ตอนที่ 13
อัลบั้ม: "วิน ธาวิน" ประกบ "ขวัญ อุษามณี" ใน "คู่วุ่นลุ้นแผนรัก"
ชายชุดดำทั้งสองคนเปิดประตูห้องลองเสื้อออกเตรียมจะจัดการศิลากับขอจันทร์ แต่เปิดผิดห้องเจอกะเทยล่ำบึ้กแทนที่ ต่างฝ่ายต่างตกใจกะเทยตั้งสติได้ก่อนยันทั้งคู่กระเด็น ศิลากับขอจันทร์สบช่องรีบหลบออกมา กระทั่งมาถึงที่จอดรถเธอกลับหยุดวิ่งดื้อๆ เขาเร่งให้หนีต่อไปกลัวพวกมันจะตามทัน
“พอเถอะ คุณจะเล่นละครไปถึงไหน ฉันเหนื่อยกับคำโกหกของคุณมามากพอแล้ว บางทีคุณอาจจะโกหกตัวเองว่ากำลังรักฉันอยู่ก็ได้” ขอจันทร์ว่าแล้ว
ดึงมือศิลาออก เขาคว้ามือเธอไว้อีกครั้ง
“คุณจะว่าผมว่าเป็นคนโกหกร้ายกาจยังไงผมไม่สนแต่คุณอย่ามาบอกว่าผมไม่ได้รักคุณ” ตัดพ้อจบ ศิลาเดินจากไป ขอจันทร์มองตามอดหวั่นไหวไปกับคำพูดของเขาไม่ได้...
ในเวลาต่อมา น้ำทิพย์เห็นสีหน้าไม่สู้ดีนักของศิลา ซักว่ามีอะไรหรือเปล่า ทีแรกเขาไม่ยอมบอกเพราะไม่อยากทำให้ท่านไม่สบายใจ แต่พอถูกคาดคั้นหนักเข้าก็ยอมเปิดปากบอกว่าถูกสะกดรอยตาม เขาพยายามติดต่อบุญนำจะให้ช่วยสืบหาว่าเป็นใคร แต่บุญนำหายตัวไป น่าจะตกอยู่ในอันตรายเหมือนกัน น้ำทิพย์แนะให้แจ้งตำรวจ ศิลาต้องปลอบให้ใจเย็นๆก่อน ปล่อยให้เขาจัดการเรื่องเองดีกว่า ท่านอ้าปากจะท้วง
“นะครับ ไว้ให้วันเกิดยัยวาผ่านไปก่อน แล้วเดี๋ยวเราค่อยว่ากันเรื่องนี้”...
ด้านขอจันทร์ยังเสียใจไม่หายเพราะคิดว่าเรื่องวันนี้เป็นแค่ฉากหนึ่งในละครลวงโลกของศิลา แอบมานั่งน้ำตาซึมอยู่ที่ข้างเรือนเล็ก ตะวันฉายเข้ามาเห็นก็ร้องทักร้องไห้ทำไม คุณศิลาหรือคุณนทีทำให้เป็นแบบนี้ เธอรีบปาดน้ำตาทิ้ง โกหกหน้าตาเฉยว่าไม่มีอะไร แล้วเปลี่ยนเรื่องพูดกลบเกลื่อนตกลงเขาซื้ออะไรให้เดือนวารี ตะวันฉายส่ายหน้า ที่ไม่ได้ซื้ออะไรให้เธอไม่ใช่เพราะไม่สนใจ เธอพิเศษสำหรับเขาเสมอเพียงแต่ไม่อยากเจ็บ
“เจ็บในวันนี้มันก็ยังมีวันหายไม่ใช่เหรอ แต่ถ้าแกไม่บอกความรู้สึกให้คุณวารู้มันก็เหมือนแผลเรื้อรังอยู่อย่างนี้ไปจนตายนะ...อย่ากลัวที่จะรัก เพราะความรักก็ไม่จำเป็นที่จะต้องจบลงด้วยการเป็นคนรักเสมอไปหรอกนะตะวัน” ขอจันทร์ตบไหล่น้องชายอย่างเป็นกำลังใจให้ก่อนจะลุกออกไป
ตะวันฉายทำตามคำแนะนำของพี่สาว ไลน์นัดเดือนวารีมาเจอกันที่สนามเด็กเล่นใกล้บ้าน หญิงสาวซึ่งรอนัดจากเขาอย่างใจจดจ่อถึงกับฉีกยิ้มด้วยความดีใจ เดินลิ่วออกจากห้องนอน ทันทีที่ลงมาถึงโถงบันไดชั้นล่างต้องชะงักเมื่อเจอศิลากับน้ำทิพย์เข้ามาอวยพรวันเกิดพร้อมกับมอบของขวัญให้ แถมแม่อิ่ม เฟื่องและมั่นใจยกเค้กวันเกิดมาให้เป่าเทียนอีกต่างหาก เธอตั้งสติได้รีบเข้าไปกอดแม่กับพี่ชายขอบคุณสำหรับของขวัญ แล้วหลับตาอธิษฐานเป่าเทียนเค้กวันเกิด ก่อนทำท่าจะเดินหนี ศิลารั้งตัวไว้ติงว่าจะรีบไปไหน
“เอ่อ ก็ไปตัดเค้กไงคะ รีบไปกันเถอะค่ะ” เดือนวารีว่าแล้วจูงน้ำทิพย์กับศิลาไปที่ห้องกินข้าว
ooooooo
ในเวลาไล่เลี่ยกัน ณิชรันย์กำลังเก็บของเตรียมกลับบ้าน เห็นหนังสือเกี่ยวกับแม่และเด็กที่นทีฝากมาให้ ตัดสินใจโทร.บอกเขาว่าทีหน้าทีหลังไม่ต้องซื้ออะไรมาให้อีก เธออยากเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง วางสายแล้วขยับจะไปแต่ต้องตกใจเมื่อเห็นครรชิตยืนอยู่พร้อมกับถามเสียงเข้มว่าคุยกับใคร สั่งให้เอามือถือมาดู เธอไม่ยอมให้
“เอามานี่ ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าไอ้คนที่ทำให้แกท้องมันเป็นใคร ฉันจะได้ตามไปฆ่ามัน”
ณิชรันย์ขอให้เขาเลิกถามเรื่องนี้สักที ถึงอย่างไรเธอก็ไม่มีวันยอมบอก ครรชิตไม่พอใจที่น้องสาวกล้าหือ เงื้อมือจะตบแต่สุดท้ายก็ยั้งมือเอาไว้...
ทางด้านเดือนวารีสบโอกาสเหมาะตอนที่
ขอจันทร์นำของขวัญวันเกิดจากนทีมาให้ รีบหลบออกมาโดยอ้างจะเอาของขวัญไปแกะบนห้อง พอทุกคนเผลอ เธอเอากล่องของขวัญไปซ่อนแล้วย่องออกจากตึกใหญ่
อีกมุมหนึ่งนอกกำแพงบ้านเชตวัตร รุจน์กับน้ำหนึ่งตั้งใจจะนำของขวัญมาเซอร์ไพรส์เดือนวารี ต้องแปลกใจเมื่อเห็นเธอเดินออกมานอกบ้านท่าทางมีพิรุธ ก่อนจะวิ่งปรู๊ดหายไปในความมืด สองคนรีบสะกดรอยตาม ไม่นานนัก เดือนวารีมาถึงสนามเด็กเล่นเห็นตะวันฉายนั่งรอท่าอยู่ก่อนแล้ว แม้ตั้งใจแน่วแน่จะสารภาพความในใจให้เธอรู้แต่เขากลับไม่กล้าเอ่ยปากก่อน ถามเธอว่าชอบเขาหรือเปล่า เดือนวารีถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ
“จะบ้าเหรอ มีที่ไหนผู้หญิงพูดก่อน ทำไมนายไม่บอกความรู้สึกของนายก่อนล่ะ”
ตะวันฉายยังไม่ทันจะพูดอะไร เชนเข้ามาเล็งปืนใส่เสียก่อน เขาเห็นท่าไม่ดีคว้ามือเดือนวารีวิ่งหนี โดยมีเชนเดินตามมาห่างๆเนื่องจากยังเจ็บแผลอยู่ น้ำหนึ่งซึ่งแอบตามเดือนวารีมากับรุจน์เห็นตะวันฉายจูงมือเพื่อนรักวิ่งผ่านหน้าไปก็โกรธมากที่ทั้งคู่แอบนัดเจอกันรีบไล่ตาม รุจน์เกรงจะมีเรื่องกันวิ่งตามไปอีกทอดหนึ่ง...
ด้านเดือนวารีหยุดหอบเหนื่อยวิ่งหนีต่อไป
ไม่ไหว ตะวันฉายเป็นห่วงความปลอดภัยบอกให้เธอกลับบ้านไปก่อน เขาจะล่อเชนไปอีกทางเอง เธอไม่ยอมไปไหนถ้าเขาไม่ไปด้วย เชนไล่ตามมาจนทัน เล็งปืนใส่ตะวันฉายหมายจะยิงให้ตาย จังหวะที่เชนลั่นไกน้ำหนึ่งวิ่งมาขวางทางปืนพอดี กระสุนพุ่งใส่ถึงกับทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น เชนเห็นนัดแรกพลาดเป้าจะยิงซ้ำ ตะวันฉายพุ่งมาปัดปืนหลุดมือแล้วเตะเขาล้มคว่ำ เชนสู้ไม่ได้เพราะแผลถูกแทงยังไม่หายดี ตะวันฉายจะเข้าไปจัดการเขาให้สิ้นซากแต่เดือนวารีเรียกไว้
“อย่าตะวัน รีบดูหนึ่งก่อนเถอะ” เสียงเรียกของเดือนวารีทำให้ตะวันฉายชะงัก เปิดช่องให้เชนหนีไปได้...
ระหว่างที่ศิลาตามขอจันทร์มาที่เรือนเล็กเพื่อจะปรับความเข้าใจ เดือนวารีโทร.มาบอกว่าน้ำหนึ่งเพื่อนของเธอถูกยิง ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล ทั้งคู่ตกใจมากรีบตามไปดู
ooooooo
ครรชิตเล่นงานวุธยกใหญ่ที่ทำงานพลาดปล่อยให้ศิลาหนีรอดไปได้ แต่จะให้โอกาสเขาแก้ตัวอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย หากยังจับศิลามาให้ไม่ได้อีก ตนจะจัดการเขาแทนแล้วไล่ตะเพิดให้รีบไปตามหาตัวมันให้เจอ
จังหวะนั้นสารวัตรโทร.มาแจ้งครรชิตว่าเชน
ก่อเรื่องอีกแล้ว เขาบอกให้ช่วยทำให้หลานตัวแสบติดคุกนานๆไปเลยจะได้ไม่ต้องสร้างเรื่องให้ปวดหัวอีกแล้ววางสายด้วยความหงุดหงิด ณิชรันย์ได้ยินเสียงเกรี้ยวกราดของพี่ชายรีบหลบมุมแอบฟัง ได้ยินเขาโทร.สั่งการวุธ
“วุธ ตอนนี้น้องไอ้ศิลามันเกิดเรื่อง เช็กสิมันพาเพื่อนมันไปโรงพยาบาลอะไร แกรีบส่งคนไปที่นั่นทันที ไอ้ศิลามันต้องไปหาน้องมันแน่นอน ได้ตัวมันแล้วพามันไปไว้ที่ออฟฟิศแล้วกัน” ครรชิตวางสายแล้วเดินออกไป ณิชรันย์หวั่นใจ ต้องเกิดเรื่องไม่ดี รีบโทร.ไปเตือนศิลาซึ่งอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินกับตะวันฉาย เดือนวารี รุจน์และขอจันทร์ให้ระวังตัว แต่ยังไม่ทันบอกรายละเอียด หมอซึ่งทำการรักษาน้ำหนึ่งออกมาเสียก่อน
“รัน...เดี๋ยวพี่โทร.กลับอีกทีนะ” ศิลาวางสายแล้วรีบเข้าไปถามหมอว่าคนป่วยเป็นอย่างไร ได้ความว่าคนไข้ปลอดภัย กระสุนถูกแขนไม่ได้โดนอวัยวะสำคัญ ตอนนี้กำลังย้ายไปยังห้องพักฟื้น ทุกคนพากันโล่งอก ศิลาเห็นไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงชวนน้องสาวกลับ ทั้งเธอ รุจน์และตะวันฉายต่างแย่งกันจะเฝ้าไข้น้ำหนึ่ง
“อ้ะๆถ้าเป็นห่วงเพื่อนกันอย่างนี้ก็อยู่เฝ้าทั้งสามคนนี่แหละดีแล้ว มีอะไรจะได้ช่วยกัน” พูดจบขอจันทร์เดินไปยังที่จอดรถกับศิลา นึกขึ้นได้เมื่อครู่นี้ณิชรันย์โทร.มาหาเขา ก็เลยบอกเขาว่าถ้ามีธุระต้องไปทำ ตนกลับบ้านเองได้ เขาไม่ได้มีธุระอะไร ณิชรันย์แค่โทร.มาเตือนให้ระวังตัว
ทันใดนั้นมีรถคันหนึ่งแล่นมาจอดเทียบ ศิลาเห็นท่าไม่ดี ดึงมือขอจันทร์วิ่งหนี แต่กลับมีรถอีกคันหนึ่งแล่นมาขวาง วุธเปิดประตูรถลงมาแจ้งว่าครรชิตอยากจะคุยด้วย ศิลาสังหรณ์ใจ ต้องเกิดเรื่องไม่ดี ต่อรองให้ปล่อยขอจันทร์ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรด้วยไป เธอยืนกรานจะไปกับเขา สมุนของวุธจับทั้งคู่แยกกันขึ้นรถคนละคัน
“แกจะทำอะไร” ศิลาโวยลั่น
“ก็ไปด้วยกันเลยไงครับ ผมไม่อยากโดนคุณครรชิตตำหนิที่ต้องรอนาน ขออนุญาตนะครับ” วุธยิ้มกวน
ไม่นานนัก รถของวุธกับสมุนแล่นมาจอดหน้าตึกเชตวัตรกรุ๊ป จากนั้นวุธกับสมุนลากตัวศิลาและขอจันทร์เข้าไปข้างใน ทั้งหมดไม่ทันสังเกตเห็นณิชรันย์นั่งรออยู่ในรถที่จอดแอบๆอยู่ตรงมุมมืด
ooooooo
ทันทีที่เจอหน้าศิลา ครรชิตซักเป็นการใหญ่ ให้บุญนำตามหาผู้หญิงคนที่เป็นเมียของมิสเตอร์ทีทำไม ศิลาตกใจเขารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร หรือการหายตัวไปของบุญนำเขามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
“เดี๋ยวก่อนนะ เท่าที่ฉันรู้ตอนนี้แกต้องเป็นฝ่ายตอบคำถามฉัน ไม่ใช่ให้ฉันตอบคำถามแก”
ศิลายียวนไม่ยอมพูดอะไรอีก ครรชิตไม่พอใจชักปืนขู่ ขอจันทร์ตกใจ ร้องบอกให้ศิลาตอบคำถามเขาไปจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว ศิลารู้ดี ขืนบอกความจริงก็ต้องถูกฆ่าอยู่ดี สู้ให้ความลับตายไปพร้อมกับตนไม่ดีกว่าหรือ เธออ้อนวอนขอร้องครรชิตอย่าทำร้ายศิลา แต่เขาไม่สนใจจะนับหนึ่งถึงสามหากศิลาไม่พูดจะยิงให้ตาย เขานับได้แค่สอง ณิชรันย์พรวดพราดเข้ามาขวางไว้พร้อมกับโกหกว่าศิลาเป็นพ่อของเด็กในท้องห้ามทำร้ายเด็ดขาด แล้ว
ถลาเข้าไปกอดพลางกระซิบ “พี่ศิลา รันขอโทษ แต่รันจำเป็นต้องทำอย่างนี้”
ครรชิตโกรธจัดกระชากน้องสาวมาตบล้มคว่ำ ศิลาเอาตัวเองบังเธอไว้อย่างปกป้อง เขายิ่งโมโหชกหน้าคู่อริทรุด ขอจันทร์เห็นทั้งคู่ต่างปกป้องซึ่งกันและกันรู้สึกดวงใจกำลังจะแหลกสลายทนดูไม่ได้ต้องเบือนหน้าหนี ครรชิตแค้นมากเล็งปืนจะยิงศิลา ณิชรันย์ยืนกรานหากเขาฆ่าพ่อของลูกเธอจะขอตายตามแล้วจับปากกระบอกปืนในมือพี่ชายมาจ่อตัวเอง ครรชิตจำต้องลดปืนลง ไล่ตะเพิดทั้งสามคนออกไปอย่างเจ็บปวดใจ...
ขอจันทร์ทั้งเสียใจและผิดหวังเพราะคิดว่าเรื่องที่ณิชรันย์พูดเป็นความจริง ไม่ยอมกลับบ้านกับศิลา บอกให้เขาไปส่งณิชรันย์ไม่ต้องเป็นห่วงเธอ ณิชรันย์พยายามจะอธิบายแต่เธอเสียใจเกินกว่าจะฟังไหว รีบตัดบท
“คุณศิลาคะคุณรันกำลังท้องคุณควรทำหน้าที่สามีที่ดี คุณควรจะอยู่ดูแลคุณรันมากกว่า ฉันกลับเองได้” ขอจันทร์พูดจบวิ่งหนีไปทั้งน้ำตา ศิลาจะตามแต่ณิชรันย์จับมือไว้ อยู่ๆฝนก็เทกระหน่ำ เหมือนฟ้าฝนร้องไห้เสียใจไปกับเธอด้วย...
ในเวลาต่อมาที่บ้านเชตวัตร นทีตกใจมากเมื่อรู้จากแม่อิ่มว่าน้ำหนึ่งถูกยิง แต่พอถามว่าเป็นอะไรมากหรือเปล่า เธอกลับบอกว่าไม่รู้เหมือนกัน หลังจากที่ศิลาโทร.มาบอกว่าเกิดเรื่อง เธอพยายามโทร.กลับแต่ไม่มีใครรับสาย
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะรีบไปหายัยวาที่โรงพยาบาลก่อน” นทีรีบกลับไปขึ้นรถ แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นขอจันทร์นั่งตากฝนอยู่ ปรี่ไปถามมานั่งตากฝนทำไม เธอกลับปล่อยโฮลั่น นทีตกใจร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรให้ เธอบอกทั้งน้ำตาว่าณิชรันย์ท้องกับศิลา
“คุณรู้ได้อย่างไร”
“คุณรันเป็นคนบอกเอง ฉันจะทำอย่างไรดีคะคุณที” ขอจันทร์ร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ...
เมื่อกลับถึงบ้าน ณิชรันย์ขอโทษศิลาที่ต้องโกหกครรชิตไปแบบนั้น เขาเข้าใจดีว่าเธอทำเพื่อช่วยชีวิตเขาไว้ แต่อดถามไม่ได้ว่าใครเป็นพ่อเด็ก ณิชรันย์อึกอักไม่อยากบอก ไว้รอจนแน่ใจว่าศิลาปลอดภัยแล้ว ถึงจะบอกพี่ชายเองว่าเขาไม่ได้เป็นพ่อของเด็ก แต่ต้องขอให้เขาเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับก่อน
ooooooo
ที่หน้าห้องพักฟื้นของน้ำหนึ่ง หลังจากตะวันฉายโทร.เล่าให้พ่อฟังถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อที่ท่านจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง เดือนวารีถือถ้วยกาแฟร้อนเข้ามาให้ โดยมีรุจน์นั่งหลับอยู่ใกล้ๆ เธอยังคาใจไม่หายก่อนจะเกิดเรื่องเมื่อคืนเขากำลังจะบอกอะไร ตะวันฉายยังไม่ทันจะตอบคำถาม พยาบาลเปิดประตูห้องออกมาเสียก่อน
“ขอโทษนะคะ คนไข้รู้สึกตัวแล้วค่ะ”
ทั้งคู่ต่างดีใจรีบเข้าไปเยี่ยม ทันทีที่พวกนั้นลับสายตา รุจน์ค่อยๆลืมตาขึ้นด้วยสีหน้าเจ็บปวดใจ รับรู้ได้ว่าทั้งคู่มีอะไรลึกซึ้งต่อกัน ด้านน้ำหนึ่งที่เพิ่งฟื้นคืนสติกลับไม่สนใจอาการป่วยของตัวเอง อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเดือนวารีกับตะวันฉายถึงนัดไปเจอกันค่ำๆมืดๆ สองต่อสอง หรือว่าทั้งคู่แอบรักกันอยู่ เดือนวารีอึกอักไม่รู้จะตอบอย่างไร โยนให้ตะวันฉายเป็นคนตอบคำถามเพื่อความชัดเจน เขากลับบอกว่าไม่มีอะไรในกอไผ่
“แน่ใจนะ นายไม่ได้แอบมานัดเจอกันใช่ไหม”
“บอกแล้วไงว่าไม่ใช่ อย่าคิดมากสิ” ตะวันฉายยืนยัน เดือนวารีเสียใจมากทนอยู่ในห้องต่อไปไม่ไหว ทำทีขอตัวออกไปโทร.บอกแม่ก่อน เดี๋ยวท่านจะเป็นห่วง แล้วรีบออกจากห้องไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตา...
ขณะที่รักสี่เส้าระหว่างตะวันฉาย เดือนวารีกับน้ำหนึ่ง และรุจน์ยังคงวุ่นๆไม่จบไม่สิ้น บุญนำซึ่งใบหน้าบอบช้ำจากการถูกซ้อมโทร.บอกให้ศิลาเร่งหาตัวคนที่มิสเตอร์ทีต้องการ เพราะมีคนรู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ศิลาอดเป็นห่วงไม่ได้ ถามเสียงเครียดว่าเขาไม่เป็นอะไรใช่ไหม
“ครับ เอาไว้คุณศิลามาที่ออฟฟิศ คงจะเห็นสภาพของผมเอง”
“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะรีบไป”...
ขอจันทร์ทนความเจ็บช้ำใจไม่ไหวมาดักรอศิลาที่โรงรถเพื่อขอหย่า เขาพยายามจะอธิบายเรื่องรับเป็นพ่ออุปโลกน์ให้เด็กในท้องของณิชรันย์แต่เธอไม่อยากฟัง ขอให้เขาช่วยเตรียมเอกสารหย่าให้เร็วที่สุด...
เรื่องพ่ออุปโลกน์ทำให้นทีถึงกับนั่งไม่ติด บุกมาต่อว่าณิชรันย์ถึงที่ทำงานว่าไม่มีปัญญาทำให้พี่ศิลารักใช่ไหมถึงต้องใช้วิธีนี้จับเขา เธอโกรธมากตบนทีหน้าหัน
“ใช่ รันไม่มีปัญญาพอใจหรือยัง...รู้แล้วใช่ไหมว่ารันมันเลวขนาดไหน เลิกยุ่งกับผู้หญิงเลวๆคนนี้ซะ”...
ครรชิตแค้นใจมากเมื่อรู้ว่าถูกบุญนำหลอกให้ตามหาคนตายแถมยังถูกศิลาตามมาเย้ยหยันซ้ำเติมเรื่องนี้ แต่กลับทำอะไรไม่ได้เพราะติดที่เขาดันเป็นพ่อของหลานตัวเอง...
ศิลาไม่ได้แค่เปิดศึกหนักกับครรชิตเท่านั้น น้องชายในไส้ยังเห็นเขาเป็นศัตรูไปด้วย เข้ามาคาดคั้นจะแต่งงานกับณิชรันย์เมื่อไหร่ เขายืนยันจะไม่มีการแต่งงานใดๆทั้งสิ้นเพราะเขาไม่ได้ทำเธอท้อง นทีหลุดปากว่ารู้เรื่องนั้นแล้ว ศิลางงรู้ได้อย่างไรในเมื่อณิชรันย์ขอร้องให้ปิดเป็นความลับ
“ผมจะรู้ได้ยังไงพี่ไม่ต้องสนใจหรอก เอาเป็นว่าผมรู้ก็แล้วกัน”
“ถ้าแกรู้แล้ว งั้นก็บอกฉันมาสิว่าแกโมโหฉันเรื่องอะไร”
นทีแก้ตัวน้ำขุ่นๆไม่ได้โมโหแค่อยากให้ณิชรันย์มีความสุขกับผู้ชายที่เธอเลือก...
ครรชิตส่งวุธไปสืบข้อมูลเกี่ยวกับภรรยาลับๆของมิสเตอร์ทีแทบพลิกแผ่นดินหาแต่ไม่ได้อะไรคืบหน้า จึงลองมาสอบถามจากยรรยงซึ่งเป็นคนเคยใกล้ชิดกับตระกูลเชตวัตร ทำให้รู้ว่ามิสเตอร์ทีมีลูกสาวที่เกิดจากเมียแคดดี้หนึ่งคน และนั่นทำให้เธอคนนี้เป็นทายาท
ผู้จะได้มรดกทุกอย่างของมิสเตอร์ทีรวมทั้งหุ้นของเชตวัตรกรุ๊ปด้วย ครรชิตตั้งข้อสังเกตหากเราเจอเธอก่อนศิลาก็จะทำให้ได้เปรียบ แต่ติดที่ว่าไม่มีใครรู้เธอเป็นใคร
อยู่ที่ไหน ยรรยงหัวเราะในลำคออย่างชอบใจ ครรชิตอดถามไม่ได้ว่ามีอะไร
“ฉันแค่ขำที่ผ่านมายี่สิบปีเพิ่งนึกออกว่าทำไมไอ้เมฆากับน้ำทิพย์ถึงได้เอาเด็กผู้หญิงคนนั้นมาเลี้ยง”
ครรชิตยิ้มพอใจนี่เท่ากับพบกุญแจสำคัญที่จะทำให้การครอบครองเชตวัตรกรุ๊ปอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม โดยไม่รู้ว่าข้อมูลที่ได้จากยรรยงถูกต้องแค่บางส่วนเท่านั้น...
ดูเหมือนศิลาเองก็ไม่ได้อะไรจากการสืบหาตัวทายาทของมิสเตอร์ทีนอกจากรู้เพียงว่าภรรยาชาวไทยคนนั้นชื่อจันทร์เพ็ญ แถมรูปถ่ายที่ได้จากนักสืบก็มีแต่รูปของเธอไม่มีรูปของลูกสาวแม้แต่ภาพเดียว
ooooooo
ตะวันฉายโทษตัวเองที่มีส่วนทำให้น้ำหนึ่งถูกยิง จึงคิดจะทดแทนด้วยการดูแลเธอระหว่างนอนรักษาตัว เธอกลับคิดว่าเขามีใจให้ อ้อนออเซาะออกนอกหน้า เดือนวารียืนมองที่ช่องกระจกหน้าประตูห้องพักฟื้นเห็นท่าทางสวีตหวานของทั้งคู่ เจ็บปวดใจทนดูไม่ไหวหันหลังเดินหนี
รุจน์ที่ยืนมองอยู่อีกมุมหนึ่งเห็นท่าทางของเธอแล้วอดแปลกใจไม่ได้ แต่พอเปิดประตูห้องพักฟื้นเข้ามาเห็นตะวันฉายกำลังเอาผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าให้น้ำหนึ่ง
ก็เดาได้ทันทีว่าเดือนวารีเดินหนีไปเพราะเหตุใด...
ครรชิตคิดว่าเดือนวารีคือทายาทคนนั้นของมิสเตอร์ที รีบไปดักรอที่โรงพยาบาล เพื่อบอกว่าเธอไม่ใช่ลูกแท้ๆ
ของเมฆากับน้ำทิพย์ทำให้เธอตกใจแทบช็อก กลับมาคาดคั้นแม่ซึ่งกำลังคุยเรื่องจันทร์เพ็ญอยู่กับศิลาว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ท่านได้แต่อึกอัก ยิ่งทำให้เดือนวารีมั่นใจว่าเรื่องที่ครรชิตเล่าให้ฟังเป็นความจริงก็เสียใจมากวิ่งหนีขึ้นห้องไปทั้งน้ำตา ศิลาถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก
“นี่มันเรื่องอะไรกันครับแม่” ศิลาเห็นท่านนิ่งอึ้ง รีบตามเดือนวารีไปที่ห้องนอนเคาะประตูเรียกให้ออกมาคุยกันก่อน เธอเอาแต่ร้องไห้ไม่ยอมมาเปิด น้ำทิพย์
ตามขึ้นมาด้วยน้ำตานองหน้า ช่วยร้องเรียกอีกแรงหนึ่ง
“วา แม่ขอโทษที่แม่ไม่ได้บอกลูก ออกมาคุยกับแม่นะ”
“วาฟังพี่นะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงวาก็ยังเป็นน้องสาวคนเดิมของพี่เสมอนะ วา...เปิดประตูให้พี่แล้วเราออกมาคุยกันนะ” ไม่ว่าศิลากับน้ำทิพย์จะร้องเรียกให้เดือนวารีเปิดประตูรับอย่างไรเธอก็ไม่ยอมทำตามแถมขอร้องไม่ให้มายุ่ง อยากอยู่คนเดียว ศิลากับน้ำทิพย์จำต้องปล่อยให้เธอสงบสติอารมณ์ก่อน...
หลังจากศิลาได้ฟังเรื่องราวจากแม่ว่าเดือนวารีเป็นลูกที่เก็บมาเลี้ยงก็ตัดพ้อต่อว่าทำไมถึงไม่บอกเรื่องนี้ให้ตนรู้บ้าง ท่านคิดเสมอว่าเธอเป็นลูกในไส้ก็เลยไม่พูดอะไร นทีกลับมาได้ยินแม่กับพี่ชายคุยกันพอดี โวยวายว่าเดือนวารีไม่ใช่น้องแท้ๆของตนจริงหรือ น้ำทิพย์เอาแต่นั่งหน้าเครียดไม่พูดไม่จา ทำให้เขาเป็นห่วงน้องสาวถามว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน พอรู้ว่าอยู่บนห้องรีบขึ้นไปเคาะประตูเรียก
“วาพี่เอง เปิดประตูให้พี่หน่อย” นทีเคาะอยู่นานสองนานไม่มีเสียงขานตอบเริ่มเป็นกังวล ลองบิดลูกบิดดูปรากฏว่าประตูไม่ได้ล็อก เปิดเข้าไปก็พบแต่ห้องว่างเปล่า เจ้าของห้องอันตรธานไปพร้อมกับเสื้อผ้าบางส่วน รู้ทันทีว่าน้องหนีออกจากบ้าน...
ที่เรือนเล็ก สาโรจน์เห็นขอจันทร์ไม่สวมสร้อยของแม่ที่เขามอบให้ก็บอกให้สวมติดตัวไว้ แม่คงจะดีใจมากที่รู้ว่าเธอสวมสร้อยของท่าน แล้วอาสาสวมสร้อยให้ ระหว่างนั้นมั่นใจวิ่งหน้าตื่นเข้ามาบอกว่าเดือนวารีหนีออกจากบ้าน นังเฟื่องแอบได้ยินมาว่าที่เธอหนีเพราะรู้ว่าเป็นเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยง
การหายตัวไปของเดือนวารีทำให้บ้านเชตวัตรวุ่นวายไปหมด น้ำทิพย์กับศิลาต้องรบกวนให้นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ช่วยส่งคนไปตามหา ตะวันฉายรู้เรื่องนี้ก็ไม่
สบายใจเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอ ช่วยออกตามหาอีกแรงหนึ่ง และยังพยายามโทร.เข้ามือถือของเธอ แต่มีเพียงสัญญาณให้ฝากข้อความ เขานึกถึงรุจน์ขึ้นมาได้รีบโทร.หา พร้อมกับฝากด้วยว่าถ้าเธอโทร.มาหรือมาหาให้รีบโทร.บอกเขาด้วยแล้ววางสายทันที
รุจน์ซึ่งกำลังเฝ้าไข้น้ำหนึ่งอยู่ในห้องพักฟื้น ทั้งงงทั้งสงสัย ต้องเกิดเรื่องกับเดือนวารีแน่ๆ
ooooooo
ตะวันฉายตามไปทุกที่ที่คิดว่าเดือนวารีจะไปแต่ไม่เจอ ลองมาดูที่สนามเด็กเล่นเห็นเธอนั่งหน้าเศร้าอยู่ที่ชิงช้ามีกระเป๋าเสื้อผ้าวางอยู่ใกล้ๆก็ดีใจวิ่งเข้าไปหา พยายามเกลี้ยกล่อมให้เธอกลับบ้าน แต่เธอกำลังสติแตกที่รู้ว่าตัวเองเป็นแค่ลูกบุญธรรมก็เลยไม่ยอมกลับ คว้ากระเป๋าเสื้อผ้าเดินหนี เขาจะตามแต่เธอหันมาชี้หน้า
“อย่าตามฉัน ไม่อย่างนั้นนายจะไม่ได้เห็นฉันอีก” ขู่เสร็จ เดือนวารีวิ่งหนี ตะวันฉายได้แต่ยืนอึ้ง...
ประภพไม่พอใจมากที่ครรชิตพาลูกสาวของตัวเองไปถึงไหนต่อไหนแต่ไม่เคยคิดจะเข้ามาทักทายตน
กับรสรินตามมารยาทสักครั้ง ลีน่าแก้ตัวแทนเขาว่าเราสองคนเป็นแค่เพื่อนกันไม่เห็นต้องให้มาแนะนำตัวเองให้ยุ่งยาก ประภพแดกดันเพื่อนประเภทไหนถึงได้พากันเข้าออกโรงแรมเป็นว่าเล่นแบบนี้
“นี่คุณพ่อให้คนสะกดรอยตามลีน่าเหรอคะ”
“แล้วที่ลูกทำแบบนี้คิดว่ามันเหมาะแล้วหรือไง จะคบกันก็ควรจะเปิดเผยให้ผู้ใหญ่รับรู้สิไม่ใช่อย่างนี้ ลีน่าลูกเป็นผู้หญิงปล่อยให้ครรชิตทำแบบนี้ลูกนั่นแหละที่เป็นฝ่ายเสียหาย”
ลีน่ากลับไม่สนใจแถมยืนยันว่าตัวเองกับครรชิตเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น...
ด้านณิชรันย์แอบได้ยินครรชิตคุยโทรศัพท์กับวุธเรื่องที่ให้สะกดรอยตามเดือนวารีซึ่งกำลังหนีออกจากบ้าน จึงคาดคั้นให้เขาบอกว่าไปยุ่งกับน้องสาวของศิลาทำไม เขาหงุดหงิดขึ้นมาทันทีสั่งให้เธอเอาเวลาไปยุ่งเรื่องของตัวเองดีกว่า ไปจัดการขายร้านสปาทิ้ง เขาจะส่งเธอไปคลอดลูกที่อเมริกาและอย่าหวังว่าศิลาจะได้เห็นหน้าลูก เธอกร้าวใส่ถ้าเขาแตะต้องศิลา เขาจะไม่ได้เห็นเธออยู่บนโลกนี้อีกต่อไป
ครรชิตโกรธมากที่น้องสาวตัวเองออกโรงปกป้องศัตรู ส่วนณิชรันย์ยอมให้พี่ชายส่งไปอเมริกาไม่ได้ ตัดสินใจโทร.หาขอจันทร์นัดให้มาเจอวันพรุ่งนี้ อ้างมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย
ooooooo
ตั้งแต่กลับจากไปพบณิชรันย์และถูกขอร้องให้หย่าขาดจากศิลาเพื่อให้ตัวเองได้แต่งงานกับเขา ขอจันทร์เอาแต่นั่งซึมไม่เป็นอันทำงาน นทีเห็นท่าทางผิดปกติของเธอซักเป็นการใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอเล่าทั้งน้ำตาเรื่องที่ณิชรันย์ขอร้องให้ทำ นทีสงสารเธอจับใจตัดสินใจบอกความจริง
“จันทร์คุณฟังผมให้ดีๆนะ พี่ศิลาไม่ใช่พ่อของเด็กในท้อง ผมคือคนที่ทำรันท้อง”
หญิงสาวแทบช็อกไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์จะกลับตาลปัตรเช่นนี้...
ทันทีที่รู้ข่าวณิชรันย์กรีดข้อมือตัวเอง ศิลารีบมาเยี่ยมที่โรงพยาบาลต่อว่าต่อขานจะทำอะไรน่าจะคิดถึงตัวเองกับลูก เธอแค่จะทำให้พี่ชายเห็นว่าเธอพร้อมจะแลกชีวิตเพื่อปกป้องศิลา แล้วชวนเขามาแต่งงานกัน
“พี่แต่งงานกับรันไม่ได้ ไม่ใช่เพราะพี่รังเกียจลูกในท้องของรัน แต่พี่อยากให้คนที่เป็นพ่อของเด็กจริงๆควรได้รับผิดชอบกับการกระทำของตัวเอง รันบอกพี่มาเถอะใครเป็นพ่อของเด็ก”
ณิชรันย์ยอมบอกความจริงว่านทีคือผู้ชายคนนั้น ศิลาจะไปลากตัวเขามารับผิดชอบแต่เธอห้ามไว้ อ้างว่าเขาขอรับผิดชอบแล้วแต่เธอเองต่างหากที่ไม่ยอมให้ทำเพราะเธอไม่ได้รักนที เราสองคนไม่ได้รักกัน เธอรักศิลาคนเดียว รักมาตั้งแต่แรก แล้วขอร้องให้แต่งงานกับเธอ ศิลายังไม่ทันจะอ้าปากปฏิเสธ ณิชรันย์กระชากสายน้ำเกลือกับผ้าพันแผลที่ข้อมือออก ขู่ถ้าเขาไม่ยอมแต่งงานด้วย เธอจะตายให้ดู
“ก็ได้...พี่จะแต่งกับรัน เราจะแต่งงานกัน” ศิลาจำต้องรับปากเพื่อรักษาชีวิตเธอกับลูก...
ทางฝ่ายเดือนวารีไม่รู้จะไปพึ่งใคร ตัดสินใจไปหารุจน์ที่ห้องพักจะขออยู่ด้วย เขาไม่ยอมให้ทำ เนื่องจากเกรงจะทำให้เธอดูไม่ดีในสายตาคนอื่นและที่สำคัญถ้าตะวันฉายรู้เข้าคงไม่ชอบใจแน่ๆ เดือนวารีโกรธมากที่เขาพูดถึงตะวันฉายเดินจากไปทันที รุจน์ได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วง...
เชนพยายามโทร.หาครรชิตหลายครั้งแต่เขาไม่ยอมรับสาย ก็เลยมาดักรอที่ลานจอดรถของเชตวัตรกรุ๊ปเพื่อจะขอให้ช่วยเหลือ เขาปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยว่าจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเชนอีก หากยังไม่ไปให้พ้นหน้าจะแจ้งตำรวจมาจับ เชนไม่อยากมีปัญหา จำต้องหลบออกมา ระหว่างนั้น เดือนวารีโทร.นัดให้ครรชิตมาหา ครู่ต่อมาเขามาถึงร้านกาแฟตามนัดเห็นเดือนวารีนั่งรอท่าอยู่ก่อนแล้ว
“เธอตัดสินใจถูกแล้วที่โทร.มาหาฉัน”
เดือนวารีไม่ตั้งใจจะทำอย่างนี้ แค่อยากจะบอกว่าเรื่องที่เธอเป็นเด็กที่แม่ขอมาเลี้ยงเป็นเรื่องจริง ครรชิตทำตัวเป็นพ่อพระ เห็นท่าทางอิดโรยเหมือนไม่ได้นอนมาทั้งคืนของเธอ ถามว่าตอนนี้พักอยู่ที่ไหน ถ้าไม่มีที่ไปเขามีคอนโดฯให้เธอไปอาศัยชั่วคราวได้หากไม่รังเกียจ เดือนวารีครุ่นคิดหนักไม่รู้จะรับความช่วยเหลือที่เขาหยิบยื่นให้ดีหรือไม่ ทั้งคู่ไม่ทันสังเกตเห็นเชนซึ่งสะกดรอยตามครรชิตมาจากที่ทำงานแอบมองอยู่ด้วยความสงสัย ทำไมทั้งคู่ถึงมาเจอกันได้...
ฝ่ายขอจันทร์รีบกลับมาหาศิลาเพื่อจะขอยกเลิกการหย่าเพราะรู้แล้วว่าเขาไม่ใช่พ่อของเด็กในท้องณิชรันย์ แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไร เขากลับเป็นฝ่ายขอหย่ากับเธอเสียก่อน แถมหยิบแหวนในลิ้นชักคืนให้
“พรุ่งนี้ เราจะไปหย่ากัน”
ขอจันทร์ผลุนผลันออกมาทันที กลัวจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ศิลาเองก็เสียใจไม่แพ้เธอเช่นกัน...
ในเวลาต่อมา ครรชิตพาเดือนวารีมายังคอนโดฯที่พักหรูหราของตัวเอง เธอเดินสำรวจไปตามห้องต่างๆสีหน้าพึงพอใจ เขาบอกให้เธอพักให้สบาย ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มก็ให้บอก เธอไม่เข้าใจเขาทำดีกับเธอแบบนี้ทำไม เขาอ้างว่าเราสองคนเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเก็บมาเลี้ยงเหมือนกันย่อมเข้าใจคนหัวอกเดียวกัน แล้วปล่อยให้เธอพักผ่อนตามลำพังในห้อง ระหว่างเดินมาที่โถงหน้าลิฟต์ ครรชิตหยิบมือถือขึ้นมาโทร.หาวุธ
“เดี๋ยวแกหาคนมาเฝ้าที่คอนโดฯฉันด้วย เอาที่มีฝีมือหน่อย อีกเรื่อง ติดต่อคุณแลรี่ให้ฉันด้วย บอกมันว่าฉันอยากพบ บอกมันว่าฉันเจอคนที่มันกำลังตามหาแล้ว” ครรชิตวางสายฉีกยิ้มสมใจ
ooooooo
เชนรอจนครรชิตลงลิฟต์ไปแล้วถึงได้มาเคาะประตูห้องพัก เดือนวารีคิดว่าเป็นครรชิตก็เลยเปิดประตู รับ เชนรวบตัวเธอไว้ทันทีหมายจะปลุกปล้ำแก้แค้นที่เธอเป็นต้นเหตุให้เขาต้องตกต่ำแบบนี้ เธอสู้สุดฤทธิ์ทั้งเตะทั้งถีบจนเขากระเด็น แล้ววิ่งหนีเข้าห้องน้ำปิดประตูล็อก รีบหยิบมือถือโทร.หาครรชิต
“ช่วยด้วย ช่วยวาด้วยค่ะ เชนเขา...” เดือนวารีพูดได้แค่นั้น เชนพังประตูห้องน้ำเข้ามาเสียก่อนจิกผมเธอลากออกมา ครรชิตได้ยินเสียงหลานชายก็โกรธมากที่เขากำลังจะทำให้แผนการพัง รีบกลับเข้าไปในลิฟต์
ก่อนที่เดือนวารีจะเสียทีให้เชน ครรชิตเข้ามาช่วยไว้ทัน เตะต่อยหลานตัวแสบล้มกลิ้งล้มหงาย เขาสู้ไม่ได้ชักปืนจะยิง ครรชิตใช้ความเจ้าเล่ห์หลอกล่อให้เขาเชื่อว่าตัวเองฝากฝังตำรวจเจ้าของคดีของเขาเพื่อช่วยเขาแล้ว เชนหลงเชื่อลดปืนลง ครรชิตสบช่องเข้าไปแย่งปืน ต่างคนต่างยื้อแย่งกันไปมาจนปืนกระเด็นไปใกล้กับระเบียงห้อง เชนถีบครรชิตเสียหลัก ก่อนจะวิ่งไปเก็บปืน ครรชิตพุ่งกระแทกเขาเซเสียหลักหงายหลังตกระเบียง เดือนวารีเห็นเหตุการณ์โดยตลอดตกใจแทบช็อก
จากนั้นไม่นาน ตำรวจเข้ามาเคลียร์พื้นที่พร้อมกับสอบปากคำครรชิตซึ่งให้การว่าผู้ตายไปนั่งเล่นที่ระเบียงห้องแล้วพลัดตกลงไปเอง เดือนวารีก็ให้การไปในทางเดียวกัน ตำรวจจึงสันนิษฐานเบื้องต้นว่าการตายของเชนน่าจะเป็นอุบัติเหตุ ก่อนจะพากันยกกำลังกลับไป ครรชิตเห็นเดือนวารียังหวาดกลัวกับเรื่องที่เกิดขึ้น แถมโทษตัวเอง ถ้าเธอไม่โทร.นัดครรชิตออกมาพบ เชนคงไม่ต้องมาตายแบบนี้
“ฉันทำได้ทุกอย่างเพื่อทำให้เธอปลอดภัยนะ แต่ถ้าเธอรู้สึกผิดจริงๆฉันก็มีวิธีทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น”
เดือนวารีมองเขาด้วยสายตาเต็มไปด้วยคำถาม
ooooooo
เช้านี้ศิลากับขอจันทร์นัดกันดิบดีจะไปจดทะเบียนหย่าที่สำนักงานเขตแต่ต้องล้มเลิก เนื่องจากบุญนำโทร.มาตามศิลาให้รีบเข้าออฟฟิศ เพราะได้ยินมาว่าครรชิตเจอตัวทายาทของมิสเตอร์ทีแล้ว เขาตกใจมาก
“อะไรนะ ครรชิตเจอตัวทายาทแล้วเหรอ ผมจะรีบเข้าไปเดี๋ยวนี้แหละ” ศิลาพูดจบรีบร้อนออกไป
ไม่นานนัก ศิลามาถึงออฟฟิศของเชตวัตรกรุ๊ป บุญนำรีบพาเขาไปดักรอคุณแลรี่เพื่อคุยกันนอกรอบก่อนที่จะได้เจอตัวทายาทของมิสเตอร์ทีตามที่ครรชิตได้โทร.แจ้ง ศิลาขอร้องคุณแลรี่ ถ้าได้เจอกับทายาทคนนั้นจริงๆ อยากให้ช่วยพูดกับเธอไม่ให้ขายหุ้นเชตวัตรกรุ๊ปให้ครรชิต คุณแลรี่ถึงกับหน้าเครียด
“ถ้าทายาทของมิสเตอร์ทีต้องการขายหุ้นไปจริงๆ ผมคงห้ามอะไรไม่ได้เพราะเรื่องนี้เป็นสิทธิของเธอ ผมต้องขอโทษคุณศิลาด้วย ผมขอตัวก่อนนะครับ ใกล้เวลาแล้ว” คุณแลรี่พูดจบผละจากไป ศิลากับบุญนำรีบตามไปที่ห้องประชุม อยากรู้เช่นกันทายาทของมิสเตอร์ทีเป็นใคร
พอครรชิตแนะนำคุณแลรี่ว่าเดือนวารีคือทายาทของมิสเตอร์ทีที่ใครๆตามหา ศิลาคัดค้านทันทีว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด เธอไม่ใช่ทายาทคนนั้นอย่างที่ครรชิตกล่าวอ้าง คุณแลรี่เองก็ดูจะไม่ค่อยมั่นใจนัก
“แล้วคุณครรชิตแน่ใจได้ยังไงว่าคุณเดือนวารีจะเป็นทายาทของมิสเตอร์ทีจริงๆ”
“เพราะดูจากวันเวลาที่มิสเตอร์ทีเสียชีวิต และประกอบกับเหตุผลที่เธอต้องย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านเชตวัตรแล้วล่ะก็ ยิ่งทำให้เราเชื่อได้ว่าเดือนวารีคือทายาทของมิสเตอร์ทีอย่างแท้จริง”
คุณแลรี่จะเชื่อก็ต่อเมื่อมีการตรวจเลือดแล้วเท่านั้น เพราะมิสเตอร์ทีมีกรุ๊ปเลือดบีอาร์เอชเนกาทีฟที่หายากมากและตามข้อมูลที่ตนได้มา ลูกสาวของท่านก็มีเลือดกรุ๊ปนี้เช่นกัน นทีทักทันทีว่าเดือนวารีมีเลือดกรุ๊ปเอ เธอผิดหวังมาก คิดว่าจะได้รู้ที่มาที่ไปของตัวเองแต่ทุกอย่างกลับสลายในพริบตา วิ่งหนีออกจากห้องทั้งน้ำตา ศิลาเป็นห่วงน้องสาวรีบวิ่งตาม ครรชิตแค้นใจมากที่แผนครอบครองเชตวัตรกรุ๊ปต้องพังทลายอีกครั้ง ปัดแฟ้มเอกสารเกี่ยวกับเดือนวารีกระจุยกระจาย นทีฉุนขาดหันไปโวยใส่ครรชิตกับลีน่า
“แกจะเล่นเกมกับใครฉันไม่สน แต่อย่าเอาครอบครัวฉันมาเล่น” พูดจบนทีเดินตามศิลาไปอีกทอดหนึ่ง
อึดใจ ขอจันทร์มาถึงหน้าห้องประชุมเห็นหลังนทีไวๆจะเรียกแต่ไม่ทัน จังหวะนั้นบุญนำเปิดประตูห้องออกมา เธอซักเป็นการใหญ่เกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาถอนใจหนักใจ ก่อนจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง...
ศิลาวิ่งตามเดือนวารีจนทัน คว้ามือไว้ขอร้องให้คุยกันก่อน เธอสะบัดมือเขาออก ไม่ต้องการคุยอะไรด้วยจะมายุ่งวุ่นวายกับส่วนเกินของครอบครัวอย่างเธอทำไม นทีตามมาสมทบ ช่วยกันกับศิลาอธิบายให้เธอเข้าใจว่าเธอไม่ใช่ส่วนเกินแต่เป็นส่วนที่เติมเต็มในชีวิตของเราสองคนต่างหาก แล้วชวนให้เธอกลับบ้านไปหาแม่ของเราด้วยกัน ในที่สุดสามคนพี่น้องก็ปรับความเข้าใจกันได้ เดือนวารีโผกอดพี่ชายทั้งสองคนไว้ร้องไห้โฮ ขอจันทร์แอบมองจากอีกมุมหนึ่ง ดีใจด้วยที่เห็นพี่น้องกลับมาดีกันได้...
เดือนวารีลังเลไม่กล้าเข้าไปหาแม่ กลัวท่านยังโกรธที่หนีออกจากบ้าน นอกจากน้ำทิพย์จะไม่โกรธ ยังดีใจมากที่ลูกกลับมาอย่างปลอดภัย ดึงตัวเธอมากอดด้วยความรัก...
แม้เรื่องของเดือนวารีจะจบลงด้วยดี แต่ศิลาก็อดเป็นกังวลไม่ได้ที่ยังหาตัวทายาทของมิสเตอร์ทีไม่เจอ โทร.สั่งการให้บุญนำไปเช็กตามบ้านเด็กกำพร้าทุกแห่งว่าช่วงระหว่างที่มิสเตอร์ทีกับจันทร์เพ็ญตาย มีเด็กคนไหนถูกส่งตัวเข้ามาบ้าง นทีรอจนเขาวางสาย เข้ามาเตือนให้เขาเลิกแข่งขันกับครรชิตหาตัวทายาทของมิสเตอร์ทีจะดีกว่า เพราะรังแต่จะหาเรื่องใส่ตัว ครรชิตคงไม่ปล่อยให้เขาหาทายาทคนนั้นเจอแน่ๆ
“ที่ผมมาบอกไม่ใช่เพราะผมเป็นห่วงอะไรพี่หรอก แต่พี่อย่าลืมสิว่าพี่ยังมีคนต้องดูแลอีกหลายคน”
ศิลารู้ว่าน้องชายหมายถึงณิชรันย์กับลูก แต่ยังไม่ทันจะบอกว่ารู้เรื่องที่เขาเป็นพ่อเด็กในท้องของณิชรันย์ นทีเดินลิ่วออกไปเสียก่อน...
นอกจากจะขอโทษพี่ชายทั้งสองคนและแม่เรียบร้อย เดือนวารีไม่ลืมแวะมาขอโทษตะวันฉาย สาโรจน์และขอจันทร์ที่ทำให้เดือดร้อนกันไปหมด และที่สำคัญเธอขอบคุณตะวันฉายมากที่ช่วยพูดเตือนสติเธอ จังหวะนั้นศิลาเข้ามาตามตัวน้องสาวให้ไปพบแม่แล้วหันไปบอกขอจันทร์ว่ามีเรื่องจะคุยด้วย
“เธอคงยังไม่ลืมเรื่องที่เราคุยกันไว้ใช่ไหม...ถ้าอย่างนั้นเจอกันพรุ่งนี้แล้วกัน” ศิลาพูดจบผละจากไป
ตะวันฉายอดถามไม่ได้ว่ามีเรื่องอะไร ขอจันทร์โกหกว่าไม่มีอะไร แค่เรื่องงานที่ออฟฟิศเท่านั้น
ooooooo
นทีไม่สบายใจมากเมื่อรู้จากสาโรจน์ว่าขอจันทร์ออกไปข้างนอกกับศิลาแต่เช้า เดาออกทันทีว่าทั้งคู่ไปที่สำนักงานเขตเพื่อจดทะเบียนหย่า รีบตามไปห้ามแต่ไม่ทัน ทั้งคู่หย่ากันเรียบร้อยแล้ว เขาต่อว่าขอจันทร์ทำไมไม่บอกความจริงกับพี่ชายของเขา เธอไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไรอีก แล้วขอตัวไปก่อน นทีหันมาทางศิลา
“พี่อยากรู้ไหมใครเป็นพ่อเด็กในท้องรัน”
ศิลารู้เรื่องนี้แล้ว นทีตกใจ ถ้ารู้ความจริงแล้วทำไมยังรับเป็นพ่อของเด็ก เขาอธิบาย ที่ต้องทำอย่างนั้นเพราะณิชรันย์ขู่จะฆ่าตัวตาย เขายอมเสียสละความรักของเขาถ้ามันสามารถช่วยชีวิตเธอ ชีวิตลูกของเธอและของน้องชายตัวเองไว้ได้ นทีอึ้งมากที่เขายอมทำทุกอย่างเพื่อคนอื่น
“ขอจันทร์ควรได้รู้เรื่องนี้ ผมจะไปบอกเธอเอง” นทีว่าแล้วขยับจะไป ศิลาห้ามไว้ ชายหนุ่มผู้อ่อนวัยกว่าท้วงนี่เขาจะปล่อยให้เธอเข้าใจเขาผิดอย่างนี้ไปตลอดเลยหรือ
“ใช่ ฉันรักเธอมาก...มากเกินกว่าที่จะให้เธอเจ็บไปมากกว่านี้”...
ที่มหาวิทยาลัย ตะวันฉายกำลังถูกน้ำหนึ่งตัดพ้อที่หายหน้าไปไม่แวะมาหา ตอนที่รุจน์เดินหน้าเครียดเข้ามาขอคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว ทีแรกน้ำหนึ่งไม่ยอมให้ไป แต่พอเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของรุจน์ จำต้องปล่อยเขาไป ทันทีที่มาถึงมุมปลอดคน รุจน์ต่อว่าตะวันฉายว่าชอบพอกับเดือนวารีแล้วทำไมไม่ยอมบอก
“แกจะบ้าหรือไง ฉันจะชอบคนที่แกชอบได้ยังไง”
“ไอ้โกหก” ไม่ด่าเปล่า รุจน์ปล่อยหมัดตรงเข้าหน้าเพื่อนรักถึงกับเซเป็นนกปีกหัก น้ำหนึ่งซึ่งแอบตามมารีบเข้ามาขวาง พร้อมกับสั่งให้รุจน์พอได้แล้ว เขาพยายามข่มอารมณ์ไว้ ก่อนจะเดินหนี น้ำหนึ่งซักตะวันฉายเป็นการใหญ่ มีเรื่องอะไรถึงต้องลงไม้ลงมือแบบนี้ ชายหนุ่มโกหกว่าไม่มีอะไร แค่เข้าใจผิดนิดหน่อย
“เข้าใจผิดยังไงก็น่าจะคุยกันดีๆ” พูดจบน้ำหนึ่งวิ่งตามรุจน์โดยไม่ฟังเสียงห้ามปรามของตะวันฉาย เธอไล่ตามเขาจนทันโวยวายใส่ทำไมต้องทำร้ายเพื่อนรักตัวเองแบบนั้น รุจน์โพล่งขึ้นอย่างเหลืออดที่ต้องทำแบบนั้นเพราะตะวันฉายกับเดือนวารีรักกันแต่ไม่ยอมบอก น้ำหนึ่งไม่เชื่อ หาว่าเขาโกหก รุจน์ยืนยันเป็นเรื่องจริง
“ตลอดเวลาที่แกอยู่โรงพยาบาล ฉันเห็นเต็มสองตาได้ยินเต็มสองหู สองคนนั่นรักกันจริงๆ”
“ฉันฝันอยู่ใช่ไหมอะแก” น้ำหนึ่งตบหน้าตัวเองเพื่อให้ตื่นจากความฝัน รุจน์ดึงมือเธอไว้ สั่งให้หยุดทำร้ายตัวเองได้แล้ว เราสองคนต้องยอมรับความจริงที่ว่าตะวันฉายไม่ได้รักเธอ ส่วนเดือนวารีก็ไม่ได้รักเขา น้ำหนึ่งยังทำใจยอมรับความจริงไม่ได้ ร้องไห้โฮ...
ครรชิตแค้นจัดที่รู้จากวุธว่าศิลาส่งคนไปสืบหาข้อมูลทายาทของมิสเตอร์ทีบ้านเด็กกำพร้าทุกแห่งเช่นกัน ลีน่าตั้งข้อสังเกต นี่แสดงว่าศิลาไม่ได้ร่วมมือกับคุณแลรี่อย่างที่ครรชิตคิด แต่ต่อให้เราหาทายาทตัวจริงเจอก็ยังทำอะไรพี่ศิลากับเชตวัตรกรุ๊ปไม่ได้อยู่ดี ตราบใดที่ยังมีณิชรันย์คอยปกป้องอยู่
“ก่อนจะตามหาทายาท ฉันว่าคุณจัดการเรื่องของน้องสาวคุณก่อนดีกว่าไหม”
เขาเห็นด้วยกับเธอ สั่งการให้วุธเช็กเรื่องที่อยู่ที่อเมริกาและติดต่อด็อกเตอร์ฟิลลิปหมอสูตินรีฯให้เขาด่วนที่สุด ที่สำคัญอย่าให้ใครรู้เรื่องนี้ แล้วหันไปกำชับลีน่าห้ามพูดเรื่องนี้เช่นกัน
“ก่อนที่คุณจะกังวลฉันฉันว่าคุณกังวลเรื่องที่รันจะยอมไปอเมริกาหรือเปล่าดีกว่า”
ooooooo
ณิชรันย์รุกไล่ศิลาหนักข้อขึ้น ชวนไปร้านเวดดิ้งเพื่อเร่งเรื่องงานแต่งงาน นอกจากจะไม่ยินดียินร้ายกับเรื่องนี้ เขาไม่ได้บอกแม่ด้วยซ้ำว่าจะแต่งงาน เธอไม่ยอมให้เรื่องแค่นี้เป็นอุปสรรค
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลยค่ะรันกะจะไปกินข้าวบ้านพี่ศิลาเย็นนี้ งั้นเราบอกเรื่องนี้กับท่านพร้อมกันดีไหมคะ”
ศิลาพยักหน้ารับเนือยๆ ณิชรันย์สัมผัสได้ถึงความอึดอัดของเขา แต่เลือกที่จะไม่ใส่ใจ...
ด้านขอจันทร์ยังเสียใจกับการหย่าครั้งนี้ไม่หาย สาโรจน์เห็นใจและสงสารลูกมาก ไม่รู้จะช่วยอย่างไร ได้แต่คอยเป็นกำลังใจให้ ระหว่างนั้นแม่อิ่มเข้ามาตามตัวขอจันทร์ให้ขึ้นไปช่วยงานครัวที่ตึกใหญ่ ณิชรันย์จะมากินมื้อค่ำที่นี่ คุณท่านก็เลยสั่งให้ทำอาหารขึ้นโต๊ะเพิ่ม เธอถึงกับชะงักเมื่อได้ยินชื่อแขกผู้มาเยือน แต่พยายามเก็บอารมณ์ไว้ สาโรจน์เห็นลูกไม่สบายใจอาสาจะบอกแม่อิ่มให้ตามคนอื่นไปทำแทน
“ไม่เป็นไรจ้ะพ่อ จันทร์จะผ่านมันไปให้ได้ พ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะ”...
แม้ขอจันทร์พยายามทำใจเข้มแข็งเพื่อรับมือกับเรื่องนี้ แต่ก็อดหวั่นไหวไม่ได้เมื่อรู้ว่าณิชรันย์มาที่นี่เพื่อมาคุยกับน้ำทิพย์เรื่องจะแต่งงานกับศิลา นทีเองก็ยังทำใจยอมรับไม่ได้เช่นกันถึงกับปวดหัวจี๊ด ขอตัวไปพักผ่อนก่อนอ้างกินข้าวมาแล้ว ทันทีที่ลับสายตาผู้คน เขาต้องเอามือยันผนังบ้านไว้เพราะกลัวล้ม แล้วเอามือแตะที่จมูกถึงได้รู้ว่ามีเลือดกำเดาไหลออกมา น้ำทิพย์เห็นท่าทางนทีไม่ค่อยจะดี วานศิลาช่วยไปดูให้
ขอจันทร์เห็นหมดหน้าที่ของตัวเองแล้ว ออกจากครัวจะกลับเรือนเล็ก มัวแต่เดินใจลอยไม่ทันดูทาง ชนเข้ากับศิลาที่เลี้ยวหัวมุมตึกมาตามหานที จนสร้อยคอร่วงลงพื้น เขาก้มลงเก็บคืนให้ เธอถือโอกาสนี้แสดงความยินดีกับเขาด้วยที่จะแต่งงานกับณิชรันย์ เขานิ่วหน้าแปลกใจ ไม่โกรธเขาเรื่องนี้แล้วหรือ
“ฉันจะโกรธคนที่มอบช่วงเวลาที่ดีที่สุดให้กับฉันได้ไงคะ...ดีใจด้วยนะคะ” ขอจันทร์ฝืนยิ้มให้ทั้งที่อกตรม แล้วเดินจากไป ศิลาเป็นห่วงความรู้สึกของเธอแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร...
เพื่อจับผิดคนปากแข็ง น้ำหนึ่งกับรุจน์หลอกให้เดือนวารีกับตะวันฉายมาที่สนามเด็กเล่น แล้วถามซึ่งหน้าว่ามีใจให้กันใช่ไหม แทนที่จะยอมรับ ทั้งคู่กลับบอกว่ารุจน์กับน้ำหนึ่งเข้าใจผิด น้ำหนึ่งแสร้งโกรธเกรี้ยว ชักปืนขึ้นมาเล็งไปที่เดือนวารี ขู่ให้บอกความจริงไม่อย่างนั้นจะฆ่าทิ้ง ตะวันฉายขอร้องอย่าทำอะไรเธอ ถ้าจะยิงก็ให้ยิงเขาแทน น้ำหนึ่งยินดีจัดให้ แต่จะยิงเดือนวารีก่อนแล้วค่อยยิงตะวันฉายทีหลัง จากนั้นเธอเหนี่ยวไกปืน ตะวันฉายไม่ห่วงชีวิตเอาตัวขวางทางกระสุนไว้ ปรากฏว่าเป็นปืนปลอม ทั้งคู่มองน้ำหนึ่งงงๆ
“นายไม่ได้รักยัยวา แต่กล้าเอาตัวรับกระสุนแทนวาเนี่ยนะ” น้ำหนึ่งโวย
“ถ้าฉันสองคนไม่ทำแบบนี้ แล้วแกกับคุณวาจะยอมเผยความในใจเมื่อไหร่”
น้ำหนึ่งเดินเข้ามาหาเพื่อนรักด้วยน้ำตาคลอเบ้า “ทีหลังมีอะไรก็พูดกับฉันตรงๆยังไงแกก็เป็นเพื่อนฉัน...ฉันดีใจกับแกด้วยนะ ว้า...จบเรื่องแล้วงั้นฉันไปล่ะนะ...ไปเร็วรุจน์ไปส่งฉันด้วย” พูดจบน้ำหนึ่งเดินลิ่วจากไป เดือนวารีเป็นห่วงความรู้สึกของเธอจะเดินตามแต่รุจน์ห้ามไว้ บอกว่าเธอไม่เป็นอะไร เดี๋ยวตนจะไปดูให้เอง
“ตะวัน ฝากแกดูแลคุณวาด้วยนะ” รุจน์ตบไหล่เพื่อนรัก แล้วเดินตามน้ำหนึ่งจนทันเห็นเธอทำทีร่าเริงทั้งที่ในใจเจ็บปวด บอกให้เลิกเสแสร้งได้แล้ว น้ำหนึ่งโผกอดเขาร้องไห้โฮ รุจน์กอดตอบปลอบใจ...
ทางด้านตะวันฉายสารภาพว่าชอบเดือนวารีมากแต่ที่ไม่แสดงออกเพราะเราสองคนต่างยังเรียนหนังสือกันอยู่ แล้วขอแหวนพลาสติกวงนั้นคืน เพื่อจะสวมให้เธออีกครั้งเหมือนตอนเราเป็นเด็ก เธอปฏิเสธทันทีว่าไม่ แต่จะให้เขาเก็บแหวนไว้ก่อน รอให้ถึงวันนั้นแล้วค่อยสวมให้เธอ ตะวันฉายยินดีรอไม่ว่าจะนานแค่ไหน...
ประภพทนอัดอั้นไม่ไหวตามมาถามครรชิตถึงบ้านว่าคบกับลูกสาวของตนในฐานะอะไร เขาอ้างเราสองคนเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น ประภพแดกดันเพื่อนประสาอะไรถึงได้พาเข้าโรงแรมแทบทุกคืน ครรชิตเสนอจะให้เงินเป็นค่าทำขวัญที่ลีน่าต้องเสียหาย ประภพไม่พอใจ เอ็ดตะโรลั่นที่ตนมาที่นี่ไม่ได้มาขายลูกสาว
“แกควรจะคิดเรื่องตกแต่งกับลีน่าให้ถูกต้องจะได้ไม่ต้องถูกคนอื่นพูดลับหลังว่าลักกินขโมยกิน”
ooooooo
ทันทีที่เจอลีน่า ครรชิตคว้าคอมาบีบระบายอารมณ์แค้นที่พ่อของเธอบุกมาถึงบ้านของเขาและบังอาจสั่งให้เขาแต่งงานกับเธอให้ถูกต้อง แล้วเตือนให้เธอตระหนักถึงสถานะของเราสองคน
“เพราะอย่างเธอไม่มีสิทธิ์มาครอบครองหรือมาบงการชีวิตฉันได้ บอกพ่อเธอด้วย ถ้าขืนยังทำตัววุ่นวายอย่างนี้ล่ะก็ ฉันจะไม่เกรงใจใครหน้าไหนทั้งนั้น” ครรชิตปล่อยมือจากคอลีน่าแล้วผละจากไป เธอมองตามไม่พอใจ แต่ต้องข่มอารมณ์เอาไว้...
วันนี้ช่างเสื้อนัดไปลองชุดแต่งงาน ศิลาไม่ได้สนใจกับการลองชุดเท่าใดนัก เนื่องจากบุญนำโทร.มารายงานเรื่องที่ให้ไปสืบถึงบ้านของจันทร์เพ็ญว่าก่อนที่เธอจะไปคบหากับมิสเตอร์ที เธอชอบพอกับผู้ชายคนหนึ่งอยู่ แต่หลังจากเกิดอุบัติเหตุ ชายคนนั้นก็หายตัวไป ศิลานึกสงสัย เขาคนนั้นเป็นใครกันแน่...
ฝ่ายลีน่าเห็นครรชิตหมกมุ่นอยู่กับทายาทของมิสเตอร์ทีที่ยังคงเป็นปริศนา เตือนว่าขืนยังหาไม่เจออยู่แบบนี้ อาจจะไม่ทันงานแต่งงานของศิลากับณิชรันย์ก็ได้ ครรชิตมองตาขวางแล้วจะให้ทำอย่างไร
“แทนที่เราจะส่งคนไปตามหาทายาทให้เสียเวลา ทำไมเราไม่เอาหุ้นที่เหลือจากคนในเชตวัตรแทนล่ะ”...
ค่ำวันเดียวกันที่บ้านเชตวัตร ขณะศิลาหยิบแฟ้มรูปถ่ายของมิสเตอร์ทีกับภรรยาลับที่ได้จากนักสืบออกมาดูกลับพบว่ามีรูปใบหนึ่งติดซ้อนอยู่ด้านหลัง รีบแกะออกดู เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งหน้าตาคุ้นมาก ก่อนจะนึกออกว่าเป็นสาโรจน์ตอนหนุ่มๆ รีบลงไปหาที่เรือนเล็ก เอารูปถ่ายของจันทร์เพ็ญให้ดู เขาถึงกับชะงัก
“ลุงโรจน์รู้จักกับผู้หญิงที่ชื่อจันทร์เพ็ญด้วยหรือครับ”
สาโรจน์ยังไม่ทันจะตอบคำถาม บุญนำโทร.มาแจ้งศิลาว่าโรงงานไฟไหม้ เขารีบขับรถไปที่นั่นทันที...
ศิลาเห็นสภาพโรงงานที่ถูกเปลวเพลิงโหมกระหน่ำ มีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงกำลังทำงานกันวุ่นวายไปหมด เข้าไปถามบุญนำว่าเกิดอะไรขึ้น เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
ระหว่างนั้นลีน่ากับครรชิตเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่แตกตื่นตกใจทั้งที่เปลวไฟลุกไหม้โรงงานอย่างน่ากลัว แถมยังยิ้มหยันที่เห็นโรงงานตกอยู่ในสภาพนี้
“เอาน่าไม่เห็นแกต้องเครียดอะไรเลยเพราะแม่แกก็เพิ่งเซ็นวงเงินประกันอัคคีภัยไปไม่ใช่เหรอ” ครรชิตตบไหล่ศิลาก่อนจะเดินอารมณ์ดีออกไปกับลีน่า ศิลามองตามสังหรณ์ใจว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล...
น้ำทิพย์เห็นศิลากลับมาบ้านในสภาพมอมแมมก็ใจหาย หรือว่าข่าวโรงงานไฟไหม้เป็นความจริง เขาพยักหน้าแทนคำตอบ ท่านแทบล้มทั้งยืน นทีกับเดือนวารีต้องเข้าไปประคอง
ขอจันทร์กับครอบครัวเห็นข่าวนี้ในทีวีเช่นกัน พอรู้ว่าน้ำทิพย์เป็นลม สาโรจน์บอกให้เธอไปที่ตึกใหญ่เผื่อบนนั้นอยากให้ช่วยอะไร จังหวะนั้นมีตำรวจหลายนายพากันขึ้นไปบนตึกใหญ่ เพื่อเชิญตัวน้ำทิพย์ไปสอบปากคำเนื่องจากมีคนซัดทอดว่าเธอเป็นคนจ้างวานให้เผาโรงงานเอาเงินประกัน ทั้งศิลา นทีและเดือนวารีต่างยืนยันว่าแม่ของพวกตนไม่มีทางทำอย่างนั้น อาจเป็นเรื่องเข้าใจผิด
“เรื่องนั้นผมไม่ทราบ แต่ทางเราจับคนร้ายที่เป็นคนวางเพลิงได้และคนร้ายให้การซัดทอดว่าคุณน้ำทิพย์อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ ยังไงทางเราก็ขอความร่วมมือเชิญคุณน้ำทิพย์ไปโรงพักเพื่อสอบปากคำด้วยครับ”
ooooooo










