สมาชิก

คู่วุ่นลุ้นแผนรัก

ตอนที่ 11

อัลบั้ม: "วิน ธาวิน" ประกบ "ขวัญ อุษามณี" ใน "คู่วุ่นลุ้นแผนรัก"



ศิลาหันมาเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังของขอจันทร์ พยายามจะอธิบายแต่เธอไม่ฟัง คาดคั้นให้ตอบมาก่อนว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนของเขาจริงหรือเปล่า ศิลากลับนิ่งเงียบ เธอตระหนักในทันทีว่าที่เกาะร้างนั่นเป็นแค่ละครตบตาก็เสียใจมาก หันหลังจะไป ศิลาตามมาคว้ามือไว้

“ฉันขอโทษ”

ขอจันทร์หันกลับมามองด้วยน้ำตานองหน้า ภาพความหลังเมื่อครั้งอยู่บนเกาะร้างด้วยกันผุดขึ้นมาในสมองของเธอเป็นฉากๆยิ่งทำให้เธอทนเห็นหน้าเขาไม่ไหว แกะมือเขาออก ก่อนจะเดินจากไปทั้งน้ำตา ทิ้งให้ศิลายืนเสียใจไม่แพ้กันอยู่ตรงนั้น ไม่นานนัก ขอจันทร์เดินมาหยุดที่ริมแม่น้ำ มองดูแหวนในมือเป็นครั้งสุดท้ายแล้วเงื้อสุดแขนจะปาทิ้ง ศิลาตามมาคว้ามือไว้ เธอสะบัดมือเขาออก ตัดพ้อจะมาหลอกอะไรกันอีก

“ฉันไม่ได้จะมาหลอก แต่จะมาอธิบาย”

“ได้ ฉันจะฟัง พูดมาสิว่าทำไมต้องปั้นเรื่องบ้าๆนั่นมาหลอกฉัน”

ศิลาอธิบายว่าที่ต้องทำอย่างนั้นเพราะเจ้าทีประกาศจะแย่งขอจันทร์คืน ตอนนั้นเขาคิดแค่ว่าจะทำอย่างไรก็ได้ให้เจ้าทียอมแต่งงานกับลีน่า แต่ถ้าเจ้าทียังรักขอจันทร์อยู่ ก็คงจะไม่ยอมแต่งงานแน่ๆ

“ต้องการให้คุณทีเปลี่ยนใจจากฉันและกันไม่ให้ฉันเปลี่ยนใจกลับไปหาเขา คุณก็เลยวางแผนจับฉันไปอยู่บนเกาะกับคุณ ก็เพื่อทำให้ฉันรักคุณ” ขอจันทร์เสียใจมากที่ศิลาเห็นเธอเป็นแค่หมากตัวหนึ่งให้เกมของเขา คาดคั้นให้เขาบอกมาว่าคิดแผนการนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ศิลาเฉลยว่าตั้งแต่นทีมาหาเธอที่โรงงานหลังจากรู้เรื่องสัญญาการแต่งงานของเรา เขาตัดสินใจจะต้องทำอะไรสักอย่าง จึงสั่งให้บุญนำติดต่อคนเขียนบทละครให้ โดยกำหนดให้บทที่จะเขียนต้องทำให้พระเอกกับนางเอกที่เกลียดกัน มารักกันให้ได้

“คุณคงหวังกับแผนนี้มากสินะ งั้นฉันจะบอกคุณให้ สำหรับฉัน คุณทำมันสำเร็จแล้ว”

“ไม่...สำหรับฉันทุกอย่างมันดันผิดแผนไปหมดเพราะว่า...” ศิลายังไม่ทันจะพูดให้จบว่าเป็นเพราะเขาดันหลงรักเธอขึ้นมาจริงๆ ขอจันทร์ชิงพูดขึ้นเสียก่อนว่าไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว เธอไม่อยากเห็นหน้าเขาอีก แล้วหันหลังเดินจากไป ศิลารู้สึกผิดต่อเธอ รีบเดินตามแต่เธอหายไปแล้ว

ศิลาขับรถตามหาขอจันทร์อย่างไม่ลดละตั้งแต่ฟ้ามืดจนกระทั่งฟ้าสางแต่ไม่เจอ ตัดสินใจกลับมาที่ริมแม่น้ำอีกครั้ง ที่ตรงนั้นกลับว่างเปล่าไม่มีแม้แต่เงาของเธอ เขานึกถึงบ้านขึ้นมาได้ รีบหยิบมือถือขึ้นมาโทร.เข้าเบอร์บ้าน ถามแม่อิ่มที่มารับสายว่าขอจันทร์อยู่หรือเปล่า เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่จะขึ้นไปดูที่ห้องให้

“ถ้าเจอเธอ แม่อิ่มจะทำยังไงก็ได้อย่าให้เธอออกไปไหนเด็ดขาด ผมจะรีบกลับบ้านเดี๋ยวนี้แหละครับ”

ooooooo

สาโรจน์กำลังตัดแต่งต้นไม้อยู่ในสวนตอนที่ขอจันทร์เดินหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าเข้ามาหา นิ่วหน้าสงสัยลูกจะไปไหนแต่เช้า ได้ความว่าจะไปต่างจังหวัดสักพัก เขาไม่เห็นศิลาอยู่แถวนั้นด้วยก็พอจะเดาได้ว่ามีปัญหากันอีก

“คุณศิลาล่ะ เขารู้หรือยัง” สาโรจน์เห็นเธอเอาแต่ก้มหน้าก็ไม่อยากเซ้าซี้ “พ่อไม่ได้อยากจะคาดคั้นแก แต่ก็อยากจะเตือนสติแกหน่อย คนเราอยู่ด้วยกันมันก็เหมือนลิ้นกับฟัน ต้องมีกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา”

“แต่ถ้าฟันคมมากเกินไป ผลสุดท้ายลิ้นก็จะเป็นแผลแล้วคนที่เจ็บปวดก็คือตัวเราเองไม่ใช่เหรอจ๊ะ”

“ถ้ามันมากเกินไปจริงๆก็ไปเถอะลูก สบายใจเมื่อไหร่ค่อยกลับมาหาพ่อ” สาโรจน์ลูบหัวขอจันทร์ด้วยความสงสาร เธอจับมือพ่อมากุมไว้ ขอให้ท่านสัญญาว่าตอนที่เธอไม่อยู่จะดูแลตัวเองดีๆ แล้วฝากท่านบอกศิลาด้วยว่าถ้าเขายังรู้สึกดีๆกับเธอ ก็อย่าตามหาเธอ...

ในเวลาต่อมา ศิลากลับถึงบ้านอย่างเร่งรีบ ขึ้นไปดูบนห้องนอนแล้วใจหายที่เห็นเสื้อผ้าของขอจันทร์กับกระเป๋าเดินทางหายไป ยิ่งเห็นแหวนวางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งเขาถึงกับเข่าอ่อน จังหวะนั้นน้ำทิพย์

เดินเข้ามากับแม่อิ่ม ถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น ศิลาพึมพำว่าขอจันทร์ไปแล้ว น้ำทิพย์งงหมายความว่าอย่างไร

“ขอจันทร์รู้เรื่องติดเกาะปลอมๆที่ผมสร้างขึ้นมาแล้วครับ”

“อะไรนะลูก ศิลาจะบอกแม่ว่าเรื่องที่ไปติดเกาะกับขอจันทร์สองคนเป็นแผนของลูกงั้นเหรอ”

ศิลายังไม่มีเวลาจะเล่าให้ฟังตอนนี้ ถลาออกจากห้องจะไปที่เรือนเล็กคิดว่าขอจันทร์ไปหาพ่อ แต่สาโรจน์กลับบอกว่าเธอไปแล้วไม่รู้ว่าไปไหน เขาเห็นสีหน้าผิดหวังของศิลา ตัดสินใจพูดขึ้นว่า

“คุณศิลาครับ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างคุณกับจันทร์ แต่ที่ผมรู้แล้วก็อยากให้คุณศิลารู้ด้วยก็คือ จันทร์มันรักคุณมากนะครับ”

“ยังไงผมก็ต้องตามหาเธอให้พบ ลุงโรจน์พอจะเดาได้ไหมว่าขอจันทร์จะไปไหน”

“เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอกครับ เพราะว่าก่อนที่ขอจันทร์จะไป เธอฝากข้อความถึงคุณว่า ถ้าคุณยังรู้สึกดีๆกับเธอ ก็อย่าตามหาเธอ” คำพูดของสาโรจน์ทำเอาศิลาอึ้ง...

ด้านครรชิตเห็นณิชรันย์อาเจียนโอ้กอ้ากบ่อยครั้งถึงกับออกปากว่าเป็นเพราะความเครียดอย่างที่เธออ้าง หรือว่าเธอท้องกันแน่ ณิชรันย์หัวเราะกลบเกลื่อน

“พี่ชิตอะ ชอบพูดเล่นอยู่เรื่อยเลย รันแค่อาหารไม่ย่อยตั้งแต่เมื่อคืน”

“พี่ว่าแกไปหาหมอดีกว่า เป็นอะไรจะได้เอายามากิน”

ณิชรันย์รับปากจะทำตามเพื่อไม่ให้เขาถามยืดเยื้อ แล้วเดินไปขึ้นรถ ครรชิตได้แต่มองตามสงสัย...

ทันทีที่เจอหน้าเอริค ขอจันทร์โผกอดร้องไห้โฮ เขาปล่อยให้เธอร้องไห้จนสาแก่ใจก่อนจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น เธอเล่าเรื่องที่ศิลาวางแผนให้เธอรักเขาให้ฟัง เอริคถึงกับลงไปดิ้นพราดๆเหมือนปลาถูกทุบหัว

“อ๊าย ผู้ชายใจร้าย เป็นอย่างนี้ได้ไงเนี่ย คนเขาอุตส่าห์เชียร์...แล้วแกจะเอาอย่างไรต่อไป”

“ฉันทนอยู่กับเขาต่อไปไม่ได้แล้วล่ะ เพราะฉันไม่สามารถรู้ได้เลยว่าตอนที่เขามองฉันหรือว่าตอนที่เขาบอกรักฉัน มันจะเป็นเรื่องโกหกอีกหรือเปล่า” ว่าแล้วขอจันทร์ลุกไปยืนที่หน้าต่างห้องเหม่อมองไปยังท้องฟ้า ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว “ฉันอยากไปเรียนต่อที่อเมริกา”

เอริคตกใจมากที่เพื่อนรักตัดสินใจแบบนั้น

ooooooo

ที่ห้องโถงของบ้านเชตวัตร เฟื่องไม่เป็นอันทำงานทำการเอาแต่นินทาขอจันทร์ให้แม่อิ่มกับมั่นใจฟังอย่างสนุกปาก น้ำทิพย์มาทันได้ยินก็ไม่พอใจ สั่งห้ามคนในบ้านนี้พูดถึงขอจันทร์อีก ไล่ตะเพิดทั้งสามคนไปทำหน้าที่ของตัวเอง แล้วจะเดินขึ้นบ้านต้องชะงักที่เห็นนทียืนอยู่

“เกิดอะไรขึ้นกับขอจันทร์ครับแม่”

นทีโกรธมากเมื่อรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับขอจันทร์ ตรงไปหาศิลาที่ยืนหมดอาลัยตายอยากอยู่ที่สวนข้างบ้าน กระชากเข้ามาต่อยไม่ยั้ง ต่อว่าที่เอาความรักของขอจันทร์มาล้อเล่น

“ฉันไม่เคยคิดอย่างนั้น...ตอนแรกฉันแค่จะทำให้ขอจันทร์รักฉัน แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าฉันต่างหากที่รักเธอเข้าจริงๆ...แกคิดว่าฉันไม่เสียใจเหรอที่ฉันทำร้ายจิตใจคนที่ฉันรักด้วยตัวของฉันเอง”

“ความรักที่เริ่มมาจากการโกหก ไม่มีซะดีกว่า” นทีพูดจบ ผละจากไป ครู่ต่อมา เขาไปหาณิชรันย์ที่ร้านสปา แต่เธอไม่อยู่ พนักงานที่นั่นบอกว่าวันนี้เธอไม่เข้าร้านจะไปโรงพยาบาลเพราะคลื่นไส้อาเจียนมาหลายวันแล้ว สงสัยจะอาหารไม่ย่อย เขารู้แก่ใจดีว่านั่นเป็นอาการแพ้ท้อง รีบตามไปที่โรงพยาบาล

นทีเจอณิชรันย์ที่เพิ่งเสร็จจากพบหมอพอดี ทั้งคู่ ต่างชะงัก ก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายเดินเลี่ยงไปอีกทางหนึ่ง นทีวิ่งตามจนทัน ถามด้วยความเป็นห่วงว่าเป็นอะไรมากหรือเปล่า เธอปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นอะไร

“แน่ใจนะรัน แล้วรันแพ้หนักไหม”

ณิชรันย์ตกใจรีบมองซ้ายมองขวากลัวใครจะได้ยิน ขอร้องเขาอย่าพูดแบบนี้อีก นทีต้องการจะรับผิดชอบเธอกับลูก แต่เธอสั่งห้ามเขามายุ่งเกี่ยว เขารับผิดชอบตัวเองยังไม่ได้จะมารับผิดชอบเธอกับลูกได้อย่างไร แทนที่จะสำนึก เขากลับโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง...

ได้เวลามื้อเที่ยงแล้วแต่รุจน์ไม่มีเงินจะซื้อข้าวกิน แอบมาดื่มน้ำกินต่างข้าว ตะวันฉายรู้เข้าก็ซักเป็นการใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้นเงินไปไหนหมด เขาใช้จ่ายเงินส่วนใหญ่ไปเป็นค่ารักษาตัวตอนเข้าโรงพยาบาลคราวก่อน

“แล้วพอฉันจะพาคุณวาไปกินข้าว ฉันก็ต้อง ใช้เงินอีก”

ตะวันฉายแนะให้บอกเดือนวารีไปตามตรงเรื่องที่ไม่มีเงิน รุจน์ไม่กล้าทำอย่างนั้นกลัวเธอจะมองเขาไม่ดี ตะวันฉายบอกให้เขา โทร.ไปขอเงินที่บ้าน รุจน์อ้างว่าไม่อยากให้ที่บ้านรู้ว่าที่ตัวเองต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะมีเรื่องชกต่อย ตะวันฉายส่ายหน้าเซ็งแทนเพื่อนรัก กว่าจะได้เงินอีกทีเดือนหน้าแล้วจะอยู่อย่างไร

“ตะวัน ฉันขอยืมเงินแกก่อนได้ไหม” รุจน์ทำตาละห้อย ขณะที่ตะวันฉายครุ่นคิดหนัก...

