สมาชิก

ภพรัก

ตอนที่ 1

น้ำริน วัยรุ่นสาวสวยเฉี่ยวเอาแต่ใจตัวเอง ตามแบบฉบับไฮโซที่ถูกแม่ตามใจมาแต่เด็ก เธอกำลังแต่งหน้าทำผมเพื่อลองชุดแต่งงานในเวดดิ้งสตูดิโอ และได้เปิดเฟซไทม์คุยกับแม่ให้ช่วยดูว่าชุดไหนสวยกว่ากัน...

ธาราเป็นแม่หม้ายนักธุรกิจ เป็นผู้บริหารระดับสูงของโรงแรมหลายแห่ง ไม่มีเวลามากับลูกสาว จึงดูผ่านเฟซไทม์อยู่ในห้องทำงาน เธอติติงว่าชุดแรกโป๊เกินไปให้เอาชุดที่ดูหวานๆ น้ำรินเลือกอีกชุดกำลังจะเปลี่ยนแต่ธาราไม่มีเวลาแล้ว เธอต้องเข้าประชุมเรื่องโรงแรมสาขาที่สมุย น้ำรินออดอ้อนให้รอดูอีกชุด

“ไม่ได้จริงๆจ้ะ เอาอย่างนี้ก็แล้วกันเดี๋ยวน้ำเอารูปมาให้แม่ดูตอนเช้าวันพรุ่งนี้ตกลงไหม”

“คุณแม่สัญญาแล้วนะคะว่าจะช่วยน้ำเลือก...อย่าผิดสัญญานะคะ”

ธารารับปาก เธอใส่นาฬิกาแบบเดียวกับน้ำริน เพราะเป็นนาฬิกาที่ลูกสาวซื้อให้ ธาราทำงานเลี้ยงลูกอย่างหนักจึงดูเป็นคนเด็ดขาด ทำทุกอย่างเพื่อให้ประสบความสำเร็จ...พอเข้าห้องประชุม มีกรรมการ พนักงานและภพธรกับนับดาวนั่งอยู่ข้างกัน ธารามองภพธรอย่างตำหนิ

“ทำไมวันนี้ไม่ไปลองชุดแต่งงานกับน้ำริน...เธอเป็นเจ้าบ่าวนะภพธร”

ภพธรอึกอักก่อนจะตอบว่า “โรงแรมเรามีปัญหานิดหน่อยเกี่ยวกับที่ดินของชาวบ้าน ข้างรินธารารีสอร์ทที่สมุยครับ”

“ปัญหาอะไร บอกแล้วไงว่าถ้าชาวบ้านคนไหนมีปัญหา ก็ให้ใช้เงินซื้อไป”

“พี่ธรติดต้องตรวจเอกสารเข้าประชุมวันนี้ด้วยค่ะ กลัวว่าเจ้าหน้าที่จะเตรียมไม่เรียบร้อย” นับดาวช่วยแก้แทนภพธร ธารามองนับดาวด้วยสายตาไม่สบอารมณ์นัก

“เธอก็เหมือนกัน แทนที่จะไปกับเพื่อน ปล่อยให้น้ำรินไปคนเดียวได้ยังไง” นับดาวหลบตาไม่กล้าเถียง ธาราหันมาบอกภพธร “เดี๋ยวช่วงพักการประชุมออกไปโทร.หาน้ำรินด้วย น้องจะได้ไม่คิดมาก แล้วค่ำนี้ไปเลือกดูชุดกับน้ำริน” ภพธรรับคำ ธาราจึงเริ่มเปิดการประชุม

ขณะเดียวกัน น้ำรินลองชุดแต่งงานให้ทางร้านถ่ายรูปสองสามชุด เธอรีบเร่งเพราะมีนัดทานข้าวเย็นกับภพธรต่อ และเน้นย้ำช่างเสื้ออย่าทำผิดพลาด ช่างต่างเอาอกเอาใจแต่พอเธอเผลอก็ชักสีหน้าไม่ชอบนิสัยวีนเหวี่ยงของเธอ

ooooooo

เหยี่ยว...หมวดหนุ่มแห่งสำนักงานสืบสวนพิเศษ เป็นหนุ่มไฟแรงมุ่งมั่นในการทำงานและจริงจังกับการดำเนินชีวิตมากจนดูเครียด เป็นลูกชายของวิหค นายตำรวจมือปราบเลื่องชื่อในอดีต พ่อและแม่ของเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่ฝังใจเขามาจนโต

ในห้องสอบสวน เหยี่ยวดึงสายกล้องวงจรปิดออก ก่อนจะลงมือสอบปากคำเส่ง ที่ถูกจับข้อหาผลิตยาเสพติดชนิดร้ายแรงจากโกดังริมน้ำ เส่งไม่ยอมรับผิด ท้าให้ฟ้องศาล เหยี่ยวโมโห มีหลักฐานมัดตัวขนาดนี้ยังปากแข็งจึงเหวี่ยงเส่งกระเด็น “เลือกเอา...รับสารภาพ หรือตายคาตีน”

เหยี่ยวเดินออกจากห้องสอบสวน จ่านกน้อยแซว หน้าระรื่นแบบนี้ ดีใจที่เส่งรับสารภาพใช่ไหม เหยี่ยวยักไหล่ จ่านกน้อยเอะใจ “อย่าบอกนะว่าหมวดใช้วิธีเดิม”

เห็นเหยี่ยวยิ้มเหี้ยมๆ นกน้อยติงผู้การห้ามไว้แล้ว เหยี่ยวอ้างไม่มีพยานหลักฐานก็ไม่มีใครรู้ จ่านกน้อยหนักใจ...ไม่ทันไร เหยี่ยวถูกผู้การสงครามเรียกพบต่อว่าเตือนแล้วอย่าใช้กำลัง เหยี่ยวไม่พอใจที่ปล่อยตัวเส่งไป ผู้การจึงเปิดโน้ตบุ๊กให้ดูภาพการซ้อมผู้ต้องหาของเหยี่ยว

“ภาพนี้กระจายไปทั่วโซเชียลเน็ตเวิร์กเมื่อชั่วโมงที่แล้ว”

“ต้องเป็นไอ้ทนายแน่ๆ มันซ่อนกล้องไว้ในห้องสอบสวน” เหยี่ยวเข่นเขี้ยว

ผู้การสงครามสั่งพักงานเหยี่ยวสองอาทิตย์และถอนตัวจากคดีนี้ เพราะความระห่ำของตัวเขาเอง เหยี่ยวจะเถียง ผู้การสวน “จะทำอะไรคิดถึงพ่อตัวเองบ้าง วิหคจะเสียใจแค่ไหน ถ้ารู้ว่ามีลูกชายไม่ได้เรื่องแบนี้”...เหยี่ยวเครียดเมื่อผู้การพูดถึงพ่อ

เหยี่ยวเดินออกมาจากห้องผู้การ เห็นข่าวทีวีมีภาพอุบัติเหตุทางรถยนต์น่าสยดสยอง เขาสะท้อนใจทันทีคว้ารีโมตมาเปลี่ยนช่องแล้วเดินไป เจ้าหน้าที่อื่นๆร้องเฮ้ย...งงตามกัน เหยี่ยวมานั่งที่โต๊ะทำงาน มองรูปครอบครัวบนโต๊ะอย่างเศร้าๆ จ่านกน้อยเดินเข้ามาบีบไหล่ปลอบ

“เเฮททริก...หมวดทำเจ๊งสามคดีรวด นับถือๆ จะเครียดไปทำไม ถือว่าได้พักร้อนน่า ยังไงซะผู้การสงครามก็ฟันหมวดไม่ลงหรอก เพราะหมวดเป็นลูกชายเพื่อนซี้”... เหยี่ยวไม่พูดด้วยคว้าเสื้อแจ็กเกตเดินออกไปอย่างหงุดหงิด

บ่ายวันนั้น น้ำรินเสร็จจากการลองชุด กำลังจะออกจากร้าน ช่างเสื้อวิ่งมาบอกว่าเธอลืมสร้อยคอ น้ำรินรับมา มองสร้อยล็อกเกตตัวหนังสือ P&N ซึ่งหมายถึงภพธรกับน้ำรินยิ้มๆแล้วสวมไว้กับคอ มือถือดังขึ้นเธอกดรับคุยกับธาราด้วยน้ำเสียงที่ต่างจากคุยกับคนอื่น

“ค่ะคุณแม่ เรียบร้อยแล้วค่ะ...แบบดอกไม้ห้องจัดเลี้ยงที่คุณแม่ส่งมาให้ ถูกใจน้ำมาก เหมือนขนดอกกุหลาบขาวมาทั้งสวนเลย คงมีแต่แม่กับพี่ธรเท่านั้นที่รู้ใจน้ำที่สุด” น้ำรินเดินมาขึ้นรถสปอร์ตที่จอดอยู่ มือถือดังอีกหน เธอรับสายยิ้มแย้ม “ขาพี่ธร...น่ารักจังเลยอุตส่าห์โทร.มาเตือนให้ทานยา เกือบลืมแล้วนะคะเนี่ย ขอบคุณค่ะ รักนะคะ” เธอหยิบยาในรถทานแล้วออกรถ

ขณะนั้นเหยี่ยวกำลังสวมหมวกจะปั่นจักรยานเมาเทนไบค์คู่ชีพ จ่านกน้อยตามออกมาปลอบใจอีก อย่าคิดมาก คิดเสียว่าได้พักร้อนไปหาแฟน เหยี่ยวสวน

“หามาทำไมให้ปวดหัว ทุกวันนี้มีปัญหาน้อยไปเหรอ”

“เผื่อความรักจะทำให้หมวดใจเย็นลง จิตใจอ่อนโยนขึ้นไง”

“ความรักคือภาระ แฟนคือตัวถ่วง”

“อย่าพูดอย่างนั้น ทำยังกับไม่เคยรักใคร ลืมหมวดแนนไปแล้วเหรอ...หมวด เมื่อไหร่จะกล้าขับรถซะที มันเร็วกว่าจักรยานเยอะเลยนะ” เหยี่ยวมองจ่าด้วยแววตาดุประมาณอย่ายุ่ง จ่านกน้อยจึงฝากบอกยายนวลว่าคืนนี้มีนัดที่เดิม เห็นเขาขมวดคิ้ว “ที่เดิม...จุดเริ่มต้นของความรวย”

เหยี่ยวส่ายหน้า เบื่อความไร้สาระของจ่ากับยาย ปั่นจักรยานออกไป...ระหว่างนั้น บรรยากาศใกล้ค่ำ น้ำริน ขับรถด้วยความเร็วเพลงดังกระหึ่ม พลันภพธรโทร.เข้ามา เธอรับสายสีหน้ายิ้มแย้ม บอกเขาว่าอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็ถึง ภพธรกล่าวคิดถึงให้ขับรถดีๆ ทันใดมีรถสปอร์ต ตัดหน้าทำให้เธอเบรกกะทันหันหน้าคะมำ ภพธรรีบถามเกิดอะไรขึ้น น้ำรินตอบ

“ไม่มีอะไรค่ะ เดี๋ยวเจอกันค่ะพี่ธร” น้ำรินวางสายแล้วเร่งเครื่องตามรถคันนั้นแบบไม่ยอมแพ้ ทั้งสองคันปาดกันไปมา

เหยี่ยวขี่เมาเทนไบค์มาตามถนน นึกถึงภาพอุบัติเหตุ ที่ยังติดตาตั้งแต่เด็ก เขาพยายามสลัดความคิดนั้นทิ้ง... ชลชาติซึ่งขับรถสปอร์ตปาดไปมากับรถของน้ำรินอย่างไม่มีใครยอมใคร รถทั้งสองแล่นเลียบบึงน้ำขนาดใหญ่ เสียงเบรกรถของน้ำรินที่ปาดหน้ารถชลชาติขึ้นมาได้ดังลั่น ทำให้เขาตกใจหักหลบ รถเสียหลักลอยข้ามราวกั้น น้ำรินหันมองเห็นรถชลชาติลอยคว้างตกลงไปในบึงน้ำ เธอตกใจมากหันกลับมา ก็ต้องตาโพลงเมื่อเห็นบางอย่างพุ่งเข้ามาอย่างเร็ว...

ขณะเดียวกัน เหยี่ยวรู้สึกแปล๊บในใจจนต้องเอามือจับหน้าอก ทันใดเสียงวิทยุสื่อสารดังขึ้นว่าเกิดอุบัติเหตุรถตกบึง ใกล้กับจุดที่เขาอยู่ เหยี่ยวจึงมุ่งหน้าไปที่เกิดเหตุ...มาถึงเหยี่ยวเห็นเจ้าหน้าที่กำลังลากศพชลชาติขึ้นจากน้ำ ตำรวจกั้นเส้นเหลืองแสดงเขตหวงห้าม เหยี่ยวเข้าแสดงบัตรตำรวจ เจ้าหน้าที่ทำความเคารพ แล้วคุยเรื่องหลักฐานที่พบ

อีกมุมหนึ่ง น้ำรินเดินมาด้วยท่าทางงงๆ คุยกับใครก็ไม่มีใครสนใจ ทุกคนทำงานกันเคร่งเครียด เธอจึงเดินผ่านเส้นเหลืองไปที่รถที่ถูกลากขึ้นจากน้ำ เหยี่ยวมองมาเห็น เข้าสอบถาม

“มีอะไรให้ช่วยไหมคุณ”

“เอ้อ...คุณตำรวจคะ ที่นี่ที่ไหนคะ”

“คุณไม่รู้แล้วมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง”

พอดีตำรวจนายหนึ่งเข้ามาเชิญเหยี่ยวไปดูบางอย่าง เหยี่ยวจึงบอกหญิงสาวว่าเข้ามาในส่วนนี้ไม่ได้ ตรงนี้เป็นเขตปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ นายตำรวจที่เข้ามาเรียก งงว่าเหยี่ยวคุยกับใคร เหยี่ยวมองหน้าน้ำรินนิ่ง ความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นอย่างไม่เข้าใจ...น้ำรินอึกอักๆ เหยี่ยวย้ำ

“คุณต้องออกไปอยู่นอกแนวกั้นทางด้านโน้นนะครับ” เหยี่ยวเดินนำน้ำรินออกไปนอกบริเวณ สั่งห้ามเข้าไปในบริเวณนั้นอีก แล้วเดินกลับเข้ามาบอกตำรวจ “ดูแลอย่าให้ใครเข้ามาในเขตนี้ เดี๋ยวจะเป็นการทำลายหลักฐาน โดยเฉพาะผู้หญิงที่ยืนตรงนั้น ท่าทางไม่น่าไว้ใจ”

ตำรวจรับคำงงๆเพราะไม่เห็นใคร เหยี่ยวชี้ไปที่น้ำรินแต่เธอได้หายไปแล้ว เขาไม่เอะใจ...ขณะเดียวกัน ภพธรอยู่ที่คอนโด มองภาพถ่ายคู่ของตนกับน้ำริน พลัน มือถือดังขึ้น เขารับสาย

“ทุกอย่างเรียบร้อยใช่ไหม ดีแล้ว...ขอบใจมาก เร่งงานสร้างรินธารารีสอร์ทที่สมุยให้เร็วที่สุด ผมต้องการเปิดให้ได้ภายในไตรมาสแรกของปีนี้” ภพธรเดินออกไปห้องนั่งเล่น

มีจานอาหารวางบนโต๊ะ เขาแปลกใจ พลันนับดาวเดินยิ้มแย้มเข้ามา “เห็นว่าค่ำมากแล้ว เลยเตรียมอาหารค่ำ

ไว้ให้พี่...มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะคะ ดาวยินดีช่วยทุกอย่าง คนใกล้แต่งงานก็แบบนี้แหละ ทำใจให้สบายเถอะค่ะ ในฐานะเลขา ดาวไม่อยากให้เจ้านายเครียดเกินไปนะคะ...” นับดาวจับมือภพธรให้กำลังใจ ภพธรถอนใจดูยังไม่คลายเครียดเท่าไหร่

ooooooo

คืนนั้น เสร็จจากตรวจสอบพื้นที่ริมบึง เหยี่ยวเดินมาที่จอดจักรยาน กำลังจะสวมหมวก เห็นสร้อยของน้ำรินตกอยู่ข้างรถ เขาเก็บมาใส่กระเป๋าเสื้อแจ็กเกตไว้โดยไม่รู้ตัว เมื่อเขาเคลื่อนจักรยานออกไป ก็เกิดลมพัดพลิ้วหอบใบไม้ปลิวกระจายไล่หลังเขาไปด้วย

บ้านเหยี่ยวเป็นบ้านไม้ริมน้ำ อยู่หลังป่าช้าวัดเก่า มียายนวลตาบอดเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่พ่อแม่ตาย ทุกกลางเดือนกับสิ้นเดือน จะเป็นวันที่จ่านกน้อยพายายนวลไปหลังวัด กับพรรคพวกปลาทู ปูอัดและชาวบ้านสามสี่คน เพื่อขูดหาตัวเลข ยายนวลมีหน้าที่ขูดทุกครั้งจนอดถามไม่ได้

“ไม่เข้าใจ ทำไมข้าต้องเป็นคนขูดทุกครั้ง”

“อ้าว...ถ้าไม่ขูดแล้วยายจะดูเลขเองเหรอ ถามจริง มองเห็นป่าว” จ่านกน้อยย้อน

“ไอ้เวร...สมแล้วกับที่ทำงานกับไอ้เหยี่ยว ปากพันธุ์ บางแก้วพอกัน”

จ่านกน้อยหัวเราะว่าล้อเล่น ที่ให้ยายเป็นคนขูดเพราะตามตำรา...พรายกระซิบผีเฮี้ยน...ต้องให้คนตาบอดเป็นคนขูด ปลาทูชี้ตัวเลขจวนออกมาแล้ว จู่ๆก็มีเสียง

หมาหอน ลมพัดแรงขึ้น ปูอัดขยับเข้าเกาะปลาทู บ่นทำไมต้องมาขูดหลังป่าช้าด้วย จ่านกน้อยจึงบอก

“อ๊ะ หลังป่าช้าก่อนวันหวยออก เฮี้ยนดี...งวดที่แล้วถูกเลขท้ายสองตัว ไม่เพราะเจ้าแม่ต้นไทรต้นนี้เหรอ” นกน้อยยกมือไหว้ แต่เสียงหมาหอนดังประสานมากขึ้น ชักเริ่มหวาดหวั่น

ยายนวลถามจะไหวไหม เย้าว่าเพื่อนนกน้อยร้องทักกันใหญ่ ปลาทูถามขึ้นว่า จริงไหมที่หมาหอนเพราะเห็นผี นกน้อยตอบว่าจริง ทุกคนร้องเฮ้ย...ขยับเข้าหากัน นกน้อยรีบแก้

“เฮ้ย!ไม่ใช่...พวกมึงอย่าทักดิวะ กูยิ่งหวาดๆอยู่ มันหอนหาบิดาอะไรนักหนาวะ”

พลันเสียงหมาหอนหยุดลง ทุกคนมองหน้ากัน ปลาทูเอื้อนเอ่ย หรือผีบอกให้มันหยุด ทันใดตุ๊กแกตกลงมากลางวงหลายตัว ทุกคนกระโดดหนีกระเจิงไม่เว้นแม้แต่ยายนวล...วิ่งกันมาถึงทางเปลี่ยวดูวังเวง นกน้อยประคองยายนวลหยุดหอบ ปลาทูกับปูอัดตามมาสมทบ ทุกคนถามยายนวลเห็นผีหรือถึงวิ่งหนี ยายบอกว่าไม่เห็นแต่จะอยู่ทำไม ไม่ทันไร เสียงหมาหอนดังขึ้นอีก ยายนวลบอกว่าได้กลิ่นดอกมะลิ กลิ่นธูป ทุกคนร้องว่ายายอย่าหลอกกัน

“ไม่ได้หลอก ข้าได้กลิ่นจริงๆ มาทางขวานี่แหละ” ยายนวลชี้ไปทางขวา

ทุกคนหันมองเห็นเงาทอดยาวมาตามทาง ต่าง ตาเหลือก วิ่งหนีไปคนละทิศละทาง ยายนวลร้องเรียกให้รอด้วยเก้ๆกังๆ ทันใดมีมือมาจับไหล่ยายไว้ ยายร้องลั่น “อย่าทำอะไรข้าเลย ไปผุดไปเกิดเถอะไอ้ผี จะมาหลอกข้าทำไม เอ็งจะแหกหูแหกตา แหวะไส้ ทำยังไงข้าก็ไม่เห็น”

“อะไรยาย ผมยังไม่ตาย จะไล่ให้ไปเกิดแล้วเรอะ รู้งี้ไม่เดินมาตามหรอก” เสียงเหยี่ยวบ่น

ยายนวลคลำมือรู้ว่าหลานถือถุงใส่พวงมาลัยธูปเทียน แล้วคลำใบหน้าก่อนจะถอนใจด่า

“ไอ้เหยี่ยว! ไอ้เวร!”

เหยี่ยวเดินตามยายขำๆ ยายนวลเดินจ้ำมาตามสวนหลังบ้านเหมือนตาไม่ได้บอด เพราะคุ้นเคยกับทางดี เบื้องหลังเหยี่ยว มีลมพัดโชย ที่พื้นเป็นรอยใบไม้แหวกกรุยมาเป็นทาง...เหยี่ยวแซวยาย ทีอย่างนี้เดินไม่รอกันเลย ยายตะโกนกลับมาว่า ถิ่นตน หลับตาเดินยังได้

“ฮึๆ อย่างยายเนี่ย หลับตาเดินกับเปิดตาเดินมันต่างกันยังไงเหรอ”

“ไอ้เวร! ไอ้หลานตะไล ล้อเรื่องตายายบอด นรกจะกินกบาล”

เหยี่ยวรีบประจบว่าล้อเล่น ไม่อยากให้ยายเครียด ยายนวลเก็บก้อนหินปาใส่อย่างหมั่นไส้ โดนเข้าตรงเผง เหยี่ยวร้องโอ๊ย...ยายนวลโอ้อวด

“นี่ไง ถึงตาไม่เห็นแต่สัมผัสตรงเผง ยิ่งกว่าจิตสัมผัสโว้ย รีบๆเข้าบ้าน” ยายนวลยิ้มๆชี้ไปด้านหลัง “มีเพื่อนมาด้วยเหรอ ถึงข้าจะมองไม่เห็นแต่ข้ารู้นะ” ยายนวลเดินนำเข้าบ้าน เหยี่ยวยืนเหวอมองซ้ายมองขวาไม่เห็น

มีใคร รีบจ้ำตามยายเข้าบ้าน ยังคงมีลมพัดกรุยทางตามหลังเขาไป

ยายนวลเดินเปิดไฟในบ้านราวกับคนตาดี หยิบขวดน้ำกับแก้วมาวางให้ บอกให้เพื่อนเขา เหยี่ยวยิ่งงงหมายถึงใคร ยายนวลพูดขำๆ “ยายรู้ทันเอ็งหรอกน่า พาเพื่อนสาวมาซะขนาดนี้ ไม่ต้องเขิน กลิ่นน้ำหอมฟุ้งซะขนาดนั้น...กินน้ำกินท่าก่อนนะแม่หนู ไม่ต้องเกรงใจ

หรอกนะ ตามสบาย แต่อย่าทำอะไรที่มันไวไฟนัก เป็นสาว เป็นแส้มันไม่งามรู้ไหม” ยายเดินเข้าห้องปิดประตู

เหยี่ยวมองรอบๆงงมากขึ้น จึงลองออกมาเดินสำรวจรอบบ้านว่ามีใครมา จ่านกน้อย ปลาทูและปูอัดมาแอบมองด้วยความเป็นห่วงยายนวล พอเห็นว่ากลับบ้านปลอดภัยแถมหลานชายกลับมาแล้ว ก็หมดห่วง แต่พอเห็นเหยี่ยวออกมาเดินสำรวจบริเวณบ้าน มีรอยเท้าจางๆปรากฏตามหลังเขาตลอด ทั้งสามคนตกใจ พากันวิ่งหน้าตั้งกลับไป เหยี่ยวหันมองตามเสียงไม่เห็นใคร

คืนนั้น เหยี่ยวฝันถึงเหตุการณ์ที่ฝังใจ บนถนนในต่างจังหวัด รถยนต์ของวิหคแล่นมาพร้อมเสียงร้องเพลงของสามคนพ่อแม่ลูก เหยี่ยววัย 7 ขวบนั่งเบาะหลังหัวเราะอย่างมีความสุข ดูรูปถ่ายจากกล้องดิจิตอล วิหคกับภรรยาหันมาเล่นกับลูกชายเป็นระยะ พลันมีรถบรรทุกพุ่งชน

ภาพรถที่พุ่งเข้าประสานงา กระจกแตกกระจาย ทำให้เหยี่ยวช็อก หลังจากนั้นยายนวลพาเขามาอยู่บ้านสวน... ปมเรื่องอุบัติเหตุยังฝังใจและทำให้เหยี่ยวสะเทือนใจจนนอนฝันร้ายมาตลอด เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาเหงื่อท่วมตัว เหยี่ยวลุกขึ้นหยิบรูปถ่ายครอบครัวบนโต๊ะทำงานมามองอย่างอาวรณ์ พลันได้ยินเสียงสะอื้นดังแว่วมา ลมพัดปะทะใบหน้าจนเขาต้องนิ่วหน้าด้วยความสงสัย มองออกไป
นอกหน้าต่าง เห็นหญิงสาวนั่งร้องไห้อยู่ที่ศาลาท่าน้ำ เหยี่ยวตัดสินใจเดินออกไปหา

“คุณ...คุณ...เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม” พอหญิงสาวเงยหน้าเขาจำได้ “คุณ...คุณที่ไปมุงดูรถตกน้ำในบึงเมื่อตอนหัวค่ำ คุณตามผมมาทำไม”

หญิงสาวสะอื้นบอกว่าไม่ได้ตาม เหยี่ยวไม่เชื่อ “ฉันไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ตรงนี้แล้ว เออ...คุณเป็นตำรวจนี่ ช่วยฉันหน่อยสิ”

เหยี่ยวเกาหัวแกรกๆถามจะให้ช่วยพาส่งบ้านหรือ หญิงสาวพยักหน้า บอกว่าตั้งแต่หัวค่ำ ไม่มีใครพูดกับตนเลย ไม่รู้เป็นอะไรกันไปหมด เหยี่ยวจึงถามบ้านเธอ

อยู่ไหน หญิงสาวนิ่วหน้าก่อนจะบอกจำไม่ได้ แม้แต่ชื่อตัวเองก็จำไม่ได้ เหยี่ยวตบหน้าผากผัวะ...งานเข้าแล้ว

“คุณต้องช่วยฉันหาบ้านให้เจอ หาชื่อฉันให้ได้ ฉันไม่มีใครอีกแล้วนอกจากคุณ ฉันอยากกลับบ้าน” หญิงสาวร้องไห้โฮ เหยี่ยวเห็นแล้วใจอ่อนยวบอย่างแปลกใจตัวเอง

เหยี่ยวเอื้อมมือจะไปช่วยเช็ดน้ำตา แต่แล้วชะงัก ไม่ควรถึงเนื้อถึงตัวเธอ หญิงสาวสะอึกสะอื้นยิ่งทำให้ใจเหยี่ยวรู้สึกสงสารไม่อาจทิ้งเธอไปได้

ooooooo

โถงคฤหาสน์ของธารา มีภาพถ่ายคู่ธารากับน้ำรินติดอยู่กลางห้อง ธารายืนละล้าละลังเป็นห่วงน้ำริน ภพธรกับนับดาวเดินเข้ามา ธาราหันมองอย่างมีความหวัง ถามข่าวลูกสาว

ภพธรรายงานว่าตามบ้านเพื่อน ไม่มีใครพบน้ำรินเลย นับดาวให้เพื่อนที่เป็นตำรวจช่วยตามหาอีกทาง ธารา เป็นห่วงจะเกิดอุบัติเหตุ นับดาวว่าไม่มีรายงานจากศูนย์รับแจ้ง ภพธรบอกว่าเสร็จจากลองชุด น้ำรินจะมาหาตน

แต่แล้วก็หายไปเฉยๆ ธาราสังหรณ์ใจน้ำตาไหลพราก นับดาวประคองให้มานั่งโซฟา ภพธรมองรูปน้ำรินอย่างสลดใจ

ขณะเดียวกัน เหยี่ยวเดินนำน้ำรินเข้ามาในบ้าน

เธอยังคงร้องไห้ เขาทำอะไรไม่ถูกไม่รู้จะปลอบอย่างไร เกรงยายจะได้ยินเสียง คิดว่าตนปล้ำสาวจึงปรามให้เบาลง น้ำรินเผลอวีนตามนิสัย

“ก็ฉันจำไม่ได้นี่ว่าตัวเองเป็นใคร มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”

“วีนอีกแล้ว วีนแล้วทำให้คิดออกงั้นเหรอ ระงับ อารมณ์ สงบจิตสงบใจ บางทีอาจจะทำให้คุณจำอะไรขึ้นมาได้บ้างนะ”

น้ำรินสูดหายใจเข้ากลั้นสะอื้น เรียกสติกลับมา

แล้วลุกมองข้าวของในบ้าน เห็นมีแต่ภาพถ่ายเหยี่ยวกับยาย จึงถามว่าเขาอยู่กับยายสองคนหรือ เขารับว่าใช่...นิสัยคุณหนูของน้ำรินยังมีอยู่ในตัว เผลอตำหนิว่าบ้านสกปรก อยู่เข้าไป ได้อย่างไร เหยี่ยวทำหน้าไม่พอใจ

“รึไม่จริง อี๋ ทั้งฝุ่นทั้งหยากไย่หนาเป็นนิ้ว คุณ

เป็นหลานที่ไม่ได้เรื่องเลยนะ ทำไมไม่ช่วยยายทำความ สะอาดบ้าง”

เหยี่ยวส่ายหัวเดินไปรินน้ำมาวาง ให้เธอทานจะได้หยุดบ่น น้ำรินเอื้อมมือไปจับแก้วแต่มือเธอผ่านแก้ววูบ

จับไม่ได้ ทั้งสองตะลึง เหยี่ยวลองชะโงกหน้าไปมองใน

กระจก ไม่เห็นเงาเธอในนั้น ทั้งสองตาเหลือกตกใจมาก หญิงสาวร้องลั่น...ไม่จริง!

“คุณไม่ใช่คน!”

“ไม่ใช่คน! หมายความว่าฉัน...ฉันตายแล้วเหรอ!” ภาพเหตุการณ์รถคู่กรณีลอยตกไปในบึง น้ำรินหันกลับมาเจอรถตัวเองชนเข้ากับข้างถนน ลอยคว้างพลิกคว่ำลงข้างทาง

สีหน้าน้ำรินตกตะลึง เหยี่ยวตั้งสติเดินหนีบอกให้เธอไปที่ชอบๆ อย่ามายุ่งกับตน คนอยู่ส่วนคน ผีอยู่ส่วนผี ไม่ควรเกี่ยวข้องกัน น้ำรินขอร้องอย่าหนี ตนไม่มีใครอีกแล้ว เธอร้องไห้ดังขึ้น รับไม่ได้เมื่อรู้ว่าตัวเองตาย เหยี่ยวมองด้วยความสงสาร ร่างน้ำรินจางหายไปต่อหน้าต่อตา

รุ่งเช้า ธารายังคงยืนรอน้ำรินกลับมาอย่างกระวน กระวายใจ น้ำตาไหลปิ่มว่าจะขาดใจที่ลูกไม่กลับมาเสียที...ด้านเหยี่ยวตื่นมาช่วยยายนวลเตรียมของใส่บาตร ยายถามว่าเพื่อนสาวกลับบ้านไปแล้วหรือ เหยี่ยวอึกอักๆ ยายจึงถามอีกเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ไม่คิดแนะนำให้ยายรู้จักบ้าง แล้วถามทำอะไรเธอ ถึงร้องไห้ไม่หยุด เหยี่ยวหน้าเหวอไม่รู้จะตอบอย่างไร

“ยังไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร แต่อย่าทำอะไรที่ไม่งามเหมือนวัยรุ่นสมัยนี้นะลูก เออ...แล้วทำไมวันนี้คิดอยากจะทำบุญล่ะ” ยายนวลเปลี่ยนเรื่องถาม

“ผมอยากจะอุทิศส่วนกุศลให้วิญญาณพเนจรน่ะครับ”

ยายนวลถามเมื่อคืนฝันเห็นผีหรือ เหยี่ยวอึกอัก ยายนวลจะเดินไป เหยี่ยวร้องถามว่าหลวงตาเคี้ยงมาแล้วไม่ใส่บาตรด้วยกันหรือ ยายนวลบอกว่าวันนี้หวยออกไม่อยากทะเลาะกับหลวงตา พูดจบก็เดินลิ่วไปเหมือนคนตาดี...เหยี่ยวใส่บาตรแล้วปรึกษาหลวงตาเรื่องวิญญาณน้ำริน ระหว่างนั้น เส่งกับลูกน้องมาแอบมองอยู่อย่างโกรธแค้น...หลวงตาให้ศีลให้พรแล้วกล่าว

“เท่าที่โยมเล่าให้ฟัง ผู้หญิงคนนั้นน่าจะเป็นวิญญาณที่เพิ่งออกจากร่างเพราะเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตกะทันหัน วิญญาณจึงล่องลอยไม่มีที่พึ่ง”

“แล้วทำไมผมถึงเห็นเธออยู่คนเดียวล่ะครับ”

“อาจจะเป็นเพราะบุญกรรมที่เคยผูกพันกันมาแต่ชาติก่อน”

“น่าแปลกที่เธอเหมือนจะจำอะไรไม่ได้สักอย่าง”

“น่าจะเป็นเพราะภาวะสับสนในดวงจิต หรืออาจจะเป็นเพราะกรรมบางอย่างที่ผู้หญิงคนนี้เคยสร้างมา ใส่บาตร ทำบุญให้เขาแบบนี้แหละดีแล้ว กุศลจะทำให้เขาไปในที่ชอบ”

จู่ๆลมพัดวูบเข้าที่หน้า เหยี่ยวเห็นน้ำรินกำลังพนมมือไหว้พระอยู่ข้างๆ จึงบอกหลวงตา หลวงตาไม่เห็นติงอย่ามาล้อเล่น เหยี่ยวย้ำว่าเธอรอรับพรอยู่ หลวงตาจึงกล่าว “โอเคเลย สาธุ จงเป็นสุขๆเถิดนะ กู๊ดมอนิ่งนะคุณโยม อาตมาไปก่อนล่ะ”

กล่าวจบหลวงตาจ้ำอ้าวออกไป เหยี่ยวมองตามแล้วหันมาถามน้ำรินทำไมยังไม่ไป น้ำรินขอร้องให้เขาช่วยเพราะไม่มีใครเห็นตนเลย มีแต่เขาเท่านั้นที่เห็น เหยี่ยวถอนใจครุ่นคิดก่อนจะบอกว่าตนช่วยแล้ว ช่วยอุทิศส่วนกุศลให้ก็น่าจะพอ น้ำรินยังอ้อนวอน

“ลองคิดดูดีๆนะคะ คุณเป็นคนเดียวที่จะช่วยฉันได้ ฉันไม่เหลือใครแล้วจริงๆ” เหยี่ยวจะเดินหนี เธอรีบไปดักหน้า เขาเดินผ่านตัวไป น้ำรินเรียก “เดี๋ยวก่อน จะหนีไปไหน กลับมาก่อน”

น้ำรินตามมาดักเหยี่ยวอีก เขาขอให้ต่างคนต่างอยู่ แต่น้ำรินชักโมโหต้องการให้เขาช่วย โดยขู่จะหักคอจิ้ม น้ำพริก เหยี่ยวทำท่ากลัวแล้วว่ามุกโบราณเกิน น้ำรินฉุนตามป้วนเปี้ยนรอบตัวเขา เหยี่ยวพยายามทำสมาธิว่าไม่รู้ ไม่เห็น จิตคิดไปเอง เสียงน้ำรินรบกวนอย่าหลอกตัวเอง

“มันไม่จริง...” น้ำรินโต้ว่าจริง เหยี่ยวโวย “จะทำยังไงคุณถึงจะไปเนี่ย”

“ถ้ามีที่ไป ฉันก็ไม่อยากอยู่ตรงนี้นักหรอก จะให้ฉันไปไหน นอกจากคุณก็ไม่มีใครเห็นฉันสักคน...เป็นตำรวจต้องช่วยเหลือประชาชนสิ ไม่ใช่ทอดทิ้ง”

“ผมเป็นตำรวจไม่ใช่หมอผี ตำรวจมีหน้าที่ช่วยเหลือคนเดือดร้อน ไม่ใช่ช่วยปลดปล่อยวิญญาณเร่ร่อน” พูดจบเหยี่ยวจะเดินหนี

น้ำรินเผลอวีน “จะไปไหน กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน ฉันไม่ใช่ผี มาหาว่าฉันเป็นวิญญาณเร่ร่อนได้ไง” น้ำรินตามเหยี่ยวเข้าบ้าน

ยายนวลเสียบหูฟังฮัมเพลงขณะทำงานในครัว จึงไม่ได้ยินเสียงเหยี่ยวกับน้ำรินเถียงกัน...น้ำรินตามพูดกับเหยี่ยว “จริงๆฉันน่าจะยังไม่ตาย แค่ประสบอุบัติเหตุกำลังนอนโคม่าอยู่ในโรงพยาบาล แล้ววิญญาณฉันก็ดันหลุดออกจากร่าง”

เหยี่ยวหาว่าน้ำรินดูละครมากเกินไป น้ำรินโวย เขาต้องช่วยให้เธอกลับเข้าร่าง เหยี่ยวเน้น “ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าผีกับวิญญาณที่ออกจากร่างมาเร่ร่อนอย่างคุณเนี่ย มันเหมือนกันรึเปล่า แต่ที่แน่ๆคุณไม่ใช่คน”

“พูดอย่างนี้คุณจะไม่ช่วยฉันเหรอ ถ้าคุณไม่ช่วย ฉันจะตามหลอกหลอนคุณ หลอกให้เป็นบ้าไปเลย”

เหยี่ยวหัวเราะ “ถ้าผมกลัวคุณ ผมไม่ยืนคุยกับคุณอย่างนี้หรอก คุณเห็นไหม บ้านผมอยู่ใกล้วัด ถัดไปหน่อยก็เป็นป่าช้า เห็นศพมาจนชินแล้ว คุณไปที่ชอบๆเถอะ ผมจะกรวดน้ำไปให้”

“อย่าตัดรอนฉันแบบนี้สิ ฉันอยากกลับไปเป็นคนอีกครั้ง” น้ำรินเดินตามวิงวอน ไม่ทันดูว่าเหยี่ยวหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ เขาปิดประตูใส่หน้า เธอโกรธไม่พอใจ

เหยี่ยวอาบน้ำสระผมให้คลายความเครียดลง น้ำรินยืนจ้องประตู เข่นเขี้ยว ในชีวิตไม่เคยมีใครปิดประตูใส่หน้าแบบนี้...แล้วชะงัก จำได้อย่างไร แต่ความโมโหยังมีจึงโวยวายใส่เหยี่ยวต่อให้ออกมา เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง น้ำรินยกมือขึ้นทุบประตู แต่มือเธอทะลุประตู ร่างถลาเข้าไป เจอกระจกบานใหญ่แต่ไม่เห็นเงาตัวเอง จึงหันมาอีกทาง เหยี่ยวคว้าผ้าขนหนูมาพันร่างพอดี หันมาเจอกันต่าง
ตะโกนลั่นด้วยความตกใจ น้ำรินเอามือปิดตาโวย

“ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต ไอ้ผู้หมวดวิตถาร แก้ผ้าให้ฉันดูทำไม!”

เหยี่ยวโวยกลับ ตนไม่ได้แก้ผ้า แล้วเธอนั่นแหละโรคจิต เข้ามาในห้องน้ำทำไม น้ำรินหน้าเสียที่ตัวเองเป็นฝ่ายผิด แต่ยังแถ “ก็...ก็ใครจะนึกล่ะว่าคุณจะ...อุจาดตา อี๋...รีบแต่งตัวเร็ว”

เหยี่ยวแกล้งขยับผ้า น้ำรินร้องลั่นให้ตนออกไปก่อนแล้วเขาต้องตามไปคุยให้รู้เรื่อง เธอเดินผ่านประตูไป เหยี่ยวขำ “อะไรวะ นี่ขนาดยังไม่เห็นพญาเหยี่ยวถึงกับแหกปากลั่นเลยเหรอ”

ooooooo

เหยี่ยวแต่งตัวเสร็จ สวมแจ็กเกตตัวเดิมออกมา ถามน้ำรินต้องการให้ตนช่วยสืบว่าเธอเป็นใคร ร่างอยู่ที่ไหนจะได้กลับเข้าร่างใช่ไหม เธอพยักหน้าทำท่าขอร้อง เหยี่ยวจึงบอกว่าวันนี้ตนจะไปเคลียร์งาน แล้วจะลาพักร้อนสองอาทิตย์มาช่วย วันนี้ให้เธอล่องลอยที่นี่ไปก่อน

เหยี่ยวมองน้ำรินอย่างเอ็นดู ย้ำอย่าให้ใครเห็นเดี๋ยวจับไข้หัวโกร๋น เธอรับปาก...ยายนวลเช็ดโต๊ะอยู่ เหยี่ยวเดินเข้ามา ยายทักเสียงใครโวยวายตกใจหมด เหยี่ยวอึกอักก่อนจะโกหกว่าเจอแมลงสาบในห้องน้ำ ยายนวลทำท่านับนิ้วว่าแมลงสาบมีกี่ขา กี่หนวด จะตีเป็นเลข เหยี่ยวขำหอมแก้มยายฟอดแล้วปั่นเมาเท่นไบค์ออกไป...ไม่ทันเห็นว่าเส่งกับลูกน้องขี่มอเตอร์ไซค์ตาม

ระหว่างทาง พอมีจังหวะติดไฟแดง เหยี่ยวจอดจักรยานข้างรถแท็กซี่ เส่งกับลูกน้องเข้าประกบ ชักปืนออกมายิงใส่ เสียงน้ำรินร้องเตือนให้เหยี่ยวระวังทางขวา เขาจึงหลบทัน กระสุนเฉียดแก้มไปโดนกระจกรถอีกคัน เหยี่ยวปั่นรถแหกสี่แยกออกไป เสียงรถเบรกและบีบแตรลั่น เมื่อพ้นที่พลุกพล่าน เหยี่ยวถามขึ้นว่าตามมาทำไม น้ำรินโผล่หน้าออกมาคล้ายเกาะหลังเขาอยู่

“ฉันไม่ได้ตาม มันมาเอง บังคับไม่ได้”

เหยี่ยวเหลียวมองเห็นเส่งกับพวกตามมา จึงชักปืนออกยิงใส่ โดนคันลูกน้องเส่งอย่างแม่นยำล้มไป น้ำรินร้องว๊ายๆด้วยความกลัว เหยี่ยวถามจะร้องทำไมหนวกหู ผีอะไรกลัวโดนยิง น้ำรินค้อนขวับทำนองตนไม่ใช่ผีสักหน่อย...เหยี่ยวยิงใส่เส่งแล้วปั่นจักรยานหนี น้ำรินแซว เป็นตำรวจทำไมหนีคนร้าย เขาตอบว่ากำลังหาทางจัดการ น้ำรินเห็นซอยซ้ายมือข้างหน้าจึงบอกเขาอย่าเข้าไป ทางตัน เหยี่ยวนึกบางอย่างได้ เลี้ยวขวับเข้าไป น้ำรินโวยวายบอกอย่าเข้ามา

เส่งเลี้ยวรถตามเหยี่ยวเข้ามายิ้มย่องเพราะรู้เป็นทางตัน เหยี่ยวจอดรถขวางกำแพงตั้งรับ พอรถเส่งพุ่งมาใกล้ก็ชักปืนออกมายิงเหนือหัวเส่ง สักพัก ป้ายโฆษณาขนาดย่อมหล่นลงมาใส่เส่งล้มไม่เป็นท่า เส่งถูกจับพร้อมของกลางยาเสพติดในตัว

สงครามทุบโต๊ะโครมต่อว่าเหยี่ยวที่เพิ่งสั่งพักงานและให้ถอนตัวจากคดี ยังเข้ามาวุ่นวาย เหยี่ยวโวยว่าตนไม่ผิด ตนถูกไล่ยิงและยังสามารถจับตัวเส่งพร้อมของกลาง ทำให้เราปิดคดีได้

“ความจริงผมควรจะได้รับคำชมเชยและถอนคำสั่งพักงานมากกว่าจะโดนตำหนินะครับท่านผู้การ” เหยี่ยวจ้องหน้าสงครามอย่างไม่กลัวเกรง

พอเดินออกจากห้องผู้การ เจ้าหน้าที่คนอื่นๆต่างปรบมือยินดีที่เขาได้กลับมาทำงาน จ่านกน้อยลืมตัว เข้าจับไหล่ เหยี่ยวมองเคืองๆ นกน้อยนึกได้เอามือลงหัวเราะแหะๆ แล้วเปลี่ยนเรื่อง

“ผมไม่เข้าใจจริงๆนะ ผู้การเป็นเพื่อนกับพ่อหมวดแท้ๆ แต่ทำไมจ้องจับผิดตลอด ทำเหมือนหมวดเป็นศัตรู มันน่าสงสัย...”

เหยี่ยวปัดไม่อยากรู้ จ่านกน้อยจึงถอยไปทำงาน เหยี่ยวลองเรียกน้ำรินยังอยู่ไหม...เงียบไม่มีอะไรจึงกลับไปห้องทำงาน คำพูดของสงครามยังดังก้องหู ที่ว่าเขาจะทำอะไรให้คิดถึงพ่อตัวเองบ้าง เหยี่ยวถอนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น น้ำรินปรากฏร่างถามถอนใจทำไม เขาสะดุ้งเฮือก

“ทำไมต้องตกใจเหมือนเจอผี ไหนว่าไม่กลัวผีไง แหม...หลอกฉันว่าลาพักร้อน ที่แท้ก็โดนสั่งพักงาน”

เหยี่ยวโวยที่ไปแอบฟัง น้ำรินว่าไม่ได้แอบ ตน ยืนข้างหลังฟังผู้การด่าไฟแลบ ไม่อยากให้อายจึงไม่ปรากฏตัว เหยี่ยวเคืองจะตามมาทำไม หญิงสาวว่าไม่ได้ตาม เหมือนมีบางอย่างดึงไปทุกที่ที่เขาไป เหยี่ยวถอนใจ “คุณคงเป็นเจ้ากรรมนายเวรของผมมั้ง”

“ไม่คิดจะขอบคุณสักคำเลยรึ รอดตายก็เพราะฉัน จับผู้ร้ายได้ก็เพราะฉัน”

เหยี่ยวมองน้ำรินอย่างมีฟอร์มเล็กๆก่อนจะเอ่ยปากขอบคุณ น้ำรินแกล้งบอกไม่ได้ยิน เขากล่าวเสียงเรียบๆอีกครั้งว่าขอบคุณ หญิงสาวยังต่อว่า เย็นชามากน่าจะปล่อยให้โดนยิงตายจะได้มาอยู่เป็นผีเพื่อนกัน เหยี่ยวหมั่นไส้ เอ็ดถ้าไปไหนไม่ได้ก็อยู่เฉยๆ ตนต้องการสมาธิในการทำงาน น้ำรินสะบัดหน้าเดินไปนั่งที่โซฟา เหยี่ยวหันกลับมากดคอมพิวเตอร์ทำงานต่อ

ooooooo

ในขณะที่ธารายังเศร้าโศกที่ลูกสาวหายตัวไป คิดถึงวันเกิดที่ผ่านมา น้ำรินมอบของขวัญเป็นนาฬิกาคู่แฝดให้ตนใส่เหมือนกัน ธารามองนาฬิกาข้อมือตัวเองน้ำตาไหลรินทนไม่ไหวถอดออกเก็บใส่ลิ้นชัก ภพธรแวะมา ธาราจึงบอกว่าตนไม่รออีกแล้ว จะไปหา
ผู้บัญชาการสงคราม

“จะเหมาะเหรอครับ คุณอาเคยบอกว่าไม่อยากพบกับผู้การสงครามอีกแล้ว” ภพธรแย้ง

“แต่นี่มันเรื่องของน้ำริน อาจะลองเข้าไปขอความช่วยเหลือเขา”

ภพธรจึงบอกว่าตนจะตามดูที่โรงพยาบาลอีกครั้ง อาจได้ข่าวอะไรบ้าง...ธาราให้สนคนขับรถขับพาไปสำนักงานสืบสวน พอลงรถเธอก็กดโทร.หาผู้การสงครามว่าตนมาถึงแล้ว

เหยี่ยวกินข้าวกลางวันบนห้องเสร็จก็ทำงานต่อ น้ำรินต่อว่าเมื่อไหร่จะช่วยสืบหาประวัติตนเสียที เห็นเขาเฉยจึงประชด “ใช่สิ...ฉันมันผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ ญาติก็ไม่ใช่ ต้องใส่ใจทำไม”

เหยี่ยวติง เอาเวลาประชดมาช่วยคิดดีกว่าว่าตัวเองชื่ออะไร จะได้เริ่มสืบ น้ำรินให้เริ่มจากใบหน้าตน ถ่ายรูปแล้วลงเฟซบุ๊กประกาศหา แค่นี้ก็ไม่รู้ จับสลากมาเป็นตำรวจหรืออย่างไร...เหยี่ยวเอามือถือมาถ่ายรูปน้ำรินแล้วยื่นให้ดูว่ามันถ่ายติดไหม น้ำรินหน้าเสียยังแถว่าทีในหนังยังถ่ายติดวิญญาณได้เลย เหยี่ยวต่อว่า เลิกทำลายสมาธิตนเสียที ตนจะรีบเคลียร์งาน น้ำรินเคือง

“งั้นฉันออกไปเดินเล่นนอกห้องก็ได้ จะได้ไม่รกหูรกตาคุณ” ออกมาพ้นก็บ่น “เชอะ ที่ยอมง้อเพราะเป็นคนเดียวที่มองเห็นฉันหรอกนะ กลับคืนร่างเมื่อไหร่ โดนแน่ไอ้หมวดขี้เก๊ก”

น้ำรินเดินอยู่ริมระเบียง ไม่ทันมองว่าธาราเดินอยู่ข้างล่าง จนเลี้ยวมุมตึก จึงเห็นด้านข้างคุ้นๆ ความรู้สึกแปลกๆไม่รู้ว่าความรู้สึกนั้นมันคืออะไร...น้ำรินกลับเข้ามาบอกเหยี่ยวว่าถ้าได้เห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นอาจจะรู้จักกัน เหยี่ยวหัวเราะมันไม่น่าบังเอิญขนาดนั้น น้ำรินจะยื้อ

เหยี่ยวเอ็ด “คุณจะไปไหนก็ไป นี่คือคำสั่ง!” ประโยคหลังเหมือนมีพลัง ดังก้องในหู

“เฮ้ยๆๆ ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย” น้ำรินรู้สึกหมุนคว้างแต่เหยี่ยวเห็นว่าเธอเดินเซหายไป...

ธารานั่งอยู่ในห้องผู้การสงคราม แววตาเขาห่วงใยเมื่อรู้เรื่องจากเธอ ตำหนิทำไมเพิ่งมาบอก ธาราอ้างไม่อยากรบกวน สงครามย้อนระหว่างเราไม่มีคำว่ารบกวนแล้ว พลันดารณีตำรวจคนสนิทถือแฟ้มอุบัติเหตุพร้อมรูปถ่ายรถที่ตกน้ำมาวางบนโต๊ะ รายงานสงครามว่า

“ตรวจสอบกับทุกหน่วยแล้ว ไม่มีรายงานอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับรถลูกสาวคุณธาราเลยค่ะ”

สงครามถามแฟ้มนี้เรื่องอะไร ดารณีตอบว่าคดีรถตกบึงที่เกิดขึ้นในรอบยี่สิบสี่ชั่วโมง สงครามเปิดดู ดารณีอธิบายว่าคนแถวนั้นให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ รถคันที่ตกน้ำมีเรื่องกับรถสปอร์ตอีกคัน ซึ่งอาจเป็นรถน้ำริน ธารารีบถามมีใครเห็นรถลูกสาวตนบ้าง ดารณีส่ายหน้า ธาราเสียงเครือ “ยัยน้ำไปอยู่ที่ไหน ฉันเป็นห่วงลูก ...ช่วยฉันด้วยนะคะท่านผู้การ”

สงครามเห็นน้ำตาธาราแล้วสะเทือนใจ...ในขณะเดียวกัน วิญญาณน้ำรินหมุนคว้างมาสลบอยู่กลางบ้านเหยี่ยว...ภาพในฝัน เห็นภพธรวัยเด็กให้น้ำรินวัยเด็กขี่คอเดินเล่นข้ามท้องร่อง น้ำรินหัวเราะชอบใจชี้ให้เขาไปทางนั้นทางนี้ จนเขาหมดแรงล้มลงกลิ้งตกร่องสวน ภพธรร้องเรียกน้ำรินเป็นอะไรหรือเปล่า...สายตาน้ำรินมองเห็นภาพธาราเบลอๆกำลังปลุกตน

“น้ำ...น้ำ...ตื่นเถอะลูก น้ำ...”

น้ำรินขยับตัวลุกขึ้น กลายเป็นยายนวลกำลังถามเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมมานอนตรงนี้

“ยาย! ยายมองเห็นหนูเหรอคะ” น้ำรินแปลกใจรีบถาม
“ฮึๆ ไม่เห็นหรอก ยายมองใครไม่เห็นทั้งนั้นแหละ”

“ยายตาบอด!”

“ตาบอดแต่ก็รู้สึกได้ว่ามีคนอยู่ หนูใช่ไหมที่เมื่อวานเจ้าเหยี่ยวพามาที่บ้าน”

น้ำรินยิ่งแปลกใจ ไม่เห็นแต่ได้ยิน ยายนวลบอกว่า ตนตาบอดแต่หูไม่หนวก พูดแล้วจะหาว่าคุย ตนเป็นพวกหูทิพย์ ขนาดเสียงพรายกระซิบ เสียงผีสางนางไม้ ตนยังได้ยินบ่อยๆ ทันใดเสียงปลาทูกับปูอัด ยู้ฮู เรียกยายนวลให้ออกไป ยายนวลจึงบอกน้ำรินว่า

“ชาวคณะมาแล้ว ตามสบายนะหนู ขอออกไประทึกใจก่อน อ๊ะ...ถ้าอยากรู้ต้องตามไปลุ้นด้วยกันที่ศาลา” ยายนวลเดินลิ่วออกไปสมทบกับพรรคพวก น้ำรินข้องใจที่ยายได้ยินเสียงตน

ooooooo

สงครามเดินมาส่งธาราที่รถหน้าสำนักงานสืบสวน เขาปลอบเธออย่ากังวล ตราบใดที่ยังหารถน้ำรินไม่พบ เรายังมีความหวังว่าเธอปลอดภัย...ห่างออกมาคงคาอยู่บนมอเตอร์ไซค์จอดซุ่มดูอยู่ เขาโทร.รายงานว่าพบเป้าหมายแล้ว กำลังตามไป

รถธาราแล่นมาจอดติดไฟแดง ธารานั่งดูไอแพดอ่านเอกสารอยู่เบาะหลัง คงคาเห็นสบโอกาสชักปืนออกมา พลันมีรถสายตรวจแล่นมาจอดติดไฟแดงข้างรถธารา คงคาชะงักรีบเก็บปืนพูดผ่านสมอลทอล์ก “ขอยกเลิกภารกิจ มีรถสายตรวจครับ!”...

พอธารากลับมาบ้าน ก็เล่าให้ภพธรกับนับดาวฟังว่า ผู้การสงครามบอกว่ามีอุบัติเหตุรถตกน้ำ แต่รถคู่กรณีหายไป รถที่หายไปเหมือนกับรถน้ำริน ภพธรโพล่งขึ้น หมายความว่าน้ำรินหนีคดีเพราะกลัวความผิด นับดาวแย้งว่าน้ำรินไม่เคยหนีปัญหา มีอะไรน่าจะติดต่อพวกเรา ธาราหน้าเสีย ภพธรปลอบว่าน้ำรินอาจพยายามจะติดต่อพวกเราอยู่ ธาราหันมาโกรธภพธร

“ธร...อาก็ได้แต่หวัง แต่คนที่จะต้องทำให้เป็นความจริงน่าจะเป็นเธอ เธอเป็นถึงคู่หมั้นน้ำริน ควรจะทำอะไรให้ดีกว่าให้กำลังใจอาไปเรื่อยๆ...ตามหา

น้ำรินให้เจอ นี่เป็นคำสั่ง” ธาราตวาดลั่น ทั้งภพธรและ นับดาวผงะ

ตรงศาลาท่าน้ำ ยายนวลกับพวกนั่งล้อมวิทยุฟังรายงานผลสลากกินแบ่ง น้ำรินนั่งข้างยายนวลไม่มีใครเห็น น้ำรินเปรยว่าจ่านกน้อยก็เอากับเขาด้วย ยายนวลหันมาจุ๊ๆให้เงียบ ฟังเลขท้ายสามตัว ชาวบ้านที่ถูกร้องเฮดีใจ ยายนวลบ่นอุบ พลาดไปนิดเดียว พอเลขต่อไป ยายลุ้นให้เป็น 46 แต่น้ำรินกระซิบว่า 64 ยายนวลเอ็ดปากเสีย ชาวบ้านหันมองว่ายายเอ็ดใคร เสียงจากวิทยุเป็น 64 จริง ชาวบ้านที่ถูกร้องเฮดีใจ ยายนวลตีตักตัวเองเจ็บใจ น้ำรินบอกยายลืมกลับตัวเลข ยายนวลต่อว่ารู้แล้วทำไมไม่บอกแต่แรก ทุกคนตรงนั้นมองยายนวลงงๆว่าคุยกับใคร ปลาทูคิดว่ายายติตน

“ไม่ใช่นะยาย เลขนี้พรายกระซิบผีเฮี้ยนให้นะ ไม่ใช่ฉัน”

“ข้าไม่ได้คุยกับเอ็งซะหน่อย ข้าคุยกับแม่หนูนี่แฟนไอ้เหยี่ยวมันต่างหาก”

ทุกคนหน้าเหวอเพราะไม่เห็นใคร น้ำรินบอกยายนวลว่าตนไม่ใช่แฟนเหยี่ยว ยายท้วง “ไม่ใช่แฟนแล้วเข้าไปอยู่ในห้องด้วยกันได้ไง แถมเมื่อเช้ายังร้องกรี๊ดซะเสียงดัง อย่านึกนะว่ายายไม่รู้ ยายตาบอดแต่ไม่ได้หูหนวกนะ”

ชาวบ้านมองหน้ากันกลัวๆ ยายนวลแนะนำกับทุกคนว่าแม่หนูคนนี้เป็นแฟนหลานชาย น้ำรินเห็นสีหน้าทุกคนหวาดหวั่น ยายนวลชวนน้ำรินให้ร่วมปาร์ตี้วันหวยออกแล้วหันไปบอกคนอื่นๆว่าเป็นการต้อนรับสมาชิกใหม่กัน ทุกคนเงียบก่อนจะค่อยๆขอตัวกลับทีละคน อ้างมีธุระที่บ้านแล้วโกยอ้าวกันไป

“อ้าวๆๆทำไมรีบกันขนาดนั้น ทำยังกับเห็นผี จะบ้าเหรอพวกเอ็งนี่” ยายนวลได้ยินเสียงวิ่งของทุกคน “ยังไงหนูก็อยู่ก่อนนะ รอจนกว่าเหยี่ยวมันจะกลับมา เออ... แล้วตกลงหนูชื่ออะไร คุยกันมาตั้งนาน ไม่ได้ถามชื่อ”

น้ำรินนิ่งคิด นึกถึงเสียงปลุกเรียกตัวเองว่าน้ำ จึงบอกไปว่าตนชื่อน้ำอย่างไม่ค่อยมั่นใจ...หัวค่ำ ยายนวลนอนหลับอยู่บนตั่งไม้ เหยี่ยวไขประตูบ้านเข้ามา น้ำรินโผล่จ๊ะเอ๋ เขาสะดุ้งโวย

“บอกแล้วไงอย่าโผล่มาแบบนี้อีก”

“แหม...อีกไม่นานเดี๋ยวก็ชิน”

“ยังอยู่อีกเหรอ นึกว่าไปเกิดใหม่ซะแล้ว จู่ๆก็หายไปต่อหน้าต่อตา”

“เออ...จริง ทำไมฉันกลับมาอยู่ที่บ้านนี้ได้ อ๋อ นึกออกแล้ว ต้องเป็นเพราะคำสั่งเด็ดขาดของคุณแน่ๆ เอ...แล้วทำไมฉันต้องทำตามล่ะ...หรือระหว่างเราอาจจะมีพันธะบางอย่าง ที่เป็นบ่วงผูกติดกันอยู่ แต่แบบนี้มันไม่แฟร์เลยนะ ทำไมฉันต้องทำตามคำสั่งคุณด้วยล่ะ”

“ทำตามจริงเรอะ ไม่ทุกเรื่องมั้ง ไม่งั้นสั่งให้ไปเกิดใหม่ก็ต้องไปแล้วสิ” เหยี่ยวทำหน้ากวนๆก่อนจะเดินหนีเข้าห้อง

“เก่งจริงสั่งให้ฉันกลับไปเข้าร่างสิ ฉันจะได้ฟื้นขึ้นมากลายเป็นสาวสวยแบบเดิม ไม่ต้องมาทนง้อผู้หมวดขี้เก๊ก”

“คุณผีเยอะอย่าง...ผมล่ะเหนื่อยกับคุณจริงๆ ขอไปนอนก่อนนะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน” เหยี่ยวเดินเข้าห้อง นั่งถอนใจอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะลุกไปหยิบกล่องจิ๊กซอว์ที่ต่อไปแล้วครึ่งภาพจากใต้เตียงมาทำต่อ เป็นการทำสมาธิอย่างหนึ่งของเขา

น้ำรินเข้ามาแหย่ให้ตกใจ แต่เขานิ่งไม่สะดุ้ง บอกชินแล้วอย่างที่เธอบอก แถมดุว่าอย่ามาทำลายสมาธิตน ตนอยากอยู่เงียบๆ...เหยี่ยวถอดเสื้อแจ็กเกตออกแล้ว

ล้มตัวลงนอน น้ำรินท้วงอาบน้ำแล้วหรือ เขาส่ายหน้า

“อ้าวนี่คุณจะนอนเลยเหรอ อี๋...น้ำก็ไม่อาบ สกปรก นี่ถ้าเป็นพี่ธรไม่มีวันทำยังงี้เด็ดขาด”

เหยี่ยวถามว่าใคร น้ำรินชะงักนึกไม่ออกว่าใคร มันพูดออกไปเอง เหยี่ยวหน่ายใจไม่มีข้อมูลอีกตามเคย น้ำรินก่อกวนไม่ให้เขานอน ขอให้ช่วยเสิร์ชเน็ตหาชื่อ

ตัวเอง เพราะมีข้อมูลเพิ่มขึ้นว่าตนรู้จักชื่อตัวเองกับคนชื่อธร เหยี่ยวโวย

“คุณผีเยอะอย่าง คนชื่อน้ำในประเทศนี้มีเกินล้าน มีวิธีอะไรที่สร้างสรรค์กว่านี้ไหม”

“นี่คุณ! นอกจากสกปรกซกมกแล้ว ยังไม่มีน้ำใจอีก”

“ถ้าผมไม่มีน้ำใจ ผมให้หมอผีจับคุณลงหม้อถ่วงน้ำนานแล้ว ผมบอกให้นะ ข้อมูลแค่นี้ไม่มีทางเจอ เสียเวลานอน ไม่ต้องมาวุ่นวายอีกนะ ไม่งั้นเรียกหมอผีแน่” เหยี่ยวเอ็ด

น้ำรินผงะเสียใจ ล่องลอยออกจากห้องไปนั่งร้องไห้ที่โดนขับไล่เหมือนตัวน่ารังเกียจ...เหยี่ยวนอนไม่หลับรู้สึกเรื่องน้ำรินรบกวนจิตใจ จึงลุกไปยืนมองทางหน้าต่าง เห็นเธอนั่งร้องไห้ก็สะท้อนใจ น้ำรินฟูมฟาย จะหยิบก้อนหินปาก็หยิบไม่ได้ จึงตะโกนลั่น

“คิดว่าฉันอยากง้อคนอย่างคุณนักเหรอ...ฉันเป็นอะไรกันแน่ ถ้าตายแล้วก็เอาฉันไปลงนรกหรือขึ้นสวรรค์ก็ได้ จะมาร่อนเร่ไปเพื่ออะไร จำก็จำอะไรไม่ได้ จะนอนก็ไม่รู้จะนอนยังไง จะกินก็ไม่รู้จะกินได้รึเปล่า ต้องมาตามง้อใครก็ไม่รู้ให้ช่วย แล้วโดนเขาไล่อย่างกับหมูกับหมา...ฉันอยากกลับบ้าน” น้ำรินร้องไห้โฮ

เหยี่ยวยืนมองด้วยสายตาสงสาร

ooooooo

ภพรัก

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด