สมาชิก

ภพรัก

ตอนที่ 9

น้ำรินยอมรับว่าเป็นคนช่วยแนน เหยี่ยวตื่นเต้นที่พลังของเธอมากพอถึงขวางกระสุนได้ แต่เธอกลับบอกว่าแค่ฟลุค เหยี่ยวพยายามจะเชื่อแล้วถาม อย่าบอกว่าบังเอิญเข้าไปในสปาบุษบัน

น้ำรินอึกอัก จำใจตอบว่าแอบตามเขาเข้าไปที่สปาเพราะ จำได้ว่าเคยรู้จักบุษบัน ความทรงจำในอดีตบอกว่าตนเคยให้เงินเธอยืมเปิดสปา ตนอาจเกี่ยวข้องกับเครือข่ายนี้ เหยี่ยวไม่เชื่อ

“แต่ทุกความทรงจำของฉันเกี่ยวข้องกับคนที่ทำผิดกฎหมายทั้งนั้น” น้ำรินเศร้าลง

“ผมไม่เชื่อว่าคุณเป็นคนเลว เราจะพิสูจน์ด้วยการหาร่างของคุณให้เจอ”

น้ำรินหวั่นใจกลัวความจริงจะทำให้เธอยอมรับตัวเองไม่ได้...ขณะเดียวกัน ดารณีรายงานสงครามว่า สิบปีก่อนหนังสือพิมพ์ลงข่าวว่านุติพ่อของภพธรฆ่าตัวตายเพราะปัญหาส่วนตัว แต่ตนสืบทราบมาว่า บริษัทธาราเทกโอเวอร์บริษัทนุติก่อนเขากระโดดตึกเพียงวันเดียว สงครามคิดว่าธาราเป็นคนเด็ดขาดในการทำธุรกิจ ไม่แปลกเลยถ้าเธอจะคำนึงถึงผลประโยชน์มากกว่าความเป็นเพื่อน...

ดารณียังบอกอีกว่า ธารารับอุปการะลูกชายของนุติ ส่งเสียให้เรียนจนจบและมอบตำแหน่งผู้บริหารโรงแรมให้และยังให้แต่งงานกับลูกสาวตัวเองด้วย สงครามครุ่นคิด

“ถ้าคุณรู้ว่าพ่อฆ่าตัวตายเพราะถูกเพื่อนโกงคุณจะยังทำงานกับคนคนนั้นด้วยความภักดี และอยากแต่งงานกับลูกสาวของเขาไปตลอดชีวิตไหม”....ดารณีส่ายหน้าไม่มีทาง


วันต่อมา ธาราปฏิเสธการเซ็นอนุมัติก่อสร้างตึก เพราะเห็นว่ายังไม่มีการคุยกับชาวบ้านแถวนั้น ให้ระงับการก่อสร้างไว้ก่อน แถมกำชับ ต่อไปบริษัทจะยึดหลักการทำงานที่มีคุณธรรมและคุณภาพมากกว่าผลกำไร นับดาวช่วยท้วงว่าโครงการนี้เดินหน้าไปแล้ว ธาราสั่งเฉียบขาดเดินหน้าได้ก็หยุดได้ ภพธรสบตานับดาว พยายามระงับความไม่พอใจ

พอออกมาพ้นคฤหาสน์ของธารา ภพธรก็ระบายความอัดอั้น นับดาวเกรงธาราจะรู้ที่เราแอบฮั้วกับผู้รับเหมา ภพธรโพล่ง “ไม่มีทาง...คนใกล้ตายมันก็แค่อยากลบล้างความเลวที่ตัวเองเคยก่อไว้ พิการขนาดนี้ยังจะมีพิษสงได้อีก”

“ถ้าไม่มีผู้การสงคราม ความตายของธาราก็อยู่แค่เอื้อม” นับดาวเข่นเขี้ยว...

ทางด้านสงคราม เดินคุยกับเหยี่ยวให้เร่งขยายผลเครือข่ายคดีบุษบันโดยเร็ว น่าจะมีคนเกี่ยวข้องมากกว่านี้ เหยี่ยวรับคำจะเดินไป สงครามทักวันนี้ไม่ได้เอาจักรยานมาหรือ

“ยางรั่วครับ ผมมีประชุมก็เลยไม่มีเวลาเอาไปปะ”

สงครามจึงอาสาไปส่ง เหยี่ยวชั่งใจ สงครามอ้างอยากไปเยี่ยมยายนวล เหยี่ยวหวั่นใจไม่อยากนั่งรถ...ด้านธารา ให้แม่ครัวเตรียมอาหารรอสงครามมาทานด้วยทุกวัน และยังจัดดอกแก้วใส่แจกัน กลิ่นหอมฟุ้ง พยาบาลดีใจที่เห็นธาราสดชื่นเบิกบาน

ระหว่างทาง เหยี่ยวนั่งเกร็ง สงครามจึงชวนคุยถามไถ่ถึงยายนวล พลันมีรถมอเตอร์ไซค์ขี่ปาดเข้ามาชักปืนยิงใส่ สงครามหักรถหลบไปหลบมา เหยี่ยวยิงสวน พวกมันจึงบิดรถหนีไป สงครามสงสัยพวกมันเป็นใคร เหยี่ยวตอบกวนๆว่า ไม่ใช่เพื่อนเขากับตนแน่

สงครามเหยียบคันเร่งตามมือปืนขึ้นไปบนสะพานสูง ทันใดมีรถกระบะสวนมาขวางทาง ข้างหลังก็มีรถกระบะอีกคันตามมาปิดท้าย สงครามรู้ว่าเป็นกับดัก บอกเหยี่ยวให้รีบลงจากรถ ไม่ทันไรก็ถูกกระหน่ำยิง เหยี่ยวรีบวิทยุขอกำลังเสริม แล้วดึงสงครามวิ่งหนีหลบกระสุนแต่ก็จะถูกตามไล่ยิง เหยี่ยวตัดสินใจดึงสงครามโดดน้ำหนี

เหยี่ยวประคองสงครามขึ้นจากน้ำฝั่งโรงเลื่อย วิทยุสื่อสารเปียกน้ำเสียหายติดต่อไม่ได้ ทันใดประตูโรงเลื่อยเปิดออกอย่างแรง มือปืนกรูออกมาพร้อมปืน สงครามกับเหยี่ยวรีบหลบยิงสวน เหยี่ยวบอกสงครามว่าตนจะไปล่อมือปืนให้เขาหนีไป สงครามไม่ยอม เหยี่ยวเน้น

“รวมกันเราอยู่ใช้ไม่ได้ผลกับพวกสุนัขลอบกัด เราต้องแยกกันเล่นงานพวกมัน”

เหยี่ยวปะทะกับมือปืนคนหนึ่ง ต่อสู้กันจนจับตัวได้ เหยี่ยวเค้นถามว่าทำงานให้ใคร มือปืนไม่ตอบและฮึดสู้... ด้านสงคราม มีมือปืนอีกคนเดินมาเจอยิงใส่ สงครามหลบทันและยิงสู้กัน จนกระทั่งมาเจอเหยี่ยวกำลังจะโดนยิง สงครามร้องเตือนและยิงสวนใส่มือปืนที่กำลังจะยิง...เหยี่ยวเองก็เห็นคนร้ายอีกคนกำลังเล็งปืนใส่สงครามด้านหลัง จึงร้องบอกให้หลบและยิงใส่คนร้ายล้มลง แต่ก็ยังมีอีกคนโผล่มายิงใส่สงคราม เขาสะดุ้งสุดตัว

เหยี่ยวตกใจกระหน่ำยิงใส่คนร้าย จ่านกน้อยนำกำลังตำรวจบุกเข้ามาพอดี

ขณะเดียวกัน สาวใช้ยกชามแกงที่ธาราสั่งทำไว้ให้สงคราม มาตั้งโต๊ะแต่พลาดชนแจกันดอกแก้วของธาราตกแตก ธาราใจหายวาบเป็นห่วงสงคราม ทันใดมีโทรศัพท์โทร.มาจากดารณีว่าสงครามถูกดักยิงกลางทาง ธาราตกใจมากไม่คิดว่าจะมีวันนี้

ในห้องฉุกเฉิน เหยี่ยวกับจ่านกน้อยยืนมองพยาบาลทำแผลให้สงคราม นกน้อยแซวว่าผู้การบู๊เก่งเหมือนกัน สงครามตอบขำๆ ว่าตำแหน่งผู้การสำนักงานสืบสวนของตนไม่ได้ได้มาเพราะนั่งโต๊ะทำงานอย่างเดียว...เหยี่ยวนึกได้ถามนกน้อยว่ามือปืนรอดกี่คน

“บาดเจ็บสาหัสคนเดียว ที่เหลือไปรายงานตัวกับยมบาลแล้ว”

“จัดตำรวจเฝ้ามือปืนคนนี้ตลอด 24 ชั่วโมง มันฟื้นเมื่อไหร่ผมจะสอบปากคำเอง” สงครามกำชับ...เหยี่ยวแทรก ถามพอจะรู้ไหม ใครอยากฆ่าเขา สงครามหน้าเครียดอยากรู้เช่นกัน

ooooooo

ภพธรเหวี่ยงแก้วไวน์ในมือทิ้งจนแตกกระจายเมื่อรู้ว่าคนที่นับดาวส่งไปจัดการฆ่าสงครามไม่สำเร็จ ถึงกับไล่เธอออกไป นับดาวหน้าเจื่อนไม่คิดว่าเขาจะกราดเกรี้ยวใส่ขนาดนี้

ด้านน้ำรินพยายามฝึกสมาธิจ้องตุ๊กตาให้ขยับ เท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ จนเหยี่ยวหัวเราะเยาะ น้ำรินบ่นเบื่อไม่รู้จะทำอะไร เหยี่ยวจึงชวนมาช่วยกันต่อจิ๊กซอว์ที่เขาต่อค้างไว้...เหยี่ยวเปิดกล่องออกมา น้ำรินเห็นปั๊บเหมือนวิวทิวทัศน์ที่เธอเคยไปสมัยเด็ก จึงช่วยชี้ตัวให้เขาเอาไปต่อ หลายตัวกว่าจะลงถูกที่ ทั้งสองเริ่มตื่นเต้นที่ทำงานร่วมกันได้ดี

ส่วนธารานั่งมองดอกแก้วเป็นห่วงสงคราม พลัน สงครามโผล่มาถามเป็นห่วงตนหรือ เธอเงยหน้ามาเห็นเขามีผ้าพันแผลที่แขน ดีใจแต่ไม่กล้าแสดงออก ทำเป็นถามเจ็บตัวแล้วทำไมไม่นอนพัก สงครามแย็บรู้ว่ามีคนเป็นห่วง ธาราเสเปลี่ยนเรื่อง ถามแผลเป็นอย่างไรบ้าง

“เจ็บแต่ก็คุ้ม อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่าคุณเป็นห่วงผม” ธาราจะปฏิเสธ สงครามชิงพูด “ผมสนใจการกระทำของคุณมากกว่าคำพูดที่ไม่ตรงกับใจ”

“คุณมีศัตรูที่ไหน ทำไมมันอยากฆ่าคุณ” ธาราตัดบท

สงครามไม่อยากบอกให้ตกใจ ธารานึกได้ คงเป็นคนร้ายที่คิดฆ่าตน สงครามบอกอย่าคิดมาก แต่ธาราอดเสียใจไม่ได้ที่เป็นต้นเหตุ สงครามจึงพูดอย่างจริงใจ “ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต ผมก็จะปกป้องคุณให้ปลอดภัย ชีวิตผมไม่มีใครอีกแล้ว นอกจากคุณ”

ธาราอึ้งซาบซึ้งกับความรักของสงครามที่มีต่อตนไม่เคยเปลี่ยนแปลง...

วันต่อมานับดาวเอาแฟ้มงานรีสอร์ตที่สมุยมาให้ธาราอ่านว่าได้แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมของชาวบ้านแล้ว อีกสองวันจะได้ข้อสรุป ธาราย้อนถามโปรเจกต์นี้อยู่ในความรับผิดชอบของภพธร เธอทำเกินหน้าที่หรือเปล่า นับดาวหน้าเจื่อนอ้างภพธรติดเดินทางไปประชุมจึงอยากช่วย ธารามองนับดาวอย่างจับผิด และกล่าวว่าเธอเป็นเพื่อนน้ำรินตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย เธอยอมรับ

“เธอเป็นเพื่อนรักที่น้ำรินช่วยจ่ายค่าใช้จ่าย ให้หยิบยืมค่าเทอมอยู่บ่อยครั้ง”

“ดาวไม่เคยลืมค่ะ ถ้าไม่มีน้ำ ดาวก็คงเรียนไม่จบและไม่ได้เข้ามาทำงานในบริษัทของคุณอาธารา” นับดาวไม่พอใจรู้สึกว่าธาราทวงบุญคุณ

“อาดีใจที่น้ำรินมีเพื่อนรักอย่างนับดาว เพื่อน...คือคนที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันและไม่ทรยศหักหลังกัน” ธาราดักคอ ทำให้นับดาวนึกถึงอดีต

สมัยเรียนนับดาวมักเป็นคนถือข้าวของเดินตามน้ำริน และยังต้องคอยทำโปรเจกต์ให้แก่เธอ น้ำรินให้นับดาวทำงานโปรเจกต์ที่โรงแรมธารา ส่วนตัวเธอไปออกงานสังคมเฉิดฉาย สร้างความอิจฉาเจ็บใจให้แก่ตน แถมส่งเงินให้ไปซื้อรองเท้าใหม่ เหยียดว่าไม่ควรใส่รองเท้าแตะในโรงแรมของแม่เธอ นับดาวเกลียดพฤติกรรมเหล่านี้ของน้ำริน ขนาดวันที่แม่ป่วย ตนจะกลับไปดูแลแม่ก็ถูกน้ำรินทวงบุญคุณว่า

“เทอมนี้ฉันออกค่าเทอมให้เพราะฉันเห็นเธอเป็นเพื่อนรัก ถ้าโปรเจกต์ฉันไม่เสร็จวันนี้ ฉันจะไม่ได้เกียรตินิยม เธออยากให้เป็นอย่างนั้นเหรอ”

ในงานวันเกิดน้ำริน นับดาวรีบวิ่งเข้าลิฟต์ของโรงแรม เจอกับภพธรอย่างจัง ภพธรบอกว่ามาสายเพราะมัวไปหาของขวัญให้น้ำริน

นับดาวรู้สึกอิจฉาแอบมองภพธรที่หล่อเหลาถูกใจ ...พอน้ำรินเป่าเค้ก ทุกคนก็ยื่นของขวัญให้ เธอแกะของภพธรดูเป็นชิ้นแรก เป็นผ้าพันคอสวยหรูราคาแพง พอมาถึงของนับดาว เป็นตุ๊กตาสีฟ้า เพื่อนๆเยาะหยัน

นึกว่าตุ๊กตาบลายธ์ น้ำรินเอ็ดอย่าพูดแบบนั้นเดี๋ยวนับดาวเสียใจ แล้วหันมาขอบใจนับดาวและบอกคราวหลังไม่ต้องซื้ออะไร แค่มาร่วมงานก็พอ นับดาวรู้สึกอับอายเหมือนถูกกดให้ต่ำต้อย

แววตาเจ็บช้ำของนับดาวเปลี่ยนมาเป็นนอบน้อมชื่นชมน้ำริน “น้ำคือเพื่อนที่ดีที่สุดของดาว เราจะเป็นเพื่อนรักกันตลอดไป จนกว่าความตายจะพรากความเป็นเพื่อนของเราจากกัน”

ธาราได้ยินคำว่าตายแล้วใจหาย นับดาวปลอบอย่าเพิ่งท้อ ตนเชื่อว่าน้ำรินจะต้องกลับมา พยาบาลเข้ามาพาธาราไปทำกายภาพ สายตานับดาวเปลี่ยนเป็นเคียดแค้นทันที...น้ำรินซึ่งกำลังต่อจิ๊กซอว์อยู่กับเหยี่ยว รู้สึกเจ็บแปลบหัวใจขึ้นมาอีก เหยี่ยวถามเป็นอะไร

“ฉันเป็นห่วงแม่”


“คุณจำแม่ได้แล้วเหรอ” เหยี่ยวแปลกใจ

น้ำรินส่ายหน้า “แค่รู้สึกว่าแม่อยู่กับคนที่ไม่น่าไว้ใจ” เหยี่ยวถามว่าใคร “ถ้าฉันรู้ ฉันคงไม่กลุ้มอย่างนี้” น้ำรินถอนใจเครียดๆ

เหยี่ยวปลอบว่าชีวิตก็เหมือนการต่อจิ๊กซอว์ ต้องใช้เวลาต่อเรื่องราวทีละนิด สุดท้ายก็ได้คำตอบ ตนเชื่อว่าแม่เธอต้องปลอดภัย...

น้ำรินเสียงเศร้า ถ้าความจำตนไม่กลับมา ตนก็ไม่อาจรู้ว่าตัวเองเป็นใคร เหยี่ยวขอแค่เพียงเธอเป็นตัวของตัวเองสำหรับตนก็พอ น้ำรินสบตาเหยี่ยวซึ้งๆ นึกถึงคำเตือนของปริกที่บอกว่าดวงจิตตนเหลือเวลาเพียง 9 วันพระเท่านั้น ก็จะกลับเข้าร่างอีกไม่ได้ น้ำรินไม่รู้จะบอกเหยี่ยวอย่างไรดีว่าตัวเองเหลือเวลาไม่มาก

ระหว่างที่ธาราทำกายภาพบำบัด ด้วยการเดิน เกาะราว เกิดเสียงแก้วตกแตกนอกห้อง พยาบาลจึงออกไป

ดูให้ นับดาวถือมีดปอกผลไม้เข้ามา ท่าทางน่ากลัวทำให้ธาราตกใจ เผอิญพยาบาลกลับเข้ามา นับดาวทำทีว่าปอกผลไม้อยู่ได้ยินเสียงจึงวิ่งมาดูแล้วขอตัวกลับไปทำต่อ

เหยี่ยวเห็นน้ำรินนั่งเหม่อ จึงเข้ามานั่งใกล้เอานิ้วโบกตรงหน้าถามใจลอยไปหาพี่ธรหรือ น้ำรินเคืองจะงับนิ้วเขา เหยี่ยวร้อง “เฮ้ย! เอะอะก็กัด คนหรือ...เนี่ย”

น้ำรินถามอะไร เหยี่ยวตอบยิ้มๆ คนหรือนางฟ้า น้ำรินค้อนขวับอายๆ ว่าเขาเห่ยมาก

“แล้วเขินทำไม” น้ำรินปฏิเสธเงื้อมือจะฟาดเขา เหยี่ยวร้องห้าม “อ๊ะ เปลี่ยนจากทุบเป็นกัดดีกว่า แต่ขอให้กัดตรงนี้” เหยี่ยวชี้ที่ปากตัวเอง ส่งสายตาเจ้าชู้

น้ำรินว่าเขากะล่อน แล้วหันมาเลือกตัวจิ๊กซอว์ต่อ เหยี่ยวยิ้มเข้ามานั่งใกล้ เปรยตนจะมีบุญเห็นจิ๊กซอว์นี้เสร็จสมบูรณ์ไหม น้ำรินโต้ ถ้าไม่รบกวนสมาธิตนก็เสร็จ เหยี่ยวยิ้มปลื้มบอกสองแรงแข็งขัน มาช่วยกัน...

จากนั้นน้ำรินก็ชี้ให้เหยี่ยวเป็นคนต่อ หัวเราะกันบ้าง เถียงกันบ้าง จนเช้า...ขาดตัวสุดท้ายหนึ่งตัวที่หายไป เหยี่ยวนึกได้ว่าครั้งล่าสุดตนโยนลงกล่องแต่มันกระเด็นไปข้างเตียง ทั้งสองช่วยกันมุดหา น้ำรินเห็นเอื้อมมือไปจับ เหยี่ยวจับบนมือเธอพอดี เขากุมมือเธอที่จับจิ๊กซอว์ออกมาจากใต้เตียง น้ำรินตื่นเต้น “คุณสัมผัสฉันได้อีกแล้ว!”

“สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องดีของเราสองคน” เหยี่ยวประคองมือน้ำรินวางจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายลงบนภาพ เป็นอันเสร็จสมบูรณ์

น้ำรินจำได้รางๆว่าภาพนี้เป็นสถานที่ริมทะเลที่เธอเคยไป และนั่งวาดภาพเล่นบนทราย จึงถามเหยี่ยว เขาเจอเด็กผู้หญิงคนหนึ่งใช่ไหม เหยี่ยวเข้าใจว่าน้ำรินได้ยินที่เขาเคยเล่า ก็ดีใจที่เธอไม่เคยลืม น้ำรินปัดว่าตนไม่ใช่คนขี้ลืม เหยี่ยวอมยิ้ม

“ขอบคุณที่ช่วยต่อจิ๊กซอว์ของผมจนเสร็จ คุณทำให้ชีวิตที่ขาดหายไปของผมกลับคืนมา”

“ฉันดีใจที่เห็นคุณมีความสุข”

“ผมมีความสุขที่มีคุณ” เหยี่ยวยิ้มหวานซึ้ง น้ำรินหลบตาเขินๆ

ยายนวลได้ยินการสนทนาของทั้งสองรู้สึกหนักใจ

ooooooo

น้ำรินมาปรึกษาปริกว่าทำไมเหยี่ยวถึงสัมผัสตนได้เป็นบางครั้ง ปริกบอกเพียงว่า ตอบได้เมื่อถึงเวลา น้ำรินถอนใจ ไม่ทันไรเสียงเหยี่ยวเรียก ปริกแซวความรักเรียกหาอีกแล้ว

เหยี่ยวพาน้ำรินมาเลือกซื้อเสื้อ เธอบ่นว่าไม่ได้นอนทั้งคืนยังชวนมาเลือกของให้แฟนอีก เหยี่ยวรับว่าใช่ แต่แนนไม่ใช่แฟนตน น้ำรินโวยที่เขามีคนอื่น เขาพยักหน้าแล้วชี้ที่น้ำริน เธอตั้งตัวไม่ทัน “ฉันเป็นแฟนคุณตั้งแต่เมื่อไหร่”

“วันนี้ผมจะให้ของขวัญที่คุณช่วยต่อจิ๊กซอว์จนเสร็จ ด้วยการเป็นแฟนคุณหนึ่งวัน”

น้ำรินว่าถ้าอย่างนั้นตนควรเป็นคนเลือกของขวัญเอง เหยี่ยวรู้ใจว่าเธอชอบชุดสวยๆ น้ำรินค้อนเขินแต่แอบดีใจ ...จากนั้นเหยี่ยวก็นำชุดมาถวายหลวงตาเคี้ยง หลวงตารู้ว่าน้ำรินคงมาด้วย จึงรู้สึกหวาดๆ รีบสวดอย่างเร็ว ปลาทูกับปูอัดแปลกใจท่าทีของหลวงตา พอเห็นเหยี่ยวยิ้มคนเดียวก็ถามหลวงตาว่า...ผีหรือ หลวงตาเอาไม้พรมน้ำมนต์โขกหัวปลาทู เหยี่ยวขยับเข้าใกล้ หลวงตาร้องให้หยุด อย่าขยับมาใกล้

“ผมต้องรีบถวาย รีบไปธุระต่อ”

“ถวายด้วยใจ อยู่ตรงไหนก็ได้บุญ ออกไปนั่งนอกกุฏิก็ได้นะ ลมเย๊นเย็น”

เหยี่ยวบอกว่าตรงนี้ก็เย็นแล้วจับของร่วมกับน้ำรินถวายก้มกราบพร้อมกัน น้ำรินเงยหน้า ร่างเธอเปลี่ยนเป็นชุดใหม่ เหยี่ยวมองเธอยิ้มๆก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อโดนน้ำมนต์จากหลวงตา

“อิ่มบุญอิ่มใจก็ไปที่ชอบๆกันนะโยม แต่ไม่ต้องชอบที่นี่หรอก สาธุ...” หลวงตาวางที่รดน้ำมนต์แล้วลุกเดินเร็วจี๋เข้าห้องปิดประตู ปลาทูกับปูอัดวิ่งตามเคาะประตูโครมๆ เหยี่ยวกับน้ำรินขำเพราะรู้ว่าหลวงตาเคี้ยงกลัวผี

จากนั้นเหยี่ยวพาน้ำรินมาเที่ยวตลาดน้ำ เธอตื่นตาตื่นใจอย่างมากที่มีตลาดแบบนี้ใกล้กรุงเทพฯ น้ำรินชะเง้อมองของน่ากินหลายอย่าง ได้แต่สูดกลิ่น เหยี่ยวแกล้งแหย่เรียกเธอให้ลงหม้อดิน น้ำรินโวยตนไม่ใช่แม่นาค พ่อค้ามองเหยี่ยวอย่างงงๆว่าเล่นกับใคร สองคนรู้สึกมีความสุข ที่ได้ใกล้ชิดกัน ทั้งสองลงมาเดินเล่นในท้องทุ่งนา น้ำรินรู้สึกว่าธรรมชาติทำให้สดชื่นจริงๆ

“ฉันเพิ่งรู้ว่าธรรมชาติสวยงามกว่าสิ่งที่ฉาบหน้าด้วยวัตถุแสงสี”

“เราหลีกเลี่ยงความจอมปลอมในสังคมไม่ได้ นอกจากอยู่กับมันให้เป็น”

“เมื่อก่อนฉันคงเป็นคนหลงวัตถุ อยู่กับสิ่งฉาบฉวยจนเคยตัว”

“ยายเคยบอกว่า เวลาสำคัญที่สุดคือปัจจุบัน เพราะเราได้เป็นเจ้าของเวลาอย่างแท้จริง คนสำคัญที่สุด คือคนที่อยู่ต่อหน้าเรา เพราะไม่รู้อนาคตจะมีโอกาสได้เจอกันอีกรึเปล่า”

“ขอบคุณที่ให้ของขวัญพิเศษนี้กับฉัน นอกจากแม่ ...ก็มีคุณที่ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นใจ”

“ความสุขของคุณคือความสุขของผมเหมือนกัน” เหยี่ยวยิ้มให้น้ำริน

ในวันเดียวกันยายนวลโทร.หาแนนชวนไปซื้อของทำบุญวันอภิมหามงคล แนนแปลกใจ เหยี่ยวยังพาน้ำรินลงเรือพายชมดอกบัว น้ำรินเหลียวซ้ายมองขวาอย่างปลาบปลื้มจนเหยี่ยวเอ็ดให้นั่งเฉยๆเดี๋ยวเรือล่มจมน้ำ น้ำรินโต้ตนเป็นดวงจิตไม่จมน้ำ แล้วขอให้เขาพายเรือไปใกล้ดอกบัวใหญ่ดอกหนึ่ง เธอพยายามตั้งสมาธิเพื่อจะเด็ดดอกบัวนั่น

ทันใดก็มีมือดำทะมึนโผล่ขึ้นจากน้ำ กระชากน้ำรินตกน้ำ...ตูม...เหยี่ยวตกใจกระโดดตามลงไป พยายามจะคว้าตัวเธอ แต่ก็ได้เพียงอากาศธาตุ เสียงหัวเราะของชลชาติดังกึกก้อง

“มึงทำให้กูจมน้ำตาย มึงก็ต้องตายแบบเดียวกับกู” ชลชาติบีบคอน้ำรินดิ้นทุรนทุราย

ธารารับรู้ความเจ็บปวดของลูกสาว ขณะนั่งทำสมาธิก็สะดุ้งลืมตาใจสั่น พยาบาลจึงเอาสมุดสวดมนต์ให้สวดจะได้สบายใจขึ้น...ขณะที่เหยี่ยวแหวกว่ายน้ำเข้ามาจะ ช่วยน้ำริน กลับถูกพลังของชลชาติที่มีมากในวันโกนวันพระ บีบคอเข้าไปด้วย น้ำรินขอร้องให้ปล่อยเหยี่ยวไป เหยี่ยวสวนว่าตนจะไม่ทิ้งเธอไปไหนทั้งนั้น ชลชาติหัวเราะร่า รักกันมากก็ตายด้วยกันที่นี่

“เจ็บปวดทรมานมากใช่ไหม ซึมซับความรู้สึกนี้ไว้ เพราะอีกสักพักก็จะไม่รู้สึกอะไรเลย”

ร่างน้ำรินเหมือนไฟดับๆติดๆ เหยี่ยวเอื้อมมือไปไขว่คว้ามือน้ำริน บอกให้เธอตั้งสติ พลันเสียงสวดมนต์ของธาราดังเข้ามา สักพักเหยี่ยวเหมือนมีพลัง ดึงน้ำรินเข้ามากอดปกป้อง บังเกิดพลังรักอันบริสุทธิ์ของมนุษย์ เป็นแสงสีทองพุ่งเข้ากระแทก ชลชาติร้องลั่น...กระเด็นไป

เหยี่ยวอุ้มน้ำรินซึ่งดวงจิตเกือบแตกดับขึ้นมากอดบนฝั่ง “น้ำ...คุณจะตายไม่ได้นะ ฟื้นขึ้นมาสิน้ำ กลับมาเติมเต็มชีวิตที่ขาดหายไปของผม กลับมามีความสุขกัน ผมขอสั่ง...ไม่ให้คุณตาย”

น้ำรินค่อยๆปรือตาถามว่าดวงจิตยังไม่สลายใช่ไหม เหยี่ยวดึงเธอมากอดแนบแน่นราวกับกลัวจะ หลุดมือไป น้ำรินรู้สึกเหนื่อย เหยี่ยวบอกจะกอดจนกว่าเธอจะดีขึ้น น้ำรินรับรู้ความอบอุ่นที่เขาถ่ายเทมาให้...

พอกลับบ้าน ยายนวลถามเหยี่ยวหายไปไหนมาทั้งวัน เขาอ้างทำงาน

“อย่าใช้งานเป็นข้ออ้างเพื่อรั้งหนูน้ำไว้ ยิ่งฝืนธรรมชาติมากเท่าไหร่เราก็ทุกข์มากเท่านั้น”

เหยี่ยวชะงัก ขอตัวไปพักผ่อนทันที ยายนวลกลุ้มใจเป็นห่วงหลาน...เข้ามาในห้อง เหยี่ยวก็ดีใจเมื่อเห็นน้ำรินนั่งพิงหมอนมองตุ๊กตาหมีสีฟ้าอยู่ เขาปรี่เข้าไปจับมือเธอ แต่กลับได้เพียงอากาศ เขาแปลกใจที่วันนี้เขาสัมผัสเธอได้หลายครั้ง แต่ทำไมครั้งนี้ไม่ได้ น้ำรินถอนใจ

“มันแปลกตั้งแต่เราเจอกันครั้งแรกแล้วมั้ง...ตอนอยู่ในน้ำฉันได้ยินเสียงสวดมนต์ของแม่”...เหยี่ยวก็ได้ยินเช่นกันและรู้สึกคุ้นหูมากกับเสียงนั้น

ooooooo

วันนี้ภพธรบอกกับกรรมการบริษัทว่า ธารามอบหมายให้ตนดูแลโปรเจกต์ร่วมทุนกับต่างประเทศและจัดงานเลี้ยงต้อนรับมิสเตอร์หลิว ตัวแทนบริษัทที่มาร่วมทุน ขณะเดียวกัน ดารณีรายงานในห้องประชุมสำนักงานสืบสวนว่า อีกสองวัน พ่อค้ายาต่างชาติจะเดินทางเข้ามาในไทย

สงครามคิดว่าต้องเกี่ยวข้องกับคดีค้ายาในสปาของบุษบัน จึงมอบหมายให้เหยี่ยวกับจ่านกน้อยตามสืบ...ไม่นานเหยี่ยวกลับมารายงานสงครามว่าเป้าหมายเข้าพักที่โรงแรมของธารา

ตกเย็น เหยี่ยวจะกลับบ้าน แนนเดินออกมาทัก เล่าว่าวันก่อนพายายนวลออกไปซื้อของ เขาไปไหนไม่เห็นบอกกันบ้าง เหยี่ยวตอบว่าไปธุระ แนนน้อยใจติง ปกติเขาไม่เคยมีความลับ

“เรายังรู้สึกกับแนนเหมือนเดิม” เหยี่ยวไม่กล้าพูดให้กระจ่างว่า...อย่างเพื่อน

แนนหัวใจพองโตบอกเหยี่ยว “รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ จะได้พร้อมสำหรับงานสำคัญ”

เหยี่ยวงงงานอะไร แนนยิ้มหวานบอกพรุ่งนี้ก็รู้เอง...กลับถึงบ้าน น้ำรินเดินเข้ามาก่อน เผอิญเห็นมะนาวกลิ้งออกมาจึงเก็บไปส่งให้ยายนวล นกน้อย ปลาทูและปูอัดที่มาช่วยหน้าตื่นเมื่อได้ยินยายขอบใจน้ำริน ต่างพากันลากลับอย่างรวดเร็ว เหยี่ยวตามเข้ามาแปลกใจว่ายายทำอาหารอะไรมากมาย ยายอ้างว่าทำบุญเลี้ยงพระนิดหน่อย น้ำรินรู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่าง

คืนนั้นน้ำรินเปรยกับเหยี่ยวว่า การทำบุญครั้งนี้ต้องเกี่ยวกับแนนแน่ๆ เหยี่ยวว่าอยากรู้ไปทำไม เราอยู่กับปัจจุบัน วันไหนก็เหมือนกันหมด...เหยี่ยวแหย่จนน้ำรินโมโห แล้วกระโดดหนีขึ้นเตียงร้องว่าผีจะหักคอ น้ำรินยิ่งโกรธรวบรวมพลังจิตหยิบหมอนมาฟาดใส่เหยี่ยวจับหมอนดึงเข้ามา น้ำรินถลามาซบอก ทั้งสองสบตากันอึ้งๆ เหยี่ยวเผลอยื่นหน้าจะจูบน้ำริน

ยายนวลเปิดประตูผางเข้ามาเพราะได้ยินเสียง แต่ทำทีเตือนว่าพรุ่งนี้ตื่นเช้าไปทำบุญกันและกันท่าน้ำรินให้รีบนอนไม่ควรคุยกับผู้ชายดึกดื่นให้คุยเวลาราชการเท่านั้น เกรงใจแนนบ้าง...บรรยากาศกร่อย ต่างคนต่างพูดไม่ออก น้ำรินโพล่งขึ้น “ถ้าวันไหนๆก็เหมือนกัน ฉันก็จะอยู่กับปัจจุบันให้ความสำคัญกับวันนี้ให้มากที่สุด เพราะเราอาจจะไม่มีพรุ่งนี้ด้วยกัน”

พูดจบน้ำรินเดินออกไป เหยี่ยววิ่งตาม เห็นเธอมานั่งร้องไห้ในสวนหลังบ้าน ก็แซว...ร้องไห้ขี้มูกโป่งอีกแล้ว น้ำรินรีบเช็ดแต่ไม่มี เหยี่ยวหัวเราะ น้ำรินโวย ชอบหลอกตนอยู่เรื่อย

“หลอกผีสนุกดี แล้วเป็นอะไร คุยกันอยู่ดีๆก็หนีออกมาร้องไห้”

“ฉันไม่อยากร้องไห้ให้คุณเห็น เผื่อว่าเป็นวันสุดท้ายของเรา ไม่อยากให้จำหน้าแบบนี้”

เหยี่ยวลงนั่งข้างๆเงยหน้ามองฟ้า “คุณคิดว่านกที่เห็นท้องฟ้าทุกวัน จะลืมฟ้าวันที่ฝนตกเหรอ ฟ้ามืดฟ้าร้อง ฟ้าสดใส ฟ้ามีพายุ หรือฟ้าแบบไหนๆก็คือท้องฟ้า”

“แล้วถ้านกตาบอด นกจะจำฟ้าได้ไหม”

“บางทีเราก็ไม่ได้จำทุกอย่างไว้ที่สมอง เพราะสมองอาจจะลืม แต่ใจไม่มีวันลืม” เห็นเธอน้ำตาไหล ก็แซวร้องอีกแล้วอยากเช็ดแต่ไม่ได้ “ถ้าจะเช็ดน้ำตา ก็ต้องหาร่างคุณให้เจอก่อนสินะ”

น้ำรินถามถ้าไม่เจอ...เหยี่ยวรับรู้ถึงความปวดร้าว ยืนยันว่าต้องเจอ เหยี่ยวลุกไปดึงเชือกแดงที่ยายนวลใช้ผูกต้นไม้ มามัดเป็นห่วงที่ปลายเชือกทั้งสอง น้ำรินเพ่งสมาธิรับห่วงนั้นได้ เหยี่ยวเล่าว่า “ตำนานจีนเล่าขาน มีตาแก่คนหนึ่งชื่อเฒ่าจันทรา มีหน้าที่ผูกด้ายแดงล่องหนที่นิ้วก้อยของคนสองคนที่เป็นเนื้อคู่ เวลา สถานที่หรือเหตุการณ์อะไรก็พรากคนทั้งสองไม่ได้”

เหยี่ยวคล้องห่วงที่นิ้วก้อยซ้าย น้ำรินคล้องห่วงที่นิ้วก้อยขวา เหมือนมีแสงวูบวาบที่เชือกราวสัญลักษณ์แห่งความผูกพันของทั้งสอง เหยี่ยวกล่าวอีกว่า ด้ายแดงเส้นนี้ ไม่ว่าจะถูกดึงให้ตึง หรือผูกปมยุ่งเหยิงก็ไม่มีวันขาด แต่พอเขาดึงเบาๆเชือกกลับขาดเพราะความเปื่อย ทั้งสองใจหาย น้ำรินบอกว่า “ความรักที่เป็นไปไม่ได้ ต่อให้มีด้ายแดงเป็นพันเส้นก็ผูกเราไว้ไม่ได้”

ยายนวลได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคุยกัน ได้แต่หนักใจต้องช่วยหลานออกมาให้ได้...

ooooooo

รุ่งเช้า จ่านกน้อย ปลาทูและปูอัดแต่งตัวสวยหล่อช่วยถือของมาที่วัด เหยี่ยวแปลกใจที่แม้แต่ยายนวลก็สวมใส่ผ้าไหม...มาถึงวัด น้ำรินนั่งข้างเหยี่ยวมองด้ายแดงที่นิ้วเขา เหยี่ยวส่งยิ้มชูนิ้วก้อยให้ ปลาทูเห็นสะกิดบอกนกน้อย ทำนองชูนิ้วก้อยมันไม่แมน

ไม่ทันไร แนนเดินเข้ามาในชุดลูกไม้สวยหวาน หลวงตาเคี้ยงกล่าว ได้ฤกษ์แล้วเริ่มพิธีได้ เหยี่ยวงงถามพิธีอะไร ยายนวลตอบแทน “พิธีหมั้นของเอ็งกับหนูแนนไงล่ะ”

เหยี่ยวอึ้งไม่คิดว่ายายจะรวบรัดแบบนี้ ได้แต่ต่อว่าทุกคนที่นัดหมายกันไม่บอก ยายนวลว่าเขามัวแต่ช้า แล้วส่งกล่องแหวนให้ “เอ้านี่ แหวนหมั้นของสกุณาแม่เอ็ง สวมให้หนูแนนซะสิ”

นกน้อยบอกแนนให้ยื่นมือให้เหยี่ยว แนนเห็นที่นิ้วเหยี่ยวมีเชือกแดง “ด้ายอะไร...เราเอาออกให้นะ” ว่าแล้วก็ดึงออก เหยี่ยวอ้าปากค้างห้ามไม่ทัน

น้ำรินมองเหยี่ยวสวมแหวนให้แนน ทนไม่ไหวลุกหนี เหยี่ยวสวมแหวนเสร็จก็ลุกตามน้ำรินออกไป แนนหน้าซีด ทุกคนในศาลาเงียบกริบ...น้ำรินหัวใจแตกสลาย พอเห็นเหยี่ยวตามมาก็ปาดน้ำตาหันมาแสดงความยินดี อวยพรให้มีความสุข เหยี่ยวบอกว่าที่ทำเพื่อให้ยายสบายใจเท่านั้น น้ำรินโต้ว่าแนนเป็นตัวจริงของเขา ตนต่างหากไม่มีตัวตนสักวันอาจจะหายไปจากโลกนี้ก็ได้

“อย่าพูดอย่างนั้น อีกไม่นานผมก็จะหาร่างคุณเจอ แล้วคุณก็จะกลับมามีชีวิตเหมือนเดิม”

“เจอแล้วยังไงคะ คุณมีคู่หมั้นของคุณ ฉันก็มีคู่หมั้นของฉัน ถ้าฉันโชคดีมีวันนั้นจริง ฉันก็ต้องกลับไปหาเขา” น้ำรินเศร้าลุกเดินหนี เหยี่ยวเหมือนโดนมีดบาดกลางใจแต่ก็ไม่ยอมให้เธอไป คว้ามือเธอแต่มันว่างเปล่า “ฉันจะไม่หนีคุณไปไหน แต่ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันหน้าเราก็ต้องจากกัน เรื่องราวระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้ คุณกับฉันไม่ได้เกิดมาเพื่อกันและกัน”

ทั้งสองสบตากันอย่างปวดร้าว เสียงแนนเรียกเหยี่ยว ถึงเวลาประเคนอาหารให้หลวงตา ถึงเวลาแล้ว...คำคำนี้ทำให้ทั้งสองใจหาย น้ำรินกล่าว “ไปเถอะ อย่าให้คนของคุณต้องรอนาน”

เหยี่ยวละล้าละลัง น้ำรินมองเขาเดินไปน้ำตาร่วงพรู แล้วเลือนหายไป...วันเดียวกัน ธาราสั่งห้ามภพธรเปิดศูนย์ความบันเทิงครบวงจรที่สมุย เขาแย้งว่ามิสเตอร์หลิว ที่ร่วมลงทุนเดินทางมาแล้ว ธารายืนกรานจะไม่ทำธุรกิจ ที่ไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคมอีก นับดาวหวั่นใจว่าธาราจะรู้ว่าแอบเปิดบ่อนกาสิโนเถื่อน ภพธรส่ายหน้า เพราะธาราไม่เคยสนใจโครงการนี้ตั้งแต่ต้น

ภพธรครุ่นคิด ตอนที่ตนเริ่มโครงการ ธาราไม่อนุมัติเงินลงทุน น้ำรินเห็นเขาเครียด จึงเอาเงินตัวเองให้เพราะเชื่อในความคิดของเขา...ภพธรยิ้มเหี้ยม “เงินก้อนนั้นของน้ำริน จะสร้างแต่บาปกรรมชั่วให้นังธารา มันต้องตกนรกไม่ต้องผุดต้องเกิด ยังไงซะโครงการที่สมุยต้องเกิด”

เย็นวันนั้น ทุกคนกลับเข้าทำงาน แนนขอโทษเหยี่ยวที่ไม่บอกเรื่องหมั้นก่อน เหยี่ยวบอกตนทำได้

ทุกอย่างเพื่อความสบายใจของยาย จ่านกน้อยเข้ามาชวนฉลองงานหมั้น เหยี่ยวปัดไม่ว่างแล้วเดินจากไป ทุกคนกร่อย แนนรู้สึกน้อยใจ

ด้านน้ำรินได้แต่เสียใจ เธอถอดด้ายแดงออกวางบนใบไม้ปล่อยลอยน้ำ บ่นถ้าเอาความทุกข์ทิ้งไปด้วยได้ก็คงดี ปริกพายเรือมาเปรยว่า ถ้าทำอย่างนั้นได้แม่น้ำคงโดนความทุกข์ถมจนกลายเป็นภูเขา น้ำรินไม่อยากต่อล้อต่อเถียง ปริกว่ามนุษย์หาเรื่องทุกข์ใส่ตัวเก่ง ความทุกข์ของเธอเกิดจากตัณหาอยากได้ อยากมี เธอต้องใช้ปัญญาคิดเองว่าจะดับทุกข์อย่างไรตนบอกได้แค่นี้

ที่แท้เหยี่ยวมาทำงาน ปลอมตัวเป็นมือกีตาร์เล่นบนเรือสำราญที่ภพธรจัดงานต้อนรับมิสเตอร์หลิว เหยี่ยวหวิดโดนภพธรจับได้ โชคดีที่เอาตัวรอด เหยี่ยวแอบเห็นมิสเตอร์หลิวหลบมาฉีดยาก็คิดว่าเขาคงเสพยา แต่พอเข้าไปค้นดูก็พบว่าเป็นอินซูลิน เขาเป็นเบาหวาน...

ปริกพาน้ำรินมาบนเรือสำราญ บอกเพียงว่าทุกข์ต้องดับที่ใจ ใจอยู่ที่ไหนกับใครก็ต้องไปตามหา น้ำรินจึงมาช่วยเหยี่ยวที่กำลังจะโดนคนของมิสเตอร์หลิวแทงได้ทัน เหยี่ยวดีใจที่เธอมา เขาขอโทษเรื่องงานหมั้น น้ำรินส่ายหน้า เร็วหรือช้าก็ต้องเกิด เฒ่าจันทราผูกด้ายแดงล่องหนให้เขากับแนนคู่กัน

ooooooo

ภพรัก

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด