ตอนที่ 19
อัลบั้ม: นิยายเรื่อง "ล่ารักสุดขอบฟ้า"
วิฑูรเหิมเกริมหนัก สั่งให้ทหารของตนแอบอ้างชื่อองค์รัชทายาทออกรีดไถพ่อค้าแม่ค้าในตลาด ใครไม่มีให้ก็จะถูกรุมทำร้าย เจ้าชายคามิน ฐากูรและสินธรในคราบชาวบ้านมีผ้าโพกหน้าเห็นเพียงดวงตาผ่านมาพบทหารสองนายกำลังจิกหัวแม่ค้า สั่งให้จ่ายเงินค่าคุ้มครองก็ปรี่เข้าใส่ ทั้งคู่กระเด็นไปคนละทิศละทาง
“ทหารไม่รังแกประชาชนหรอกโว้ย” สินธรตะคอก
ทหารอีกกลุ่มหนึ่งได้ยินเสียงโครมครามกรูกันเข้ามาดู เจ้าชายคามินเห็นท่าไม่ดีสั่งให้ทุกคนถอย โดยมีทหารไล่ตาม พระองค์กับพวกหนีขึ้นไปหลบบนกำแพง รอจังหวะที่พวกทหารเดินผ่านจึงโดดใส่ เตะต่อยจนปืนหลุดมือ หนึ่งในทหารชักหอกคู่พุ่งเข้าหา เจ้าชายคามินเบี่ยงตัวหลบ แล้วเตะสวน กระเด็นไปกองกับพื้น
ทหารตั้งหลักได้จู่โจมอีกครั้ง เป็นจังหวะเดียวกับเด็กน้อยคนหนึ่งถือลูกโป่งวิ่งเล่นผ่านมา ปลายหอกพุ่งเข้าหาเด็กคนนั้น พระองค์คว้าเด็กน้อยหลบทัน แต่คมหอกเกี่ยวผ้าโพกหน้าของพระองค์หลุด เผยให้เห็นใบหน้าชัดเจน
“ไอ้กบฏคามิน” ทหารตะโกนลั่น
ฐากูรกับสินธรจัดการทหารที่เหลือเสร็จพอดี ชักปืนจะยิงทหารนายนั้น พระองค์ร้องห้ามไว้ ทหารสบช่อง วิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว สินธรอดสงสัยไม่ได้ ทำไมถึงไม่ให้ฆ่าทหารเลวนั่น เท่ากับปล่อยให้มันกลับไปรายงานวิฑูร ว่าพระองค์เข้าเมืองมาแล้ว เจ้าชายคามินต้องการให้ข่าวนี้แพร่ออกไป เพื่อจะได้วัดความรู้สึกของชาวรายา...
ในเวลาไล่เลี่ยกัน ที่โรงครัวในหมู่บ้านภูสายธาร หฤทัยไม่เป็นที่ไว้วางใจของจันทรากับพวกชาวบ้านผู้หญิง เนื่องจากพ่อของเธอก่อเรื่องเลวร้ายไว้ ฆ่าอาจารย์เมฆาและยังทำลายหมู่บ้านของพวกนั้นแทบไม่เหลือซาก อีกทั้งกลัวเธอจะวางยาพิษในเสบียงที่เตรียมไว้ จึงช่วยกันขับไล่ออกจากหมู่บ้าน
จากนั้นไม่นาน เจ้าชายคามิน สินธรและฐากูรกลับถึงหมู่บ้านภูสายธาร ขณะเดินผ่านโรงครัว เห็นจันทรากับพวกนั่งล้อมวงกินข้าวกันอยู่ สินธรไม่เห็นหฤทัย
อยู่แถวนั้นด้วยก็ถามหา จันทราโกหกหน้าตาเฉยว่าไม่รู้ ไปไหน มาช่วยงานแค่ครู่เดียวก็เดินไปทางชายป่า สินธร ขออนุญาตเจ้าชายคามินออกไปตามหาเธอ พระองค์จะไปช่วยตามหาอีกแรงหนึ่ง แต่ธรรมรัตน์โทร.เข้ามือถือของพระองค์เสียก่อน
“สินธร นายไปก่อนเดี๋ยวเราตามไป” เจ้าชายคามินว่าแล้วเดินเลี่ยงไปรับสาย ตกใจแทบช็อกเมื่อธรรมรัตน์โทร.มาแจ้งว่ามัทนามารายา มีคนเห็นอัคนีกับมาลีมากับเธอด้วย
ooooooo
หฤทัยถูกชาวบ้านภูสายธารช่วยกันขับไล่จนหนีเตลิดเข้าป่า เดินวนอยู่หลายรอบหาทางกลับไม่เจอ มีเสียงร้องของสัตว์ป่าดังอยู่ใกล้ๆ เธอยิ่งกลัวลนลาน สะดุดรากไม้หกล้ม ยันตัวจะลุกขึ้นเจองูเห่าแผ่แม่เบี้ยอยู่ตรงหน้า ก่อนจะโดนมันฉก สินธรลั่นกระสุนใส่งูปังๆ แล้ววิ่งมาประคอง หฤทัยซุกอกเขาตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