ในระหว่างที่บุญนำกำลังทวงงานจากลูกน้องเหลือบไปเห็นนทีเข้ามาออฟฟิศก็แปลกใจ ยิ่งเห็นเขาเข้าไปในห้องทำงานของครรชิต เดาได้ไม่ยากต้องมีเรื่องไม่ชอบ มาพากลแน่ๆ

ทางด้านครรชิตเห็นนทีมาหาก็รู้ทันทีว่าเขารับข้อเสนอของตนเองแล้ว

ooooooo

ศิลาไม่ละความพยายามตามไปหาเอริคที่คอนโดฯ ที่พักเพื่อสอบถามเรื่องขอจันทร์ แต่ฝ่ายนั้นอ้างไม่รู้ไม่เห็น ระหว่างนั้นบุญนำ โทร.เข้ามือถือของศิลา เขาปล่อยให้เสียงเรียกเข้าดังอยู่อย่างนั้นไม่สนใจจะรับสาย เฝ้าขอร้องให้เอริคช่วยบอกด้วยว่าขอจันทร์ไปไหน เขาอยากจะเจอเธออีกครั้ง

“บอกไปก็ไม่ทันแล้วล่ะค่ะ เพราะแองจี้บินไปอเมริกาแล้ว อย่าตามไปเลยค่ะคุณศิลา”

ศิลาแทบคลั่งจะตามเธอกลับมาให้ได้ เอริคต้องต้องย้ำเสียงดังว่าขอจันทร์ไปแล้วเขาถึงสงบลงได้...

ฝ่ายบุญนำร้อนใจมากที่ศิลาไม่รับสาย พยายามจะ โทร.หาอีกครั้ง แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นนทีเดินออกจากห้องพร้อมกับครรชิต รีบหลบมุมแอบมอง

“ฉันดีใจนะที่นายตัดสินใจได้แบบนี้” ครรชิตตบไหล่คู่สนทนาอย่างสนิทสนม นทีจับมือเขาออก

“ไม่ต้องดีใจขนาดนั้นหรอก ในเมื่อฉันทำในสิ่งที่แกต้องการแล้ว แกก็อย่าลืมที่รับปากฉันไว้แล้วกัน” นทีสีหน้าเคร่งเครียด ส่วนบุญนำแอบมองทั้งคู่ด้วยความสนใจ...

ครู่ต่อมา บุญนำมาพบศิลาที่ริมแม่น้ำ เห็นหน้าตาหม่นหมองของเจ้านาย ถามว่าเป็นอะไรไป พอรู้ว่าขอจันทร์หนีกลับอเมริกาไปแล้วเพราะรู้ความจริงเรื่องติดเกาะ ตอนที่เข้มเอาเอกสารมาให้ศิลาเซ็นก็ขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ที่ส่งเข้มมาหาเขาโดยไม่รู้ว่าขอจันทร์อยู่ที่นั่นด้วย ศิลาไม่โทษบุญนำ ถ้าจะมีใครผิดก็ควรจะเป็นเขาเอง ถ้าเขาไม่หลอกเธอเรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น แล้วนึกขึ้นได้

“คุณบุญนำโทร.หาผมมีเรื่องอะไร”

บุญนำเล่าเรื่องที่นทีหายเข้าไปในห้องทำงานของครรชิตเป็นนานสองนาน ศิลาถึงกับบ่นอุบ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเจออุปสรรคมากมาย แต่ไม่มีครั้งไหนจะเหนื่อยเท่าครั้งนี้ เหนื่อยจนไม่อยากจะทำอะไรแล้ว บุญนำขอร้องอย่าเพิ่งท้อ เราผ่านอะไรร้ายๆมาได้ เรื่องนี้ก็ต้องผ่านไปได้เช่นกัน ตนจะสู้เคียงข้างเขาไม่ไปไหน

“เอาอย่างงี้ครับเดี๋ยวผมจะลองเช็กดูว่าคุณขอจันทร์เธอไปสายการบินอะไร แล้วบินไปไหนกันแน่ เผื่อเราจะทำอะไรได้บ้าง ดีไหมครับ” บุญนำเห็นศิลาพยักหน้ารับคำอย่างเนือยๆก็สงสารจับใจ

ooooooo

ค่ำวันเดียวกัน ณิชรันย์กลับเข้ามาเห็นสภาพบ้านที่ตกแต่งด้วยเทียนหอม บนโต๊ะอาหารมีของกินกับไวน์เลิศรสตั้งอยู่เต็มไปหมด กระเซ้าพี่ชายบรรยากาศราวกับจะมีงานเลี้ยง เขายิ้มรับแล้วรินไวน์ใส่แก้วให้ บอก ว่าเป็นงานเลี้ยงต้อนรับผู้บริหารคนใหม่ของเชตวัตร มีเสียงกริ่งประตูรั้วดังขึ้น สักพักนทีเดินเข้ามา

“นี่ไงรัน พี่ขอแนะนำผู้บริหารคนใหม่ของเชตวัตร...นที”

“ผู้บริหารคนใหม่ของเชตวัตร!...พี่ชิต พี่เล่นอะไรเนี่ย”

ครรชิตยังไม่ทันจะตอบคำถาม มีเสียงมือถือของเขาดังขึ้นเสียก่อน เขาขอตัวไปรับสายข้างนอก บอกให้นทีทำตัวตามสบาย ณิชรันย์รอจนพี่ชายลับสายตาเข้ามา

ซักนทีว่าเกิดอะไรขึ้น พอรู้ว่าเขาขายหุ้นให้ครรชิตแลกกับตำแหน่งผู้บริหารของเชตวัตรกรุ๊ป เธอต่อว่าเขายกใหญ่ที่ทำแบบนี้ เขาโวยกลับไหนเธอต้องการให้เขารับผิดชอบตัวเอง เขาก็ทำอย่างที่เธอต้องการแล้ว หรือเธออยากให้เขาทำแบบพี่ศิลาถึงจะถูกใจ

“พอได้แล้วที เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพี่ศิลา”

“ทำไมไม่เกี่ยว ถ้ารันไม่หวังว่าพี่ศิลายังจะหันมามอง ป่านนี้รันคงให้ทีรับผิดชอบไปแล้วล่ะ”

ณิชรันย์ฉุนขาดตบหน้านทีฉาดใหญ่ฐานปากเสีย แทนที่จะรู้ตัว เขากลับพูดประชดว่าตอนนี้เป็นโอกาสทองของเธอแล้วที่จะแย่งพี่ศิลามาจากขอจันทร์เพราะทั้งคู่ทะเลาะกัน ขอจันทร์หนีออกจากบ้านไปแล้ว ครรชิตมาทันได้ยินพอดี ถึงกับยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะหลบออกมา โทร.เล่าเรื่องนี้ให้ลีน่าฟัง เผื่อจะมีแผนการอะไรสำหรับศิลา เธอกลับบ่นอุบที่ทั้งคู่เลิกกันง่ายเกินไปทำให้เธอหมดสนุก ครรชิตไม่วายยุส่ง ถ้าเธอคิดจะเล่นเกมอะไรกับศิลา เวลานี้เหมาะที่สุดแล้ว...

ที่เรือนเล็ก สาโรจน์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อรู้จากศิลาว่าขอจันทร์กลับไปเรียนต่อที่อเมริกาแล้ว ชายหนุ่ม ขอโทษเขาด้วยที่เป็นต้นเหตุทำให้ขอจันทร์หนีไป ถ้าเธอติดต่อมา วานเขาช่วยบอกให้รู้ด้วย ตนอยากคุยกับเธอถึงแม้จะเป็นครั้งสุดท้ายก็ตาม สาโรจน์เห็นเขาเศร้าก็พลอยทุกข์ใจไปด้วย ทั้งคู่ไม่รู้ว่าตะวันฉายยืนฟังอยู่อีกมุมหนึ่ง ได้ยินโดยตลอด...

