ตอนที่ 12
พอนั่งคุยกันปลายฝนเห็นเท้าโจที่มีบาดแผลเลือดไหลเธอถามว่าบ้าหรือเปล่ากลัวตนแค้นวนิษาจนต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรือโจบอกว่าไม่เกี่ยวกับวนิษาแต่เกี่ยวกับเธอและพ่อเธอต่างหาก
“หนูกับพ่อของหนูเกี่ยวอะไรกับคุณถึงต้องทำซะขนาดนี้”
“ฉันกับไอ้ป๋องน่ะโตมาแบบเด็กกำพร้าไม่มีพ่อที่ทำหน้าที่พ่อดังนั้นฉันทนดูไม่ได้หรอกที่จะเห็นผู้ชายคนนึงที่ทำหน้าที่พ่อจนถึงที่สุดแต่กลับล้มเหลวในช่วงสุดท้าย”
ปลายฝนถามว่าล้มเหลวอย่างไรโจเล่าว่าปฐมเข้าใจพ่อเธอผิดแล้วชี้แจงว่าที่ตั่วเฮียให้ปิดเรื่องนี้ไม่ใช่เพราะห่วงศักดิ์ศรีอะไรแต่เพราะเป็นห่วงเธอไม่
อยากให้ความผิดพลาดของเขาทำให้เธอต้องอายหรือดูถูกเขาสำคัญที่สุดคือไม่อยากให้เธอแค้นคนอื่นไม่ว่าเธอจะแค้นเสี่ยเพ้งแค้นคุณปฐมหรือแค้นคุณวนิษาก็ตาม
“เป็นคุณคุณไม่แค้นรึไง”
“เธอต้องมองเรื่องนี้จากมุมมองของพ่อเธอพ่อเธออยู่ในวงการนักเลงไม่มีใครรู้จักความแค้นดีเท่าเขาเขารู้ว่าถ้าเธอแบกรับความแค้นที่ยิ่งใหญ่ความแค้นนั้นจะทำร้ายเธอเอง...ฉันกับคุณวนิเข้าใจเจตนาของพ่อ
เธอวินาทีที่ฉันคิดจะเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังฉันก็ตั้งใจว่าต้องพูดเรื่องนี้ให้เธอเข้าใจด้วย”
“ป๊าคิดอย่างนี้จริงๆเหรอ”
“เธอน่าจะรู้จักเขาดีกว่าฉันเธอคิดว่าเขาอายไหมถ้าคนรู้ว่าเขาตายเพราะกินยาโด๊ป” ปลายฝนบอกว่าไม่เพราะป๊าเป็นลูกผู้ชายมากกว่านั้นย้อนถามโจว่าแล้วจะให้ตนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ “ปลายฝน...เรื่องสำคัญที่เธอรู้ในวันนี้ไม่ใช่พ่อเธอตายยังไงแต่คือเธอรู้ว่าพ่อเธอแคร์เธอแค่ไหน”
“ป๊า...” ปลายฝนร้องไห้อย่างสะเทือนใจ
ooooooo
โจไปทำแผลที่โรงพยาบาลเสร็จแล้วขอให้เจ้าหน้าที่เรียกรถแท็กซี่ให้ด้วยทันใดนั้นเองวนิษาก็ขับรถเข้ามาเทียบบอกให้เขาขึ้นรถวันนี้ตนจะเป็นคนขับรถให้เอง
โจถามว่าเธอรู้ได้ยังไงว่าตนอยู่ที่นี่วนิษาบอกว่าปลายฝนเล่าให้ฟังหมดแล้วไม่เพียงมารับและไปส่งโจที่บ้านวนิษายังซื้ออาหารไปมากมายอยู่ดูแลเขาและที่สำคัญเพื่อช่วยกันไขปริศนาคดีของชายแจ้และกริชด้วย
หญิงจุ๋มกับพจน์เห็นโจหายเงียบไปจึงมาตามถึงบ้านป๋องเพิ่งกลับมายังไม่ทันเข้าบ้านได้ยินเสียงโจกับวนิษาคุยกันอยู่ในบ้านรู้ว่าถ้าหญิงจุ๋มกับพจน์มาเห็นต้องมีปัญหามากมายแน่นอนเลยแกล้งเอาดีดีทีมา
ฉีดจนฟุ้งไปหมดบอกว่าที่นี่ยุงชุมมากทั้งสองคนจึงต้องพาป๋องไปนั่งคุยกันที่ร้านกาแฟแทนโจกับวนิษาเลยรอดตัวหวุดหวิด
หญิงจุ๋มถามถึงความคืบหน้าการสืบคดีของชายแจ้ป๋องบอกว่าโจเร่งมือเต็มที่เพราะรับปากกับวนิษาไว้ว่าจะเคลียร์การตายของสามีทั้งสามคนของเธอให้ได้ภายในสามวันเพราะวนิษาให้คำมั่นสัญญาว่าถ้าเขาพิสูจน์ได้ว่าการตายของสามีทั้งสามไม่เกี่ยวกับดวงกินผัวตนก็จะแต่งงานใหม่แต่ถ้าใช่ก็จะไม่แต่งงานกับใครอีกเลย
พจน์หูผึ่งถามว่าสืบถึงไหนแล้ว
“ยังบอกไม่ได้ครับแต่คืบหน้ามากแล้วครับใกล้จะรู้สาเหตุแล้วครับ” หญิงจุ๋มบอกว่าจะรออีกสามวันให้ไปบอกโจด้วยป๋องรับคำพอทั้งสองไปป๋องก็นั่งกินขนมต่อถือเป็นลาภปาก
ooooooo
พจน์นัดพบกับภาคย์ที่ผับเจ้าประจำอธิบายเหตุผลการยอมแต่งงานหรือไม่ของวนิษาว่าถ้าพิสูจน์ได้ว่าเธอไม่ใช่คนดวงกินผัวเธอก็พร้อมจะแต่งงานใหม่พจน์ชี้ว่า
“ถ้าเคลียร์ไม่ได้ก็แสดงว่าสามีเขาตายเพราะอาถรรพณ์ดวงกินผัวจริงๆเขาก็จะแต่งงานกับใครไม่ได้นอกจากแกที่มีดวงปรมะ”
ภาคย์ยิ้มกริ่มเชื่อว่าวนิษาต้องแต่งงานกับตนเพราะแค่อีกสามวันโจทำอะไรไม่ได้แน่ถามพจน์ว่า
รู้ไหมว่าผัวสองคนแรกของวนิษาตายเพราะอะไร พจน์
ยักท่าบอกว่า “ฉันรู้แต่แกไม่ต้องรู้หรอก”
“ถึงไม่บอกผมก็เดาออกระดับพี่น่ะเซียนเหยียบเมฆชัดๆไอ้โจมันไม่มีทางทันพี่หรอกให้ตายยังไงมันก็เคลียร์ไม่ได้” พจน์พยักหน้าบอกว่าเอาเวลามาวางแผนฆ่าวนิษาหลังจากที่แต่งงานกับเขาดีกว่าย้ำว่าถ้าจะให้ดีต้องลงมือในงานแต่ง “หา! ในงานแต่งเลยเหรอครับ” ภาคย์ทำหน้าผิดหวังเสียดาย
“ใช่สิคนมันจะได้คิดกันไปว่าเป็นเพราะดวงเขาสู้ดวงแกไม่ได้ความซวยเลยสะท้อนกลับเข้าตัว” พูดแล้วพจน์หมกมุ่นอยู่กับการวางแผนฆ่าวนิษาส่วนภาคย์นิ่งเงียบความกระตือรือร้นหายไปหมดแอบมองพจน์ด้วยสายตาเย็นชา
ooooooo
โจกับวนิษาทำงานกันอย่างเร่งรีบเข้าขากันอย่างดีจากการดูหลักฐานในรูปถ่ายงานแต่งงานโจพบว่าพจน์อยู่ในงานของชายแจ้โจพยายามนึกจนนึกได้ว่าที่แท้พจน์คือพี่ชายของซูซี่นั่นเอง
จากนั้นเขาเชื่อมโยงการตายของชายแจ้กับสถาพรได้ข้อสรุปเดียวกันว่าทั้งสองคนตายด้วยโรคหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันทั้งๆที่เป็นคนมีสุขภาพดีด้วยกันทั้งคู่เขาบอกวนิษาว่า
“คุณดูแฟ้มของสถาพรแล้วนึกถึงการตายของคุณชายแจ้ว่ามีอะไรเชื่อมโยงกันไหม”
วนิษาพยายามทบทวนถึงงานแต่งงานของตนกับชายแจ้แต่ก็จำไม่ได้มากนัก
เท่าที่จำได้คือตนถูกระรินถือแก้วไวน์เข้ามาขอถ่ายรูปด้วยแต่แกล้งทำไวน์หกใส่แต่ชายแจ้รู้ทันคว้ามือวนิษาหลบทันไวน์เลยเปื้อนแค่รองเท้าตนต้องรีบหารองเท้ามาเปลี่ยนมีอยู่คู่เดียวคือคู่สีเขียวเลยจำต้องใส่ดีที่ชายกระโปรงยาวกรอมเท้าเลยพอกล้อมแกล้มปิดๆไว้
“มิน่าไอ้ป๋องมันเคยทักเรื่องรองเท้าของคุณว่าช่างไม่เข้ากับชุดเอาเสียเลย”
จากนั้นก็โดดมาถึงตอนชายแจ้ถึงแก่กรรมเป็นเวลาที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวถูกเชียร์ให้หอมแก้มกันแล้วหอมกันอีกแล้วจึงมาหยิบมีดโลหะยาววาววับขึ้นกุมมีดด้วยกันแต่ตัดเค้กยังไม่ถึงครึ่งก้อนชายแจ้ก็ยืนนิ่งยิ้มค้างแล้วล้มตึงแน่นิ่งไป
“มันต้องมีอะไรสักอย่างที่เรามองข้ามไป” โจตั้งข้อสังเกตวนิษาบอกว่าตนจำได้แค่นี้เอง “ผมรู้สึกว่าเราใกล้จะได้คำตอบแล้วอีกนิดเดียว...” โจเอาแฟ้มทั้งหมดไปดูอีกครั้งวนิษากับโจช่วยกันดูพยายามหาพิรุธให้เจอ
ooooooo
วันต่อมาปฐมโทร.บอกวนิษาว่าเสี่ยเพ้งตายแล้วโจถอนใจวนิษาถามว่ากลุ้มใจเรื่องโจตัวซวยหรือเขาบอกว่าไม่ใช่แต่กลุ้มใจเรื่องลูกเสี่ยเพ้งมากกว่า...น่าสงสาร
วันเดียวกันตี๋อ้วนที่โจเป็นห่วงและสงสารก็ไปที่ย่านวัยรุ่นเพื่อบอกปลายฝนว่าป๊าตนเสียแล้วต่อไปนี้ตนจะต้องฝึกฝีมือเพื่อล้างแค้นแทนป๊าป๋องถามว่าป๊าตี๋อ้วนถูกคนอื่นฆ่าหรือ
“ป๊าผมโดนฟ้าผ่าตายแต่เพราะมีคนอื่นเป็นตัวต้นเหตุถ้าไม่มีมันป๊าก็คงไม่ตาย” ป๋องถามว่าใครฆ่า? “มันชื่อโจเป็นนักสืบอิสระฉายาโจตัวซวย”
ทั้งปลายฝนและป๋องมองหน้ากันอึ้งปลายฝนเพิ่งรู้วันนี้เองว่าตี๋อ้วนเป็นลูกของเสี่ยเพ้งพูดอย่างคาดไม่ถึงว่าพ่อเราสองคนเป็นศัตรูกันบอกตี๋อ้วนว่า
“ถึงพ่อเธอกับพ่อฉันจะเคยเป็นศัตรูกันแต่ฉันก็เสียใจด้วยนะเสียใจจริงๆแต่ฉันไม่เห็นด้วยนะเรื่องแก้แค้นเนี่ย”
ระหว่างตี๋อ้วนคุยกับปลายฝนเรื่องจะแก้แค้นแทนป๊าอาจใช้ดาบฟันเอาปืนไปยิงหรือไม่ก็วางระเบิดถูกป๋องขัดคอว่าดูหนังมากไปหรือเปล่าปลายฝนปรามให้ป๋องเงียบแล้วชวนตี๋อ้วนไปเดินคุยกันบอกป๋องให้นั่งรออยู่ตรงนี้
ปลายฝนหว่านล้อมตี๋อ้วนว่า “เธอต้องมองเรื่องนี้จากมุมมองของพ่อเธอเขารักเธอเขาจึงไม่ต้องการให้เธอแก้แค้นเพราะเขารู้จักความแค้นดีที่สุดเขารู้ว่าเธอแค้นความแค้นจะทำร้ายเธอ” ตี๋อ้วนถามว่าแล้วจะให้ตนอยู่เฉยๆหรือ “พ่อเธอพูดเรื่องนี้ก่อนตายแสดงว่าเขาเห็นว่ามันสำคัญมากถ้าเธอแก้แค้นแปลว่าเธอไม่ฟังเขาและจะทำให้เขาเสียใจด้วย”
ตี๋อ้วนเงียบไปอึดใจแล้วบอกปลายฝนว่า “ผมเชื่อคุณ” ก่อนแยกจากกันปลายฝนบอกว่ามีอะไรให้โทร.มา
พอตี๋อ้วนกลับถึงบ้านบอกแม่ว่าตนจะไม่แก้แค้นแล้วพอแม่ถามว่าอะไรทำให้ตี๋ของม้าเปลี่ยนใจตี๋อ้วนพูดอย่างภูมิใจว่า “ป๊าไงป๊าบอกไม่ให้อั๊วคิดแก้แค้น
ต่อไปนี้อั๊วจะตั้งใจเรียนหนังสือเป็นคนดีอั๊วจะไม่เป็นแบบป๊า”
“ดีแล้วลูกถูกแล้วดีแล้ว” แม่ตี๋อ้วนน้ำตาทะลักกอดลูกไว้ด้วยความดีใจ
ป๋องชมและขอบคุณปลายฝนที่ช่วยพูดจนตี๋อ้วนเปลี่ยนความคิดไม่แก้แค้นปลายฝนบอกว่าตนพูดตามที่โจเคยพูดกับตนต่างหาก
และวันนี้เองปลายฝนบอกกับป๋องตรงๆว่าตนไม่ใช่แฟนเขาทำเอาป๋องแทบหงายเงิบถามว่าแล้วที่เราคุยกันไปไหนมาไหนกันหมายความว่าไงปลายฝนถามว่าตนเคยจูบเขาหรือเปล่า? เคยบอกรักเขาไหม? ป๋องส่ายหน้าเธอถามว่า
“แล้วเธอจะคิดว่าฉันเป็นแฟนเธอได้ไง” ป๋องถามว่าแล้วเราเป็นอะไรกันล่ะ “เพื่อนสนิท...” ปลายฝนตอบยิ้มๆแต่ทำเอาป๋องหน้าจ๋อยอกหักเป๊าะ!
