ตอนที่ 1
อัลบั้ม: แนะนำละครเรื่อง "รอยฝันตะวันเดือด"
เอเชียตะวันออก หมู่เกาะทางใต้ของญี่ปุ่น...
ในอดีต หมู่เกาะนี้เคยถูกอิทธิพลมืดเข้าครอบงำ อันธพาลชั่วหาญกล้า จนแผ่นดินลุกเป็นไฟ...โอะนิซึกะ สายเลือดซามูไรนักรบผู้กล้า ร่วมมือกับทางการสร้างความถูกต้องให้กลับคืนมา
ความเสียสละ นำมาซึ่งความสูญเสีย ระหว่างที่ทาเคชิโอะนิซึกะโซเรียวบุกไปช่วยแพรวดาว ริวกับพวกตามมาช่วย และฆ่าริกิ มิซาว่าได้ แต่พวกมันวางระเบิดเป็นกับดัก โกดังที่ขังแพรวดาวระเบิดขึ้น ทาเคชิเข้าไปช่วยเธอและฆ่าเคนอิจิ ซะโต้ แต่ก็โดนระเบิดพร้อมกับทาโร่ ริวเสียใจมาก เขาพบร่างแพรวดาวนอนหมดสติรอดตายราวปาฏิหาริย์อยู่นอกโกดัง...เมื่อแพรว–ดาวฟื้นขึ้นมา รู้ว่าลูกในท้องและทาเคชิจากไปแล้วก็ร่ำไห้จนไม่อาจอยู่ญี่ปุ่นต่อไปได้ เธอเดินทางกลับเมืองไทยด้วยหัวใจแหลกสลาย
ริว โอะนิซึกะต้องสืบทอดเป็นโซเรียวลำดับต่อไป เขามีคู่หมั้นคู่หมายคือมายูมิ ครั้งแรกที่พบเธอเขาก็ตกหลุมรัก แต่ด้วยความไม่ชอบคลุมถุงชนจึงต่อต้าน สับสนในใจ ทำให้ความรักต้องแปรเปลี่ยนสถานะ มายูมิเองก็พอใจในตัวริว แต่ด้วยความที่เขาไม่ยอมรับความจริง ทำให้เธอน้อยใจ กระชากสร้อยคอที่เขาให้ออกทิ้งลงตรงหน้าเขาด้วยความเสียใจ...แม้ความรักจะแปรเปลี่ยนไป หากแต่ความผูกพันในจิตใจยังคงอยู่ มิเคยลืมเลือน
เจ็ดปีผ่านไป...ณ สวนสาธารณะอันร่มรื่นแห่งหนึ่ง บรรยากาศเต็มไปด้วยความสดชื่น ริวเดินจูงมือมากับมายูมิอย่างมีความสุข เขากล่าวเจ็ดปีที่ผ่านมาเหมือนฝันร้าย เหมือนตายทั้งเป็น เพราะคิดว่าต้องสูญเสียเธอไปเสียแล้ว หญิงสาวตอบไม่ต่างกันว่า หัวใจเธอก็เจ็บปวด ทุกข์ทรมาร ชายหนุ่มยิ้มปลื้ม
“ในที่สุดเราก็เข้าใจกัน ผมดีใจที่เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม ขอบคุณที่รักผมและอยู่เคียงข้างผมมาตลอด”
“ฉันอยู่ได้เพราะความรักและความเอาใจใส่ที่คุณมีให้กับฉันค่ะ”
ริวสัญญาหลังจากแต่งงานกันแล้ว จะรักและดูแลเธอตลอดไป มายูมิเองก็ให้สัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อเขาเพียงคนเดียว...มายูมิให้ริวกลับไปทำงาน เขาอิดออดอยากไปส่งเธอที่โรงพยาบาล แต่เธอเกรงเขาจะกลับไปเข้าประชุมไม่ทัน จึงดันให้เขารีบกลับ ทันใดมีคนร้ายปรี่เข้ามาฉุดกระชากมายูมิ เธอดิ้นรนต่อสู้ส่งเสียงร้อง ริวได้ยินรีบกลับมาช่วย ต่อสู้กับคนร้ายแล้วดึงมือมายูมิวิ่งหนี คนร้ายยิงใส่ มายูมิพลาดพลัดตกสะพาน ริวคว้ามือเธอไว้ แต่ด้วยความอ่อนแรงของทั้งสอง มายูมิบอกให้เขาปล่อยมือ แต่เขาไม่ยอม เธอค่อยๆดึงมือออกจากเขา ริวร้องลั่น
“มายูมิ ส่งมือมาให้ผม...มายูมิ!” ริวตะโกนสุดเสียงเมื่อมือคนรักเลื่อนหลุด
ริวสะดุ้งตื่นเฮือกขึ้นมา พบตัวเองฟุบหลับอยู่กับโต๊ะทำงานที่มีเอกสารและแฟ้มงานกองอยู่มากมาย ริวถอนใจมองเลยไปยังรูปมายูมิในชุดเสื้อกาวน์และอีกหลายรูปที่เขาแอบถ่ายในอิริยาบถต่างๆมาใส่กรอบไว้ เขายิ้มคิดถึงเธอจับใจ พลันโคจิ คาซูมะและมาซาโตะเดินเข้ามารายงานว่า มิซาว่ากับมิอุระมีปัญหากันอีกแล้ว ริวถามเกิดอะไรขึ้น
โคจิรายงานว่าโยชิและเหล่าลูกน้องทาคาโอะ มิซาว่า บุกปะทะกับชุนและลูกน้องฮารุ มิอุระถึงไนต์คลับจนพังเสียหาย เพราะไม่พอใจที่แย่งลูกค้าทำให้เสียรายได้...ริวถามผู้บัญชาการโอะซะมุรู้เรื่องบ้างไหม โคจิกล่าวว่าน่าแปลกที่พอตำรวจมาถึง ทั้งสองฝ่ายก็สงบศึกทำทุกอย่างเหมือนปรองดองกันดี ริวคาดว่า ทาคาโอะไม่หยุดเล่นงานคนที่แย่งผลประโยชน์ของตัวเองง่ายๆ
“ทาคาโอะ มิซาว่า นิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นและเห็นแก่ตัวมาตั้งแต่เด็ก คงเพราะเก็บกดที่ท่านริกิรักซาโตชิมากกว่าลูกที่เกิดจากภรรยารองอย่างเขา” คาซูมะสาธยาย
“สิ้นท่านริกิ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และไนต์คลับของมิซาว่าขาดทุนอย่างหนัก จู่ๆทาคาโอะก็เข้ามาพลิกฟื้นมิซาว่าจนรุ่งเรืองอีกครั้ง” มาซาโตะเสริม
ริวเห็นว่า “ต่อให้ทาคาโอะเก่งแค่ไหน เขาก็ยังมือใหม่สำหรับธุรกิจ ผมมั่นใจว่าต้องมีคนให้การสนับสนุนทาคาโอะอย่างลับๆ”
ทั้งโคจิ มาซาโตะและคาซูมะสบตากันเห็นด้วย ยิ่งธุรกิจไนต์คลับและอสังหาริมทรัพย์ของฮารุ มิอุระเติบโตเร็ว จึงเป็นชนวนสำคัญที่ทำให้ทาคาโอะไม่พอใจ
ooooooo
ทาคาโอะ มิซาว่า กำลังแกะสลักจุกไม้ก๊อกด้วยสายตานิ่งเหี้ยม...นาบุมือขวาของเขาให้สมุนยกกรอบรูปขนาดใหญ่ เป็นภาพถ่ายคู่ของริกิกับซาโตชิเข้ามาถามจะให้ติดตรงไหน เขาให้ติดตรงโถงใหญ่ มุมที่ดีที่สุดและสูงที่สุด นาบุแปลกใจ
“นายโกรธที่ท่านริกิยกย่องท่านซาโตชิมากกว่า แต่ทำไมถึงให้ติดรูปไว้ตรงนั้นล่ะครับ”
“ฉันอยากให้พ่อกับซาโตชิมองเห็นทุกอย่างที่ฉันสร้าง เห็นความยิ่งใหญ่ของมิซาว่าที่เกิดจากฝีมือของฉันเพียงคนเดียว” ทาคาโอะยกจุกไม้ก๊อกที่แกะสลักเป็นรูปหัวกะโหลกขึ้นมา นาบุผงะรู้ถึงความเหี้ยมโหดภายใต้แววตาอำมหิตของเขา ทาคาโอะยืนมองรูปอย่างคน เก็บกด “จ้องผมไว้ให้ดี ผมจะทำให้พ่อเห็นว่าลูกนอกสายตาอย่างผมเหนือกว่าลูกรักอย่างซาโตชิแค่ไหน”
ในขณะเดียวกัน คาซูมะยังสาธยายถึงฮารุมิอุระให้ริวฟัง ว่าเป็นอดีตนักค้าอาวุธสงครามรายใหญ่ที่ผันตัวมาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพราะต้องการล้างภาพสีเทาของตัวเองในอดีต...
ระหว่างนั้น ฮารุกำลังตัดสินความยูตะ ลูกน้องที่ขโมยทองคำแท่งอ้างว่าลูกป่วยหนัก ฮารุไม่สนใจความจำเป็นเหล่านั้น กลับหาว่า ถ้าวันนี้ทรยศได้ วันหน้าก็อาจทรยศอีก เขาตัดสินลงโทษด้วยการเททองที่กำลังหล่อด้วยความร้อน กรอกปากยูตะอย่างเลือดเย็น
ริวฟังเรื่องราวจากคาซูมะแล้วถอนใจ “คลื่นใต้น้ำกำลังจะกลายเป็นคลื่นลูกใหญ่ที่เป็นภัยร้ายแรง ถ้าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองอ่อนแอ บ้านเมืองคงต้องลุกเป็นไฟอีกครั้ง”
โคจิแทรกว่า โอะซะมุกำลังลำบาก ถูกเบื้องบนขัดขวางการทำงานทุกอย่าง สาเหตุมาจากยื่นฟ้องยามา–โมโต้ เพราะเขาเป็นนักการเมืองที่พัวพันกับสิ่งผิดกฎหมายทุกรูปแบบ และเชื่อว่าเมื่อเจ็ดปีที่แล้ว ยามาโมโต้อาจอยู่เบื้องหลังมิซาว่ากับซะโต้ โค่นล้มโอะนิซึกะ...ริวหนักใจ
วันเดียวกัน โอะซะมุอธิบายให้นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ฟังในที่ประชุม โดยกางแผนที่เมืองซึ่งถูกแบ่งเป็นสามสี พื้นที่สีขาวเป็นของโอะนิซึกะ พื้นที่สีส้มเป็นของมิซาว่าและพื้นที่สีน้ำเงินเป็นของมิอุระ...มิซาว่ากับ
มิอุระเริ่มขยายธุรกิจจนมีปัญหาปะทะกันบ่อย...มาซารุ โคบายาชิ นายตำรวจที่ดูเอาจริงเอาจังกับหน้าที่แย้งว่า กลุ่มไหนก็ไม่น่ากลัวเท่ากลุ่มโอะนิซึกะ
โอะซะมุค้าน “โอะนิซึกะเป็นตระกูลซามูไร เป็นสายเลือดนักรบของจักรพรรดิที่ช่วยทางการปกป้องดูแลเมืองนี้มาตั้งแต่บรรพบุรุษ”
มาซารุอ้างหน้าที่ปกป้องบ้านเมืองเป็นของตำรวจ ไม่ใช่ตระกูลใคร โอะซะมุยืนยันว่าโอะนิซึกะให้ความร่วมมือกับทางการมาตลอด มาซารุสวน “ร่วมมือกับทางราชการหรือกับคุณ”
นายตำรวจท่านหนึ่งเห็นว่าสงครามระหว่างโอะนิซึกะกับมิซาว่าและซะโต้เมื่อเจ็ดปีก่อน ทำให้ผู้ใหญ่หลายคนเกรง โอะนิซึกะจะเป็นภัยต่อชาวเมือง
“ถึงคุณจะรอดจากการถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อหาร่วมมือกับโอะนิซึกะ แต่พวกเราก็ยังจับตาดูพฤติกรรมของคุณอยู่” มาซารุยังปรักปรำโอะซะมุทำให้บรรยากาศอึดอัด
หลังจากเสร็จการประชุม ฮิโระเปรยกับโอะซะมุว่า ดูเหมือนมาซารุตั้งใจจะเล่นงานเรา
“มาซารุ โคบายาชิ เป็นตำรวจรุ่นเดียวกับฉัน เราขับเคี่ยวกันมาตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนตำรวจ เขาเถรตรงและเคร่งครัดกฎระเบียบมาก” โอะซะมุถอนใจแต่ไม่กลัวเกรง เพราะหน้าที่ของตนคือดูแลบ้านเมืองให้สงบสุข ประชาชนไม่ถูกคนชั่วรังแก
“ถ้าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองทุกคนคิดอย่างท่าน ประ– ชาชนคงอุ่นใจ สังคมคงสงบสุขกว่านี้”
“ความฝันจะสำเร็จเมื่อเราเริ่มลงมือทำ ถึงการทำดีของเราจะเป็นแค่จุดเริ่มต้นที่เล็กน้อย แต่สักวันจะต้องมีคนเห็นและสานต่อความดีของเรา”
“น่าเสียดาย ถ้าพยานไม่ถูกฆ่าปิดปาก หลักฐานเอกสารไม่ถูกเผาทำลาย นักการเมืองชั่วอย่างยามาโมโต้คงโดนจับไปแล้ว” ฮิโระเสียดาย
โอะซะมุเห็นว่าคนชั่วยังลอยนวล จะไว้ใจใครไม่ได้ ต้องไปเตือนโอะนิซึกะโซเรียวให้ระวังตัว...แล้วในบ่ายวันนั้น โอะซะมุก็โดนคัตโตะกับโซวคนของมิ–ซาว่าลอบทำร้ายระหว่างทาง เผอิญยูจิ โคบายาชิ ผ่านมาช่วยแต่ก็โดนยิงจมกองเลือดไม่ห่างจากโอะซะมุ
ทั้งโอะซะมุและยูจิถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล อาจารย์หมอฮาร่าสั่งมายูมิให้ผ่าตัดยูจิด่วน ส่วนตนจะผ่าตัดโอะซะมุที่อาการสาหัสเสียเลือดมาก
เมื่อริวรู้ข่าวโอะซะมุถูกยิงอาการเป็นตายเท่ากันก็ตกใจ...ในขณะที่ มายูมิพยายามผ่าตัดช่วยชีวิตยูจิได้สำเร็จ ส่วนโอะซะมุอาการหนักเสียเลือดมากจนไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ ฮิโระเดินทางมาถึง มายูมิน้ำตาคลอเบ้าไม่รู้จะบอกเขาอย่างไร ที่คนดีอย่างท่านโอะซะมุต้องจากไป
ริวเองก็เสียใจไม่น้อยที่ต้องเสียโอะซะมุไป คาซูมะเล่าว่า โชคยังดีที่ผู้กองยูจิ โคบายาชิ ลูกชายมาซารุ ที่เพิ่งย้ายมาประจำเมืองนี้รอดชีวิต...ริวอยากรู้มากว่าเป็นฝีมือใคร
ooooooo
ในขณะที่ยามาโมโต้สะใจ หมดเสี้ยนหนามอย่างโอะซะมุไปได้ งานผิดกฎหมายของเขาก็จะง่ายขึ้น ต้องปิดบัญชีสายเลือดนักรบซามูไรอย่างโอะนิซึกะเป็นลำดับต่อไป
มายูมิเสียใจ บ่นกับนานะ เพื่อนหมอด้วยกัน ว่าตนเห็นโอะซะมุมาตั้งแต่เด็ก เคารพท่านเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ต้องมาเสียท่านไป ตนทำใจไม่ได้ ออกเวรแล้วขอกลับบ้านก่อน
“ช่วงนี้เมืองเรามีแต่เหตุการณ์ไม่น่าไว้ใจ ระวังตัวด้วยนะมายูมิ” นานะเตือน
เย็นวันนั้น มายูมิเดินกลับบ้านโดยไม่รู้ตัวว่ามีคนสะกดรอยตามตลอดทาง ชายลึกลับคนนั้นแอบถ่ายรูปเธอทุกอิริยาบถ เมื่อเธอขึ้นรถไฟไปแล้ว ชายคนนั้นโผล่ออกมา เขาคือริวนั่นเอง
ริวถือกล้องเดินออกมาจากสถานีรถไฟ คัตสึกับเซกิยืนรออยู่ที่รถ ทั้งสองแซวว่าทำตัวถ้ำมอง ตามดูมายูมิมาเป็นเวลาเจ็ดปี ไม่คิดจะปรากฏตัวให้เธอรู้บ้างหรือ ริวย้อนถามรู้แล้วได้อะไร
“อ้าว...ก็ผู้หญิงส่วนใหญ่เขาชอบให้ผู้ชายดูแลเอาใจใส่ ถ้าคุณหนูมายูมิรู้ว่า โซเรียวเป็นห่วงเธอตลอดเวลา เธอก็คงดีใจ” เซกิให้เหตุผล
ริวกลับบอกว่า ตนมีความสุขแค่นี้ ไม่ได้อยากให้ใครปลื้ม...กลับถึงบ้าน ริวเอารูปมายูมิที่แอบถ่ายมาตลอดเจ็ดปีออกมาวางเรียงรายดูด้วยความคิดถึง โคจิเข้ามาเห็นอดถามไม่ได้ว่าแค่นี้มีความสุขแล้วจริงหรือ ริวย้อนถาม ตนดูไม่มีความสุขหรืออย่างไร
“คุณหนูมายูมิเรียนจบแพทย์แล้ว ถึงเวลาที่โซเรียวจะกำหนดวันหมั้นและแต่งงานสักที”
“ผู้หญิงข้างกายโอะนิซึกะโซเรียวตกอยู่ในอันตรายทุกคน เจ็ดปีที่แล้วก็มีตัวอย่างให้เห็น ผมไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์นั้นซ้ำรอยอีก” สีหน้าริวขรึมลง
“หลายคนชอบนิยาม...รักแท้คือการเสียสละ แต่ถ้าการเสียสละทำให้คนที่เรารักไม่มีความสุข มันก็อาจไม่ใช่ความรักที่แท้จริง แน่ใจแล้วเหรอครับว่าคุณหนูมายูมิต้องการแบบนี้”
ริวมองรูปมายูมิอย่างครุ่นคิด คืนนั้นเขาเอาสร้อยจี้ดอกเดซี่ที่มายูมิถอดคืนเมื่อเจ็ดปีก่อนออกมาดูอย่าง
รู้สึกผิดในใจไม่หาย...ในขณะที่มายูมิกลับถึงบ้าน เมกุมิน้องสาว เอานิตยสารที่มีบทสัมภาษณ์ริวมาอ่านให้ได้ยินว่า เป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงตั้งเป้าขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในปีหน้าอีกร้อยเปอร์เซ็นต์ เมกุมิชมว่าพี่เขยตนเก่งจริงๆ มายูมิทำหูทวนลมไม่สนใจ เมกุมิยิ่งยั่ว
“นิตยสารอีกเล่มมีข่าวซุบซิบว่าพี่ริวเปลี่ยนคู่ควงใหม่ เป็นดาราสาวเจ้าหญิงแห่งวงการ เอ...สงสัยจะเป็นเพราะคนบางคนไปหักอกพี่ริวก่อนรึเปล่าเนี่ย”
มายูมิทนไม่ไหว แย่งนิตยสารมาวางลงแล้วไล่น้องขึ้นไปนอน พรุ่งนี้ต้องไปเรียนแต่เช้า เมกุมิหัวเราะคิกคัก มิยูกิกับทากาฮาชิ พ่อและแม่เดินมาถามหัวเราะอะไรกัน มายูมิทำไม่รู้เรื่องขอตัว ทากาฮาชิเกริ่นเรื่องโอะซะมุถูกยิง มิยูกิเสริม น่าใจหาย ไม่เสียแรงที่ให้ลูกเรียนหมอเลยมีโอกาสช่วยเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ทากาฮาชิเห็นด้วย ต้องขอบคุณโอะนิซึกะโซเรียวที่ขอร้องตน ยอมให้ลูกเรียนหมอตอนนั้น มายูมิเหนื่อยใจขอตัวไปพักผ่อน
หลบเข้าห้องมาได้ มายูมิมองโคโตะเครื่องดนตรีประเภทพิณ แล้วอดคิดถึงริวไม่ได้ จนต้องพึมพำ เมื่อไหร่ชื่อริว โอะนิซึกะจะหายไปจากโลกของตนเสียที สายตาเธอดูเจ็บปวดน้อยใจ
รุ่งเช้า ริวระบายความอัดอั้นด้วยการฝึกเคนโด้ ฟาดดาบไม้ใส่คัตสึและเซกิอย่างดุเดือด จนทั้งสองสะบักสะบอมไปตามๆกัน โคจิเข้ามาปรามเตือนสติ “เคนโด้ไม่ได้เน้นการต่อสู้เพื่อวัดพละกำลัง แต่ต้องสู้ด้วยจิตใจและสมาธิที่เป็นหนึ่งเดียวกับการเคลื่อนไหว”
“ดาบเดียวในหนึ่งก้าว จัดการคู่ต่อสู้ได้อย่างแม่นยำ...ขอโทษอาโคจิที่ผมไม่มีสมาธิในการฝึกซ้อม” ริวก้มหัวให้โคจิ เหลือบมองลูกน้องทั้งสองที่ทำท่าโอดโอยเกินจริงน่าหมั่นไส้ขำๆ
ooooooo
เช้านี้ มายูมิมาตรวจดูบาดแผลยูจิที่ห้องพักฟื้น เขามองเธออย่างจำได้ว่าเคยเจอมาก่อน ทั้งสองครุ่นคิด เมื่อเจ็ดปีก่อน ยูจิเคยช่วยมายูมิจับคนร้ายกระชากกระเป๋าได้ เขาดีใจมากที่ได้พบเธออีก จึงขอเลี้ยงอาหารตอบแทนที่เธอช่วยชีวิตหลังออกจากโรงพยาบาล เธอยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
พอเดินออกมา นานะปรี่เข้าถามได้ยินข่าวริว โอะนิซึกะควงดาราสาวเจ้าหญิงแห่งวงการหรือยัง มายูมิหน้าตึงปัดว่า ตนกับเขาไม่เกี่ยวข้องอะไรกัน การหมั้นเป็นแค่คำสัญญาปากเปล่าของผู้ใหญ่เท่านั้น...ตลอดเช้านั้น มายูมิหงุดหงิดใจเพราะได้ยินแต่พยาบาลในวอร์ดซุบซิบกันแต่เรื่องนี้ ตอกย้ำทำให้เธอลืมเขาไปจากใจไม่ได้เสียที
ในวันนั้น ริวมาเป็นประธานงานแฟชั่นโชว์การกุศล อาคิโกะ คุโดซัง ดาราสาวที่เป็นข่าวกับเขาร่วมเดินแฟชั่นด้วย โคจิกระซิบเตือนริวให้ทำหน้ามีความสุขให้สมกับหน้าที่ประธานของงาน มาซาโตะชี้ให้โคจิดูไฮไลต์บนเวที อาคิโกะเดินในชุดราตรีอลังการ สวมมงกุฎงามสง่าราวเจ้าหญิงในเทพนิยาย
“อาคิโกะ คุโด ลูกสาวของท่านไดกิ คุโด หนึ่งในหุ้นส่วนคนสำคัญของโอะนิซึกะ”
คาซูมะออกความเห็นว่าเธอสวยสง่ามีการศึกษาดี เหมาะเป็นคู่กับโซเรียวของเรา โคจิแย้งว่า ริวมีผู้หญิงในดวงใจอยู่แล้ว สามทหารเสือปรายตามองโซเรียวของพวกเขาอย่างอ่อนใจ การแสดงจบลง โคจิเอาช่อดอกไม้มายื่นให้ริวเพื่อไปมอบให้อาคิโกะ ในฐานะประธานจัดงาน ริวถอนใจจำต้องลุกเดินอย่างสง่าขึ้นไปมอบช่อดอกไม้ให้กับอาคิโกะ นักข่าวรุมถ่ายรูปมากมาย อาคิโกะยิ้มปลื้ม กล่าวเสียงดังเพื่อให้นักข่าวได้ยิน
