หายหน้าหายตาจากวงการไปนาน สำหรับ “พล ตัณฑเสถียร” อดีตพระเอกดังที่หันหลังให้กับงานแสดง มุ่งมั่นไปทำรายการอาหารจริงจังนานถึง 13 ปี ล่าสุดทนความคิดถึงงานการแสดงไม่ไหว กลับมารับงานละครอีกครั้งกับ “สามีเงินผ่อน” ออกอากาศทางช่อง อมรินทร์ทีวี เอชดีช่อง 34 ที่เจ้าตัวเคยเป็นออริจินัลพระเอกต้นตำรับ ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ วันเปลี่ยน เวลาเปลี่ยน เขาไม่ใช่พระเอกเหมือนเคย แต่ท้าทายพลิกคาแรกเตอร์มารับบทพ่อแทน งานนี้เจ้าตัวเปิดใจถึงสัจธรรม และธรรมชาติของชีวิต ที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงตัวเองในวัย 50 ปี

เหตุผลอะไรทำไมถึงตัดสินใจกลับมารับงานละคร?

“อย่างนึงก็คือเคยเจอกับพี่ฉอดและคุณเอสนานแล้ว และพี่ฉอดก็ชวนมาเล่นละครสิ่งสำคัญเลยก็คือผู้จัดนั่นแหละ เพราะในฐานะคนทำงานเราก็อยากร่วมงานกับทีมงานที่ยังไม่เคยที่ทำงานด้วย และอาจจะเป็นด้วยความที่เราเคยอยู่ในบทประพันธ์เรื่องนี้ในเวอร์ชันเดิม อาการที่เราจะได้กลับมาอยู่ในเรื่องนี้กับอีกบทบาทหนึ่งก็เหมือนเป็นบุพเพเหมือนกัน ก็เลยมีความรู้สึกว่ามันมีหลายปัจจัยเหมือนกัน ที่ทำให้เราอยากกลับมาเล่นละคร ปกติก็ทำแต่รายการอาหารก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างให้กับตัวเอง”

...

แสดงว่าบทบาทที่ได้รับมันท้าทายมาก?

“มันก็ไม่ได้มาจากบทบาทอย่างเดียว แต่เป็นเพราะว่าเราเคยเล่นเรื่องนี้ไว้ และในเวอร์ชันที่พี่พลเล่นไว้ก็ไม่ได้เด็กเท่านี้ ยังจำภาพเดิมไม่ค่อยได้ด้วยซ้ำกับบทที่เราเล่น ดังนั้นก็บทบาทไม่ใช่สิ่งสำคัญ แต่เป็นเพราะว่าเรามีความผูกพันกับละครเรื่องนี้ และการที่อยากจะร่วมงานกับทีมงานใหม่ๆ ด้วย”

แฟนคลับคิดว่า “พล” จะลาวงการไม่รับงานละครแล้ว?

“ไม่ได้หายไปไหน แต่ที่เราไปอยู่อาจจะนิ่งๆ ไม่ได้หวือหวา เพราะทำรายการอาหารมาปีนี้เข้าปีที่ 13 แล้ว แต่ว่ารายการของเราไม่ได้อยู่ในช่วงไพรไทม์ เป็นรายการเช้าก็คือกลุ่มคนดูก็จะเป็นคนที่เคยดูเราจากละครในวันที่เป็นวัยรุ่นอยู่ เพราะฉะนั้นเหมือนเราอยู่ในวงการบันเทิงนั่นแหละ แต่เราอาจจะอยู่ในมุมที่แตกต่าง ไม่ได้อยู่ในมุมที่มีแสงเยอะๆ เรียกว่านิ่งๆ แต่ก็ยังอยู่ตรงนี้ เอาจริงๆ ถ้าบทละครหวือหวามากเราก็ไม่กล้าเล่น ถ้าไปต่างจังหวัดทั้งเรื่องเราก็ไม่รับ มันก็มีหลายปัจจัยด้วย ดังนั้นเราก็ต้องมาเคาะสนิมถ้ามีบทไหนที่มันยากเกินไป เราก็กลัวว่าจะไปทำทีมงานเขาเดือดร้อนถ้าเราเล่นไม่ได้ เพราะฉะนั้นจะเลือกรับบทที่มันเป็นความแตกต่างที่เรารู้สึกว่าต้องทำการบ้าน และมองแล้วว่าถ้าเราต้องเข้าฉาก”

ภาพจำ “พล” ต้องรับบทพระเอกเท่านั้น?

“หลายคนอาจจะตามเราในบทบาทที่เรียบร้อยหรือเป็นพระเอกเท่านั้น แต่ในแง่ของเรื่องนี้เราก็ยังเป็นบทผู้บริหารที่อายุโตขึ้น มันก็ง่าย มันก็คือเรา ก็คือในมุมมองของอารมณ์ที่มีอารมณ์มากขึ้นในเรื่องของความขัดแย้งที่มีกับลูก เรียกว่ามันเป็นความแตกต่างที่มีความท้าทายเรา แต่ไม่ได้ท้าทายจนเรามีความรู้สึกว่าต้องทำการบ้านหนัก”

จาก “พระเอก” สู่บทบาทความเป็น “พ่อ” ตัดสินใจนานไหม?

“มันเป็นธรรมดามากมาย มันเป็นเรื่องธรรมชาติของชีวิต ปีนี้เราก็อายุเข้า 50 แล้ว เป็นเรื่องธรรมดา มันไม่มีอะไร ต่อให้เป็นรายการอาหารที่ทำอยู่ก็ต้องมีวันนึงที่เราจับกระทะไม่ไหวเป็นเรื่องธรรมชาติของชีวิตคนอยู่แล้ว อย่ายึดติดกับสิ่งที่เคยเป็นมาเท่านั้นเอง”

เม้าท์ชัด จัดทุกตอน ติดตามได้ที่ www.thairath.co.th/novel และ Facebook Fanpage : นิยายไทยรัฐ