ฝ่ายตะวันฉายเห็นพ่อเครียดกับเรื่องเงินค่าเล่าเรียนก็แปลกใจ คุณศิลาไม่ได้จ่ายเงินส่วนนี้ให้เขาแล้วหรือ เป็นเพราะพี่จันทร์หนีไปหรือเปล่า สาโรจน์แก้ต่างให้ว่าตอนนี้ศิลากำลังยุ่งๆ ตนก็เลยอยากช่วยแบ่งเบาภาระ

“เอาน่า แกไม่ต้องสนใจหรอก มีหน้าที่เรียนก็เรียนไป ตอนนี้พี่แกไม่อยู่แกก็ทำตัวดีล่ะ”

“พี่จันทร์ออกจากบ้านนี้ไปก็ดีนะพ่อ เพราะคนบ้านนั้นเขาอยู่สูงเกินกว่าเราจะเอื้อมถึงอยู่แล้ว” ตะวันฉายพูดเผื่อตัวเองที่หลงรักเดือนวารีด้วย สาโรจน์เห็นลูกชายนั่งซึมก็อดสงสารไม่ได้...

ระหว่างที่ศิลานั่งเหม่อมองท้องฟ้า ไม่รู้ป่านนี้ขอจันทร์จะเป็นอย่างไรบ้าง บุญนำโทร.มารายงานว่า ไม่มีชื่อขอจันทร์บินออกนอกประเทศ ศิลาใจชื้นขึ้นเป็นกองที่เธอยังอยู่ในเมืองไทย

ooooooo

ขอจันทร์ไม่ได้หนีกลับอเมริกาอย่างที่เอริคโกหกเอาไว้ แต่หลบไปเลียแผลใจที่สวนของพ่อแม่ของเอริคในต่างจังหวัด วันนี้เอริคตามไปที่นั่นโดยไม่ลืมเล่าให้ขอจันทร์ฟังว่าเมื่อวานนี้ศิลามาถามหาเธอถึงคอนโดฯที่พักของเขา อ้อนวอนจนเขาเกือบหลุดปากบอกว่าเธออยู่ที่นี่

“แกห้ามบอกเขาเด็ดขาดเลยนะ แกก็รู้ว่าที่ฉันเจ็บมากขนาดนี้เพราะอะไร”

“ก็เพราะแกรักเขามากไง...แต่เมื่อวานนี้เขาก็ดูสำนึกผิดแล้วก็ดูรักแกมากเหมือนกันนะ” เอริคไม่รู้จะสงสารใครดีเพราะรู้ว่าทั้งคู่ต่างรักกัน แต่แล้วนึกอะไรขึ้นมาได้ ในเมื่อเขาช่วยเหลือให้ที่พักพิงและโกหกศิลาเรื่องที่อยู่ให้ขอจันทร์ คราวนี้เธอต้องช่วยเขาตอบแทนบ้างโดยจะต้องแสดงละครตบตาพ่อแม่ของเขาว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน เพื่อที่ท่านจะได้สบายใจว่าลูกของท่านไม่ได้เป็นผู้ชายนะยะ

ขอจันทร์ตีบทแตกกระจุย พ่อกับแม่ของเอริคเชื่อสนิทใจว่าเธอเป็นแฟนของลูกชาย...

ขณะที่ขอจันทร์รับบทเป็นแฟนของเอริค ตะวันฉายอยากช่วยแบ่งเบาภาระพ่อ หลังเลิกเรียนจึงไปเปิดแผงขายเสื้อผ้ามือสองกับของจิปาถะที่ตลาดนัด เขาไม่มีทักษะในเรื่องค้าขายก็เลยโดนลูกค้าเขี้ยวลากดินต่อราคาจนแทบไม่เหลือกำไร หลังจากลูกค้ารายนั้นไปไม่นาน น้ำหนึ่งเข้ามาทักทาย มาขายของที่นี่เหมือนกันหรือแล้วขายดีไหม เขาขายได้บ้างไม่ได้บ้าง ลูกค้าชอบต่อราคาไม่รู้วันนี้จะได้เงินพอค่าเช่าหรือเปล่า

น้ำหนึ่งคิดแผนประหยัดค่าเช่าแผงขึ้นมาได้ ชวนตะวันฉายแบ่งแผงขายคนละครึ่งกันจะทำให้ได้ลูกค้าหลากหลายอีกด้วย เพราะของที่น้ำหนึ่งเอามาขายเป็นเสื้อผ้าและเครื่องประดับของผู้หญิงเข้ากันได้ดีกับเสื้อผ้าผู้ชายของตะวันฉาย ทั้งคู่ยังจัดแผงค้าไม่ทันเสร็จ ก็ขายเสื้อให้คู่รักคู่หนึ่งได้สองตัว ฝ่ายชายซื้อเสื้อยืดมือสองของตะวันฉาย ส่วนฝ่ายหญิงซื้อชุดจากน้ำหนึ่ง ระหว่างนั้นมีเสียงลูกค้าถามราคาเสื้อดังขึ้น ทั้งคู่หันมอง เห็นรุจน์กับเดือนวารียืนอยู่ต่างฝ่ายต่างอึ้ง เดือนวารีหมั่นไส้ จิกกัดทันที

“ช่วยกันทำมาหากินดีนี่คู่นี้”

“ไม่เหมือนคุณใช่ไหมที่พาไอ้รุจน์มาเดินเล่นจนทำให้มันไม่มีเงินใช้” ตะวันฉายโต้ไม่ยอมแพ้ รุจน์เห็นท่าไม่ดีวานเขาไปเป็นเพื่อนซื้อของหน่อยแล้วลากตัวออกไปเลย พอถึงมุมปลอดคน รุจน์แก้ตัวเป็นพัลวันว่าไม่ได้มาซื้อของ แค่พาเดือนวารีมาเดินเล่น ตะวันฉายเชื่อใจว่าเพื่อนไม่ใช่เป็นคนแบบนั้น แต่ถึงอย่างไรก็ตามรุจน์จะต้องเอาเงินมาใช้หนี้คืนเขาก่อนหมดวันจ่ายค่าหน่วยกิต

“ได้เลยเพื่อน ว่าแต่...ทำไมแกมากับน้ำหนึ่งอะ อย่าบอกนะว่าแกสองคนกิ๊กกัน”

“กิ๊กบ้าอะไรล่ะ ทีแกมากับคุณวาสองคนฉันยังไม่ว่าอะไรเลย” ตะวันฉายนึกขึ้นมาได้ว่าสองสาวนั่นทะเลาะกันอยู่ ป่านนี้มิตบกันไปแล้วหรือ รีบชวนรุจน์กลับไปดู

นอกจากจะไม่ตบตีกัน น้ำหนึ่งยังช่วยเดือนวารีจากถูกวัยรุ่นโรคจิตพูดจาแทะโลม แถมยังปรับความเข้าใจกันได้อีกต่างหากเพราะน้ำหนึ่งเห็นเธอมากับรุจน์ก็เข้าใจว่าทั้งคู่คบหากันเป็นแฟน ไม่คิดว่าเธอจะมาแย่งตะวันฉายไปจากตัวเองอีกต่อไป เดือนวารีได้แต่อ้ำอึ้งไม่กล้าบอกความจริงกลัวจะเสียเพื่อนไปอีก ตะวันฉายกับรุจน์วิ่งหน้าตื่นกลับมาที่แผงขายเห็นสองสาวคืนดีกันเรียบร้อย ต่างยิ้มดีใจ

ooooooo

ที่บ้านเชตวัตร ศิลายังคง โทร.สั่งการให้บุญนำส่งคนไปสืบหาขอจันทร์ตามโรงแรมและที่พักต่างๆ น้ำทิพย์ได้ยินเข้าถามเขาว่ายังหาตัวขอจันทร์ไม่เจออีกหรือ

“ครับ ตอนนี้คุณบุญนำคอยช่วย แต่ก็ยังไม่มีวี่แววเลยครับ ไม่รู้จะเริ่มตามจากตรงไหนก่อนดี”

ระหว่างนั้นนทีเดินอารมณ์ดีเข้ามา บอกว่ามีเรื่องจะคุยกับทั้งคู่ แล้วเดินลิ่วไปที่ห้องอาหาร น้ำทิพย์ตามเข้ามากับศิลาเห็นอาหารเต็มโต๊ะก็แปลกใจทำไมวันนี้แม่อิ่มทำกับข้าวมากมายนัก นทีแย่งตอบคำถาม

“ก็เพื่อฉลองตำแหน่งใหม่ของผมไง ตอนนี้ผมได้เป็นรองกรรมการบริหารที่เชตวัตร”

ขาดคำครรชิตเดินเข้ามาสวัสดีทุกคน ศิลาของขึ้นทันที ตวาดลั่นมาทำไม ที่นี่ไม่ต้อนรับ เขาอ้างว่ามาตามคำเชิญของนทีซึ่งยอมรับหน้าชื่นว่าเป็นคนเชิญเขามาเอง เพราะเขาเป็นคนให้ตำแหน่งนี้กับตน น้ำทิพย์กับศิลาตกใจจ้องนทีเป็นตาเดียวกัน ครรชิตได้ทีเสี้ยมให้พี่น้องแตกคอกัน

“ไม่ต้องตกใจหรอกครับเพราะว่าถ้าบริษัทมีตำแหน่งใหญ่กว่านี้ผมก็คงแต่งตั้งให้นทีไปแล้ว มันจะได้เหมาะสมกับหุ้นที่นทีขายให้ผม” สิ้นเสียงน้ำทิพย์

ถึงกับเป็นลมล้มพับไปตรงนั้น แม่อิ่มกับเฟื่องรีบช่วยกันประคองไปนอนพัก ขณะที่ศิลามองน้องชายอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองที่เขาไปร่วมมือกับศัตรู...

งานฉลองเป็นอันล้มเลิกไปโดยปริยาย ครรชิตบอกกับนทีซึ่งเดินออกมาส่งที่รถว่าขอโทษด้วยที่ทำให้แม่ของเขาต้องมาเป็นแบบนี้ แต่ไม่วายเสี้ยมอีกว่าดูท่าทางแล้วศิลาไม่ดีใจที่เขาได้ตำแหน่งนี้เลย นทีไม่สนใจ เพราะอีกไม่นานเขาจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าคนที่กอบกู้เชตวัตรกลับมาคือเขาไม่ใช่พี่ศิลา ครรชิตมองเหล่ นี่เขากำลังจะบอกเป็นนัยๆอะไรหรือเปล่า นทีก้าวเข้ามาประจันหน้ากับครรชิต

“ฉันพูดชัดขนาดนี้แล้วยังไม่รู้อีกเหรอ ฉันรู้ว่านายต้องการให้ฉันกับพี่ศิลาแตกคอกัน แต่ที่ฉันยอมเดินตามเกมของนายก็เพราะฉันอยากให้พี่ศิลาได้รู้ว่าการถูกคนอื่นบงการชีวิตมันเป็นอย่างไร”

“ถ้างั้นก่อนที่นายคิดจะเป็นฮีโร่กอบกู้เชตวัตร นายควรรู้ว่าที่จริงแล้วบริษัทนี้ไม่ใช่ของครอบครัวนาย”

นทีมองคู่สนทนาอย่างสงสัยหมายความว่าอย่างไร เขายิ้มร้ายสบช่องเสี้ยมให้พี่น้องตีกันอีกครั้ง...

ที่ห้องนอนของน้ำทิพย์ ศิลาเป็นห่วงอาการของแม่จะพาไปโรงพยาบาล แต่ท่านไม่ยอมไป ขอร้องให้พาไปหาครรชิตแทนที่ จะได้คุยกันเรื่องบาดหมางใจในอดีตที่ท่านต้องรับผิดชอบ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับพวกลูกๆ ศิลาไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไรที่จะไปคุยกับคนแบบนั้น แล้วจับมือแม่มากุมไว้

“คุณแม่พักผ่อนก่อนเถอะครับ ไม่ต้องห่วง ยังไงผมก็ไม่ยอมเสียทั้งเชตวัตรและเจ้าทีไปเด็ดขาด”...

คำยุแยงของครรชิตได้ผล สองพี่น้องมีปากเสียงกัน ศิลาไม่พอใจมากที่น้องชายเชื่อคำพูดของครรชิตว่าพ่อของพวกเราโกงเชตวัตรกรุ๊ปมาเป็นของตัว ต่อยเขาล้มคว่ำแล้วตะคอกใส่ว่าเขากำลังถูกครรชิตหลอกใช้

“ไม่มีใครหลอกใช้ผมมากเท่าพี่อีกแล้วล่ะ ต่อไปนี้พี่คอยดูให้ดีก็แล้วกันผมจะทำให้ทุกคนเห็นว่าไอ้คนที่พี่บอกว่าไม่มีสมองคนนี้ มันก็มีดีไม่น้อยไปกว่าพี่เหมือนกัน” พูดจบนทีผละจากไป ศิลามองตามเครียดจัดคิดไม่ถึงน้องชายจะเป็นไปได้ถึงเพียงนี้

ooooooo

ที่ร้านสปาณิชรันย์ ขณะที่เจ้าของร้านนั่งค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีดูแลการตั้งครรภ์ในอินเตอร์เน็ตได้สักพัก ก็ลองเปิดหาข้อมูลการทำแท้งขึ้นมาดู แต่เกิดวิงเวียนคลื่นไส้ ต้องรีบวิ่งไปอาเจียนในห้องน้ำ พอกลับมาที่ห้องทำงานอีกครั้ง นทีที่นั่งรอท่าอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ก็ลุกพรวดมาหา

“นี่รันคิดจะเอาเด็กออกเหรอ”

เธอตวาดแว้ดไม่ต้องมายุ่ง นี่เป็นเรื่องของเธอกับลูกไม่เกี่ยวกับเขา แล้วเดินไปปิดคอมพิวเตอร์ ก่อนจะหันมาไล่เขากลับ นทีไม่ไปไหนทั้งนั้น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขาได้อย่างไรในเมื่อเด็กในท้องเป็นลูกของเขา และเขาจะไม่ยอมให้เธอทำอะไรลูก จะบอกความจริงให้ทุกคนรู้ เธอไม่ต้องการให้เขามารับผิดชอบอะไรทั้งนั้น นทีอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงคอยผลักไสเขาตลอดเวลา

“เพราะทีไม่ได้รักรันไง...รันอยากให้ทีได้รักกับคนที่ทีรัก ถ้าจะมีคนเจ็บ รันเจ็บคนเดียวก็พอ”

นทียืนกรานจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองกระทำ ณิชรันย์ขู่ ถ้าเขายังพูดแบบนี้อีก เธอจะเอาเด็กออก เขาเห็นสีหน้าจริงจังของเธอแล้วไม่กล้าพูดอะไรอีก...

นักสืบที่บุญนำจ้างให้สืบข่าวคราวของขอจันทร์มาหาที่ออฟฟิศ เขารีบดึงตัวไปยังที่ปลอดคน ถามว่าได้ เรื่องอะไรบ้าง นักสืบรายงานว่าทราบที่อยู่ของขอจันทร์แล้ว ทั้งคู่มัวแต่คุยกันไม่ทันสังเกตเห็นลีน่าแอบมองอยู่ เธอรอจนทั้งคู่แยกย้ายกันไปตามทางของตัว รีบเดินตามนักสืบจนทัน เสนอจะให้เงินค่าตอบแทนมากกว่าที่ผู้จ้างวานจ่ายให้ เพียงแต่เขาต้องบอกก่อนว่ามาหาบุญนำทำไม...