ooooooo
โจกับวนิษาคร่ำเคร่งกับการหาข้อมูลจนวนิษาบ่นว่าหิวชวนออกไปหาอะไรกินกันดีกว่า
โจเสียดายเวลาแต่วนิษาบอกว่าเห็นเขาเครียดตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ก็ยังคิดอะไรไม่ออกเลยชวนไปเปลี่ยนบรรยากาศจะได้รู้สึกผ่อนคลายสมองปลอดโปร่งคิดอะไรได้เข้าเป้าได้มากขึ้นขอเวลาแค่ชั่วโมงเดียวถามว่าคุณไปกับฉันได้ไหมโจจำใจไปบ่นว่าไม่อยากเสียเวลาไปอย่างไร้ค่าวนิษาถามว่า “คุณคิดว่าเวลาดีๆอย่างนี้มันไร้ค่าหรือ” โจไม่ตอบแต่ลุกจากโต๊ะไปเลย
ครู่เดียวเสียงไวโอลินก็แว่วหวานขึ้นโจเดินเข้ามาโค้งขอเต้นรำกับวนิษาเธอยิ้มทั้งน้ำตาลุกไปเต้นรำกับเขา
“ผมอยากบอกคุณว่านี่เป็นเวลาที่มีค่าที่สุดในชีวิตของผม” วนิษากระซิบว่าคิดว่าเขาทิ้งตนกลับไปแล้ว
“สมองสั่งให้ผมทำแบบนั้นแต่หัวใจสั่งให้ผมทำแบบนี้”
“ขอบคุณที่ยอมฟังหัวใจมากกว่าสมอง”
“ที่หัวใจของผมเป็นแบบนี้ก็เพราะมันทำตามความต้องการของหัวใจคุณ”
“งั้นถ้าหัวใจของฉันสั่งอย่างอื่นด้วยล่ะ”
โจถามว่าสั่งอะไรหรือวนิษากระซิบบอกอะไรข้างหูโจยิ้มน้อยๆกอดกระชับวนิษาแน่นแล้วก้มจูบเธอวนิษาจูบตอบสบตาและซบกันอย่างมีความสุข
ooooooo
โจขับรถขึ้นไปจอดบนดาดฟ้าพากันไปนั่งดูดาวบนท้องฟ้าทั้งสองรำพึงออกมาจากความคิดที่ตรงกันว่าทุกครั้งที่มองดูดวงดาวก็จะคิดว่าดาวดวงไหนนะที่ทำให้ชีวิตตนต้องเป็นแบบนี้
แต่โจบอกว่าตนพยายามที่จะไม่เชื่อและหักล้างเรื่องนี้ส่วนวนิษาเชื่อและพยายามเล่นไปตามเกมของดวงชะตามีคนบอกว่าทำบุญแล้วแก้ดวงอาถรรพณ์ได้ตนจึงชอบทำบุญโจติงว่าหลวงพ่อพูดบ่อยๆว่าทำบุญอย่าหวังผล
วนิษาบอกว่าตนหวังจะดิ้นหลุดจากดวงร้ายๆไปได้และว่าถ้าตนเป็นเขาจะยอมไปพบแม่ชีที่เมืองจีนกับพ่อของระรินโจบอกว่าล่าสุดระรินลดลงเหลือแค่เปลี่ยนชื่อก็ได้แล้ววนิษาถามว่า “แล้วทำไมคุณไม่เปลี่ยนชื่อล่ะ”
“เพราะผมไม่ยอมรับว่าผมเป็นตัวซวย” วนิษาพูดเชิงตำหนิว่าแค่นี้เขาก็ทำเพื่อผู้หญิงที่รักไม่ได้โจนิ่งไปอึดใจจึงเอ่ย “ผมไม่เคยพูดกับใครเรื่องนี้แต่คืนนี้ผมจะบอกคุณ...” แล้วโจก็ทบทวนความหลังให้เธอฟังว่า...
“ถ้าโลกนี้มีเรื่องดวงชะตาจริงๆ ถ้าผมเป็นโจ
ตัวซวยจริงๆก็แปลว่าผมคือคนที่ทำให้พ่อหมดตัวแล้วก็ติดคุกทำให้แม่ต้องหนีคดีไปมีสามีใหม่ที่เมืองนอกยังไม่พอยังทำให้ญาติๆที่เมตตารับผมไปเลี้ยงต้องเคราะห์ร้ายบางคนไฟไหม้บ้านบางคนประสบอุบัติเหตุถ้าผมเป็นตัวซวยแบบนั้นจริงๆสู้ไม่เกิดมาเลยยังจะดีกว่าแต่ผมเกิดมาแล้วผมย้ำบอกตัวเองทุกวันว่าเรื่องดวงไม่ใช่เรื่องจริงผมไม่ใช่ลูกทรพีที่ทำให้ชีวิตพ่อแม่ต้องพังพินาศ
...ผมไม่ใช่คนแบบนั้น...ผม...ผมไม่ใช่โจตัวซวย”
โจเก็บอารมณ์ไม่อยู่น้ำตาคลอหน่วยวนิษาดึงเขาเข้าไปกอดปลอบโยนจนโจรู้สึกดีขึ้นเขาบอกเธอว่า
“จนถึงวันนี้ผมก็ไม่มีอะไรมาพิสูจน์ว่ามันไม่จริงผมได้แต่ยึดคำสอนของหลวงพ่อว่าพุทธศาสนาไม่ได้สอนเรื่องนี้พอผมถามลึกลงไปท่านก็ไม่ตอบบอกผมต้องหาคำตอบด้วยตัวเอง”
“ฉันอยากเจอหลวงพ่อท่านบ้างว่างๆพาฉันไปกราบท่านบ้างนะ”
“ครับ” รับคำแล้วโจมองวนิษาที่ยังกอดตนอยู่เธอเขินจะปล่อยแต่โจกลับกอดเธอไว้วนิษาติงว่าเรามาเกินชั่วโมงนานแล้วกลับกันเถอะโจอิดออดแต่ก็ยอมปล่อยเธอและพากันกลับ
ooooooo
มหัศจรรย์เกิดทันทีเพราะพอกลับถึงบ้านด้วยสมองอันปลอดโปร่งและหัวใจที่แช่มชื่นกระปรี้กระเปร่าทำให้โจนึกเชื่อมโยงคดีของชายแจ้กับสถาพรออกทันที
เขาชี้ให้ดูว่ามีสิ่งเหมือนระหว่างศพของสองคนนี้คือมือทั้งสองมีรอยดำๆที่ฝ่ามือเรามองเผินๆอาจเหมือนรอยเปื้อนแต่ในกรณีนี้ไม่ธรรมดาแน่ๆโจชี้ให้เห็นว่า
“มันผิดปกติเกินไปที่คนสองคนที่ตายแบบเดียวกันจะมีรอยลักษณะนี้เหมือนๆกัน” วนิษาถามว่ารอยอะไร “ถ้าถามผมผมคงต้องเดา...ผมว่าไปถามคนที่เขารู้จริงดีกว่า” แล้วโจก็ชี้รูปชายที่ยืนอยู่ข้างพจน์บอกว่า “พี่ชายซูซี่ไงครับ”
ไวเท่าความคิดทำเวลาทุกนาทีให้มีค่าโจกับวนิษาขึ้นรถบ่ายหน้าไปที่ร้านส้มตำของซูซี่ทันทีระหว่างทางที่คุยกันโจถามว่าเธอรู้ไหมว่าพจน์แฟนคุณหญิงจุ๋มเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างไรวนิษาบอกว่าคุณหญิงจุ๋มเป็นแม่งานเรื่องนี้โจเชื่อว่าคุณหญิงจุ๋มต้องรู้เห็นการตายของชายแจ้แต่วนิษาไม่เชื่อเพราะคุณหญิงจุ๋มรักชายแจ้มาก
“อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้นอย่าลืมว่าหม่อมจันน่ะมอบกิจการทรัพย์สินส่วนใหญ่ของครอบครัวให้คุณชายแจ้ดูแลคุณหญิงจุ๋มอาจจะไม่พอใจเรื่องนี้ก็ได้” แต่พอวนิษาติงว่าถ้างั้นคุณหญิงจุ๋มมาจ้างเขาทำคดีนี้ทำไมโจก็ลังเล “หรือว่าคุณหญิงจุ๋มไม่รู้เรื่องนี้ทั้งหมดเป็นฝีมือของคุณพจน์”
วนิษายังติงว่าเขาจะฆ่าชายแจ้ทำไมในเมื่อมรดกของชายแจ้ตกอยู่กับตนโจก็ยังมีข้อโต้แย้งแต่ขอไม่พูดตอนนี้ดีกว่า
ooooooo
ซูซี่เห็นโจมาก็ดี๊ด๊าว่าสุดเลิฟมาแล้วแต่พอเห็นวนิษามาด้วยก็หน้าตึงถามว่าพาชะนีมาด้วยหรือวนิษาที่กำลังยิ้มแย้มหุบยิ้มทันทีจนโจต้องบอกเธอว่าซูซี่ล้อเล่น
แต่พอโจแนะนำว่าวนิษาเป็นเจ้านายตนซูซี่ก็มีพิรุธทันทีแต่ปรับสีหน้าในพริบตาเชิญชวนกินส้มตำถามว่าจะเอาตำไทยหรือตำปูหรือตำปลาร้าดีแล้วเอาเมนูให้ดู
พอได้จังหวะซูซี่ก็รีบไปหลังร้านบอกธงธงว่าโจมาธงธงจำได้ว่าโจเป็นคนช่วยหาหลักฐานว่าสถาพรกินยานอนหลับตายแต่พอซูซี่บอกว่าโจพาผู้หญิงชื่อวนิษามาด้วยไม่รู้เป็นคนเดียวกับเมียคุณชายแจ้หรือเปล่าตนเลยรีบมาบอก
ธงธงหน้าเสียเดินไปแอบดูหันบอกซูซี่ว่าวนิษาคนนี้แหละซูซี่ยิ่งตกใจถามว่าจะเอาไงดี
“มันอาจจะแค่แวะมาเยี่ยมแกหรือแวะมากินส้มตำก็ได้แกออกไปคุยกับมันทำตัวปกติฉันจะแอบฟังถ้ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากลฉันจะหนีออกไปทางหลังร้าน”
ซูซี่รับคำแล้วทำหน้าระรื่นออกไปถามโจว่าจะหม่ำอะไรดีโจชวนนั่งคุยกันก่อนดีกว่าเพราะวันนี้มีเรื่องอยากคุยด้วยแล้ววนิษาก็ยื่นรูปถ่ายงานแต่งของเธอกับคุณชายแจ้ให้ดูชี้ที่ชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างพจน์ถามว่านั่นพี่ชายเขาหรือเปล่าซูซี่ตกใจอึกอัก
ธงธงที่แอบดูอยู่รู้ทันทีพึมพำ “มันมาถูกทางจนได้” แล้วพรวดไปทางหลังร้านที่มีลังกองบังประตูมีช่องเล็กๆเท่านั้นธงธงเบียดกองลังจนโย้แล้วแทรกตัวออกไปทางประตูหลัง
ส่วนซูซี่ก็ปากกล้าขาสั่นบอกว่าไม่ใช่พี่ชายตนเป็นแค่คนหน้าเหมือนเท่านั้นวนิษาถามว่าแล้วจะติดต่อพี่ชายเขาได้ยังไงซูซี่ถามว่ามีอะไรหรือพลันก็มีเสียงลังหลังร้านล้มครืนโจลุกพรวดอย่างรู้ทันวิ่งไปดูเห็นประตูหลังร้านเปิดมองไปเห็นธงธงวิ่งหนีสุดชีวิตโจจะไล่ตามถูกซูซี่จับแขนดึงไว้ทำทีชวนกินส้มตำกันก่อน
ซูซี่ยื้อโจไว้วนิษาหยิบขวดน้ำยาล้างจานบีบใส่มือซูซี่ทำให้ลื่นจนโจสะบัดหลุดไปได้โจไล่ตามธงธงพลางร้องบอกให้ชาวบ้านช่วยกันจับคนร้ายฆ่าคนตายแต่ไม่มีใครสนใจแต่พอโจบอกว่ามีรางวัลให้คนจับคนร้ายได้ 1 ล้านบาทเท่านั้นชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นก็พากันวิ่งไล่กวดธงธงไปเป็นพรวนแต่ไม่ทันเพราะธงธงขึ้นแท็กซี่หนีไปก่อน
พอโจไล่ตามธงธงไปซูซี่อยู่กับวนิษาก็สวมบทเหี้ยมจะเล่นงานเธอวนิษาร้องขอความช่วยเหลือพอดีโจกลับมาตะโกนบอกซูซี่ว่า
“ซูซี่อย่าทำอะไรเขาเขาเป็นเมียฉันถ้าแกแตะเขาละก็ฉันสาบานจะฆ่าแกให้ตาย” โจกลับเข้าไปในร้านก็วิ่งขึ้นชั้นบนกลายเป็นเห็นวนิษากำลังทุบประตูปังๆโจถามว่าเกิดอะไรขึ้น
“ซูซี่เขาบอกทุกอย่างจบลงแล้วเขาฝากฉันบอกคุณว่าลาก่อนแล้วก็วิ่งเข้าไปในห้องล็อกประตูฉันว่าเขาคิดจะฆ่าตัวตายแน่ๆคุณรีบเข้าไปช่วยเขาเร็วเดี๋ยวไม่ทัน”
โจพุ่งเข้าชนประตูถึงสองครั้งประตูจึงเปิดเห็นซูซี่ถือขวดน้ำยาล้างห้องน้ำกำลังจะกรอกปากแทนที่จะแย่งขวดน้ำยาล้างห้องน้ำโจกลับกระโดดเตะซูซี่พลั่ก! ซูซี่ทำหน้าบ้องแบ๊วถามว่ามาเตะตนทำไม
“เตะสิวะผมอุตส่าห์ช่วยคุณเงินทองก็ไม่คิดแล้วคุณทำอย่างนี้กับผมเหรอรู้ไหมว่าคดีนี้มันสำคัญกับผมแค่ไหนคนที่ให้คำตอบได้คือพี่ชายคุณแล้วคุณดันช่วยให้เขาหนีไปได้ซะงั้นไม่เตะคุณแล้วจะให้เตะใคร!”
ซูซี่เลยบอกให้เตะให้สาแก่ใจเลยแต่จะบอกอะไรให้อย่างว่า “คุณช่วยฉันก็จริงแต่พี่ชายฉันก็ช่วยฉันเหมือนกันช่วยมากกว่าด้วย” โจถามทันทีว่าธงธงช่วยฆ่าสถาพรใช่ไหม “ไม่ใช่...ไม่ใช่นะคือว่า...”
“พอเหอะหมดเวลาโกหกแล้ว” โจตัดบทซูซี่ร้องไห้โฮอย่างจำนนวนิษาเอาขวดน้ำยาล้างห้องน้ำจากซูซี่ถามว่า
“ตกลงเรื่องมันไปไงมาไงเนี่ย”
ooooooo
ขณะพจน์นั่งคุยกับภาคย์ที่ผับคาราโอเกะเขาบอกว่ากำลังคิดแผนฆ่าวนิษาในวันแต่งงานแต่ยังหาวิธีเหมาะๆไม่ได้
ภาคย์ถามว่าที่ผ่านมาใช้วิธีไหนพจน์ไม่ยอมบอกบอกแต่ว่าไม่ใช้วิธีเดิมก็แล้วกันพลันทั้งสองก็สะดุ้งเมื่อประตูห้องผลักออกอย่างแรงธงธงเดินหน้าตื่นเข้ามาบอกว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว
เวลาเดียวกันที่ร้านส้มตำโจกำลังคาดคั้นซูซี่ว่า “พี่ชายคุณช่วยคุณพจน์ฆ่าคุณชายแจ้ใช่ไหม?” ซูซี่บอกว่าใช่โจถามอีกว่า “แล้วเขาก็ใช้วิธีนั้นช่วยคุณฆ่าสถาพร?” ซูซี่ตอบว่าใช่อีก
“เขาฆ่าคุณชายแจ้ทำไมทำไมไม่เป็นฉัน” วนิษาถามบ้าง
“จริงๆเขาจะฆ่าทั้งสองคนนั่นแหละ” วนิษาตกใจผงะซูซี่ยังเล่าว่า “พี่ชายฉันเขาเล่าให้ฉันฟังหมดทุกอย่างคุณพจน์วางแผนฆ่าพวกคุณสองคนตั้งแต่เขารู้ว่าคุณสองคนจะแต่งงานกันแน่พอคิดแผนได้เขาก็มาตามพี่ชายฉันตอนหนุ่มๆพวกเขาเคยอยู่แก๊งเดียวกันมาก่อน”
แล้วซูซี่ก็เล่าความจริงทั้งหมดให้โจกับวนิษาฟังอย่างละเอียด...
ooooooo
ซูซี่เล่าแผนฆ่าคุณชายแจ้กับวนิษาของพจน์โดยเอาเค้กงานแต่งงงานที่ซ่อนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไว้มาอธิบายให้ฟังว่า
มันคือปืนช็อตไฟฟ้าที่ซ่อนอยู่ในเค้กนั่นเองเมื่อคู่บ่าวสาวตัดเค้กมีดตัดเค้กผ่านมาโดนลวดไฟก็วิ่งผ่านมีดไปที่คนถือแค่นี้ก็เรียบร้อยส่วนร่องรอยถ้าความต่างศักย์ต่ำจะไม่มีรอยไหม้ที่ชัดเจนแค่ทำให้หัวใจเต้นเร็วแล้วก็ตายดูเผินๆเหมือนโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะเท่านั้น
“งานนี้ฉันกะฆ่าสองคนทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวตอนตัดเค้กมันถือมีดด้วยกันทั้งคู่คิดว่าเป็นไปได้ไหม” พจน์ถามธงธงฝ่ายนั้นคิดๆแล้วพยักหน้าพจน์ยิ้มพูดอย่างพอใจว่า “มรดกจะได้ตกอยู่กับเมียฉันแล้วค่อยหาทางฆ่ายัยเมียผู้สูงศักดิ์ของฉันอีกที...แล้วเราจะรวยด้วยกัน” พจน์ตบไหล่ธงธงอย่างกระหยิ่มใจ
ซูซี่เล่าแล้วสรุปว่า “ทุกอย่างเป็นไปตามแผนดีกว่าแผนเสียอีกตรงที่ชายแจ้ใช้มือซ้ายถือมีดกระแสไฟวิ่งผ่านหัวใจเข้าเต็มๆทำหัวใจเต้นผิดจังหวะจนทำให้ตายในที่สุด...แต่แผนการนี้ล้มเหลวไม่เป็นท่าเพราะวนิษาไม่เป็นอะไรเลย”
โจถามว่าเขาทำลายหลักฐานอย่างไรซูซี่เล่าว่าขณะที่ในงานกำลังโกลาหลนั้นธงธงในชุดพนักงานโรงแรมก็มาเอาเค้กออกไปทำลายหลักฐานไม่เหลือให้ใครตรวจสอบได้เลยวนิษาถามว่าแล้วทำไมตนไม่ตาย
“คุณลืมไปแล้วเหรอว่าเกิดอะไรขึ้นคุณเป็นคนเล่าให้ผมฟังเองก็รองเท้าที่คุณเปลี่ยนทำหน้าที่เป็นฉนวนกันไฟให้คุณไงแล้วใครเป็นคนจัดเตรียมชุดแต่งงานกับรองเท้าให้คุณ” โจถาม
“ฉันกับคุณชายแจ้ตัดชุดจากร้านเสื้อผ้าของเพื่อนคุณหญิงจุ๋ม” วนิษาบอกแล้วเล่าว่าวันนั้นคุณหญิงจุ๋มพูดกับตนเป็นการเฉพาะว่า “วนิษาฉันยอมรับว่าฉันไม่ถูกชะตากับเธอแต่ถึงขั้นนี้แล้วฉันคงทำอะไรไม่ได้นอกจากจะบอกว่าฉันรักชายแจ้มากถ้าเธอทำให้เขาเสียใจเธอจะเป็นศัตรูของฉันเข้าใจไหม” เล่าแล้ววนิษาเชื่อว่าคุณหญิงจุ๋มอาจจะไม่ได้รู้เห็นเรื่องนี้ก็ได้
โจถามซูซี่ว่าหลังงานแต่งงานของคุณชายแจ้กับวนิษาแล้วธงธงก็ได้ความรู้มากพอจนเอามาช่วยเขาฆ่าสถาพรใช่ไหมซูซี่ยอมรับว่าใช่โดยธงธงดัดแปลงสายไฟที่ก้นครกตนจึงเปลี่ยนมาใช้สากทองเหลืองแล้วทำทีเป็นสอนสถาพรตำส้มตำโดยตนใส่รองเท้าบูตกันไฟดูดแต่สถาพรไม่ได้ใส่รองเท้าส่วนสาเหตุที่ต้องฆ่าเพราะสถาพรจะให้ตนออกแล้วรับแม่ครัวคนใหม่ที่ได้เหรียญเงินจากการประกวดเวทีเดียวกันแต่ตนแพ้ใจสถาพรเพราะคนนั้นเป็นหญิงแท้แต่ตนเป็นแค่ของเลียนแบบ
ส่วนที่สถาพรยกร้านส้มตำให้ตนเพราะพี่ชายตนให้พจน์ช่วยทำพินัยกรรมปลอมให้ซึ่งเป็นงานถนัดของพจน์อยู่แล้ว
เมื่อเรื่องทั้งหมดเคลียร์แล้วซูซี่ขอร้องให้โจกับวนิษาได้ชิมฝีมือส้มตำเหรียญทองของตนก่อนที่ตนจะฆ่าตัวตายตนขอร้องเพราะครั้งนี้คงเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วพร้อมทั้งขอให้ช่วยจัดงานศพให้เอาแค่มีพระสวดก็พอ
โจบอกว่าตนยอมให้เขาตายไม่ได้อึดใจเดียวรถตำรวจก็มารับซูซี่ไปซูซี่ตกใจมากอ้อนวอนโจให้ไปเยี่ยมตนบ้าง
โจถามวนิษาว่าถ้างานนี้สืบได้ว่าคุณหญิงจุ๋มรู้เห็นด้วยเธอจะทำอย่างไรวนิษาบอกว่าต้องแจ้งตำรวจจับแต่หวังว่าคุณหญิงจุ๋มจะบริสุทธิ์
“ผมก็อยากให้เป็นอย่างนั้นถ้าคุณหญิงจุ๋มเป็นผู้บริสุทธิ์จริง ผมจะได้วางบิลงวดสุดท้ายแบบสบายใจหน่อย”
ooooooo










