ตอนที่ 8
อัลบั้ม: นิยายเรื่อง "ล่ารักสุดขอบฟ้า"
ค่ำวันเดียวกัน มินตราเดินอย่างระมัดระวังมาใกล้ตำหนักเจ้าชายมาคีเพื่อมาสืบข่าวกรรณิการ์ เจอชวาลกำลังเผาอะไรบางอย่างอยู่ในสวน ค่อยๆย่องเข้าไปใกล้ ได้ยินเสียงเขาพึมพำขอให้ดวงวิญญาณของกรรณิการ์ยกโทษให้ เขาแค่ทำตามคำสั่งของเจ้าชายมาคีเท่านั้น เธอถึงกับหูผึ่ง พึมพำกับตัวเอง
“ดวงวิญญาณ?...นี่กรรณิการ์ตายแล้วหรือ” พูดจบ เธอหยิบไอแพดขึ้นมาหามุมเหมาะๆเก็บภาพไว้เป็นหลักฐาน แต่ก้าวพลาดเหยียบกิ่งไม้แห้งหักเสียงดังเป๊าะ ชวาลชะงักหันมองตามเสียง มินตราแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า รีบเอาผมมาปรกๆหน้าไว้ เขาแหวกพุ่มไม้มาเจอถึงกับร้องลั่นว่าผีหลอกแล้วเผ่นแน่บไม่คิดชีวิต เธอรีบวิ่งไปที่กองไฟ เจอรูปถ่ายของกรรณิการ์เหลือจากการถูกเผาหนึ่งใบรีบเก็บเอาไว้...
ทางด้านองค์อินทรากังวลใจมาก หากข่าวการตายของกรรณิการ์แพร่ออกไป จะทำให้ชาวรายารังเกียจ
และไม่อาจไม่ยอมรับมัทนาเป็นราชินีองค์ใหม่ โภคินรู้งาน สั่งการไปแล้วว่าห้ามให้ข่าวนี้รั่วออกนอกวังเด็ดขาด คามินรู้สึกผิดที่ไม่สามารถดูแลความปลอดภัย ปล่อยให้กรรณิการ์เข้ามาในงาน ขอให้องค์อินทราลงโทษ
“เจ้าคนเดียวจะดูแลทุกคนให้ปลอดภัยคงไม่ได้ โดยเฉพาะถ้าต้องต่อกรกับฝ่ายตรงข้ามที่มีคนหนุนหลัง”
โภคินอดถามไม่ได้ว่าพระองค์หมายถึงองค์สาวิตรีหรือเปล่า องค์อินทราได้แต่นั่งนิ่งไม่ยอมตอบคำถาม...
องค์สาวิตรีสีหน้าเคร่งเครียดไม่แพ้องค์อินทราเช่นกัน ยิ่งนึกถึงตอนที่แอบออกมาต่อว่าวิฑูรเรื่องที่ปล่อยกรรณิการ์เข้ามาอาละวาดในงานโดยที่ไม่ปรึกษากันก่อน ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าองค์อินทราคอยจับตาดูเธออยู่ เขาแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ในเมื่อใบปลิวไม่สามารถเล่นงานมัทนาได้ จึงตัดสินใจใช้วิธีนี้ องค์สาวิตรีกลัวว่าเหตุการณ์คราวนี้จะพลอยทำให้เจ้าชายมาคีเสื่อมเสียไปด้วย วิฑูรไม่ห่วงเรื่องนั้น องค์อินทราไม่มีวันยอมให้ชื่อเสียงของเจ้าชายมัวหมองแน่
ทันใดนั้นมีเสียงเจ้าชายมาคีดังขึ้น “เสด็จแม่ กรรณิการ์ตายแล้วๆ”
องค์สาวิตรีตื่นจากภวังค์รีบเข้าไปกอดปลอบใจลูก “แม่รู้แล้ว ไม่เป็นไรนะลูก”
เจ้าชายมาคีร้องไห้คร่ำครวญเหมือนเด็กๆ พร้อมกับต่อว่าเสด็จแม่ว่าไหนรับปากจะดูแลกรรณิการ์อย่างดี แล้วทำไมปล่อยให้ออกมาอย่างนี้ เธอโกหกหน้าตาเฉย ไม่รู้ว่ากรรณิการ์หนีออกมาได้อย่างไร องค์อินทรามาทันได้ยินพอดี ถามว่าแน่ใจหรือ แล้วหันไปต่อว่าเจ้าชายมาคีว่าทีหน้าทีหลังอย่าให้ต่างหูผู้หญิงคนไหนส่งเดชจนทำให้เธอต้องพบจุดจบที่น่าอนาถอย่างกรรณิการ์อีก เจ้าชายมาคีอ้าง ไม่รู้ว่าเรื่องราวจะเลวร้ายถึงเพียงนี้
“ใช่ เพราะไม่คิด มันถึงได้เป็นแบบนี้”
“แล้ว...แล้วลูกจะทำอย่างไรดี มัทนาต้องรู้เรื่องกรรณิการ์แน่ๆ”
“ลูกผู้ชายกล้าทำต้องกล้ารับ เรื่องนี้ไม่มีใครช่วยเจ้าได้แล้ว ออกไปก่อนพ่อมีเรื่องจะคุยกับแม่เจ้า”
ooooooo
ทันทีที่เจ้าชายมาคีไปพ้นสายตา องค์อินทราคาดคั้นให้องค์สาวิตรีบอกมาว่ากรรณิการ์เข้ามาในงานพิธีถวายตัวได้อย่างไร แล้วยังเรื่องใบปลิวนั่นอีก องค์สาวิตรีปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วย แล้วโวยวายกลับ
“แทนที่พระองค์จะทรงร้อนพระทัยกับเรื่องฉาวๆของลูกสะใภ้ในอนาคต กลับทรงมาสอบสวนเอาผิดกับหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่เข้าใจเลย ผู้หญิงที่ประพฤติตัวเหลวแหลกขนาดนั้น มีดีอะไรที่ทำให้พระองค์ต้องการยัดเยียดให้มาคีนัก ทำไมเพคะ ผู้ชายทั้งเมืองไทยไม่มีใครอยากได้หล่อนแล้วเหรอไง”
“มัทนาเป็นผู้หญิงที่ผู้ชายทั้งโลกใฝ่ฝันจะได้ไปเป็นคู่ชีวิต ตอนนี้มาคีต่างหากที่ไม่คู่ควร”...
ทางฝ่ายมัทนาตกใจเมื่อรู้จากมินตราว่ากรรณิการ์ตายแล้ว และไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมเพราะทุกคนปิดปากเงียบ มีเพียงรูปถ่ายของเธอพร้อมกับข้อความภาษารายาหลังภาพที่ชวาลยังไม่ได้เผา มินตราใช้มือถือถ่ายข้อความนั้นไปหลอกล่อให้บุหลันช่วยแปลให้แล้วยื่นกระดาษจดคำแปลให้มัทนาอ่าน
“ให้รักนี้ได้ซึมซาบลงในดวงใจ ให้รักนี้เอ่ยคำที่ฉันพูดไป ใจเธอมีฉันหรือไม่ แต่ใจฉันมีแค่เธอคนเดียว”
มัทนาอ่านดูก็รู้ว่านี่เป็นข้อความที่กรรณิการ์เขียนถึงคนรัก หลังประมวลจากเหตุการณ์ที่กรรณิการ์พยายามทำร้ายมัทนาถึงสองครั้งสองครา น่าจะเป็นไปได้ว่าคนรักของเธอคือเจ้าชายมาคี แต่เพื่อความแน่ใจ สองสาวชวนกันไปถามความจริงจากชวาลให้รู้แล้วรู้รอด ทีแรกเขาปฏิเสธว่าไม่รู้จักกรรณิการ์ แต่พอถูกมัทนาข่มขู่ ชวาลสารภาพหมดเปลือกว่าเป็นใคร...
ด้านเจ้าชายมาคีระบายความอัดอั้นตันใจด้วยการมาซ้อมยิงธนู สินธรเห็นพระองค์ยิงจนมือช้ำเป็นห้อเลือด เกรงจะได้รับบาดเจ็บมากไปกว่านี้ไม่ยอมส่งลูกธนูให้ยิงอีก เจ้าชายมาคีโกรธเดินมาหยิบเอง สินธรขวางไว้ขอร้องให้พอแค่นี้ พระองค์ไม่ฟังสั่งให้ถอยไป เขายืนนิ่งไม่ขยับ เจ้าชายมาคีไม่สนใจ ยิงธนูใส่ทันที
คามินที่เพิ่งเข้ามาร้องห้ามไม่ทัน โชคดีที่พระองค์ไม่มีฝีมือ ลูกธนูไม่แม้แต่จะเฉียดสินธรด้วยซ้ำ ยิ่งทำให้พระองค์ขัดใจ ฟาดคันธนูกับพื้นหักคามือ แล้วเดินกระแทกเท้าออกไป คามินรีบวิ่งตามจนทัน ถามว่ารุ่มร้อนใจเรื่องใด พระองค์เกรงว่าการตายของกรรณิการ์จะทำให้มัทนาเข้าใจผิดโทษว่าพระองค์เป็นต้นเหตุ คามินปลอบว่าเธอตายเพราะอุบัติเหตุไม่เกี่ยวกับพระองค์ มัทนาอยู่ในเหตุการณ์ด้วยก็คงไม่โทษพระองค์เช่นกัน
“แล้วถ้าคุณมัทรู้ว่ากรรณิการ์เป็นอะไรกับเราล่ะ”
“องค์ราชาทรงมีพระบัญชาให้ทุกคนปิดปากเรื่องนี้แล้ว คุณมัทนาไม่มีทางทราบ”
เจ้าชายมาคีรู้แก่ใจดีว่ามัทนาไม่ใช่คนที่จะโดนหลอกง่ายๆ หากความจริงถูกเปิดเผย พระองค์คงจะสูญเสียเธอไปตลอดกาล คามินให้สัญญา จะทำทุกวิถีทางให้มัทนาเข้าพิธีอภิเษกกับพระองค์ให้ได้
“จริงนะคามิน นายรับปากเราแล้วนะ นายต้องช่วยเราจริงๆนะ เพราะขาดมัทนาเราคงมีชีวิตอยู่ไม่ได้”
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะพยายามให้ถึงที่สุด” คามินยิ้มให้ ทั้งๆที่ในใจเจ็บปวดสุดจะบรรยาย
ooooooo
ภายในห้องทำงานของวิฑูร สุเทษกำลังรายงานให้เจ้านายฟังว่าตนเองจัดการปิดปากทหารยามที่เฝ้าหน้าห้องกรรณิการ์เรียบร้อยแล้ว เขาชมว่าทำดีมาก ทีนี้เราก็ต้องมารอดูว่าระเบิดลูกไหนจะระเบิดก่อนกัน ระหว่างพวกที่เชื่อว่าชะตาพระคู่หมั้นเป็นกาลกิณีหรือฝ่ายที่ทนความฉาวโฉ่ของพระคู่หมั้นไม่ได้
“แต่ไม่ว่าระเบิดลูกไหนจะทำงาน การอภิเษกก็คงเป็นไปไม่ได้”
“ขอแค่เลื่อนออกไป การกำจัดมัทนาก็ไม่ยากแล้ว” วิฑูรยิ้มเหี้ยม...
ที่หน้าห้องทำงาน หฤทัยถือถาดใส่ถ้วยชายืนอยู่ พยายามเงี่ยหูฟังการสนทนาด้านใน สุเทษเปิดประตูผลัวะออกมา เธอตกใจถึงกับผงะถอยหลัง วิฑูรเห็นสีหน้าของลูกสาวแล้ว สั่งให้สุเทษไปรอที่รถ แล้วถามลูกว่ามีอะไรจะถามเขาใช่ไหม เธออยากรู้ว่าที่ใครต่อใครลือกันว่ากรรณิการ์ตายแล้ว จริงหรือเปล่า วิฑูรเอ็ดลั่น
“นี่ไม่ใช่เวลาที่แกจะสนใจเรื่องของกรรณิการ์นะ การอภิเษกกำลังจะถูกยกเลิก แกควรจะสนใจตัวเองว่าต้องทำอย่างไรเจ้าชายถึงจะยอมอภิเษกด้วยเพราะโอกาสกลับมาเป็นของแกอีกครั้งแล้ว”
หฤทัยงง จะยกเลิกได้อย่างไรในเมื่อพระคู่หมั้นยังอยู่ทั้งคน วิฑูรพึมพำ ถึงอยู่ก็คงจะอีกไม่นาน...
ฝ่ายคามินพาเจ้าชายมาคีกลับไปที่ตำหนักของพระองค์ด้วยความสบายใจที่เห็นพระองค์ผ่อนคลายขึ้น แต่เขาเองกลับเป็นฝ่ายกลุ้มใจแทนเมื่อชวาลแอบเล่าให้ฟังว่ามัทนารู้เรื่องของกรรณิการ์แล้ว...
ครู่ต่อมา วิฑูร พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี และองค์สาวิตรีมาเข้าเฝ้าองค์อินทราเพื่อขอให้ทบทวนเรื่องงานอภิเษกอีกครั้ง ในเมื่อยังไม่สามารถชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อราชสภาได้ การอภิเษกก็ย่อมไม่เป็นผลดี พระองค์กลับเห็นว่าการอภิเษกจะช่วยให้ภาพลักษณ์ของเจ้าชายมาคีดีขึ้น
“การแต่งงานกับหญิงที่มีประวัติแย่ๆอย่างมัทนาน่ะหรือเพคะจะช่วยมาคี ถ้าจะช่วยจริงๆเจ้าสาวควรจะเป็นหฤทัยต่างหาก” องค์สาวิตรีเชียร์ออกนอกหน้า ทุกคนส่งเสียงฮือฮาเป็นทำนองเห็นด้วย องค์อินทรารีบตัดบท
“เราจะไม่พูดเรื่องคู่อภิเษกของมาคีกันอีก เพราะมัทนาไม่ใช่ตัวปัญหาของเรื่องนี้ การอภิเษกระหว่างมาคีกับมัทนาจะยกเลิกได้เพราะเหตุผลเดียว คือมัทนาขอถอนหมั้น”
จังหวะนั้น มัทนาซึ่งเล่นงานสุเทษที่เฝ้าหน้าทางเข้าห้องประชุมจนล้มคว่ำ เปิดประตูผลัวะเข้ามา “ถวายพระพรและขอประทานอภัยเพคะ” พูดจบ เธอทำความเคารพองค์อินทรา องค์สาวิตรีแว้ดใส่ทันทีว่าเข้ามาโดยพลการได้อย่างไร ไหนว่าเป็นราชสกุลที่ผ่านการอบรมมาอย่างดี ทำไมถึงทำตัวไร้มารยาท
“หากไม่มีเรื่องด่วน หม่อมฉันคงไม่ถือวิสาสะเข้ามา และเท่าที่ได้ยินเมื่อครู่ ทุกคนกำลังพูดถึงหม่อมฉันอยู่ หม่อมฉันควรมีส่วนรับรู้ด้วย” มัทนายืนกราน องค์อินทรายินดีจะพักการประชุมไว้ก่อนหากมัทนามีเรื่องด่วนจริงๆ วิฑูรทักท้วงว่าการประชุมวันนี้เป็นเรื่องสำคัญเลื่อนไม่ได้ อีกทั้งเรายังไม่ได้พูดถึงเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
“ไม่ต้องพักหรอกเพคะ เพราะเรื่องที่หม่อมฉันจะพูดก็เกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อวานและผู้หญิงคนนี้” มัทนาชูรูปถ่ายของกรรณิการ์ให้ดู องค์อินทรารับรูปมาดูด้วยสีหน้าตกใจถามว่าไปเอามาจากไหน เธอบอกไม่ได้ ขอให้ทราบแค่ว่าเป็นคนที่รู้เบื้องลึกถึงความสัมพันธ์ของเจ้าชายมาคีกับกรรณิการ์
ทั้งองค์สาวิตรี วิฑูรและโภคินพยายามช่วยกันปิดบังเรื่องของกรรณิการ์ แต่มัทนาไม่เชื่อ จะขอให้เลื่อนการอภิเษกออกไปเพื่อจะได้สืบสาวเรื่องนี้ให้กระจ่างก่อน
ooooooo
ขณะที่องค์อินทราถึงกับหน้าเครียดที่ข่าวความสัมพันธ์ระหว่างกรรณิการ์กับเจ้าชายมาคีรู้ถึงหูมัทนา ที่หน้าห้องประชุม คามินวิ่งหน้าตื่นเข้ามาถามมินตราซึ่งกำลังประคองสุเทษที่โดนมัทนาอัดคว่ำให้ลุกขึ้นว่ามัทนาอยู่ไหน พอรู้ว่าเธออยู่ข้างใน ขยับจะเข้าไปหา สุเทษขวางไว้ เขาเตะตัดขาพับสุเทษลงไปกองกับพื้น แล้วพรวดเข้าข้างใน
ภายในห้องประชุม มัทนาถูกองค์สาวิตรีท้าทาย หากไม่พอใจจะถอนหมั้นเจ้าชายมาคีก็ให้ถอนหมั้นแล้วกลับเมืองไทยได้เลย เพราะทางเราจะไม่อนุญาตให้เธอสืบสวนอะไรทั้งสิ้น มัทนาตัดสินใจทันควัน
“เช่นนั้น หม่อมฉันทูลลา”
ยังไม่ทันขาดคำ คามินพุ่งพรวดเข้ามา สารภาพกลางที่ประชุมว่ารูปของกรรณิการ์รูปนั้นเจ้าตัวให้เขาไว้ก่อนสติจะเลอะเลือน และเขาเองที่สั่งให้ชวาลเอาข้าวของของเธอไปเผาเพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าคบหาอยู่กับเธอ
“คุณมัทนา คุณเข้าใจเจ้าชายรัชทายาทผิด กรรณิการ์เป็นคนรักของผม”...
เจ้าชายมาคีถึงกับของขึ้นเมื่อชวาลสารภาพว่าเป็นคนปูดเรื่องกรรณิการ์ให้มัทนารู้ ขย้ำคอเขาจะเอาให้ตายคามือ คามินเข้ามาห้ามไว้ทัน ขอร้องอย่าทำร้ายชวาลซึ่งทำไปทั้งหมดเพราะถูกบังคับ เจ้าชายมาคีชะงัก
“นี่นายก็รู้ แล้วคุณมัทล่ะ คุณมัทว่าอย่างไร”
คามินรายงานว่ามัทนาไปพบองค์อินทรา แต่ทุกอย่างเรียบร้อยดี การอภิเษกจะยังมีเหมือนเดิมเพราะเขาสารภาพกับมัทนาว่ากรรณิการ์เป็นคนรักของเขาเอง เจ้าชายมาคีดีใจมากโดดกอดคามิน
“ขอบใจมากนะคามิน นายไม่เคยทำให้เราผิดหวังเลย”
“เมื่อกระหม่อมสัญญาแล้ว กระหม่อมก็ต้องทำให้ได้และขอให้ฝ่าบาทอย่าทรงลืมสัญญาเช่นกัน”
เจ้าชายมาคีรับปากเป็นมั่นเหมาะว่ามัทนาจะเป็นผู้หญิงคนสุดท้ายของพระองค์...
มินตราเห็นมัทนายังไม่ยอมถอนหมั้น ยุยงไม่เลิกว่าคำพูดของคามินจะเชื่อถือได้หรือในเมื่อเขารักเจ้าชายมาคีมากกว่าตัวเอง อาจจะยอมรับว่ากรรณิการ์เป็นแฟนเพื่อปกป้องพระองค์ก็เป็นได้
“ไม่ว่าจะรับเพราะเหตุผลอะไรก็ทำให้มัทรู้ว่าเขายอมทำทุกอย่างเพื่อให้มัทอภิเษกกับเจ้าชาย สำหรับเขาแล้ว หน้าที่สำคัญที่สุดเสมอ หัวใจของมัทยังสำคัญสู้หน้าที่ของเขาไม่ได้เลย” มัทนาพูดจบเดินจากไปอย่างเจ็บปวดใจ
มินตรามองตามสงสัย หรือว่ามัทนาจะแอบมีใจให้คามิน
ooooooo
คามินเองก็เจ็บปวดใจไม่แพ้มัทนาเช่นกัน ทนอยู่ในวัลรายาต่อไปไม่ไหว เก็บเสื้อผ้ายัดใส่เป้สัมภาระออกมาขึ้นรถโฟร์วีลที่จอดอยู่หน้าที่พัก สินธรซึ่งยืนอยู่ข้างรถร้องทักว่าหอบเป้จะไปไหน
“ฐากูรส่งข่าวมาบอกว่าท่านอาจารย์เมฆากลับจากหาสมุนไพรแล้ว เราเลยจะไปเยี่ยมท่านสักหน่อย”
“นอกจากไปเยี่ยมท่านอาจารย์แล้ว ยังทำทีหลบหน้าเพื่อให้ทุกคนเข้าใจว่าข่าวท่านกับกรรณิการ์เป็นเรื่องจริงด้วยใช่ไหมครับ” สินธรดักคอ คามินไม่ตอบอะไรได้แต่ฝากให้เขาดูแลทางนี้ด้วย แล้วโดดขึ้นรถขับออกไป...
องค์สาวิตรีเกลียดชังคามินเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงเคลือบแคลงในสิ่งที่เขาทำ วิฑูรได้ทียุส่งว่าคามินพยายามทำทุกทางให้มัทนาได้อภิเษกกับเจ้าชายมาคี โดยตกลงแบ่งผลประโยชน์กับพ่อของมัทนาซึ่งเป็นพ่อค้าให้เข้ามากอบโกยทรัพยากรไปจากรายา องค์สาวิตรียิ่งเกลียดชังคามินเพิ่มเป็นเท่าทวีคูณ...
ขณะที่เรื่องระหว่างเจ้าชายมาคีกับมัทนายังวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ณ ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งกลางกรุงเทพฯ อัคนีและอสิตเจอธรรมรัตน์กับเหมันต์โดยบังเอิญ อัคนีดีใจมากสอบถามธรรมรัตน์ว่ามัทนากลับจากรายาหรือยัง
“อีกนานเลยล่ะ เพราะยัยมัทต้องอภิเษกกับเจ้าชายมาคีเสียก่อนถึงจะกลับมาได้”
“นี่คุณมัทนาจะแต่งงานกับเจ้าชายนั่นจริงๆหรือ! ป๊าอ่ะถ้าลูกน้องป๊าไม่...”
อสิตกลัวความแตกรีบตะครุบปากลูกไว้ แล้วลากตัวออกจากร้าน อัคนีดิ้นรนจนเป็นอิสระโวยวายใส่ป๊าตัวเองว่าปิดปากปิดจมูกแบบนี้อยากให้เขาตายหรืออย่างไร อสิตโวยกลับ แค่นี้ไม่ถึงตาย แต่ถ้าเขาปากโป้งจนธรรมรัตน์รู้ว่าเราสองคนพ่อลูกส่งคนไปจับตัวมัทนา ได้ตายหมู่กันแน่นอน
“ป๊าได้ยินไหมว่าคุณมัทกำลังจะแต่งงาน ป๊าต้องส่งคนไปรายาชิงตัวคุณมัทคืนมาให้ผมนะ”
“พูดไม่คิด ทางโน้นเขาเป็นเจ้าชาย ต่อให้ป๊าส่งคนของเราไปหมดบ้านก็สู้กองทัพของเขาไม่ได้”
อัคนีโกรธที่อสิตไม่ยอมช่วย จัดแจงจะไปรายาเพื่อชิงตัวมัทนากลับมาด้วยตัวเอง แล้วผละจากไปอย่างหงุดหงิด อสิตเป่าปากเรียกยักษ์ออกจากที่ซ่อน สั่งให้ส่งดอนกับดำตามประกบอัคนีอย่าให้คลาดสายตา
ooooooo
เพื่อชดเชยที่มัทนาต้องเสียอารมณ์กับเรื่องของกรรณิการ์ เจ้าชายมาคีเสนอจะพาเธอไปเที่ยวเล่น มัทนาไม่อยากไปที่ไหนทั้งนั้น ขอแค่พระองค์ช่วยพาไปเคารพศพกรรณิการ์ก็พอ เจ้าชายมาคีจำต้องทำตามที่เธอขอ ครู่ต่อมาสินธรพาเจ้าชายมาคี มัทนาและมินตรามายังวิหารที่เงียบสงบบนภูเขา
“ที่นี่คือวิหารปรารถนา ศพของคุณกรรณิการ์ถูกฝังไว้ที่นี่ครับ” สินธรรายงาน
“ที่จริงคุณมัทไม่จำเป็นต้องมาถึงที่นี่เลย ฝากคุณมินตรามาไหว้ศพก็ได้” เจ้าชายมาคีบอกด้วยสีหน้าหวั่นๆ มัทนาจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร ในเมื่อกรรณิการ์ตายกลางงานพิธีของเธอเธอจึงอยากมาขออโหสิกรรม มินตราเห็นเจ้าชายมาคีหน้าซีดๆ ร้องทักว่าเป็นอะไรไป พระองค์รู้สึกหายใจไม่ค่อยออก สินธรแนะให้กลับไปให้หมอหลวงดูอาการ พระองค์ไม่ยอมไปอ้างว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก มัทนามองออกว่าพระองค์ไม่อยากไปเคารพศพกรรณิการ์
“ถ้าอย่างนั้นพี่มิน คอยถวายการดูแลเจ้าชายแล้วกันนะคะ มัทเข้าไปคนเดียวได้”
สินธรประคองเจ้าชายมาคีไปนั่งที่เก้าอี้ แล้วรีบวิ่งตามมัทนา
ด้วยความบังเอิญอย่างเหลือเชื่อ หฤทัยมาเคารพศพกรรณิการ์เช่นกัน วางดอกไม้หน้าหลุมฝังศพ แล้วแนะนำตัวเองว่าชื่อหฤทัย ถึงเราจะไม่เคยรู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่เธอก็สงสารกรรณิการ์มากที่ไม่สามารถอยู่กับคนที่ตัวเองรัก และยังถูกทำร้ายจนต้องเสียสติ มัทนาเข้ามาทางด้านหลังโดยที่หฤทัยซึ่งยังคงพูดต่อไปโดยไม่รู้ตัว
“คุณแม่บอกว่าเธอเป็นคนรักของคามิน แต่ฉันไม่เชื่อหรอก ที่เธอต้องมีชะตากรรมแบบนี้ก็เพราะเธอรักเจ้าชาย ช่วยฉันด้วยนะกรรณิการ์ อย่าให้ฉันต้องเป็นแบบเธอเลย” อธิษฐานเสร็จ หฤทัยหันหลังจะกลับเจอมัทนายืนอยู่ ก็ตกใจรีบเดินหนี มัทนาตามตื๊อจะขอคุยด้วย เธอไม่อยากคุยอะไรทั้งนั้น ผลักมัทนาพ้นทาง สินธรเข้ามาเห็นพอดี โวยวายลั่นว่าคิดจะทำอะไรพระคู่หมั้น หฤทัยไม่ตอบ วิ่งหนี
“ไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวฉันจะเข้าไปไหว้ศพกรรณิการ์ก่อน” มัทนาพูดจบเดินไปยังหลุมฝังศพ ขณะที่สินธรมองตามหฤทัยสีหน้าไม่พอใจ ก่อนจะเดินตามเธอจนทัน ถามประชดประชันว่าเธอคงไม่ได้มาที่นี่เพื่อขอขมากรรณิการ์ใช่ไหม หฤทัยย้อนถามว่าทำไมเธอต้องทำแบบนั้นด้วย
“ก็ท่านพ่อคุณอยากให้คุณเป็นราชินี เมื่อกรรณิการ์ถูกสงสัยว่าเป็นชายาของเจ้าชาย คุณก็เลยทำร้ายเธอ”
“ไม่มีปัญญาหาตัวคนที่ทำร้ายกรรณิการ์ เลยมาตั้งขอกล่าวหาฉันมั่วๆนะสิ”
“ผมตั้งข้อสังเกต ไม่ได้กล่าวหา คุณไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร จำไว้ว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมจะจับตาดูความเคลื่อนไหวของคุณ” สินธรจ้องหน้าหฤทัยอย่างเอาเรื่อง เธอไม่สนใจ เขาอยากจะทำอะไรเชิญตามสบาย แล้วจ้ำพรวดๆจากไป เมื่อมาถึงมุมสงบของวิหาร เห็นมินตรากำลังนวดไหล่เอาใจเจ้าชายมาคีที่นั่งกอดอกหลับตาอยู่
ฝ่ายนั้นประสานตากับหฤทัยอย่างท้าทาย เธอไม่อยากยุ่งด้วย รีบเร่งฝีเท้าจากไป มินตราพยายามอ่อยเจ้าชายมาคีสุดฤทธิ์ แต่พระองค์ไม่ได้มีจิตพิศวาสด้วยจึงไม่รู้สึกรู้สมอะไร...
ไม่นานนัก สินธรพามัทนามายังอ่างน้ำพุซึ่งเป็นที่จุดเทียนอธิษฐาน เห็นหนุ่มสาวชาวบ้านกำลังถือถ้วยเทียนหลับตาอธิษฐาน แล้วเอาถ้วยลอยลงไปในอ่างน้ำพุ สินธรเอาถ้วยเทียนที่จุดแล้วเข้ามาให้มัทนา บอกให้ตั้งจิตให้มั่น อธิษฐานถึงสิ่งที่ต้องการ แล้วลอยถ้วยลงไปในอ่าง ควันและกลิ่นหอมของเทียนจะลอยขึ้นไปสู่สรวงสวรรค์
“เทพเจ้าจะดลบันดาลให้สิ่งที่คุณปรารถนาเป็นจริง” สินธรหลับตาอธิษฐานแล้วลอยถ้วยเทียน หันมาเห็นมัทนายังยืนเฉย ร้องทักว่าทำไมไม่อธิษฐาน เธอว่าสิ่งที่เธอปรารถนา เทพองค์ไหนก็ช่วยเหลือไม่ได้
“ก็ให้คิดเสียว่าเป็นการตั้งความหวังสิครับ มันอาจจะเป็นพลังให้เราทำความหวังนั้นให้สำเร็จก็ได้”
มัทนาอยากรู้ว่าเขาอธิษฐานเรื่องอะไร สินธรขอให้คามินปลอดภัย เพราะเขามีชีวิตอยู่เพื่อทุกคนในรายา หากเขาปลอดภัย ทุกชีวิตในรายาก็จะสงบสุข...