ทางฝ่ายบุญนำรีบเอาข่าวดีนี้ไปรายงานให้ศิลาทราบ แต่เขากลับนิ่งเฉยไม่มีท่าทีใดๆ จนบุญนำต้องทักว่าไม่ดีใจบ้างหรือที่จะได้เจอขอจันทร์ เขาดีใจ แต่คงต้องพักเรื่องเธอไว้ก่อน

“ตอนนี้ครรชิตได้หุ้นของเจ้าทีไปแล้ว คุณแม่ก็ไม่สบายทุกคนต้องการผมแล้วผมจะทิ้งทุกคนไปเหรอครับ”

บุญนำเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเจ้านายแล้วอดเป็นห่วงแทนไม่ได้...

ด้านขอจันทร์มาอยู่ที่บ้านของเอริคก็ไม่นิ่งดูดายช่วยพ่อแม่ของเขาเก็บผลไม้ในสวนเอาไปขายโดยไม่กลัวแดดแม้แต่น้อย ผิดกับเอริคที่สวมชุดคลุมตั้งแต่หัวจดเท้าเหลือเพียงลูกตาเอาไว้ เข้ามาโวยวายขอจันทร์ว่าออกมาทำงานทำไมให้ตัวดำ บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าไม่ต้องทำ เธอโวยกลับจะให้มาอยู่ฟรีๆได้อย่างไร

“แล้วใครให้แกอยู่ฟรีๆยะ แกก็อยู่ไปรักษาแผลใจไปสิ อุ๊ปส์...แองจี้ ฉันขอโทษ”

“ไม่เป็นไร” พูดจบขอจันทร์หันไปตั้งหน้าตั้งตาเก็บผลไม้เพื่อให้ลืมความเจ็บช้ำใจ เอริคสงสารเพื่อนรักมากในเมื่อเธอยังรักศิลาอยู่ ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงอภัยให้เขาไม่ได้

“ถ้าความรักมันง่ายอย่างนั้นก็ดีสิ”

เอริคเข้ามาจับมือขอจันทร์ไว้ สัญญาจะไม่ถามอะไรอีก เธอจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหนก็ได้ แล้วนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยืนตากแดดอยู่ก็หลุดแต๋วแตกร้องกรี๊ดกร๊าดออกมา ก่อนจะวิ่งแจ้นกลับไปเข้าที่ร่มแทบไม่ทัน...

ค่ำวันเดียวกัน ลีน่ามาเที่ยวที่ผับหรู เจอนทีนั่งดื่มเหล้าหน้าเครียดอยู่ตามลำพัง ก็สบช่อง ทำทีเข้าไปทักทายพูดคุยด้วย ก่อนจะบอกว่าตัวเองรู้ที่อยู่ของขอจันทร์ แล้วยุส่งจะทำอะไรก็ให้เขารีบทำ นี่อาจเป็นโอกาสเดียวที่จะทำให้เธอกลับมารักเขาอีกครั้งก็ได้ นทีคิดคล้อยตามคำยุแยงของยัยตัวแสบ

ooooooo

ศิลากลับขึ้นมาที่ห้องเพื่อจะเอาของเห็นห้องว่างเปล่าไม่มีขอจันทร์อยู่ด้วยก็อดเศร้าใจไม่ได้ ทรุดลงนั่งกับเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรง พลันมีเสียงน้ำไหลดังมาจากห้องน้ำ เขาดีใจนึกว่าเธอกลับมาเปิดประตูห้องน้ำผลัวะ เห็นเฟื่องกำลังปิดก๊อกน้ำที่อ่างล้างหน้า

“อุ๊ย คุณศิลาจะใช้ห้องน้ำเหรอคะ เสร็จพอดีเลยค่ะ” เฟื่องเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดแล้วออกจากห้อง ศิลากลับมานั่งที่เตียงอย่างเดิมซบหน้ากับฝ่ามือตัวเอง เดือนวารีเดินผ่านหน้าห้องที่เปิดประตูทิ้งไว้ เห็นท่าทางหมดอาลัย ตายอยากของพี่ชาย เข้ามานั่งข้างๆแกล้งบ่นว่าห้องนี้ไม่มีขอจันทร์ดูเหงาไปถนัดตา

“พี่ศิลาไม่ไปง้อพี่จันทร์หน่อยเหรอคะ วันนี้วาไม่มีเรียนเดี๋ยววาจะดูแลคุณแม่ให้เอง พี่ศิลาอยากจะไปทำอะไรก็ไปเถอะค่ะ...พาพี่จันทร์กลับมาให้ได้นะคะไม่ต้องห่วงเดี๋ยววาดูบ้านให้เอง” พูดจบเดือนวารีลุกออกไป

“ขอบใจมากนะยัยวา” ศิลายิ้มสดใสขึ้นมาทันที รีบโทร.ถามบุญนำถึงที่อยู่ของขอจันทร์...

ทางด้านเอริคเห็นขอจันทร์ขยันขันแข็งช่วยคนงานเก็บผลไม้อย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อยก็รู้สึกผิดที่ทำให้เพื่อนลำบากเข้ามาขอโทษ เธองงขอโทษเรื่องอะไร เขาบ่นอุบเป็นเพราะพ่อแม่ของเขาแท้ๆดันไม่ชอบลูกสะใภ้รักสบาย ความซวยก็เลยต้องมาตกอยู่กับเธอ ถึงต้องมาตากแดดหน้าดำทำงานในสวนแบบนี้

“คิดมากน่ะแก ฉันว่าคนที่กลัวดำน่าจะเป็นแกมากกว่า แกไปหลบแดดก่อนไป เดี๋ยวทางนี้ฉันจัดการเอง”

เอริคไม่รอให้เพื่อนพูดซ้ำ วิ่งปรู๊ดออกไปทันที คล้อยหลังเขาไม่นาน นทีซึ่งออกมาจากบ้านเชตวัตรแต่เช้าก็ตามมาเจอขอจันทร์ที่กำลังเก็บผลไม้อยู่ในสวน เธอแปลกใจมาก เขาตามมาถูกได้อย่างไร...

ฝ่ายศิลาต้องเข้าออกสวนในจังหวัดนครนายกกว่าจะมาเจอสวนชิดจันทร์ซึ่งเป็นสวนที่บุญนำบอกว่า ขอจันทร์มาอยู่ เอริคกำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับแฟนหนุ่มเหลือบมาเห็นเขาเข้า รีบหลบหลังต้นไม้ จนแน่ใจว่าเขาเดินเลยไปแล้วจึงค่อยๆโผล่หน้าออกมาดู

“คุณศิลาจริงๆด้วย ในที่สุดคุณศิลาก็ตามมาง้อให้แกกลับไป ทีนี้แหละ แกได้เซอร์ไพรส์แน่ยัยแองจี้” เอริคดีใจแทนที่เพื่อนจะได้ปรับความเข้าใจกับคนที่ตัวเองรัก...

