ตอนที่ 11
อัลบั้ม: ดาราวิดีโอ จับ "ตุ้ย-ขวัญ" ประกบกันอีกครั้ง ใน "ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท"
ทั้งๆที่เพิ่งฟื้นตัวจากอาการโคม่าแต่เถาว์เครือยืนกรานจะพาโสมสุภางค์กลับบ้านให้ได้ ปฐวีไม่เห็นด้วย เธอควรจะอยู่ใกล้หมอมากกว่าเผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยเหลือทัน เถาว์เครือโทษว่าไม่ใช่เพราะพยาบาลของที่นี่ปล่อยให้โสมสุภางค์อยู่คนเดียวหรือ ลูกของเธอถึงได้ถูกทำร้าย
“คุณแม่ไม่กลัวหรือครับ พาโสมสุภางค์กลับไปอยู่บ้านเดียวกับชิดชบา เรื่องที่เกิดขึ้นจะไม่เกิดขึ้นอีก”
“ก็ให้นังชิดชบากับยายคุณป้าไปอยู่ที่อื่นสิคุณ ฉันไม่เห็นจะยากเลย”
ปฐวีตัดบท หากเถาว์เครือจะพาโสมสุภางค์กลับไปอยู่ที่บ้านก็ตามใจ แล้วมองไปยังโสมสุภางค์ที่นอนลืมตานิ่งเหมือนไม่รู้สึกรู้สมอะไร ก่อนจะเดินออกจากห้อง เถาว์เครือรีบหยิบมือถือขึ้นมาโทร.บอกชัยยงค์ว่าทำตามที่แนะนำแล้ว พาโสมสุภางค์กลับบ้านเพื่อยึดพื้นที่แสดงกรรมสิทธิ์ในฐานะภรรยาของปฐวี สีหน้าแววตาที่นิ่งของโสมสุภางค์เมื่อสักครู่ เปลี่ยนเป็นหวาดหวั่นขึ้นมาทันที...
ฝ่ายบุญถิ่นรอจนปลอดคน ย่องเข้าไปหาเถาว์เครือถึงในห้องนอนเพื่อทวงถามสัญญาเรื่องลูก เธอทำตามที่เถาว์เครือต้องการแล้ว ควรจะปล่อยลูกของเธอได้แล้ว คุณนายตัวแสบยังปล่อยไม่ได้เพราะคดียังไม่จบ บุญถิ่นยังต้องขึ้นศาลเป็นพยานให้การปรักปรำชิดชบาก่อน ส่วนเรื่องลูกของเธอไม่ต้องเป็นห่วง ทางเราจะดูแลอย่างดีที่สุด บุญถิ่นพยายามขอร้องให้เถาว์เครือปล่อยเด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แต่เธอไม่ยอม
“ทีหลังอย่าเข้ามาในห้องฉันอีก แกมีหน้าที่ทำตามที่ฉันสั่ง...ฉันสั่งอย่างไร ทำอย่างนั้น”...
ชิดชบาเห็นโสมสุภางค์นั่งอยู่บนรถเข็นตามลำพังในห้องโถง เข้าไปเผชิญหน้าด้วย เธอกลับเมินหน้าหนี
“คุณก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นคืนนั้น ฉันไม่กล่าวหาว่าคุณแม่คุณทำร้ายคุณ เพราะแม่ฆ่าลูกไม่ได้ แต่มันเป็นอุบัติเหตุ จริงๆแล้วมันเป็นอุบัติเหตุใช่ไหมคะ” พูดไปพูดมาชิดชบาเองชักจะไม่แน่ใจเหมือนกัน โสมสุภางค์เข้าใจทุกคำที่เธอพูด แต่เลือกที่จะไม่ตอบอะไร จังหวะนั้น พยาบาลเข้ามาเข็นรถเข็นพาโสมสุภางค์ออกไป ตลับนาคที่เข้ามาสมทบกับหลานสาว อดสงสัยไม่ได้ในเมื่ออาการของโสมสุภางค์ยังไม่ดีขึ้น ทำไมถึงเอาตัวออกจากโรงพยาบาล ไม่รู้ว่านี่เป็นความคิดของใคร
“อาจจะเป็นของปฐวีก็ได้ เขาคงจะเอาตัวภรรยาเขาเข้ามาอยู่ในบ้านเพื่อแสดงว่าเขาสองคนเป็นสามีภรรยากัน อย่างน้อยก็ทำให้เขาพอดูได้ในสังคม” ชิดชบาตั้งข้อสังเกต
“หนูว่าโสมสุภางค์จะพิการไหม” ตลับนาคมองตามโสมสุภางค์ด้วยสีหน้าวิตกกังวล...
ครู่ต่อมาพยาบาลเข็นรถเข็นพาโสมสุภางค์ไปยังห้องที่เตรียมไว้เป็นห้องหอ ปฐวีขอร้องให้เธอออกไปก่อน แล้วเอามือวางบนไหล่โสมสุภางค์ บอกว่านี่เป็นห้องหอของเรา ที่เธอจัดไว้ก่อนเราจะแต่งงานกัน
“คุณเลือกสี เลือกแบบ เลือกทุกสิ่งที่คุณต้องการเพื่อให้เรามีวันที่ดีที่สุด ผมเสียใจที่มันกลายเป็นวันแย่ๆ ผมรักคุณนะ ผมจะแก้ตัวใหม่ ผมจะทำให้วันแย่ๆที่ผ่านมา ให้กลายเป็นวันที่ดีของเราในอนาคตนะ โสมสุภางค์” ปฐวีบีบไหล่เธอเบาๆ พยายามเก็บความเจ็บปวดขมขื่นใจไว้ใต้ท่าทีที่อ่อนโยนนั้น
ooooooo
ชัยญาต้องการใกล้ชิดอุราศรี จึงวางแผนเอาเรือใบไปวางให้เธอถอยรถทับ แล้วขับรถตามไปห่างๆ
รอจังหวะที่เธอต้องจอดรถเพราะยางแบน ทำทีเป็นสุภาพบุรุษ เข้าไปช่วยเปลี่ยนยางรถให้ เธอขอบคุณเขามากสำหรับความกรุณา ไม่อย่างนั้นคงต้องเสียเวลาเรียกช่างมาจัดการ
“ไม่เป็นไร นี่งานอาชีพผมเลย ขับรถดีๆนะครับ”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ คุณชื่ออะไรคะ”
“เรียกผมว่าแบทแมน ที่อยู่ผมในตู้โทรศัพท์ เอ่อ ขับรถดีๆอีกครั้งนะครับ” พูดจบ ชัยญากลับไปขึ้นรถตัวเอง ขับออกไปอย่างอารมณ์ดี ขณะที่อุราศรีมองตามแปลกใจแบทแมนเวอร์ชั่นไหนอยู่ในตู้โทรศัพท์...
ขณะที่แผนล่ออุราศรีมาติดกับขั้นแรกสำเร็จด้วยดี ธวัชพงษ์ซึ่งปลอมตัวเป็นคนทำความสะอาดสระว่ายน้ำมองขึ้นไปที่ระเบียงห้องของชัยยงค์ เห็นเถาว์เครือก้าวออกมายืนด้วยสีหน้าเป็นกังวลโดยมีชัยยงค์ตามคลอเคลียไม่ห่าง เธออยากรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรหลังจากเธอพาลูกกลับไปอยู่บ้านหลังนั้นแล้ว เขาต้องการให้เธออยู่ใกล้ๆ โสมสุภางค์เอาไว้ คอยระวังอย่าให้ชิดชบาทำร้ายลูกได้
“ผมรู้ว่ามันอันตรายเกินไปที่จะพาคนป่วยไปอยู่ไกลหมอ แต่นี่เป็นความจำเป็นที่เราต้องทำ”
“ฉันเข้าใจค่ะว่าคุณหวังดีกับฉันและลูก แต่ยังไงฉันก็กลัว”
“ไม่ต้องกลัว ผมจะหาเหตุผลให้คุณค้านประกันตัวชิดชบา” ชัยยงค์กระซิบแผนชั่วร้ายขั้นต่อไปให้ เถาว์เครือฟัง เธอไม่เห็นด้วยกับการกระทำรุนแรงแบบนั้น เขากล่อมว่านี่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เรื่องการยื่นขอยกเลิกประกันตัวชิดชบาสมเหตุสมผล แล้วขอให้เธอคิดถึงบ้านหลังนั้นไว้ กรรมสิทธิ์ของมันต้องตกอยู่ในมือโสมสุภางค์ก่อน เถาว์เครือไม่สบายใจกับแผนการนี้นัก ชัยยงค์โอบไหล่เธออย่างอ่อนโยน
“คุณต้องเลือกระหว่างบ้านราคานับร้อยล้านกับคนรับใช้ที่ไร้ค่า”
เถาว์เครือลังเล ขณะที่ธวัชพงษ์พยายามชะเง้อมอง แต่ไม่ได้ยินการสนทนาเพราะอยู่ไกลเกินไป...
แม้จะไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง แต่ด้วยความโลภ ทำให้เถาว์เครือทำตามแผนการที่ชัยยงค์วางไว้ หลอกบุญถิ่นว่าจะพาไปพบปอน เธอตื่นเต้นดีใจมากที่จะได้เจอหน้าลูก ถามว่าจะพาไปเมื่อไหร่
“ฉันจะออกไปรอแกที่ปากซอยพรุ่งนี้สามทุ่ม อย่าให้ใครเห็นถ้าแกยังไม่อยากให้ใครรู้ว่าเคยมีลูก”
ooooooo
แพรวาเพิ่งอาบน้ำสระผมเสร็จ ตอนที่ธวัชพงษ์มากดกริ่งประตูห้องพักจะขอใช้สถานที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำความสะอาดสระน้ำมาทั้งวันเหนื่อยมาก
“พออาบน้ำเสร็จก็ขอกินข้าว?” แพรวาแกล้งประชด แต่เขาเอาจริง
“ง่ายๆ คุณหมอเสียบหม้อข้าวไว้ ต้มไข่ไม่ก็เจียวไข่สักสามใบ แค่นั้นก็เอาอยู่แล้วล่ะครับ” ธวัชพงษ์พูดจบก้าวเข้าห้องหน้าตาเฉย ไม่สนใจว่าเจ้าของห้องจะอนุญาตหรือไม่...
โสมสุภางค์ยังคงนิ่งเฉยไม่ยอมพูดยอมจากับใคร แม้แต่ปฐวีซึ่งคอยเอาอกเอาใจไม่ห่าง เธอหวาดระแวงไปหมดเนื่องจากเถาว์เครือแม่แท้ๆของเธอเองทำให้เธอรู้สึกว่าทุกคนรอบข้างเป็นอันตรายได้ทั้งนั้น
“ผมจะดูแลคุณอย่างดีที่สุด คุณพยาบาลเอาอาหารเย็นมา ผมจะป้อนภรรยาผมเอง” ปฐวีรับชามอาหารจากพยาบาลพิเศษมาป้อนให้โสมสุภางค์ด้วยความใส่ใจ ชิดชบาลงมาเห็นสภาพพิการของโสมสุภางค์ มองอย่างสลดใจ ก่อนจะออกไปขึ้นรถ ขับออกไปอย่างรวดเร็ว...
ระหว่างกินมื้อค่ำแบบตามมีตามเกิด ธวัชพงษ์เล่าให้แพรวาฟังถึงข้อสงสัยของตัวเองที่ว่าเถาว์เครือกำลังวางแผนบางอย่างร่วมกับชัยยงค์ นอกจากเธอจะไม่เชื่อยังหาว่าเขามโนไปเอง ไม่ได้ยินกับหูสักหน่อย
“ผมไม่ได้มโน ผมเชื่อว่าต้องมีการวางแผน ผมดูจากกิริยาของคุณนายเถาว์เครือกับนายชัยยงค์ คุณเป็นหมอโรคจิต คุณก็รู้นี่ คนคิดอะไร ท่าทีการแสดงออกมันต้องออกอาการ” ธวัชพงษ์มองสำรวจไปรอบๆห้อง “เอ่อ อพาร์ตเมนต์ของคุณหมอน่าอยู่นะครับ เป็นสาวทำงานจริงๆ”
“ไม่ต้องพูดมาก กินแล้วก็ไปสืบความจริงมา แต่เอาเนื้อล้วนๆนะ น้ำไม่ต้อง ภาพมาเสียงต้องมาด้วยฉันถึงจะเชื่อว่าคุณแม่กับนายชัยยงค์กำลังเล่นเกมนี้”
ธวัชพงษ์ได้คืบจะเอาศอก นอกจากขออาบน้ำและกินข้าวแล้ว ยังขอค้างคืนที่อพาร์ตเมนต์ของแพรวาอีกด้วย ทีแรกเธอไม่ยอม แต่ทนลูกตื๊อของเขาไม่ไหวจำใจยกโซฟาให้เขาใช้เป็นเตียงนอนหนึ่งคืน...
บุญถิ่นหายตัวไป สมควรเดินหาจนทั่วบ้านก็ไม่พบ ไปดูที่ห้องนอนของจำเรียงก็ไม่เจอ เขาไม่ล่วงรู้เลยว่าบุญถิ่นไม่มีวันได้กลับมาที่นี่อีก เธอถูกเถาว์เครือหลอกไปให้คนของชัยยงค์ฆ่าที่บ้านร้างแห่งหนึ่ง เพื่อโยนความผิดให้ชิดชบา
ooooooo
บุญถิ่นถูกพบเป็นศพตอนสายของวันถัดมา สมควรกับจำเรียงถูกตำรวจเชิญมาชี้ตัวผู้ตาย ทันทีที่เห็นหน้าเมียรักซึ่งมีร่องรอยถูกเชือกรัดคอตายสมควรถึงกับปล่อยโฮ
“บุญถิ่น...เอ็งจริงๆด้วย ใครฆ่าเอ็ง...ใคร”
จำเรียงก็พลอยร้องไห้เสียใจไปกับสมควรด้วย...
ทางด้านชิดชบาตกใจมากเมื่อรู้ข่าวการตายของบุญถิ่นจากตลับนาค เธอไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ยังเห็นกันอยู่หลัดๆ ตลับนาคไม่สบายใจที่เรื่องชักจะเลยเถิดไปกันใหญ่ บุญถิ่นเพิ่งกลับคำให้การกล่าวโทษ ชิดชบา แต่ตอนนี้กลับถูกพบเป็นศพ
“คุณป้าคิดว่ามันเกี่ยวข้องกันหรือคะ”
“จะให้คิดอย่างไร คนที่ฆ่าบุญถิ่นต้องโยนความผิดมาที่หนูแน่”
มีเสียงไซเรนรถตำรวจดังเข้ามาในบริเวณบ้าน สองป้าหลานถลาไปดูที่หน้าต่างเห็นตำรวจหลายนายกำลังเดินมาที่ตึกใหญ่ ชิดชบามองสบตากับตลับนาคสีหน้าเป็นกังวล
“เขา...เขาจะมาจับหนูใช่ไหมคะ” ชิดชบาถึงกับหน้าถอดสี...
เป็นอย่างที่ชิดชบาว่าไว้ไม่มีผิดเพี้ยน ตำรวจมาเชิญเธอไปรับทราบข้อกล่าวหาว่าเป็นผู้สังหารบุญถิ่น ตลับนาคจะไปสถานีตำรวจด้วย แต่ชิดชบาร้องห้ามไว้
“เมื่อคืนนี้หนูไม่อยู่ หนูออกไปเที่ยวผับ มีคนที่ยืนยันที่อยู่ของหนูได้ คุณป้าไม่ต้องเป็นห่วง”
“ผมขอให้คุณโชคดีนะ แต่ดูจะยากสักหน่อย ฆาตกรน่ะถึงจะฉลาดแค่ไหน มันก็อดทิ้งหลักฐานไว้ในที่เกิดเหตุไม่ได้” ปฐวีก้าวเข้ามายืนตรงหน้าชิดชบา มองด้วยสายตาชิงชัง “คุณฆ่าได้แม้แต่คนที่เป็นผู้หญิง เพศแม่เหมือนคุณ”
จากนั้นตำรวจนำตัวชิดชบาไปขึ้นรถ เถาว์เครือยืนมองมาจากระเบียงห้องด้วยสายตายิ้มเยาะ รอจนรถตำรวจแล่นลับสายตา รีบโทรศัพท์แจ้งชัยยงค์ว่าแผนการสำเร็จด้วยดี ชิดชบาตกเป็นผู้ต้องสงสัยในการตายของบุญถิ่น
“คุณต้องให้ทนายคัดค้านการประกันตัว อ้างเหตุที่เกิดกับโสมสุภางค์ที่บันได ที่โรงพยาบาลหรือเหตุที่เกิดกับนังบุญถิ่น ตำรวจเขาต้องเชื่อว่าชิดชบาเป็นภัยร้ายแรงต่อคุณ ถ้ายังอยู่นอกคุก”...
คำคัดค้านการประกันตัวของเถาว์เครือได้ผล ชิดชบาไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว ต้องถูกส่งไปฝากขังในเรือนจำ เสียงประตูห้องขังที่ปิดกระแทก ทำให้ชิดชบาถึงกับสะดุ้งโหยง หวาดกลัวกับอิสรภาพที่สูญสิ้น...
ข่าวการไม่ได้ประกันตัวของชิดชบาทำให้ปฐวีสับสนไปหมดทั้งโกรธทั้งเกลียด และเศร้าหมอง เดินเข้ามาในห้องงานปั้นที่ว่างเปล่ารู้สึกใจหาย ยิ่งเห็นงานปั้นที่ค้างอยู่ของชิดชบาก็ยิ่งสะเทือนใจ
“ชิดชบา ผมไม่เคยต้องการให้เรื่องมันเลยเถิดออกไปอย่างนี้เลย มันไปไกลจนกู่ไม่กลับแล้ว”
ooooooo
ธวัชพงษ์มาเยี่ยมชิดชบาที่เรือนจำแต่เช้าเมื่อรู้ว่าเธอไม่ได้รับการประกันตัว เขาไม่อยากให้เธอต้องฟุ้งซ่านจึงนำหนังสือมาฝากให้เธออ่าน
“คุณเป็นคนแรกที่มาเยี่ยมฉัน รถติดไหม” ชิดชบาฝืนยิ้มทั้งที่หวาดกลัวไปหมด
“ไม่ติดสิแปลก ยังไงที่นี่ก็ดีกว่าข้างนอก ตรงที่ไม่มีรถติด มันก็มีอะไรดีๆที่ข้างนอกไม่มี ผมดีใจที่ยังเห็นรอยยิ้มของคุณอยู่” ธวัชพงษ์เห็นชิดชบายกมือขึ้นทาบกระจกที่กั้นระหว่างญาติกับผู้ต้องขังก็ยกมือตัวเองขึ้นมาทาบ “คุณอยู่ข้างในก็อ่านหนังสือที่ผมฝากไว้ให้นะ ผมอยู่ข้างนอก ผมจะสืบเองว่าใครฆ่าบุญถิ่น” น้ำเสียงที่ห่วงใยทำให้ชิดชบาพอมีกำลังใจจะสู้ต่อไป...
ชัยญาโกรธจัดเมื่อรู้ว่าถกลเอาปอนไปทิ้งข้างทางสายเปลี่ยวแทนที่จะฆ่าปิดปาก ด่าว่าว่าทำไมถึงโง่แบบนี้ ถ้าเด็กนั่นเกิดปากโป้งขึ้นมา ตำรวจต้องโยงเรื่องนี้ไปถึงการฆาตกรรมแน่นอน เสียงโวยวายทำให้ธวัชพงษ์ที่กำลังทำความสะอาดสระว่ายน้ำแหงนมองไปที่ระเบียงห้องพักของชัยยงค์ด้วยความสงสัย
“เอ่อ ผมไม่ทันคิด”
“ทำไมแกทำอะไรไม่ถามฉันก่อน นี่ถ้าพ่อรู้เรื่องนี้ล่ะก็ ฉันกับแกโดนตบแน่”
“ก็อย่าให้คุณพ่อคุณรู้สิ เรื่องมันก็จบ น่า เด็กมันไม่ได้กลับบ้านหรอก มันต้องเร่ร่อนหลงทาง ดีไม่ดีถูกจับไปขายแรงงาน ว่าแต่คุณเถอะ เรื่องนั้นไปถึงไหนแล้ว”
“พูดถึงเรื่องนั้น ฉันมีงานให้แกทำ” ชัยญายิ้มเจ้าเล่ห์...
งานที่ชัยญาให้ถกลไปทำ คือพาสมุนสวมหน้ากากไอ้โม่งอำพรางใบหน้าไปฉุดอุราศรีขณะกำลังจะขึ้นรถ ทำทีจะข่มขืน แล้วให้ชัยญาสวมบทพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยชกต่อยสมุนของตัวเองในคราบคนร้ายพอเป็นพิธี ก่อนที่พวกนั้นจะพากันขึ้นมอเตอร์ไซค์หนีไปอย่างรวดเร็ว อุราศรีเห็นหน้าเขาชัดๆก็จำได้
“คุณช่วยฉันไว้เป็นครั้งที่สองแล้วนะคะ”
“กรุงเทพฯอยู่ยากขึ้นทุกวัน คุณเจ็บที่ไหนบ้าง ไปหาหมอไหมครับ”
“ฉันก็แค่เจ็บๆค่ะ ไม่เป็นไร....เอ่อ คุณ...”
“อ๋อ แบทแมนครับ อยู่ในตู้โทรศัพท์ ปรากฏตัวขึ้นตอนผู้หญิงถูกทำร้ายครับ” ท่าทีสุภาพและอารมณ์ดีที่ชัยญาเสแสร้งทำให้อุราศรีแอบปลื้ม โดยไม่ล่วงรู้เลยว่านี่เป็นแผนหลอกให้เธอตายใจ...
เนื่องจากชัยญาช่วยเหลือไว้ถึงสองครั้งสองครา อุราศรีขอเลี้ยงมื้อค่ำเป็นการตอบแทน ตลอดเวลาที่กินอาหารด้วยกัน เขาแสร้งทำตัวเป็นสุภาพบุรุษที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขันเรียกคะแนนความสนใจจากอุราศรีที่ยังอ่อนหัดต่อโลกได้มากโข
“คุณนี่มีอารมณ์ขันนะ ขนาดเจ็บตัวแล้วยังชวนให้คนอื่นหัวเราะได้อีก” อุราศรียิ้มขำ พลางหยิบกระดาษทิชชูซับรอยเลือดที่ใบหน้าให้ชัยญาอย่างอ่อนโยน ขณะที่เจ้าตัวแอบยิ้มพอใจที่เหยื่อฮุบเบ็ด...
ในเวลาเดียวกัน ปฐวีเข้ามาในห้องหอ เห็นพยาบาลพิเศษกำลังหวีผมให้โสมสุภางค์อยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง บอกให้เธอไปพักผ่อนได้แล้ว เขาจะดูแลภรรยาเอง แล้วเดินมาหอมเส้นผมของโสมสุภางค์ที่ยังนิ่งเฉย
“ตำรวจเขาเอาตัวชิดชบาไปฝากขังแล้ว ศพของบุญถิ่นส่งกลับบ้านเดิมที่อีสาน สมควรกับจำเรียงลาไปช่วยงานศพ ผมเพิ่งรู้ว่าบุญถิ่นมีลูก เด็กหายไป ตำรวจกำลังตามหาอยู่ บางทีถ้าได้ตัวเด็ก อาจจะสาวไปถึงเพื่อนร่วมแก๊งของชิดชบา เรื่องใหญ่ๆแบบนี้ชิดชบาคงลงมือคนเดียวไม่ได้ ผมยังนึกไม่ออกเลยว่านอกจากนายนักข่าวคนนั้นแล้วชิดชบาจะมีใครอีก แต่เอาเถอะ ตำรวจเขาต้องตามจับจนได้ คุณนอนนะ”
ปฐวีอุ้มโสมสุภางค์ไปวางที่เตียง ดึงผ้ามาห่มให้ “ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น คุณเป็นภรรยาผม พอคุณดีขึ้นเราจะจดทะเบียนสมรสกัน แล้วผมจะไม่มีใครอีก นอกจากคุณ” ชายหนุ่มมองเธอด้วยความสงสาร เริ่มสำนึกว่าได้ทำร้ายหัวใจของเธอไว้มาก โอบกอดเธอไว้สักพัก ก็ลุกออกไป ทันทีที่ประตูห้องปิด โสมสุภางค์น้ำตาไหลพรากราวกับทำนบแตก ไม่สามารถข่มอารมณ์ไว้ได้อีกต่อไป
ooooooo
ตลับนาคเป็นคนเปิดประตูรั้วให้รถของแพรวาเข้ามาจอด เนื่องจากสมควรกับจำเรียงลาไปจัดงานศพให้บุญถิ่นที่บ้านเกิด แพรวาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจถามว่าจริงหรือเปล่าที่ชิดชบาอยู่ในคุก
“ค่ะ ชิดชบาถูกจับ คุณโสมสุภางค์อยู่ข้างบนมีพยาบาลดูแล ส่วนคุณเถาว์เครือฉันไม่เห็นมาตั้งแต่เช้า”
“คุณแม่ไม่อยู่หรือคะ แล้วทิ้งโสมสุภางค์ไว้กับพยาบาลได้อย่างไร” ครู่ต่อมาแพรวาเปิดประตูห้องหอเข้ามาเห็นโสมสุภางค์นั่งร้องไห้อยู่บนรถเข็น รีบเข้าไปกอด
“ฉันขอโทษที่ไม่ได้มาเยี่ยมเธอ ฉันคิดถึงเธอทุกวัน ห่วงเธอทุกลมหายใจ แต่ที่ฉันไม่ได้มาก็เพราะว่า...”
พูดได้แค่นั้นแพรวาก็หยุดกึกเพราะโสมสุภางค์ถึงกับปล่อยโฮจนตัวโยน เธอจึงกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น
“โสมสุภางค์ ฉันเห็นบันไดนั่นแล้ว มันน่ากลัวจริงๆ เธอกลัวมันใช่ไหม เธอถึงไม่ยอมลุกขึ้นยืน ไม่ต้องกลัว เธอจะต้องลุกขึ้นมายืนเพื่อสู้ใหม่ ฉันจะดูแลเธอเอง เธอจะต้องเดินได้ โสมสุภางค์ เธอจะต้องเดินได้”...
สมควรเริ่มจะเชื่อเหมือนคนอื่นว่าการตายของบุญถิ่นมีชิดชบาเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ถึงกับออกปากกับจำเรียงว่าเสียแรงอยู่ฝ่ายชิดชบามาตลอด ไม่นึกเลยว่าเธอจะใจร้ายใจดำฆ่าคนได้ แล้วนี่ไม่รู้ว่าลูกของบุญถิ่นจะเป็นอย่างไรบ้าง จำเรียงติง ยังไม่มีการพิสูจน์ในชั้นศาลว่าเป็นฝีมือชิดชบา อย่าเพิ่งฟันธง
“เอ็งจะเห็นผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรก็ช่างเถอะ แต่ข้าเห็นผู้หญิงคนนั้นเป็นคนสั่งฆ่าบุญถิ่น”
“คุณชิดชบาก็บอกว่าคืนนั้นคุณชิดชบาไปเที่ยวผับ”
“ใครจะไปรู้ อาจจะมีคนร่วมด้วย ทำไปทำไมน่ะหรือ ไหนจะเรื่องเจ้านายแต่งงาน ไหนจะเรื่องบ้าน ไหนจะเรื่องสัญญาบ้าบอนั่นอีกล่ะ ชวนคิดทั้งนั้นว่าคุณชิดชบาฆ่า แล้วเอ็งจะให้ข้าคิดอย่างไร”...
ในเวลาต่อมา เฉวียงมาปรึกษากับตลับนาคเรื่องคดีความขอบชิดชบา แต่ไม่ได้อะไรมากนัก เพราะเธอไม่มีใจจะคิดอะไรตอนนี้ แล้วแต่เขาก็แล้วกัน เฉวียงกำลังหาทางสู้คดีอยู่ ที่ชิดชบาอ้างว่าออกจากบ้านไปเที่ยวผับ คนที่นั่นเยอะมาก ไม่มีใครเป็นพยานให้เธอได้ ชิดชบาคงจะลำบากสักหน่อย แต่เขาก็จะทำให้ดีที่สุด
“ช่วยด้วยเถอะ ไม่มีใครอีกแล้วที่เราจะพึ่งได้นอกจากคุณเฉวียง”
เฉวียงรับคำ แล้วขอตัวกลับก่อน จำเรียงปรี่มาถามตลับนาคด้วยเสียงแผ่วเกือบจะเป็นกระซิบว่า
ไม่จริงใช่ไหมที่ชิดชบาสั่งฆ่าบุญถิ่น เธอไม่ได้ทำอย่างนั้นใช่ไหม ตลับนาคเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เรื่องนี้คงต้องไปพิสูจน์กันในศาล ตอนนี้ใครจะเชื่ออย่างไรไม่สำคัญ จังหวะนั้นแพรวาเดินเข้ามาหาทั้งคู่
“คืนนี้ฉันจะนอนกับโสมสุภางค์ค่ะ ฉันเป็นหมอ แล้วก็เป็นเพื่อนโสมสุภางค์”
ตลับนาคไม่มีสิทธิ์มีเสียงในบ้านหลังนี้ ถ้าเธอจะค้างคงต้องขออนุญาตเถาว์เครือหรือไม่ก็ปฐวี แพรวาไม่เห็นเถาว์เครือตั้งแต่มาถึงก็ซักว่าไม่อยู่บ่อยหรือ จำเรียงชิงตอบว่าหายตัวเป็นประจำ บางทีหายไปทั้งวันทั้งคืน คุณหมอสาวพยักหน้ารับรู้ กวาดสายตามองไปรอบ
ห้องโถงของบ้านด้วยสีหน้าเป็นกังวล
ooooooo
คนที่แพรวาถามหากำลังลงจากคอนโดฯที่พักของชัยยงค์โดยมีเจ้าของห้องเดินมาส่งที่รถ
ธวัชพงษ์กำลังเก็บเครื่องมือทำความสะอาดสระว่ายน้ำรีบหลบเข้ามุมมืดเพื่อแอบฟัง ชัยยงค์โอบเอวเถาว์-เครือไว้ แนะให้เธออยู่ดูแลโสมสุภางค์ มีอะไรเขาจะติดต่อไปเอง ช่วงนี้เราต้องระวังตัวกันสักหน่อย
“ฉันไม่รู้ค่ะ ถ้าฉันไม่ได้พบคุณ ฉันจะอยู่ยังไง เรื่องมันชักจะน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆจนฉันไม่กล้าสู้หน้าลูก”
“ผมบอกแล้วไง ประสาทแข็งๆไว้ ชิดชบาเข้าคุกไปแล้ว อะไรๆมันจะง่ายขึ้นเรื่อยๆ ยอดรัก เชื่อผม”
“ค่ะ ฉันจะเชื่อคุณ ฉันไปนะคะ”
ชัยยงค์โบกมือให้เถาว์เครือที่ขับรถออกไป พอเธอลับสายตาเท่านั้น เขารีบโทร.หาสมุนให้ส่งของสดรสแซ่บมาให้ เพราะเบื่อนังพะโล้แก่นั่นเต็มทีแล้ว ธวัชพงษ์ซึ่งแอบดูอยู่เบ้ปากด้วยความรังเกียจ...
ที่เรือนนอนของผู้ต้องขัง ชิดชบาไม่เป็นอันอ่านหนังสือธรรมะที่ธวัชพงษ์ฝากมาให้ เพราะจิตใจวุ่นวายเกินกว่าจะอ่านรู้เรื่อง ครั้นจะนอนก็นอนไม่หลับ รอจนผู้คุมที่มาตรวจความเรียบร้อยเดินผ่าน จึงลุกขึ้นนั่งกอดเข่าน้ำตาคลอทั้งกลัดกลุ้มทั้งหวาดกลัว...
ปฐวีขอบคุณแพรวามากที่จะมาค้างที่นี่เป็นเพื่อนโสมสุภางค์ แต่เถาว์เครือกลับไม่พอใจ และเห็นว่าไม่มีความจำเป็นอะไร ตนดูแลลูกได้ และที่สำคัญเธอไม่ใช่หมอด้านหัวใจ อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์
“ผมกลับเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะคุณแม่เองก็ไม่ได้อยู่เฝ้าโสมสุภางค์ทุกวันไม่ใช่หรือครับ เชิญตามสบายนะครับคุณหมอแพรวา ผมขอตัวไปอาบน้ำ แล้วจะไปดูโสมสุภางค์” ปฐวีมองแม่ยายตัวเองอย่างรู้ทัน ก่อนจะเดินขึ้นข้างบน เถาว์เครือไม่ต้องการให้แพรวามาอยู่ใกล้ๆโสมสุภางค์เพราะกลัวความลับแตก จึงหาทางไล่ด้วยการกล่าวหาว่าเธอคิดจะอ่อยเหยื่อปฐวีจึงใช้โสม-สุภางค์เป็นข้ออ้างเพื่อให้ได้อยู่ใกล้ชิดเขา
“ไปซะ แล้วปล่อยให้แม่ลูกรักกัน คนอื่นหวังดีต่อโสมสุภางค์ไม่เท่าแม่หวังดีกับลูกหรอก ไม่ยังงั้นฉันจะคิดว่าคุณเข้ามาอยู่ในบ้านนี้เพื่อแย่งผัวลูกสาวของฉัน”
แพรวาเจอไม้นี้ของเถาว์เครือเข้าไป ถึงกับใบ้กิน
ooooooo
ชิดชบาถูกขาใหญ่ประจำคุกแกล้งอยู่บ่อยครั้งเพื่อข่มไม่ให้หือไม่ให้อือ ระหว่างเธอถือถาดอาหารจะไปนั่งโต๊ะ ก็ถูกขาใหญ่ขัดขาล้มอาหารในถาดกระเด็นตกพื้น เธอไม่อยากมีปัญหา พยายามเลี่ยง แต่พอถึงเวลาที่ผู้คุมปล่อยออกไปที่ลานกว้าง ขาใหญ่ยังตามมาหาเรื่องอีก ชิดชบาหมดความอดทนโดดเข้าใส่
ทั้งสองคนต่อสู้กันดุเดือดจนล้มกลิ้งไปกับพื้น นักโทษหญิงที่เคยเกรงกลัวขาใหญ่ต่างมองเด็กมาใหม่เป็นตาเดียวที่กล้าต่อกรด้วย ทันใดนั้นมีเสียงนกหวีดดังขึ้น ผู้คุมกรูกันเข้ามาแยกทั้งคู่ออกจากกัน ขาใหญ่ชี้หน้าชิดชบาอย่างอาฆาตมาดร้าย ต่างฝ่ายต่างสะบัดมือผู้คุมหลุดแล้วเปิดศึกตบตีกันอุตลุดอีกครั้ง เท่านั้นไม่พอ นักโทษที่แบ่งออกเป็นสองฝ่าย กรูเข้าตะลุมบอนกันจนเกิดโกลาหลไปทั่วเรือนจำ
นักโทษยกพวกตีกันเป็นข่าวเด่นประเด็นร้อนของค่ำคืนนี้ ภาพชิดชบาตบตีกับขาใหญ่ขึ้นหน้าจอทีวีแทบทุกช่อง แพรวาเล่าให้ปฐวีที่นั่งดูทีวีอยู่ด้วยกันว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนบ่ายมีคนถ่ายคลิปไว้
“ตอนนี้เหตุการณ์สงบแล้ว คนที่อยู่ในที่แคบจะเครียดง่าย แค่สบตาแล้วไม่ชอบหน้าก็เป็นเรื่องได้แล้ว”
“ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชิดชบาจะ...”
“เชื่อเถอะค่ะ เพราะคุณก็เป็นคนหนึ่งที่ส่งชิดชบาไปที่นั่น เวลาจะทำให้ชิดชบาปรับตัว ความจำนนคือทางตันที่ไม่มีทางออก ฉันหวังว่าชิดชบาจะรอดจนถึงวันที่พิสูจน์ตัวเองในศาลว่าเป็นผู้บริสุทธิ์”
ooooooo
ณ ถนนสายหนึ่งชานกรุง ปอนเดินกระเซอะ กระเซิงเข้ามาในปั๊มน้ำมัน เห็นรถของถกลเลี้ยวเข้ามาในปั๊ม เด็กน้อยรีบวิ่งไปซ่อนตัวในร้านสะดวกซื้อซึ่งตั้งอยู่ในปั๊มแห่งนั้น สมุนโฉดของชัยญาเติมน้ำมันเสร็จ เดินมายังร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อบุหรี่ ปอนกลัวจัดรีบไปซ่อนตัวหลังชั้นขายของ
ถกลซื้อของเสร็จก็ออกจากร้าน ยุวดีซึ่งเป็นพนักงานของร้าน มองตามเหมือนคลับคล้ายคลับคลาจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่นึกไม่ออก เธอละสายตาจากถกลไปมองเด็กชายตัวน้อยที่หลบอยู่ด้วยสีหน้าหวาดๆ
“น้องทำอะไรน่ะ อย่าบอกนะว่าเข้ามาขโมยของ โน่น กล้องวงจรปิด บันทึกเหตุการณ์เลย”
ผู้จัดการร้านได้ยินเสียงก็เข้ามาถามว่ามีอะไรกัน ยุวดีส่ายหน้าแทนคำตอบ แล้วเดินไปหาเด็กน้อย แต่เขาวิ่งหนีไปเสียก่อน เธอจะวิ่งตามแต่มีเสียงมือถือดังขัดจังหวะ เถาว์เครือโทร.มาชวนให้กลับมาช่วยงาน เธอขอผ่าน ถึงงานที่ร้านนี่จะได้เงินน้อย แต่ก็ดีกว่ากลับไปให้เถาว์เครือโขกสับ แล้วตัดสายทิ้งหน้าตาเฉย
เถาว์เครือซึ่งอยู่ที่ห้องรับแขกบ้านปฐวีโกรธจนตัวสั่น จังหวะนั้นแพรวายกกาแฟมาเสิร์ฟให้ เธอไม่พอใจที่อุตส่าห์หาเรื่องไล่ แต่แพรวายังดื้อด้านไม่ยอมไป แถมอ้างปฐวีซึ่งเป็นเจ้าของบ้านเชิญให้อยู่ ก็เลยต้องอยู่
“นี่หมายความว่าหมอจะแย่งผัวลูกสาวฉัน จริงๆหรือ”
“ก็แล้วแต่คุณแม่จะคิด หนูห้ามความคิดของใครไม่ได้หรอกค่ะ แต่หนูขอยืนยันว่าจะอยู่ที่นี่ เพื่อดูแลโสมสุภางค์” แพรวายืนยันเสียงเข้ม ขณะที่เถาว์เครืออดเป็นกังวลไม่ได้...
ตลับนาคมาเยี่ยมชิดชบาที่เรือนจำ เห็นใบหน้าบวมช้ำของหลานรักแล้วสงสารจับใจ ออกตัวว่ามาเยี่ยมตั้งแต่เห็นข่าวในทีวีแล้ว แต่ทางเรือนจำไม่ให้เยี่ยม มีเรื่องกันแบบนี้แล้วเธอจะอยู่ได้อย่างไร ชิดชบาประกาศลั่นจะต้องอยู่ให้ได้ ถ้าเธอไม่สู้เธอก็จะถูกรังแกทุกวัน ตลับนาคไม่คิดมาก่อนว่าเรื่องจะเลยเถิดขนาดนี้
“เราย้อนเวลากลับไปแก้ไขไม่ได้ เราต้องเดินต่อไปค่ะคุณป้า หนูบริสุทธิ์ หนูเชื่อในความบริสุทธิ์ของตัวเองว่าไม่ได้ฆ่าใคร ความยุติธรรมต้องมีค่ะคุณป้า”
“รักษาตัวให้ดีนะลูก ให้ถึงวันที่ความยุติธรรมตามมาทัน รักษาตัวให้รอดนะหลานป้า”...
ขณะที่ชิดชบาทุกข์ทั้งกายทุกข์ทั้งใจอยู่ในเรือนจำ ชัยยงค์กำลังปาร์ตี้อย่างมีความสุขกับสาวสวยอยู่ที่ระเบียงคอนโดฯที่พัก ธวัชพงษ์มองขึ้นไปอย่างสนใจใคร่รู้ แต่แล้วปาร์ตี้แสนสนุกมีอันต้องสะดุดหยุดลง เมื่อเถาว์เครือโทร.มาบอกชัยยงค์ว่ากำลังจะมาหา เขาสั่งให้ สาวๆสลายตัว อย่าลืมเก็บข้าวของไปให้หมด หญิงสาวต่างแยกย้ายกันเก็บข้าวของจ้าละหวั่น ก่อนจะพากันออกจากห้องทันเวลาที่เถาว์เครือมาถึง...
โสมสุภางค์ยังคงไม่ยอมกินอะไร เอาแต่นั่งนิ่งอยู่บนรถเข็น พยาบาลพยายามป้อนอาหารให้ก็ไม่ยอมเปิดปากกิน แพรวาอาสาจะจัดการให้เอง แล้วบอกให้ พยาบาลไปรอนอกห้องก่อนป้อนเสร็จแล้วจะเรียก คุณหมอสาวรอจนเธอปิดประตูห้อง จึงหันมาบอกโสมสุภางค์ว่าต้องพยายามกินอะไรบ้าง
“เธอสัญญากับฉันแล้วว่าจะลุกขึ้นยืน เธออาจจะคิดว่าเธอนั่งอยู่บนรถเข็นเธอลำบาก แต่เธอรู้ไหมว่าคนอื่นเขาลำบากแค่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่อยู่ในคุก”...
เถาว์เครือไม่สบายใจที่แพรวาเข้ามาอยู่ในบ้านด้วย จึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษาชัยยงค์จะทำอย่างไรกันดี
“ตอนนี้ผมไม่อยากให้มีอะไรผิดสังเกต จนกว่าศาลจะตัดสินความผิดของชิดชบา คุณต้องบีบให้หมอแพรวาออกจากบ้านให้ได้ กันให้อยู่ห่างๆหนูโสมสุภางค์ไว้ หาเหตุอะไรก็ได้ ทำให้หมอแพรวาอับอายขายหน้าจนอยู่ไม่ได้ คุณเก่งเรื่องแบบนี้อยู่แล้วนี่ยอดรัก...” ชัยยงค์ชะงักเมื่อเหลือบเห็นบิกินีตกอยู่ที่พื้นห้องรีบเบี่ยงตัวโอบกอดเถาว์เครือไว้
ก่อนจะใช้ปลายนิ้วคีบมันโยนลงจากระเบียง บิกินีตกลงมาตรงหน้าธวัชพงษ์ที่กำลังดูแลสระว่ายน้ำพอดี เขามองขึ้นไปที่ระเบียงห้อง เห็นชัยยงค์กับเถาว์เครือยืนกอดกันถึงกับหน้าเครียด
ooooooo
ขณะตลับนาคกำลังเตรียมอาหารใส่ปิ่นโตเพื่อไปเยี่ยมชิดชบาที่เรือนจำ ปฐวีเข้ามาถามว่าหลานสาวของเธอเป็นอย่างไรบ้าง เธอตอบอย่างเสียไม่ได้
ว่ายังไม่เป็นอะไร เขาแค่อยากจะให้เธอเตือนหลานสาวช่วยลดมาตรฐานความร้ายกาจลงบ้าง จะได้อยู่ถึงวันพิจารณาคดี
“ชิดชบาเป็นนักสู้ หลานของฉันอาจจะได้เลือดของพ่อมาเกินครึ่ง คุณไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ กว่าพวกคุณจะเอาชิดชบาเข้าคุกได้ ก็คงจะหืดขึ้นคอหน่อย” ประชดเสร็จ ตลับนาคหิ้วปิ่นโตออกไปโดยมีจำเรียงเดินตาม แพรวาเห็นว่าวันนี้เป็นวันเยี่ยมญาติ แนะให้ปฐวีไปเยี่ยมชิดชบา เขาไม่รู้จะไปในฐานะอะไร
“ในฐานะที่ชิดชบาเคยเป็นนางบำเรอของคุณยังไงล่ะคะ”...
ปอนทนหิวไม่ไหว แอบเข้าไปในร้านสะดวกซื้อร้านเดิมอีกครั้ง ขโมยขนมปังจากชั้นวางของมากิน จังหวะนั้น เถาว์เครือมาตามยุวดีให้กลับไปทำงานด้วยกัน หวังจะให้ไปไล่แพรวาออกจากบ้าน เธอยืนกรานไม่ยอมกลับไปเด็ดขาด แม้เถาว์เครือจะเสนอเงินค่าจ้างให้สูงกว่ารายได้ที่ร้านนี้จ่ายให้ เธอก็ไม่อยากกลับไปให้เถาว์เครือโขกสับอยู่ดี เมื่อไหร่หมดประโยชน์ก็จะถูกกวาดลงถังขยะ แล้วหันไปทำงานต่อไปไม่สนใจ
ยัยคุณนายตัวแสบโกรธจัด สะบัดหน้าเดินออกจากร้าน เป็นจังหวะเดียวกับผู้จัดการจับปอนที่กำลังกินขนมปังอย่างหิวโหยไว้ได้ จะเอาเรื่องให้ถึงตำรวจ ยุวดีต้องช่วยขอร้องอยู่นาน เขาถึงไม่เอาเรื่อง
หลังจากออกเวร ยุวดีพาปอนมาที่ห้องเช่าของตัวเอง พยายามตะล่อมถามว่าพ่อแม่ของแกอยู่ไหนจะได้โทร.ตามให้มารับกลับ ปอนเอาแต่ก้มหน้าไม่พูดไม่จา...
พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว เถาว์เครือเพิ่งกลับถึงบ้าน ปฐวีต่อว่าว่าหายไปไหนมาทั้งวัน แทนที่จะอยู่ดูแลโสมสุภางค์ แพรวาเป็นคนอื่นแท้ๆยังสละเวลามาดูแลเพื่อน เถาว์เครือแขวะว่าที่แพรวาทำไปก็เพื่อจะหาโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดเขา เพราะต้องการจะแย่งผัวเพื่อน ปฐวีหาว่าท่านพูดจาเหลวไหล
“ฉันรู้จักผู้ชายอย่างคุณดี คุณมีโสมสุภางค์ทั้งคน ยังมีนางบำเรอได้ แล้วนับประสาอะไร ผู้หญิงทั้งสวยทั้งพร้อมอย่างหมอแพรวา คุณจะปล่อยให้รอดมือ”
เถาว์เครือพูดจบ เดินเชิดหน้าจากไป...
ดึกแล้ว ปอนไม่ยอมหลับยอมนอน นั่งกอดเข่า ร้องไห้คิดถึงแม่ ยุวดีเข้ามานั่งข้างๆถามว่าไปโดนใครทำอะไรมาบอกได้ไหม เด็กน้อยเอาแต่ร้องไห้ไม่ยอมตอบคำถามใดๆ
ooooooo
ชิดชบาแปลกใจมากเมื่อเห็นอาหารในถาดมีแต่ของชั้นเลิศราวกับมาจากเหลา ทั้งหูฉลาม ขาห่าน อบวุ้นเส้น เป็ดตุ๋น สารพัดของน่ากิน นักโทษทุกคนพากันกินอย่างเอร็ดอร่อย เธอสอบถามผู้คุมถึงได้รู้ว่าวันนี้มีผู้ใหญ่ใจดีนำอาหารกลางวันอย่างดีมาเลี้ยง ชิดชบาสงสัย ผู้ใหญ่ใจดีที่ว่าคือใคร
“คุณปฐวี”
ถาดอาหารในมือชิดชบาหล่นโครม ทุกคนต่างเหลียวมองเธอเป็นตาเดียวกัน
ครู่ต่อมา ผู้คุมพาชิดชบามาที่ห้องเยี่ยมญาติ ปฐวี ซึ่งนั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของกระจกใส มองเธอด้วยสายตาเย็นชา ทั้งที่เป็นห่วงเธอไม่น้อย แต่คำพูดจากลับชวนทะเลาะ ชิดชบาต้องขอร้องทีหน้าทีหลังอย่ามาให้เห็นกันอีก เพราะเธอเกลียดเขาเข้ากระดูก แล้วเดินตาม
ผู้คุมกลับเข้าข้างใน ปฐวีมองตามด้วยแววตาเจ็บปวด เพราะความรักที่มีต่อเธอซึ่งซ่อนลึกอยู่ก้นบึ้งหัวใจของเขานั้นมันมากมายมหาศาล...
ที่หน้าเรือนจำ ชัยญาและถกลเพิ่งเลี้ยวรถเข้ามา สวนกับรถของปฐวีที่แล่นออกไป ชัยญาเหลียวมองแปลกใจ ว่าเขามาทำอะไรที่นี่ ถกลตั้งข้อสังเกตจะมาเยี่ยมชิดชบา คงไม่ใช่ เพราะเขาอยู่ฝ่ายเดียวกับเถาว์เครือเป็นโจทก์ยื่นฟ้องเธอ ชัยญาไม่สนว่าปฐวีจะมาทำอะไร
“แต่ไอ้ที่เราต้องทำตามคำสั่งของพ่อสำคัญกว่า เก็บชิดชบาในคุก”...
ขาใหญ่ได้รับการจ้างวานให้จัดการชิดชบาให้สิ้นซาก แต่ผู้คุมเดินผ่านมาเสียก่อน เธอจึงรอดตายมาได้หวุดหวิด
ooooooo
ขณะที่แพรวากำลังเตรียมมื้อเช้าให้โสมสุภางค์ ปฐวีเล่าให้ฟังว่าเมื่อวานไปเยี่ยมชิดชบาตามที่เธอแนะนำ และขอบคุณเธอมากที่มาคอยดูแลโสมสุภางค์ให้ แล้วนึกขึ้นได้ว่าไม่เห็นเธอไปทำงานก็ร้องทัก ถึงได้รู้ว่า เธอลาพักร้อนเพื่อมาเฝ้าเพื่อนโดยเฉพาะ แพรวาอดถามถึงชิดชบาไม่ได้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
“ก็คงจะอยู่ไม่สบายนัก แต่ยังเก่งเหมือนเดิม”
“ชิดชบาเป็นคนเข้มแข็ง เรื่องนี้จะผ่านไปไม่ว่าใครจะถูกหรือผิด เพราะชิดชบาไม่ใช่คนเดียวที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของคุณ เรื่องนี้มันลึกเกินกว่าที่เราจะมองตื้นๆ แล้วถ้าคุณหยุดมันให้เร็วที่สุดไม่ได้ อาจจะมีคนตายอีก ไม่ว่าโสมสุภางค์ ชิดชบา คุณ...หรือฉัน”
เถาว์เครือที่แอบฟังทั้งคู่คุยกัน หวั่นใจอย่างบอกไม่ถูก...
หม่อมจรัสเรืองอุตส่าห์นัดอุราศรีไปออกรอบ
ตีกอล์ฟกับอรุณณรงค์ เธอไปด้วยอย่างเสียไม่ได้เพราะยังเคืองที่เขาไม่ตัดใจจากชิดชบาสักที แต่พอเธอได้เจอชัยญาที่ทำเหมือนบังเอิญมาพบทั้งคู่ สีหน้ามึนตึงเมื่อครู่กลายเป็นยิ้มแย้มแจ่มใส ชวนเขามาออกรอบด้วย
อรุณณรงค์อดเป็นห่วงไม่ได้ที่เธอมีท่าทีสนิทสนมกับเขา
หลังจากออกรอบเสร็จ นักการทูตหนุ่มพยายามเตือนอุราศรีไม่ควรไปสนิทสนมกับชัยญาซึ่งเป็นนักพนันตัวยง เธอไม่สนใจว่าเขาเป็นอะไร แค่รู้ว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษ ที่ช่วยเธอไว้จากภัยทางเพศก็พอ
“คนเรานี่ บางทีก็ดูกันที่เปลือกไม่ได้หรอกค่ะ คนหนึ่งเห็นอย่างหนึ่ง แต่อีกคนอาจจะเห็นอีกอย่างหนึ่ง เหมือนชิดชบาไงคะ ใครๆเห็นชิดชบาเป็นฆาตกร แต่คุณกลับเห็นผู้หญิงคนนั้นเป็นนางฟ้า”คำพูดแดกดันของอุราศรีทำเอาอรุณณรงค์ถึงกับอึ้ง...
ขณะธวัชพงษ์ซ่อมโคมไฟที่สระว่ายน้ำของคอนโดฯ ที่พักของชัยยงค์ เห็นชัยญา ชัยยงค์และถกลออกมาที่ระเบียงห้อง พยายามขยับเข้าไปฟังใกล้ๆแต่ก็ไม่ได้ยินอะไร ชัยยงค์ตำหนิลูกชาย จนป่านนี้ทำไมยังไม่มีข่าว
ชิดชบาตายในคุก เขารับรองอีกไม่นานคนของเขาที่อยู่ในนั้นคงจัดการเธอได้ ชัยยงค์เตือนอย่าชะล่าใจ ขืนปล่อยให้ชิดชบาสู้คดีแล้วรอดจากคุกมาได้ สิ่งที่เราลงทุนหลอกเถาว์เครือก็เป็นอันสูญเปล่า ส่วนเรื่องระรินก็ให้ปล่อยๆไป ตนไม่อยากให้มีเรื่องตอนนี้ เกรงตำรวจจะพุ่งความสนใจมาที่เขา
“ผมปล่อยระรินไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้ผมมีที่หมายใหม่ ทั้งสวยทั้งเก่งมีหน้าที่การงานดี ข้อสำคัญเป็นพวกผู้ดีมีเชื้อสาย รวยๆๆ แล้วพ่อล่ะ ท่าทางยัยคุณนายเถาว์เครือ จะเกาะพ่อแน่นนะ”
“ฉันได้บ้านหลังนั้นแล้ว ฉันจะส่งยัยคุณนายเถาว์เครือ ไปอยู่บ้านพักคนชรา”ชัยยงค์ยิ้มเหี้ยม...
ทางด้านอรุณณรงค์ไม่อาจตัดใจจากชิดชบาได้ สารภาพกับหม่อมแม่ว่ายังรักเธอไม่เสื่อมคลายไม่ว่าเธอจะเป็นอะไร และตำหนิตัวเองที่ใจจืดใจดำไม่ยอมไปเยี่ยมเธอที่เรือนจำ หม่อมจรัสเรืองยอมให้ลูกรักผู้หญิงที่เป็นนางบำเรอไม่ได้ เราเคยพูดเรื่องนี้กันแล้ว เขาจะเอาอนาคตนักการทูตมาทิ้งเพราะผู้หญิงคนนี้ได้อย่างไร ท่านจะเร่งเรื่องแต่งงานกับอุราศรีให้เร็วขึ้น จะไม่รออะไรอีกแล้ว
“แม่กลัว แม่เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าถ้าแม่ได้ผู้หญิงคนนี้เป็นสะใภ้ แม่อาจจะต้องนอนตายอยู่ใต้บันได”...
เถาว์เครือเห็นแพรวายืนจัดดอกไม้ใส่แจกันอยู่ที่โต๊ะเหนือบันได ค่อยๆก้าวเข้าหาอย่างมุ่งร้าย ยื่นมือจะผลัก แต่เธอหันมาทักเสียก่อนว่ายังไม่นอนอีกหรือ เธอสั่งดอกไม้มาจัดใหม่ทั้งบ้าน เผื่อบรรยากาศจะสดชื่นขึ้นบ้าง โสมสุภางค์จะได้มีความสุข พอเถาว์เครือรู้ว่าเธอสั่งดอกไม้จากร้านเจ้าประจำของปฐวีก็แขวะทันที
“เดี๋ยวนี้ออกอาการเป็นเจ้าข้าวเจ้าของปฐวีแล้วก็เป็นเจ้าข้าวเจ้าของบ้านทั้งที่เมียเขายังนั่งอยู่บนรถเข็น ยังไม่ได้ตายสักหน่อย มันจะงามหน้าไปไหมคุณหมอแพรวา”
แพรวาพยายามอธิบายว่าเป็นการเข้าใจผิด แต่ไร้ผลเพราะเถาว์เครือตั้งใจจะหาเรื่องไล่เธอไปให้พ้นจากบ้านหลังนี้ จังหวะนั้น ประตูห้องหอที่อยู่ด้านหลังเถาว์เครือเปิดออกเผยให้เห็นโสมสุภางค์นั่งอยู่ในรถเข็น มองมาด้วยความรู้สึกสะเทือนใจ เถาว์เครือมองตามสายตา
คุณหมอสาว เห็นโสมสุภางค์จ้องอยู่ทำเป็นโวยวายเรียกพยาบาลพิเศษให้มาดูแลลูกตัวเองกลบเกลื่อน
“แพรจะพาโสมสุภางค์ไปนอนเองค่ะ” พูดจบ แพรวาเข็นรถเข็นพาโสมสุภางค์กลับเข้าห้อง ประคองเธอจะให้นอนบนเตียง แต่เธอขืนตัวไว้ แพรวามองสายตาของเพื่อนรักก็รู้ทันทีว่าเชื่อคำใส่ความของเถาว์เครือ
“ไม่นะ อย่าเชื่อเรื่องเหลวไหลนั่น ฉันไม่ได้เข้ามาอยู่ในบ้านนี้เพื่อแย่งคุณปฐวีไปจากเธอ แต่ฉันต้องการช่วยเธอนะโสมสุภางค์ ถ้าชิดชบาไม่ได้ผลักเธอตกบันได ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ควรติดคุก เอาคนผิดเข้าคุกกับเอาคนบริสุทธิ์เข้าคุกน่ะ เธอคิดดูว่าอะไรมันจะบาปกว่ากัน”
ooooooo
หม่อมจรัสเรืองร้อนใจมากเมื่อโทร.นัดอุราศรี มาคุยเรื่องงานแต่งงานแต่เธอกลับบอกว่าไม่ว่าง นัดเป็นอาทิตย์หน้าเธอก็ยังไม่ว่างอีก ท่านชักเอะใจหรือว่าเธอจะถอดใจเรื่องหมั้นเรื่องแต่งงานไปแล้ว เร่งให้ อรุณณรงค์ทำอะไรสักอย่าง ท่านรอต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว
“หม่อมแม่ครับ ผมก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่แต่งงานตามที่หม่อมแม่ต้องการ แต่ว่า...”
“ฮึ! แต่งแต่ตัวแต่หัวใจไปอยู่กับชิดชบา ผู้หญิงคนไหนจะทนได้ นี่คุณหญิงอุราศรีคงจะรู้ ถึงได้เริ่มปลีกตัว เมื่อก่อนเคยไปเคยมาทุกวัน แต่เดี๋ยวนี้แม่โทร.ไปนัดยังไม่มีเวลาให้เลย อ้างว่างานยุ่ง” หม่อมจรัสเรืองร้อนใจมาก กลัวอุราศรีจะเปลี่ยนใจ ต้องเร่งมือทำให้งานแต่งงานเกิดขึ้นให้ได้...
ขณะที่อุราศรีเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่ชัยญาเข้ามาในชีวิต ขาใหญ่กับชิดชบายังคงเขม่นกันไม่เลิก หนำซ้ำตอนนี้นักโทษยังแบ่งเป็นสองฝักสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเข้าข้างชิดชบา ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งเป็นพวกของขาใหญ่...
ฝ่ายปฐวีมาดักรอธวัชพงษ์กลับจากทำงาน เพราะรู้มาว่าเขาเป็นคนแรกที่ไปเยี่ยมชิดชบาในเรือนจำ อดแปลกใจไม่ได้ที่เขายังเชื่อในความบริสุทธิ์ของเธออยู่อีก เขาแดกดันว่ายังดีที่เขายังมีความเชื่อ ไม่เหมือนปฐวีที่ทำความเชื่อหายไป ทั้งๆที่เคยเชื่อในความยุติธรรมมาตลอดชีวิต เรียกร้องหามันเมื่อตอนที่ชีวิตขาด แต่ตอนนี้เขามั่งมีล้นฟ้า กลับไม่มีความยุติธรรมให้ชิดชบา ร่วมมือกับเถาว์เครือยื่นคัดค้านการประกันตัว
“ทำให้ชิดชบาเข้าไปอยู่ในคุก ทำไมคุณไม่ให้ โอกาสชิดชบาพิสูจน์ตัวเอง คนอยู่นอกคุกกับคนอยู่ในคุกน่ะ โอกาสมันผิดกัน...ใช่ ผมไปเยี่ยมชิดชบาเป็นคนแรกเพราะผมเชื่อไงว่าชิดชบาบริสุทธิ์ แล้วคุณล่ะ คุณเอาความเชื่อของคุณไปทิ้งไว้ไหน หรือคุณไม่เคยมีมันเลย”...
คำพูดของธวัชพงษ์ทำให้ปฐวีได้คิด จึงไปขอร้องให้เถาว์เครือยกเลิกการคัดค้านการประกันตัวชิดชบา เธอไม่พอใจมาก หาว่าเขายังตัดสวาทจากนางบำเรอไม่ขาด ถึงได้มาขอให้เธอให้โอกาสฆาตกรออกมาสู้คดี
“ผมต้องการให้คดีนี้เป็นไปอย่างยุติธรรม ชิดชบา ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เราต้องพิสูจน์กันในศาล”
ไม่ว่าปฐวีจะอ้างเหตุผลอะไร เถาว์เครือยืนกรานจะไม่ยอมให้ชิดชบาออกจากคุกเด็ดขาด...
ทางด้านยุวดียังคงพยายามอย่างหนักที่จะกล่อมให้ปอนบอกว่าแม่ของเขาอยู่ที่ไหน จะได้พาไปหา เด็กน้อยสั่นหัวทั้งน้ำตาไม่รู้ว่าแม่อยู่ที่ไหน เธอถอนใจหนักใจไม่รู้จะช่วยได้อย่างไร...
อุราศรีปฏิเสธที่จะไปหาหม่อมจรัสเรืองเพื่อคุยเรื่องการแต่งงาน แต่กลับไปดูการแข่งรถที่สนามแข่งขัน กับชัยญาอย่างสนุกสนาน แถมยังสนใจจะลองขับรถแข่งอีกด้วยซึ่งผิดวิสัยเรียบร้อยราวกับผ้าพับไว้ของเธอ...
ธวัชพงษ์แวะไปหาแพรวาที่อพาร์ตเมนต์แต่ไม่พบ ไปที่โรงพยาบาลก็ได้รับแจ้งว่าเธอลาพักร้อน จึงลองมาดูที่บ้านปฐวี เจอเธอกำลังตัดดอกกุหลาบอยู่ที่สวนหน้าบ้าน แพรวาอธิบายว่าที่แฝงตัวมาอยู่ที่นี่ก็เพื่อจะช่วยโสมสุภางค์และช่วยเขาสืบเรื่องปฐวีซึ่งตอนนี้พยายามขอให้เถาว์เครือยกเลิกการคัดค้านการประกันตัวชิดชบา เห็นว่าต้องการให้เธอไปพิสูจน์ในศาล หากชิดชบายังอยู่ในเรือนจำ โอกาสพิสูจน์ตัวเองคงทำได้ไม่เต็มที่ แพรวายังงงไม่หายไม่รู้ว่าปฐวีคิดจะทำอะไรกันแน่
“แต่ผมรู้ว่าเขาคิดอะไร” ธวัชพงษ์ยิ้มพอใจ...
ค่ำวันเดียวกัน ขาใหญ่ดักรอเล่นงานชิดชบาตอนที่ไฟในเรือนจำอยู่ๆก็เกิดดับ ผู้คุมรีบต้อนนักโทษเข้าเรือนนอน ชิดชบาซึ่งเดินปิดท้ายกำลังจะถูกขาใหญ่ใช้เหล็กปลายแหลมแทง แต่เธอเกิดคลื่นไส้อาเจียนอย่างรุนแรงเพราะแพ้ท้องขึ้นมาเสียก่อน ทำให้ขาใหญ่ถึงกับชะงักมองด้วยความสงสัย
ooooooo