“ขอบคุณสำหรับดอกไม้จากคนพิเศษของอาคิโกะนะคะ” หญิงสาวหอมแก้มริว ท่ามกลางเสียงฮือฮาของคนในงาน ริวจำต้องปั้นหน้านิ่ง ทั้งที่รู้สึกอึดอัดใจ
เมื่อเสร็จงาน อาคิโกะควงแขนริวเดินยิ้มแย้มออกมา นักข่าวรุมสัมภาษณ์ริว ถือเป็นการเปิดตัวคู่รักใช่ไหม ริวตอบว่าตนมาแค่เปิดงานเท่านั้น นักข่าวจึงถามถึงการหอมแก้มบนเวที อาคิโกะรีบออกตัวแทน “เป็นการขอบคุณสำหรับดอกไม้...จริงๆเราก็ขอบคุณกันแบบนี้เป็นปกติ”
นักข่าวยิ่งถามสนิทกันแบบนี้แสดงว่าคบกันอยู่จริง ริวหน้านิ่งไม่แสดงอาการใดๆ เซกิกับคัตสึช่วยกันนักข่าวเพื่อให้ริวได้เดินไปยังห้องรับรอง นักข่าวขอถ่ายรูปคู่ อาคิโกะรีบซบไหล่ริวแสดงความเป็นเจ้าของ ระหว่างนั้น มีชายชุดดำสวมแว่นอำพรางใบหน้าซุ่มมองอยู่...ทันใด ชายชุดดำก็พุ่งออกมาง้างมีดจะแทงริว อาคิโกะเห็นร้องกรี๊ด คัตสึเข้าขวางโดนมีดถากเข้าที่แขน ริวผลักอาคิโกะหลบ แล้วหันมารับมือกับคนร้าย แต่มีชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาขวางทางริวเพื่อต่อสู้กับคนร้ายแทนจนจับคนร้ายส่งตำรวจได้...ชายคนนั้นเข้ามาโค้งให้ริว
“ผมขอโทษที่ปล่อยให้คนเข้ามาทำร้ายโซเรียว”
“ทำดีแล้วไทชิ...แต่ระวังไว้อย่าง ถ้ามีนักข่าวหรือชาวเมืองทั่วไปอยู่ด้วย เราต้องเลี่ยงการใช้อาวุธทุกชนิด อย่าให้ใครพูดว่า โอะนิซึกะทำตัวเหนือกฎหมาย” ริวกล่าวแล้วเดินไป
ไทชิหันมาเจออาคิโกะยืนหลบอยู่จึงโค้งเชิญให้เธอเดินตามริวไป อาคิโกะเชิดหน้าใส่...โคจิบอกแก่มาซาโตะและคาซูมะว่า ไทชิ คูกิ เป็นลูกชายคนเดียวของมากิ คูกิ อดีตองครักษ์ของอิจิโร่ ถูกส่งไปเรียนการ อารักขาในโตเกียว โคจิเล่าไปก็สะท้อนใจคิดถึงทาโร่ลูกชายที่เสียไป
ในห้องรับรอง ริวนั่งหน้านิ่งดูเย็นชา ต่างจากอาคิโกะที่ระริกระรี้เข้านวดเอาอกเอาใจ ริวเสียงแข็งเชิงตำหนิ “ที่คุณทำบนเวทีมันไม่เหมาะสม ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก”
“ไม่เหมาะสมยังไง ฉันก็แค่ขอบคุณสำหรับดอกไม้” อาคิโกะเข้าซบไหล่ แต่ริวขยับหนี
“อาคิโกะ คุโด นางเอกเบอร์หนึ่งของประเทศ มาถูกเนื้อต้องตัวกับผู้ชายแบบนี้เสียภาพพจน์เปล่าๆ”
“ฉันไม่สน หอมแก้มแค่นี้เล็กน้อยจะตาย ถ้าเทียบกับที่คุณเคยช่วยฉันไว้” อาคิโกะนึกย้อนไปอดีตครั้งที่เธอเพิ่งเข้าวงการ มีรัฐมนตรีโมโตรุนัดเธอมาคุยเรื่องหนังที่เขาออกทุนสร้างจะให้เธอเป็นนางเอก แต่กลับลวนลามเธอ
เผอิญริวอยู่ในห้องอาหารนั้น จึงเข้ามาปกป้องบอกว่าเธอเป็นคนในครอบครัว ตั้งแต่นั้นมา อาคิโกะก็ปักใจว่าตนเป็นคนที่ริวรัก...อาคิโกะกล่าวกับริวว่าถ้าวันนั้นเขาไม่มาช่วยตนไว้ ตนคงแย่ไปแล้ว ริวอ้างว่า รับปากพ่อเธอไว้ว่าจะช่วย ก็แค่ทำตามคำพูด
“ทุกคนที่ช่วยฉันหวังผลตอบแทนกันทุกคน ยกเว้นคุณ...คุณไม่เคยทำร้ายความรู้สึก ไม่เคยทำร้ายจิตใจฉัน คุณทะนุถนอมดูแลฉันมาตลอดหลายปี” อาคิโกะลูบไล้ยั่วยวนริว
ริวกล่าวว่าตนต้องดูแลคนในโอะนิซึกะทุกคนก่อนจะลุกหนีอย่างไม่ใยดี ไทชิเปิดประตูให้ริวเดินออกไปทันที อาคิโกะมองไทชิอย่างไม่พอใจ...จากนั้น ริวมาส่งอาคิโกะที่บ้าน ไดกิโค้งขอบคุณที่มาส่ง ริวจับไหล่ยกตัวเขาขึ้น
“อาไดกิครับ...อาคิโกะมาเดินแฟชั่นโชว์ให้ผมโดยไม่คิดค่าตัว มาส่งแค่นี้ถือว่าเป็นการตอบแทนน้ำใจ”
“โซเรียวไม่จำเป็นต้องตอบแทนอะไรพวกผมเลย”
“พ่อผมบอกเสมอ คุณอาคือหนึ่งในรากฐานที่สำคัญของโอะนิซึกะ ถ้าไม่ได้คุณอาช่วยงานมาตั้งแต่แรก โอะนิซึกะก็จะไม่ยิ่งใหญ่เหมือนทุกวันนี้”
อาคิโกะเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดยูกาตะเกล้าผมสวยยกอุปกรณ์ชงชาเข้ามา เธอนั่งลงอย่างอ่อนช้อยลงมือชงชาด้วยท่วงท่าสง่างาม ริวเอ่ยปากชมว่า เธอชงชาได้ดีเสมอ เป็นโชคดีของไดกิที่มีลูกสาวเก่งรอบด้าน
อาคิโกะกล่าวอย่างไม่เคอะเขิน “ผู้หญิงมีภาระที่สำคัญ นอกจากตอบแทนบุญคุณพ่อแม่แล้ว เรายังต้องพร้อมจะเป็นภรรยาที่ดีของสามีค่ะ”
ริวนิ่งไม่แสดงอาการใดๆ พอขบวนรถของริวกลับไป ไดกิก็หันมาตำหนิลูกสาวที่ทำตัวเสมอโซเรียว เธอแย้งว่าคนรักกันก็ต้องสนิทกัน ไดกิสวน ริวไม่เคยพูดว่าลูกเป็นคนรัก เธอโต้
“ไม่เคยพูดแต่ไม่เคยปฏิเสธ พ่อก็แปลกคน แทนที่จะดีใจมีลูกสาวเป็นคนรักของโซเรียว ต่อไปถ้าหนูได้เป็นโอะคะมิซัง พ่อจะสบายไปทั้งชาติ”
“อย่าหวังสูงขนาดนั้น โซเรียวมีคู่หมั้นอยู่แล้ว ลูกก็รู้”
แต่อาคิโกะไม่แคร์เพราะเจ็ดปีมาแล้วที่ริวไม่เคยพูดถึงว่าที่คู่หมั้น ไดกิบอกให้ลูกตื่นจากความฝัน เพราะถ้าตื่นช้าจะทำให้ลูกเจ็บมาก เธอยืนกรานว่าไม่ได้ฝัน มันเป็นความจริง
ooooooo
วันนี้ ยูจิได้ออกจากโรงพยาบาล เขาใจหายที่จะไม่ได้เจอมายูมิทุกวันอีก มายูมิเตือนให้เขางดออกกำลังกายหนักๆ อีกสองอาทิตย์ค่อยเข้ามาตัดไหม แล้วถามเขายังมีอาการผิดปกติไหม
“ถ้าคนไข้ใจสั่นทุกครั้งที่เห็นหน้าใครบางคน หมอถือว่าผิดปกติไหมครับ
มายูมิรู้ว่าเขาจีบแต่ไม่สนใจ พอดีมาซารุเปิดประตูเข้ามาทักทาย ขอบคุณมายูมิที่เป็นหมอผ่าตัดช่วยชีวิตลูกชายตน มายูมิโค้งให้พร้อมตอบกลับว่าเป็นหน้าที่ของหมอ ว่าแล้วก็ขอตัว ยูจิชะเง้อมองตามอย่างเสียดาย มาซารุปรามให้คิดใหม่ เพราะมายูมิเป็นคู่หมั้นของริว โอะนิซึกะ
ในขณะเดียวกัน ริวยื่นตารางงานให้ไทชิ อธิบายว่า “ฉันจะเปลี่ยนเส้นทางการเดินทางทุกวัน ไม่กำหนดล่วงหน้าว่าไปทางไหน เพื่อความปลอดภัย ห้ามใครรู้ตารางของฉันเด็ดขาด”
ไทชิรับคำ...เช้าวันใหม่ ไทชิขี่จักรยานไปบ้านไดกิ สาวใช้ในบ้านยิ้มแย้มต้อนรับเพราะเขามาเป็นประจำ ไทชินำอาหารเช้าที่จัดใส่กล่องเบนโตะสวยงามมาให้ไดกิและอาคิโกะทุกเช้า ไดกิปลื้มใจบอกไทชิไม่ต้องทำมาให้ทุกวัน แต่เขากลับบอกว่า
“ไม่ได้หรอกครับ ตั้งแต่พ่อกับแม่ผมจากไป มีแต่คุณอาที่เลี้ยงผมเหมือนลูก แค่นี้ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยครับ”
สายตาไดกิมองไทชิอย่างภูมิใจ ก่อนจะบอกให้ไปตามอาคิโกะลงมาทาน ไทชิก้มหัวแล้วขึ้นไปจะเคาะประตูห้อง เผอิญอาคิโกะเปิดประตูออกมาในชุดเสื้อคลุมหลวมๆดูเซ็กซี่
“ทำไมวันนี้มาส่งอาหารเช้าให้ฉันเร็วจัง” อาคิโกะยิ้มหวานเป็นกันเอง
“ไม่วางตัวเป็นเจ้านายกับลูกน้องอย่างเมื่อวานแล้วเหรอ” ไทชิกล่าวอย่างน้อยใจ
“อยู่ต่อหน้าริวจะให้ทำตัวสนิทกับเธอได้ยังไง มันไม่เหมาะสม โอเค...ต่อไปเวลาเจอหน้ากัน ฉันจะไม่ทำเมินเฉยกับเธอก็ได้” อาคิโกะออดอ้อนจับคอเสื้อไทชิขยับให้เข้าที่
ไทชิใจละลายยิ้ม บอกเธอว่าวันนี้จัดเป็นสลัดผักและผลไม้ให้ ไม่ต้องกลัวอ้วน อาคิโกะชมว่ารู้ใจตนไม่เคยเปลี่ยน ไทชิโต้ ทำอยู่ทุกวันถ้าไม่ทำคงแปลก อาคิโกะยื่นดาบตันโตะให้
“ยินดีด้วยที่ได้เป็นองครักษ์ของริว...ชอบไหม” ไทชิรับดาบพยักหน้า “ปกป้องว่าที่สามีฉันด้วยนะ แล้วต่อไปเธอต้องมาบอกฉันทุกวันว่าริวมีตารางงานที่ไหนบ้าง” ไทชิชะงักสีหน้าเปลี่ยน อาคิโกะยิ้มอ้าง “บรรพบุรุษ
ของเราต้องภูมิใจมากที่เธอได้เป็นองครักษ์ของโอะนิซึกะโซเรียว ส่วนฉัน...อีกหน่อยก็จะได้เป็นโอะคะมิซัง” สีหน้าไทชิสลดลงทันที
ooooooo
และแล้วผู้ที่ได้รับตำแหน่งท่านผู้บัญชาการแทนโอะซามุ ตกเป็นของมาซารุ โคบายาชิซึ่งทุกคนคิดว่าน่าจะเป็นฮิโระมากกว่า แต่ฮิโระไม่ยึดติดกับตำแหน่ง เขาพร้อมทำหน้าที่ถูกต้อง
พอมาซารุมาถึงก็สั่งฮิโระจัดเตรียมกองกำลังไปจับตัวคนร้ายฆ่าโอะซะมุ ฮิโระแปลกใจที่มาซารุรู้
มาซารุบอกว่าตนรู้มากกว่านั้นอีก คนของตนจับฆาตกรได้ มันซัดทอดถึงคนบงการ
บ่ายวันนั้น ริวกำลังทำความเคารพป้ายบรรพบุรุษ คิดถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่ผ่านมา...มาซารุและเหล่าตำรวจบุกเข้ามาในบ้านโอะนิซึกะ โคจิกับพวกขวางไว้ ขอให้รอโซเรียวของพวกเขาทำภารกิจเสร็จก่อน แต่มาซารุไม่พอใจจะฝ่าเข้าไป ฮิโระอึดอัดใจที่ต้องแจ้งข้อหาว่าริวเป็นผู้จ้างวานฆ่าโอะซะมุ โคจิอึ้งเก็บอาการแต่ก็ไม่ยอมให้มาซารุบุกเข้าไป มาซารุหาว่าริวถ่วงเวลาหลบหนี คัตสึกับเซกิไม่พอใจชักดาบมาขวาง มาซารุเสียงกร้าว หาว่าจะใช้อาวุธกับเจ้าหน้าที่
เสียงริวดังขึ้นให้ทุกคนเก็บดาบ ท่าทางริวไม่หวาดหวั่น ฮิโระขอเชิญริวไปสถานีตำรวจ
“ผมยินดีให้ควบคุมตัว ถ้าพวกคุณมีหลักฐานยืนยันว่าผมเป็นคนจ้างวานฆ่าท่านโอะซะมุจริงๆ” ริวจ้องหน้ามาซารุด้วยแววตาไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย
ในห้องสอบปากคำ ฮิโระสอบสวนโซวมือปืนที่จับได้ โซวให้การว่า “โอะนิซึกะเปลี่ยนไปตั้งแต่มิซาว่าล่มสลาย ริว โอะนิซึกะ คิดเป็นใหญ่คับฟ้า พอท่านโอะซะมุได้รับคำสั่งให้กวาดล้างอิทธิพลเถื่อน โอะนิซึกะก็เริ่มมีปัญหา...ริวสั่งเก็บท่านโอะซะมุเพราะต้องการให้ทุกคนเกรง”
ฮิโระถาม โอะนิซึกะมีคนมากมาย ทำไมต้องใช้มือปืนรับจ้างอย่างเขา โซวตอบว่าเพื่อไม่ให้โอะซะมุรู้ตัว...อีกห้อง มาซารุลงมือสอบปากคำริวด้วยตัวเอง
มาซารุหาว่าริวต้องการอยู่เหนือกฎหมายถึงกำจัดโอะซะมุ มาซารุเอาหลักฐานวัตถุมาวางลงตรงหน้าริว เป็นปืนที่มีตราประทับของโอะนิซึกะ ทำเอาริวอึ้ง...
ขณะเดียวกัน นานะวิ่งหน้าตื่นมาบอกมายูมิเรื่องริว มายูมิดักคอถ้าเป็นเรื่องเปลี่ยนคู่ควง ตนไม่สนใจ นานะสวนว่าริวโดนจับข้อหาจ้างวานฆ่าโอะซะมุ ตอนนี้ถูกสอบสวนอยู่ที่สำนักงานตำรวจ มายูมิหน้าเครียดด้วยความเป็นห่วง นานะแซวเป็นห่วงก็ไปให้กำลังใจ
“ทำไมฉันต้องเป็นห่วง” มายูมิปากแข็ง
“ก็เขาเป็นคู่หมั้น เอ๊ย...ว่าที่คู่หมั้น...ไม่พูดก็ได้ ถ้าไม่มีใจให้โอะนิซึกะโซเรียวแล้วจริงๆ ก็ลองเปิดใจให้คนข้างหลังเธอบ้างนะ คนนี้ฉันเชียร์” นานะเห็นสีหน้าเพื่อนบึ้งตึงจึงเปลี่ยนเรื่อง
มายูมิงงหันหลังไปมอง เห็นยูจิถือช่อดอกลิลลี่สีขาวสามดอกเข้ามาอย่างเท่...ทั้งสองเดินคุยกันในสวนโรงพยาบาล มายูมิกล่าวไม่จำเป็นต้องขอบคุณเพราะเป็นหน้าที่ของหมอ
“คุณเป็นคนลงมีด สร้างแผลเป็นที่จะติดอยู่ที่หัวใจผมไปตลอดชีวิต” ยูจิกล่าวให้ซาบซึ้ง
“ตกลงขอบคุณที่ช่วย หรือโกรธที่จะมีแผลเป็นคะ”
“ดีใจมากกว่าครับ ที่จุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของเราจะไม่มีวันจางหายไป”
มายูมิไม่สนใจ บอกเดี๋ยวนี้มียารักษารอยแผลเป็น แค่หมั่นทาทุกวัน ยูจิป้อนคำหวานอีก “เวลาทำให้บาดแผลจางหายได้ และเวลาก็ทำให้ความผูกพันเกิดขึ้นได้เช่นกัน ใช่ไหมครับ”
มายูมิขอตัว ยูจิขัดไม่คิดจะถามหรือว่าทำไมตนถึงให้ดอกลิลลี่ มายูมิตอบว่าลิลลี่แทนความหมายว่าขอบคุณ ระหว่างนั้นลมพัดโชยมา ปอยผมของมายูมิปลิวมาปรกหน้า ยูจิเดินเข้ามาใกล้ “นั่นแค่ส่วนหนึ่ง ลิลลี่มีความหมายสามอย่าง อย่างแรก คุณช่างอ่อนหวานและแสนดี อย่างที่สอง ขอบคุณที่ได้รู้จักกัน และความหมายสุดท้าย ขอบคุณที่ผมได้อยู่ใกล้คุณ”
ยูจิจะปัดปอยผมให้ มายูมิถอยหนี เขาเห็นอาการเธอจึงลดมือลง ยิ้มให้ กล่าวขอบคุณที่ไม่ปฏิเสธคำขอบคุณของตน พูดจบยูจิก็เดินจากไป มายูมิยืนอึ้งงงกับการกระทำของเขา...
ในขณะที่ริวประกันตัวออกมา มาซารุไม่ค่อยพอใจกล่าว “ถึงจะได้ประกันตัวแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะอยู่เหนือกฎหมาย...ผมคงไม่ได้ข่าวว่าโอะนิซึกะ-โซเรียวหนีออกนอกเมือง”
มาซาโตะสวน โซเรียวของตนไม่ได้ทำอะไรผิดถึงต้องหนี มาซารุอ้างหลักฐานก็ไม่หนีไปไหนเช่นกัน ริวเสียงกร้าว หลักฐานมีไว้จับคนผิดซึ่งไม่ใช่ตน...ริวกับมาซาโตะกลับไป มาซารุสั่งลูกน้องไปเฝ้าบ้านริว ถ้าหนีออกนอกเมืองให้รวบตัวทันที ฮิโระออกตัวแทนว่าโอะนิซึกะโซเรียวเป็นคนดีกว่าที่คิด ต่างจากพวกมิซาว่าและพวกมิอุระ แต่มาซารุโต้ว่า ดีได้ก็เลวได้แถมหาว่าตำรวจมือสะอาดอย่างฮิโระเข้าข้างพวกนอกกฎหมาย ฮิโระเก็บความไม่พอใจ
ooooooo
ริวกลับมาบ้าน เล่นโคโตะเครื่องดนตรีประเภทพิณให้ผ่อนคลายแต่กลับทำให้คิดถึงมายูมิมาก จึงให้ไทชิเอารถออก เพื่อมาดักรอมายูมิที่สถานีรถไฟเหมือนทุกวัน
บ่ายวันนั้นมายูมิหอบช่อดอกลิลลี่เดินออกจากโรงพยาบาล ต้องชะงักเมื่อเจอยูจิดักรออยู่ เขาขอไปส่งเธอ มายูมิอ้างไม่เหมาะสมเพราะเขาเป็นคนไข้ ยูจิเถียงตนออกจากโรงพยาบาลแล้ว
“คุณยังต้องมาตัดไหม ยังถือว่าเป็นคนไข้ของฉันอยู่ดี อย่าทำให้ฉันลำบากใจเลยนะคะ”
“งั้นพบกันครึ่งทาง ผมไม่ไปส่งคุณที่บ้านก็ได้ แต่ขอเดินไปส่งที่สถานีรถไฟแทน”
มายูมิอ่อนใจกับความตื๊อของเขา พลันยูจิแย่งของในมือเธอไปถือไว้แล้วเดินนำไป ทำให้มายูมิต้องเดินตาม...เมื่อริวมาถึงสถานีรถไฟ ต้องตกตะลึงที่เห็นมายูมิเดินคุยมากับยูจิท่าทางสนิทสนม ระหว่างนั้น ยูจิเห็นหญิงชราถือของจะข้ามถนน เขาเข้าไปช่วยและจูงข้าม มายูมิรู้สึกประทับใจ พอมาถึงสถานี ลมเย็นพัดมา ยูจิถอดเสื้อนอกคลุมให้มายูมิ ริวเห็นแล้วช็อกปวดใจ
พอมาถึงบ้าน เมกุมิเห็นพี่สาวหอบช่อดอกไม้และยังมีเสื้อนอกผู้ชายคลุมกลับมาก็ทัก มายูมินึกได้ว่าลืมคืนเสื้อให้ยูจิ รีบบอกน้องสาวว่าเป็นเสื้อเพื่อน เมกุมิไม่อยากเชื่อ
ส่วนริวกลับบ้านระบายอารมณ์ด้วยการฟาดฟันดาบเคนโด้ คัตสึกับเซกิกลืนน้ำลายเอื๊อก ดันไทชิออกไปรับมือแทน ไทชิตั้งรับและตอบโต้ริวได้อย่างน่าทึ่ง
ริวไม่มีสมาธิพอจึงโดนฟาดดาบหลุดมือ คัตสึกับเซกิตะลึง ไทชิรีบก้มหัวขอโทษ ริวถอนหายใจเริ่มได้สติ
“ฉันไม่มีสมาธิเอง...ไปพักได้แล้ว”
คัตสึกับเซกิยกนิ้วให้ไทชิ ฝากหน้าที่นี้ให้เขารับไปตลอด เสียงริวเรียกคัตสึกับเซกิ ทั้งสองสะดุ้งเฮือก กล้าๆกลัวๆที่จะเข้าหน้า เกี่ยงกันให้พูดกับริวก่อน ริวเริ่มรำคาญสั่งให้พูดออกมา
“เอ่อ...ได้เวลาเผยตัวให้คุณหนูมายูมิเห็นหน้าแล้วครับ” คัตสึกับเซกิพูดพร้อมกัน
คัตสึพูดต่อว่าผ่านมาเจ็ดปีโซเรียวไม่เคยแวะไปหามายูมิ เซกิเสริม ผู้หญิงจะคิดว่าโซเรียวไม่รักเธอแล้ว...ริวนิ่วหน้าครุ่นคิดตาม แล้ววางดาบลงเดินออกไป ทั้งสองโล่งอกคิดว่าไม่รอด ริวเข้ามาในห้องทำงานนั่งมองภาพถ่ายมายูมิที่ตนแอบถ่ายมาตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมา
ooooooo










