สมาชิก

คู่วุ่นลุ้นแผนรัก

ตอนที่ 3

อัลบั้ม: "วิน ธาวิน" ประกบ "ขวัญ อุษามณี" ใน "คู่วุ่นลุ้นแผนรัก"

หลังกินมื้อค่ำเสร็จ น้ำทิพย์ นทีและเดือนวารีเดินมาส่งลีน่า รสรินกับประภพที่รถ น้ำทิพย์บอกกับรสรินว่าไม่ต้องเป็นกังวลก็แค่หมอนวดคนหนึ่งเท่านั้น ที่น่ากังวลน่าจะเป็นเรื่องครรชิตมากกว่า

“เห็นพ่อครรชิตแวะเวียนมาขายขนมจีบอยู่บ่อยๆ ป้าก็กลัวว่าหนูลีน่าจะหวั่นไหนซะก่อน”

“คุณป้าไม่ต้องกังวลเรื่องคนอื่นนะคะ คนเรามักเข้าใจผิดคิดว่าความหวั่นไหวคือความรัก แต่ไม่ใช่กับ ลีน่า ไนท์นะคะที” ไม่พูดเปล่าลีน่าจุ๊บแก้มนทีหนึ่งฟอด น้ำทิพย์กับเดือนวารีเห็นเธอถึงเนื้อถึงตัวขนาดนี้ก็อึ้ง เธอกลับไม่รู้สึกรู้สมยิ้มให้ทุกคนแล้วเดินขึ้นรถ น้ำทิพย์โบกไม้โบกมือยิ้มหวานหยดยิ่งกว่านางงาม แต่พอรถของประภพลับสายตา สีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นนางมารทันที ไล่เดือนวารีขึ้นบ้าน ท่านมีเรื่องจะคุยกับนที

น้ำทิพย์รอจนลูกสาวพ้นระยะ หันไปเล่นงานนทีว่าคิดบ้าอะไรถึงพาหมอนวดไร้มารยาทคนนั้นเข้ามาในบ้าน นทียอกย้อน คนที่ไร้มารยาทน่าจะเป็นพวกเรามากกว่า แล้วอีกอย่างหนึ่งเขาชอบหมอนวดคนนั้น พูดจบเดินเข้าบ้าน น้ำทิพย์รีบวิ่งตามจนทัน ถามว่าเมื่อครู่นี้พูดเล่นใช่ไหม เขาไม่อยากทะเลาะกับท่านก็เลยโกหกว่าแค่ล้อเล่น ทีท่านยังพาลีน่ามาเซอร์ไพร์สเขาได้เลย

“แล้วลูกว่าน้องเป็นอย่างไร”

นทีเลี่ยงที่จะตอบคำถาม อ้างเหนื่อยมาทั้งวัน ขอตัวไปอาบน้ำนอน...

ในเวลาเดียวกัน ขอจันทร์นั่งซึมอยู่ที่ระเบียงห้องพักของเอริค มีเสียงมือถือของเธอดังขึ้น นทีโทร.หาแต่เธอไม่รับสายปล่อยให้มันดังอยู่อย่างนั้นจนสายตัดไปเอง เขาไม่ละความพยายาม ส่งไลน์มาบอกให้ช่วยรับสายของเขาด้วย เธอก็ไม่สนใจอีกเช่นกัน มัวแต่ใจลอยคิดถึงตอนนี้นทีประกาศต่อหน้าขอจันทร์และเพื่อนๆ ของเขาว่าไม่มีวันจะรักยัยดอกหน้าวัวอย่างเธอ และอดคิดถึงตอนที่ศิลาจูบเพื่อไม่ให้เธอไปยุ่งกับนทีไม่ได้ ขอจันทร์น้ำตาไหลพราก เสียใจที่สองคนพี่น้องนั่นทำเหมือนเธอไม่มีหัวใจ

ooooooo

รสรินที่เริ่มใจเอนเอียงมาทางนทีมากกว่าครรชิต ขอร้องให้ประภพช่วยจัดการยัยหมอนวดคนนั้นให้ ถึงน้ำทิพย์จะยืนยันว่านทีไม่มีอะไรกับนังนั่น แต่เธอก็ยังไม่ไว้ใจอยู่ดี เขาพอจะมีลูกน้องที่ไว้ใจได้ไหม

“คุณจะทำอะไร นี่ถึงขนาดจะทำร้ายกันเลยเหรอ”

“ใครบอกล่ะคะ ฉันแค่จะให้ลูกน้องคอยตามสืบยัยแองจี้นั่นต่างหาก ลีน่าลูกว่าไง”

“คุณแม่จะทำอะไรก็ตามใจคุณแม่เถอะค่ะ หนูก็มีวิธีของหนู” พูดจบลีน่าเดินออกไปไม่สนใจ...

แม้นทีจะบอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับหมอนวดสาวคนนั้น แต่น้ำทิพย์ก็ยังกังวลใจ กลัวเธอจะมาหลอกลูกชายตัวเอง ศิลาต้องปลอบว่าไม่ต้องเป็นกังวลไป เขาจะจัดการเรื่องนี้ให้เอง...

เอริคลากกระเป๋ากลับเข้ามาในห้องพักเห็นขอจันทร์นั่งกอดเข่าเจ่าจุกร้องไห้จนเครื่องสำอางเละเป็นสังขยาก็ตกใจ ถามว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วดึงเธอมากอดไว้อย่างปลอบใจ ขอจันทร์ปาดน้ำตาทิ้ง เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง เอริคถึงกับตบอกผาง ไม่อยากจะเชื่อทำไมถึงบังเอิญได้ขนาดนั้น ขอจันทร์ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี เขาบอกให้เธอค่อยๆ คิด เธอตัดสินใจจะไปลาออกจากร้านสปาแล้วไปหางานอย่างอื่นทำ จะได้ไม่ต้องเจอกับครอบครัวนี้อีก เขาไม่แนะนำให้ทำอย่างนั้นเพราะนั่นเท่ากับเธอวิ่งหนีอดีต

“แล้วถ้าวันหนึ่งแกต้องเจอกับครอบครัวนี้อีก แกก็จะต้องวิ่งหนีอยู่อย่างนี้เรื่อยๆ แกจะหนีไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอกนะแองจี้” คำพูดของเอริคทำให้ขอจันทร์ได้คิด ตั้งใจมั่นจะไม่หนีอีกแล้ว จังหวะนั้น นทีโทร.เข้ามือถือของเธอ แต่เธอไม่ยอมรับสาย เขาลองโทร.อีกครั้ง พร้อมกับเดินมาเปิดประตูห้อง แต่เปิดไม่ออก ทุบประตูปังๆ เรียกให้คนข้างนอกช่วยเปิดประตูให้ น้ำทิพย์ซึ่งยืนสั่งการให้มั่นใจ เฟื่องกับแม่อิ่มช่วยกันดึงประตูไว้อย่าให้นทีออกจากห้องมาได้ ตะโกนบอกลูกชายว่าจะไม่ยอมให้เขาออกไปหายัยหมอนวดนั่นเด็ดขาด

“แม่...เปิดประตูให้ผมเดี๋ยวนี้”

น้ำทิพย์ยืนกรานไม่ยอมเปิด ในเมื่อออกทางประตูไม่ได้ นทีก็เลยปีนออกทางหน้าต่าง น้ำทิพย์เจ็บใจมากที่ขังลูกเอาไว้ ไม่ได้...

ด้านครรชิตยังคงหาทางป่วนเชตวัตรกรุ๊ปไม่เลิก นอกจากจะเสนอตัวเข้าร่วมทุนกับสุวัฒน์แล้ว เขายังเสี้ยมให้สุวัฒน์ยกเลิกสัญญากับเชตวัตรกรุ๊ปอีกด้วย สุวัฒน์งงไหนเขากับศิลาเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงขัดขากันแบบนี้ คงไม่ใช่เพราะเกรงใจหรือกลัวคนอื่นจะเข้าใจผิดใช่ไหม

“คุณสุวัฒน์รู้เรื่องที่โรงงานของศิลาโดนน้ำท่วมหรือเปล่าครับ ผมว่ามาตรฐานความสะอาดคือเรื่องใหญ่ของธุรกิจเรา แล้วยิ่งถ้าเรากำลังจะไปอินโดนีเซียด้วยแล้วล่ะก็ เรื่องนี้อาจจะทำให้เราเสียหายกว่าที่เราคิดก็ได้”

“มีเรื่องอย่างนี้ด้วยหรือ ขอบคุณคุณมากคุณครรชิต ถ้าอย่างนั้นผมจะได้เอาเรื่องนี้เข้าประชุมเลย” สุวัฒน์ตบไหล่ครรชิตก่อนจะเดินจากไป เขามองตามครู่หนึ่ง แล้วหยิบมือถือขึ้นมาโทร.หาลูกน้อง

“ฉันมีงานให้ทำ”

ooooooo

ศิลารู้ดีกว่านทีต้องแจ้นมาหาขอจันทร์ทันทีที่ทำได้ จึงมาจองเธอไปนวดให้เขาตัดหน้า แล้วดึงเธอออกจากร้านมายังที่จอดรถ เธอสั่งให้ปล่อย เขาไม่ยอมปล่อยอ้างมีเรื่องจะคุยด้วยและไม่ต้องห่วง เขาไม่ได้คุยกับเธอฟรีๆ ยินดีจ่ายค่าเสียเวลาให้ เธอแดกดันคนว่าอย่างเขาทำได้แค่ตีค่าทุกอย่างเป็นเงิน

“คนอย่างคุณก็ชอบเงินอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ไม่อย่างนั้นคงไม่ตามตื๊อเจ้าทีขนาดนี้หรอก หรือว่าไม่ใช่...ทำไมหรือว่าเจ้าทีเคยหักอกคุณๆ ก็เลยโมโห กลับมาแก้แค้นเจ้าทีหรือไง”

ถูกจี้ใจดำขอจันทร์ถึงกับสะอึก ระหว่างนั้นศิลาเหลือบไปเห็นชายชุดดำสองคนแอบมองอยู่ ชักไม่ไว้ใจ บอกเธอว่าเดี๋ยวเราค่อยคุยกันต่อ แต่ตอนนี้เธออย่าเพิ่งทำพิรุธอะไร ให้รีบเดินตามเขามาก่อน ขอจันทร์จะหันไปมอง ศิลาร้องห้ามไว้ สั่งให้เดินตามเขาแค่นั้นพอ แล้วจูงมือขอจันทร์ตรงไปที่รถ ชายสองคนยังคงตามติด เธอจะหันไปดูอีก ศิลาก็ไม่ยอมให้หัน บอกเพียงว่ามีคนท่าทางแปลกๆ สองคนตามมา แล้วหยิบกุญแจจะไขประตูรถ ขอจันทร์นึกอะไรขึ้นมาได้

“ฉันรู้แล้ว มุกใหม่ของคุณที่ต้องการให้ฉันไปด้วยละสิ ไม่มีทาง” ขอจันทร์พูดจบสะบัดมือเขาออกสุดแรง พลอยทำให้กุญแจรถหลุดมือร่วงลงไปในท่อระบายน้ำ ขอจันทร์ไม่สนใจหันหลังจะไป แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นชายชุดดำสองคนตามที่ศิลาว่า เธอชักใจไม่ดีชวนเขาขึ้นรถหนี

“แต่คุณเพิ่งทำกุญแจรถผมตกท่อไปเมื่อกี้”

“เฮ้ย...แล้วทำไงล่ะ นึกออกแล้ว ก็สองคนนั้นเขาตามคุณไม่เกี่ยวกับฉัน โชคดีนะคุณ” ขอจันทร์เดินลิ่วจากไป แต่ปรากฏว่าชายสองคนนั่นตามเธอไม่ได้ตามศิลา เธอตกใจมากเร่งฝีเท้าหนี ระหว่างนั้นศิลาวิ่งหนีมาจากอีกทางหนึ่งชนเข้ากับขอจันทร์อย่างจังจนล้มไปด้วยกัน เธอโวยวายลั่นวิ่งประสาอะไรไม่ดูตาม้าตาเรือ

“อย่าเสียงดังได้ไหมเดี๋ยวมันก็รู้หรอกว่าเราอยู่ในนี้”

ศิลาหันไปเห็นชายชุดดำเลี้ยวหัวมุมตรงมาหา รีบคว้าแขนขอจันทร์พาหนีเข้าไปในชุมชน วิ่งฝ่ากลุ่มแม่ค้าที่ขายของกันขวักไขว่ ทำเอาพวกนั้นร้องวี้ดว้ายลั่น ทั้งคู่วิ่งไปหลบในร้านขายของแถวนั้น ลอบมองชายชุดดำที่เดินใกล้เข้ามา ศิลานัดแนะกับขอจันทร์ ให้รอเขาให้สัญญาณก่อนแล้วเธอค่อยวิ่งออกไป

พูดยังไม่ทันขาดคำ ขอจันทร์วิ่งพรวดออกไปทันที ชายชุดดำเห็นเข้าก็ไล่ตาม ศิลาเข้ามาขวางไว้ คว้าหม้อถังกะละมังใกล้มือขว้างใส่โดนชายชุดดำล้มกลิ้ง ก่อนจะวิ่งตามขอจันทร์จนทัน ต่อว่าเธอที่คิดจะทิ้งกันเอาตัวรอดคนเดียว เธออ้างว่าเขาเอาตัวรอดได้ไม่ต้องรอให้เธอช่วย จังหวะนั้นชายชุดดำไล่ตามใกล้เข้ามา อารามรีบร้อน ขอจันทร์สะดุดขาตัวเองล้ม ศิลาต้องช่วยประคองเธอวิ่งหนี

ทั้งคู่หนีกระเซอะกระเซิงไปหลบในซอยเปลี่ยวที่มีแต่กองเศษไม้ ชายชุดดำก็ยังตามมาไม่ลดละ ศิลาพาขอจันทร์หนีไปยืนหอบอยู่ท้ายรถกระบะขนทุเรียน เห็นชายชุดดำวิ่งตามมาไกลๆ เขารีบพาเธอไปซ่อนตัวบนรถกระบะหลังเข่งใส่ทุเรียน ทั้งคู่เบียดกันเพราะพื้นที่คับแคบใบหน้าเกือบจะชนกัน

ชายชุดดำทั้งสองคนเดินเข้ามาใกล้รถทุเรียน กวาดตามองหาขอจันทร์กับศิลาแต่ไม่พบ พากันเดินออกไปสวนกับคนขับรถกระบะที่เพิ่งไปเข้าห้องน้ำกลับมา ศิลาพยายามชะเง้อดู เห็นชายชุดดำเดินเลยไปทางหน้ารถ ชวนขอจันทร์ออกจากที่ซ่อน ทันใดนั้นรถกระบะก็สตาร์ตเครื่อง ทั้งคู่จะลงจากรถก็ทำไม่ได้ ชายชุดดำได้ยินเสียงสตาร์ตรถก็หันขวับ เห็นศิลากับขอจันทร์อยู่ท้ายรถกระบะ รีบวิ่งกลับมา

รถกระบะค่อยๆเคลื่อนออกไปช้าๆ ชายชุดดำจะโดดขึ้นท้ายรถ ขอจันทร์เห็นท่าไม่ดี หยิบทุเรียนปาใส่ ศิลาทำตาม สองคนช่วยกันขว้างทุเรียนใส่ชายชุดดำจนล้มกลิ้งล้มหงายหมดปัญญาจะไล่ตาม แต่อยู่ๆรถกระบะเจอลูกระนาดบนถนน คนขับกระแทกเบรกดังเอี๊ยดลั่น ทั้งศิลาและขอจันทร์ต่างเซเสียหลัก กองทุเรียนที่อยู่รายล้อมล้มครึนใส่ ทั้งคู่ตกใจถึงกับอ้าปากค้าง

ooooooo

ระหว่างที่พนักงานในร้านสปาเข้ามารายงานณิชรันย์ว่าศิลาเหมาขอจันทร์ออกไปทั้งวัน นทีวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาถามหาขอจันทร์อยู่ไหน ณิชรันย์ก็ไม่รู้เหมือนกัน เขาคงต้องถามศิลาเอาเอง เพราะพนักงานของเธอเพิ่งเข้ามารายงานว่าศิลามารับขอจันทร์ออกไป นทีเป็นห่วงเธอขึ้นมาทันที

จังหวะนั้น คนที่นทีถามหาโทร.เข้ามือถือของณิชรันย์แจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุกับตนเองและศิลา...

ตะวันฉายกำลังดึงใบประกาศประกวดหนังสั้นจากบอร์ดที่หน้าคณะเรียนของตัวเอง ตอนที่เดือนวารีเข้ามาถามว่าทำอะไร เขาเลี่ยงที่จะตอบคำถาม

“ถ้าไม่มีอะไรสำคัญ ผมขอตัวก่อนนะครับ” ตะวันฉายเดินจากไปไม่สนใจ

เดือนวารีไม่ยอมให้เขาเดินหนีไปง่ายๆ รีบเดินตามโดยมีน้ำหนึ่งเดินตามไปอีกทอดหนึ่ง ระหว่างนั้นเชนเข้ามาคว้ามือเดือนวารีไว้ จะชวนไปคุยเรื่องงานเฟรชชี่ในฐานะที่เธอเป็นดาวของคณะ เธอสะบัดมือเขาออก

“ฉันไม่ว่าง” เดือนวารีว่าแล้วจะไป เชนไม่สนใจจะเอาเธอไปกับตัวเองให้ได้ ตะวันฉายเข้ามาช่วยเธอไว้จนเกิดชกต่อยกัน เชนสู้ไม่ได้เรียกให้เพื่อนๆรุมกระทืบตะวันฉายฐานแส่ไม่เข้าเรื่อง เดือนวารีเป็นห่วงเข้าไปขวางไว้ สั่งให้หยุดทำร้ายเขาได้แล้วไม่อย่างนั้นจะไปตามอาจารย์มาจัดการ

“บอกไปก็เท่านั้น คิดว่าพวกอาจารย์ไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นใคร”

“แล้วนายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร” เดือนวารีจ้องหน้าเชนอย่างไม่เกรงกลัว เขาเป็นฝ่ายต้องล่าถอยกลับไป ตะวันฉายกับเดือนวารีจ้องหน้ากันโดยไม่พูดอะไร ก่อนฝ่ายแรกจะเลี่ยงออกไป เธอเดินตามเขาจนทัน กระชากไหล่ให้หันกลับมาแล้วตบหน้าฉาดใหญ่ สั่งห้ามมายุ่งเรื่องของเธออีก เขาก็ไม่ได้อยากยุ่ง ถ้าไม่เป็นเพราะคุณศิวาสั่งให้คอยดูแลเธอ เขาก็คงไม่ทำ

“วันหลังถ้าไม่อยากทำก็ไม่ต้องมายุ่งเข้าใจไหม”

น้ำหนึ่งมองเพื่อนรักสลับกับตะวันฉายที่เดินจากไปอย่างสงสัย เขาไปทำอะไรให้ถึงจงเกลียดจงชังเขาขนาดนั้น เดือนวารีไม่ตอบได้แต่ยืนนิ่ง

ooooooo

ที่หน้าห้องตรวจภายในโรงพยาบาล ขอจันทร์กับศิลาอยู่ในสภาพไม่ต่างกัน มีผ้าปิดแผลเล็กๆปิดอยู่เต็มใบหน้าเนื่องจากถูกหนามทุเรียนตำ ต่างโทษกันไปมาว่าเป็นความผิดของอีกฝ่ายถึงต้องมาเป็นแบบนี้

ระหว่างนั้น นทีกับณิชรันย์เดินเข้ามาเห็นสภาพของทั้งคู่ ถึงกับอึ้ง ถามว่าไปทำอะไรกันมา ศิลาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง โทษว่าพวกคนร้ายตามขอจันทร์ไม่ใช่ตามเขา

“ฉันไม่เคยมีศัตรูที่ไหนนอกจาก...” ขอจันทร์มองหน้าศิลาเป็นทำนองว่าเขานั่นเองที่เป็นศัตรูของเธอ

ณิชรันย์เห็นท่าไม่ดีรีบจับทั้งคู่แยกออกจากกัน นทีอาสาจะไปส่งขอจันทร์ให้เอง ศิลาขัดคอ เธอต้องกลับ ไปทำงานต่อไม่ใช่หรือ นทีหันไปอ้อนวอนณิชรันย์ขอให้ขอจันทร์หยุดงานหนึ่งวัน ณิชรันย์เห็นสภาพใบหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยผ้าปิดแผลก็อนุญาตให้หยุดงานได้ นทีรีบพาขอจันทร์ออกไปโดยไม่ถามความสมัครใจของเธอสักคำว่าอยากให้เขาไปส่งหรือเปล่า ขณะที่ศิลาขอให้ณิชรันย์ไปส่งที่ออฟฟิศเนื่องจากบุญนำโทร.มาตามตัว...

ด้านสาโรจน์เห็นลูกชายกลับถึงบ้านในสภาพปากแตก เสื้อนักศึกษาเต็มไปด้วยรอยรองเท้า ก็เขกหัวเขาซ้ำโทษฐานสั่งให้สนใจเรียนอย่างเดียว ดันไปก่อเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน เขาต้องรีบบอกว่าที่เขาเป็นอย่างนี้ก็เพราะเข้าไปช่วยเดือนวารีจากโดนผู้ชายจะมาลากตัวไป สาโรจน์อดถามไม่ได้แล้วคุณวาว่าอะไรเขาหรือเปล่า

“ไม่กล้าว่าหรอกเพราะฉันบอกเขาไปว่าเป็นคำสั่งของคุณศิลา”

“งั้นก็ดีแล้ว แกกับคุณวานี่ก็แปลกนะ ตอนเด็กๆก็เห็นเล่นกันอยู่ดีๆ ทำไมโตขึ้นมาคุณวาถึงได้ไม่ชอบขี้หน้าแกขึ้นมาซะเฉยๆอย่างนั้นวะ”

ตะวันฉายหงุดหงิดขึ้นมาทันที ตนไม่ได้หน้าเหมือนเดือนวารีแล้วจะรู้ได้อย่างไร...

เดือนวารีเองก็หงุดหงิดไม่แพ้ตะวันฉายเช่นกันเพราะถูกน้ำหนึ่งถามว่าทำไมถึงจงเกลียดจงชังเขานัก เดินไปเปิดลิ้นชักหัวเตียงหยิบแหวนพาสติกออกมามอง พลันภาพในอดีตผุดขึ้นมาในความคิดของเธอ ตอนนั้นเธอยังเป็นแค่เด็กตัวน้อย ชวนตะวันฉายมาแต่งงานกัน เอาแหวนพสาติกยื่นให้เขาสวมให้เธอ

“โตขึ้นห้ามแต่งงานกับใครนะ นอกจากวาคนเดียว ...สัญญา” เดือนวารียื่นนิ้วก้อยให้ตะวันฉายเกี่ยวก้อยด้วย แล้วบอกให้เขาสวมแหวนให้เธอ ตะวันฉายถอดแหวนออกจากนิ้วตัวเองแล้วสวมคืนให้เดือนวารี เด็กน้อยทั้งสองคนยิ้มให้กันอย่างมีความสุข แต่แล้วเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น

วันหนึ่งระหว่างที่ตะวันฉายกำลังขัดอ่างอาบน้ำ เดือนวารีวิ่งพรวดพราดเข้ามานั่งที่ชักโครกโดยไม่รู้ว่าหลังม่านกั้นอ่างอาบน้ำกับชักโครกมีเขาทำความสะอาดอ่างอาบน้ำอยู่ ขณะที่เธอกำลังเพลินอยู่กับการเข้าส้วม ตะวันฉายเกิดลื่นมือคว้าม่านร่วงลงมาทั้งคนทั้งผ้าม่าน เดือนวารีตกใจมากกรีดร้องลั่นบ้าน

หญิงสาวจำความอับอายนั้นได้ไม่ลืม มองแหวนพลาสติกในมืออย่างไม่สบอารมณ์ แล้วเดินไปที่หน้าต่างห้องโยนมันทิ้ง แหวนเจ้ากรรมตกใส่หัวตะวันฉายที่กำลังนั่งอ่านใบประกาศประกวดหนังสั้นอยู่ในสวน ก่อนจะร่วงลงพื้น เขาหยิบมันขึ้นมาดู จำแหวนวงนี้ได้ แหงนหน้ามองไปที่ห้องของเดือนวารีด้วยความน้อยใจ

ooooooo

บุญนำเห็นใบหน้าเจ้านายที่เต็มไปด้วยผ้าปิดแผลอันเล็กๆก็อดถามไม่ได้ว่าไปโดนอะไรมา เขาไม่ตอบอะไรกลับย้อนถามว่าสุวัฒน์ติดต่อมาหรือเปล่า เมื่อเห็นสีหน้าเจื่อนของบุญนำก็พอจะเดาออก แต่ไม่แสดงอาการใดๆเพราะรู้แก่ใจดีว่าทางนั้นได้ครรชิตเป็นหุ้นส่วนคนใหม่ แล้วถามว่าทางอินโดนีเซียว่าอย่างไรบ้าง

“อีกไม่กี่วันคุณเฟนดรี้จะเข้ามาดูงานที่โรงงานครับ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เราก็จะได้คุณเฟนดรี้เป็นตัวแทน จำหน่ายอีกคนในจาการ์ต้า”

“ดี...ถ้างั้นพรุ่งนี้ผมจะเข้าไปตรวจที่โรงงานเอง”...

รสรินโกรธมากที่ชายชุดดำคว้าน้ำเหลว แค่ให้ไปตามสืบผู้หญิงคนเดียวยังทำไม่ได้ บ่นอุบว่าเลี้ยงเปลืองข้าวสุก ลีน่าขอร้องให้รสรินเลิกสนใจยัยหมอนวดคนนั้น ปล่อยให้เรื่องของนทีเป็นหน้าที่ของเธอเอง...

ฝ่ายนทีมาส่งขอจันทร์ที่คอนโดที่พัก ขอโทษเธอเรื่องที่บ้านของเขาเมื่อคืนนี้ เธอทำเป็นเข้าใจแม่ของเขาดีว่าคงไม่อยากให้ลูกชายมายุ่งกับหมอนวดจนๆ อย่างเธอ นทีไม่สนว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร ขอให้เธอรู้ไว้ว่าเขาชอบเธอมาก ระหว่างนั้นเอริคออกจากลิฟต์เห็นทั้งคู่ยืนคุยกันอยู่รีบหลบมุมแอบฟัง

ขอจันทร์แค้นมากอยากจะบอกนทีให้รู้แล้วรู้รอดว่าเธอคือยัยดอกหน้าวัวที่เขาประกาศต่อหน้าคนอื่นว่าไม่มีทางจะชอบ แต่เธอไม่ทำจนกว่าจะทำให้เขารักเธอหมดใจเสียก่อนเพราะต้องการให้เขาเจ็บอย่างที่เธอเคยเจ็บ นทีเห็นเธอนิ่งไปรีบออกตัวว่าไม่ได้เร่งรัดเพราะรู้ว่ามันเร็วไป แต่เขาอยากให้เธอให้โอกาสเขาได้ไหม

เธอตีหน้าหนักใจ “ฉัน...ฉันขอเวลาหน่อยนะคะ”

“ได้...ผมจะรอคำตอบจากคุณ...งั้นพรุ่งนี้ผมมารับนะ แล้วเจอกัน” นทีเดินยิ้มหน้าบานออกไป

ขอจันทร์หันกลับมาเจอเอริคยืนอยู่ก็ตกใจ เขาต่อว่าไหนว่าจะไม่ยอมคนในครอบครัวนี้อีกแล้ว แล้วทำไมถึงพูดแบบนั้น เธอกลัวนทีจะเห็น รีบลากเพื่อนซี้ขึ้นไปที่ห้องพัก อธิบายถึงสาเหตุที่ตัดสินใจจะคบหากับนทีว่าแค่ต้องการแก้แค้น เพราะโดนจี้ปมด้อยมานานเป็นสิบปี แล้วเรื่องอะไรจะบอกเลิกนทีซึ่งเจอกันไม่ถึงอาทิตย์

“แกคิดว่าความรักแค่หนึ่งอาทิตย์มันจะทำให้เขาเจ็บปวดได้เท่ากับความเจ็บปวดที่ฉันเก็บไว้เป็นสิบปีหรือเปล่า” คำพูดของขอจันทร์ทำเอาเอริคถึงกับตะลึง ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเพื่อนรักจะร้ายกาจขนาดนี้...

ทั้งน้ำทิพย์และศิลาต่างกลุ้มใจมากที่เห็นนทีหลงขอจันทร์ไม่ลืมหูลืมตา แถมบอกกับทั้งคู่ว่าเธอคือคนที่เขาตามหามาทั้งชีวิต ศิลาครุ่นคิดหนักต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อตัดไฟแต่ต้นลม รีบตามน้องชายไปที่ห้องนอนพยายามจะชี้ให้เขาเห็นว่าที่เขารู้สึกกับขอจันทร์เป็นเพียงความหลงชั่วคราวไม่ใช่ความรัก ดังนั้นตนจะให้เวลาเขาอยู่กับเธอให้พอใจจนกว่าเขาจะเบื่อ อยากพาเธอไปยุโรปหรือมัลดีฟจะได้บอกให้บุญนำจัดการให้ นทีโกรธมากที่ศิลาพูดจาดูถูกขอจันทร์ ยืนยันว่ารักเธอจริงๆ ไม่ได้คบหาเล่นๆเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆของเขา

“ความรักมันไม่มีอยู่จริง”

“พี่เชื่ออย่างนั้น เพราะพี่ไม่เคยมีความรักไง แล้วผมจะพิสูจน์ให้พี่ดูว่าผมรักเธอจริงๆ”

ooooooo

นทีมารับขอจันทร์ไปส่งที่ทำงานแต่เช้า และไม่ลืมเล่าเรื่องที่ศิลาคิดว่าเขาจะต้องเบื่อเธอเหมือนที่เบื่อผู้หญิงอื่น แต่เขาไม่มีวันทำกับเธอแบบนั้น เขาสัญญาจะไม่ทำให้เธอเสียใจแม้แต่นาทีเดียว

“อะไรคะ ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงอะไรเลย คุณทีก็ตู่เหมือนเราเป็นแฟนกันได้ไง”

“แล้วไม่ใช่หรือครับ”

“หลังจากผ่านคืนนี้ไป ฉันจะตอบคุณค่ะ ฉันไปก่อนนะคะ” ขอจันทร์หันหลังจะเข้าข้างใน แต่นทีเรียกไว้ ชวนเธอไปกินข้าวเย็นด้วยกันที่บ้านของเขา เพื่อที่เขาจะได้ประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเธอคือผู้หญิงที่เขารัก ขอจันทร์แอบกระหยิ่มยิ้มย่องที่แผนหลอกให้นทีหลงรักขั้นแรกสำเร็จด้วยดี แต่ก็อดหวั่นใจไม่ได้ที่ต้องไปบ้านเชตวัตร...

ทางด้านศิลาเปลี่ยนแผน ยกเลิกการไปตรวจงานที่โรงงาน แต่สั่งให้บุญนำไปแทน เพราะเขาวางแผนหลอกให้ขอจันทร์มานวดนอกสถานที่ โดยใช้ชื่อบุญนำมาอ้าง...

ขณะขอจันทร์ถูกหลอกให้มาที่บริษัทเชตวัตรกรุ๊ป ลีน่าใจกล้าหน้าด้านบุกมาหานทีถึงอู่ซ่อมมอเตอร์ไซค์ แสดงอย่างเปิดเผยว่าต้องการจะมาจีบ นทีปฏิเสธทันทีว่าอย่าเสียเวลาจีบเขาให้ยากเพราะเขามีคนที่เขารักแล้ว เธออยากรู้ว่าเป็นใคร เขาไม่อยากให้ขอจันทร์เดือดร้อน จึงไม่ยอมตอบคำถามของเธอ ได้แต่ขอตัวไปทำงานก่อน แทนที่จะโกรธ ลีน่ากลับยิ้มเหมือนได้เจอของถูกใจ เพราะยิ่งได้มายาก เธอก็ยิ่งชอบ...

ขอจันทร์มาถึงสถานที่เป้าหมายโดยไม่รู้ว่าเป็นเชตวัตรกรุ๊ป เพราะป้ายชื่อหน้าบริษัทใช้เป็นตัวย่อ เธอเห็นความใหญ่โตโอ่อ่าของที่นี่ก็หมายมั่นปั้นมือจะแสดงฝีมือนวดให้เต็มที่ เผื่อลูกค้าติดใจจะได้เรียกใช้บ่อยๆ เธอต้องขึ้นไปชั้นที่สิบเจ็ดซึ่งเป็นชั้นบนสุดของตัวตึกเพราะห้องทำงานลูกค้าอยู่ที่นั่น ศิลาสั่งให้ รปภ.เอาป้ายลิฟต์เสียไปติดไว้ที่ลิฟต์ทุกตัว แกล้งให้เธอเดินขึ้นทางบันไดหนีไฟ...

น้ำทิพย์ร้อนใจมากเมื่อรู้ว่าคืนนี้นทีชวนขอจันทร์หรือแองจี้มากินข้าวที่บ้านเพื่อจะเปิดตัวในฐานะว่าที่ลูกสะใภ้ แถมเขายังลงมือทำอาหารด้วยตัวเองอีกต่างหาก น้ำทิพย์ทนไม่ไหวโทร.ฟ้องศิลา

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับแม่ เธอจะไม่มีวันได้ไปที่บ้านเราแน่นอน”...

กว่าขอจันทร์จะรู้ตัวว่าคนที่ต้องมานวดให้ไม่ใช่คุณบุญนำ ก็เป็นตอนที่ศิลาเข้ามาบอกว่าเขาเป็นคนให้บุญนำโทร.ไปนัดเธอมาที่นี่เอง แล้วเชิญเธอให้ตามเขาเข้าไปในห้องจะได้เริ่มงานกัน ศิลาเตะถ่วงให้ขอจันทร์นวดตั้งแต่เท้าจรดศีรษะหวังจะให้เธอไปกินมื้อค่ำกับนทีไม่ทัน

ศิลาโดนขอจันทร์แกล้งคืนทั้งกดจุดแรงๆทั้งหักแข้งหักขาจนเจ็บเนื้อเจ็บตัวไปหมด จนต้องขอเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำเพื่อเรียกพลัง แล้วเดินกะเผลกๆออกมา เห็นขอจันทร์เก็บข้าวของจะกลับ อ้างนวดเสร็จแล้ว เขาถามอย่างไม่อ้อมค้อมว่านัดกับนทีไว้ใช่ไหม เธอจำที่ตกลงกับศิลาไว้ได้ว่าจะไม่ยุ่งกับนทีอีกก็รีบปฏิเสธ

“ไม่ใช่สักหน่อย ฉันขอใช้ห้องน้ำหน่อยได้ไหม ฉันอยากล้างมือ”

“เชิญ” ศิลาผายมือไปทางห้องน้ำ เธอวางข้าวของแล้วรีบเข้าไปล้างมือกลัวจะไปไม่ทันนัด เขาไม่รู้จะถ่วงเวลาเธออย่างไรอีก ตัดสินใจล็อกประตูห้องน้ำไม่ให้ออก ขอจันทร์เปิดประตูห้องน้ำไม่ได้ ทุบประตูปังๆตะโกนเรียกให้เขาเปิดประตูให้ เขาโกหกว่าประตูเสีย แต่ลืมบอก

“คุณไม่ต้องกลัว เดี๋ยวผมไปตามช่างมาเปิดให้” ศิลาแกล้งย่ำเท้ากับที่เสียงดังๆทำเหมือนออกไปจากห้อง ทั้งที่ไม่ได้ไปไหน

ooooooo

นทีรออยู่นานสองนานไม่เห็นแม้แต่เงาของขอจันทร์ เริ่มเป็นกังวล คว้ามือถือขึ้นมาโทร.หา อึดใจมีเสียงมือถือของขอจันทร์ดังขึ้น ศิลาลุกไปหยิบดูเห็นชื่อนทีโชว์บนหน้าจอ ก็วางมันไว้อย่างเดิม ขอจันทร์ซึ่งยังอยู่ในห้องน้ำได้ยินเสียงมือถือของตัวเองพยายามแงะประตูออกไปรับสายแต่ไม่สำเร็จ

“โทรศัพท์...คุณทีรอหน่อยนะคะ รอฉันแป๊บนึงคุณที” ขอจันทร์ตะโกนลั่น ศิลาปล่อยให้มือถือดังอยู่อย่างนั้นจนสายตัดเอง ฝ่ายนทีชักใจไม่ดี หรือจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับเธอ ตัดสินใจออกไปตามหา...

ด้านน้ำทิพย์เริ่มโมโหหิว สั่งให้นิดตักข้าว แม่อิ่มท้วงน่าจะรอคุณนทีก่อน เธอไม่รอเพราะรอไปยัยหมอนวดนั่นก็มาไม่ได้ สั่งให้รีบตักข้าว น้ำทิพย์ยังไม่ทันจะเอาข้าวเข้าปากก็มีเสียงเดือนวารีโวยวายให้มาดูอะไรทางนี้หน่อย ครู่ต่อมา น้ำทิพย์ แม่อิ่มและนิด เดินตามเดือนวารีมายังที่จอดรถ เธอชี้ให้แม่ดูสภาพรถของเธอที่เปรอะไปด้วยสีและขยะ หาว่ามีคนกลั่นแกล้ง เมื่อตอนเย็นรถก็ยังอยู่ในสภาพดีอยู่เลย

สาโรจน์กับตะวันฉายได้ยินเสียงเอะอะก็เข้ามาดู เดือนวารีได้ทีกล่าวหาว่าเป็นฝีมือของตะวันฉายที่แกล้งทำรถของเธอเละเทะ เขาพยายามอธิบายว่าไม่ได้ทำ แต่ไม่มีใครเชื่อ น้ำทิพย์ขู่จะแจ้งตำรวจ เดือนวารีรีบบอกว่าไม่ต้องแจ้งความ เธอขอแค่ตะวันฉายล้างรถให้ก็พอ แต่มีข้อแม้ ต้องล้างคนเดียวห้ามคนอื่นช่วย...

พอขอจันทร์รู้ว่าที่ตัวเองต้องติดอยู่ในห้องน้ำเป็นเพราะศิลาต้องการขัดขวางไม่ให้ไปเจอกับนทีตามนัด ก็โกรธมาก วางแผนจะเอาคืนเขาบ้าง แกล้งทำเป็นเงียบ หลอกให้เขาเข้ามาดู จากนั้นก็เอาสบู่น้ำฉีดใส่ตาก่อนจะผลักจนลื่นไถลไปชนผนังห้องน้ำแล้วปิดประตูขังเขาไว้ในนั้น ขณะที่ตัวเองเดินลอยชายจากไป...

ด้านตะวันฉายฉุนขาดที่ถูกเดือนวารีกลั่นแกล้งไม่เลิกไม่แล้ว ก็เลยไม่ยอมล้างรถให้ สาโรจน์ไม่อยากให้ลูกมีปัญหา จัดการล้างรถให้เอง แต่อยู่ๆเกิดหน้ามืดเป็นลมล้มคว่ำ เดือนวารีมายังที่จอดรถ เตรียมจะสมน้ำหน้าตะวันฉายเพราะคิดว่าเป็นคนล้างรถให้ แต่ต้องตกใจที่เห็นสาโรจน์นอนหมดสติอยู่ที่พื้น...

ฝ่ายขอจันทร์นึกถึงนทีขึ้นมาได้ หยิบมือถือขึ้นมาจะโทร.หา แต่เห็นน้องชายส่งไลน์มาก็รีบกดอ่าน

“พี่...พ่อเป็นลมตอนนี้ พ่ออยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว”...

ด้วยความช่วยเหลือของบุญนำทำให้ศิลาออกจากห้องน้ำมาได้ เขารีบโทร.เตือนแม่ว่าขอจันทร์อาจกำลังไปที่บ้าน ถึงได้รู้ว่าเกิดเรื่องกับสาโรจน์ ก็เลยเปลี่ยนใจบึ่งรถไปโรงพยาบาลแทนที่...

ที่หน้าห้องฉุกเฉิน ตะวันฉายต่อว่าเดือนวารียกใหญ่ที่เล่นไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรจนพ่อของเขาต้องเข้าโรงพยาบาล เธอรู้สึกผิดต่อเขาและสาโรจน์ แต่กลับพูดตรงข้าม โทษว่าเขาต่างหากที่ผิด เธอใช้เขาล้างรถ ไม่ได้ใช้สาโรจน์สักหน่อย ตะวันฉายโกรธมากที่เธอไม่สำนึก แต่ยังไม่ทันจะด่าอะไร หมอเจ้าของไข้ออกมาเสียก่อน เดือนวารีรีบเข้าไปถามว่าคนไข้เป็นอย่างไรบ้าง

“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ คนป่วยแค่อ่อนเพลียร่างกายเลยไม่ตอบสนองไปชั่วขณะ”

ตะวันฉายขอเข้าไปเยี่ยมพ่อ เดือนวารีจะตาม ไปด้วยแต่เขาหันมาทำหน้าดุใส่เป็นทำนองไม่ให้เข้า เธอก็เลยเดินหน้าง้ำไปยังที่จอดรถเพื่อจะกลับบ้านเจอกับศิลาที่กำลังจะไปเยี่ยมสาโรจน์พอดี...

ระหว่างที่ตะวันฉายนั่งเฝ้าพ่ออยู่ในห้องฉุกเฉิน ขอจันทร์แหวกม่านกั้นเข้ามา เขาเห็นใบหน้าพี่สาวที่ไร้ปานดำก็ตกใจ ถามว่ากลับเมืองไทยตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วทำไมใบหน้าของเธอถึงเป็นแบบนี้

“เออ...เรื่องมันยาวน่ะแล้วค่อยเล่าให้ฟังทีหลัง”

ทันใดนั้นมีเสียงศิลาดังขึ้นด้านนอก ถามหาคนไข้ที่ชื่อสาโรจน์ ขอจันทร์ให้เขาเห็นหน้าตอนนี้ไม่ได้ ผลุบไปแอบอยู่เตียงข้างๆ รอจนเขาเข้าไปเยี่ยมพ่อก็รีบหลบออกมา...

ในเวลาต่อมา นทีรู้ว่าที่ขอจันทร์ผิดนัดเพราะถูกศิลากักตัวไว้ ก็โทร.นัดเธอจะให้แก้ตัวใหม่วันพรุ่งนี้ เธอเป็นห่วงพ่อไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร จึงบอกว่าช่วงนี้งานยุ่งไม่สะดวกจะเจอเขา

“เพราะพี่ศิลาหรือเปล่า ก่อนหน้านี้คุณยังอยากไปกับผมอยู่เลย”

“เปล่าค่ะ ไม่ได้เกี่ยวกับคุณศิลาเลย แต่ช่วงนี้ฉันยุ่งจริงๆนะคะคุณที”

นทีไม่อยากเซ้าซี้จำใจรับคำแล้ววางสาย เป็นจังหวะเดียวกับศิลากลับเข้ามาพอดี เขาไม่พอใจมากที่พี่ชายพยายามขัดขวางเขากับขอจันทร์ก็เข้าไปต่อว่า สองพี่น้องมีปากเสียงกัน นทียืนกรานไม่ว่าศิลาจะพยายามทำอะไร ก็ไม่มีวันทำให้เขาเลิกรักขอจันทร์ได้

ooooooo

คู่วุ่นลุ้นแผนรัก

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด