ตอนที่ 11
ฝันร้ายทำให้ธาราสะดุ้งตื่น สังหรณ์ใจว่ากำลังมีเรื่องไม่ดีกับน้ำริน...เหยี่ยวเข้ามาในห้องนอน เห็นน้ำรินนั่งซุกตัวอยู่มุมห้อง ท่าทางทุรนทุรายเจ็บปวดทรมานรู้สึกร้อนเร่าไปทั้งตัว เขารีบถามจะให้ช่วยอย่างไรน้ำรินทำท่าจะหมดสติ ร่างจางลงเรื่อยๆ เหยี่ยวตกใจมาก
“คุณจะไปจากผมไม่ได้นะ มันยังไม่ถึงเวลา เรายังมีเวลาเหลือไม่ใช่เหรอ น้ำ...ลุกขึ้น...คุณห้ามเป็นอะไร ห้ามหายไปไหนทั้งนั้น นี่เป็นคำสั่ง ได้ยินไหม! ชีวิตผมสูญเสียคนรักไปมากพอแล้ว คุณอย่าจากผมไปไหนอีกคนนะ” เหยี่ยวพยายามจะจับตัวน้ำรินที่ค่อยๆจางลง “น้ำ! อย่าเพิ่งไป คุณทิ้งผมไปแบบนี้ไม่ได้ น้ำ...น้ำ...น้ำริน ผมรักคุณ...น้ำริน” ร่างหญิงสาวจางหายไป
น้ำตาชายหนุ่มไหล...เหยี่ยวมายืนมองแม่น้ำ รำพึงถึงน้ำริน “ผีขี้วีน ขี้งอน เจ้ากี้เจ้าการมาทำให้วุ่นวาย แล้วหายไปเฉยๆอย่างนี้ได้ยังไง ผมยังไม่ได้บอกคุณเลย ว่าผมรักคุณมากแค่ไหน”
ภาพเหตุการณ์ที่ผ่านมากับน้ำรินผุดขึ้นในหัวใจเหยี่ยว หลายครั้งที่เธอช่วยเขาและเขาช่วยเธอ ทุกอย่างทำให้เกิดความผูกพันลึกซึ้ง เหยี่ยวเศร้าใจอาลัยอาวรณ์ถึงเธอ...แต่พอเขาหันกลับมา เจอน้ำรินนอนหมดสติอยู่ไม่ห่าง เหยี่ยวดีใจถลาเข้าประคองร่าง ขอร้องให้เธอฟื้นขึ้นมา น้ำรินปรือตาอย่างงุนงง พอเห็นหน้าเหยี่ยวก็โผกอดเขา เหยี่ยวถามเธอหายไปไหนมา
“ฉันไม่รู้...มันว่างเปล่า จู่ๆความรู้สึกก็วูบดับไป แล้วก็กลับมาอยู่ที่นี่”
“สัญญานะว่าจะไม่ทิ้งกันไปไหนอีก” เหยี่ยวกอดน้ำรินแนบแน่นดุจกลัวจะเสียเธอไปอีกสักพัก สองคนผละออกจากกัน เหยี่ยวถามอย่างจริงจังว่าเกิดอะไรขึ้น น้ำรินนิ่วหน้ารู้สึกปวดแสบปวดร้อนเหมือนโดนไฟเผา เหยี่ยวถามตอนนี้ยังร้อนอยู่ไหม เธอส่ายหน้าพยายามคิด
“ทุกครั้งที่มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับคุณ ฉันจะรู้สึกร้อนๆหนาวๆ แต่นี่มันไม่ใช่ ฉันเจ็บปวดทรมานร้อนไหม้ไปทั้งตัว”
“หรือมีใครทำอันตรายร่างของคุณ” เหยี่ยวสันนิษฐาน น้ำรินตกใจ
จากนั้นเหยี่ยวเดินตามน้ำรินมาที่ศาลาวัด เธอบอกว่าจะถามปริกที่ปรึกษา เหยี่ยวงงเพราะมองไม่เห็นใคร พลันมีลมโชยปะทะหน้าเขา ปริกเปรย...ไม่เห็นก็ไม่ได้แปลว่าไม่มี ตาเนื้อก็เห็นแต่กายเนื้อ กายละเอียดจึงจะเห็นได้ด้วยใจ...แล้วพยักหน้าให้น้ำรินตามไปคุยนอกศาลา น้ำรินถามปริกถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้น มันต่างจากที่เคยเกิด ปริกพูดเป็นนัยๆแน่ใจหรือว่าไม่มีใครเป็นอะไร น้ำรินพยักหน้า ทั้งแม่และเหยี่ยวปลอดภัยดี
“สองคนนั้นคือคนที่หล่อนรัก แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่หล่อนรักที่สุด”...น้ำรินครุ่นคิด ปริกเน้น “มนุษย์ย่อมรักตัวเองมากที่สุด เพราะฉะนั้นสิ่งที่หล่อนรักมากที่สุดไม่ใช่ตัวหล่อนเองหรอกรึ”
น้ำรินแทบช็อกเมื่อคิดได้ว่าร่างตนอาจถูกทำร้าย รีบกลับมาบอกเหยี่ยว แต่เขาไม่ค่อยอยากเชื่อ เพราะไม่มีหลักฐานตามแบบฉบับของตำรวจ น้ำรินย้อนถามแล้ว ดวงจิตอย่างตนมีหลักฐานไหม เหยี่ยวนิ่วหน้าถามถ้าร่างเธอโดนทำลาย ดวงจิตเธอก็น่าจะสลายไปด้วย
“ไม่รู้สิ ตอนนี้ฉันอาจจะกลายเป็นผีเต็มตัวแล้วก็ได้” น้ำรินเศร้า
“ผมเข้าใจว่าตอนนี้คุณกำลังเศร้า แต่ความเศร้าต้องไม่ทำให้เรายอมแพ้ ความเศร้าสอนให้เราลุกขึ้นสู้ คุณต้องเลือกว่าจะนั่งร้องไห้อยู่ตรงนี้ หรือจะเดินไปด้วยกัน เพื่อพิสูจน์ว่าคุณยังไม่ตาย ผมจะหาร่างคุณให้พบให้ได้” เหยี่ยวยื่นมือให้ น้ำรินวางมือบนมือเขาอย่างเชื่อมั่น
ooooooo
ตกดึก นับดาวกลับมาที่คอนโด มองซ้าย มองขวาด้วยกลัวความผิดที่ไปก่อมา พลันเสียงเหล็กกระทบน้ำแข็ง แสงไฟจากระเบียงทำให้เห็นเงาคนเงื้อเหล็กเจาะน้ำแข็งอย่างน่ากลัว นับดาวตกใจถอยกรูด เงาคนก้าวเข้ามาหา เธอยกมือร้อง...อย่า...
ไฟสว่างขึ้น ภพธรเอื้อมมือเปิดสวิตช์
ภพธรถามนับดาวตกใจอะไร เธอหน้าซีดยิ้มแหยๆ ปฏิเสธไม่มีอะไร ถามทำไมเขาอยู่มืดๆ ภพธรไม่ตอบย้อนถามอย่างจับผิด กลายเป็นคนขวัญอ่อนตั้งแต่เมื่อไหร่ นับดาวพยายามรวบรวมสติ เดินตามภพธรออกไป
ที่ระเบียง เขาหันมาถามแววตาน่ากลัวว่าเธอไปไหนมา นับดาวโกหกว่าส่งเพื่อนไปเมืองนอก เขาทำหน้าประหลาดใจ
“เพื่อนเหรอ...ตั้งแต่รู้จัก มีแค่น้ำรินคนเดียวที่เธอคบเป็นเพื่อน”
นับดาวทำใจดีสู้เสือไม่หลบตาบอกเขาว่าตนมีเพื่อนอีกหลายคน แต่พอภพธรถามเพื่อนชื่ออะไร เธออ้างว่าเขาไม่รู้จัก ภพธรชำเลืองมอง เดี๋ยวนี้มีความลับกับตนหรือ หญิงสาวแก้ตัวว่าไม่เคย เขาดักคอให้พามารู้จัก เธอรีบบอกว่าคงไม่ได้เพราะเพื่อนไปต่างประเทศแล้ว ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันอย่างไม่ค่อยไว้ใจกัน
คืนนั้น ทั้งธาราและน้ำรินนอนไม่หลับ รู้สึก กระสับกระส่ายคิดถึงกัน ต่างคนต่างมองนาฬิกาคู่แฝดที่มีคนละเรือน ทำให้ความรู้สึกสื่อถึงกันได้ น้ำรินรับรู้ถึงความรักและความห่วงใยที่แม่มีต่อตน จึงพยายามส่งใจไปบอกให้แม่รู้ว่า ตนจะพยายามกลับเข้าร่างเพื่อไปกอดแม่ให้ได้...
เช้าวันใหม่ เหยี่ยวซื้อปลาทองมาเทใส่อ่างแก้ววางในห้อง น้ำรินยืนมองอย่างแปลกใจ
“เมื่อเช้าผมไปส่งยายไปปฏิบัติธรรมที่วัด แล้วผ่านร้านขายปลา เจอไอ้ตัวนี้หน้าเหมือนคุณ ก็เลยพากลับมาด้วย”
“บ้า...ฉันไม่ได้หน้าเหมือนปลาทองซักหน่อย” น้ำรินค้อนขวับ
“คุณรู้ไหม ปลาทองเป็นสัตว์ที่มีความจำสั้นมาก จำอะไรก็ไม่ได้ เอ๊ะ...เหมือนใครนะ นึกออกแล้ว เหมือนคุณไง” เหยี่ยวกระเซ้า
น้ำรินค้อน ถามถ้าตนเข้าร่างแล้วจำเขาไม่ได้จะทำอย่างไร เหยี่ยวรับรองว่าจะทำให้เธอจำเขาจนได้ “ผมบอกคุณแล้วไงว่าบางทีความจำก็ไม่ได้อยู่ที่สมอง ถึงคุณจำผมไม่ได้ แต่ผมมั่นใจว่าหัวใจของคุณจำผมได้”
น้ำรินสบตาเหยี่ยวด้วยความซาบซึ้ง รู้สึกเขินจนต้องเดินหนีออกจากห้อง เหยี่ยวเดินตามออกมา...บนโต๊ะมีถ้วยข้าวต้มกับยาแก้ปวดวางอยู่ น้ำรินแปลกใจถามเขาไม่สบายหรือ เหยี่ยวตอบว่าปวดหัวนิดหน่อย เธอจึงบอกให้เขารีบทานข้าวต้มเพื่อทานยา แต่เหยี่ยวอ้อนให้เธอป้อน น้ำรินจึงตั้งสมาธิพยายามจับช้อนเพื่อตักข้าว กว่าจะจับได้ พอป้อน แนนเดินเข้ามา ทั้งสองตกใจ ช้อนใน มือน้ำรินหล่น แนนคิดว่าเหยี่ยวทำหล่น เขาทำทีติงว่ามาเงียบๆเลยตกใจ
“ยายนวลโทร.มาบอกเราว่าเหยี่ยวเป็นไข้เราก็เลยรีบลางานมาดูแลเหยี่ยว” แนนเก็บช้อนแล้วเดินเข้าครัวไปเปลี่ยนใหม่ กลับออกมาป้อนข้าวเขา
น้ำรินมองอย่างปวดใจ ทนไม่ไหวลุกหนี เหยี่ยวเผลอเรียก...น้ำ...แนนเข้าใจว่าเหยี่ยวจะทานน้ำ ลุกไปเอาในครัว เหยี่ยวจะตามน้ำรินแต่เธอเดินทะลุประตูเข้าไปในห้องนอน...แนนยกแก้วน้ำมาให้เหยี่ยว แล้วบอกให้เขาถอดเสื้อเพื่อเช็ดตัว เขาปัดมือเธอปฏิเสธ แนนคิดว่าเขาเขิน
“เราเป็นคู่หมั้นกัน ไม่ต้องเขินหรอก” แนนพยายาม จะปลดกระดุมเสื้อเหยี่ยว
เหยี่ยวผลักแนนอย่างแรง “บอกว่าไม่ต้องก็ไม่ต้อง เราดูแลตัวเองได้ บอกตรงๆว่าเราไม่ชินกับการที่มีคนเข้ามายุ่งเรื่องส่วนตัว แนนกลับไปเถอะ”
“เหยี่ยว...ถามจริงๆเถอะ เราว่าเหยี่ยวดูแปลกๆ เหยี่ยวมีอะไรในใจรึเปล่า เหยี่ยวเป็นอะไร บางครั้งเราเห็นเหยี่ยวพูดคนเดียว”
“เราไม่รู้จะอธิบายยังไง วันนึงก็รู้เองแหละ แนนกลับไปก่อนเถอะเราอยากอยู่คนเดียว”
แนนฟังแล้วเกิดความน้อยใจขึ้นมาเป็นระลอก น้ำตาคลอแต่กลั้นไว้กล่าวขอโทษที่ทำให้อึดอัดใจ...แนนลุกเดินออกไป เหยี่ยวได้แต่มองตาม แนนเดินมาถึงหน้าบ้าน ในใจหวังว่าเขาจะตามมา แต่ก็ผิดหวัง ได้แต่ขี่จักรยานกลับไปน้ำตานองหน้า
ในห้องนอน น้ำรินนั่งมองปลาทองในอ่างแก้วสลับกับตุ๊กตาสีฟ้าบนโต๊ะอย่างเหงาๆ เหยี่ยวเดินเข้ามาบอกว่าแนนกลับไปแล้ว น้ำรินให้ตามไปให้เธอดูแล เขาส่ายหน้าไม่ต้องการ
“ทำไมล่ะ ฉันออกจะดีใจที่เขาเป็นห่วงเป็นใยคุณ เขารักคุณ เขาต้องดูแลคุณได้ดีกว่าฉัน ชาตินี้ทั้งชาติฉันอาจจะทำไม่ได้ เพราะร่างฉันอาจจะโดนทำลายไปแล้ว ฉันไม่มีร่างกาย ไม่มีเลือดเนื้อแบบเขา” น้ำริน พยายามกลั้นน้ำตา แต่มันก็หยดลงมา เหยี่ยวเห็นแล้วใจอ่อนยวบ
“ผมจะเร่งหาร่างของคุณให้เจอเร็วที่สุด เพราะถ้าไม่ใช่คุณ ผมก็ไม่ต้องการใคร”
“แต่หมวดแนนเป็นคู่หมั้นของคุณ”
“ใช่...ผมหนีความรับผิดชอบของตัวเองไม่ได้ แต่ผมก็หนีความต้องการของหัวใจตัวเองไม่ได้เหมือนกัน ...วันข้างหน้าจะเป็นยังไงไม่รู้ แต่นาทีนี้เรายังอยู่ด้วยกันนะ” เหยี่ยวจ้องตาน้ำริน เธอรับรู้ความรู้สึกเขาพยักหน้า ทั้งน้ำตา เขาจุมพิตที่หน้าผากเธอ แม้จะไร้ตัวตน แต่ก็รู้สึกสุขใจ
ooooooo
วันต่อมา ในคลังสินค้าเครื่องสำอาง มีการบรรจุยาเสพติดอโรม่าใส่แพ็กเกจ ภพธรตรวจสอบสินค้าอย่างพอใจ ชมเชยนับดาวว่าทำงานได้ดี ถ้าไม่มีเธอชีวิตตนคงเหนื่อยกว่านี้หลายเท่า
“พี่ธรพูดจริงหรือแค่เคาะกะลาให้สุนัขดีใจคะ”
“ทำไมเปรียบตัวเองเป็นสุนัขล่ะ อย่างดาวต้องเป็นงูเห่า สวยสง่าเต็มไปด้วยพิษร้ายและเลือดเย็น แว้งกัดได้ทุกคน” ภพธรยิ้มเยือกเย็นเชือดเฉือนด้วยแววตาและคำพูด
“งูเป็นสัตว์เลือดเย็นแต่มีความรู้สึกมีหัวใจ ใครทำมันเจ็บมันจะจำและอาฆาตไปชั่วชีวิต”
ภพธรรับคำยิ้มๆจะจำไว้ ว่าวันไหนคิดจะตีงูต้องตีให้หลังหัก นับดาวย้อนถามไม่กลัวมันแว้งกัดหรือ เขายิ้มหยัน คิดว่าคนอย่างตนกลัวงูหรือ นับดาวมองด้วยสายตารักระคนแค้น
บ่ายวันนั้นเหยี่ยวพาดวงจิตน้ำรินมาที่วัดที่เขาตามภพธรมาวันก่อน น้ำรินไม่เข้าใจเพราะคิดว่าภพธรไม่ใช่คนร้าย เหยี่ยวไม่กล้าบอกว่าตนสงสัยภพธร ได้แต่บอกว่า จะทำทุกวิถีทางให้เธอกลับเข้าร่าง ใครให้เบาะแสอะไรมาตนก็ตามหมด วัดนี้อาจมีอะไรซ่อนอยู่...เหยี่ยวเอารูปภพธรและนับดาวเดินถามคนแถวนั้น ชายคนหนึ่งบอกว่าเห็นผู้ชายมาไหว้พ่อบ่อยๆ แต่ผู้หญิงเพิ่งเห็นมาถามเหมือนที่เหยี่ยวถาม แล้วเดินไปทางหลังเนิน
เหยี่ยวลองเดินไปหลังเนิน เห็นเป็นท่าเรือเล็กๆ จึงถามคนเรือว่านับดาวมาที่นี่เมื่อไหร่ คนเรือตอบว่าเมื่อวาน แล้ววันนั้นก็เกิดไฟไหม้ที่บ้านริมน้ำ...เหยี่ยวกับน้ำรินตกใจ รีบไปที่บ้านหลังนั้น ตำรวจยังคงพิสูจน์หลักฐานอยู่ เหยี่ยวจึงสอบถาม ได้ความว่าบ้านหลังนี้จดทะเบียนเป็นสถานพยาบาล ข้าวของที่โดนไฟไหม้เป็นอุปกรณ์การแพทย์ส่วนใหญ่ และมีคนเสียชีวิตหนึ่งคน น้ำรินใจหายวาบไปทั้งตัวเกรงจะเป็นร่างตัวเอง
คืนเดียวกัน นับดาวเอาภาพถ่ายเหยี่ยวเดินสำรวจในวัดมาวางให้ภพธรดู บอกว่าได้ส่งคนตามเหยี่ยว พบว่าไปที่วัดที่เก็บกระดูกพ่อนุติของภพธร แล้วนั่งเรือต่อไปสถานพยาบาลที่อยู่ริมคลอง นับดาวหยั่งเชิงถามว่าภพธรเคยไปที่นั่นไหม แววตาเขากร้าวย้อนถามทำไมตนต้องไป เธอรีบกลบเกลื่อนไม่มีอะไรถามเล่นๆ นับดาวเห็นภพธรอารมณ์ไม่ดีจะถอยออกมา แต่เขากลับให้เล่ามาให้หมดอย่าค้างๆคาๆน่ารำคาญ นับดาวจึงเอารูปอื่นๆของเหยี่ยวให้ดูอีกและจาระไน
“เมื่อหลายวันก่อนมีไฟไหม้ที่นี่ ได้ยินว่ามีคนตายด้วยค่ะ” นับดาวจ้องจับพิรุธ
ภพธรกล่าวนิ่งๆอาจเป็นคนไข้เพราะหมอกับพยาบาลคงหนีทัน นับดาวปั้นเสียงสงสาร เขาเย้ยหยัน คนอย่างเธอขี้สงสารตั้งแต่เมื่อไหร่ นึกว่าเป็นคนเลือดเย็นเสียอีก นับดาวฝืนยิ้ม
“แหม ดาวก็เป็นผู้หญิง มีความรู้สึกรักเป็นเกลียดเป็นเหมือนกันนะคะ...เพียงแต่ ถ้าคนที่ดาวรักมากทำให้ดาวเจ็บ ดาวก็จะแค้นมากเป็นพิเศษ”
“ความแค้นก็เหมือนยาพิษ ถ้าทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ ยาพิษก็จะทำลายตัวเอง จนความตายก็ช่วยให้พ้นจากความทรมานไม่ได้” ภพธรหน้านิ่งจนนับดาวไม่อาจจับพิรุธอะไรได้
ooooooo
วันต่อมาลูกน้องภพธรขนยาเสพติดจากรถเข้าไปไว้ในโกดัง สายสืบตำรวจซุ่มดูอยู่และถ่ายรูปเป็นหลักฐาน ส่งมาให้สงคราม...สงครามเรียกทุกคนเข้าประชุม ดารณีกดคอมโชว์ภาพหน้าคลังสินค้าขึ้นจอใหญ่ว่ามีความเคลื่อนไหวผิดสังเกต น่าจะเป็นการขนยา
สายสืบปลอมตัวเข้าเป็นพวกคนงาน เห็นความโหดร้ายของภพธร ลงโทษลูกน้องที่ทำบรรจุภัณฑ์หล่นแตก ประกาศกร้าวว่าของของตนมีค่ากว่าชีวิตพวกเขา โทษสถานเดียวคือ...ตาย
ด้านสำนักงานสืบสวน ดารณีกับสงครามวางแผนบุกเข้าทลาย กำหนดให้ทีมเหยี่ยวเข้าด้านหลัง น้ำรินตามเหยี่ยวมาติดๆบอกเขาว่าตนจะเข้าไปเปิดประตูให้ เหยี่ยวพยักหน้า...น้ำรินทะลุผนังเข้ามา เห็นลูกน้องวิ่งผ่านหน้าไปบอกหัวหน้าให้รายงานบอสใหญ่ว่าตำรวจบุก เธอหูผึ่งอยากรู้ว่าบอสเป็นใคร
จึงเดินตามหัวหน้าคนงานไป พลันหัวใจก็เต้นแรงขึ้นอย่างประหลาด น้ำรินเห็นเพียงแผ่นหลังก็รู้สึกคุ้นเคย บอสวิ่งหนีออกประตูหลัง น้ำรินรีบกลับไปหาเหยี่ยว
“หัวหน้าใหญ่ของพวกมันหนีไปทางโน้นแล้ว”
เหยี่ยววิ่งตามไปทางที่น้ำรินชี้ แต่กลับถูกยิงสวน เหยี่ยวหลบยิงโต้ กระสุนหมดเหยี่ยวรีบเปลี่ยนแมกกาซีน บอสฉวยโอกาสเดินเข้าจะยิงใส่ แนนวิ่งมาจ่อปืนให้วางอาวุธ เหยี่ยวออกจากที่กำบัง แนนเผลอมองจึงโดนบอสเตะปัดปืนและผลักกระเด็นไปกระแทกตู้คอนเทนเนอร์
ทันใดมีรถแล่นมาอย่างรวดเร็ว ประตูรถเปิดออก นับดาวสวมหมวกปิดหน้าร้องบอกให้ภพธรขึ้นรถ เหยี่ยวกับแนนจะตามแต่เห็นระเบิดถูกโยนออกมา ทั้งสองกระโดดหลบเฉียดฉิว
รถแล่นมาจอดที่คอนโด ภพธรกล่าวถ้าไม่ได้ นับดาวตนคงแย่ นับดาวประจบไม่มีวันให้เขาโดนจับ เพราะเขาสำคัญสำหรับตนเสมอ...เข้ามาในห้อง ภพธร อดหงุดหงิดไม่ได้ที่งานนี้สูญไปหลายล้าน นับดาวปลอบช่างมันยังโชคดีที่ไม่โดนจับ เขาโวยลั่นผลักเธอกระเด็น
“โชคบ้าอะไรล่ะ ทุกอย่างพังหมดแล้ว เพราะไอ้สงครามและไอ้หมวดนั่น”
“อย่างน้อยพี่ธรก็ปลอดภัยกลับมา ดาวเป็นห่วงพี่ธรมากนะคะ” นับดาวโผกอดปลอบใจ
ภพธรรำคาญปัดว่าเหนื่อยอยากพักแล้วเดินไปไม่ไยดี นับดาวมองตามอย่างเจ็บปวด...ด้านหน้าโกดัง ตำรวจเข้ารวบรวมหลักฐาน ดารณียืนคุยกับเหยี่ยวชมว่าผลงานครั้งนี้ถือเป็นการทลายคลังยาเสพติดที่ใหญ่ที่สุดในรอบปี เสียดายที่จับหัวหน้าใหญ่ไม่ได้ ดารณีถามเหยี่ยวเห็นหน้าไหม เขาตอบเห็นไม่ชัด ดารณีไม่ติดใจเพราะหลักฐานที่ได้จะพาไปถึงตัวเขาเอง
เหยี่ยวเดินมาขอบใจแนนที่ช่วย แนนยิ้มปลื้ม “ไม่เป็นไรลืมแล้วหรือว่าเราเป็นอะไรกัน”
“นั่นแหละที่เราอยากจะพูด...ต่อไปนี้เราห่างกันซักพักดีกว่านะ เรามีเรื่องสำคัญต้องทำ”
แนนหน้าเสียถามเรื่องสำคัญอะไร เหยี่ยวบอกไม่ได้ เดินเลี่ยงไปทางน้ำริน แนนมองตามอย่างไม่เข้าใจ...เหยี่ยวเองก็รู้ว่าตัวเองต้องรับผิดชอบแนน แต่ตอนนี้เขาอยากทำทุกอย่างให้น้ำริน
ooooooo
เช้าวันใหม่ยายนวลเตรียมของใส่บาตรมากมายกับปลาทูและปูอัด บอกเหยี่ยวให้ไปชวนแนนมาทำบุญร่วมกัน เหยี่ยวตัดสินใจพูดกับยายเรื่องน้ำริน ยายนวลปัดไม่สนใจสั่งปลาทูปูอัดขนของไปวัด เหยี่ยวเดินตามตั้งใจจะคุยให้ได้
หลังจากถวายภัตตาหารเช้าเสร็จ หลวงตาเคี้ยงให้ศีลให้พร แอบเหน็บยายนวลให้เพลาๆหวยลงบ้าง ยายนวลถือโอกาสขอฤกษ์แต่งงานของเหยี่ยวกับแนนจากหลวงตา เอาด่วนที่สุด
“รีบร้อนขนาดนั้นเลยเรอะ” หลวงตาเคี้ยงย้อนถาม
ยายนวลอ้างกลัวไม่ทันอุ้มหลาน เหยี่ยวโพล่งขึ้น “ผมไม่แต่งกับใครทั้งนั้น จนกว่าจะคุยกับยายรู้เรื่อง”
“เอ็งนั่นแหละที่พูดไม่รู้เรื่อง” ว่าแล้วยายนวลก็ลุกเดินไปดื้อๆ ทุกคนมองตามงงๆ
ยายนวลเข้ามากราบพระในโบสถ์ เหยี่ยวตามมาบอกยายว่าตนรักน้ำริน “ความรักของผมกับน้ำรินมันยากเกินอธิบาย แต่ผมมั่นใจว่ายายดูออกและรู้เรื่องของเรามาตลอด”
ยายนวลอ่อนลงขอให้เหยี่ยวห่วงความรู้สึกแนนบ้าง เขาย้อนว่าที่หมั้นก็เพราะความต้องการของยาย ไม่ใช่ความรัก ยายเตือนให้แยกความรักกับความเหมาะสม แต่เขาเถียงว่าชีวิตอยู่อย่างไร้รัก มันจะมีความหมายอะไร ยายถามว่ารักที่ไม่คู่ควร จะให้ความสุขตรงไหน
“ความสุขของผมคือการได้รัก ไม่ใช่การคาดหวัง ถึงความรักของผมกับน้ำรินจะไม่มีวันเป็นไปได้ ผมก็ไม่มีทางรู้สึกกับแนนเกินเพื่อน” เหยี่ยวยืนยันหนักแน่น ยายนวลดูนิ่งคาดเดายาก
หลังจากนั้น ยายนวลกลับมาบ้านคนเดียว ปริก กระเซ้าน้ำรินว่าเหยี่ยวคงอยู่กับคู่หมั้น เธอเศร้าลงเพราะรู้อยู่แล้วว่าเรื่องของตนกับเหยี่ยวเป็นไปไม่ได้ ปริกว่าคิดเองเออเอง น้ำรินฉงน
“ฉันมีสิทธิ์แค่เตือน เหลืออีกสองวันพระที่หล่อนจะกลับเข้าร่างไม่ได้ถ้าไม่รีบหาร่างให้เจอ หล่อนก็จะกลายเป็นคู่ดูโอกับฉันตลอดไป” ปริกเปรย น้ำรินยิ่งเครียดเพราะยังหาร่างไม่เจอ
ในวันเดียวกัน นับดาววางแฟ้มงานตรงหน้าภพธร อย่างหงุดหงิดที่เสนอโปรเจกต์อะไรไป ธาราไม่อนุมัติสักเรื่อง เหมือนรู้อะไรระแคะระคาย ภพธรโวยใส่หาว่าเธอพยายามไม่มากพอ นับดาวหน้าเสียที่เขาขึ้นเสียง ติงช่วงนี้ตนทำอะไรก็ขัดหูขัดตาไปหมด ภพธรว่าเธอหาเรื่อง เธอส่ายหน้าไม่กล้า แค่อยากเตือนความจำว่าใครที่ยืนเคียงข้างเขาและช่วยเปลี่ยนยากล่อมประสาทให้น้ำรินกิน ตนช่วยเขาแก้แค้น ให้เขาได้พรากคนที่ธารารักไปอย่างไม่มีวันกลับ
ภพธรคิดถึงวันเกิดเหตุ ที่ตนโทร.ไปเตือนน้ำรินให้ทานยา พอเธอขับรถออกจากร้านเวดดิ้ง ก็ถูกชลชาติซึ่งเขาจ้างมาขับรถปาดเพื่อยั่วโมโหน้ำริน แล้วให้รถอีกคันพุ่งชนรถเธอทำให้เหมือนเป็นอุบัติเหตุ แต่เกิดความผิดพลาด รถชลชาติเสียหลักพุ่งลงน้ำตาย รถน้ำรินถูกชนอยู่ข้างทางแต่ร่างเธอกระเด็นตกน้ำ พอลูกน้องรายงาน ด้วยความที่ใจภพธรยังรักน้ำรินจึงสั่ง
“ปล่อยศพไอ้ชลชาติไว้ตรงนั้น เอารถน้ำรินออกมา กลบเกลื่อนหลักฐานให้หมด ทำเหมือนไม่มีรถน้ำรินอยู่เลย...” ลูกน้องถามจะให้ทำอย่างไรกับน้ำริน
หลังจากนั้น ภพธรก็เอาน้ำรินซึ่งกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรามารักษา สั่งหมอและพยาบาลปิดปากให้เงียบ...
เรื่องนี้ภพธรไม่ระแคะระคายให้นับดาวรู้เลย
นับดาวเขย่าภพธรถามใจลอยคิดถึงน้ำรินใช่ไหม ภพธรรู้สึกตัวหันมาโวยว่าเป็นบ้าอะไรมาหึงคนตาย
นับดาวเข่นเขี้ยวสายตาเกลียดชัง “ถ้านังน้ำรินตายจริงดาวจะดีใจมาก แต่ดาวจะไม่มีวันหยุดเกลียดมัน ต่อให้นังน้ำรินมันกลายเป็นผี ดาวก็จะสาปแช่งให้มันตกนรกหมกไหม้”
“นับดาวที่พี่รู้จักไม่เคยเป็นคนแบบนี้” ภพธรมองนับดาวอย่างคิดไม่ถึง
“ความรักหรือการทรยศหักหลัง เป็นสาเหตุที่ทำให้คนเปลี่ยนไป ถ้าดาวจะเปลี่ยน ก็เป็นเพราะความรักที่มีให้กับพี่ธรมากไงคะ” นับดาวยิ้มเยือกเย็น ภพธรเริ่มจะหมดความอดทนกับเธอ
ooooooo
ตกดึก ดวงจิตน้ำรินมาที่บ้าน เห็นธารานั่งเสียใจอยู่ในห้องนอนตน ก็เข้าไปใกล้ๆ น้ำรินเศร้าใจที่ไม่อาจสื่อสารกับแม่ได้ ฟังแม่รำพันถึงตัวเองแต่ทำให้แม่รับรู้ว่าตนเข้าใจไม่ได้ ธารามองตัวเองในกระจกน้ำตาไหลริน พลันเห็นเงาน้ำรินปรากฏขึ้น น้ำรินเองก็ตื่นเต้นชั่วครู่ก็สลาย
สองแม่ลูกนั่งร้องไห้อยู่ข้างกันอย่างทรมานใจที่ไม่อาจสื่อสารกันได้...เหยี่ยวเดินหาน้ำรินทั่วบ้าน พบนั่งเศร้าอยู่มุมหนึ่ง เขายังไม่อยากเล่าอะไรให้เธอไม่สบายใจ น้ำรินก็เข้าใจว่าเขาไปกับแนนมา จึงเปรยว่าตนไปหาแม่มา วันนี้แม่เห็นตนครู่หนึ่ง เหยี่ยวปลอบว่าคงเป็นพลังแห่งความรักของแม่ลูก น้ำรินน้ำตาคลอเพราะเวลาของตนใกล้จะหมด
“ผ่านวันพระนี้ไป ก็เหลืออีกแค่วันพระเดียว ถ้าฉันกลับเข้าร่างไม่ได้ฉันก็จะกลายเป็นวิญญาณ เป็นคนที่ตายแล้ว”
“ผมจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น”
“เราคงต้องยอมรับความจริง ยอมรับสิ่งที่ถูกลิขิตแล้ว”
“ผมจะเป็นคนลิขิตชีวิตคุณเอง จะหาร่างคุณให้เจอและหาวิธีทำให้คุณกลับเข้าร่างให้ได้”
ความตั้งใจของเหยี่ยวหนักแน่นมาก เขาตั้งหน้าค้นข้อมูลเรื่องการละสังขาร การเกิดใหม่ เรื่องดวงจิต วิญญาณต่างๆ อ่านจนท้อกลัดกลุ้มมาปรึกษาหลวงตาเคี้ยง หลวงตาว่าไม่มีหนังสือสอนเรื่องการฝืนกฎธรรมชาติ หมดหนี้กรรมก็พ้นกรรม กฎแห่งกรรมคือกฎของธรรมชาติ ...ว่าแล้วหลวงตาก็หยิบใบไม้แห้งที่พื้นขึ้นมาใบหนึ่ง พูดแบบไม่ตั้งใจว่า
“ธรรมชาติของใบไม้จะร่วงหล่นตามกาลเวลา...คงจะดีถ้าทำให้มันกลับไปอยู่บนต้นไม้เหมือนเดิมได้สดใสอยู่ที่เดิมก่อนจะร่วง...ก็แค่หยิบไปวางไว้ตรงที่เดิมเนอะ”
เหยี่ยวปิ๊งขึ้นมาทันที เข้าใจว่าน้ำรินจะฟื้นได้ก็ต้องกลับไปจุดที่เกิดเหตุ เขารีบกราบขอบคุณหลวงตาด้วยความดีใจ หลวงตาบอกว่าแค่พูดเพ้อเจ้อ...เหยี่ยวกลับไปบอกข่าวน้ำริน
ในขณะที่นับดาวถูกธาราเรียกมาต่อว่า ทุจริตในการทำบัญชีเบิกจ่าย นับดาวหน้าเสียมองภพธรเชิงขอความช่วยเหลือ เขาจึงบอกธาราว่าขอให้นับดาวเอากลับไปตรวจสอบใหม่ ธาราเอ็ด
“ถ้าฉันไม่กลับมาทำงานก็คงไม่รู้ว่าเธอทำงานชุ่ยแค่ไหน ตัวเลขผิดพลาดนิดเดียว ทำให้ธุรกิจเจ๊งมานับไม่ถ้วน นับดาวทำงานกับรินธารากรุ๊ปมาหลายปีทำไมจะไม่รู้”
นับดาวรีบขอโทษจะไม่ทำงานผิดพลาดอีก ภพธรให้เธอเอาบัญชีกลับไปแก้ไข...หลังจากนั้นนับดาวก็มาโวยวายถามภพธรในห้องทำงาน เพราะเชื่อว่าเรื่องนี้เขาเป็นคนจัดการให้ธาราค้นเจอ ภพธรทำทีปลอบอย่าเพิ่งโวยวาย ช่วงนี้ให้ทำงานระวังไว้หน่อย อย่าพลาดให้ถูกจับได้อีก สีหน้านับดาวไม่ค่อยไว้ใจภพธรเท่าไหร่
เมื่อสงครามรู้ว่าธาราไปบริษัทก็ห่วงใยอยากให้เธอพักผ่อนอยู่บ้าน เธอกลับบอกว่าการทำงานคือการพักผ่อนและกล่าวขอบใจที่ภพธรแนะนำให้เธอออกไปทำงานดีกว่าอุดอู้อยู่บ้าน พลันแม่บ้านเข้ามายื่นกล่องพัสดุให้ บอกว่ามีคนมาวางไว้หน้าบ้านระบุชื่อธารา สงครามรีบรับมาตรวจสอบ ปรากฏเป็นกล่องชาดอกมะลิที่แม่บ้านเคยบอกว่าหายไป สงครามจึงเอาไปตรวจสอบลายนิ้วมือและสารพิษ
ooooooo
เช้าวันใหม่ เหยี่ยวซื้อตู้ปลาและของแต่งมาเปลี่ยนให้เจ้าปลาทอง น้ำรินตื้นตันเพราะรู้ว่าเขาอยากให้เธอสบายใจ จึงตั้งชื่อมันว่า เซมเบ้ ด้วยเหตุผลที่ว่า
“อยากให้คุณอารมณ์ดีมีรอยยิ้ม เวลาที่ฉันไม่อยู่ คุณจะได้หัวเราะทุกครั้งที่เรียกชื่อมัน”
“ไม่มีอะไรมาแทนที่คุณได้”
น้ำรินสลดลงบอก ถึงตนกลับเข้าร่างได้ก็ต้องจากกันอยู่ดี เหยี่ยวแย้ง ตนอยู่กับปัจจุบันที่ยังมีเธออยู่ตรงนี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นตนจะไม่ลืมเธอไม่ลืมคนชื่อน้ำริน ทั้งสองสบตากันซึ้งใจ...หลังจากนั้น เหยี่ยวมาทำงาน แนนซื้อขนมมาฝาก อยากรู้ว่าทำไมเขามาสายแต่ไม่กล้าถามจึงมึนตึง เหยี่ยวสังเกตเห็นถามโกรธอะไรเขา เธอตอบว่าเปล่าแค่รู้สึกว่าเขาไม่อยากคุยด้วย ไม่ทันที่เขาจะอธิบาย จ่านกน้อยก็มาบอกว่า สงครามเรียกพบ แนนได้แต่มองตามเหยี่ยวไปอย่างเศร้าๆ
สงครามเห็นว่าเหยี่ยวเคยพูดถึงน้ำริน จึงเล่าเรื่องกล่องชาที่มีคนมาวางให้ธารา ตนส่งตรวจสอบแล้ว มีสารพิษผสมอยู่แต่ไม่พบลายนิ้วมือแฝง แสดงว่าคนร้ายต้องเป็นคนใกล้ตัว...เหยี่ยวกลับมาเล่าให้น้ำรินฟัง เธอนึกได้บอกว่าตนมีโรคประจำตัวที่ต้องกินยาเป็นประจำ และจำได้ว่า วันเกิดเหตุ ภพธรโทร.มาเตือนให้ตนทานยา แต่ตนเชื่อว่าเขาไม่ได้คิดร้าย
“สิ่งที่ตาคุณเห็นอาจไม่ใช่ความจริงเสมอไป”
“คุณอคติกับพี่ธร”
“ผมพูดตามประสบการณ์การทำงานและจำเป็นต้องสงสัยทุกคนที่อยู่ใกล้ตัวคุณกับคุณธารา” น้ำรินจึงบอกให้เขาสงสัยนับดาวด้วย เหยี่ยวสีหน้าเคร่งเครียดทันที
พอได้ความจากน้ำริน เหยี่ยวก็เอาภาพสถานพยาบาลที่ถูกไฟไหม้มาเปิดให้สงครามดูและเชื่อว่าร่างน้ำรินเคยอยู่ที่นั่น “ผมตรวจสอบประวัติสถานพยาบาลนี้ พบว่ามีหมอทางระบบประสาทมือดีคนหนึ่งดูแลอยู่ แต่หมอหายตัวไปตั้งแต่ที่นี่ถูกไฟไหม้”
เหยี่ยวสาธยายว่ามีพยาบาลเสียชีวิตหนึ่งคน ชาวบ้านแถวนั้นบอกว่าเห็นหมอกับพยาบาลเข้าออกที่นี่ประจำแต่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนไข้...สงครามถามอะไรทำให้ เขาแน่ใจว่าเกี่ยวข้องกับน้ำริน
เหยี่ยวพาสงครามมาที่วัดที่ภพธรและธารามาเคารพกระดูกนุติประจำ สงครามรู้ว่าธารามาบ่อยเพราะรู้สึกผิดต่อเพื่อน ส่วนภพธรมาไหว้พ่อเป็นเรื่องธรรมดา เหยี่ยวเน้นว่าทั้งภพธรและนับดาวมาที่นี่วันที่สถานพยาบาลเกิดไฟไหม้ ตนไม่มีหลักฐานแต่ถ้าเจอตัวหมอคงคลี่คลายได้
ในวันนั้น แนนมารอเหยี่ยวที่บ้านทั้งวันจนกลับไป เหยี่ยวกลับมาดึก ยายนวลต่อว่า เขาบอกว่ามีงานด่วน ยายว่าเขาอ้างเพราะความจริงหลบหน้า ควรจะดูแลเธอบ้างใกล้จะแต่งกันอยู่แล้ว เหยี่ยวอ้างว่าแนนไม่ใช่คนอ่อนแอ ยายนวลสวน
“เอ็งก็เลยเลือกดูแลหนูน้ำ ทั้งที่เขาไม่ใช่คู่หมั้นของเอ็งงั้นเหรอ”
“เราคุยกันเรื่องนี้แล้วนะยาย ถ้าไม่เข้าใจ ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง” เหยี่ยวเดินหนีเข้าห้อง
น้ำรินได้ยินการสนทนา รู้สึกไม่สบายใจที่ตัวเองเป็นต้นเหตุ...พยายามบอกเหยี่ยวว่าที่ยายนวลทำทุกอย่างเพราะรักและห่วงใยเขา อยากให้เขามีคู่ครองที่เหมาะสม เหยี่ยวย้อนถาม แล้วความสุขตนล่ะ น้ำรินถอนใจ “เมื่อถึงเวลา เราควรเลือกสิ่งที่ถูกต้องมากกว่าถูกใจ”
เหยี่ยวย้ำ สิ่งเดียวที่ตนจะทำตอนนี้คือตามหาร่างเธอและพาดวงจิตเธอเข้าร่างให้ได้ น้ำรินอึ้งซาบซึ้งใจ
วันต่อมา ธาราได้รับเอกสารบัญชีธนาคารของนับดาวก็แปลกใจใครส่งมาให้ จึงโทร.ปรึกษาสงคราม... สงครามคุยกับเหยี่ยวว่า เงินจำนวนมหาศาลที่โอนเข้ามา นับดาวเป็นพนักงานเล็กๆไม่น่ามีเงินขนาดนั้น เหยี่ยวย้อนถามว่าเขาสงสัยใคร สงครามคิดใครที่เป็นคนส่งเอกสารมา
ooooooo
ภพธรนำร่างน้ำรินมาไว้ที่บ้านเก่าของพ่อตน เขาเป็นคนบุกฝ่ากองไฟเข้าไปอุ้มร่างเธอออกมาจากสถานพยาบาลวันที่เกิดไฟไหม้...ภพธรลูบหัวน้ำรินอย่างทะนุถนอม สักพักแววตาเปลี่ยนเป็นเคียดแค้น ตนควรจะเกลียดหรือรักเธอดี เธอไม่น่าเกิดเป็นลูกของธาราเลย
ภพธรสั่งหมอที่ยืนตัวสั่นหวาดกลัว ให้ดูแลคนไข้ให้ดีและห้ามบอกใครเด็ดขาด ความลับนี้หมายถึงชีวิตครอบครัวของหมอ...ในขณะที่ดวงจิตน้ำริน เศร้าสลดเพราะเหลือเวลาอีกเพียงวันพระเดียว ก็จะกลายเป็นผีถ้าหาร่างไม่เจอ ปริกแนะ เวลาเหลือน้อยทำไมไม่ไปหาแม่หาคนที่เรารัก ถึงจะเจ็บปวดที่แม่ไม่เห็นเรา แต่ก็สัมผัสกันได้ด้วยใจ
คืนนั้น น้ำรินจึงไปหาธารา ยืนมองอยู่ปลายเตียงเศร้าๆ ก่อนจะก้มกราบ “แม่คะ...เวลาของน้ำใกล้หมดแล้ว น้ำเป็นลูกอกตัญญูที่ไม่สามารถอยู่ดูแลแม่ได้ ยกโทษให้น้ำด้วยนะคะ”
ธารารู้สึกตัวลืมตาเห็นร่างลูกสาวรางเลือน “น้ำ แม่รู้สึกว่าลูกอยู่ใกล้จนสัมผัสได้ แม่อยากกอดลูกเหลือเกิน ถึงแม่จะมองไม่เห็นลูก แต่แม่ก็มั่นใจในพลังความรักที่แม่มีให้ลูก รักของแม่จะเป็นเกราะคุ้มภัยและพาลูกกลับบ้านนะน้ำริน”
สองแม่ลูกน้ำตาไหลริน ต่างส่งผ่านความผูกพันให้กัน...ปริกน้ำตาซึมด้วยความสงสาร
รุ่งเช้า ธาราเรียกประชุมกรรมการพร้อมภพธรและนับดาว สีหน้าธาราเคร่งเครียดก่อนจะประกาศ “เรื่องด่วนที่ฉันเรียกประชุมในวันนี้ เกี่ยวข้องกับการฮั้วประมูลบริษัทรับเหมาก่อสร้างและการทุจริตสเปกวัสดุก่อสร้างในโครงการของเรา...มีหลักฐานหลายฉบับระบุว่านับดาวได้ค่าตอบแทนจากการเสนอชื่อบริษัทผู้รับเหมาและได้เปอร์เซ็นต์จากการเปลี่ยนสเปกวัสดุก่อสร้าง”
เหล่ากรรมการหันมองนับดาว เธอหน้าเสียปฏิเสธว่าถูกใส่ร้าย ธาราถามภพธรว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฎของบริษัทใช่ไหม นับดาวส่งสายตาวิงวอนให้ภพธร เขากลับบอกว่า
“เราจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ นับดาวคงต้องพักงานจนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้ทำผิด”...นับดาวตาโพลงไม่คิดว่าภพธรจะไม่ช่วยอะไรตน
พอคุมสติได้ นับดาวก็มาต่อว่าภพธรในห้องทำงาน ที่ปล่อยให้เดือดร้อนคนเดียว ภพธรทำทีปลอบว่ากำลังหาทางช่วย อย่าใจร้อน อย่าขาดสติ ตนสัญญาว่าจะไม่ทิ้งเธอ ขอให้เธอนิ่งไว้
ธาราเองก็มาปรับทุกข์กับสงครามและเหยี่ยวคงเป็นกรรมของตนที่เคยทำคนอื่นไว้มากมายเพื่อผลประโยชน์ สุดท้ายก็ถูกคนใกล้ตัวทรยศหักหลัง สงครามปลอบใจว่าเธอชดใช้กรรมมามากพอแล้ว ถึงเวลาที่คนอื่นต้องชดใช้บ้าง น้ำรินยืนฟังรู้สึกเป็นห่วงแม่ เหยี่ยวกระซิบสงครามไม่ปล่อยให้ธาราเป็นอันตรายอีก
ธารานึกได้ถามสงคราม ทำไมให้ตนยื้อเรื่องตรวจสอบแทนที่จะให้รีบดำเนินคดี สงครามแจงว่า “นายยอดชัด บุษบัน มิสเตอร์หลิว ผู้ต้องหาจากคดีค้ายาเสพติดคือบุคคลที่โอนเงินเข้าบัญชีนับดาว และนับดาวก็เคยโอนเงินไปให้คงคา มือปืนที่มีหลักฐานว่าลอบทำร้ายคุณ”
น้ำรินได้ยินตกใจ เหยี่ยวกระซิบว่าลำพังนับดาวคนเดียวคงทำงานใหญ่ขนาดนี้ไม่ได้ ต้องมีคนร่วมมือ เหยี่ยวไม่อยากบอกว่าสงสัยภพธร...พอดีดารณีส่งข้อความเข้ามือถือเหยี่ยว ว่าได้เบอร์โทรศัพท์หมอที่ดูแลสถานพยาบาลริมน้ำแล้วกำลังตามสัญญาณอยู่ เหยี่ยวยิ้มมีความหวัง
คืนนั้น น้ำรินนั่งมองปลาทองในตู้ปลาเศร้าๆเพราะพรุ่งนี้เป็นวันพระสุดท้าย เธอฝากเจ้าเซมเบ้ปลาทองให้ดูแลและทำให้เหยี่ยวหัวเราะทุกครั้งที่เขาเรียกมัน เหยี่ยวเดินเข้ามาบอกเธอว่า
“มีคุณเท่านั้นที่ทำให้ผมยิ้มและหัวเราะได้ตลอดเวลา” น้ำรินสะดุ้งหันมาประจันหน้า เขาเน้น “ยังมีชีวิตก็ยังมีหวัง ยังไม่หมดเวลาก็ยังมีเวลา ทุกวินาทีที่เราอยู่ด้วยกันคือสิ่งมีค่าอย่ามองข้ามความสุขตรงนั้น”
“คุณช่วยเหลือฉันมาตลอด จนฉันไม่รู้จะตอบแทนยังไง”
“กลับมามีชีวิตและทำให้ผมยิ้มทุกวันสิ”
น้ำรินน้ำตาร่วงเพราะอยากมีชีวิตและกลับมาหาเขา เหยี่ยวรับปากจะรอและจะไม่มีวันลืมเธอ น้ำรินเผลอโผกอดเขา ทั้งสองแปลกใจที่สามารถกอดกันได้ เหยี่ยวเชื่อมั่นว่าจะไม่ใช่การกอดกันครั้งสุดท้าย พรุ่งนี้เธอต้องกลับเข้าร่างได้ เหยี่ยวกอดน้ำรินแน่นด้วยความรักสุดหัวใจ
ooooooo
วันใหม่ ภพธรขับรถมาคฤหาสน์ธาราแต่เช้า ไม่ทันเข้าบ้าน นับดาวโทร.มาโวย คิดจะทรยศอะไรตนอีก ภพธรอึ้งหาข้อแก้ตัวว่าจะมาจัดการธาราต่างหาก นับดาวไม่เชื่อ ตนรู้ว่าเขาเก็บร่างน้ำรินไว้ไม่บอกตน ตนจึงตามไปเผา ก็ยังช่วยไว้อีก เพราะตนหมดประโยชน์แล้วใช่ไหม
“พี่ธรคงคิดจะกลับไปหานังน้ำริน อย่าหวังว่าดาวจะปล่อยให้พี่ธรมีความสุข”
ภพธรแก้ตัวว่าที่เก็บร่างน้ำรินเพื่องานของเราสองคน แต่นับดาวไม่เห็นประโยชน์อะไรนอกจากเขายังรักน้ำริน นับดาวขู่ว่าตนกุมความลับทุกอย่างของเขาไว้ เมื่อถึงคราวจำเป็นตนคงต้องใช้มัน...ภพธรเครียด พยายามทำให้เธอเย็นลง “เอาล่ะ เพื่อพิสูจน์ความรักและความจริงใจที่พี่มีต่อดาว เราจะไปทำลายร่างน้ำรินด้วยกัน พี่จะส่งที่อยู่ไปให้ ดาวรีบพาคนของเราไปรอที่นั่น ขอเวลาพี่จัดการนังธาราก่อน อีกสักพักพี่จะตามไป”
นับดาวหลงเชื่อดีใจ...ระหว่างนั้นเหยี่ยวสืบจนเจอบ้านนุติที่ซ่อนร่างน้ำรินไว้ เขาแอบปีนเข้าไปในบ้าน งัดหน้าต่างโดดเข้าไป แล้วก็ต้องตะลึงเมื่อเห็นร่างน้ำรินนอนอยู่จริง หมอเปิดประตูเข้ามาเจอต่างตกใจ เหยี่ยวแสดงตัวว่าเป็นตำรวจ จับหมอไว้ให้สารภาพ
ธารารู้สึกสังหรณ์ใจจนต้องเอานาฬิกาที่มีเหมือนกับลูกขึ้นมาดู ดวงจิตน้ำรินยืนเศร้าอยู่ข้างๆ พลันแม่บ้านมาบอกว่าภพธรมารอพบ...ภพธรทำทีมีเรื่องสำคัญมาสารภาพ
“ผมทนเก็บความลับไว้ไม่ได้อีกแล้ว...ผมเคยนอกใจน้ำริน” ธาราตกใจเล็กน้อย...ภพธรบอกว่าตนพลาดเพราะความเมา และนับดาวก็ใช้เรื่องนี้ข่มขู่ให้ตนปิดปากเรื่องที่เธอวางแผนกำจัดน้ำรินและธารา เพื่อจะได้ทรัพย์สมบัติและใช้รินธารากรุ๊ปเป็นช่องทางค้ายาเสพติด...
น้ำรินฟังแล้วตกใจไม่คิดว่านับดาวจะร้ายกาจขนาดนี้ ภพธรทรุดลงกราบน้ำตาร่วง
“ผมรู้สึกผิดกับคุณอาและน้องน้ำมาตลอด ผมทำร้ายครอบครัวผู้มีพระคุณของผมเอง ไม่น่าให้อภัย ผมขอโทษครับคุณอา...ผมขอโทษ”
ธารามองอย่างไม่ค่อยไว้ใจถามทำไมเพิ่งสำนึกผิด ภพธรบอกว่านับดาวกำลังจะทำสิ่งที่เลวร้ายที่สุด ตนยอมไม่ได้อีกแล้ว คือนับดาวจะทำร้ายน้ำริน
ธาราแทบช็อกเมื่อรู้ว่าน้ำรินยังไม่ตาย ภพธรจะพาธาราไปที่ที่นับดาวซ่อนร่างน้ำริน...น้ำรินหูผึ่งดีใจ
ในขณะที่เหยี่ยวกำลังอุ้มร่างน้ำรินออกจากบ้านนุติ เจอนับดาวกับสมุนสามคน เกิดการต่อสู้กันขึ้น หมอฉวยโอกาสจะหนี แต่ถูกนับดาวยิงอย่างไม่ปรานี เหยี่ยวได้ทีอุ้มร่างน้ำรินวิ่งออกมาหน้าบ้าน เห็นรถนับดาวจอดอยู่ มีกุญแจทิ้งคาไว้ จึงรีบเข้ารถขับหนีไปได้อย่างเฉียดฉิว ดารณี แนนและจ่านกน้อยนำกำลังตำรวจมาล้อมจับพวกนับดาวไว้ได้พอดี
ธาราชวนสงครามไปกับภพธรด้วย มาถึงพบนับดาวกับพวกถูกตำรวจจับใส่กุญแจมือ ดวงจิตน้ำรินตามติดมาด้วย แนนรายงานสงครามว่า ร่างน้ำรินถูกพามาไว้ที่นี่จริงและเหยี่ยวพาออกไปแล้ว คาดว่าจะพาไปโรงพยาบาล น้ำรินดีใจหายตัววูบไปในทันที...นับดาวเห็นภพธรรีบขอให้ช่วยตนด้วยอย่าทิ้งตนไป แต่พอเห็นสายตาภพธรเฉยเมยก็ใจหายวูบ รู้ได้ทันทีว่าทั้งหมดเป็นแผนเขา สงครามแอบชำเลืองมองอย่างสงสัย
ดวงจิตน้ำรินมาปรากฏตัวในรถที่เหยี่ยวขับพาร่างเธอที่นอนอยู่เบาะหลังด้วยความตื่นเต้น เหยี่ยวสะดุ้งรถแฉลบเกือบตกข้างทาง น้ำรินนึกได้ถาม
“คุณขับรถเป็นด้วยเหรอ!”
เหยี่ยวตอบว่าขับได้แค่ไม่กล้าขับ น้ำรินปลาบปลื้มที่เขายอมขับรถเพื่อตน ปริกโผล่มายิ้มแต้ น้ำรินสะดุ้งมาได้อย่างไร ปริกบอกว่าช่วงเวลาสำคัญต้องไม่พลาด เหยี่ยวงงว่าน้ำรินคุยกับใคร ปริกให้น้ำรินบอกเหยี่ยวรีบไปที่จุดอุบัติเหตุ ก่อนจะไม่ทันเวลา เธอต้องไปเข้าร่างที่นั่น
มาถึงเหยี่ยวอุ้มร่างน้ำรินวางลงบนพื้นหญ้าริมบึง บอกดวงจิตน้ำรินให้รีบเข้าร่าง น้ำรินไม่รู้จะทำอย่างไร ปริกบอกให้เพ่งสมาธิไปที่ร่าง ผสานจิตกับกายให้เป็นหนึ่งเดียว ทันใดวิญญาณชลชาติปรากฏตัวขึ้น “กูไม่ยอมให้มึงมีชีวิต นังฆาตกร!”
น้ำรินตกใจร้องลั่น เหยี่ยวไม่เห็นแต่รู้ว่ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น เพราะเห็นแสงเปรี้ยงปร้าง...
ooooooo










