว่าอาคิโกะความดันปกติ ไม่มีไข้ แต่คนไข้ยืนยันว่ายังเวียนศีรษะ อาคิโกะรีบบอกว่า ระยะนี้ตนทำงานหนัก พักผ่อนน้อย อยากนอนพักที่โรงพยาบาล อ้างว่าอยู่ข้างนอกมีแต่นักข่าวและแฟนคลับรบกวน มายูมิมองด้วยสายตาไม่ไว้ใจ ไม่รู้ว่าเธอจะมาไม้ไหนกันแน่
มายูมิตรวจอาการให้อาคิโกะ แล้วแจ้งว่าอาการเวียนศีรษะอาจจะมาจากการพักผ่อนน้อย อาคิโกะขอบคุณที่ยอมให้นอนโรงพยาบาล มายูมิเห็นว่าเธอเคยช่วยงานการกุศลโรงพยาบาลบ่อยๆ ถ้าปฏิเสธผู้อำนวยการคงไม่สบายใจ อาคิโกะได้ใจรีบถามว่า โคจิกับมาซาโตะพักฟื้นชั้นเดียวกับตนใช่ไหม มายูมิตอบว่าใช่
“ขอฉันเข้าไปดูอาการท่านหน่อยได้ไหมคะ ตั้งแต่เกิดเรื่องฉันก็ไม่ได้มาเยี่ยมท่านเลย”
มายูมิชั่งใจสักพักก่อนจะยอมพาไป พยาบาลเข็นรถอาคิโกะตามมายูมิเข้าไปในห้องพักฟื้น อาคิโกะมองโคจิกับมาซาโตะที่ยังนอนไม่ได้สติแล้วถามทำไมทั้งสองยังไม่ฟื้น
“อาการสาหัสมาก ถึงหมอจะช่วยให้พ้นขีดอันตราย ก็ต้องรอให้คุณอาฟื้นขึ้นมาด้วยตัวเอง” มายูมิอธิบาย อาคิโกะถามสวน
“แล้วถ้าไม่ฟื้น...” พอเห็นสายตามายูมิมองไม่ชอบใจ ก็รีบแก้ตัว “ฉันก็แค่อยากรู้ ว่ามีทางเป็นไปได้รึเปล่า”
มายูมิไม่ตอบ เดินไปตรวจเช็กชีพจรมาซาโตะ อาคิโกะขยับเก้าอี้เข้าไปใกล้โคจิ มองสำรวจอาการ แล้วหันไปมองมายูมิด้วยสายตาหมั่นไส้ ระหว่างนั้นโคจิค่อยๆรู้สึกตัว ลืมตาขึ้นมาอย่างพร่ามัว ขยับแขนไปแตะแขนอาคิโกะ เธอตกใจร้องลั่น มายูมิหันขวับเห็นโคจิฟื้นก็ดีใจปรี่เข้าตรวจอาการอย่างละเอียด อาคิโกะจ้องมอง
ooooooo
เมื่อมาซารุรู้จากยูจิว่าโคจิฟื้นแล้วก็เครียด
ทาคาโอะเยาะยูจิ หาว่ากลัวโคจิเอาคืน ยูจิสวนตน
ไม่อยากให้ใครมาขัดขวางแผนของยามาโมโต้ต่างหาก เคนเสริมว่าโคจิคงทำอะไรพวกเราไม่ได้ตอนนี้ ทุกคนมองเชิงถามทำไม เคนเล่าถึงสิ่งที่ได้ยินมายูมิคุยกับอาจารย์ฮาร่า
“สมองท่านโคจิได้รับการกระทบกระเทือน ทำให้ระบบประสาทที่ควบคุมการพูดและการควบคุมแขนขามีปัญหา ยังขยับตัวไม่ได้”
“หมายความว่าอาโคจิจะยังพูดไม่ได้ จนกว่าร่างกายจะค่อยๆฟื้นตัวดีขึ้น”
ยูจิยังไม่ค่อยสบายใจเพราะโคจิมีโอกาสหายเป็นปกติ แต่มาซารุคิดว่าแผนของพวกตนใกล้สำเร็จ ต่อให้โคจิลุกขึ้นมาจับดาบได้ โอะนิซึกะก็ไม่มีวันกลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิม...
ริวมาเยี่ยมโคจิ มายูมิอยากให้เขากลับไปพักฟื้นที่บ้าน สภาพแวดล้อมเดิมๆน่าจะทำให้อาการเขาดีขึ้น ริวดีใจสั่งคนที่บ้านจัดบ้านรอรับ มายูมิเสียดายที่มาซาโตะอาการไม่ดีขึ้นเหมือนโคจิ ไทชิเชื่อว่ามาซาโตะเป็น
คนดี วิญญาณบรรพบุรุษต้องคุ้มครอง คัตสึบ่นคดีลอบทำร้ายโซเรียวและสามทหารเสือแห่งโอะนิซึกะไม่คืบหน้าเลย ไม่รู้ตำรวจมัวทำอะไรอยู่ โคจิได้ยินนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาโดนยูจิยิงและเหยียบขยี้บาดแผลอย่างเลือดเย็น ก่อนจะยิงซ้ำ ร่างโคจิกระตุกเกร็งขึ้น ริวรีบถามเขาเป็นอะไร โคจิสบตาริวพยายามจะเปล่งเสียงบอกว่ายูจิเป็นคนยิง
“อาโคจิจะพูดอะไร...” ริวเห็นโคจิพยายามจะพูดอีกจนท้อ
“ถ้าร่างกายแข็งแรงขึ้น ระบบประสาทที่ควบคุมการพูดของอาโคจิจะค่อยๆฟื้นตัวดีขึ้นจนพูดได้เหมือนเดิม ไม่ต้องกังวลนะคะ” มายูมิอธิบาย โคจิพยักหน้ารับสีหน้าเคร่งเครียด
ริวก้มหัวสลดใจ “ผมขอโทษที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย ผมปล่อยให้อาคาซูมะตาย ปล่อยให้มิซาว่าเข้ามาแย่งพื้นที่ทางธุรกิจของโอะนิซึกะ ผมเป็นโอะนิซึกะโซเรียวที่แย่ที่สุด” โคจิขยับมือพยายามจะยื่นไปให้กำลังใจ ริวสบตารับรู้กำลังใจนั้น “เราจะลุกขึ้นมากอบกู้โอะนิซึกะให้กลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิมนะครับ”
“โอะนิซึกะทุกคนพร้อมจะเป็นกำลังใจให้โซเรียวค่ะ” มายูมิกล่าว ไทชิ คัตสึและเซกิก้มหัวรับ ริวยิ้มอย่างมีกำลังใจ หันไปสบตาโคจิ ต่างมีความหวังขึ้น
กลับมาบ้าน ริวให้มายูมิเปิดตู้ไม้เก่าแก่ในห้องทำงาน แล้วยกหีบไม้โบราณใบย่อมออกมาวางบนโต๊ะ ริวเอากุญแจไขหีบไม้เปิดออก ในนั้นเต็มไปด้วยเอกสารปึกใหญ่
“คุณให้ฉันเอาหีบไม้ออกมาทำไมคะ”
“หีบโบราณใบนี้เป็นสมบัติตกทอดมาจากโอะนิซึกะโซเรียวรุ่นก่อนๆ เอาไว้เก็บโฉนดที่ดินและเอกสารสำคัญของตระกูล” ริวอธิบายแก่มายูมิ เธอฟังยังไม่ค่อยเข้าใจ
ooooooo