ดึกแล้วมัทนายังนอนไม่หลับ นึกถึงคำพูดของสินธรที่ว่าคามินหายหน้าไปเนื่องจากไปเยี่ยมอาจารย์ที่หมู่บ้านภูสายธาร มินตราซึ่งนอนอยู่ที่พื้นข้างๆก็นอนไม่หลับเช่นกัน คิดถึงแต่ใบหน้าของเจ้าชายมาคี อยากได้พระองค์มาเป็นของตัว สองสาวลุกพรวดขึ้นนั่ง พูดพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายว่านอนไม่หลับหรือ
“พี่มิน มัทอยากไปหมู่บ้านภูสายธาร”
ooooooo
เช้าสดใสที่หมู่บ้านภูสายธาร คามินได้ประลองฝีมือการต่อสู้กับอาจารย์เมฆา เริ่มจากมือเปล่า ไปจนถึงคว้าจอบเสียมขึ้นมาเป็นอาวุธ อาจารย์เมฆาชมไม่หยุดปากว่าฝีมือการต่อสู้ของเขาพัฒนาขึ้นมาก
“เพราะมีอาจารย์สั่งสอนครับ”
จากนั้นอาจารย์เมฆาชวนคามินดื่มชาสมุนไพรด้วยกัน หากเขากลับวังหลวงเมื่อไหร่จะฝากชาชนิดนี้ไปให้องค์อินทราด้วยเพราะทรงโปรดมาก คามินยังไม่กลับตอนนี้ อาจารย์เมฆามองอย่างรู้เท่าทันว่าลูกศิษย์คนโปรดต้องเจอปัญหาหนักมาแน่ๆถึงทำให้นักสู้อย่างเขายังต้องหนีหน้า ถามว่าเกี่ยวกับเจ้าชายมาคีหรือเปล่า คามินยังไม่ทันตอบอะไร ฐากูรเข้ามาแจ้งว่าฝายน้ำล้นสร้างเสร็จแล้ว ชาวบ้านอยากให้คามินไปตรวจดู
“เร็วดีนี่ ไป ผมขอตัวนะครับอาจารย์”
อาจารย์เมฆามองตามคามินจนลับสายตา ก่อนจะพึมพำเบาๆ “คนอย่างเจ้าเป็นแค่เงาของใครไม่ได้เด็ดขาดหรอกคามิน แต่มันยังไม่ถึงเวลานั้น”...
ฝ่ายมัทนาดูแผนที่ทางไปหมู่บ้านภูสายธารที่มินตราหามาให้แล้ว เห็นไปทางเดียวกับวิหารปรารถนา ปิ๊งไอเดียขึ้นมาทันที วางแผนให้มินตราไปหลอกบุหลันว่าเธอฝันร้ายถึงพ่อกับแม่อยากให้ช่วยพาไปสวดมนต์ที่นั่น
บุหลันหลงเชื่อ สั่งให้สิงหาขับรถไปให้ มัทนากับมินตราในชุดนุ่งขาวห่มขาวทำทีเข้าไปสวดมนต์ในโบสถ์ ขอให้สิงหารออยู่ด้านนอก พอพ้นสายตาเขาเท่านั้น มัทนาถอดชุดขาวออก เผยให้เห็นชุดทะมัดทะแมงข้างใน คว้าเป้สัมภาระที่มีทั้งมือถือ เงินสกุลรายา แว่นกันแดด หมวก พร้อมอุปกรณ์สำหรับเดินทางขึ้นมาสะพาย
“เดี๋ยวมัทจะออกไปทางด้านหลัง แล้วจะรีบกลับมานะคะ”
“ระวังตัวนะคะ” มินตราร้องบอกไล่หลัง ทันทีที่มัทนาลับสายตา สีหน้าเป็นห่วงเป็นใยของมินตราเปลี่ยนเป็นหมั่นไส้ ภาวนาขอให้เธอไปแล้วไปลับอย่ากลับมาอีก...
หลังจากต่อรถสารพัดชนิดตั้งแต่รถบรรทุกเก่าๆ ยันมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง ในที่สุดมัทนาก็มาถึงปากทางเข้าหมู่บ้านภูสายธารเป็นทางเดินเล็กๆ ค่อนข้างรกด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด เธอเดินแหวกกิ่งไม้ด้วยสีหน้ามุ่งมั่นมาตามทาง โชคไม่ดีเจองูตัวเขื่องห้อยหัวลงมาจากต้นไม้ มัทนาตกใจร้องลั่น เผ่นหนีไม่คิดชีวิต โชคร้ายซ้ำสอง วิ่งสะดุดกับดักที่ชาวบ้านทำไว้ กรงไม้หล่นลงมาครอบตัว เธอไม่ยอมให้ถูกจับง่ายๆ เล่นงานพวกชาวบ้านที่มาเอาตัวออกจากกับดักเพราะคิดว่าเธอเป็นคนร้าย แล้วแย่งปืนยาวมายิงขู่ลงพื้นสั่งให้บอกมาว่าคามินอยู่ที่ไหน
คนถูกเอ่ยชื่อย่องมาทางด้านหลังเอื้อมมือจับปากกระบอกปืน มัทนาจะศอกกลับ เขาหลบทันแล้วล็อกตัวเธอเอาไว้ สั่งให้พอได้แล้ว เธอยังไม่ทันจะพูดอะไร เขาไล่เธอกลับวัง มัทนาไม่ยอมกลับจนกว่าจะรู้ความจริงเรื่องกรรณิการ์ คามินยืนยันว่าพูดความจริงไปหมดแล้ว
“ความจริงที่คุณแต่งขึ้นมาเพื่อช่วยเจ้าชายของคุณน่ะสิ ผู้ชายอย่างพวกคุณมันเห็นแก่ตัว กดขี่ทางเพศ ใช้ผู้หญิงที่อ่อนแอเป็นเครื่องมือ”
“ด่าพอหรือยัง ถ้าพอแล้วก็มานี่” คามินพูดจบคว้ามือ มัทนาสะบัดหลุดวิ่งหนี เขาส่ายหน้าให้กับความรั้นของเธอ ก่อนจะวิ่งตาม เธอหนีขึ้นต้นไม้ แต่เหยียบพลาดกิ่งไม้หักร่วงลงมา
คามินตาเหลือกรีบวิ่งไปรับไว้ทัน แต่ตัวเองกลับล้มหลังกระแทกพื้น แกล้งร้องโอดโอย เธอตกใจจะเข้ามาช่วย เขารวบตัวเอาไว้ มัทนาดิ้นหนี เขายิ่งรัดแน่น ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ห่างแค่คืบ ต่างฝ่ายต่างสบตากันนิ่งงัน เสียงอาจารย์เมฆาร้องเรียกคามิน ปลุกให้เขาตื่นจากภวังค์ รีบปล่อยมัทนาเป็นอิสระ...
ในเวลาเดียวกัน มินตราดูนาฬิกาข้อมือเห็นว่าได้เวลาแล้ว ทำหน้าตาตื่นเปิดประตูโบสถ์ออกไปโวยวายว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว มัทนาหายตัวไป สิงหากับทหารอารักขาตกใจแทบช็อก
ooooooo
ทันทีที่ทราบข่าวการหายตัวไปของมัทนาจากบุหลัน โภคินสั่งการให้สินธรนำกำลังเฉพาะกิจลับสุดยอดไปค้นหาบริเวณวิหารปรารถนาให้ทั่ว และเตือนให้ติดต่อคามินด้วย
“บุหลัน...กำชับคุณมินตราด้วย อย่าเพิ่งให้ใครรู้เรื่องนี้ คุณมัทนาอาจเป็นอันตรายได้”
“ค่ะ เธอทราบแล้ว”
แทนที่มินตราจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ กลับนำไปบอกเทวี ทันทีที่เธอคล้อยหลัง เทวีรีบโทร.แจ้งวิฑูรอีกทอดหนึ่งว่ามัทนาแอบหนีออกจากวิหารปรารถนาไปที่หมู่บ้านภูสายธาร เธอวางสายหันไปพูดกับหฤทัยที่ยืนอยู่ใกล้ๆอย่างสะใจว่าคนไม่มีวาสนาบารมีอย่างมัทนา เราไม่ต้องทำอะไร มันก็ทำตัวของมันเอง
“แต่หฤทัยไม่เข้าใจ ทำไมพี่เลี้ยงของคุณมัทนาต้องมาบอกเรื่องนี้กับเรา เราเป็นศัตรูกับเธอนี่คะ”
“ก็เพราะมันโง่ไง แล้วก็คงตกใจที่นังมัทนาหายหัวไป เพราะมันก็ต้องมีความผิดไปด้วย”
พลันภาพมินตราตอนกำลังนวดไหล่ให้เจ้าชายมาคีที่วิหารปรารถนาผุดขึ้นมาในความคิดของหฤทัยซึ่งยังจำแววตาร้ายๆของเธอได้ติดตา “แต่หฤทัยไม่คิดว่าพี่เลี้ยงคุณมัทนาคนนี้เป็นคนโง่”
เทวีถามลองภูมิ หากมัทนาไม่อยู่เป็นก้างขวางคอ หฤทัยจะทำอย่างไร เธอจะทำทุกวิถีทางให้เจ้าชายมาคีหลงเสน่ห์ เทวีชมว่าเก่งมาก ไล่เธอไปแต่งตัวสวยๆ ใส่น้ำหอมให้หอมที่สุด และทำให้พระองค์ลืมมัทนาให้ได้...
ขณะที่หฤทัยกับเทวีวางแผนจะจับเจ้าชายมาคีให้อยู่หมัด มัทนาอดสงสัยไม่ได้ทำไมคามินถึงต้องให้เธอโกหกใครๆที่บ้านภูสายธารด้วยว่าเป็นเพื่อนของ
เขาจากเมืองไทย เขาอธิบายว่าขืนคนที่นี่รู้ว่าเธอเป็นพระคู่หมั้นขององค์รัชทายาทได้วุ่นวายกันใหญ่โตแน่ มัทนาถามคามินที่กำลังก่อไฟง่วนอยู่ว่าจะทำอะไร
“ทำกับข้าวให้อาจารย์กับคุณ กินเสร็จแล้วผมจะพาคุณไปส่ง”
มัทนาขี้เกียจฟังคามินพูดซ้ำๆเรื่องกลับวัง ขอตัวไปคุยกับอาจารย์เมฆาที่หน้ากระท่อมที่พักดีกว่า พอเจอหน้าท่าน เธอเลียบๆเคียงๆถามประวัติของคามินว่า
เป็นลูกเต้าเหล่าใคร ได้ความว่าแม่ของเขาเป็นนางรำในวังหลวง ส่วนพ่อไม่มีใครรู้ว่าเป็นใครมาจากไหน อาจารย์เมฆาเป็นคนเลี้ยงเขามาตั้งแต่เล็กๆ
“แล้วคุณคามินไม่เคยสืบหาพ่อแม่เลยหรือคะ”
คามินถือถาดใส่อาหารออกมาพอดีถึงกับชะงัก “จะสืบทำไม ผมไม่เคยอยากรู้เรื่องพวกท่าน ผมรู้แค่ว่าผมเกิดมาเพื่อรับใช้แผ่นดิน ปกป้องราชบัลลังก์รายา แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว”
ooooooo
เจ้าชายมาคีใช้เหล้าดับความกลัดกลุ้ม คร่ำครวญให้ชวาลฟังว่าเพราะตั้งแต่เกิดเรื่องวันถวายตัวพระคู่หมั้น มัทนาไม่เชื่อใจพระองค์อีกเลย ชวาลเห็นพระองค์เมาแล้วขอร้องให้หยุดดื่ม แต่พระองค์ไม่ฟัง สั่งให้เขาไปเอาไวน์มาเพิ่ม ชวาลขยับจะไปทำตามสั่ง เจอหฤทัยถือถาดใส่ผลไม้ที่แกะสลักสวยงามเดินสวนเข้ามา ถึงกับชะงัก...
ระหว่างที่คามินกำลังจัดที่หลับที่นอนให้แขกไม่ได้รับเชิญอยู่ในกระท่อมที่พัก มัทนาขอโทษเขาที่เสียมารยาทไปซักถามอาจารย์เมฆาถึงเรื่องส่วนตัวของเขา คามินไม่ถือโทษโกรธอะไร เพราะชินชากับเรื่องนี้แล้ว
“บางทีผมก็อยากอยู่ที่นี่ตลอดไป เพราะที่นี่ไม่มีใครสนใจเรื่องชาติตระกูล”
“ฉันขออยู่ที่นี่ด้วยคนได้ไหม เป็นมัทนาสาวชาวบ้านภูสายธาร แล้วคุณก็คือคามิน หนุ่มชาวบ้าน
ภูสายธาร ไม่ได้เป็นองครักษ์ที่มีแต่คำว่าเพื่อราชบัลลังก์อยู่ในสมองตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ได้ไหม” มัทนามองสบตาคามินอย่างลึกซึ้ง เขาเผลอตอบว่าได้ เธอดีใจมาก ถามย้ำเพื่อความแน่ใจว่าจริงหรือ ทันใดนั้นมีเสียงอาจารย์เมฆากระแอมดังขึ้นมาจากหน้ากระท่อม คามินได้สติหัวเราะกลบเกลื่อน
“จริง แต่คุณต้องยอมกลับวังนะ”
มัทนาถอนใจเซ็ง ยืนกรานไม่ยอมกลับ แล้วเดินไปล้มตัวลงนอนบนแคร่หันหลังให้ แกล้งกรนครอกๆ คามินส่ายหน้าขำๆ หันไปหยิบผ้ามาห่มให้แล้วออกไป อาจารย์เมฆาเห็นคามินเดินยิ้มออกมาจากกระท่อม อดทักไม่ได้ว่าเพื่อนผู้หญิงไทยคนนี้ของเขาไม่ธรรมดาเลย สามารถทำให้เขายิ้มได้ เพราะตอนแรกที่เขามาถึงที่นี่ หน้าเครียดมากเหมือนแบกภูเขาไว้ทั้งลูก ตอนนี้กลับตรงกันข้าม คามินเฉไฉว่าคงจะเป็นเพราะอากาศที่นี่บริสุทธิ์มากกว่า
“เจ้าเป็นลูกศิษย์ที่อาจารย์ภูมิใจมาก มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่อย่างยอดเยี่ยม แต่บางเรื่องมันต้องใช้ความรู้สึกจากข้างใน ใช้หัวใจให้มากกว่าหน้าที่บ้าง อาจารย์ง่วงแล้ว ไปนอนก่อนล่ะ” อาจารย์เมฆาตัดบทเสร็จล้มตัวลงนอนบนแคร่หน้ากระท่อม ทิ้งให้คามินครุ่นคิดถึงคำพูดของท่านเพียงลำพัง...
ขณะที่หมู่บ้านภูสายธารตกอยู่ในความสงบเงียบของยามค่ำคืน สุเทษเข้ามารายงานวิฑูรที่รออยู่ในห้องทำงานว่า ตนเอารูปของมัทนาให้คนขับรถบรรทุกดูแล้ว ยืนยันว่าเป็นเธอแน่นอน เธออ้างตัวเป็นนักท่องเที่ยวจะไปเยี่ยมชมหมู่บ้านภูสายธาร คนขับเลยไปส่งที่เชิงเขาให้เธอโบกรถต่อไปเอง และเขายังสืบได้อีกว่า ตอนนี้คามินอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนั้น วิฑูรนึกถึงเหตุการณ์ที่เจอมัทนากับคามินอยู่ด้วยกันบ่อยครั้ง ถึงบางอ้อทันที
“เป็นอย่างนี้นี่เอง ทำไมนึกไม่ถึงแต่แรกนะสุเทษ เราคงต้องออกเดินทางคืนนี้เลย”...
ทางฝ่ายชวาลยืนเมียงมองอยู่หน้าประตูห้องเจ้าชายมาคี ไม่สบายใจนักที่หฤทัยอยู่ในนั้นตามลำพังกับพระองค์ที่กำลังเมาได้ที่ ตัดสินใจจะเข้าไปดู เทวีถลามาขวางหน้าไว้ ไล่ให้เขาไปนอนได้แล้ว ตอนนี้เจ้าชายมาคีมีหฤทัยคอยดูแลแล้ว ชวาลไม่กล้าหือเพราะคราวก่อนถูกคนของเธอซ้อมยังเจ็บปากไม่หาย รีบชิ่งกลับห้องตัวเอง
“หฤทัย คราวนี้แกคงไม่ทำให้ฉันผิดหวังนะ” เทวีมองไปในห้องยิ้มพอใจ...
เป็นอย่างที่เทวีต้องการ เจ้าชายมาคีเมาจัด คิดว่าหฤทัยเป็นมัทนา ลงมือปลุกปล้ำ เธอพยายามดิ้นรนขัดขืน เพราะไม่อยากได้ตัวพระองค์ด้วยวิธีนี้ แต่สู้แรงไม่ได้
ooooooo
เช้าวันถัดมา ที่เต็นท์บัญชาการของวิฑูรไม่ห่างจากหมู่บ้านภูสายธารนัก สุเทษจับวายุยามเฝ้าหมู่บ้านมาให้วิฑูรซักถามพร้อมกับเอารูปของมัทนาให้ดู หลังได้ข้อมูลจากวายุแล้ว วิฑูรนำทหารในสังกัดของตัวเองจู่โจมกระท่อมที่คามินพัก ปรากฏว่าว่างเปล่าไม่มีทั้งคามินและมัทนา พบเพียงเป้สัมภาระของผู้หญิงวางอยู่
“นี่ต้องเป็นของคุณมัทนาแน่” สุเทษสรุป
ทหารเข้ามารายงานว่ามีคนอยู่ด้านหลังกระท่อม สุเทษออกมาเจออาจารย์เมฆากำลังกวาดใบไม้อยู่ ตะคอกถามว่าคามินอยู่ไหน ท่านอาจารย์ไม่พอใจที่เขาพูดจาไม่มีสัมมาคารวะ ด่าว่าเสียๆหายๆ สุเทษโกรธจัดพุ่งเข้าใส่ทันที แต่ฝีมือด้อยกว่าถูกอาจารย์เมฆาอัดคว่ำ แล้วตามเข้าไปจะซ้ำ วิฑูรมาขวางไว้เสียก่อน
“อ๊ะวิฑูร ไม่ได้เจอกันนาน งั้นมารื้อฟื้นกันหน่อยเห็นท่าจะดี” อาจารย์เมฆาจู่โจมวิฑูรด้วยเชิงมวยรายา
ทั้งสองคนผลัดกันรุกผลัดกันรับ ไม่มีใครเพลี่ยงพล้ำ วิฑูรรีบบอกให้พอแค่นี้ก่อน เขาไม่ได้คิดจะมาประลองฝีมือด้วยแค่จะมาตามหาคามินซึ่งทำผิดกฎของรายาอย่างร้ายแรง พามัทนาพระคู่หมั้นหนีมา อาจารย์เมฆาถึงกับอึ้งแต่ก็ยังเชื่อมั่นในตัวคามินว่าต้องมีเหตุผลที่ทำแบบนั้น ฐากูรซึ่งแอบดูอยู่ตรงพุ่มไม้ ตกใจรีบหลบออกมา...
ในเวลาเดียวกัน มัทนากำลังสนุกสนานกับการเก็บภาพน้ำตกสลับกับภาพตัวเองด้วยมือถืออย่างสนุกสนานโดยมีคามินคอยเร่งให้กลับวังรายาอยู่ใกล้ๆ เธอเห็นหน้าเคร่งเครียดของเขาแล้ว เอามือถือมาถ่ายรูปเก็บไว้ เขาจะได้เห็นหน้ายักษ์ๆของตัวเอง คามินชักเคืองจะแย่งมือถือมาลบภาพทิ้ง เธอไม่ให้วิ่งหนี เขาตามมายื้อแย่งจนเธอเซเสียหลักจะตกลำธาร คามินคว้าตัวไว้ทัน แต่หมวกของเธอหล่นน้ำ
จังหวะนั้น ฐากูรวิ่งหน้าตื่นเข้ามารายงานว่าวิฑูรพาทหารมาตามตัวมัทนาตอนนี้อยู่ในหมู่บ้าน คามินตกใจ คว้ามือมัทนาจะพาหนี เธอขืนตัวไว้ทำไมต้องหนีด้วย ถ้าวิฑูรจับได้เธอจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง
“มันไม่ใช่เรื่องผิดหรือไม่ผิด แต่มันเป็นเรื่องของชีวิต”
“เดี๋ยว คุณพูดยังกับท่านวิฑูรจะมาเอาชีวิตฉันอย่างนั้นแหละ”
คามินไม่มีเวลาอธิบายตอนนี้ อุ้มมัทนาขึ้นพาดบ่าพาออกไปอย่างรวดเร็ว คล้อยหลังไม่นานสุเทษกับลูกน้องก็ตามมาถึงริมลำธาร ฐากูรซึ่งรอท่าอยู่ วิ่งหลอกล่อไปทิศทางตรงข้ามกับที่คามินไป สุเทษจะวิ่งตาม แต่เหลือบเห็นหมวกของมัทนาหล่นอยู่ในซอกหิน แถมมีรอยเท้าเดินไปอีกทางหนึ่ง ตะโกนเรียกลูกน้องไว้
“เฮ้ย ไม่ต้องตาม มันล่อเราให้ไปผิดทาง มาทางนี้” สุเทษว่าแล้ววิ่งนำตามรอยเท้าลึกเข้าไปในป่า...
ท้องมัทนากระแทกไหล่คามินจุกจนทนไม่ไหวร้องบอกให้วางลงก่อน แล้วถามว่าจะแบกเธอไปถึงไหน เขาจะพาข้ามภูเขาลูกนี้ไปลงอีกด้านหนึ่ง พลันมีเสียงสุเทษตะโกนโหวกเหวกเรียกลูกน้องดังขึ้น คามินฉุดมัทนาให้วิ่งหนีต่อไป สุเทษเห็นหลังเขาไวๆยิงปืนใส่ ทั้งคู่วิ่งหนีไม่คิดชีวิตมาถึงสะพานเชือกข้ามไปยังเขาอีกลูกหนึ่ง
มัทนายังคาใจไม่หายทำไมคนของวิฑูรถึงต้องการฆ่าเธอ คามินให้เธอลองเดาคำตอบเอาเอง เธอนึกถึงหฤทัยขึ้นมาทันที ที่แท้วิฑูรต้องการให้ลูกสาวตัวเองเป็นราชินีแห่งรายานี่เอง คามินเร่งให้รีบข้ามสะพาน มัทนาฉุดมือเขาไว้ แล้วบอกแผนเล่นงานสุเทษให้ฟัง จากนั้นทั้งคู่เข้าไปหลบใต้สะพานช่วยกันเขย่าสะพานทำเหมือนมีคนเพิ่งวิ่งข้าม สุเทษกับลูกน้องหลงกลกรูกันข้ามสะพานเชือกไปอีกฝั่ง พอพวกนั้นลับสายตา คามินกับมัทนาช่วยกันตัดเชือกสะพานทิ้ง ก่อนจะวิ่งกลับไปทางเดิม เจอฐากูรดักรอให้ความช่วยเหลืออยู่...
ขณะที่คามินกับมัทนาตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน สินธรกำลังบ่ายหน้าไปที่ตำหนักเจ้าชายมาคี เห็นหฤทัยเดินใจลอยออกมา ขยับจะเข้าไปหา แต่มีเสียงมือถือดังขึ้นเสียก่อน
“ฐากูร ฉันติดต่อท่านคามินไม่ได้เลย ท่านอยู่ที่หมู่บ้านหรือเปล่า อะไรนะ!” สินธรถึงกับหน้าตื่น
อีกมุมหนึ่งในตำหนัก เจ้าชายมาคีรู้สึกตัวตื่นขึ้นด้วยอาการมึนๆ คลับคล้ายคลับคลาว่าเมื่อคืนอยู่กับหฤทัย กวาดตามองไปรอบๆไม่พบใครถึงกับถอนใจโล่งอก คิดว่าตัวเองคงฝันไปมากกว่า ลุกขึ้นจะไปล้างหน้าล้างตา เห็นเศษผ้าจากชุดของหฤทัยที่ถูกกระชากขาด ตกอยู่ที่พื้น พระองค์ถึงกับหน้าเสียแสดงว่าหฤทัยมาที่นี่จริงๆ...
ด้านหฤทัยกลับถึงบ้านเข้าห้องปิดประตูล็อกกลอน แล้วไปนั่งขดตัวใต้ฝักบัวอาบน้ำเปิดน้ำรดตัวเอง ราวกับจะให้ล้างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้ไหลลงท่อน้ำทิ้ง ไม่ยินดียินร้ายกับเสียงแม่ทุบประตูเรียกให้เปิดรับ
ooooooo
ไม่นานนัก คามินพามัทนามารอฐากูรที่กระท่อมกลางป่า เธออยากรู้ว่าเขาให้ฐากูรไปทำอะไร คามินไม่ตอบเสไปเปิดหน้าต่าง เห็นเมฆดำทะมึนเคลื่อนลงต่ำ หันไปบอกมัทนาว่าพายุกำลังมา กลัวหรือเปล่า เธอคุยโวว่าเด็กเท่านั้นถึงจะกลัว ยังไม่ทันขาดคำ เสียงฟ้าผ่าเปรี้ยงดังสนั่นหวั่นไหว
มัทนาสะดุ้งโหยงโดดกอดคามินไว้แน่น เขาอดขำไม่ได้ เธอรู้สึกตัว เอ็ดเสียงเขียวว่าขำอะไร เขาพยายามกลั้นหัวเราะแต่ทำไม่ได้ เธอสั่งเขาในฐานะว่าที่ราชินีแห่งรายาให้หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้ คามินชะงัก รีบถอยห่าง
“ขอโทษครับ คุณพักก่อนผมจะออกไปข้างนอก” คามินพูดจบออกไปยืนตากฝนที่เทกระหน่ำให้ความเย็นช่วยดับอารมณ์รักที่ไม่มีวันเป็นไปได้ มัทนาหงุดหงิดที่ถูกทิ้ง กระแทกตัวลงนั่งที่แคร่ รู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อมือ...
คามินหายไปพักใหญ่ จึงกลับเข้ามาพร้อมกระบอกไม้ไผ่ใส่น้ำ เห็นมัทนานั่งหันหลังจับข้อมือตัวเองอยู่ เข้าไปจับตัวให้หันมา เธอสะบัดหนีพร้อมกับร้องโอ๊ย เขาเห็นแมงมุมป่ามีพิษวิ่งอยู่บนแคร่ จับมือเธอมาดูเห็นรอยเขี้ยวก็ตกใจ ถามว่าโดนกัดนานหรือยัง เธอตัดพ้อว่า ตั้งแต่ตอนที่เขาหายไป ถ้ามันเป็นงู ป่านนี้เธอคงตายไปแล้ว
“แมงมุงป่านั่นพิษร้ายแรงไม่แพ้งู” คามินพูดจบก้มดูดพิษตรงรอยกัดแล้วบ้วนทิ้งอยู่หลายครั้ง พอเงยหน้า มองมัทนาเห็นสายตาจ้องตอบอย่างลึกซึ้ง ไม่กล้าสบตาด้วย มัทนาคาดคั้นให้เขาบอกว่ารู้สึกอย่างไรกับเธอ เขากลับบ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบคำถาม แถมจะลุกหนี เธอ
ดึงมือไว้
“ที่นี่ไม่ใช่วังหลวงไม่มีพระคู่หมั้นไม่มีราชองครักษ์ มีแต่เรามีแต่ฉันกับคุณ พูดความจริงกับฉัน คามิน”
“ได้ ผมจะบอกความจริงคุณทุกอย่าง ดื่มน้ำก่อนนะครับ เรายังมีเวลาคุยกันอีกนาน” คามินป้อนน้ำจากกระบอกไม้ไผ่ให้เธอดื่มพักเดียว มัทนารู้สึกหนังตาหนักแทบลืมไม่ขึ้น เขาบอกให้นอนพักก่อน
“ไม่ บอกฉันก่อนว่าคุณรู้สึกอย่างเดียวกับฉันหรือเปล่า ฉันอยากฟัง” มัทนาซบไหล่คามินซึ่งบอกให้เธอนอนพัก ตื่นมาเมื่อไหร่เขาจะบอก แล้วจับตัวเธอที่หลับสนิทให้นอนหนุนตัก กระซิบข้างหูว่า “ผมรักคุณ”...
ด้านสุเทษกับลูกน้องหาทางกลับมาที่ภูเขาลูกเดิมจนได้ ลูกน้องเห็นกระท่อมกลางป่า ชี้ให้ดู เป็นจังหวะเดียวกับคามินแบกมาลีลูกสาวของฐากูรในคราบมัทนาวิ่ง ออกจากกระท่อม สุเทษกับพวกรีบวิ่งตามจนทัน ล้อมกรอบ เอาไว้ คามินวางเธอลง แล้วต่อสู้กับลูกน้องของสุเทษ แต่แกล้งแพ้ให้ถูกจับตัว มาลีวิ่งหนี สุเทษคว้าตัวไว้ได้กระชากผ้าคลุมผมออก ถึงได้รู้ว่าเธอไม่ใช่มัทนา จากนั้น คุมตัวทั้งคู่กลับไปที่หมู่บ้านภูสายธารให้วิฑูรสอบสวน
แต่ไม่ได้ความอะไร เพราะทั้งคามินและมาลีให้ปากคำไปในทำนองเดียวกันว่าพระคู่หมั้นไม่ได้อยู่ที่นี่ สุเทษหันไปเล่นงานวายุที่ยืนปะปนอยู่กับพวกชาวบ้านที่มุ่งดูเหตุการณ์อยู่ ไหนบอกว่าเห็นพระคู่หมั้นมาที่นี่
“ฉันผิดไปแล้ว ตอนนั้นฉันอยากได้เงินจากท่านก็เลยพูดมั่วๆไป ฉันไม่เอาเงินแล้วก็ได้” วายุพูดจบหยิบเงินคืน สุเทษโกรธจะเอาเรื่อง วิฑูรรีบห้ามไว้ รู้ดีว่าสอบสวนต่อไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะชาวบ้านรู้เห็นเป็นใจกับคามิน สั่งให้ลูกน้องของตนเองกลับ สุเทษแค้นใจมาก พาลคิดว่านี่เป็นแผนปั่นหัวพวกตนของมินตรา...
หลังจากวิฑูรกับพวกกลับไปแล้ว คามินคุกเข่าขอขมาต่ออาจารย์เมฆาที่ต้องโกหกเรื่องมัทนา สาบานว่าสิ่งที่ทำไปทุกอย่างเพื่อแผ่นดินและราชบัลลังก์แห่งรายา อาจารย์เมฆารู้ทันทีว่าสำหรับคามินแล้วหน้าที่มาก่อนหัวใจ
ooooooo










