ตอนที่ 11
อัลบั้ม: 'เต๋อ' หยอดมุขฮาจีบ 'มาร์กี้' จับตา 'ผู้กองยอดรัก' ม้ามืดกวาดเรตติ้ง
หมู่ทองนำกำลังออกลาดตระเวน ตัวเองเหยียบทุ่นกองโตที่ใครมาปล่อยทิ้งไว้ไม่รู้แต่ยังใหม่อยู่ ทำให้รู้ว่าที่นี่เพิ่งมีคนผ่านไป พอไปอีกครู่หนึ่ง ก็พบก้นบุหรี่ที่ยังอุ่นๆอยู่ ทุกคนตึงเครียด ระวังตัวเต็มที่
ที่อีกมุมหนึ่ง เสี่ยโบ้กำลังสั่งการเซ้งให้ขนยาบ้าที่ซ่อนอยู่ในถ้ำขึ้นรถหกล้อ กำชับว่า
“อย่าให้มีอะไรผิดพลาดเด็ดขาด คืนนี้ของทั้งหมดต้องถึงมือลูกค้า”
เมื่อขนของขึ้นรถเสร็จ เสี่ยโบ้กำลังจะกลับ ก็ถูกทหารยิงทันที หลังจากยิงแล้วทหารก็กระจายกำลังโอบล้อมรถเสี่ยโบ้ไว้ คนขับตะบึงรถจะฝ่าไปให้ได้ พันตามไปยิงล้อแต่ไม่สำเร็จ
ในที่สุดเสี่ยโบ้ก็ให้ลูกน้องขับรถฝ่าวงล้อมหนีไปได้ แต่ทหารก็ยึดรถหกล้อที่ขนยาบ้าได้ พอเห็นยาบ้าทุกคนตะลึง
“ถ้ายานรกลอตนี้หลุดออกไปได้ คงสร้างปัญหาให้กับประเทศชาติเยอะเลย” พันเอ่ย
ทุกคนเห็นด้วยต่างเคียดแค้นฮึกเหิม เลือดทหารสูบฉีดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ยาบ้าที่ยึดได้ถูกนำมากองแสดงที่ลานหมู่บ้าน พันขอบคุณผู้ใหญ่บ้านที่ให้เบาะแสจนพวกตนบุกไป
ยึดของกลางพวกนี้ได้ แต่พันก็เสียดายที่ตัวหัวหน้ามันหนีไปได้
“ถึงจับได้ เดี๋ยวก็มีรายใหม่มาอีก ไม่ต้องอะไรหรอก แค่ทหารกลับไป มันก็มาใหม่กันแล้ว” ผู้ใหญ่บอก
“อย่าเพิ่งท้อสิคะผู้ใหญ่ ถ้าเราท้อเสียคนนึง แล้วลูกหลานเราอีกตั้งเท่าไหร่ที่ต้องตกเป็นทาสของยาเสพติดพวกนี้” ผู้กองให้กำลังใจ ผู้ใหญ่หันมองชาวบ้าน รู้สึกมีกำลังใจขึ้นที่มีทหารมาช่วยอีกแรง
ooooooo
พวกพันและทหารช่วยกันซ่อมแซมบ้านเรือนชาวบ้านที่ถูกพวกค้ายายิงเสียหาย ขณะทุกคนกำลังทำงานกันอย่างจริงจังนั้น ผู้กองฉวีผ่องกับหมวดอัจฉราก็หิ้วตะกร้าของกินมา เรียกทหารให้พักกินข้าวกันก่อน
พันรีบเดินไปหาผู้กองเอ่ยอย่างเกรงใจว่า
“ทีหลัง ผู้กองไม่ต้องเอามาหรอกจ้า เดี๋ยวถึงเวลาพวกฉันก็ไปหากินเองได้จ้า”
“จริงครับ งานพวกนี้ไม่ใช่หน้าที่ผู้กอง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพลทหารพวกนี้ดีกว่านะครับ” ผู้พันสุทธิสารเข้ามาแทรกทันที ผู้กองตอบผู้พันอย่างไม่ชอบใจนักว่า
“แต่ฉันกับอัจเต็มใจช่วยค่ะ ตรวจคนไข้เสร็จแล้ว ได้มายืดเส้นยืดสายบ้างก็คลายเครียดดีนะคะ”
ผู้พันสุทธิสารหน้าแตก หันมองอัจฉรา ก็ถูกเมินไปทางอื่นเพราะยังเคืองที่ถูกผู้พันว่าอย่างเจ็บแสบ อัจฉราหันไปบอกบรรดาทหารว่า ใครไม่อิ่มเติมได้เพราะทำไว้เยอะเลย
ผู้พันสุทธิสารเหวอ ยืนเก้ๆกังๆอย่างโดดเดี่ยว
มองไปอีกทางเห็นพันนั่งกินข้าวกับผู้กองอย่างยิ้มแย้มแจ่มใสก็ยิ่งเสียความรู้สึก เลยเดินหงอยๆเลี่ยงไปอีกทาง
อัจฉราจับตาดูอยู่ เห็นแล้วก็อดสงสารผู้พันไม่ได้ จึงเดินตามไปที่ศาลา เอาข้าวห่อให้กิน บอกว่า
“ผู้พันไม่กินก็ได้นะ จะได้เอาไปให้คนอื่น”
“ใครบอกว่าจะไม่กิน ขอบใจนะหมวด” ผู้พันรีบรับห่อข้าว พออัจฉราจะเดินไป ผู้พันเอ่ยตามหลัง “ผมขอโทษ”
“ว่าไงนะ ได้ยินไม่ถนัด” อัจฉราทั้งอยากแกล้งทั้งไม่เชื่อหูตัวเอง
“ผมบอกว่าผมขอโทษที่พูดจาไม่ดีกับหมวด เอ่อ...ผมผิดเอง หมวดยกโทษให้ผมนะ”
“ฉันลืมไปแล้ว จริงๆผู้พันอาจจะพูดถูกก็ได้ คนปากเสีย กินจุ ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน นิสัยแย่ๆอย่างฉันคงไม่มีใครชอบฉันจริงๆอยู่แล้ว”
ผู้พันแซวว่านี่ขนาดลืมไปแล้วยังจำได้ทุกเม็ดเลย อัจฉราบอกว่าถ้าไม่มีอะไรตนขอตัว
“จริงๆแล้วหมวดไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอก หมวดเป็นคนมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ใครอยู่ใกล้ก็ชอบหมวดทั้งนั้นแหละ ที่ผมว่าหมวดก็เพราะผมโมโห แต่จริงๆแล้ว หมวดเป็นคนดีนะ” พูดจบก็เดินเซื่องๆไป
อัจฉราเขินเพราะไม่เคยได้รับคำชมเชยอย่างนี้จากผู้พันมาก่อนเลย ประหม่าจนเดินสะดุดรากไม้หัวทิ่ม
“โห...สะดุ้งมุก สะดุดเลย ผู้พันเขาจะมาไม้ไหนเนี่ย ชมกันต่อหน้าอย่างนี้ฉันก็ไปไม่เป็นสิ”
ooooooo
จู่ๆขวัญสาวที่มาอ่อยอ่ำวันก่อนก็โผล่มากวักมือเรียกอ่ำที่เข้าไปดื่มน้ำในเต็นท์ อ่ำตาลุกบอกตัวเองว่า ลาภลอยมาอีกแล้ว อ่ำแว่บไปหาขวัญทันที
ขวัญพาอ่ำเดินเลี่ยงไปที่ลับตา อ่ำกรุ้มกริ่มถามว่ามีธุระอะไรหรือ ถึงได้พามาถึงนี่? ขวัญทำเขินอาย แต่ถามว่า
“เมื่อคืนได้ยินพวกชาวบ้านบอกว่า มีทหารไปสกัดเส้นทางส่งยาด้วยเหรอจ๊ะ”
อ่ำโม้ว่าตนนี่แหละฮีโร่ตัวเป็นๆเลยล่ะ ขวัญล้วงความลับว่า แบบนี้พอภารกิจเสร็จอ่ำก็ต้องไปจากหมู่บ้าน แล้วเราก็คงไม่ได้เจอกันแล้วใช่ไหม
“ยังหรอกจ้ะ พวกพี่ยังต้องอยู่ปฏิบัติภารกิจต่อจนกว่าจะจับไอ้ตัวหัวหน้าแก๊งค้ายาให้ได้ น้องขวัญไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ พี่ยังมีเวลาให้น้องขวัญอีกนาน...ว่าแต่ไหนๆพี่ก็มีเวลาอยู่ที่นี่อีกสักพัก เรามาหาอะไรทำสนุกๆ กันดีกว่าไหม”
อ่ำชวนขวัญลงเล่นน้ำ ไม่รู้ว่าถูกนุ้ย สืบ และ พรหมมาตามมาแอบดู บ้างอิจฉา บ้างโกรธแทนกระรอก นุ้ยเชื่อว่างานนี้ถ้ากระรอกรู้อ่ำชะตาขาดแน่ๆ
งานนี้ไม่ทันต้องถึงกระรอก เพราะหมู่ทองตามมาเจอ สวมรอยเป็นขวัญจับอ่ำได้ ขยุ้มคอถาม
“เอ็งกล้านอกใจนังกระรอกเหรอได้อ่ำ เอ็งตาย!!!”
นาทีนี้พวกนุ้ย สืบ และพรหมมาที่แอบดูอยู่ต่างสยองกับชะตาของอ่ำ
ooooooo
คุณนายไฉววงศ์ช่วยป่าวประกาศให้ช่วยกันบริจาคของเพื่อเอาไปช่วยพวกผู้กองฉวีผ่องที่ออกปฏิบัติหน้าที่ในถิ่นทุรกันดาร ทั้งกระรอกและศรีวันนำของบริจาคไปให้ที่บ้าน
ทั้งสองถามว่าคุณนายบริจาคอะไรบ้าง คุณนายบอกว่าตนออกแรงก็เท่ากับช่วยบริจาคแล้ว
ฝ่ายกำนันกับแม่จันทร์กลับไปอยู่บ้านแล้ว แม่จันทร์คิดถึงพัน กำนันจึงซื้อไอแพดให้มาติดตามสถานการณ์ พอคุณนายรู้ว่าที่ส่วนหน้ามีการปะทะกันก็ร้องไห้รำพึงรำพันไม่รู้ว่าไอ้หมาของตนจะเป็นอย่างไรบ้าง
“จะเป็นยังไง มันก็กินอิ่มนอนหลับน่ะสิ ข่าวเขาก็บอกแล้วว่าทหารปลอดภัยทุกคน” แม่จันทร์ยังไม่หายห่วง กำนันพูดจริงจังว่า “ไอ้หมามันเป็นทหาร มันมีหน้าที่ต้องไปทำเพื่อชาติ ถ้าปล่อยไว้ ยาบ้า ยาเค ยาไอซ์ยาเลิฟ ก็เต็มเมืองน่ะสิ แล้วประเทศชาติจะอยู่กันยังไง เราเป็นพ่อแม่ มีหน้าที่ให้กำลังใจลูก ไม่ใช่ร้องไห้ฟูมฟายให้ลูกมันห่วงหน้าพะวงหลัง”
กำนันพูดจนแม่จันทร์หยุดร้องไห้ ทึ่งในความรักชาติของกำนัน แต่กำนันเองพอพูดเสร็จก็เบือนหน้าซ่อนน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่เพราะเป็นห่วงพันเหมือนกัน
ooooooo
เสี่ยโบ้ส่งยาไม่สำเร็จ ถูกนายทุนด่าทอต่อว่า เสี่ยชี้แจงว่า
“ผมบอกแล้วไงว่ามันเป็นเหตุสุดวิสัย ไอ้ทหารพวกนั้นมันดันมาได้ยังไงไม่รู้...ว่าไงนะ...โธ่ใจเย็นๆก่อนสิ ผมรับรองว่าคราวหน้าจะไม่เป็นแบบนี้แน่...เดี๋ยวสิ... ฮัลโหล...ฮัลโหล...”
เสี่ยโบ้วางสายด่าอย่างเจ็บใจ “โธ่เว้ย...ไม่ฟังกันบ้างเลยวะ มาขนเองไหมล่ะ” เซ้งถามว่าจะเอาอย่างไรดี
“จะเอายังไง ภายในสามวัน สินค้าจะต้องพร้อมส่ง ถ้าไม่ได้ตามนี้ละก็...ข้าจะจัดการพวกเอ็งให้หมด แล้วนี่นังตัวดีหายหัวไปไหน ใช้ให้ทำงานแค่นี้ทำไมยังไม่มาอีก”
“ฉันมาแล้วจ้ะ พร้อมกับข่าวที่เสี่ยต้องการ” เสียงขวัญแจ๋เข้ามา
เสี่ยโบ้มองหน้าขวัญถมึงทึงเพราะกำลังรอข่าวอยู่อย่างใจจดจ่อ
แล้วขวัญก็นำทางพาพวกโจรไปเล่นงานทหาร พอเห็นหมู่ทองเล่นงานอ่ำอยู่ก็ส่งสัญญาณให้พวกโจรออกโจมตี
อ่ำถูกโจรเล่นงานล้มลงก็กำดินซัดใส่หน้ามัน พอมันเสียจังหวะพันก็พุ่งเข้าชก คนอื่นๆรุมกันเข้าตะลุมบอน ขวัญเห็นท่าไม่ดีเลยวิ่งหนีไป
พวกพันเล่นงานพวกโจร แย่งปืนมันมาได้ก็ได้เปรียบ จนพวกโจรต่างยอมแพ้
“จับพวกมันมัดไว้ก่อนแล้วค่อย...”พันสั่ง พลันก็ฉุกคิดเป็นห่วงผู้กองขึ้นมา พันวิ่งกลับไปที่ค่ายพร้อมปืนที่ยึดได้ท่ามกลางความงุนงงของทุกคน
ooooooo
ทหารคนหนึ่งวิ่งหน้าตื่นมาบอกที่หน่วยแพทย์ว่าเราโดนไอ้พวกนั้นบุกโจมตี ผู้พันถล่มพันกับเพื่อนทันทีว่าหายไปไหนกันหมดทำไมไม่มาปฏิบัติหน้าที่
ในภาวะคับขันที่พันไม่อยู่นี้ ผู้พันฉวยโอกาสทำคะแนน บอกผู้กองฉวีผ่องว่าไม่ต้องกลัว ตนจะปกป้องเธอเอง อัจฉรายืนมองอยู่ยิ่งรู้สึกน้อยใจที่ตนไม่อยู่ในสายตาผู้พันเลยแม้แต่น้อย
เสี่ยโบ้ฮึกเหิมมาก สั่งลูกน้องให้จัดการทหารให้หมดแล้วจับชาวบ้านมารวมตัวกัน หารู้ไม่ว่าพันย่องมาถึงพอดี พันลังเล เพราะผู้กองก็อยู่ในอันตราย ชาวบ้านก็กำลังเดือดร้อน และแล้วหมู่ทองก็ตามมาทัน หมู่ทองบอกพันว่า
“ไอ้พัน ทางนี้พวกข้าจัดการเอง เอ็งไปดูผู้กองเถอะ”
“ฝากด้วยนะ” พันบอกหมู่ทองแล้ววิ่งไปที่เต็นท์แพทย์ทันทีที่เต็นท์หน่วยแพทย์ ผู้พันสุทธิสารเร่งหมวดอัจฉราให้รีบเก็บเครื่องมือแพทย์ หมวดบอกว่าอยากเร็วก็มาทำเองเลย
“หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ อย่าเพิ่งทะเลาะกันเลยค่ะ” ผู้กองหย่าศึก ผู้พันกับอัจฉราจึงช่วยกันเก็บอุปกรณ์แพทย์ แต่ไม่ทันแล้ว เพราะลูกน้องโจรบุกเข้ามาพร้อมอาวุธ
“ไปเอายาพวกมันมาให้หมด” โจรสั่งลูกน้อง
“อย่านะ เอาไปไม่ได้” หมวดอัจฉราโดดขวางอย่างลืมตายจนผู้พันสุทธิสารตกใจไม่คิดว่าเธอจะกล้าขนาดนี้ ลูกน้องโจรจะตบอัจฉรา ผู้พันตัดสินใจถีบลูกน้องโจรแล้วบุกเข้าตะลุมบอนกับมันจนอัจฉราทึ่งไปเหมือนกัน
ในภาวะคับขันนี้ ทั้งผู้พันสุทธิสาร ผู้กองฉวีผ่องและหมวดอัจฉราช่วยกันต่อสู้กับโจร ปกป้องกันและกัน ผู้กองแย่งปืนจากโจรได้ก็หันกลับไปยิงมันร่วง อัจฉราไม่มีปืนเห็นผู้พันกำลังจะพลาดท่าก็คว้าถาดร่อนใส่โจรจนมันสลบ อัจฉราส่งมือให้ผู้พันฉุดลุกขึ้น ทันใดนั้นโจรคนหนึ่งยกปืนเล็งมาที่อัจฉรา ผู้พันโถมตัวเข้ากอดเธอกลิ้งหลบไปได้เฉียดฉิว
หมวดอัจฉราสบตาผู้พันอย่างซึ้งใจที่ช่วยชีวิตตน ส่วนพันเห็นโจรคนหนึ่งอ้อมไปข้างหลังจะยิงผู้กอง เขาตะโกน
“เฮ้ย! ระเบิด” ทำให้โจรชะงัก พันคว้ามือผู้กองหนีไปทันที กว่าโจรจะรู้ตัวพันกับผู้กองก็หายไปแล้ว
ooooooo
พันจูงผู้กองวิ่งหนีการโจมตีของพวกเสี่ยโบ้มาเจอเสี่ยโบ้กับลูกน้องระหว่างทางพอดี ลูกน้องเสี่ยโบ้คนที่เคยเห็นพันกับผู้กองที่หมู่บ้านแล้วจำพันกับผู้กองได้ มันบอกเสี่ยว่า
“ไอ้สองคนนี้แหละเสี่ยที่มันเอาทหารมาจับหมอผีที่หมู่บ้านเมื่อคราวก่อน”
“กูก็จำได้โว้ยว่าไอ้นี่มันยิงกู จับตัวมันมาเดี๋ยวนี้” เสี่ยโบ้สั่ง แต่พันพาผู้กองหนีเข้าป่าไปแล้ว
เพราะหนีไปด้วยกันสี่คน พันเสนอว่าแยกกันหนีดีกว่าจะได้ไม่ตกเป็นเป้าหมายใหญ่ โดยพันไปกับผู้กองและผู้พันไปกับอัจฉรา ผู้พันไม่ยอม ผู้กองชี้แจงว่าที่ต้องแยกอย่างนี้เพราะพันกับตนเป็นคนที่พวกมันต้องการตัว ตนไม่อยากให้ทั้งสองต้องมาเสี่ยงกับพวกตน
อัจฉราเห็นจวนตัวเพราะเสี่ยโบ้กับพวกกำลังไล่ตามมา เธอเร่งผู้พันให้รีบหนีเพราะพวกมันตามมาโน่นแล้ว อาศัยจังหวะที่ผู้พันเผลอ จับมือวิ่งไปทันที พันก็จูงมือผู้กองวิ่งไปอีกทาง
“แยกกันตามมันไป ลากคอมันมาให้ได้” เสี่ยโบ้สั่ง ลูกน้องเลยแยกเป็นสองกลุ่มไล่ตามผู้กองกับผู้พันไป แต่วิ่งไปได้ไม่นานผู้พันก็ลังเลบอกว่าเป็นห่วงผู้กองจะย้อนกลับไป อัจฉราเลยตัดรำคาญบอกต่อไปนี้ทางใครทางมันก็แล้วกัน พลางจะเดินหนี ทันใดนั้นเสียงปืนดังขึ้น ปรากฏว่าผู้พันสุทธิสารถูกยิงที่ขาจนทรุดฮวบ
อัจฉราหันกลับมาประคองผู้พันหนีผู้พันเสียเลือดมากอ่อนเพลียจนเดินแทบไม่ไหวบอกให้อัจฉราหนีไปเสียเถิด ขืนไปด้วยกันพวกมันตามมาทันแน่
“ไม่ ถ้าจะหนี เราต้องหนีไปด้วยกัน แข็งใจหน่อยนะคุณ มา...เดี๋ยวฉันช่วยพยุงเอง”
อัจฉราประคองพาผู้พันหนีไปจนถึงน้ำตก ยังถูกพวกเสี่ยโบ้ตามมาไม่ลดละ ทั้งสองตัดสินใจกระโดดลงไป ลูกน้องเสี่ยตามมายิงกราดลงไป แต่ทุกอย่างเงียบกริบ พวกมันชะโงกดูก็ไม่มีวี่แววอะไร
ที่แท้อัจฉราและผู้พันพากันไปหลบอยู่ใต้ชะง่อนผา อัจฉราเห็นผู้พันอ่อนแรงจนเหมือนจะหมดสติ เธอจับตัวเขย่า
“ผู้พัน...อย่าเป็นอะไรนะ...ผู้พัน”
พันกับผู้กองหนีเข้าป่าไปทางหน้าผา พันเอาปืนให้ผู้กองแล้วบอกให้หลบอยู่ด้านนี้ ตนจะหลบด้านนั้น ครู่เดียวเสี่ยโบ้ก็ตามมาถึง เสี่ยโบ้โมโหมากที่พันกับผู้กองหายไปจากสายตาแล้ว
หารู้ไม่พันย่องมาด้านหลังลูกน้องเสี่ยโบ้ ประสานมือสับเข้าท้ายทอยมันแล้วยึดปืนไปยิงกราดใส่พวกมันทันที พวกมันหลบกันชุลมุน ยิงแล้วพันหลบเข้าที่กำบัง เสี่ยโบ้แค้นมากตะโกน “ฆ่ามัน!!”
ผู้กองหลบอยู่เห็นพวกเสี่ยโบ้ระดมยิงไปทางที่พันหลบอยู่ เธอยิงสกัด เสี่ยโบ้ถูกยิงเข้าที่ไหล่พวกลูกน้องตกใจรีบไปดู พันจึงวิ่งมาหาผู้กองพากันหนีไป ลูกน้องเสี่ยโบ้วิ่งตามพันกับผู้กองไป ในขณะที่เสี่ยโบ้เอามือกุมแผลมองตามด้วยความแค้น
ผู้กองยิงสกัดพวกโจรจนกระสุนหมด เธอทิ้งปืนวิ่งไปครู่หนึ่งก็เหยียบพลาด พันช่วยฉุดเลยกลิ้งตกเนินดินไปด้วยกัน พวกโจรตามมาถึง มองหาก็ไม่เห็นทั้งสองคนแล้ว
ที่ใต้เนินดิน ผู้กองตกกระแทกจนหมดสติ พันเขย่าร่างเรียกแต่ผู้กองไม่รู้สึกตัวแล้ว จึงอุ้มเธอหลบไปยังที่ปลอดภัย
ooooooo
ที่หมู่บ้าน...หมู่ทองกับอ่ำ พ่อตากับลูกเขยที่ไม่ค่อยถูกชะตากันนัก แต่เมื่อปฏิบัติหน้าที่ปกป้องประชาชน ทั้งสองก็ประสานกันต่อสู้อย่างกล้าหาญช่วยแม่ลูกที่วิ่งหนีโจรมา สืบวิ่งออกไปอุ้มเด็กเข้าที่กำบังอย่างปลอดภัย
เพราะพวกหมู่ทองมุ่งช่วยแม่ลูก เป็นโอกาสให้พวกโจรบุกเข้าไปในหมู่บ้าน แต่ระหว่างนั้นโจรคนหนึ่งวิ่งมาบอกเรื่องเสี่ยโบ้ถูกยิง พวกมันจึงพากันถอยไป
อัจฉราทำแผลดูแลผู้พันที่ได้รับบาดเจ็บ ผ่านการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายและช่วยเหลือดูแลกันอย่างห่วงใย ทำให้มีความรู้สึกดีๆต่อกัน ยิ่งเมื่อได้ทำแผลกันอย่างใกล้ชิด ก็ทำให้ผู้พันมีความสุขอย่างประหลาด
ส่วนพันกับผู้กองที่หลบอยู่ในป่า แม้ผู้กองจะบาดเจ็บและอ่อนเพลียก็ยังเป็นห่วงผู้พันและอัจฉรา จนพันบอกว่า
“ไม่ต้องห่วงเขาหรอกจ้ะ ป่านนี้อาจจะกลับไปค่ายแล้วก็ได้”
จู่ๆก็มีเสียงหมาหอนแว่วมา ผู้กองกระเถิบเข้าหาพัน พันกอดไว้แน่น จนผู้กองรู้สึกตัวบอกให้ปล่อย พันทำหูทวนลมพอผู้กองเสียงดังให้ปล่อย พันก็ทำหน้าตายบอกว่า
“ตอนตกลงมาเมื่อกี้ หูไอ้พันต้องได้รับการกระทบกระเทือนแน่ๆ ไม่ได้ยินอะไรเลย”
“กะล่อน” ผู้กองค้อนอย่างรู้ทัน แต่ก็ปล่อยให้พันกอดอย่างรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย
ooooooo
เสี่ยโบ้กลับถึงค่ายในสภาพเจ็บหนักนอนซม ขวัญบอกลูกน้องเสี่ยโบ้ที่เปิดประตูเข้ามาในห้องว่า
“โดนยิงกระสุนฝังใน คงต้องรีบพาไปหาหมอ”
“แล้วจะไปยังไง เดินทางก็ลำบาก แถมไอ้พวกทหารนั่นมันต้องคอยจับตามองอยู่อีก”
เสี่ยโบ้ถามว่าผู้หญิงที่ยิงตนนั้นเป็นหมอใช่ไหม พอลูกน้องบอกว่าใช่ เสี่ยจิกตาเหี้ยมสั่ง
“ไปล่ามันกลับมา อย่าให้มันหนีไปได้!”
ผู้พันกับอัจฉราหลบอยู่ในถ้ำจนเช้า อัจฉราเอาแขนผู้พันพาดบ่าตนพาเดินจะออกจากถ้ำ พลันก็ชะงักเมื่อได้ยินเสียงคนเดิน อัจฉราจะออกไปดู ผู้พันไม่ยอมให้เธอไปเสี่ยงคนเดียว จึงประคองไปด้วยกัน
ความตึงเครียดปลาสนาการไปสิ้น เมื่อออกมาเห็นหมู่ทองกับพวกอ่ำและชาวบ้านที่มาตามหาพวกตน
พันกับผู้กองก็เดินหาทางกลับค่าย ผู้กองค่อนข้างเครียดกับสถานการณ์ที่ไม่รู้ทิศทาง พันพยายามหยอกล้อร่าเริงให้เธอผ่อนคลาย
ไม่นานทั้งสองก็เจอกับชาวบ้าน ผู้กองดีใจ บอกพันว่า “เรารอดแล้วพัน”
ทันใดนั้นชาวบ้านยกปืนเล็งมาที่ทั้งสอง เพราะที่แท้ มันคือพวกโจรที่ปลอมตัวเป็นชาวบ้านเพื่อไปปล้นเอาตัวหมอไปรักษาเสี่ยโบ้ที่บาดเจ็บกระสุนฝังใน
ooooooo
เมื่อนำตัวพันและผู้กองไปที่บ้านเสี่ยโบ้ ผู้กองดูแผลแล้วแนะนำให้ไปโรงพยาบาลดีกว่า เสี่ยถามว่าไปให้ถูกจับหรือ สั่งผู้กองฉวีผ่องต้องผ่าตัดให้ตน
ผู้กองบอกว่าตนไม่มีอุปกรณ์ติดตัวมาเลย เซ้งบอกว่าตนขนมาได้ส่วนหนึ่งให้หมอดูเอาเองแล้วกัน แต่ขู่ว่า
“ถึงยังไงหมอก็ต้องรักษาเสี่ยให้หาย ไม่งั้นหมอกับไอ้พลทหารนี่ได้ตายก่อนเสี่ยแน่”
“แล้วถ้าพวกฉันรักษาหายจะปล่อยพวกฉันไปใช่ไหม” พันถาม
เสี่ยโบ้กับเซ้งไม่ตอบ แต่ด้วยจรรยาแพทย์ผู้กองตัดสินใจช่วยผ่าตัดให้ ท่ามกลางความแปลกใจปนทึ่งของเสี่ยโบ้
กว่าผู้กองฉวีผ่องจะผ่าตัดเสร็จโดยไม่มียาสลบยาแก้ปวด เสี่ยโบ้ก็หมดสติไปแล้ว พันคอยเป็นผู้ช่วยส่งเครื่องมือแพทย์และคอยเช็ดเหงื่อให้ผู้กองตลอดเวลา แต่เมื่อผ่าตัดเสร็จ ทั้งสองก็ถูกนำตัวไปขังไว้ในห้องหนึ่งพร้อมคำขู่เหี้ยม
“อยู่ในนี้เงียบๆ แล้วอย่าคิดหนีล่ะ ถ้าเสี่ยไม่ฟื้น ก็นับถอยหลังรอความตายได้เลย”
และในคืนนี้เอง พวกผู้พันสุทธิสารก็ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ขณะไปหาของป่าเห็นทหารสองคน ถูกโจรจับตัวไป หมู่ทองถามว่าเห็นหน้าพวกมันไหม
“พวกมันแต่งตัวเหมือนพวกฉันน่ะแหละแต่มีปืน ฉันเดาว่ามันน่าจะเป็นโจร เลยไม่กล้าเข้าไปช่วย พอมาถึงบ้าน ฉันก็รีบวิ่งมาบอกพี่ทหารนี่แหละ”
ooooooo
คืนนี้คุณนายไฉววงศ์ฝันร้ายว่าหนูแดงกับพันถูกพวกโจรยิง ผู้พันผวนปลอบใจคุณนายแต่ตัวเองก็แอบกังวล
รุ่งขึ้น ผู้พันผวนกับเสธฯอู๊ดก็ไปถึงค่ายทหารที่โรงเรียนแล้ว ผู้พันผวนถามหมู่ทองว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง
“ยังไม่มีอะไรคืบหน้าครับ กำลังเสริมที่ขอไปกำลังเดินทางมา ผมส่งกำลังเท่าที่มีอยู่ไปตามหาผู้กองกับไอ้พันแล้ว ตอนนี้พวกไอ้อ่ำก็กำลังไปสืบข้อมูลจากชาวบ้านอยู่ครับ”
ผู้พันผวนพยักหน้าเครียดๆ
เช้าวันเดียวกัน เซ้งเปิดประตูห้องขังเรียกทั้งสองออกไป พันถามว่าจะพาไปไหน เซ้งหัวเราะอารมณ์ดีบอกว่า
“ยังไม่พาไปฆ่าหรอก ไม่ต้องกลัว ถือว่าพวกแกยังโชคดี เพราะตอนนี้เสี่ยฟื้นแล้ว”
พอเข้าไปในห้อง เสี่ยโบ้ชมว่าหมอนี่ก็เก่งเหมือนกันนะ คิดไม่ผิดจริงๆ ที่ให้ไปพาตัวหมอมา ถามว่าแล้วแผลจะหายเมื่อไร ผู้กองบอกว่าอีกสักระยะ แต่ต้องอย่าเคลื่อนไหวเยอะ และพักผ่อนให้มาก
“ไม่ได้หรอก ฉันมีอะไรต้องทำอีกเยอะ มัวนอนป่วยแบบนี้ ทุกอย่างก็เสียหายหมด หมอจัดยาให้ฉันด้วยแล้วกัน”
ระหว่างนั้นขวัญยกอาหารเข้ามาแต่เดินสะดุดอาหารหกซ้ำร้ายหกรดแผลเสี่ยโบ้ด้วย ขวัญถูกเสี่ยโบ้ทำร้ายอย่างรุนแรง สั่งเซ้งให้จับตัวไป จากการปฏิบัติต่อขวัญของเสี่ยโบ้ ผู้กองดูออกว่าฐานะของขวัญเป็นเพียงนางบำเรอของเขาที่ถูกจิกหัวใช้อย่างไร้ความปรานีนั่นเอง
ooooooo
เสี่ยโบ้คุยโทรศัพท์อยู่บนเตียงที่ห้องนอน ถามปลายสายว่าสินค้าลอตใหม่เสร็จแล้วจะส่งอีกทีเมื่อไหร่ดี แล้วเสี่ยก็อารมณ์เสียถามปลายสายเสียงดัง
“ว่าไงนะ! เลื่อนไม่มีกำหนด ได้ไงล่ะคุณ มาเลื่อนง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง...ผมรู้ว่ามันอาจจะเสี่ยง เพราะทหารจับตาดูอยู่ แต่ผมก็วางแผนรับมือไว้แล้ว...อะไรกัน นี่คุณจะไม่รับผิดชอบอะไรหน่อยเหรอ ทำแบบนี้ก็แย่สิ ผมเสียหายนะ...คุณชดใช้ให้ผมเหรอ? ยังไง?”
เสี่ยโบ้ท่าทางโมโหมาก ฟังปลายสายครู่หนึ่งก็วางหูอย่างหงุดหงิด เซ้งถามว่า “ว่าไงครับเสี่ย”
“พวกมันไม่ยอมเสี่ยง ทำเป็นพูดว่าขอเลื่อนไปก่อน ความหมายก็ขอยกเลิกนั่นแหละ ไอ้ขี้ขลาดเอ๊ย...นี่มันก็จะไถ่โทษด้วยการแนะนำเอเย่นต์ฝรั่งมาให้ บอกทางนั้นสนใจและพร้อมเสี่ยง แต่ใครมันจะไปคุยรู้เรื่องวะ”
“แต่ลูกค้าฝรั่งน่าจะกระเป๋าหนักนะครับนาย” เซ้งยุ เสี่ยโบ้ให้ขวัญพาพันกับผู้กองมาทำแผลให้ ระหว่างนั้นมีโทรศัพท์เข้าเป็นเบอร์โทร.จากต่างประเทศ เสี่ยลังเลนิดหนึ่งแล้วรับสาย แต่พอรับสายแล้วพูดกันไม่รู้เรื่อง พันจึงอาสาจะเป็นล่ามให้อ้างว่าตนเคยเป็นไกด์พอพูดได้ ขอแค่ว่าถ้าตนช่วยได้เสี่ยต้องปล่อยตนสองคน เสี่ยโบ้ยอมรับข้อเสนอแต่ขู่ว่าถ้าพันตุกติกอยากรู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น พลางปรายตาไปทางผู้กองฉวีผ่องเป็นนัยๆ
พอรับโทรศัพท์ไป พันพูดคล่องปรื๋อคุยไม่กี่คำก็วางสาย เสี่ยโบ้ถามว่าทำไมเร็วแบบนี้ พูดอะไรบ้าง
“มิสเตอร์จอห์นนี่ ตกลงที่จะซื้อยาจากคุณ อีกเดี๋ยวจะอีเมลมาให้ ให้คุณส่งรายละเอียดและแผนที่ที่ตั้งโรงงานไปให้ เขาจะมารับด้วยตัวเอง”
เสี่ยโบ้มองอย่างไม่เชื่อถือ อย่างจับผิด พันยืนยันว่าตนช่วยจริงๆ แลกกับการปล่อยตัวพวกตนไป ทั้งยังอาสาจะช่วยติดต่อให้แปลเอกสาร ส่งอีเมลอะไรเหล่านี้ ตนทำได้หมด
“ไม่ต้อง! ฉันพออ่านได้ ถ้าไม่ได้ฉันก็เปิดดิกต์ ได้ พวกแกกลับไปได้แล้ว เอาตัวมันไป” เสี่ยโบ้สั่งไม่อินังขังขอบ
พอกลับเข้าห้องขัง ผู้กองถามพันว่าเขามีแผนอะไรกันแน่ พันจะช่วยพวกโจรค้ายาจริงๆหรือ“แค่ช่วยให้พวกมันตายใจต่างหาก ตอนนี้ผู้กองมีประโยชน์กับพวกมันในฐานะหมอ ฉันก็มีประโยชน์กับพวกมันในฐานะล่าม มันคงยังไม่ทำอะไรพวกเราง่ายๆ จนกว่าจะถึงวันนัดเจอไอ้ฝรั่งค้ายานั่น” ผู้กองถามว่าจะทำยังไง บอกตนได้ไหม?
“พวกมันมีโรงงานผลิตยาเสพติดอยู่อีกที่ พอถึงวันที่นัดกับไอ้ฝรั่งนั่น มันต้องพาฉันไปด้วยในฐานะล่าม ฉันจะใช้โอกาสนั้นรวบพวกมันทั้งหมด แถมยังทำลายแหล่งผลิตยาเสพติดของพวกมันได้ด้วย”
“เธอจะทำได้ยังไง ในเมื่อพวกเรามีกันแค่สองคน”
“เราคงต้องหาคนช่วย คนที่พร้อมจะเป็นหนอนบ่อนไส้” พันกับผู้กองมองหน้าช่วยกันคิดว่าจะให้ใครมาช่วยดี?
ooooooo
เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ที่คุณนายไฉววงศ์กับแม่จันทร์ฝันตรงกัน แม่จันทร์เป็นห่วงพัน ชวนกำนัน
มาเยี่ยม พอรู้ว่าพันไปปฏิบัติภารกิจก็ยิ่งเป็นห่วงทนไม่ได้ คุณนายกับแม่จันทร์ตัดสินจะไปหาพันกับผู้กองที่ฐานปฏิบัติการด้วยกัน
กำนันพยายามยับยั้ง แต่สองแม่สามัคคีกันแน่นแฟ้นจะไปให้ได้
รุ่งขึ้นสองแม่ลงมาพบกันต่างบอกว่าพร้อมแล้ว คุณนายบอกว่าเราจะไปพาหนูแดงกลับบ้าน
กำนันบอกให้ใจเย็น อายุปูนนี้แล้วอย่าไปให้โจรมันยิงเล่นเลย ตนรู้ว่าเป็นห่วงลูกแต่ถ้าลงไปยิ่งเป็นภาระให้ทหารเขาห่วงหน้าพะวงหลัง ทำงานไม่สะดวกเปล่าๆ อย่าไปทำให้พวกเขาต้องเสี่ยงอันตรายกว่าเดิมเลย อยู่ฟังข่าวที่นี่แหละเชื่อเถอะ
“แต่ฉันร้อนใจนี่ อยู่เฉยๆไม่ไหวหรอก” แม่จันทร์จะไปให้ได้
“ถ้ารอไม่ไหวก็ไปหาอะไรที่ทำแล้วสบายใจกันดีกว่า” กำนันเสนอ สองแม่สนใจ กำนันเลยพาไปที่ศาลเจ้าแม่บอกว่า “เมื่อพวกเราช่วยอะไรไม่ได้ ก็ต้องขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยอีกแรง...ที่นี่ศักดิ์สิทธิ์มาก เจ้าแม่ช่วยให้หลายคนสมหวังมานักต่อนักแล้ว”
กำนันกล่อมจนสองแม่เชื่อ แม่จันทร์ทุ่มบนเจ้าแม่ไม่อั้น ถูกคุณนายหมั่นไส้ว่าอวดรวย ส่วนตัวคุณนายเอง จะแสดงความจริงใจด้วยการทำความสะอาดศาลให้เจ้าแม่ จะทาสีและเอาต้นไม้ดอกไม้ที่บ้านมาปลูกรอบศาลให้สวยงาม
สองแม่ขัดคอขัดใจหมั่นไส้กันเอง กำนันเลยเป็นตัวแทนขอบนเจ้าแม่ว่า
“ถ้าไอ้พันกับผู้กองฉวีผ่องกลับมาอย่างปลอดภัย พวกฉันสามคนจะแก้ผ้าวิ่งรอบค่ายทหาร 9 รอบถวาย ขอให้เจ้าแม่เมตตาช่วยลูกๆพวกฉันด้วยนะจ๊ะ สา...ธุ”
ผลคือถูกสองแม่รุมเล่นงานเสียอานฐานจู่ๆจะให้มาแก้ผ้าวิ่งโทงๆไปรอบค่ายทหาร
ooooooo
เสี่ยโบ้นั่งเปิดอีเมลจากไอแพด งมภาษาอังกฤษอยู่กับเซ้งที่เปิดดิกต์ทีละคำ...ทีละคำ
ระหว่างนั้นขวัญยกถาดอาหารมาให้เสี่ย เซ้งถามเสี่ยว่าไว้ใจทหารนั่นจริงๆหรือ
“ไว้ใจก็โง่สิวะ แต่ตอนนี้ต้องพึ่งมันก็ต้องยอมไปก่อน เสร็จงานเมื่อไหร่ แกเก็บมันได้เลย” แล้วมองขวัญตวาดอย่างรำคาญ “ชักช้าจริง เสร็จแล้วจะไปไหนก็ไป อย่าลืมเอาอาหารไปให้พวกมันด้วย”
เมื่อขวัญเอาอาหารไปให้พันกับผู้กอง ผู้กองเห็นแผลที่แขนขวัญเหมือนจะอักเสบ ถามว่าเป็นแผลทำไมไม่ใส่ยา
ขวัญบอกว่าปล่อยให้มันแห้งเดี๋ยวก็หาย ผู้กองบอกให้ไปหายามาใส่เสีย ยาแดงอะไรก็ได้
ขวัญพูดอย่างรำคาญว่าขนาดเสี่ยเจ็บยังต้องไปจับตัวหมอมารักษาคิดว่าเรามียาให้รักษาเยอะแยะหรือ ยิ่งตอนนี้เสี่ยบาดเจ็บต้องเก็บไว้ให้เสี่ยใช้ก่อน
ผู้กองบอกว่าขวัญเองก็บาดเจ็บเหมือนกัน เดี๋ยวตนจะไปขอยาให้เอง แล้วเรียกคนข้างนอกบอกว่าอยากได้ยาใส่แผลสด สำลี ปลาสเตอร์ อุปกรณ์ทำแผล ลูกน้องเสี่ยที่เฝ้าอยู่ข้างนอกบอกว่าที่นี่ไม่ใช่ร้านขายยา ไม่มีให้หรอก
ผู้กองบอกก็เอาเท่าที่มี มันบอกต้องขอเสี่ย
“ฉันต้องการเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่เอามาให้ตอนนี้ ฉันอาจจะจ่ายยาผิด จนเสี่ยของนายตายคาที่ก็ได้นะ”
“เออๆๆ เดี๋ยวไปเอาเท่าที่มีมาให้” ลูกน้องเสี่ยรับปากตัดรำคาญ เมื่อได้ยาและอุปกรณ์มา ผู้กองทำแผลให้ขวัญ พูดคุยอย่างมีจิตเมตตาว่า “คราวหน้าเป็นแผลก็ต้องใส่ยานะ จะเป็นเล็กเป็นน้อยก็ต้องใส่ ทุกชีวิตมีค่าเท่ากัน ชีวิตเธอก็มีค่าไม่ต่างกับนายเธอหรอก หรืออย่างน้อยเธอก็มีค่ากับคนที่รักเธอเข้าใจไหม”
ความอ่อนโยนมีเมตตาของผู้กอง ทำให้ขวัญสะเทือนใจหลุดความในใจออกมาว่า
“ไม่มีใครมาห่วงใยใส่ใจฉันหรอก ฉันหายออกจากบ้านมาตั้งนานยังไม่มีใครติดตามหาฉันเลย”
พันฟังแล้วคิดวางแผนจะหนีไปจากที่นี่ขึ้นมาได้
ooooooo
วันรุ่งขึ้น ขณะที่ผู้กองกับพันช่วยกันทำแผลให้เสี่ยโบ้นั้น เสี่ยสั่งพันพรุ่งนี้ให้ไปเป็นล่ามให้ตน ส่วนหมอให้อยู่ที่นี่
เสี่ยโบ้ขู่พันว่าถ้าเล่นไม่ซื่อตนโทร.กริ๊งเดียวสั่งฆ่าหมอได้ทันที เช่นเดียวกันถ้าหมอทำตัวไม่น่ารัก ตนโทร.กริ๊งเดียวจัดการพันได้ทันทีเช่นกัน พันถามว่าหลังจากเสร็จงานก็จะปล่อยพวกตนตามสัญญาใช่ไหม เสี่ยยิ้มร้ายบอกว่า “แน่นอน!”
พอพันกับผู้กองออกไป เซ้งก็เข้ามารายงานว่ามันจัดการปล่อยข่าวลวงตามที่เสี่ยสั่งแล้ว ทางสะดวกแน่นอน
“ดี แบ่งกำลังคนไปตัดกำลังพวกทหารที่หลงกลไปตามข่าวด้วย อีกส่วนให้คอยเฝ้าอยู่ที่นี่เผื่อเกิดอะไรขึ้น”
ระหว่างนั้นขวัญกำลังจัดอาหารให้เสี่ยอยู่ เธอฟังเงียบๆ นิ่งๆ เมื่อเอาอาหารไปให้ผู้กองกับพัน ผู้กองถามว่าแผลเป็นอย่างไร ขวัญบอกว่าดีขึ้นแล้ว แต่พอผู้กองถามว่าพรุ่งนี้เธอไปกับเสี่ยด้วยหรือเปล่า ขวัญถามเสียงกระด้างว่า
“ถามทำไม”
ผู้กองบอกว่าถ้าขวัญอยู่ อย่างน้อยตนก็จะได้มีเพื่อนคุย ดีกว่าอยู่คนเดียว เพราะที่นี่มีแต่ผู้ชาย ถามว่าปกติเธอคุยกับใครบ้าง ขวัญตอบหน้านิ่งว่าไม่ต้องคุยกับใครตนก็อยู่ได้
พันได้จังหวะถามว่าแล้วไม่คิดว่าถ้าได้ออกไปใช้ชีวิตปกติข้างนอกมันจะดีกว่านี้หรือ ขวัญมองอย่างสงสัยพันชี้แจงว่า
“เราช่วยกันได้นะจ๊ะ ถ้าจับเสี่ยได้ เราจะกันเธอไว้เป็นพยาน เธอจะได้กลับไปใช้ชีวิตปกติ กลับไปอยู่บ้านไม่ดีเหรอ”
ขวัญนิ่งไปอึดใจจึงถามว่า “พวกคุณจะให้ฉันช่วยยังไง”
วันนี้ทหารจัดหน่วยมาให้ความบันเทิงแก่ชาวบ้าน ครั้งนี้อ่ำกะเกณฑ์ให้พรรคพวกแต่งเป็นกะเทย ทั้งร้องทั้งเต้นทั้งวี้ดว้ายดีดดิ้นเป็นที่ครึกครื้น แล้วคืนนี้เองอ่ำก็ถามขวัญตรงๆว่า พันกับผู้กองอยู่ไหน ขวัญเอากระดาษแผ่นหนึ่งออกมาให้อ่ำแล้วผละไป อ่ำมองกระดาษในมืออย่างแปลกใจ
พันกับผู้กองนั่งรอลุ้นกันว่าขวัญจะกล้าส่งข่าวให้ทหารไหม ผู้กองบอกว่าถ้าขวัญไม่กล้า และถ้าพันมีโอกาสก็ให้หนีไปเลยไม่ต้องห่วงตน พันจับมือผู้กอง สัญญาว่า ตนจะไม่มีวันทิ้งผู้กองไปไหน ตนต้องกลับมาช่วยผู้กองให้ได้ ถ้าเราจะตายก็ตายด้วยกัน เพราะถึงตนปลอดภัยตนจะอยู่ได้อย่างไรถ้าไม่มีผู้กอง บอกผู้กองว่าตนอยากฟังที่ผู้กองพูดอีกที ผู้กองจึงกระซิบ
“ฉัน-รัก-เธอ” พันกอดผู้กองกระซิบตอบ “ผู้กองยอดรักของผม” ต่างกอดกันด้วยความซาบซึ้งในรัก
ooooooo