“คุณไม่เป็นไรแล้วครับ ไม่ต้องกลัว” สินธรกอดเธอไว้แน่น พลางซักว่าเกิดอะไรขึ้น ได้ความว่าเธอถูกพวกชาวบ้านผู้หญิงไล่ตะเพิดออกมา ชายหนุ่มโมโห จะกลับไปจัดการพวกนั้นให้
“อย่านะ พวกเขาทำเพราะโกรธคุณพ่อ ฉันไม่ถือสาพวกเขาหรอก”
“งั้นผมจะไปอธิบายให้พวกเขาเข้าใจคุณ”
“คำพูดไม่สำคัญเท่ากับการกระทำหรอกสินธร ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อพิสูจน์ตัวเอง จนกว่าพวกเขาจะเชื่อใจฉัน” หฤทัยสีหน้ามุ่งมั่น สินธรจะอยู่เคียงข้างและคอยเป็นกำลังใจให้
“ขอบใจมากสินธร นายทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นเสมอ” คำพูดของหฤทัยทำให้สินธรหวั่นไหว ต้องรีบชวนเธอกลับ ก่อนจะเผลอพูดความในใจออกมา แต่แล้วรู้สึกเจ็บขาถึงกับก้าวไม่ออก หฤทัยรีบเปิดขากางเกงเขาดู เห็นเลือดไหลเป็นทาง
“แผลเดียวกับที่ถูกยิงใช่ไหม นานแล้วทำไมไม่หาย นี่นายไม่ใส่ใจตัวเองเลยหรือ มันน่าตีนัก” หฤทัยว่าแล้วเอาผ้าเช็ดหน้าผูกปากแผลห้ามเลือดไว้ แล้วประคองเขากลับ สินธรยิ้มปลื้มที่มีเธอคอยดูแลใกล้ชิด
เมื่อทั้งคู่มาถึงหน้าโรงครัว ได้ยินเสียงฐากูรเอ็ดตะโรให้จันทรายอมรับมาตรงๆว่าตั้งใจจะไล่คุณหฤทัยไปใช่ไหม เธอปฏิเสธเสียงแข็งว่าเปล่า เขาไม่พอใจเงื้อมือจะตบ หฤทัยปรี่เข้ามาห้าม พร้อมกับแก้ตัวให้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับจันทรา เธอผิดเองที่เดินเล่นเพลินไปหน่อยก็เลยหลงทาง
“คุณจันทราเตือนฉันแล้วว่าป่าแถวนี้มันทึบ แต่ฉันไม่เชื่อ ดีนะที่สินธรหาฉันเจอ”
“แล้วไป จำไว้นะทุกคน คุณหฤทัยเป็นพระชายาของเจ้าชาย ใครทำร้ายคุณหฤทัยจะถูกฉันลงโทษอย่างหนัก” ฐากูรขู่สีหน้าเอาเรื่อง ทั้งจันทราและผู้หญิงชาวบ้านพากันหน้าจ๋อย สินธรไม่เห็นเจ้าชายคามินอยู่ด้วยก็ถามหา ฐากูรถึงกับถอนใจ หนักใจ...
คนที่สินธรถามถึง แอบลัดเลาะมาถึงหน้าบ้านวิฑูร เห็นทหารยืนยามอยู่ ซัดอาวุธไปที่ต้นไม้ทำให้กิ่งไม้ใหญ่หัก ทหารหลงกลวิ่งไปดู เปิดช่องให้พระองค์ปีนขึ้นระเบียงห้องพักของอัคนี เห็นเขานอนหลับอยู่บนเตียงจู่โจมบีบคอ ตะคอกถามว่ามัทนาอยู่ที่ไหน คนถูกบีบคอพูดไม่ออก พยายามดิ้นหนี พระองค์ยิ่งออกแรงหนักขึ้น มาลีซึ่งนอนอยู่ที่พื้นข้างเตียงได้ยินเสียงกุกกัก ลุกขึ้นดู ต่างฝ่ายต่างตกใจไม่คิดว่าจะได้เจอกัน หญิงสาวรีบอธิบาย
“คนอื่นๆเข้าใจว่ามาลีเป็นเมียคุณอัคนี มาลีเลยต้องแกล้งมานอนห้องเดียวกับคุณอัคนีเพคะ อย่าทำร้ายคุณอัคนีนะเพคะ เขาเป็นพวกเดียวกับเรา”
เจ้าชายคามินปล่อยมือ “ถ้าเป็นพวกเดียวกันจริงก็บอกมาว่าคุณมัทนาอยู่ที่ไหน”...
ณ ตำหนักเจ้าชายมาคี ขณะมัทนากำลังใจลอยครุ่นคิดถึงความเหี้ยมโหดของมินตราที่ยุแยงให้เจ้าชายมาคีเอาเธอไปฆ่า มินตราแอบย่องมาทางด้านหลังเงื้อมีด จะแทง มัทนาเบี่ยงตัวหลบได้หวุดหวิด นังมารร้ายไม่รามือ พุ่งแทงอีกครั้ง ปากก็ด่าว่ามัทนาต่างๆนานา
ไปด้วย คราวนี้มัทนาจับมือเธอข้างที่ถือมีดไว้ได้ เธอสะบัดมือหลุด แล้วไล่แทงไม่ยั้ง มัทนาต้องกลิ้งตัวหลบไปกับพื้น จังหวะหนึ่งมัทนาเสียทีถูกมินตราขึ้นคร่อมเงื้อมีดจะจ้วงแทง เจ้าชายมาคีคว้าข้อมือไว้ทัน กระชากเธอให้หันมาแล้วตบอย่างแรง ถึงกับเซเป็นนกปีกหัก
ooooooo
พอเจ้าชายคามินรู้จากอัคนีว่ามัทนาถูกกักตัวไว้ที่ตำหนักเจ้าชายมาคี จัดแจงจะไปช่วย อัคนีร้องห้ามไว้ หากทำแบบนั้นจะเข้าทางวิฑูรทันที มาลีช่วยกล่อมพระองค์อีกแรงไม่ให้ไปที่นั่น
“แต่เราจะปล่อยให้คุณมัทนาเผชิญอันตรายอยู่คนเดียวไม่ได้”
อัคนียังไม่ทันจะว่าอะไร มีเสียงอสิตทุบประตูห้องปังๆ เรียกให้เปิดประตู บอกว่ามีคนร้ายบุกเข้ามา อัคนีบอกให้พระองค์หนีไปก่อน ตนกับมาลีจะช่วยถ่วงเวลาป๊าไว้ให้ โดยหลอกว่ามีผีบุกเข้ามาในห้อง อสิตกับนายยักษ์กลัวผีขึ้นสมองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถึงกับตาเหลือกรีบคว้าผ้าห่มมาคลุมโปงแทบไม่ทัน...
ทางด้านมินตราตัดพ้อเจ้าชายมาคีด้วยความน้อยใจว่ามาทำร้ายตนทำไม ตนจะฆ่าผู้หญิงแพศยาที่พยายามสวมเขาให้พระองค์ เจ้าชายมาคีไม่อยากฟัง สั่งให้เธอหยุดพูด มินตรายังบ่นไม่เลิก พระองค์รำคาญร้องเรียกทหารองครักษ์มาลากตัวออกไป และสั่งห้ามเธอกลับมาเหยียบที่นี่อีก แล้วหันมาทางมัทนา
“อย่าห่วง ถ้าไม่ได้ตัวไอ้คามิน ผมยังไม่ปล่อยให้คุณตายง่ายๆ”
“คามินไม่มาหรอก เชื่อหม่อมฉันเถอะหม่อมฉันไม่ได้มีความหมายอะไรกับเขา เราไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกัน”
พระองค์กระชากเธอมากอด “แสดงว่าถ้าเรามีอะไรกันคืนนี้ ผมก็ไม่ได้ชื่อว่าแย่งผู้หญิงของพี่ชายสินะ”
เจ้าชายคามินแอบฟังอยู่ที่ระเบียงห้อง กำมือแน่นข่มอารมณ์ไว้ เตรียมตัวบุกทันทีถ้าหญิงคนรักถูกลวนลาม มัทนาทำใจดีสู้เสือ หากพระองค์ทำอย่างนั้นก็เท่ากับยอมแพ้เจ้าชายคามิน เพราะเจ้าชายคามินไม่เคยบังคับข่มเหงผู้หญิง เจ้าชายมาคีแค้นใจมากผลักเธอออก
“แล้วผมจะทำให้คุณเห็นว่าผมชนะคามินได้ คอยดูก็แล้วกัน” พระองค์พูดจบผละจากไป มัทนารีบไปหยิบมือถือที่ซ่อนเอาไว้ใต้ที่นอนออกมาดู เห็นข้อความที่อัคนีส่งมาว่าเจ้าชายคามินกำลังจะบุกเข้ามาช่วยเธอ ทันใดนั้นเจ้าชายคามินเข้ามาแย่งมือถือไป มัทนาหันมาเห็นพระองค์ก็ตกใจ ต่อว่าว่ามาที่นี่ทำไม ไม่ทราบหรือว่าวิฑูรจ้องจะฆ่าพระองค์อยู่
“ก็ถ้าไม่รู้ว่าคุณอยู่นี่ ผมคงไม่มา คุณต้องหนีไปกับผม”
มัทนาไม่ยอมไปไหนเด็ดขาด เจ้าชายคามินโกรธที่เธอดื้อรั้น อุ้มไปโยนบนเตียงแล้วนอนทับ ยื่นข้อเสนอให้เธอเลือกสองข้อ ถ้าไม่ออกไปด้วยกัน ก็นอนอยู่บนเตียงนี้ด้วยกันจนถึงเช้า ใบหน้าที่ห่างกันไม่ถึงนิ้วทำให้ทั้งคู่อดหวั่นไหวไม่ได้ ในที่สุดก็เผลอใจจูบกัน มือถือของมัทนาสั่นเนื่องจากมีสายเรียกเข้า ทั้งคู่รีบผละออกจากกัน
อัคนีโทร.มาเตือนให้เจ้าชายคามินรีบหนี เขาเพิ่งเห็นว่าจากจุดที่พระองค์ลอบเข้ามาอาจมีกล้องวงจรปิด พระองค์ยืนกราน หากเธอไม่ไปด้วย
พระองค์ก็ไม่ไปไหนทั้งนั้น มัทนาต้องอยู่ที่นี่ต่อไปเพราะต้องทำให้เจ้าชายมาคีเชื่อว่าวิฑูรอยู่เบื้องหลังเรื่องเลวร้าย และคนที่จะทำให้พระองค์เชื่อคือองค์สาวิตรีนั่นเอง
“เราต้องรู้ให้ได้ว่าองค์สาวิตรีเป็นยังไงบ้าง ประชวรแค่ไหน แล้วหม่อมฉันก็มีแผนแล้ว เชื่อหม่อมฉันสักครั้ง”
“งั้นก็บอกแผนคุณมา ไม่อย่างนั้นผมจะไม่ไปจากที่นี่” เจ้าชายคามินเสียงกร้าว...
ค่ำวันเดียวกันฐากูรกับสินธรเห็นเจ้าชายคามินหายตัวไปป่านนี้ยังไม่กลับ จัดแจงรวบรวมกำลังคนจะไปช่วย แต่พระองค์กลับมาเสียก่อน หฤทัยดีใจที่เห็นพระองค์กลับมาอย่างปลอดภัย วิ่งเข้าไปกอด เจ้าชายคามินขอโทษเธอด้วยที่ทำให้เป็นห่วง หฤทัยอยากรู้ว่ามัทนาเป็นอย่างไรบ้าง ได้พบกันหรือเปล่า
ooooooo
มินตราแค้นใจที่มัทนากลับมาเป็นเสี้ยนหนาม จึงแวะไปหาวิฑูรเพื่อขอให้ช่วย เจอนางระบำออกมาจากห้องพักรับรองที่ลานซ้อมอาวุธ เธอรู้ทันทีว่าเขาเป็นไอ้เฒ่าตัณหากลับ เข้าไปคลอเคลีย ยั่วยวนเต็มที่ เขามองเธออย่างพิจารณาก่อนจะถามว่ามาหาเขาเรื่องอะไร
“ฉันกำลังคิดว่าถ้าจะทำงานใหญ่ให้สำเร็จ แค่ร่วมมือกันฉันว่าไม่พอ ต้องร่วมกายร่วมใจด้วย ท่านคิดเหมือนฉันไหมคะ” มินตราทิ้งสายตาให้ วิฑูรยิ้มพอใจดันเธอติดผนังห้องซุกไซ้ซอกคออย่างหื่นกระหาย...
ขณะที่มินตราเอาตัวเข้าแลกเพื่อให้สมความ ปรารถนา ชาวบ้านที่อยู่ใกล้กับเหมืองพลอยพากันมาล้อมกรอบขัดขวางการขุดพลอยพร้อมกับขว้างก้อนหินใส่คนงาน นายยักษ์ฉุนขาดสั่งให้สมุนจัดการพวกชาวบ้าน สมุนยังไม่ทันจะลั่นกระสุนใส่ ถูกเจ้าชายคามิน ฐากูรและสินธรในคราบนักรบกองโจรมีผ้าคลุมหน้ายิงกราดพวกนายยักษ์ล้มตายเป็นเบือ จากนั้นพระองค์เปิดผ้าคลุมออก แต่จำต้องปิดบังตัวตนที่แท้จริงเอาไว้ก่อน
“เราคามิน ราชองครักษ์แห่งองค์กษัตริย์อินทรา เราจะไม่ยอมให้พวกต่างชาติเข้ามากอบโกยผลประโยชน์จากรายาเด็ดขาด”
นายยักษ์เห็นท่าไม่ดี สั่งสมุนถอย ชาวบ้านต่างโห่ร้องด้วยความดีใจ แล้วหันมาล้อมเจ้าชายคามินไว้ สินธรแก้ต่างให้พระองค์ว่าเรื่องที่พระองค์ลักพาตัว
องค์อินทราเป็นเรื่องโกหก เจ้าชายมาคีหลงเชื่อคำยุยงของวิฑูร จึงเข้าใจผิดคิดว่าพระองค์ลักพาองค์อินทรา ชาวบ้านตะโกนถามว่าตอนนี้องค์อินทราอยู่ไหน
“ทรงอยู่ในที่ปลอดภัย ไม่ต้องห่วง ตอนนี้ใครที่ยังจงรักภักดีต่อราชบัลลังก์ขอให้มาร่วมกันสู้กับพวกเรา”
“พวกเราต้องสู้เพื่อองค์อินทรา เพื่อรายา เฮ” ชาวบ้านตะโกนประสานเสียงดังสนั่น...
ข่าวเจ้าชายคามินกลับรายาสร้างความไม่พอใจให้วิฑูรอย่างมาก เล่นงานสุเทษ มัวแต่ทำอะไรอยู่ถึงปล่อยให้พระองค์เข้ามาเพ่นพ่านได้ สุเทษไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ อสิตที่เพิ่งมาถึงพร้อมอัคนียืนยันว่าเป็นความจริง เจ้าชายคามินเพิ่งเล่นงานสมุนของตัวเองไม่ให้เข้าไปขุดเหมืองแร่ อัคนีโวยใส่
“แบบนี้ธุรกิจพ่อของผมก็เสียหายหมด ท่านนายพลจะชดใช้ยังไงไม่ทราบ”
“คนที่ต้องชดใช้คือพวกนายที่อ่อนหัด หวังแต่จะกอบโกยแต่ไม่เคยทำงานอะไรสำเร็จ มีแต่จะมาเป็นตัวถ่วง”
อัคนีไม่พอใจที่สุเทษยอกย้อน สองหนุ่มชกต่อยกันอุตลุด อัคนีสู้ไม่ได้ถูกสุเทษจับมือไพล่หลัง ต้องร้องเรียกให้ป๊าช่วยด้วย อสิตชักปืนจ่อสุเทษ สั่งให้หยุดทำร้ายลูกชายของตน เขากลับท้าทายให้ยิงได้เลย
“พอ หยุด พอทั้งคู่นั่นแหละ” วิฑูรตวาดอย่างเหลืออด ก่อนจะไล่ทุกคนไปให้พ้นหน้า แล้วนั่งกุมขมับด้วยความกลัดกลุ้ม มินตราเข้ามานวดไหล่คลายเครียดให้ เตือนว่าเครียดไปก็ไม่ช่วยแก้ปัญหาอะไร
“ถ้าท่านกลัวว่าการยึดอำนาจจากเจ้าชายจะทำให้ท่านกลายเป็นผู้ปกครองที่ไม่ชอบธรรม ท่านก็ทำให้ประชาชนทุกคนเห็นสิคะว่า เจ้าชายมาคีไม่เหมาะกับราชบัลลังก์แห่งรายา”
ooooooo
วิฑูรเห็นดีด้วยกับแผนการของมินตรา สั่งให้สุเทษกับลูกน้องออกตรวจค้นไปตามหมู่บ้านต่างๆ แล้วลากชายคนหนึ่งออกจากบ้าน ชาวบ้านคนอื่นๆ ได้ยินเสียงโวยวายพากันมามุ่งดู
“เจ้าชายมาคีทรงมีพระบัญชา ใครหน้าไหนบังอาจสมรู้ร่วมคิดกับไอ้คามินจะโดนข้อหากบฏ ต้องถูกประหารชีวิต” สุเทษว่าแล้วกราดปืนขึ้นฟ้า เพื่อข่มขู่ ชาวบ้านพากันกลัวหัวหด...
เมื่อแผนปั่นหัวชาวบ้านสำเร็จไปหนึ่งขั้น วิฑูรเดินตามแผนต่อไปทันที โดยยุให้เจ้าชายมาคีประหารชาวบ้านที่เป็นพวกต่อต้าน พระองค์ไม่เห็นด้วย ในเมื่อยังไม่มีการสอบสวนจะลงโทษลงรุนแรงแบบนี้ไม่ได้ หากเสด็จพ่ออยู่คงจะมีความคิดเห็นเหมือนพระองค์
“จะขุดรากถอนโคนไอ้คามิน ต้องอย่าพระทัยอ่อน เสียชาวบ้านแค่ไม่กี่คน พระองค์ต้องทรงแลก ไม่แน่ ไอ้คามินมันอาจจะโผล่มาโดยที่เราไม่ต้องเสียแรงตามล่าก็ได้”
เจ้าชายมาคีครุ่นคิดหนัก แต่สุดท้ายก็เชื่อคำยุแยงของวิฑูร...
ข่าวการประหารชีวิตชาวบ้านผู้บริสุทธิ์รู้ถึงหูเจ้าชายคามินซึ่งเชื่อว่าวิฑูรต้องอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ และทำเพื่อจะล่อให้พระองค์ออกไป ฐากูรทักท้วงว่าสายของเรารายงานว่านี่เป็นคำสั่งของเจ้าชายมาคี
“เป็นไปไม่ได้ เจ้าชายไม่ใช่คนที่มีพระทัยโหดร้ายแบบนี้”
“ขนาดทรงทราบว่าฝ่าบาทเป็นพระเชษฐาก็ยังไม่เปลี่ยนพระทัย แสดงว่าเจ้าชายอาจจะไม่ใช่เจ้าชายองค์เดิมที่เราเคยรู้จักแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ” สินธรตั้งข้อสังเกต พระองค์ชักไม่ไว้ใจความปลอดภัยของมัทนา คิดจะไปช่วยเธอหนี จังหวะนั้นธรรมรัตน์กับเหมันต์มาทันได้ยินพอดี ธรรมรัตน์ขอให้พระองค์อย่าเพิ่งเป็นกังวลใจเรื่องมัทนา
“เมื่อเธอตัดสินใจมาแล้วก็ต้องรับผิดชอบตัวเองให้ได้ อย่าให้มัทนาต้องทำให้เสียงานใหญ่เลยพ่ะย่ะค่ะ” ธรรมรัตน์เห็นพระองค์ทำท่าจะคัดค้านรีบตัดบท “หน่วยจู่โจมกับอาวุธที่ผมสั่งไว้ กำลังจะข้ามชายแดนมาที่นี่ ผมช่วยกอบกู้แผ่นดินรายาในฐานะพระสหาย เราจะต่อสู้ด้วยกัน”...
ในเวลาเดียวกันที่ห้องกักตัวมัทนาภายในตำหนักเจ้าชายมาคี อัคนีโทร.มาแจ้งมัทนาว่าสืบเรื่ององค์สาวิตรีจากเจ้าหน้าที่ห้องปรุงยาได้แล้วว่าตอนนี้พระองค์ป่วยอยู่ หมอหลวงเองก็วินิจฉัยไม่ได้ว่ามาจากสาเหตุใด พระองค์ถึงคลุ้มคลั่งอาละวาดอยู่บ่อยครั้ง ส่วนยาที่รักษาพระองค์ไม่ได้มาจากห้องปรุงยา แต่วิฑูรเป็นคนจัดมาให้ เห็นว่าเป็นสมุนไพรอย่างดีที่หายาก
“องค์สาวิตรีต้องทรงถูกวางยาเหมือนองค์ราชาแน่ถึงไม่สามารถเล่าความจริงให้เจ้าชายมาคีฟังได้ เราต้องช่วยองค์สาวิตรีออกมาโดยเร็วที่สุด”
“จะทำได้ยังไงคุณมัท เวรยามออกแน่นหนาอย่างนั้น”
มัทนายังไม่ทันจะพูดอะไร เจ้าชายมาคีเข้ามาในห้องเสียก่อน เธอรีบเอามือถือซ่อนไว้ได้ทัน พระองค์มีข่าวดีมาบอก พรุ่งนี้จะมีการประหารชีวิตพวกชาวบ้านที่เป็นกบฏ อยากจะชวนให้เธอไปดูด้วยกัน
“พระองค์ทรงเป็นอะไรไปแล้ว ทำไมถึงทรงเหี้ยมโหดไร้พระทัยแบบนี้ พวกนั้นเป็นคนรายา เป็นประชาชนของพระองค์นะเพคะ”
“ถ้าผมเป็นคนเหี้ยมโหดไร้หัวใจ คุณคงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้มัทนา” เจ้าชายมาคีพูดจบ ออกจากห้อง
ooooooo
เทวีมาหาวิฑูรที่ห้องทำงานกลับเจอเพียงสาวใช้กำลังทำความสะอาดอยู่ ถึงกับบ่นอุบ เมื่อคืนก็ไม่ได้ไปนอนที่ห้อง นึกว่านั่งทำงานอยู่ สาวใช้เจอต่างหูข้างหนึ่งตกอยู่ หยิบให้เทวีดูว่าใช่ของเธอหรือเปล่า
“ไม่ใช่ของฉันแล้วก็ไม่ใช่ของหฤทัยด้วย” พูดไปก็เอะใจขึ้นมาทันที เทวีผลุนผลันออกไปทันที...
ที่ห้องพักหลังลานซ้อมอาวุธ หลังจากเสพสุขกันเรียบร้อย มินตราช่วยวิฑูรแต่งตัวอย่างเอาอกเอาใจพร้อมกับออดอ้อนว่าเขาคงไม่ตีค่าเธอเหมือนนางระบำพวกนั้น เพราะเธอไม่อยากเป็นผู้หญิงชั่วคราวของเขา
“คิดจะจริงจังกับฉันแล้วเจ้าชายล่ะ”
“คนโง่ที่เอาผู้หญิงที่สวมเขาให้ กลับมาเป็นเมียอีก อยู่ด้วยชีวิตฉันก็ไม่เจริญหรอกค่ะ อยู่กับท่านดีกว่า เห็นแต่ความรุ่งเรืองอยู่ข้างหน้า” มินตราไม่พูดเปล่าเข้าไปคลอเคลีย เทวีเปิดประตูผลัวะเข้ามาเห็นภาพบาดตาตรงหน้าถึงกับปรี๊ดแตก กระชากมินตรามาตบซ้ายตบขวาไม่ยั้ง
“นังแพศยา อ่อยเจ้าชายยังไม่พอ ยังจะอ่อยผัวฉันอีก คิดจะจับผู้ชายให้หมดรายาเลยหรือไง”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ เพราะตอนนี้คนที่ฉันอยากอยู่ด้วยมีคนเดียวเท่านั้นคือท่านนายพล” มินตราลอยหน้าท้าทาย เทวีโกรธจัดจะเข้าไปตบซ้ำ วิฑูรรีบลากเธอออกไปเสียก่อน ครู่ต่อมาเขาลากเธอกลับมาชำระความที่บ้าน เทวีเจ็บข้อมือมากสั่งให้เขาปล่อย แต่เขาไม่สนใจ ลากเธอไปที่ห้องทำงาน เธอเคืองจัดกัดมือเขาจมเขี้ยว วิฑูรตบเธอคืน เทวีฉุนขาดที่เขากล้าทำร้าย ขู่จะไม่ยอมเจ็บฝ่ายเดียว หากเขาแตะต้องเธอแม้แต่ปลายเล็บอีกครั้ง เธอจะแฉให้หมดเปลือกว่าเขามั่วผู้หญิง รับสินบนและวางยาองค์สาวิตรี
วิฑูรตบเทวีสุดแรงจนล้มคว่ำ แล้วตามเข้าไปจิกหัวซ้ำ “คิดไว้ไม่มีผิดว่าสักวันหนึ่งผู้หญิงที่ไร้สมองอย่างเธอ จะต้องทำฉันเดือดร้อน ฉันไม่รอให้ถึงวันนั้นหรอก...สุเทษๆ เอานังนี่ไปขังคุก”
สุเทษวิ่งเข้ามาเห็นเทวีที่นั่งเลือดกบปาก ก็มองอย่างงงๆ เธอทักท้วงจะมาขังกันง่ายๆ ได้อย่างไร ในเมื่อไม่ได้ทำอะไรผิด วิฑูรจัดแจงยัดข้อหาวางยาองค์สาวิตรีให้
“ไอ้คนเนรคุณ ถึงแกจะเป็นญาติขององค์สาวิตรี แต่ถ้าฉันไม่แต่งงานกับแก แกก็ต้องถูกเปิดโปงความชั่วที่แกมั่วหญิงคณิกาจนมีลูก แล้วแกก็ไม่มีทางได้ไต่เต้าจนเป็นใหญ่อยู่ทุกวันนี้”
สุเทษมองวิฑูรอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องที่เทวีพูดเป็นความจริง วิฑูรพาลตวาดใส่ว่ามองอะไร แล้วสั่งให้เขาเอาเธอออกไปเดี๋ยวนี้ เทวีโวยวายไปตลอดทางว่าทำอย่างนี้กับตนไม่ได้...
ฝ่ายองค์สาวิตรีฝันเห็นองค์อินทรามาหา ดีใจที่พระองค์ปลอดภัย รีบคุกเข่าขอโทษที่คิดร้ายต่อพระองค์ และอิจฉาริษยาปรารถนากับเจ้าชายคามิน หน้ามืดตามัวเห็นผิดเป็นชอบจนตอนนี้กรรมสนองตัวเองแล้ว พระองค์เช็ดน้ำตาให้ ขอร้องให้องค์สาวิตรีเข้มแข็งไว้ และมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อปกป้องรายา
“ตัวหม่อมฉันเอง หม่อมฉันยังปกป้องตัวเองไม่ได้ แล้วจะปกป้องรายาได้อย่างไร”
องค์อินทราเชื่อว่าพระองค์ทำได้ จากนั้นก็ค่อยๆ เลือนหายไป องค์สาวิตรีร้องเรียกสุดเสียง ก่อนจะสะดุ้งตื่น มองไปรอบๆ ถึงได้รู้ว่าตัวเองฝันไป พระองค์เริ่มจำเหตุการณ์ต่างๆได้แม้จะยังไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์
ooooooo
วันนี้อยู่ในช่วงเทศกาลจันทรคีตาของประเทศรายาพอดี เป็นช่วงที่มีปรากฏการณ์พระจันทร์เต็มดวง 3 วัน ชาวรายาเชื่อกันว่าเป็นวันที่เทพเจ้าแห่งดวงจันทร์เสด็จลงมาประทานพรให้ ทุกบ้านในรายาจะเล่นดนตรีถวายเทพเจ้าและทำขนมรูปดวงจันทร์แจกจ่ายกัน เพื่อเป็นการถวายพระพรต่อเทพเจ้าและองค์กษัตริย์
เจ้าชายคามินจึงใช้เทศกาลนี้ให้เป็นประโยชน์ สั่งให้โรงครัวที่หมู่บ้านสายธารทำขนมชนิดนี้ให้มากที่สุด เพื่อแจกจ่ายให้ชาวรายาได้กินกันอย่างทั่วถึง ขนมทุกชิ้นจะมีกระดาษชิ้นเล็กๆยัดไส้ไว้ มีข้อความว่า
“พระจันทร์จะขึ้นตอนเที่ยงที่ลานประหาร”
เหมันต์ถึงกับอึ้งกับแผนของพระองค์ จังหวะนั้น ธรรมรัตน์วิ่งหน้าเครียดเข้ามารายงานว่าเบอร์มือถือของ มัทนาที่พระองค์ให้เขามา ติดต่อไม่ได้เลย เจ้าชายคามินสีหน้าเป็นกังวล นึกถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ลอบเข้าไปหา มัทนาในวังรายา เธอวางแผนจะชิงตัวองค์สาวิตรี แต่พระองค์ห้ามไว้เพราะเสี่ยงเกินไปและจะเอาตัวเธอกลับมาในวันนั้นด้วยกันเลย เธอกลับไปด้วยไม่ได้ เพราะหากทางนี้รู้ว่าเธอหายไป แผนของพระองค์อาจจะเสียหายได้
“อย่าทรงห่วงเลย หม่อมฉันรักษาตัวได้ ตรัสเหมือนไม่รู้จักหม่อมฉัน”
“ก็เพราะรู้จักน่ะสิ ถ้าอย่างนั้นในฐานะเจ้าชายแห่งรายา ผมสั่งให้คุณอยู่เฉยๆ อย่าทำอะไรทั้งนั้น ไม่เกินเที่ยงวันพรุ่งนี้ผมจะเข้ามาช่วยคุณเอง ถ้าไม่สัญญา ผมก็ไม่ไป” เจ้าชายว่าแล้วรวบตัวเธอมากอด มัทนาเขินจัดรีบรับคำ พระองค์หอมแก้มเธอหนึ่งฟอด ขู่หากไม่ทำตามสัญญาจะไม่ทำแค่จูบ แล้วปีนลงทางระเบียงห้องไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้มัทนายืนหน้าแดงอยู่ตรงนั้น
เจ้าชายคามินยิ่งคิดถึงเรื่องนี้ยิ่งหนักใจ กลัวมัทนาจะใจร้อนทำอะไรแผลงๆไปก่อนที่พระองค์จะไปช่วย...
เป็นอย่างที่เจ้าชายคามินหวั่นใจ มัทนากินอาหารที่เรณูยกมาให้แล้วแกล้งปวดท้องร้องโอดโอยว่าในอาหารมียาพิษ เรณูตกใจ รีบสั่งให้ทหารที่มายืนคุมเชิงไปตามหมอหลวงมาดูอาการ ทันทีที่ทหารยามลับสายตา มัทนาใช้สันมือฟาดท้ายทอยเรณูสลบเหมือด เอาชุดนางกำนัลของเธอมาสวมแทน แล้วหลบหนีออกจากตำหนักเจ้าชายมาคี พอถึงมุมลับตาคนรีบหยิบมือถือขึ้นมาดู
“นี่มันเบอร์คุณพ่อนี่ แบตฯเหลือไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์” มัทนาตัดสินใจโดยไม่ลังเล โทร.หาอัคนี “คุณอัคนี เอารถไปรอฉันที่หลังตำหนักองค์สาวิตรีเดี๋ยวนี้เลย...ใช่ ฉันจะเสี่ยงเข้าไปพาตัวพระองค์ออกมา” สิ้นเสียง หน้าจอมือถือในมือมัทนาดับเพราะแบตฯหมด “คุณพ่อ ลูกสัญญาว่าเราต้องได้พบกัน”...
ที่บ้านของวิฑูร อสิตได้ยินเสียงรถแล่นออกไป เดินมาชะเง้อดูหน้าบ้านด้วยความแปลกใจ เห็นสมุนผ่านมาพอดี ร้องถามว่าใครไปไหนเขาได้ยินเสียงรถ ได้ความว่าอัคนีจะไปสำรวจเหมือง บอกว่านัดกับเสี่ยไว้ แต่จะล่วงหน้าไปก่อน อสิตงงนัดกันตั้งแต่เมื่อไหร่ วันนี้เขาต้องไปที่ลานประหารต่างหากจังหวะนั้น นายยักษ์วิ่งหน้าตื่นเข้ามา “เสี่ยครับเสี่ย รีบไปดูภาพวีดิโอกันเร็วครับ”
“ไอ้บ้ามาชวนดูหนังอะไรตอนนี้ จะเรตไหนก็ไม่ดู ไม่มีอารมณ์”
“ผมหมายถึงภาพวงจรปิดครับ คืนที่คุณหนูบอกว่าเห็นผี”
ooooooo










