ตอนที่ 10
โจซุ่มดูอยู่จนวนิษาออกมาส่งภาคย์ที่มอเตอร์-ไซค์บิ๊กไบค์ ภาคย์พูดอย่างทึ่งว่า
“วันนี้ผมดีใจจริงๆที่ได้เจอคุณวนิษาอย่างไม่คาดฝันแบบนี้” พอเธอบอกว่าบังเอิญจริงๆ ภาคย์ก็ลากไปสู่เรื่องดวงอีกจนได้ว่า “อาจเป็นเรื่องดวงชะตาก็ได้มังครับ” แล้วขึ้นมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ขี่ไปอย่างเท่
“ก็ดูมีความสุขดีนี่นา หึ...มีความสุขมากซะด้วย ไอ้โจเอ๊ย ไม่รู้เรื่องอะไรเลย” โจบ่นตัวเองที่พอรู้ว่าเธอหายไปติดต่อไม่ได้ก็เป็นห่วง ออกตามหาวุ่นไปเกือบทั้งเมือง
รุ่งขึ้น โจไปดักวนิษาที่คอนโด ขอโทษที่ตนโกหกเธอ วนิษาไม่ถือเพราะรู้ว่าเขาทำด้วยความหวังดีแต่คราวหน้าอย่าโกหกกันอีก แล้วสั่งให้ไปเอารถมา โจงงถามว่าทำไมเธอถึงหายโกรธตนง่ายจัง? ทั้งที่เมื่อวานตบตนหัวแทบหลุด วันนี้ทำไมดูลั้นลาอารมณ์ดี
วนิษาบอกว่าตนอารมณ์ดีเพราะได้เจอใครบางคน แล้วถามว่าเขารู้จักดวงปรมะไหม อธิบายว่า
“ดวงแกร่งที่คนโชคร้ายอย่างคุณหรือฉันทำอะไรเขาไม่ได้ เขาทำให้ฉันรู้ว่าโลกนี้มีดวงแบบนี้อยู่ ถ้าโชคดี ฉันอาจได้เจออีกหลายคน เรื่องนี้แหละที่ทำให้ฉันหายโกรธคุณ การที่คุณโกหกว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงกินผัวน่ะ ทำให้ฉันดีใจได้แค่ชั่วคราว แต่ดวงปรมะนี่สิ คือคำตอบที่แท้จริงของชีวิตฉัน”
“คนที่จะมาเป็นคู่ชีวิตคุณ?” โจถามพอเธอตอบว่าใช่ โจทำหน้าเหนื่อยติงว่า “อีกแล้วนะคุณวนิ คุณพูดเรื่องคู่โดยไม่พูดเรื่องความรักอีกแล้ว”
“ตอนที่คุณหลอกฉันสำเร็จว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงกินผัว คุณรู้อะไรไหม มันทำให้ฉันคิดเรื่องความรักขึ้นมา แต่พอความจริงเปิดเผยทั้งหมดว่า มันคือเรื่องโกหก ฉันก็เลยเลิกคิด ฉันมีความรักไม่ได้หรอก ฉันไม่อยากให้ผู้ชายที่ฉันรักต้องมาตายเพราะฉันอีก” พูดแล้วมองหน้าโจนิ่ง โจอึ้งพูดอะไรไม่ออก เธอสั่ง “ไปเอารถมาได้แล้ว”
ooooooo
วนิษาให้โจขับรถไปส่งที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง พอเธอลงจากรถก็เจอภาคย์ขี่มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์มาถึงพอดี ต่างทักทายกันอย่างทึ่งที่เห็นอีกฝ่ายมาเร็ว
ภาคย์ปากหวานว่าที่ตนมาเร็วเพราะตื่นเต้นที่จะได้ทานข้าวกลางวันกับเธอ และตนก็ดีใจที่เธอมาเร็วเหมือนกัน
“โห...มุกสองชั้นนี่หว่า” โจพึมพำ เห็นภาคย์ผายมือเชิญวนิษาพากันเดินเข้าร้าน โจก็เขม่น “ไม่ธรรมดา แต่ถึงยังไงฉันก็ไม่เชื่อไอ้ดวงปรมะของแกหรอก”
กลับถึงบ้านคืนนี้โจสั่งป๋องให้ไปสืบมาให้ละเอียดว่า คนชื่อภาคย์เป็นใคร มาจากไหน ดูประวัติอาชญากรรมและการเคลื่อนไหวของบัญชีเงินฝากย้อนหลังไปสามปี ดูว่ามีชื่อในแบล็กลิสต์อะไรบ้างไหม
ทันใดนั้น ซูซี่แต่งหญิงจัดเต็ม เดินยิ้มปากแดงแช้ด เข้ามาบอกว่า คลิปที่ได้จากโจนั้น ตนเอาไปให้ตำรวจดู ตอนนี้ตนรอดแล้ว โผเข้ากอดโจจนหนำใจแล้วบอก...
“ในฐานะที่เธอสองคนเป็นผู้มีพระคุณของฉัน ก็เลยจะมาเชิญเธอสองคนไปงานเปิดร้านใหม่ด้วย เป็นร้านเดิมนั่นแหละ แต่ตอนนี้ร้านเป็นของฉันแล้ว สถาพรเขาทำมรดกยกร้านนี้ให้ฉัน”
โจแสดงความยินดีด้วย แต่พอซูซี่กลับไป ป๋องตั้งข้อสังเกตว่าทำไมสถาพรยกร้านให้ซูซี่ โจก็สงสัยแต่ไม่อยากคิดอะไร
ooooooo
ป๋องไปหารุ่นพี่ที่โรงอาหารคณะเภสัช ถามตัวยาที่ซูซี่กินซึ่งเป็นยาที่รุ่นพี่คนนี้ขายอยู่ พอรู้ผลก็รีบไปหาโจที่งานเปิดร้านของซูซี่อย่างตื่นเต้น
ที่งานเปิดร้านส้มตำของซูซี่ ซูซี่แนะนำธงธงแก่โจว่าเป็นพี่ชาย และแนะนำโจแก่ธงธงอย่างรู้กันว่า “นี่คุณโจ ที่ฉันเล่าให้ฟัง” แล้วบอกทุกคนให้รอแป๊บหนึ่งตนจะไปตำส้มตำมาให้ชิม
ป๋องมาถึง โจถามว่าทำไมมาช้า ป๋องพูดอย่างไม่หายตื่นเต้นว่ามีเรื่องนิดหน่อย แล้วบอกโจเบาๆว่า
“ผมเจอรุ่นพี่ที่เขาขายยานอนหลับตัวที่พี่สถาพรกับซูซี่ใช้อยู่”
โจสังเกตเห็นธงธงมองอยู่ เขาบอกว่าไปคุยที่อื่นดีกว่า เป็นจังหวะที่ซูซี่ถือจานส้มตำออกมาร้องเชิญชวนให้มากินส้มตำแต่ไม่เห็นโจแล้ว
โจกับป๋องกลับไปคุยกันที่บ้าน ป๋องเล่าให้ฟังว่า รุ่นพี่คนนั้นบอกว่า ยาตัวที่ซูซี่กินนั้นต่อให้กินเป็นกระป๋องก็ไม่ทำให้หัวใจวายตายได้ เพราะฉะนั้นการตายของสถาพรจึงไม่เกี่ยวกับยาตัวนี้ โจพึมพำสงสัยว่า...
“คนแรกที่พูดเรื่องยาก็คือเมียสถาพร ทำให้ตำรวจคิดว่าซูซี่เป็นคนวางยา จนเมื่อเราหาหลักฐานได้ว่าสถาพรกินยาตัวนี้ด้วยตัวเอง จนช่วยให้ซูซี่หลุดจากคดีได้ ตอนนี้กลายเป็นว่า จริงๆแล้วยานี่ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย หมายความว่าไง”
ป๋องติงว่าเมียสถาพรอยู่ศูนย์ลดความอ้วนจะลงมือได้ยังไง โจนึกได้เล่าว่า วันนี้ตนเจอธงธงพี่ชายของซูซี่ คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นที่ไหนแต่จำไม่ได้ บอกป๋องว่า
“ฉันสังหรณ์ว่าคนคนนี้ อาจจะเกี่ยวพันอะไรกับคดีนี้”
ooooooo
พจน์เป็นคนวางแผนให้ภาคย์รุกวนิษา วันนี้ก็จัดฉากให้เขาไปเที่ยววัดกับวนิษา เป็นวัดที่กำลังมีการซ่อมแซมบางส่วน โดยภาคย์สะพายกล้องอย่างนักท่องเที่ยวไปด้วย
ทั้งสองถวายสังฆทาน ไหว้พระประธาน ปล่อยนกปล่อยปลาด้วยกัน โจเดินตามหลังมองอย่างเจ็บปวด
วนิษาถามว่าทำไมเขาถึงมาวัดนี้ภาคย์พูดเป็นตุเป็นตะว่าตนกางแผนที่แล้วหลับตาจิ้มมั่วๆว่าใกล้วัดไหนเพราะเขาว่ากันว่า “การถวายสังฆทานเราควรทำโดยไม่เจาะจงวัดหรือพระครับผมก็เลยสุ่มเอาไม่เคยมาวัดนี้เหมือนกัน”
ขณะเดินไปใกล้ที่ซ่อมแซมภาคย์ขอถ่ายรูปวนิษาอ้างว่าวิวตรงนี้สวยระหว่างถ่ายรูปเกิดอุบัติเหตุถึงสองครั้งนั่งร้านเอียงและพังลงมาบางส่วนตรงที่ภาคย์ยืนแต่เขาก็รอดปลอดภัยทั้งสองครั้งวนิษารำพึงทึ่งว่า
“ดวงปรมะ...ฉันเพิ่งได้เห็นกับตาวันนี้เอง”
ภาคย์แค่ยิ้มๆเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดาของตัวเองวนิษามองเขาทั้งทึ่งทั้งชื่นชม
“ขนลุกว่ะ...ดวงปรมะ” โจพึมพำ
คืนนี้เมื่อภาคย์ไปพบกับพจน์ที่ผับประจำเขาชมว่าแผนของพจน์ยอดเยี่ยมมากเซ็ตฉากอุบัติเหตุได้เหมือนจริงๆ
“งานนี้จ่ายไปเยอะเหมือนกันทั้งค่าสถานที่ค่าคนค่าของแต่ก็คุ้มว่ะยัยนั่นเชื่อสนิทเลยใช่ไหมแล้วไอ้นักสืบที่ชื่อโจล่ะ” ภาคย์บอกว่าอึ้งทึ่งไปทั้งสองคนถามว่าแล้วจะเอาอย่างไรต่อ “แต่งงานกับยัยวนิษาให้เร็วที่สุดก่อนที่จะมีใครมาตัดหน้า”
ภาคย์บอกว่าคงต้องใช้เวลาเพราะถึงวนิษาจะเชื่อเรื่องดวงปรมะแต่เธอก็ยังฝังใจเรื่องผัวเก่าสามคนที่ตายไป
“ไม่...ฉันเข็ดแล้วที่ผ่านมามัวใจเย็นยัยนั่นก็แต่งงานกับเสี่ยป๊อกแป๊บๆก็แต่งกับไอ้กริชอีกคราวนี้ผัวคนต่อไปของยัยนั่นต้องเป็นแก”
ภาคย์รับปากว่าจะรีบจบยิ่งวนิษาบอกว่าอยากมีครอบครัวที่อบอุ่นตนจะขยี้จุดนี้ให้น้ำตาไหลเลยพจน์ติงว่าเสียเวลาให้มอมยาแล้วโชะๆเลยถ้าจะให้ดีทำให้ท้องไม่อยากแต่งก็ต้องแต่งทั้งสองชนแก้วกันตกลงจะโชะๆๆให้ทันใจเลย
ooooooo
โจขับรถมาส่งวนิษาที่คอนโดพอเลี้ยวรถกลับก็เจอระรินเอารถมาขวางขอคำตอบที่คุยกับเขาคราวก่อนโจบอกว่าคำตอบของตนยังเหมือนเดิมเรื่องของเราจบไปแล้ว
ระรินขอโทษกับอดีตที่ผ่านมายอมรับว่าในหัวใจตนมีแต่โจเท่านั้นส่วนเรื่องแฟนใหม่สองคนที่เป็นเรื่องกินใจกับวนิษานั้นเป็นเพียงเรื่องแก้เคล็ดเท่านั้นแล้วขอโอกาสโจอีกครั้งคราวนี้ขอแค่ให้เขาเปลี่ยนชื่อและนามสกุลเท่านั้นโจบอกว่าไม่มีประโยชน์เพราะตนคือ “โจดวงซวย” ถามว่าแล้วพ่อเธอรับได้หรือระรินบอกว่ารับได้และท่านจะไม่ตั้งแง่กับเขาอีกเลย
“ความคิดคุณไม่เปลี่ยนเลยนะรินผมยังคงเป็นไอ้โจตัวซวยคุณแค่เปลี่ยนวิธีล้างซวยแค่นั้นเองสำหรับผมไม่ว่าจะไปหาแม่ชีที่เมืองจีนหรือเปลี่ยนชื่อก็มีค่าเท่ากันแก้วหล่นจากโต๊ะหรือตกจากภูเขามันก็แตกเหมือนกันอย่าว่าแต่เปลี่ยนชื่อเลยต่อให้คุณพ่อคุณบอกว่าแค่ยกมือไหว้พระก็แก้เคล็ดได้ผมก็จะไม่ทำเพราะผมไม่ใช่ตัวซวย”
พูดแล้วโจเดินผละไประรินได้แต่มองตามและ... ร้องไห้...
ooooooo
วนิษาไปหาหม่อมจันที่วังวาสุวงศ์ชวนไปพักผ่อนที่รีสอร์ตมรดกที่กริชทิ้งไว้ให้ที่สวนผึ้งพอดีหม่อมติดธุระที่สมาคมเอาไว้โอกาสหน้าก็แล้วกัน
อีกห้องหนึ่งที่ติดกันนั้นพจน์อยู่กับหญิงจุ๋มเขาทำเป็นอ่านหนังสือพิมพ์แต่หูผึ่งเก็บข้อมูลเต็มที่อึดใจเดียวเขาก็โทร.หาภาคย์ที่กำลังเตะต่อยกระสอบทรายที่ฟิตเนส
ภาคย์รับทราบอย่างกระเหี้ยนกระหือรือบอกว่าไม่มีปัญหาส่วนโจตนจะจัดการเองไม่ต้องใช้คนอื่นเพราะยิ่งรู้มากยิ่งเรื่องมากบอกพจน์ว่าไม่ต้องห่วงแล้วคืนนี้เองภาคย์ก็แอบไปมุดเข้าใต้รถของวนิษาที่จอดอยู่ที่บ้านโจอึดใจเดียวก็ออกไป
รุ่งขึ้นโจโทร.บอกวนิษาว่ารถเสียเธอจึงเอารถคันอื่นขับไปเองโจถามว่าจะค้างคืนหรือเปล่าเธอบอกว่าคงไม่ตรวจงานเสร็จก็กลับพอเธอจะออกรถโจเรียก “คุณวนิครับ...ขับรถดีๆนะครับ”
วนิษาอึ้งไปนิดหนึ่งเอ่ยขอบคุณวางสายแล้วขับรถออกไป
วันก่อนปลายฝนนัดพบป๋องที่ร้านฟาสต์ฟู้ดชวนไปเที่ยวเสม็ดกันทีแรกป๋องจะไปแต่ครู่เดียวเอ็มก็เข้ามาชวนป๋องไปเที่ยวด้วยกันป๋องปฏิเสธหน้าจ๋อยกลับบ้านก็ร้องไห้คร่ำครวญ “ไปเสม็ดเสร็จทุกรายฮือๆๆ” พอวันนี้รู้ว่าโจไม่ต้องไปขับรถให้วนิษาเพราะรถเสียต้องเข้าอู่ซ่อมป๋องขอให้โจอุ้มเอ็มไปขังไว้ได้ไหมเอ็มจะได้ไปเที่ยวเสม็ดกับปลายฝนไม่ได้
“นึกว่าเรื่องอะไรไร้สาระน่ะไอ้ป๋องฉันยังมีเรื่องอื่นต้องทำ”
เรื่องอื่นที่ต้องทำของโจคือไปพบเม้งจิตทิพย์เพื่อถามเรื่องดวงปรมะเม้งยินดีต้อนรับเพราะคนที่มี
ดวงบ่าวพิฆาตนายอย่างโจนั้นหายากถือว่าเขาเป็นคนพิเศษจริงๆแล้วอธิบายเรื่องดวงปรมะว่า
“ดวงปรมะในเจ็ดดวงอาถรรพณ์ดวงปรมะถือเป็นอันดับหนึ่งทุกย่านน้ำปฐพีไม่มีภัยทุกเวลาไม่มีเคราะห์กรายกล้ำ...เป็นดวงเหนือดวงในตำนาน... แคล้วคลาดตลอดกาล”
เม้งบอกว่าดวงปรมะหายากยิ่งกว่าดวงบ่าวพิฆาตนายอย่างเขาเสียอีกแม้แต่อาจารย์ของตนก็ไม่เคยเห็นในกลอนถึงบอกว่า “เป็นดวงในตำนาน” โจบอกว่าตนเจอคนหนึ่งเขาบอกว่าเขามีดวงปรมะ
“บอกได้เลยว่าของปลอมเจ้าของดวงนี้มักจะเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์คนธรรมดาเป็นไม่ได้หรอก”
โจคิดอะไรครู่หนึ่งขอบคุณเม้งจิตทิพย์แล้วลากลับ
ooooooo
ระหว่างเอารถเข้าอู่โจชวนป๋องไปวัดที่เกิดอุบัติเหตุแล้วภาคย์รอดอวดอ้างว่าเพราะตนเป็นคนดวงปรมะจึงรอดปลอดภัยปรากฏว่าที่วัดยังซ่อมค้างอยู่ถามพระที่นั่นจึงรู้ว่าผู้รับเหมารับเงินแล้วทิ้งงานค้างอยู่อย่างนี้เป็นปีแล้ว
เหตุการณ์ที่เกิดอุบัติเหตุเมื่อวานเพราะมีผู้รับเหมารายใหม่มาขอดูงานก่อนพาคนงานมาตั้งนั่งร้านอะไรวุ่นวายไปหมดทำโน้นทำนี่ได้แค่วันเดียวก็ไปเลยโจเดินเข้าไปดูสถานที่เห็นมีรอยกากบาทเป็นเครื่องหมายป๋องถามว่ารอยอะไร
“ตรงนี้เป็นจุดที่ภาคย์อยู่ตอนแรกแปลว่ามีการคำนวณไว้แล้วว่าตรงนี้เป็นจุดปลอดภัยจุดที่หนึ่งหลังจากนั้นก็เดินมาหยุดจุดที่สองแล้วค่อยปล่อยนั่งร้านล้มลงมาอีกชุด” ป๋องคาดว่าภาคย์ทำเพื่อให้โจเชื่อว่าเขามีดวงปรมะ “ไม่เกี่ยวกับฉันคนที่มันต้องการให้เชื่อจริงๆคือคุณวนิ”
ขณะนั้นเองโจได้รับโทรศัพท์จากช่างแจ้งว่ารถซ่อมเสร็จแล้วบอกโจว่าเขาโดนแกล้งเพราะจุดที่เสียนั้นไม่ได้เสียเองแต่เสียเพราะฝีมือคนถามโจว่าไปทะเลาะอะไรกับใครหรือเปล่าโจนิ่วหน้าคิดหนักอึดใจเดียวก็ระแวงว่าเป็นวนิษา
ฝ่ายวนิษาไปตรวจงานที่รีสอร์ตเสร็จสั่งผู้จัดการให้แจ้งพนักงานได้เลยว่าจะดำเนินการต่อให้ทุกคนทำงานต่อไปได้ผลประโยชน์และสวัสดิการทุกอย่างเหมือนเดิม
แต่พอเธอจะกลับก็เจอภาคย์ที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาถ่ายรูปดอกไม้ในรีสอร์ตเขาแกล้งทำเป็นแปลกใจและดีใจที่ได้เจอเธอที่นี่ภาคย์บอกว่าเวลาว่างตนก็จะขี่มอเตอร์ไซค์ออกต่างจังหวัดถ่ายรูปเล่นบ้างแต่งเพลงบ้างและคุยกับชาวบ้านบ้างวนิษาถามว่าแล้วคืนนี้จะพักที่ไหนชวนพักที่นี่ไหมจะให้จัดห้องพิเศษให้พักฟรี
“ขอบคุณครับแต่ไม่เอาดีกว่าผมไปของผมเรื่อยๆดีกว่าครับกำลังสนุกไม่อยากหยุดพัก” แล้วทำทีชวน “เอางี้ดีกว่าเดี๋ยวผมพาคุณวนิษาไปหาอะไรร้านอร่อยๆแถวนี้กินกันดีไหมแถวนี้ผมมาบ่อยร้านอร่อยอยู่ตรงไหนผมรู้หมด” เมื่อวนิษาไม่ขัดข้องเขาบอกให้ขับรถตามไปเลย
ooooooo
เมื่อรู้ว่าดวงปรมะนั้นเป็นเรื่องโกหกและได้ไปดูสถานที่เกิดอุบัติเหตุที่วัดแล้วโจเป็นห่วงวนิษาไปรับรถแล้วตะบึงไปป๋องติงว่ารอให้วนิษากลับมาก่อนไม่ดีหรือ
“มันลงมือทำให้รถเสียเพื่อกันฉันออกมาแปลว่าวันนี้มันต้องทำอะไรสักอย่างแน่ๆ” โจชี้แจงป๋องถามว่าโทร.เตือนวนิษาไม่ได้หรือโจบอกว่าทั้งเรื่องดวงปรมะและอุบัติเหตุเราไม่มีหลักฐานแน่ชัดเรื่องรถที่ถูกแกล้งยิ่งไม่รู้ว่าฝีมือใคร
โจไปถึงรีสอร์ตก็เข้าไปแนะนำตัวกับผู้จัดการว่าตนเป็นลูกน้องวนิษาอ้างว่าจะเอาเอกสารมาให้เซ็นพอรู้ว่า
วนิษาออกไปทานข้าวกับเพื่อนได้ราวชั่วโมงแล้วโจยิ่งร้อนใจพอจะออกไปผู้จัดการนึกได้เรียกเขาแล้วบอกว่า
“รู้สึกเพื่อนเธอจะชื่อภาคย์หรือไงนี่แหละครับ”
“ไอ้ภาคย์!” โจพึมพำเครียดแล้วรีบวิ่งไปขึ้นรถขับไปยังรีสอร์ตที่ภาคย์พาวนิษาไปกินข้าวโจแอบเข้าไปในรีสอร์ตเดินหาจนเห็นภาคย์กับวนิษานั่งอยู่ในห้องอาหารพอลัดเลาะเข้าไปดูใกล้ๆก็พึมพำ “ก็ดูปกติดีนี่หว่า...”
เมื่อไม่พบพิรุธอะไรโจกำลังจะถอยพลันก็ชะงักเมื่อเห็นไซรินจ์ใต้โต๊ะอาหารโจส่องกล้องดูให้ชัดแล้วดูอาหารบนโต๊ะล้วนแต่เป็นของเผ็ดทั้งสิ้นเขานึกออกทันทีว่าเป็นแผนให้วนิษาเผ็ดแล้วกินน้ำที่วางยาไว้โจเครียดคิดหาทางแก้ปัญหาเห็นวนิษายกน้ำจะดื่มก็ยิ่งร้อนใจตัดสินใจวิ่งไปที่รถของเธอกระโดดถีบรถทีเดียวสัญญาณกันขโมยก็ลั่นขึ้น
วนิษารีบออกมาดูรถผู้คนต่างก็หันมาดูรถโจแอบเข้าไปหยิบไซรินจ์สลับแก้วน้ำกันแล้วรีบหลบออกไป
วนิษาบอกภาคย์ว่ารถคันนี้ไม่ค่อยได้ใช้ระบบกันขโมยคงจะรวนแล้วชวนกันกลับมากินอาหารต่อโจแอบดูลุ้นให้ภาคย์ดื่มน้ำแก้วที่สลับกับของวนิษาวนิษาเองก็ดื่มน้ำเพราะอาหารเผ็ดภาคย์มองอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องกับแผนการของตนส่วนโจก็แอบหัวเราะสะใจที่ภาคย์ดื่มน้ำของวนิษาจนหมดแก้ว
อึดใจเดียวภาคย์ก็หลับคาโต๊ะถูกหิ้วปีกไปห้องพักที่วนิษาสั่งเปิดให้เธอคิดว่าเขาคงอดนอนมาหลายวันด้วยความเป็นห่วงเธอขอเปิดอีกห้องเพื่ออยู่ดูแลเขาแต่รีสอร์ตกำลังซ่อมแซมเหลืออยู่เพียงห้องเดียวเธอจึงจำต้องอยู่ห้องเดียวกับภาคย์
โจยิ่งหงุดหงิดกลัวภาคย์ตื่นขึ้นกลางดึกแล้วจะหื่นกับวนิษาฉวยโอกาสตอนที่วนิษาออกไปกับผู้จัดการเข้าไปเอายาที่เหลือในไซรินจ์บีบปากภาคย์แล้วอัดยาเข้าไปจนหมดไซรินจ์
“หลับให้ถึงเช้าเลยนะถ้าตื่นกลางดึกล่ะก็ แกตาย!”
แต่โจก็ยังไม่วางใจปีนขึ้นไปแอบนั่งใต้หน้าต่างคอยฟังเสียงข้างในทั้งคืน
รุ่งขึ้นภาคย์ตื่นขึ้นมาเขาสำรวจตัวเองพบว่าเสื้อผ้ายังอยู่ปกติวนิษาถามว่าเป็นอย่างไรบ้างเพราะเมื่อวานจู่ๆเขาก็หลับคาโต๊ะอาหารภาคย์พึมพำสงสัยว่าตนอาจกินน้ำผิดแก้วพอวนิษาถามว่าอะไร เขากลบเกลื่อนว่าไม่มีอะไรและขอบคุณเธอวนิษายิ้มให้เขาพูดสบายๆว่า “ไม่เป็นไรค่ะไม่ใช่เรื่องใหญ่ค่ะ”
กลับถึงกรุงเทพฯภาคย์ไปพบพจน์ที่คอนโดหญิงจุ๋มพอพจน์รู้ว่าเมื่อคืนผิดแผนก็หน้าตึงเตือนภาคย์ว่า
“ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ขอเตือนแกไว้นะ
ไอ้ภาคย์แกมันเด็กกำพร้าไม่มีเส้นสายไม่มีความรู้ความสามารถอะไรถ้าแกเป็นผัวยัยนิษาไม่ได้ชีวิตแกก็จะไม่มีอะไรทั้งนั้นแกจะได้เป็นราชาหรือยาจกก็ขึ้นอยู่กับเรื่องนี้เข้าใจไหม”
“เข้าใจครับที่ผ่านมาชีวิตผมเจอแต่คนเอารัดเอาเปรียบกดขี่สารพัดกว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ไม่รู้โดนเหยียบมาเท่าไหร่ไม่มีใครเคยห่วงใยผมจริงๆหรอก”
“แล้วก็จะไม่มีวันมีด้วยถ้าแกไม่มีเงินเพราะฉะนั้นหาทางแต่งงานกับยัยนั่นแล้วก็เชือดมันซะเร็วๆเข้าใจไหม” ภาคย์นิ่งแต่แววตาสับสน
ooooooo
ที่บ่อน...ขณะรอวนิษาโจอ่านหนังสือพิมพ์พบว่าหมอเม้งจิตทิพย์ไปออกบูธงานการกุศลที่โถงโรงแรมเคเจยู
พอวนิษาลงมาโจถามว่าจะไปไหนดีเธอบอกให้นึกที่ทานข้าวกลางวันอร่อยๆให้หน่อยโจจึงแนะนำให้ไปทานที่โรงแรมเคเจยูอย่างมีแผน
วนิษาหยิบมือถือออกมากดแมสเสจส่งออกไปถึงโรงแรมไม่นานภาคย์ก็มาถึงโจยืนมองห่างๆอย่างคอยจังหวะเมื่อภาคย์บอกว่าตนไม่เคยมาที่นี่ให้วนิษานำไปเธอเองก็ไม่เคยมาจึงให้โจนำแทน
โจแกล้งพาทั้งสองเดินผ่านบูธของหมอเม้งจิตทิพย์แล้วแนะนำภาคย์ให้รู้จักหมอเม้งภาคย์ร้อนๆหนาวๆเร่งวนิษาให้ไปกันดีกว่าตนหิวแล้วโจรีบแนะนำเสียงดังว่า
“คุณภาคย์นี่ไม่ธรรมดาเลยนะครับอาจารย์เม้งมีคนทักว่าเขามีดวงปรมะด้วย” เม้งสนใจมากภาคย์รีบออกตัวว่าตนก็ไม่รู้แต่มีคนเขาพูดกันอย่างนั้นโจรีบลุ้น “งั้นก็เป็นโอกาสดีเลยสิครับคุณภาคย์ให้อาจารย์เม้งช่วยตรวจสอบให้เลย”
ภาคย์พยายามเลี่ยงอ้างว่าเกรงใจเพราะตนเป็นแค่เด็กกำพร้าเท่านั้นส่วนเม้งก็กระตือรือร้นอยากลองวิชาอีกทั้งโจและวนิษาช่วยลุ้นภาคย์เลยจำต้องให้เม้งดูเม้งดูแว่บเดียวก็ถึงกับเหงื่อแตกตื่นเต้นประหม่าขอวันเดือนปีเกิดของภาคย์ไปดูพลันเม้งก็คุกเข่าตรงหน้าภาคย์โค้งคำนับจนหน้าผากแตะพื้นทุกคนมองอึ้ง!
“ขอคำนับท่านท่านคือเทวดาในหมู่มนุษย์ท่านคือดวงปรมะดวงของยอดคนท่านคือคนเหนือคนเป็นบุญของผมที่ได้รู้จักท่าน” ภาคย์ทำหน้าไม่ถูกติงว่าตนไม่ใช่ตัวตลกนะ “ไม่ใช่แบบนั้นคุณคือดวงปรมะจริงๆ” เม้งยืนยันกับทุกคนว่าภาคย์คือดวงปรมะคือคนเหนือดวงย้ำว่า “คุณคือดาวฤกษ์ที่รอวันจรัสแสง”
ภาคย์หัวเราะบอกว่าตนจะจำคำของเม้งไว้วันไหนที่ตนจรัสแสงก็จะกลับมาตอบแทนคำพยากรณ์ของเขาวันนี้
“ไม่จำเป็นแค่ได้เห็นคุณก็ถือเป็นบุญของผมแล้ว... ขอถ่ายรูปที...” เม้งส่งมือถือให้โจถ่ายรูปให้เขาชูสองนิ้วข้างๆภาคย์อย่างภูมิใจโจงงแล้วงงอีกถ่ายรูปให้เม้งกับภาคย์เสร็จก็ยังไม่หายงงเมื่อพนักงานโรงแรมมารับทั้งสองพาไปยังร้านอาหารในโรงแรมโจที่ยังไม่หายงงก็กลายเป็นเครียดทันที
โจแอบไปพบเม้งที่ห้องน้ำชายต่อว่าเม้งว่าตนนึกว่าเม้งเป็นหมอดูที่มีจรรยาบรรณที่แท้ก็ขายตัวได้เหมือนกันถามว่าภาคย์ให้เงินเท่าไหร่
เม้งยืนยันว่าภาคย์มีดวงปรมะจริงๆแล้วเป็นฝ่ายเตือนโจว่า
“ผมขอเตือนคุณนะถ้าคุณเป็นศัตรูกับคุณภาคย์คุณนั่นแหละจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ย่อยยับเสียเองในโลกนี้ไม่มีใครเป็นศัตรูกับเขาได้นี่คือดวงของผู้ยิ่งใหญ่ภายในสิบปีนี้ไม่ใช่แค่ประเทศไทยแต่ทั่วโลกต้องรู้จักเขาผมเอาหัวเป็นประกันไม่เชื่อคุณคอยดูแล้วกัน” เม้งยืนยันแล้วเดินออกไป
“คนอย่างไอ้ภาคย์เนี่ยนะ” โจอึ้งมึน
ooooooo
เมื่อเข้าไปนั่งในร้านอาหารภาคย์สารภาพรักกับวนิษาเขาเอาแหวนเพชรมาขอเธอแต่งงาน
วนิษาพูดอ่อนโยนอย่างถนอมน้ำใจว่าตนเองก็รู้สึกดีกับเขาแต่เร็วเกินไปเพราะเราเพิ่งรู้จักกันภาคย์จับจุดอ่อนของเธอขึ้นมาเว้าวอนว่า
“ผมสัญญาว่าผมจะดูแลคุณอย่างดีเราจะสร้างครอบครัวด้วยกันครอบครัวเล็กๆมีพ่อมีแม่แล้วก็ลูกๆครอบครัวของเราจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะมันจะเป็นครอบครัวที่อบอุ่นที่สุดเราจะสร้างครอบครัวนี้ขึ้นด้วยกัน...” พูดแล้วเห็นวนิษาลังเลภาคย์รุก “แต่งงานกับผมนะครับคุณวนิษา”
วนิษาพูดถึงคนที่แต่งงานกับตนแล้วมีอันเป็นไปภาคย์พูดแข็งขันว่าตนเป็นดวงปรมะดวงที่ต่อให้ชะตาร้ายก็ทำอะไรตนไม่ได้เห็นวนิษาเงียบเขาอ้อน “แต่งงานกับผมนะครับ”
“ฉันขอเวลาคิดอีกสักนิดเถอะนะคะ” ภาคย์ถามว่ากี่นาที “สักสองเดือนแล้วกันค่ะ”
“นานไปครับผมให้เวลาคุณหาคำตอบสามวันแล้วกันนะครับ” วนิษาอุทานว่าสามวันเอง? “สำหรับผมสามวันนี้คงยาวนานเหมือนสามล้านปีเลยนะครับ”
“ค่ะสามวันก็สามวันค่ะ” วนิษายิ้มให้เขานัยน์ตาสับสนส่วนภาคย์ยิ้มกว้างดีใจมีความหวังเต็มที่
ระหว่างนั่งรถกลับวนิษาบอกโจว่าภาคย์ขอตนแต่งงานโจย้ำคำตกใจวนิษาพูดอย่างคาดหวังว่า
“นี่เป็นโอกาสที่ฉันอาจจะไม่ได้เจออีกเลยในชีวิตนี้” โจถามว่าโอกาสอะไร? “โอกาสที่จะเจอผู้ชายที่มีดวงปรมะผู้ชายที่ฉันแต่งงานด้วยแล้วเขาจะไม่ตาย”
โจถามว่าเธอแต่งงานด้วยเหตุผลแค่นี้หรือวนิษาบอกว่าเขารักตนโจย้อนถามว่าแล้วเธอรักเขาหรือเปล่าวนิษาเงียบโจถามว่าแล้วเธอตอบเขาไปอย่างไร? วนิษาบอกว่าตนขอคิดดูก่อน
“ผมว่าปฏิเสธไปเลยดีกว่าครับ”
“ไม่หรอกฉันรู้ตัวว่าฉันแค่ยื้อเวลาสุดท้ายแล้วฉันต้องตอบตกลง” โจถามว่าโดยที่เธอไม่ได้รักเขาเลยหรือ? “ฉันอยากมีครอบครัวฉันไม่อยากไปงานศพหลังงานแต่งงานอีก”
“คุณวนิเชื่อผมสิโลกนี้ไม่มีดวงกินผัวไม่มี ดวงปรมะ”
“คุณเคยหลอกฉันได้ครั้งหนึ่ง...แต่คงได้แค่ทีเดียว” โจถามว่าถ้าตนพิสูจน์ได้ว่าไม่มีจริงล่ะ? “คุณพยายามมาตั้งนานแล้วแต่ก็ไม่สำเร็จไม่ใช่เหรอคุณไม่ได้เบาะแสอะไรเพิ่มเลยว่าสามีทั้งสามคนของฉันตายเพราะอะไร”
โจขอเวลาอีกหนึ่งเดือนวนิษาบอกว่าเธอขอเวลาภาคย์ไว้แค่สามวันเท่านั้น
“ตกลงสามวันผมจะพิสูจน์ให้คุณดูว่าไม่มีดวงกินผัว” โจรับคำหนักแน่นมุ่งมั่น
“ถ้าคุณทำได้ฉันจะแต่งงานกับผู้ชายที่ฉันรัก”
“และเขารักคุณ”
ทั้งสองสบตากันแน่วนิ่ง...
ooooooo