นทีจะมารับขอจันทร์กลับกรุงเทพฯด้วยกัน เพราะรู้เรื่องเธอกับพี่ชายของเขาบนเกาะนั่นแล้ว เธอไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ ขอร้องให้เขากลับไป เธอต้องไปช่วยคนงานในสวนต่อ แล้วขยับจะไป นทีคว้ามือเธอไว้ ขอร้องให้กลับไปกับเขา ศิลาเดินลึกเข้ามาในสวน เห็นขอจันทร์นั่งอยู่ที่แคร่แต่ยังไม่เห็นนที ก็ดีใจรีบเดินเข้าไปหา

แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นน้องชายตัวเองกำลังจับมือเธออยู่ แถมมองสบตาอย่างลึกซึ้ง ทันใดนั้นนทีดึงเธอมากอด

พร่ำบอกว่ายังรักเธออยู่ไม่เสื่อมคลาย ศิลาทนเห็นภาพบาดตาไม่ไหว หันหลังเดินจากไป

ขอจันทร์เห็นหลังศิลาไวๆ รีบดันนทีออกห่างชะเง้อมองไม่แน่ใจตัวเองตาฝาดไปหรือเปล่า ขยับจะตามไปดู แต่นทีจับมือไว้ อ้อนวอนให้เธอกลับไปกับเขา ขอจันทร์ดึงมือออก

“คุณทีกลับไปเถอะค่ะ ที่ฉันมาอยู่ที่นี่ก็เพราะฉันรักคุณศิลา คุณทีอย่ามาเสียเวลากับฉันอีกเลยนะคะ”

“ได้...ผมจะกลับ แต่ผมอยากให้คุณจำไว้เสมอว่าความรู้สึกของผมที่มีต่อคุณไม่เคยเปลี่ยนไป” นทีว่าแล้วผละจากไป ขอจันทร์ยังตกใจไม่หายที่ถูกเขาจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว...

เอริคตกใจมากเมื่อรู้ว่าขอจันทร์ไม่ได้เจอศิลาแต่กลับเจอนทีแทนที่ หรือว่าศิลาอาจมาเห็นตอนที่เธออยู่กับนทีก็เลยเสียใจหนีกลับไปก่อน ขอจันทร์ถึงกับอึ้ง แสดงว่าที่เธอเห็นหลังเขาไวๆตอนที่นทีกอดเธอไว้ก็ไม่ใช่เธอตาฝาด เอริคหยิบมือถือขึ้นจะโทร.หาศิลาแต่ขอจันทร์ห้ามไว้ เขางงห้ามทำไม ศิลาอุตส่าห์ตามมาง้อถึงนี่

“ดีแล้วล่ะ เราจะได้จบกันจริงๆสักที” ขอจันทร์พยายามตัดใจจากเขาทั้งที่ยังรัก

ooooooo

งานแรกที่ครรชิตมอบหมายให้นทีทำในฐานะรองประธานกรรมการบริหารคนใหม่ก็คือไล่คนเก่าคนแก่ที่ทำงานมานานออก ศิลารู้เรื่องนี้ก็ตามมาต่อว่าจนทำให้มีปากเสียงกันดังลั่นออฟฟิศ พวกพนักงานพากันซุบซิบนินทา ขณะที่ครรชิตกับลีน่ายืนมองอยู่อีกมุมหนึ่งด้วยความสะใจ...

ในเวลาเดียวกัน เดือนวารีเห็นตะวันฉายกำลังขนข้าวของที่จะเอาไปขายมากองไว้หน้าบ้านก็เข้ามาตำหนิ รู้ทั้งรู้ว่าพี่สาวตัวเองไม่อยู่บ้านแทนที่จะอยู่ดูแลพ่อดันจะออกไปขายของ เขาทำหูทวนลมขนของต่อไป

“นี่นาย ฉันถามจริงๆนายต้องใช้เงินอะไรนักหนาถึงต้องออกไปขายของหาเงินทุกวันอย่างนี้ หรือว่านายอยากเจอยัยหนึ่งกันแน่” เดือนวารีไม่วายแขวะ สาโรจน์บังเอิญผ่านมาได้ยินก็หยุดฟัง ตะวันฉายไม่พอใจมาก กระแทกลังใส่ของกับพื้นดังโครม โวยกลับว่าเป็นเพราะเธอที่ทำให้เขาต้องออกไปขายของแบบนี้

“แล้วฉันไปเกี่ยวอะไรกับนายด้วยไม่ทราบ”

ตะวันฉายยังไม่ทันจะเฉลยข้อข้องใจให้เดือนวารีฟัง สาโรจน์เข้ามาเล่นงานเขาเสียก่อนว่าส่งเสียให้เรียนหนังสือไม่ใช่ให้ไปเที่ยวเล่นขายของสักหน่อย

เขาไม่ได้เล่น แต่ตั้งใจขายของหาเงินมาใช้จะได้ไม่ต้องแบมือขอเงินพ่อใช้อีก สาโรจน์สั่งห้ามเถียง แล้วอย่าคิดว่าท่านจะเชื่อคำโกหกของเขา ตะวันฉายเถียงพ่อไม่ได้หันไปเหวี่ยงใส่เดือนวารีแทนว่าพอใจแล้วใช่ไหมที่เขาโดนเล่นงาน แล้วเดินออกไปอย่างหัวเสีย ไม่ฟังเสียงเรียกให้กลับมาคุยกันก่อนของสาโรจน์ เดือนวารียังคาใจไม่หาย ทำไมเขาถึงโทษว่าเธอเป็นต้นเหตุ...

ในเวลาต่อมา ที่แผงขายของในตลาดนัดตะวันฉายออกอาการหงุดหงิดเมื่อเห็นว่าคนที่จะมาช่วยน้ำหนึ่งขายของก็คือเดือนวารีนั่นเอง เธอตามมาเพราะอยากรู้ว่าทำไมเขาถึงโทษเธอเรื่องที่เขาต้องออกมาขายของ แต่น้ำหนึ่งเป็นก้างชิ้นใหญ่ เดือนวารีก็เลยทำทีอยากจะดื่มน้ำแต่กลัวไปซื้อแล้วหาทางกลับมาที่แผงขายของไม่ได้ น้ำหนึ่งหลงกล อาสาจะไปซื้อน้ำมาให้ ตะวันฉายรู้ทันเดือนวารี ดึงมือน้ำหนึ่งไว้ เสนอตัวจะไปซื้อให้เอง

“แก...ฉันคิดไม่ผิดจริงๆที่ชอบตะวันเขาเนอะ พ่อเทพบุตร สุภาพบุรุษของฉัน” น้ำหนึ่งถึงกับเพ้อ

“หนึ่งเดี๋ยวฉันมานะ ฉันลืมเอามือถือลงมาจากรถ” พูดจบเดือนวารีรีบร้อนออกไป แต่ไม่ได้ไปที่รถอย่างที่บอกเพื่อนรัก กลับเดินไปดักหน้าตะวันฉายถามคาดคั้นทำไมถึงกล่าวหาว่าเธอเป็นต้นเหตุทำให้เขาต้องมาขายของ ตะวันฉายหลุดปากว่าเป็นเพราะรุจน์แต่ยั้งไว้ทัน กลัวจะหลุดอะไรอีกจึงเดินหนี เดือนวารีกระชากแขนไว้ เขาไม่ทันระวังตัวเซเข้าหาจนใบหน้าของทั้งคู่เกือบชนกัน ต่างฝ่ายต่างสบตากันนิ่งงัน พลันมีเสียงเชนดังขึ้น

“แหม นี่มันฉากเลิฟซีนในหนังวัยรุ่นเด็กแนวเรื่องใหม่ของแกด้วยหรือเปล่าวะ”

เพื่อนๆของเชนต่างโห่ร้องพร้อมกับตบมือชอบใจ ตะวันฉายรีบดึงเดือนวารีหลบไปอยู่ข้างหลัง เชนพูดจายั่วยุต่างๆนานา ตะวันฉายโมโหจะเข้าไปเอาเรื่อง เดือนวารีต้องห้ามไว้ เชนเห็นเขาโกรธก็ยิ่งสนุกปาก คราวนี้พูดจาแทะโลมเดือนวารี เขาทนไม่ไหวชกหน้าไอ้คนปากเสียล้มคว่ำ พวกของเชนล้อมตะวันฉายกับเดือนวารีไว้ เขา

เห็นไม่เข้าที โดดถีบหนึ่งในพวกนั้นเซถลา ก่อนจะคว้ามือเดือนวารีวิ่งหนี

น้ำหนึ่งกำลังจัดของอยู่ที่แผงเห็นตะวันฉายกับเดือนวารีวิ่งผ่านไปไกลๆโดยมีเชนกับพวกวิ่งไล่ รู้ว่าต้องมีเรื่องแน่ๆ เชนกับพวกไล่ตามทั้งคู่มาจนถึงทางตัน พวกของเชนคนหนึ่งมาดึงเดือนวารีออกไป ส่วนที่เหลือรุมเตะต่อยตะวันฉาย น้ำหนึ่งพาเจ้าหน้าที่เข้ามาเห็น

เดือนวารีถูกฉุดออกไป รีบตามไปช่วย ตะวันฉายถูกเล่นงานสะบักสะบอม แต่พยายามลุกขึ้นยืน เชนชักมีดพับขึ้นมาขู่ เขาไม่สนใจกำหมัดแน่น ก่อนจะพุ่งเข้าหา

ooooooo

ศิลาเพิ่งกลับมาถึงห้องนอน ถอดนาฬิกาออกจะเก็บใส่ลิ้นชัก แต่ต้องหยุดกึกเมื่อเห็นแหวนที่ขอจันทร์ทิ้งไว้ เขามองมันอยู่อึดใจก่อนจะปิดลิ้นชักไว้อย่างเดิม จังหวะนั้นเดือนวารีโทร.เข้ามือถือของเขา

“ว่าไงยัยวา...ฮะอะไรนะ...ได้ เดี๋ยวพี่รีบไปเดี๋ยวนี้” ศิลาตัดสายแล้วผลุนผลันออกจากห้อง

นทีมาเจอพอดี ร้องทักจะรีบไปไหน หรือว่าเครียดที่น้องอย่างเขาได้ตำแหน่งสูงกว่าก็เลยจะออกดื่มเหล้า เขาขอร้องอย่าเพิ่งกวนได้ไหม เดือนวารีมีเรื่อง ตอนนี้อยู่ที่โรงพัก พูดจบเขารีบออกไปโดยมีนทีวิ่งตาม...

ไม่นานนัก สองพี่น้องเชตวัตรมาถึงโรงพัก เข้าไปเยี่ยมตะวันฉายที่ถูกตำรวจจับข้อหาพยายามฆ่าเชน ศิลารับปากจะหาทางช่วยเขาออกมาให้เร็วที่สุด ตะวันฉายยังไม่อยากให้พ่อรู้เรื่องที่ตัวเองถูกจับ ขอร้องทุกคนอย่าเพิ่งบอกอะไรท่าน นทีเข้ามาตบไหล่เขาผ่านลูกกรงห้องขัง

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง พวกเรารู้ว่าควรทำยังไง”...

นทีเจ้าเล่ห์มาก ใช้เหตุการณ์ที่ตะวันฉายถูกจับเป็นข้ออ้างขับรถไปรับขอจันทร์กลับกรุงเทพฯ เธอเป็นห่วงน้องชายจำต้องกลับมากับเขา...

ทางด้านณิชรันย์เดินผ่านกระจกเงาเห็นท้องตัวเองโตขึ้นเรื่อยๆ รีบดึงเสื้อมาปิดหน้าท้องเอาไว้ แล้วลงไปที่โต๊ะอาหาร สักพัก ครรชิตตามเข้ามาสมทบถามว่าไปหาหมอมาเป็นอย่างไรบ้าง เธอปั้นเรื่องว่าไม่มีอะไร

ต้องเป็นห่วง แค่ไม่สบายธรรมดา แล้วลองถามหยั่งเชิงว่าถ้าบ้านเราจะมีเด็กเพิ่มขึ้นมาสักคนเขาจะคิดอย่างไร

“เด็ก? หมายความว่าไง”

ณิชรันย์ตัดสินใจจะบอกความจริงเรื่องที่ตัวเองท้อง แต่ยังไม่ทันอ้าปากพูด มีเสียงมือถือของครรชิตดังขึ้นเสียก่อน วุธโทร.มาแจ้งว่าเชนโดนแทง สองพี่น้องต่างตกใจ...

สาโรจน์เป็นกังวลมากที่ตะวันฉายหายตัวไปไม่กลับบ้าน โทร.หาก็ไม่รับสาย เห็นเดือนวารีออกมาจากตึกใหญ่ รีบเข้าไปถามว่าเห็นลูกชายของตนบ้างไหม หญิงสาวอึกอักไม่รู้จะตอบอย่างไร ศิลาตามออกมากับแม่อิ่มพอดีอาสา

จะจัดการให้เอง สาโรจน์เห็นสีหน้าเครียดๆของเขาชิงพูดขึ้นก่อนว่าตะวันฉายไปก่อเรื่องอีกใช่ไหม

“ลุงโรจน์ใจเย็นๆนะ ตอนนี้ตะวันอยู่ที่โรงพัก เมื่อคืนเกิดเรื่อง ตะวันโดนข้อหาพยายามฆ่า”

“อะไรนะครับ!” พูดได้แค่นั้น สาโรจน์ช็อกหมดสติ ศิลากับแม่อิ่มและเดือนวารีต้องช่วยกันพยุงกลับไปยังเรือนเล็ก เฟื่องรีบเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ ศิลาเห็นนทีหายไป ถามแม่อิ่มรู้ไหมว่าหายไปไหนได้ความว่าขับรถออกไปตั้งแต่ยังไม่สว่าง ระหว่างนั้น มั่นใจวิ่งเข้ามารายงานว่านทีกลับมาแล้ว ศิลารีบเดินไปดูที่หน้าบ้าน เห็นขอจันทร์ลงมาจากรถพร้อมกับน้องชายตัวเอง มองด้วยความฉงน

“เสียใจเหรอคะที่เห็นฉันกลับมา” ขอจันทร์ไม่วายประชด ศิลาประชดกลับ

“แค่แปลกใจต่างหากที่เห็นเธอกลับมากับเจ้าที ได้ แล้วไปรับกันถึงสวรรค์ชั้นไหนมาล่ะ”

นทีไม่พอใจที่เขาพูดจาไม่ให้เกียรติขอจันทร์ จะเข้าไปเอาเรื่อง แต่เธอห้ามไว้ก่อนเรื่องราวจะบานปลาย มั่นใจเข้ามาบอกให้ขอจันทร์เข้าไปดูพ่อของเธอหน่อย พอรู้ว่าตะวันฉายถูกจับก็เป็นลมไปหลายตลบแล้ว ตอนนี้แม่อิ่มดูแลอยู่ ขอจันทร์ตกใจรีบวิ่งไปหาพ่อพร้อมกับนที สาโรจน์เห็นลูกสาวมาก็ดีใจแต่อดแปลกใจไม่ได้ที่เธอมากับนที ชายหนุ่มเห็นสายตาที่ทุกคนมองมา รีบอธิบายว่าตนแวะไปรับเธอมาเอง

“ขอบคุณนะครับ ที่ช่วยเป็นธุระเรื่องไอ้จันทร์ให้แล้วไอ้ตะวันล่ะครับ คุณทีช่วยไอ้ตะวันมันด้วยนะครับ”

“ไม่ต้องห่วงครับ ตอนนี้ผมให้ทนายยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวตะวันเรียบร้อยแล้ว อีกครู่ก็คงถึงบ้าน”

สาโรจน์ขอบคุณนทีมากที่ช่วยเหลือ เขายินดีทำให้เพราะถือว่าตะวันฉายเป็นเหมือนน้องชายของตัวเอง

ooooooo

คู่วุ่นลุ้นแผนรัก

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด