ตอนที่ 10
เมื่อช่วยเหยี่ยวจากคนร้ายแล้ว น้ำรินจึงต้องช่วยเขาต่อด้วยการเข้าไปดูว่ามิสเตอร์หลิวเป็นพ่อค้ายาเสพติดหรือไม่ น้ำรินได้ยินมิสเตอร์หลิวสั่งลูกน้องเป็นภาษาจีน ให้ดูแลอโรม่าให้ดีต้องส่งมอบวันนี้... น้ำรินรีบกลับออกมาบอกเหยี่ยวซึ่งซ่อนตัวอยู่ไม่ไกล
“พวกมันเตรียมส่งยาให้ลูกค้าคืนนี้ เท่าที่ดูเป็นยาเสพติดตัวเดียวกับที่เจอในสปาบุษบัน”
“แสดงว่าลูกค้าของมิสเตอร์หลิวต้องอยู่ในงานนี้ ว่าแต่มันเป็นใคร เอ๊ะ!คุณฟังภาษาจีนที่พวกมันคุยกันรู้เรื่องด้วยเหรอ”
น้ำรินตื่นเต้น ไม่ยักรู้ว่าตัวเองฟังภาษาจีนออก เหยี่ยวจึงให้เธอคอยตามดูว่ามิสเตอร์หลิวส่งยาให้ใคร... น้ำรินตามเข้ามาในงานเลี้ยง กวาดตามองหามิสเตอร์หลิว เห็นนั่งคุยอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งหันหลังให้ น้ำรินบอกปริก ว่าผู้ชายคนนั้นคงเป็นลูกค้าซื้อยา ทั้งสองเจรจาเป็นภาษาอังกฤษ เปิดกระเป๋าตรวจสินค้าและเงิน น้ำรินรู้สึกคุ้นเสียงจะอ้อมไปดูหน้าลูกค้ามิสเตอร์หลิว
ทันใดลูกน้องเข้ามารายงานว่ามีตำรวจแฝงตัวเข้ามา น้ำรินตกใจเมื่อได้ยินคำสั่งให้ฆ่าทิ้ง
“มันสั่งให้ฆ่าตำรวจ...หมวดเหยี่ยวแย่แล้ว!” น้ำรินบอกปริกแล้วรีบวิ่งออกไป
ปริกบ่นไล่หลัง ปากบอกไม่รัก แต่พอเขามีอันตรายก็แจ้นไปทันที นี่แหละที่ใดมีรักที่นั่นย่อมมีทุกข์...นับดาวเดินสวนปริกเข้ามากระซิบบอกภพธรว่า ตำรวจบุกเข้ามาในงาน ภพธรมองมิสเตอร์หลิวด้วยแววตามีแผนร้าย
ในขณะที่เหยี่ยวต่อสู้กับลูกน้องมิสเตอร์หลิวถึงสามคนด้วยชั้นเชิงสูง ผู้คนในงานวิ่งหนีกันชุลมุน ลูกน้องที่ได้รับคำสั่งให้ฆ่าตำรวจ ย่องมาข้างหลังเหยี่ยว เล็งปืนมาที่เขา น้ำรินวิ่งออกมา รวบรวมพลังจิตยกเก้าอี้ฟาดไปที่มือคนร้ายปืนกระเด็น เหยี่ยวหันมองสบตาน้ำรินเชิงขอบคุณ น้ำรินรีบถามอย่างห่วงใยเขาไม่เป็นอะไรใช่ไหม
“ถ้าไม่มีคุณ ผมคงตายไปแล้ว”
ดารณีนำกำลังตำรวจบุกเข้ามาช่วยเหยี่ยว และจับลูกน้องมิสเตอร์หลิวไว้ได้ ถามเหยี่ยวถึงยาเสพติดอโรม่าและหัวหน้าพวกมัน...เหยี่ยวพามาที่โซนวีไอพี เห็นคนกำลังมุงอยู่ เข้ามาดู มีภพธรและนับดาวยืนคุมพยาบาลปั๊มหัวใจให้มิสเตอร์หลิว ดารณีถามเกิดอะไรขึ้น
“มิสเตอร์หลิวกำลังจะหนี แต่เกิดภาวะน้ำตาลขึ้นสูง ตกใจฉีดอินซูลินให้ตัวเองจนหมดหลอด ก็เลยช็อกหัวใจหยุดเต้นค่ะ” นับดาวตอบในฐานะผู้ดูแลจัดงาน
“พ่อค้ายาเสพติดปล้นชีวิตไปจากคนอื่น พอถึงเวลากฎแห่งกรรมทำงาน ต่อให้มีเงินล้นฟ้าก็หนีบาปที่ทำไว้ไม่พ้น” ภพธรกล่าวเอาตัวรอดด้วยน้ำเสียงพ่อพระสุดๆ
เหยี่ยวกับดารณีไม่ค่อยไว้ใจภพธรกับนับดาวเท่าไหร่ แต่ก็ต้องจับตาดูว่าใครกันแน่เป็นคู่ค้าของมิสเตอร์หลิว...แยกออกมา นับดาวชื่นชมว่าภพธรฉลาดมากที่ฉีดอินซูลินเกินขนาดให้มิสเตอร์หลิว ตายเสียคนก็ซัดทอดใครไม่ได้ เผอิญน้ำรินเดินสวนกับภพธร เธอชะงักทันที ต้องหันกลับไปมองหน้า ความทรงจำวูบวาบเข้ามา
ไฟในภัตตาคารหรูดับพรึบลง น้ำรินยืนตกใจ ไม่ทันไรบริกรก็จุดเทียนทีละดวงๆทำให้บรรยากาศโรแมนติกขึ้น ชายคนหนึ่งเข้ามาด้านหลัง ชูสร้อยอักษร PN ตรงหน้าพร้อมคำอวยพรสุขสันต์วันครบรอบที่เรารู้ใจกัน ชายคนนั้นสวมสร้อยให้แก่เธอ...ภาพความคิดของน้ำรินชะงักลง เมื่อเสียงนับดาวกล่าวกับภพธรว่า “กลับกันเถอะค่ะพี่ธร ดาวเหนื่อย”
น้ำรินได้ยินชื่อพี่ธรก็พยายามจะมองหน้า แต่เขาหันกลับเดินไปเสียก่อน...เมื่อกลับถึงบ้านเหยี่ยว น้ำรินพยายามคิดถึงเหตุการณ์ในอดีตครั้งนั้นอีก...เธอจับสร้อยยิ้มขอบคุณพี่ธร เสียงชายหนุ่มบอกว่า น้ำอยู่ในใจพี่เสมอ และกุมมือเธอไว้ พร้อมกล่าวคำขอแต่งงานอย่างอ่อนหวาน
น้ำรินตื่นเต้นรีบบอกเหยี่ยว “คุณ...ฉันเจอคู่หมั้นของฉันแล้วในงานเลี้ยงเมื่อกี้ เขาชื่อภพธร คนที่เป็นหลานคุณธารา”
“ภพธร! แต่ภพธรเป็นคู่หมั้นของลูกสาวคุณธารานะ งั้นก็แปลว่า...คุณคือลูกสาวของคุณธารา” เหยี่ยวมองหน้าน้ำรินสีหน้าตกใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย
น้ำรินคิดถึงที่ผ่านมา หลายอย่างที่ตนชอบเหมือนลูกสาวธารา รวมถึงความรู้สึกเศร้าเสียใจไปพร้อมกับเธอ “คุณธารา...ในที่สุดความฝันที่จะได้พบแม่ของฉันก็เป็นจริงแล้ว นี่ฉันเจอกับแม่โดยที่ไม่รู้เลยสักนิดว่าคุณธาราเป็นแม่ของฉัน แม่...แม่จ๋า...หนูจะได้เจอแม่แล้ว หนูจะได้กอดแม่ให้สมกับความคิดถึง” น้ำรินน้ำตาไหลด้วยความปีติ
เหยี่ยวจะเช็ดน้ำตาให้แต่ต้องชะงักเจอแต่อากาศ น้ำรินเอนหัวเหมือนซบไหล่เขา แม้จะสัมผัสกันไม่ได้ แต่ทั้งสองก็ส่งความสุขถึงกันได้ ต่างเศร้าเพราะเวลาจากกันใกล้เข้ามาทุกที
ooooooo
วันต่อมา น้ำรินมาที่ศาลาวัดริมน้ำ เรียกปริก ออกมาถามว่ารู้มาตลอดใช่ไหมว่าธาราเป็นแม่ตน และภพธรเป็นคู่หมั้น ปริกพยักหน้าหงึกๆ น้ำรินต่อว่ารู้แล้วทำไมไม่บอก
“กรรมใครกรรมมัน บางเรื่องฉันเข้าไปยุ่งไม่ได้ แต่บางเรื่องก็ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของกฎแห่งกรรม” น้ำรินฉงน ปริกพูดอย่างจริงจัง “จะมีสักกี่คนที่มีโอกาสแก้ไขสิ่งที่ตัวเองทำผิดพลาดในอดีต”
“หมายความว่า ที่ดวงจิตฉันยังล่องลอยอยู่แบบนี้ ก็เพื่อแก้ไขสิ่งที่ตัวเองทำผิดมาใช่ไหม”
“ลองนึกทบทวนดูสิ ทุกครั้งที่หล่อนเข้าไปทำความดี ช่วยคลี่คลายในเรื่องต่างๆ...ทั้งคดียอดชัด, นกยูง, บุษบัน มันทำให้หล่อนจำเรื่องราวในอดีตได้เพิ่มขึ้น”
น้ำรินคิดตาม “การที่ตอนนี้ฉันจำเรื่องทั้งหมดได้แล้ว ก็เพราะฉันแก้ไขความผิดไปหมดแล้ว ฉันกำลังจะกลับไปเข้าร่างได้แล้วใช่ไหม”
“กลับเข้าร่าง...หรือไม่ก็ไปสู่สุคติ”
“อะไรนะ! ป้าปริกอธิบายให้ชัดกว่านี้ได้ไหม”
ปริกทำท่ารูดซิปปาก “บอกได้แค่เหลือเวลาตามหาร่างของหล่อนอีก 4 วันพระเท่านั้น ถ้าหาไม่เจอ หล่อนก็จะไม่มีโอกาสกลับเข้าร่างตลอดไป”
น้ำรินเครียดเมื่อรู้ว่าเวลาตัวเองเหลือน้อย...เช่นเดียวกับเหยี่ยว ที่เข้าประชุมที่สำนักงานสืบสวน เขาครุ่นคิดแต่เรื่องของน้ำรินกับภพธร ไม่ได้ตั้งใจฟังเรื่องราวที่ดารณีสรุปให้สงครามและตำรวจผู้ใหญ่อีกหลายนายฟัง สงครามสังเกตเห็นแปลกใจ
พอเสร็จการประชุม สงครามจึงเดินตามมาถามเหยี่ยว “ตั้งแต่ทำงานกันมา คุณไม่เคยใช้เวลางานไปคิดเรื่องส่วนตัว มีเรื่องอะไรสำคัญกว่างานงั้นเหรอ”
เหยี่ยวตอบว่าไม่เชิงเรื่องส่วนตัวแต่เกี่ยวกับธารา แล้วก็ถามว่าธารามีลูกสาวใช่ไหม
“ใช่...แต่หายตัวไม่ติดต่อกลับมาเป็นเดือนแล้ว...คุณมีเบาะแสอะไรเกี่ยวกับน้ำรินหรือ”
“น้ำริน! ลูกสาวคุณธาราชื่อน้ำรินเหรอครับ”
สงครามแปลกใจถามเหยี่ยวรู้จักน้ำรินมาก่อนหรือ เหยี่ยวตอบ คิดว่าพอจะรู้เบาะแสการหายตัวไปของน้ำรินแล้ว เหยี่ยวชวนสงครามไปที่จุดเกิดอุบัติเหตุด้วยกัน... สงครามแปลกใจพามาที่นี่ทำไม เหยี่ยวยังไม่กล้าเล่าเรื่องทั้งหมดเพราะคิดว่าไม่มีใครเชื่อจึงบอกเพียงว่า
“ผมสงสัยว่าปริศนาการหายตัวไปของน้ำรินเริ่มต้นขึ้นที่นี่” เหยี่ยวเดินผ่านชายจรจัดสกปรกคนหนึ่งที่นอนอยู่ใต้ต้นไม้ เหยี่ยวชี้จุดเกิดเหตุเรื่อยไปยันบึง “ที่นี่เคยเกิดอุบัติเหตุรถตกน้ำ และมีผู้เสียชีวิตหนึ่งรายในบึงนี้... ชาวบ้านแถวนี้ให้การว่า มีรถสองคันแข่งกันก่อนจะเกิดอุบัติเหตุ สีของรถคู่กรณีเป็นสีเดียวกับรถน้ำริน”
วิญญาณชลชาติโผล่มาสีหน้าเคียดแค้น เข่นเขี้ยวว่าน้ำรินเป็นฆาตกรฆ่าตน...สงครามบอกว่าได้ดูกล้องวงจรปิด รถน้ำรินมุ่งหน้ามาทางนี้แล้วหายไป สงครามชักสงสัยว่าเหยี่ยวรู้จักน้ำริน เขาอึกอักก่อนจะบอกเพียงว่า “ผมยังบอกผู้การตอนนี้ไม่ได้ เพราะพูดไปผู้การก็ไม่เชื่อ แต่ผมมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าน้ำรินเกิดอุบัติเหตุรถชนตรงนี้”
“ถ้าอย่างนั้น รถกับตัวน้ำรินหายไปไหน”
“ผมไม่รู้...รู้แต่ว่าตอนนี้น้ำรินยังมีชีวิตอยู่”
สงครามซักว่าเหยี่ยวพูดเหมือนเคยพบน้ำรินหลังเกิดอุบัติเหตุ เหยี่ยวอึกอักตอบไม่ถูก ระหว่างนั้นวิญญาณชลชาติเคียดแค้นถึงขั้นเข้าสิงร่างชายจรจัด...เหยี่ยวกำลังบอกสงครามว่า ตนอธิบายไม่ถูก แต่เคยได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจากน้ำริน ต้องรีบหาตัวเธอให้เจอ และตนเชื่อว่า ภพธรมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ สงครามเองก็สงสัย ติดอยู่ที่ว่า
“ภพธรเป็นเด็กที่ธารารับมาเลี้ยง ไว้ใจถึงกับจะให้น้ำรินแต่งงานด้วย แต่น้ำรินหายตัวไปก่อนวันแต่งงานไม่กี่วัน ต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกันแน่”
ทันใดชายจรจัดลุกขึ้นมาสายตาแข็งกร้าวน่ากลัว ตรงเข้าบีบคอเหยี่ยวอย่างแรง สงครามตกใจเข้าช่วยแต่กลับโดนสะบัดกระเด็นไปกระแทกพื้นถนน เหยี่ยวเห็นสายตาของชายจรจัดแดงกล่ำ ผิดจากคนขี้ยาทั่วไป...เสียงมันคำรามว่า “ที่นี่เป็นถิ่นของกู มึงต้องตาย วิญญาณมึงไปกับกู อีนั่นจะได้รู้ว่าความเจ็บปวดเวลาเสียของรักเป็นยังไง”
ขณะเดียวกัน น้ำรินรอการกลับมาของเหยี่ยวอย่างกระวนกระวาย เพราะเขาสัญญาจะพาไปบ้านธารา พอดียายนวลถือถุงใส่พวงมาลัยเดินผ่านมาจึงถามว่าเหยี่ยวโทร.มาบ้างไหม
“ก็แล้วทำไมต้องรีบกลับ คนมีคู่หมั้นก็อยากจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง โดยไม่ต้องมีใครกวน” ยายนวลตอบอย่างไม่ค่อยพอใจ
ด้วยความห่วงเหยี่ยว น้ำรินไม่ทันสังเกต บอกยายว่าตนรู้สึกไม่ค่อยดี ยายนวลกลับบอกว่าให้ปล่อยเป็นหน้าที่ของแนน เราคนนอกไม่ต้องห่วงแทนเขา น้ำรินอึ้งหน้าเสีย... แต่น้ำรินรับรู้ถึงความเจ็บปวดของเหยี่ยวต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับเขาแน่ พอดีเห็นยายนวลไหว้พระจึงทำตาม
“ถ้าความดีที่ลูกเคยทำไว้ ยังคงมีเหลืออยู่บ้าง ขอให้คุณพระช่วยคุ้มครองคนที่ลูกรักด้วยเถอะ” น้ำรินยกมือท่วมหัวภาวนา
ขณะที่เหยี่ยวแทบขาดใจ สงครามพยายามดึงร่างชายจรจัดออก เหยี่ยวเห็นหน้าชายจรจัดสลับกับหน้าชลชาติ เผอิญคอเสื้อสงครามถูกกระชากกระดุมขาด แสงเรืองรองจากสร้อยพระที่คอเขาเจิดจ้ากระแทกวิญญาณชลชาติกระจายหายไป ร่างคนจรจัดทรุดลงหมดสติ เหยี่ยวกับสงครามหนีกลับออกมา ต่างเข้าใจว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยาบ้าที่ชายคนนั้นเสพเข้าไป
ooooooo
หลังจากนั้น เหยี่ยวเลียบเคียงถามสงครามว่า ธาราสงสัยอะไรในตัวภพธรบ้างไหม เขาส่ายหน้าเพราะไม่มีหลักฐานพูดอะไรมากไม่ได้ เหยี่ยวคิดว่าภพธรน้ำนิ่งไหลลึก น่าจะเตือนธารา
ด้านน้ำริน นั่งมองตุ๊กตาหมีสีฟ้าเศร้าๆ พยายามไม่คิดถึงเหยี่ยวกับแนน ถามตุ๊กตาว่าตนอยากกลับบ้าน จะไปได้อย่างไร พลันน้ำรินมองนาฬิกาข้อมือตัวเอง แล้วเกิดภาพอดีตวาบขึ้นมา น้ำรินมอบของขวัญวันเกิด ให้ธารา เปิดมาเป็นนาฬิกาข้อมือคู่แฝด...ขณะเดียวกัน ธารากำลังนั่งมองนาฬิการ่ำร้องคิดถึงลูกเช่นกัน ทำให้จิตสองแม่ลูกตรงกัน
น้ำรินปรากฏตัวขึ้นในคฤหาสน์ธาราอย่างน่า อัศจรรย์ เธอมองไปรอบๆอย่างคุ้นเคยระคนแปลกใจ พอนึกได้ว่าเป็นบ้านตัวเองก็ร้องเรียกแม่...เห็นพยาบาลเดินขึ้นบันได จึงวิ่งตาม ผ่านภาพถ่ายแม่ลูกที่ติดประดับไว้ทั่ว แสดงถึงความรักความผูกพันของตนกับแม่ มองไปทางไหนก็เห็นภาพตนกับธาราคุยกัน ธาราสอนให้ตนเป็นหงส์ที่อยู่เหนือมังกร คือเป็นผู้นำความคิด
บนโต๊ะอาหาร น้ำรินเห็นธาราทำของโปรดไว้ให้มากมาย ขึ้นมาชั้นบนก็นึกถึงที่ตนถามแม่ว่าจะทำผมทรงไหนวันแต่งงานดี ธาราชมว่าทำทรงไหนลูกก็สวยอยู่แล้ว ธาราแปรงผมให้อย่างรักใคร่เอาใจใส่...น้ำรินเดินเข้ามาในห้องนอน เห็นธารานั่งมองแปรงผมอยู่ พยาบาลถามว่าคิดถึงลูกสาวอีกแล้วใช่ไหม ธารารำพันว่าลูกนั่งตรงนี้และตนแปรงผมให้ทุกวัน
“ถึงวันนี้จะไม่มีน้ำรินอยู่ แต่ในความรู้สึกของฉัน น้ำรินยังคงอยู่ข้างๆฉันเสมอ” ธารายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู นาฬิกาของเธอหยุดเดินไปนานแล้ว กลับเดินขึ้นมาใหม่ เมื่อน้ำรินยกของตัวเองมาเทียบ ธาราแปลกใจมาก พึมพำเรียก...น้ำริน
น้ำรินเองก็ดีใจที่ได้เจอแม่ พยายามจะกอดแต่ก็ได้เพียงอากาศ ธาราร่ำร้อง “น้ำอยู่ไหน ลูกได้ยินเสียงแม่รึเปล่า”
“น้ำอยู่ตรงนี้ค่ะแม่ อยู่ตรงหน้าแม่แล้ว แม่เห็นน้ำไหมคะ น้ำอยู่ตรงนี้แล้ว”
ธารามองผ่านร่างน้ำรินไป “น้ำ...น้ำอยู่ไหน แม่ยอมแลกทุกอย่างเพื่อให้ได้เจอน้ำอีกครั้ง แม่ยอมแลกชีวิตของแม่เพื่อให้น้ำปลอดภัย...ทุกวันนี้แม่ยังจำเสียงน้ำที่บอกรักแม่ได้ แม่รู้สึกว่าลูกอยู่เคียงข้างแม่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าในความจริงแล้ว แม่จะไม่มีหนูอยู่”
“แม่จ๋า...น้ำรักแม่ที่สุดในโลก แม่ได้ยินน้ำไหม น้ำอยู่ตรงนี้ บอกรักแม่แต่แม่ไม่ได้ยิน น้ำอยู่ตรงนี้ค่ะแม่” น้ำรินทรุดลงร่ำไห้
เหยี่ยวกลับมาบ้านไม่เห็นน้ำริน ก็เปรยกับตุ๊กตาหมีว่าเจ้านายไปไหน พลันเสียงร้องไห้ของน้ำรินดังแว่วมา เหยี่ยวเดินตามหา เจอน้ำรินนั่งร้องไห้อยู่หลังบ้าน พอถาม เธอก็ปล่อยโฮลั่นพักใหญ่กว่าจะสงบลงได้ เหยี่ยวก็บอกว่า สรุปเธอชื่อน้ำริน เป็นลูกสาวธาราที่หายไปจริง น้ำรินพยักหน้าบอกว่าตนไปหาแม่และพยายามเรียกแม่แต่แม่ไม่ได้ยิน
“โลกนี้มีผมเห็นดวงจิตคุณอยู่คนเดียว...เราจะทำยังไงต่อไปดี” เหยี่ยวครุ่นคิด
น้ำรินแทบสิ้นหวัง เหยี่ยวจะเล่าถึงเหตุการณ์ที่ริมบึงก็ชะงักเกรงเธอไม่สบายใจมากขึ้น...เหยี่ยวปลอบให้น้ำรินนอน “ถ้าคุณหลับ...คุณจะผ่านคืนนี้ไปเจอพรุ่งนี้ได้เร็วขึ้น ยายผมบอกว่า พรุ่งนี้ย่อมดีกว่าวันนี้เสมอ เพราะอย่างน้อยมันก็ยังมีความหวัง”
“ขอบคุณนะ ฉันดีใจที่คุณเป็นคนเดียวในโลกที่เห็นฉัน” น้ำรินมองด้วยแววตาจริงใจ
เหยี่ยวขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้ได้เจอกัน เขานั่งเฝ้าน้ำรินจนเธอหลับ เพราะรู้ว่าอีกไม่นานคงต้องจากกัน...
ด้านธารา เล่าให้สงครามฟังว่า วันนี้จู่ๆนาฬิกาที่ตายก็เดินขึ้นมา แต่ตอนนี้มันหยุดเดินอีกแล้ว ตนรู้สึกว่าต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับลูก ธาราจะให้ภพธรไปตามหาน้ำรินอีกครั้ง สงครามสองจิตสองใจที่จะบอก จึงหยั่งเชิงถามเธอคิดอย่างไรถึงให้ภพธรแต่งงานกับลูกสาว
ธาราชะงักคิดถึงอดีต...หลังจากที่ให้นุติเซ็น สัญญารวมกิจการ และมอบเงินก้อนใหญ่ให้ เขาถามว่าไม่เห็นแก่ความเป็นเพื่อนสนิทกับสามีเธอบ้างหรือ ธาราเสียงกร้าว
“เขาต้องเข้าใจค่ะ มันเป็นวิถีของธุรกิจ ปลาใหญ่ย่อมกินปลาเล็ก บริษัทคุณไปไม่รอดแล้ว ถ้าไม่ใช่ฉันก็ต้องเป็นคนอื่น”...หลังจากนั้นสองวัน นุติก็ฆ่าตัวตาย
ธาราเล่าว่าได้รับภพธรมาเลี้ยงเพื่อมนุษยธรรม ภพธรเป็นคนดีฉลาด หัวไว ตนหวังให้เป็นทายาทดูแลกิจการและน้ำรินแทนตนในอนาคต...สงครามกลับคิดว่าการเลี้ยงลูก เสือลูกจระเข้ ไม่ได้แปลว่าจะรู้บุญคุณคนเลี้ยงเสมอไป ธาราโต้อย่าพูดให้ตนระแวงภพธรเลยไม่สำเร็จ ตนเลี้ยงเขามา รู้ดีว่าเขาเป็นคนอย่างไร...ธาราเข็นรถหนีอย่างเคืองๆ
ooooooo
เช้าวันใหม่ เหยี่ยวพาน้ำรินมาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร และขอให้สิ่งที่ปรารถนาได้ประสบความสำเร็จ หลวงตาเคี้ยงซึ่งขยาดกลัวผีอยู่แล้ว แต่ก็เทศน์ให้ฟังว่า
“บุญต้องสะสม ไม่ใช่ว่าขอปุ๊บแล้วได้ปั๊บแต่เอาเถอะ พนมมือ ว่าตามหลวงตา” หลวงตารีบเทศน์อย่างรวดเร็วแล้วเดินรี่เข้ากุฏิเช่นเคย
หลังจากนั้น เหยี่ยวกับน้ำรินก็มาที่คฤหาสน์ธารา เพื่อเล่าความจริงให้ธาราฟัง เธอฟังแล้วไม่พอใจ “หมวดบ้าไปแล้วเหรอ ถึงฉันขาพิการ แต่สติปัญญาฉันไม่ได้พิการนะ หมวดต้องการอะไรถึงมาเล่นตลกกับฉันแบบนี้ เห็นความทุกข์ฉันเป็นเรื่องล้อเล่นงั้นเหรอ”
“ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่มันเป็นเรื่องจริง น้ำรินอยู่ที่นี่ ข้างๆผม”
ธาราตวาดให้หยุดพูดเหลวไหล แล้วไล่ให้เหยี่ยว กลับไป...น้ำรินกลับมานั่งเสียใจ เพราะเวลาของตนเหลือน้อยเต็มที อีกเพียง 4 วันพระ ตนก็จะกลายเป็นวิญญาณตลอดไป เหยี่ยวใจหายทำไมไม่เคยบอก น้ำรินว่าไม่คิดว่า สำคัญสำหรับเขา
“คุณสำคัญสำหรับผมที่สุด...ถึงต้องแลกด้วยชีวิต ผมจะต้องช่วยคุณให้ได้ ผมจะไม่ยอมให้คุณกลายเป็นวิญญาณเด็ดขาด” เหยี่ยวสบตาสื่อความรักความผูกพัน น้ำรินถามเพื่ออะไร “เพราะผมอยากเห็นคุณมีความสุข... กับภพธร คู่หมั้นของคุณ” ต่างตนต่างปวดใจกับความจริง
วันต่อมา เหยี่ยวยอมนั่งรถจ่านกน้อย เพื่อมาเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของภพธรที่หน้าบริษัทรินธารา แม้จะต้องพะอืดพะอมก็ยอม เหยี่ยวส่องกล้องจับตามอง น้ำรินฉวยโอกาสหายเข้าไปเดินสำรวจในตัวตึก “ที่นี่เป็นที่ทำงานของพี่ธร แล้วพี่ธรอยู่ไหน”
พลันปริกโผล่มาจ๊ะเอ๋...น้ำรินสะดุ้งที่มาไม่ให้สุ้มให้เสียง ปริกแซวว่าน้ำรินแอบมาหาคู่หมั้นแล้วเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอมา น้ำรินคิดจะลองเผื่อความผูกพันอาจทำให้เขาเห็นตน...น้ำรินขึ้นมาบนชั้นผู้บริหาร เห็นชื่อหน้าห้อง ภพธรตำแหน่งเอ็มดี ปริกเตือน
“เชื่อฉันเถอะ ต่อให้หล่อนเจอหน้าพี่ธรแบบจั๋งๆ ตามองตา สายตามาจ้องมองกัน หล่อนก็ไม่รู้สึกเสียวซ่านหัวใจหรอก”
“ไม่จริงหรอก พี่ธรเป็นคู่หมั้นฉัน เขาอาจจะได้ยินสิ่งที่ฉันพูด หมวดเหยี่ยวยังได้ยินเสียงฉันเลย”...ปริกเซ็งที่น้ำรินไม่เชื่อกันบ้าง จึงโพล่งความเป็นจริงออกไป
“เพราะคนที่จะได้ยินหล่อนไม่ใช่เป็นแค่คู่หมั้นธรรมดา แต่ต้องเป็นคู่แท้ของหล่อน อ้าว! หายไปไหน” ปริกหันมอง น้ำรินเดินหายไปแล้ว
น้ำรินเห็นภพธรเดินออกไปที่จอดรถขึ้นรถขับออกไป เธอร้องเรียกเท่าไหร่เขาก็ไม่ได้ยิน ไม่ทันไร นับดาวหอบเอกสารเดินออกมายืนมองยิ้มๆอย่างมีเลศนัย น้ำรินมองหน้าอย่างคุ้นๆ
เหยี่ยวเห็นรถภพธรแล่นออกมาก็ให้นกน้อยสะกดรอยตาม...น้ำรินเดินตามนับดาวไปขึ้นรถนั่งคู่ไปกับเธอ นับดาวมาจอดรถที่คอนโดของภพธรก็แปลกใจ ยิ่งเห็นเปิดตู้หยิบจดหมาย
“นี่มันเป็นเวลางานไม่ใช่เหรอ เธอสมควรที่จะอยู่ออฟฟิศสิ เป็นเลขาพี่ธร เธอต้องรู้จักฉันแน่ๆ นี่เธอได้ยินฉันไหม ว๊าย...รอด้วยสิ” น้ำรินวิ่งตามเข้าลิฟต์
นับดาวออกจากลิฟต์มาไขห้องภพธร เข้ามาวางข้าวของอย่างคุ้นเคย น้ำรินแปลกใจที่นับดาวมาทำอะไรเวลาที่เขาไม่อยู่...นับดาวหายเข้าไปในห้องสักพัก ออกมาในชุดอยู่บ้านสบายๆ น้ำรินยิ่งแปลกใจ นับดาวกดโทรศัพท์ฝากข้อความ...พี่ธรคะ เย็นนี้อยากกินอะไร ดาวติดต่อ
พี่ไม่ได้ จะทำไก่อบซอสมะนาวของโปรดไว้ให้ทาน
“นี่เธอ...ทำตัวเป็นเมียเขามากกว่าเลขาอีกนะ” น้ำรินยืนเท้าเอวมองนับดาวยิ้มมีความสุข
ooooooo
สงคราม เหยี่ยวและจ่านกน้อย คุ้มกันธารามาเคารพกระดูกนุติที่วัด ธาราวางช่อดอกไม้ กล่าวขอโทษเสียใจที่เป็นต้นเหตุให้เขาต้องตาย...ธาราบอกสงครามว่าตนพยายามชดเชยให้ภพธรแม้จะเทียบไม่ได้กับที่เขา ต้องเสียพ่อ แต่ตนก็มั่นใจว่าภพธรรู้ถึงความตั้งใจของตน
สงครามติง ถึงมั่นใจก็อย่าประมาท ภพธรมาแอบฟังพอดี ธาราอ่อนใจบอกสงคราม
“หมาแมวยังซื่อสัตย์กับเจ้าของ แล้วนี่คนทั้งคน จะไม่รู้จักบุญคุณเชียวเหรอ คุณเลิกสงสัยเขาได้แล้ว”
“ตราบใดที่ชีวิตคุณยังอยู่ในอันตราย ผมเลิกสงสัย ใครไม่ได้ ดอกแก้วของผมจะต้องอยู่ในที่สูงและปลอดภัยที่สุด” สงครามกระชับผ้าคลุมไหล่ให้ธารา เธอขอบคุณแล้วให้เขาพากลับ
ภพธรเดินออกมามองรูปพ่อที่เก็บอัฐิด้วยสายตาเคียดแค้น พลันเสียงวิทยุสื่อสารดังขึ้น เขานิ่งเฉยเหมือนไม่รู้ว่าถูกเหยี่ยวกับนกน้อยสะกดรอยตาม ก้มกราบลาแล้วเดินไป...จ่านกน้อยรีบกดปิดเสียงวิทยุสื่อสาร สบตาเหยี่ยวเชิงขอโทษ ก่อนจะค่อยๆตามภพธรต่อ
เหยี่ยวแปลกใจเห็นภพธรเข้าไปนั่งทำสมาธิในโบสถ์ พอดีมีคนโทร.มา ภพธรรับสายกล่าว “ยืนยันตามนัดหมาย... ผมจะรอที่เดิม”
เหยี่ยวกับนกน้อยถอยออกมา นกน้อยสบถ
“ทำบาปในที่บุญ...นัดซื้อขายยาเสพติดในโบสถ์ ยังกับจะให้พระเป็นพยานความชั่ว”
“คนสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้ ดูภายนอกอาจจะเป็นคนดี แต่ความจริงแล้วชั่วร้ายสุดๆ สงสารก็แต่ผู้หญิงที่ไปหลงเชื่อ” เหยี่ยวคิดถึงน้ำริน นกน้อยถามทันทีผู้หญิงคนไหน เหยี่ยวกลบเกลื่อนว่าผู้หญิงทั่วไป แล้วบอกเราจะรออยู่ตรงนี้จนกว่าภพธรจะออกจากโบสถ์
แต่แล้วเวลาผ่านไปเป็นชั่วโมง เหยี่ยวรู้สึกผิดสังเกตรีบไปชะโงกดู ปรากฏมีแต่พระภิกษุรูปหนึ่งทำความสะอาดอยู่ จึงถามถึงภพธร ท่านบอกว่าเขาออกประตูหลังพระประธาน ไปแล้ว เหยี่ยวหงุดหงิดเจ็บใจที่พลาดไปได้
ภพธรกลับมาที่เก็บอัฐิพ่อ คว้าช่อกุหลาบขาวที่วางอยู่หน้ากระถางธูปเดินออกไป...เขาถือช่อกุหลาบขาวลงเรือข้ามฟากไปสถานพยาบาล ที่นี่มีลักษณะคล้ายบ้านพักตากอากาศอยู่ริมน้ำ พยาบาลออกมาต้อนรับพร้อมบอกว่า คุณหมอมารอตามนัด แต่พอดีถูกตามตัวเข้าห้องผ่าตัดด่วนเลยกลับไป ภพธรไม่ติดใจขอให้พยาบาลส่งรายละเอียดอาการคนไข้กับค่าใช้จ่ายเข้าอีเมลตน
จากนั้นภพธรก็เข้ามาเยี่ยมคนไข้ สายตาเขาอ่อนโยนแต่ออกจะจิตนิดๆ “พี่เอาดอกกุหลาบสีขาวที่เธอชอบมาฝาก เธอคงไม่ถือที่มันเคยเป็นดอกไม้ใช้ไหว้คนตาย เพราะเธอเองก็ไม่ต่างกันซักเท่าไหร่...วันนี้แม่ของน้องไปเยี่ยมพ่อพี่ด้วย” แววตาภพธรเปลี่ยนเป็นเคียดแค้น ลูบหัวคนไข้ “คุณอาธาราบอกว่าเสียใจที่เป็นต้นเหตุทำให้พ่อพี่ตาย แต่มันโกหก มันไม่เคยเสียใจ พี่ถึงต้องทำให้มันเสียคนที่รักบ้าง มันจะได้รู้รสชาติของความสูญเสีย ชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิตถึงจะสาสม”
ร่างน้ำรินนอนนิ่งมีอุปกรณ์สายระโยงระยางเต็มไปหมด ทั้งเครื่องช่วยหายใจ เครื่องวัดความดันและถังออกซิเจนที่ทันสมัย ภพธรกล่าวไม่ได้เกลียดเธอแต่เธอผิดที่เกิดมาเป็นลูกธารา ว่าแล้วก็เอาหมอนกดที่หน้าน้ำริน สัญญาณที่เครื่องบ่งบอกถึงความผิดปกติการเต้นของหัวใจ
ภาพอดีตผุดขึ้นมา ทำให้ภพธรลำบากใจเพราะใจหนึ่งก็แค้น อีกใจก็รัก สมัยเด็ก น้ำรินจะคอยปลอบใจเวลาเขาร้องไห้คิดถึงพ่อ...สุดท้ายภพธรเหวี่ยงหมอนทิ้งคร่ำครวญ “ทำไมเธอไม่ตายซะตั้งแต่ตอนที่พี่ทำให้เธอเกิดอุบัติเหตุ ถึงตอนนี้พี่ไม่รู้จะทำยังไงกับเธอ พี่ทนเห็นเธอตายต่อหน้าไม่ได้” ภพธรดึงมือน้ำรินขึ้นมาซบหน้า น้ำตาคลออย่างอัดอั้น
ooooooo
สงครามยังปฏิบัติต่อธาราอย่างดี ผสมน้ำที่ต้มกับผิวส้ม โหระพาแห้งและใบสะระแหน่มาให้เธอแช่เท้า บรรจงขัดนวดให้ผ่อนคลาย ธารามองอย่าง ซาบซึ้ง ถามจากใจ ทำไมยังดีกับตน ทั้งที่ตนเหวี่ยงวีนใส่สารพัด
“ผมไม่ได้เพิ่งรู้จักคุณแค่วันนี้ แต่รู้จักคุณมาทั้งชีวิตผม แค่ลม...ทำให้ภูเขาสั่นคลอนไม่ได้หรอก” สงครามมองด้วยสายตามีความหมาย ธารารู้สึกใจอ่อนยวบ
ด้านน้ำริน ยังคงเฝ้าดูการกระทำของนับดาวในห้องคอนโดของภพธร เห็นเธอเปิดคอมพิวเตอร์ของเขา ก็บ่นว่า “กล้าเนอะ ถือวิสาสะอะไรมาเปิดคอมพี่ธร เธอเป็นแค่เลขาแต่ทำตัวเหมือนเป็นเจ้าของห้อง อย่าบอกนะว่าเธอกับพี่ธรมีอะไรกัน”
ระหว่างที่น้ำรินนึกระแวง ภพธรกำลังจอดรถที่อาคารจอดรถของคอนโด เสียงมือถือมีอีเมลเข้ามา เขาจึงกดโหลด...นับดาวจึงเห็นว่ามีไฟล์กำลังโหลด พอเสร็จ ปรากฏเป็นบิลค่าใช้จ่ายของสถานพยาบาล มีชื่อคนไข้คือน้ำริน นับดาวถึงกับตาโพลงโกรธจัด ในขณะที่ดวงจิตน้ำรินเดินสำรวจห้องว่านับดาวกินนอนอยู่ที่นี่หรือเปล่า
ทันใด ภพธรไขประตูเข้ามา น้ำรินรีบเดินมาดูด้วยความดีใจ แต่กลับเห็นนับดาวถลาเข้ากอดหอมซ้ายทีขวาที ภพธรนิ่งๆเดินเลี่ยงไปที่โต๊ะทำงาน คอมพิวเตอร์ปิดในสภาพเดิม นับดาวตามมากอดด้านหลังถามไถ่เหนื่อยไหม หิวไหม เขาส่ายหน้าปลดมือเธอผลักออกเบาๆ น้ำรินมองท่าทีสองคนด้วยสีหน้าไม่พอใจ ภพธรบอกนับดาวให้ไปพักผ่อน ตนขอโอนเงินก่อน
“บัญชีใครคะ ให้ดาวโอนให้ก็ได้”
ภพธรปัดเสียงแข็งจะทำเอง นับดาวขุ่นเคืองแต่ทำทีบีบนวดต้นคอให้อย่างเอาใจ เขาปัดออกรำคาญ “ไม่ต้อง! จะไปทำอะไรก็ไป ไม่ต้องยุ่ง!”
นับดาวน้อยใจต่อว่าตอนนี้ตนกลายเป็นตัวยุ่งแล้วหรือ ภพธรเสียงอ่อนลง บอกเธออย่าเพิ่งหาเรื่อง
ตนเหนื่อย นับดาวเหลืออดสวน “แล้วไม่คิดว่าดาวเหนื่อยบ้างเหรอคะ ดาวต้องเอาอกเอาใจ คอยรับใช้พี่ทุกอย่าง ตั้งแต่พี่ทำงานยันบนเตียง”
น้ำรินได้ยินช็อกตาโพลง เสียงภพธรกร้าว “เหนื่อยก็เลิกโวยวาย แล้วไปนอนพักซะ”
นับดาวยิ่งโมโหหาว่าเขาเบื่อตน ยังรักน้ำรินอยู่มาก ภพธรเอ็ดอย่างี่เง่า เธอฟูมฟายต่อว่าเขาไม่เหมือนเดิม มีความลับกับตน ภพธรชะงักมองหน้า นับดาวรู้ตัวว่าหลุดปาก ภพธรกระชากร่างเธอจ้องถาม ความลับอะไร เธอกลบเกลื่อนว่าแค่สงสัยเพราะเขาไปไหนมาไหนไม่บอก
“แล้วทำไมพี่ต้องรายงานด้วย ดาวเป็นใครพี่เป็นใคร อย่าลืมตัวลามปามให้มันมากนัก”
“ใช่ซี่ ดาวไม่ใช่น้ำรินนี่ ขนาดมันเป็นผู้หญิงเอาแต่ใจ ชอบกดหัวใช้คนอื่น ไม่เคยดูแลสนใจพี่ธรเลย พี่ก็ยังรักมัน”
น้ำรินได้ยินนับดาวพูดถึงตนก็อึ้ง ภพธรรำคาญเดินหนี นับดาวร่ำไห้ระบายความเก็บกดว่าตนทำทุกอย่างเพื่อเขา แต่เขากลับไปรักผู้หญิงเห็นแก่ตัวนั่น ตนเกลียดมัน ภพธรสุดทนดึงนับดาวมาพูดใส่หน้า ก่อนจะผลักเธอกระเด็น “น้ำรินไม่ใช่ผู้หญิงเห็นแก่ตัว เขาเป็นคนดีกว่าที่เธอคิด เธอจะเกลียดชังน้ำรินเท่าไหร่ พี่ไม่สน แต่ถ้าเธอยังขืนพูดถึงน้ำรินในทางไม่ดีอีกแม้แต่คำเดียว ชาตินี้เราไม่ต้องเจอกันอีก”
นับดาวยิ่งเจ็บแค้นเข่นเขี้ยวคนเดียว “ก็ได้...แต่โลกนี้จะต้องไม่มีคนชื่อน้ำรินอีกต่อไป”
น้ำรินกลับมาบ้านเหยี่ยว เล่าให้เขาฟังว่า นับดาวต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ร่างตนหายไป เหยี่ยวรับปากจะตามเรื่องนับดาวดู เวลาเหลือไม่มาก ทำอะไรได้ต้องรีบทำ...น้ำรินขอให้เหยี่ยวพากลับไปหาธาราอีกครั้ง เหยี่ยวรับคำแถมบอกว่าจะไม่มีวันปล่อยมือจากเธอ น้ำรินซาบซึ้งใจ
“ขอบคุณค่ะ...ฉันดีใจที่วันนี้ยังมีคุณอยู่” เหยี่ยวยื่นมือให้ น้ำรินตั้งสมาธิส่งมือจับกันได้
เหยี่ยวดึงน้ำรินมากอดแนบอก เธอน้ำตาไหลรินเพราะรู้ว่าไม่นานคงต้องจากกัน...ทั้งสองยืนคุยกันริมน้ำ น้ำรินจำเรื่องราวของตัวเองได้หมด เธอบอกเหยี่ยวว่า ธาราเป็นคนไม่เชื่ออะไรง่ายๆ เหยี่ยวจึงถามเรื่องที่พิเศษๆ ระหว่างแม่ลูกรู้กัน น้ำรินเล่าเรื่องตอนเด็ก ไม่ว่าจะวันพ่อวันแม่ ตนเป็นคนเดียวที่กราบแต่แม่ เหยี่ยวสลดลง เพราะตัวเองไม่มีเลยทั้งพ่อและแม่ จำไม่ได้แม้แต่ความอบอุ่นจากอ้อมกอดพ่อแม่ วันนั้นจึงเป็นวันที่ตนเศร้าที่สุด
น้ำรินรีบขอโทษ ตนเป็นเพียงดวงจิต ไม่รู้จะทำให้เขารู้สึกได้อย่างไร แต่ก็พยายามกอดเขา เหยี่ยวรับรู้ถึงความอบอุ่นนั้น บอกเธอจะไม่ลืมความรู้สึกนี้เลย
ooooooo
เช้าวันใหม่ เหยี่ยวจูงจักรยานออกจากบ้าน น้ำรินเดินตาม ยายนวลกับพวกยืนรอใส่บาตรหน้าบ้าน ของใส่บาตรมากกว่าทุกวัน เหยี่ยวทักใครดวงดีถูกหวยหรือ ยายนวลอารมณ์เสียทันทีเพราะถูกกินเรียบ ปลาทูบอกว่าวันนี้วันเกิดปูอัด นกน้อยจึงบอกวันนี้ใครพูดซวยจะถูกตบปาก
หลวงตาเคี้ยงเดินมารับบาตร เหยี่ยวจึงเรียกน้ำรินเบาๆให้ใส่บาตรด้วยกัน หลวงตาถาม
“น้ำคือผู้หญิงคนนั้นเหรอ...” เหยี่ยวพยักหน้า หลวงตาสูดลมหายใจเฮือก “วันนี้วันเกิดใช่ไหม รับพรพร้อมๆกันนะ...แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะคุณโยม”
ทุกคนมองกันเหวอๆ หลวงตารีบเดินจ้ำอ้าวออกไป ปูอัดถามมนต์บทไหนเนี่ย....เหยี่ยวขึ้นจักรยาน ยายนวลถามจะไปไหน ไม่รอแนนก่อนหรือ เธอกำลังมา เหยี่ยวไม่สนใจปั่นออกไป ยายนวลส่ายหน้า นกน้อยมองตามอย่างสงสัย
“พักนี้หมวดเหยี่ยวแปลกๆชอบกล คอยหลบหน้าหมวดแนน ทำตัวห่างเหินยังไงก็ไม่รู้” จ่านกน้อยเปรย ปลาทูกับปูอัดเห็นจริงด้วย สงสัยไม่เต็มใจหมั้น
เสียงยายนวลทัก แนนมาแล้วหรือ ทุกคนชะงักหันมอง จึงเห็นว่าแนนมายืนฟังอยู่นานแล้ว อุทานซวยแล้ว... ยายนวลจึงตีปากทั้งสามคนอย่างไม่พลาด เพราะวันนี้ห้ามพูดคำว่าซวย...จากนั้นยายนวลก็ปลอบใจแนนอย่าคิดมาก อ้างเหยี่ยวคงเขินเพราะเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน พอเปลี่ยนสถานะเป็นคู่หมั้น ให้เวลาเขาปรับตัวหน่อย แนนพยักหน้ารู้สึกดีขึ้น...
แต่พอเหยี่ยวกับน้ำรินมาพบธารา และเหยี่ยวพยายามบอกเธอว่าน้ำรินเป็นดวงจิตอยู่กับเขา โดยบอกเรื่องที่ธารารู้กับน้ำรินเพียงสองคนให้ฟัง แต่ธาราก็ยังไม่ยอมเชื่อ น้ำรินให้เหยี่ยวบอกอีกเรื่องแต่ธาราปรามน้ำตาคลอ “พอแล้ว...ฉันไม่อยากได้ยินเรื่องเหลวไหลไร้สาระอะไรอีกแล้ว ออกไป...ออกไปจากบ้านฉัน อย่าทำร้ายจิตใจฉันมากไปกว่านี้เลย ฉันขอล่ะ...ออกไป!”
น้ำรินมองแม่ร้องไห้ด้วยหัวใจห่อเหี่ยวก่อนจะเดินตามเหยี่ยวกลับไป ภพธรซึ่งแอบฟังอยู่เริ่มไม่ไว้ใจเหยี่ยว...น้ำรินหมดหวังที่จะได้พบแม่อีก เหยี่ยวปลอบยังมีเวลาอีกหนึ่งเดือนจะต้องหาร่างเธอให้เจอ น้ำรินส่ายหน้าน้ำตาร่วง เหยี่ยวจึงชวนไปที่แห่งหนึ่ง น้ำรินตั้งจิตส่งมือให้เขาจับเดินจูงกันไป เขาพาเธอมาที่ร้านกรอบรูป เจ้าของร้านเอากรอบที่เหยี่ยวสั่งทำห่อไว้อย่างดีมาส่งให้ บอกว่าตนเข้ามุมเป๊ะตามที่สั่ง น้ำรินยืนมองภาพวาดแม่อุ้มลูกที่โชว์อยู่น้ำตาคลอ เหยี่ยวจูงมือเธอออกจากร้านมาที่ศาลาริมน้ำ แกะรูปออกให้เธอดู
“จิ๊กซอว์ที่ฉันช่วยต่อนี่นา!”
เหยี่ยวย้อนถามรู้ไหมตนใช้เวลาต่อรูปนี้กี่ปี น้ำรินเดาว่าหนึ่งปี เขาส่ายหน้า เธอบอกอีกว่าสองปี เขาก็ส่ายหน้าก่อนจะเฉลยว่า...สิบปี “เพราะรูปนี้เป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่ครอบครัวผมได้อยู่ด้วยกัน ผมต่อมันช้าๆ เพื่อให้ตัวเองได้อยู่กับความฝันที่มีพ่อกับแม่อยู่ด้วย ในความฝันผมได้เล่นน้ำทะเล ได้วาดรูปบนทรายกับน้องคนนั้น”
น้ำรินฟังอย่างเห็นใจแล้วนึกได้ “เอ๊ะเดี๋ยว! น้องคนนั้น”
ภาพในอดีตหวนกลับมา เด็กคนนั้นคือน้ำรินนั่นเอง เหยี่ยวหัวเราะอย่างตื่นเต้น น้ำรินบอกจำได้ว่าแม่มาทำงานแล้วทิ้งตนให้เล่นตรงนั้น น้ำรินดีใจที่เหยี่ยวคือพี่ชายใจดีสอนวาดรูป เหยี่ยวอมยิ้มขยับยื่นหน้ามาใกล้ น้ำรินตกใจถามจะทำอะไร
“วันนั้นคุณขโมยหอมแก้มผม ผมก็จะเอาคืนน่ะสิ” เหยี่ยวยิ้มกรุ้มกริ่ม
น้ำรินเขินอาย กลบเกลื่อนจำไม่ได้ แต่ที่จริงอายสุดๆ น้ำรินบอกว่าเขาทำไม่ได้เพราะตนเป็นเพียงดวงจิต เหยี่ยวจึงขอแปะโป้งไว้ก่อน กลับเข้าร่างเมื่อไหร่จะทวงหนี้ทันที
“มันคงไม่มีวันนั้นหรอก คุณอย่าหวังอะไรที่มันไม่มีวันเป็นจริงเลยค่ะ” น้ำรินเศร้าลง
“คุณยังมีความหวัง คุณเชื่อผมสิ ผมมั่นใจว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ตอนนี้จะต้องสำเร็จ เราจะหาร่างคุณพบแน่ๆ...ผมจะสู้ไม่ยอมแพ้ เพราะผมจะได้หอมแก้มคนสวย”
น้ำรินเขินสบถว่าเขาบ้า...ทั้งสองหัวเราะไปด้วยกันอย่างเขินๆ
ooooooo
ตกดึก เหยี่ยวถือกรอบรูปเข้าบ้าน แนนมารอ ทำความสะอาดบ้าน รีดผ้าให้จนหมด ยายนวลติงหลาน วันหยุดออกไปไหนแทนที่จะอยู่กับคู่หมั้น แนนปัดว่าไม่เป็นไร ออกไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาบ้างก็ดี ทำงานเหนื่อยมาตลอด แล้วแนนเอาใจรีบไปอุ่นอาหารเย็นให้
เหยี่ยวแม้จะอึดอัดใจแต่ก็กอดยายถามทานข้าวหรือยัง ยายตอบกินแล้ว ฝีมือทำอาหารของแนนอร่อยมาก เขาโชคดีที่ได้ผู้หญิงดีๆเป็นคู่ชีวิต ยายจะได้นอนตายตาหลับ ว่าแล้วยายนวลก็ดันเหยี่ยวให้เข้าครัวไปช่วยแนน น้ำรินซึ่งเดินตามเหยี่ยวมาได้แต่สะท้อนใจ
ด้านธาราเล่าให้สงครามฟังเรื่องที่เหยี่ยวมาวันนี้ ทำให้ตนสับสนมาก สงครามจึงแนะให้ใช้สติค่อยๆคิดแล้วจะรู้ว่าอะไรจริง อะไรไม่จริง ธาราจึงปล่อยโฮออกมาอย่างอัดอั้น
ภพธรหงุดหงิดใจ สั่งนับดาวไปสืบเรื่องเหยี่ยวว่ารู้อะไรมากน้อยแค่ไหน นับดาวรับคำเอาอกเอาใจ ภพธรหยั่งเชิงถามหายโกรธตนแล้วหรือ นับดาวกลับบอกว่าตนงี่เง่าไปเอง ต่อไปจะไม่ทำให้เขาไม่สบายใจอีกภพธรจ้องหน้าอย่างจับผิด...แต่แล้วบ่ายวันนั้นนับดาวบุกมาที่สถานพยาบาล ริมน้ำ ไม่สนใจว่าพยาบาลจะถามหรือห้ามอะไร
นับดาวเปิดประตูผางเข้ามาในห้องคนไข้ พบร่างน้ำรินนอนเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่ ก็น้ำตาคลอตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ เจ็บปวดสุดๆ “พี่ธรเอาแกมาซ่อนเอาไว้ที่นี่ พี่ธรยังรักแก...”
นับดาวเหมือนคนขาดสติ พรั่งพรูความเก็บกด เพราะเหตุนี้ภพธรถึงไม่รักตน คนอย่างเธอมีอะไรดี นอกจากชอบโขกสับคนที่ต่ำต้อยกว่าให้จมดิน ชอบจิกหัวใช้ให้ตนอับอาย ทำดีเพื่อสร้างภาพเป็นนางฟ้านางสวรรค์ ที่จริงเป็นนางมาร พอกันที กระทั่งนอนเป็นผัก ยังแย่งภพธรไปจากตน “ในเมื่อตายยากนัก คราวนี้แกต้องตายอย่างเจ็บปวดทรมานเป็นร้อยเท่าพันเท่า”
นับดาวเหมือนคนเสียสติ หยิบไฟแช็กออกจากกระเป๋า ลนที่ผ้าม่าน ดวงตาวาวโรจน์ หัวเราะเหมือนคนเสียสติ “เอาสิ ลุกขึ้นมาสิ ฉันอยากรู้นักว่าพอร่างแก ดำเป็นตอตะโก พี่ธรยังรักแกอีกไหม”
นับดาวเดินออกจากห้องเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ออกมาจากสถานพยาบาลด้วยยิ้มสะใจ พลันเสียงผู้คนร้องว่าไฟไหม้ๆ...ขณะเดียวกัน ธารานอนหลับอยู่รู้สึกเหมือนมีคนมาจับที่ตัว จึงลืมตาขึ้นเห็นน้ำริน เธอดีใจมากดึงลูกเข้ามากอด แล้วต้องสะดุ้งโหยงเพราะตัวน้ำรินร้อนจี๋ แล้วน้ำรินก็เริ่มร้องไห้ขอให้ช่วยด้วยๆๆ ธาราใจแทบขาดพร่ำถามลูกเป็นอะไร สักพักก็เห็นร่างน้ำรินร้องครวญครางเจ็บปวดอยู่ในกองไฟ
ooooooo










