สมาชิก

คู่วุ่นลุ้นแผนรัก

ตอนที่ 10

อัลบั้ม: "วิน ธาวิน" ประกบ "ขวัญ อุษามณี" ใน "คู่วุ่นลุ้นแผนรัก"



บุญนำเดินยิ้มสะใจออกจากห้องทำงานของครรชิตพร้อมกับศิลา พลางชมอดีตเจ้านายตัวเองไปด้วยที่เล่นงานครรชิตจนหงายเงิบ ศิลากลับมีสีหน้าเคร่งเครียดเพราะจากนี้ไปต้องระวังตัวให้มากขึ้น คนอย่างครรชิตคงไม่ยอมหยุดแค่นี้ บุญนำปลอบไม่ต้องห่วง ตนจะคอยตามเฝ้าระวังมันให้เอง แล้วนึกอะไรขึ้นมาได้

“เออคุณศิลาครับเมื่อสักครู่คุณขอจันทร์มาที่นี่ครับ เธอฝากโน้ตนี่ไว้ให้คุณครับ” บุญนำหยิบกระดาษโน้ตยื่นให้ ก่อนจะขอตัวกลับไปทำงานต่อ ศิลาเปิดโน้ตออกอ่าน

“ถ้าคุณว่างแล้วให้มาหาฉันที่เบเนดิกส์สตูดิโอด้วย” ชายหนุ่มงงขอจันทร์นัดไปที่นั่นทำไม...

ณ เบเนดิกส์สตูดิโอซึ่งเป็นสตูดิโอสำหรับถ่ายพรีเวดดิ้ง เอริคเห็นขอจันทร์เอาแต่จ้องมือถือไม่ยอมโทร.ไปย้ำศิลาเรื่องนัดก็เร่งให้รีบโทร. ถ้าชักช้าเขานัดกับคนอื่นไปก่อน แผนการที่เราเตรียมไว้ต้องพังไม่เป็นท่าแน่

เธอตัดสินใจโทร.เตือนศิลาอย่าลืมมาตามนัด เธอมีเรื่องสำคัญจะบอก เขาขอให้บอกตอนนี้เลย

“ไม่ได้เรื่องนี้ห้ามคุยทางโทรศัพท์ ยังไงคุณรีบมาหน่อยก็ดีนะ ฉันไม่ชอบคอยใคร” ขอจันทร์วางสายทันที

ศิลาได้แต่มองมือถืองงๆ ระหว่างนั้นมีพนักงานคนหนึ่งวิ่งเข้ามายื่นบัตรกำนัลของสปาณิชรันย์ให้

“พอดีคุณศิลาย้ายห้องทำงานเลยไม่รู้ว่าจะเอาไปให้ที่ไหนค่ะ”

“ขอบคุณครับ” ศิลามองบัตรกำนัลในมือ สีหน้าครุ่นคิด...

ด้านขอจันทร์นั่งรอศิลาอย่างใจจดจ่อจนเก็บเอาไปฝันกลางวันว่าเขามาหาตามนัด เธอซึ่งรออยู่ในชุดเจ้าสาวหยิบกล่องใส่แหวนเพชรขึ้นมาคุกเข่าของเขาแต่งงาน เขาประคองให้เธอลุกขึ้น รับปากจะแต่งงานด้วย ทันใดนั้น เอริคในชุดบาทหลวงเข้ามาทำพิธีให้และประกาศให้ทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน เหล่านักเต้นที่เตรียมเซอร์ไพรส์เขาต่างกรูกันออกมาเต้นรำตามเสียงเพลงอย่างสวยงาม ศิลามองขอจันทร์ด้วยความตื้นตันใจ

“ทั้งสองจูบกันได้” เอริคประกาศลั่น

ศิลาโน้มตัวเข้าหาขอจันทร์ที่หลับตาพริ้มเผยอปากรอรับการจุมพิตจากเขา แต่แล้วเสียงเรียกของเอริค

ก็ปลุกให้เธอตื่นจากภวังค์ พอรู้ตัวว่าเพ้อไปเองก็ทำเป็นหาวกลบเกลื่อน

“จะมาง่วงอะไรตอนนี้ แกต้องตื่นตัวตลอดเวลาแล้วฉันก็คิดว่าแกควรไปเปลี่ยนชุดเจ้าสาวรอได้แล้ว”

ขอจันทร์หยิบกล่องแหวนขึ้นมาดู ชักไม่แน่ใจว่าแผนการนี้จะได้ผล เอริครับรองในเมื่อตนออกหน้าทั้งที ไม่มีทางพลาด และที่สำคัญเรามาไกลขนาดนี้แล้ว จะถอยไม่ได้อีกแล้ว ขอจันทร์ไม่แน่ในว่าเขาจะรับรักเธอหรือเปล่า แม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเกาะเขาจะแสดงออกว่ารักเธอก็ตาม แต่เธอกลัวว่านั่นอาจเป็นเพราะ สถานการณ์พาไป

“แต่เท่าที่แกเล่ามาเขาเองก็ดูรักแกนะ ไม่ต้องห่วงทำตามแผนของเราน่ะแหละดีแล้ว...ถ้าแกขืนรอผู้ชายเป็นคนเอ่ยปากก่อน แกอาจจะชวดก็ได้นะ รีบๆซะตอนนี้ ตุ๊ดสั่งลุยค่ะ” ได้แรงเชียร์จากเอริคทำให้ขอจันทร์มีกำลังใจและกลับมาตื่นเต้นกับแผนการนี้อีกครั้ง

ooooooo

แม้อาการบาดเจ็บภายนอกของรุจน์จะมีเพียงแผลฟกช้ำ แต่จะมีการบาดเจ็บภายในตามมาด้วยหรือเปล่าหมอยังบอกไม่ได้ ต้องขอเช็กให้ละเอียดอีกครั้ง ตะวันฉายโกรธมากที่เพื่อนซี้โดนรังแกจะไปเอาเรื่องเชนให้ได้ เดือนวารีเข้ามาขวางไว้เตือนว่ารุจน์เป็นอย่างนี้แล้วเขายังจะทำให้วุ่นวายอีกหรือ

“วุ่นวายเหรอ! ถ้าความวุ่นวายของฉันทำให้ไอ้รุจน์ไม่เป็นอย่างนี้ ฉันก็ยอม”

เดือนวารีไม่พอใจที่ตะวันฉายพูดเหมือนเธอเป็นต้นเหตุ แทนที่จะโทษว่าเป็นเพราะเขาต่างหากที่เจ้ากี้เจ้าการจับคู่ให้เธอกับรุจน์ ตะวันฉายถูกตอกกลับถึงกับไปไม่เป็น...

ระหว่างที่ณิชรันย์ยืนมองที่ตรวจการตั้งครรภ์

อยู่หน้ากระจกในห้องน้ำของสปาณิชรันย์ มีพนักงานเดินเข้ามา เธอถึงกับสะดุ้งโหยงรีบเก็บที่ตรวจใส่กระเป๋าเครื่องสำอาง แล้วทำเนียนเปิดน้ำล้างมือ พนักงานเห็นสีหน้าเครียดๆของเจ้านายร้องทักว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เธอโกหกว่าแค่ปวดหัวนิดหน่อย แล้วเดินเลี่ยงออกไปพร้อมกับกระเป๋าเครื่องสำอางในมือ อยู่ๆเธอรู้สึกเหมือนโลกหมุน ต้องจับผนังตึกเอาไว้ เป็นจังหวะที่ศิลา

เดินเข้ามาหา เธอนิ่วหน้ามองสงสัย ลมอะไรหอบเขามาที่นี่ได้ ศิลาว่างพอดีก็เลยจะแวะมาใช้บัตรกำนัลที่เธอส่งไปให้

“อย่างพี่ศิลาเนี่ยนะคะมีวันว่างกับเขาด้วย”

“นี่พี่ชายเราเขาไม่ได้บอกเรื่องพี่ที่เชตวัตรเหรอ”

ณิชรันย์แปลกใจมาก แต่ยังไม่ทันจะถามอะไรอาการโลกหมุนกลับมาอีก คราวนี้เธอถึงกับเป็นลมหมดสติ กระเป๋าเครื่องสำอางหลุดจากมือของเธอที่ตรวจการตั้งครรภ์หล่นพื้น

ในเวลาต่อมา ณิชรันย์รู้สึกตัวตื่นขึ้น กวาดตามองไปรอบๆถึงได้รู้ว่าตัวเองอยู่ในห้องฉุกเฉิน ลุกพรวดขึ้นนั่ง ศิลาเข้ามาช่วยประคองบอกว่าเธอเป็นลม หมอตรวจอาการแล้วเธอไม่ได้เป็นอะไร คงแค่อ่อนเพลียเพราะพักผ่อนไม่พอ ณิชรันย์จัดแจงจะกลับบ้าน เขาขอร้องให้นอนพักที่นี่คืนหนึ่งก่อน

“อย่าเลยค่ะ รันไม่เป็นไรแล้วจริงๆ”

ศิลารู้เรื่องที่ณิชรันย์ท้องแต่ไม่พูดอะไร อยากให้เธอเป็นฝ่ายเล่าให้ฟังเอง จึงอาสาจะไปส่งบ้านให้ แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ไม่ยอมพูดเรื่องตั้งท้อง...

ทีมนักเต้นของขอจันทร์รอตั้งแต่บ่ายจนค่ำคนที่จะให้เซอร์ไพรส์ก็ไม่โผล่มาสักที ต่างพากันสลายตัว

เอริคไม่ยอมกลับจะอยู่รอเป็นเพื่อนขอจันทร์ แต่เธออยากอยู่คนเดียวมากกว่า เขาไม่อยากเซ้าซี้ก็เลยกลับไปก่อน...

ด้านครรชิตหัวเสียที่ไม่รู้ว่ามิสเตอร์ทีเป็นใครอยู่ที่ไหน แวะมาหายรรยงที่เซฟเฮาส์เพื่อสอบถามว่ารู้จักคนคนนี้บ้างไหม ได้ความว่าเขาคือคนที่ทำให้พ่อของครรชิตถูกไล่ออกจากการเป็นหุ้นส่วนหลักของเชตวัตรกรุ๊ปที่ร่วมกันก่อตั้งขึ้นมาและหากท่านยังอยู่หุ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ส่วนนี้ก็จะต้องเป็นของท่าน ครรชิตขบกรามแน่นด้วยความแค้น ระหว่างนั้นลีน่าส่งคลิปเข้ามือถือของครรชิต เป็นคลิปตอนที่เขากับเธอมีอะไรกันซึ่งดูแล้วเหมือนเขาเป็นโรคจิตเข้าเส้น ครรชิตเห็นตัวเองก็ตกใจ รีบขอตัวออกไปโทรศัพท์ก่อน

ooooooo

ที่มุมสงบของเซฟเฮาส์ของยรรยง ครรชิตโทร.เล่นงานลีน่าที่ส่งคลิปบ้าอะไรมาให้และสั่งให้ลบทิ้ง เธอไม่ยอมลบจะเก็บไว้ต่อรองกับเขาเหมือนที่เคยทำกับเธอ ครรชิตถามเสียงเขียวว่าต้องการอะไร

“ฉันอยากสั่งสอนนังแองจี้ให้มันรู้ซะบ้างว่ามันไม่มีสิทธิ์มาพูดกับฉันอย่างนั้น”

“จะบ้าเหรอไง คุณโกรธเธอก็ไปจัดการเองสิเกี่ยวอะไรกับฉัน”

ลีน่าไม่อยากได้ยินคำปฏิเสธ สั่งให้เขามาพบที่โรงแรมซึ่งใช้เป็นรังรักของทั้งคู่ ครรชิตไม่ชอบให้ใครมาออกคำสั่ง บอกว่าไม่ว่าง เธอขู่ถ้าไม่มาดีๆจะส่งคลิปให้ว่อนเน็ต ถ้ามันหลุดออกไปมีหวังกระทบกับตำแหน่งประธานบริหารเชตวัตรกรุ๊ปของเขาแน่ๆ...

ขณะที่ขอจันทร์นั่งรอศิลาอยู่ที่เบเนดิกส์สตูดิโอด้วยความหวัง แม้จะเลยเวลานัดมานานแล้ว ศิลากลับถึงบ้านเชตวัตรไม่เห็นขอจันทร์อยู่ในห้องก็แปลกใจ

“อย่าบอกนะว่าเธอยังรออยู่ที่เดิม” ศิลารีบหยิบมือถือขึ้นมาโทร.หาขอจันทร์ มีเพียงเสียงให้ฝากข้อความไว้ เขาเริ่มเป็นห่วงเธอขึ้นมา ผลุนผลันออกจากห้อง...

รปภ.ของเบเนดิกส์สตูดิโอเห็นขอจันทร์ยังไม่ยอมกลับก็เข้ามาขอร้องให้กลับได้แล้ว ไม่อย่างนั้นเขาจะโดนเล่นงานไปด้วย เธอขอรอต่ออีกสักครู่แล้วจะกลับ เขาเห็นเธอไม่ยอมไปได้แต่ส่ายหน้าเดินกลับไปที่ป้อมยาม ขอจันทร์หยิบมือถือขึ้นมาดูถึงได้รู้ว่าแบตฯหมด เอาพาว์เวอร์แบงก์มาเสียบก็แบตฯหมดเช่นกัน ถึงกับร้องไห้ออกมาอย่างอัดอั้นที่ศิลาไม่เห็นความสำคัญ ตัดใจลุกขึ้นมองข้าวของที่จะทำเซอร์ไพรส์เขาซึ่งตอนนี้อยู่ในถังขยะ ก่อนจะโยนผ้าคลุมผมของเจ้าสาวตามลงไป แล้วเดินหมดอาลัยตายอยากออกมา

ขอจันทร์เดินเรื่อยเปื่อยมาถึงสวนสาธารณะ เห็นคู่รักคู่อื่นสวีทหวานกันก็ยิ่งเศร้าใจ พานเข่าอ่อนจะล้ม ศิลาเข้ามาประคองเอาไว้ ขอจันทร์ถึงกับร้องไห้โฮเพราะคิดว่าเขาจะไม่มา

“ที่ฉันนัดคุณมาเพราะฉันอยากจะเซอร์ไพรส์คุณ พอคุณมาฉันก็จะให้ทีมงานที่เตรียมไว้ออกมา”

ศิลารู้สึกผิดต่อเธอมาก อ้าปากจะสารภาพเรื่องที่เกาะร้าง แต่เธอไม่เปิดโอกาสให้พูด หยิบกล่องใส่แหวนออกมาให้ดู ตั้งใจจะขอเขาแต่งงาน ศิลาซึ้งใจมากที่เธอยอมทำขนาดนี้เพื่อเขาดึงตัวมากอดไว้

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”...

ทางฝ่ายครรชิตมาหาลีน่าที่โรงแรมตามที่นัด ถามเสียงเข้มว่าต้องการอะไรกันแน่ เธอแค่อยากมีส่วนร่วมในเกมของเขาด้วย

ooooooo

ศิลารู้สึกผิดต่อขอจันทร์ที่เบี้ยวนัดเมื่อคืน บอกว่าเย็นนี้ให้เธอแต่งตัวสวยๆรอเขามารับ เธอมองไม่ไว้ใจ จะมาไม้ไหนอีก

“ผมอยากจะพาคุณไปดินเนอร์เพื่อชดเชยความผิดเมื่อวาน...เย็นนี้เจอกันนะ” ศิลายิ้มหวานให้ขอจันทร์ก่อนจะออกจากห้อง เธอมองตามสุขใจ เขาเดินยิ้มมีความสุขลงมาข้างล่าง เจอนทีกำลังจะออกจากบ้านก็ร้องเรียกไว้ แต่เขาเดินต่อไปไม่สนใจ ศิลาต้องวิ่งตามมาคว้าไหล่ ถามว่าพักนี้เจอณิชรันย์บ้างหรือเปล่า

“ไม่...พี่มีอะไร”

เขาเล่าเรื่องที่หมอตรวจพบว่าณิชรันย์ท้องให้ฟัง นทีตกใจมาก ถามหยั่งเชิงว่ามาบอกตนเรื่องนี้ทำไม ศิลาเห็นทั้งคู่สนิทกัน ก็เลยอยากให้นทีช่วยดูแลเธอหน่อย เขารู้ว่าเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะบอกอย่างนี้

“แต่อย่างน้อยถ้ารันจะมีใครสักคน ฉันก็อยากให้ผู้ชายคนนั้นเป็นคนดี”...

จากนั้นไม่นาน ศิลามาถึงบริษัทเชตวัตรกรุ๊ป บุญนำ รีบเข้ามาทักทายพร้อมกับรายงานเรื่องที่ครรชิตสั่งให้คนตามสืบเรื่องของมิสเตอร์ที รับรองว่าหาไม่เจอแน่นอน ศิลาเชื่อว่าครรชิตต้องรู้จนได้ว่ามิสเตอร์ทีเป็นใคร ไม่ช้าก็เร็ว ทั้งคู่เดินคุยกันมาถึงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ศิลาแปลกใจที่เห็นพนักงานคนที่เขาทำหน้าที่แทน มานั่งทำงานที่เดิม แล้วแบบนี้เขาจะทำอย่างไร

จังหวะนั้นครรชิตเดินเข้ามาบอกว่ามีงานตำแหน่งใหม่จะให้ศิลาไปทำ โดยจะให้ไปอยู่ฝ่ายพัฒนาและสื่อสารองค์กรแทนที่นที ศิลารู้ทันทีว่าถูกกลั่นแกล้ง แต่จำต้องเดินตามเขามายังห้องทำงานเก่าของนที ซึ่งใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นที่เก็บเอกสาร นอกจากนี้ครรชิตยังใจดีเตรียมผู้ช่วยไว้ให้อีกด้วย ขาดคำมีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ลีน่าเปิดประตูเข้ามาทักทายสองหนุ่ม ศิลาตกใจมากที่รู้ว่าผู้ช่วยของเขาคือเธอ ถามครรชิตว่าคิดจะทำอะไรกันแน่ ลีน่าชิงตอบคำถามแทนว่าเธอกลับเมืองไทยนานแล้วอยู่บ้านเฉยๆเบื่อจะแย่

“ลีน่าเลยอยากลองทำงานจริงๆจังๆดูสักทีก็เลยนึกถึงที่นี่เป็นแห่งแรก ถ้ามีอะไรจะสอนลีน่าก็ยินดีนะคะ”

“แต่พี่ว่ามันคงไม่เหมาะสมที่ลีน่าจะมาทำงานในเชตวัตรมั้งครับ”

“ทำไมล่ะ ตอนนั้นฉันก็เห็นแกอยากได้คุณลีน่าเป็นสะใภ้เชตวัตรนี่ ตอนนี้คุณลีน่าก็อยู่นี่แล้ว แม้จะไม่ใช่ในฐานะว่าที่น้องสะใภ้แต่ฉันว่าแกก็น่าจะดีใจแล้วนะ...ถ้าอย่างนั้นฉันไม่กวนแกก็แล้วกัน”

ศิลามองตามครรชิตที่เดินจากไปหวั่นใจว่าเขาจะมีแผนร้ายอะไรอีก จากนั้นศิลาพาลีน่าเดินชมบริษัทเพื่อให้คุ้นเคยกับสถานที่ พอถึงมุมปลอดคนเธอทำรุ่มร่ามเข้ามายั่วยวน เขาต้องเตือนว่าเขาแต่งงานแล้ว เธอกลับบอกว่าเธอไม่ถือแล้วรุกเข้าประชิดตัวจะยกมือมาลูบหน้าอก เขาจับมือเธอไว้

“แต่พี่ถือ” ศิลาว่าแล้วผละจากไป ครรชิตแอบตามดูอยู่พอใจกับการกระทำของลีน่า

ooooooo

ขอจันทร์กำลังเลือกชุดสวยเตรียมไปดินเนอร์กับศิลา ตอนที่สาโรจน์โทร.มาตามให้ลงไปหา สักพัก เธอมาถึงสวนสวยข้างบ้านเชตวัตรเห็นพ่อนั่งอยู่ที่โต๊ะสนามรีบเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วงว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เขาโกหกว่าไม่ได้เป็นอะไร แค่มีของบางอย่างจะให้เท่านั้นแล้วหยิบสร้อยห้อยจี้รูปพระจันทร์ยื่นให้

“สร้อยนี่เป็นของแม่เรานั่นแหละ ถึงจะเก่าไปหน่อยแต่พ่อเก็บรักษาดูแลมันอย่างดี”

หญิงสาวรับมาดูด้วยความดีใจ ก่อนจะคืนให้พ่อเก็บไว้เองนี่เท่ากับเป็นตัวแทนของแม่ สาโรจน์อยากให้เธอเก็บเอาไว้เพราะสร้อยเส้นนี้เป็นของเธอ แม่ของเธอใส่ให้เธอตอนเป็นเด็กๆ ขอจันทร์รู้ว่าสร้อยเส้นนี้มีความหมาย กับพ่อมากแล้วจะมาให้เธอทำไม ท่านน่าจะเก็บไว้เองไม่ดีกว่าหรือ

“แกเก็บไว้เถอะ พ่อก็ไม่รู้จะมีโอกาสให้แกอีกไหมเพราะระยะหลังมานี้พ่อก็เจ็บออดๆแอดๆแกก็เห็นอนาคตมันไม่แน่นอน พ่ออาจจะตายวันตายพรุ่งก็ได้นะจันทร์”

ขอจันทร์ขอร้องไม่ให้พูดแบบนี้ ฟังแล้วใจคอไม่ดี สาโรจน์เห็นลูกสาวมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก ให้สัญญาจะไม่ยอมตายจนกว่าจะได้เห็นหน้าลูกของเธอกับศิลาเสียก่อน ขอจันทร์เขินหน้าแดงพูดอะไรไม่ออก...

ทางด้านลีน่าไม่ยอมทำงานทำการ เอาแต่มานั่งใกล้ๆโต๊ะทำงานของศิลาคอยยั่วยวนเจ้าของโต๊ะ แต่เขาไม่สนใจก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป ระหว่างนั้นขอจันทร์ไลน์มาหา เขารีบกดอ่าน

“ตั้งใจทำงานนะคะ เย็นนี้รีบกลับมานะฉันจะรอคุณอยู่ที่บ้านนะคะคุณสามีอย่าลืมสัญญาเมื่อเช้าซะล่ะ”

ศิลาอมยิ้มก่อนจะส่งสติกเกอร์ตอบรับกลับไป ลีน่า เห็นสีหน้าของเขาก็พอจะเดาได้ ทักว่าภรรยาไลน์มาหรือ เขาไม่ตอบคำถาม เก็บมือถือใส่กระเป๋าสนใจแต่งานตรงหน้า ลีน่ายิ้มชอบใจเหมือนเด็กเจอของเล่นถูกใจ

“คุณครรชิตได้บอกพี่ศิลาหรือยังคะว่าเย็นนี้จะมีงานเลี้ยงฉลองที่ลีน่าเข้ามาทำงานที่นี่วันแรกน่ะค่ะ”

“ยัง เพราะเขารู้มั้งว่าผมไม่สนใจ”

ลีน่าไม่ละความพยายาม เสนอข้อต่อรองหากเขายอมไปงานเลี้ยงฉลองคืนนี้ เธอจะเล่าแผนการแก้แค้นของครรชิตให้ฟังจนหมดเปลือก ศิลามองตามลีน่าที่เดินยิ้มยั่วออกไปอย่างสนใจใคร่รู้...

ในระหว่างที่ขอจันทร์นั่งแต่งหน้าอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้งเตรียมจะไปดินเนอร์ ศิลาโทร.บอกว่าเย็นนี้คงไปรับเธอไม่ได้ เพราะติดงานด่วน เธอถึงกับหน้าเศร้า...

นทีดื่มเหล้าจนเมาได้ที่ ถึงกล้าไปเผชิญหน้ากับณิชรันย์เพื่อขอรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองกระทำ เธอเห็นเขาเมาก็เลยยังไม่อยากคุยอะไรตอนนี้ ทำให้เขาเข้าใจคิดว่าเธอปฏิเสธ

“ทำไม เพราะพี่ศิลาใช่ไหม รันรักพี่ศิลามากใช่ไหม” นทีมองณิชรันย์ด้วยสายตาเจ็บช้ำ ก่อนจะผละจากไปโดยไม่ฟังเสียงเรียกให้กลับมาก่อนของเธอ ไม่นานนักนทีมาถึงบริษัทเชตวัตรจะมาคุยกับพี่ชายให้รู้เรื่อง แต่เขาไม่อยู่ เจอแต่บุญนำที่ออกมารับหน้า นทีไม่เชื่อว่าพี่ชายไม่อยู่ตะโกนเรียกเสียงลั่น

“คุณทีครับเชื่อผมเถอะครับ คุณศิลาออกไปนานแล้วจริงๆครับ”

นทีตะคอกถามว่าพี่ศิลาไปไหน บุญนำอึกอักไม่รู้ จะบอกอย่างไร

ooooooo

ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งภายในโรงแรมหรูกลางกรุง ศิลาเดินเข้ามาที่โต๊ะซึ่งลีน่านั่งอยู่ แต่ไม่เห็นครรชิตอยู่ด้วยก็ถามหา เธอโกหกว่าครรชิตติดธุระ เขากับเธอคงต้องฉลองกันแค่สองคนเท่านั้น

“ถ้าอย่างนั้นพี่คงต้องขอตัวก่อนพี่ไม่อยากอยู่กับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่ภรรยา”

“จริงหรือคะ แต่ลีน่าว่าที่จริงแล้วพี่ศิลาน่าจะดีใจที่ครรชิตไม่มานะคะ เราจะได้คุยเรื่องแผนของครรชิตที่พี่ศิลาอยากรู้ไงคะ” ลีน่ายิ้มอย่างถือไพ่เหนือกว่า ระหว่างนั้นบุญนำโทร.เข้ามือถือของศิลา เขาก็เลยขอตัวออกไปรับสาย ลีน่ามองตามสีหน้าร้ายกาจ แล้วหยิบมือถือขึ้นมาโทร.หาขอจันทร์แกล้งชวนมากินข้าวด้วยกัน

“ฉันว่าคุณลีน่ามีอะไรก็พูดมาตรงๆดีกว่าค่ะ พอดีฉันมีธุระ”

“นัดกับพี่ศิลาไว้เหรอ”

ขอจันทร์แปลกใจรู้ได้อย่างไร ลีน่าโกหกว่า

พี่ศิลาเป็นคนบอกเธอเองเพราะตอนนี้เขาอยู่กับเธอ...

บุญนำโทร.มารายงานศิลาว่าเมื่อครู่นี้นทีมาที่บริษัท ท่าทางเมามากด้วย ต้องการจะเจอเขาให้ได้ บุญนำ ก็เลยต้องบอกว่าเขาอยู่ที่ไหน ศิลาแปลกใจนทีมีเรื่องร้อนใจอะไรถึงอยากเจอตนเองนัก

หลังวางสายจากบุญนำ ศิลากลับมาหาลีน่าที่ร้านอาหาร ขอตัวกลับก่อนเนื่องจากมีธุระด่วนต้องไปทำ เธออิดออดไม่ยอมให้ไป แกล้งยื้อยุดฉุดแขนของเขาไว้ ดึงกันไปดึงกันมาจนโต๊ะล้มคว่ำทั้งแก้วไวน์ ผ้าปูโต๊ะ รวมทั้งข้าวของหล่นใส่เธอเสื้อผ้าเปรอะไปหมด บริกรในร้านจะเข้ามาช่วย ศิลาบอกว่าไม่ต้อง เขาจะดูแลเธอเอง แล้วประคองจะพาไปส่งที่รถ เธอไม่ยอมกลับในสภาพอย่างนี้เด็ดขาด

“เดี๋ยวลีน่าไปเปิดห้องอาบน้ำสักหน่อย พี่ศิลาช่วยไปเอาเสื้อผ้าลีน่าในรถหน่อยได้ไหมคะ นะคะ จะให้ลีน่าเดินออกไปสภาพนี้เหรอคะ” ลีน่าออดอ้อนพร้อมกับส่งกุญแจรถให้ ศิลารับมาอย่างเสียไม่ได้ เธอมองตามเขาที่เดินออกไป ยิ้มพอใจที่แผนรวบหัวรวบหางเขาสำเร็จไปเปลาะหนึ่ง

ศิลาเร่งฝีเท้ามาเอาเสื้อผ้าที่รถให้ลีน่า โดยไม่ลืมไลน์ไปบอกขอจันทร์ว่ารออีกหน่อยใกล้จะถึงบ้านแล้ว เขาไม่ล่วงรู้ว่าเธอไม่ได้รออยู่ที่บ้าน แต่แอบตามมาที่โรงแรมเพื่อมาจับผิดเขา พลันมีเสียงไลน์ดังขึ้น เธออ่านข้อความจากศิลาเสร็จถึงกับอมยิ้ม

“เห็นไหม เกือบทำอะไรโง่ๆแล้วขอจันทร์เอ๊ย... นี่แน่ะ ฉันทำโทษตัวเองแล้วนะคุณศิลา” ขอจันทร์เขกหัวตัวเอง แล้วขยับจะไปแต่ต้องชะงักเมื่อเหลือบไปเห็นสามีตัวเองกำลังถือชุดผู้หญิงเดินเข้าไปในตัวโรงแรม อารามรีบร้อนก็เลยไม่ทันสังเกตเห็นเธอที่พยายามโบกไม้โบกมือเรียก เธอเร่งฝีเท้าตาม แต่ไม่ทันเขาเข้าไปในลิฟต์เสียก่อน ขอจันทร์มองตัวเลขว่าลิฟต์ไปหยุดชั้นไหน แล้วขึ้นลิฟต์ตัวข้างๆตามไป

ooooooo

ทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องพัก ลีน่าที่อยู่ในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำรีบดึงเสื้อให้เปิดช่วงไหล่ เอามือจับเสื้อไว้กันหลุดแล้วเดินไปเปิดประตูรับ ศิลาซึ่งยืนถือชุดรออยู่หน้าห้องยื่นชุดให้แล้วทำท่าจะกลับ เธอดึงแขนเขาไว้ชวนให้เข้ามาข้างในก่อน เขาขอร้องให้ปล่อยมือ ทันใดนั้นมีเสียงเรียกชื่อ “ศิลา” ดังขึ้น เขาหันขวับไปมอง

“ขอจันทร์ เธอมาได้ไง”

ขอจันทร์เห็นลีน่าในชุดเสื้อคลุมยืนเกาะแขนศิลาก็พาลคิดมากไปใหญ่โต แล้วหันหลังเดินจากมา ศิลารีบแกะมือลีน่าออก วิ่งตามขอจันทร์จนทันกันตรงหน้าลิฟต์ ขอร้องให้ฟังเขาอธิบายก่อน มันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอเห็น แต่เธอไม่ฟังเดินเข้าลิฟต์ไปเลย เขาจะตามแต่เธอขออยู่คนเดียวแล้วกดลิฟต์ปิด ศิลาไม่ยอมแพ้วิ่งลงทางบันไดหนีไฟไปดักหน้าเธอไว้ เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง เธอสัมผัสถึงความจริงใจและจริงจังในน้ำเสียงของเขาได้ แต่ยัยตัวแสบดันตามลงมาทั้งที่ยังอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำ

“เป็นยังไงคะพี่ศิลา เคลียร์กันได้ไหม”

“ไม่มีอะไรต้องเคลียร์นี่คะ ฉันไม่ได้หึงเพราะฉันเชื่อใจสามีของฉันอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องความซื่อสัตย์นะคะ แต่เชื่อใจเรื่องรสนิยม” ขอจันทร์ตอกกลับอย่างเจ็บแสบ ลีน่าแค้นมาก มองเธอหัวจดเท้า

“แหมเพิ่งรู้นะคะว่าพี่ศิลาชอบผู้หญิงต่ำๆแบบพวกลูกคนใช้”

ขอจันทร์ไม่ยอมแพ้ด่าคืนอย่างเจ็บแสบ สองสาวเปิดศึกน้ำลายกันกลางล็อบบี้โรงแรม ลีน่าด่าสู้ไม่ได้ตบขอจันทร์หน้าหัน เธอไม่ยอมให้ถูกตบฟรีๆ ปล่อยหมัดตรงเข้าเต็มๆ ยัยตัวแสบถึงกับหน้าหงาย ลีน่าฟิวส์ขาดพุ่งเข้าหา ขอจันทร์เบี่ยงตัวหลบทำให้อีกฝ่ายเสียหลักล้มใส่แจกันใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆตกแตก ศิลารีบเข้าไปดู ลีน่าได้ทีทำสำออย ขอจันทร์เห็นภาพบาดตาตรงหน้าแทบทนไม่ไหว พลันมีเสียงนทีตบมือดังขึ้น

“สุดยอด...อ้าวหยุดทำไมล่ะ อ๋อ ผมเข้ามาขัดจังหวะนี่เอง ไม่อย่างนั้นคงเห็นพี่ตัวเองกับคู่หมั้นบรรเลงหนังสดกันไปแล้ว แหมเห็นพี่เงียบๆแต่ฟาดเรียบทุกรายเลยนะ”

ศิลารู้ว่าน้องชายเข้าใจผิดพยายามจะเข้าไปอธิบาย แต่เขาเมาเกินกว่าจะฟังรู้เรื่องปัดมือศิลาออกแล้วเดินแอ่นหน้าแอ่นหลังออกไป ขอจันทร์เห็นท่าทางเขาไม่ค่อยดีบอกให้ศิลารีบตามไปดูแล ศิลามองสบตาเธออย่างเข้าใจกัน แล้ววิ่งตามน้องชาย ลีน่ายิ้มชอบใจที่เห็นผู้ชายตีกันเพราะตัวเอง

“คุณนี่มันน่าสมเพชจริงๆ” ด่าเสร็จขอจันทร์ผละจากไปทิ้งให้ลีน่ายืนเจ็บใจเพียงลำพัง...

ฝ่ายศิลาเดินตามนทีมาถึงที่จอดรถเห็นเขากำลังจะก้าวขึ้นรถก็คว้าตัวไว้บอกว่าไม่ได้มีอะไรกับลีน่า เขาไม่โกรธเรื่องนั้นเพราะเขาไม่ได้รักเธอ แต่ไม่เข้าใจทำไมศิลาต้องแย่งทุกอย่างไปจากเขาด้วย ศิลาขอร้องอย่าขับรถทั้งที่เมาแบบนี้ แต่เขาไม่ฟังผลักพี่ชายพ้นทางแล้วขึ้นนั่งประจำที่คนขับ ศิลารีบขึ้นรถไปด้วย นทีขับรถออก ไปอย่างรวดเร็ว ศิลาพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ แต่ไม่ได้ผลเขาไม่ฟังอะไรทั้งนั้น

“ตั้งแต่เด็ก ผมไม่เคยมีอะไรเป็นของผมเลยผมต้องรับทุกอย่างต่อจากพี่แล้วตอนนี้...พี่ยังให้ผมรับเมียต่อจากพี่อีกหรือ...ผมรู้แล้ว มีอย่างหนึ่งที่ผมไม่ต้องรับต่อจากพี่เพราะเราจะได้มันพร้อมๆกัน”

“แกหมายถึงอะไร”

“ความตายไง” นทีเร่งความเร็วขึ้นอีก พลันมีมอเตอร์ไซค์ซ้อนสามคนพ่อแม่ลูกขับสวนเลนมาตามไหล่ทาง ศิลาร้องลั่นให้เบรก นทีตกใจหักพวงมาลัยหลบ รถเสียหลักพุ่งลงข้างทาง สองหนุ่มต่างหมดสติ...

ขอจันทร์นั่งรอศิลาอยู่นานสองนานไม่เห็นกลับบ้านสักที เริ่มเป็นกังวล หยิบมือถือขึ้นมาโทร.หาแต่ไม่มีใครรับสาย เปลี่ยนไปโทร.เบอร์ของนทีแทนที่ แต่โทร.ไม่ติด เธอชักจะใจคอไม่ดี

ooooooo

ขอจันทร์ตื่นขึ้นตอนเช้าไม่เห็นศิลาอยู่ในห้อง ชะเง้อคอยาวออกไปนอกหน้าต่างก็ไม่เห็นรถ รีบลงมาข้างล่าง เป็นจังหวะที่โทรศัพท์บ้านดังขึ้นพอดี แม่อิ่มวิ่งไปรับสาย ตำรวจโทร.มาแจ้งว่าศิลากับนทีประสบอุบัติเหตุรถชนตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ทั้งน้ำทิพย์ เดือนวารีและขอจันทร์ต่างตกใจกันถ้วนหน้า...

ศิลารู้สึกตัวตื่นขึ้น มองไปรอบๆพบว่าตัวเองอยู่ในห้องพักฟื้นคนไข้ ถามพยาบาลที่เข้ามาดูแลว่าน้องชายของตนอยู่ไหน เธอรีบประคองเขาให้นอนลงอย่างเดิม

“ไม่ต้องห่วงนะคะ ตอนนี้น้องชายคุณปลอดภัยดีแล้ว อยู่ถัดออกไปไม่กี่ห้องนี่เองค่ะ เดี๋ยวคุณพักผ่อนก่อนแล้วกันค่ะ ตอนบ่ายตำรวจน่าจะมาสอบปากคำคุณ”

ชายหนุ่มงง สอบปากคำเรื่องอะไร ปรากฏว่าไม่ได้มีแค่เขากับนทีที่ได้รับบาดเจ็บ อุบัติเหตุเมื่อคืนยังทำ ให้เด็กอีกคนหนึ่งบาดเจ็บไปด้วย ศิลาตกใจแทบช็อก...

เหตุการณ์เมื่อคืนกลายเป็นข่าวใหญ่ประจำวัน นักข่าวพากันมารอฟังความคืบหน้าอยู่ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาลกันอย่างคับคั่ง พอเห็นน้ำทิพย์ เดือนวารีและขอจันทร์มาถึงต่างกรูกันเข้าไปรุมสัมภาษณ์ว่าศิลากับนทีขับรถชนคนใช่ไหม แล้วน้ำทิพย์จะให้ตำรวจคนสนิททำคดีให้หรือเปล่า

“พูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไรคะ น้องอยู่ช่องไหน” น้ำทิพย์แหวลั่น ขอจันทร์รีบตัดบท

“ตอนนี้พวกเรายังไม่พร้อมจะตอบคำถามนะคะ ไว้พร้อมเมื่อไหร่จะแจ้งให้ทราบนะคะ” พูดจบขอจันทร์พาสองแม่ลูกฝ่าวงล้อมนักข่าวออกมา โดยมีพวกนั้นตะโกนแข่งกันถามไล่หลังจนฟังไม่ได้ศัพท์ ครู่ต่อมาทั้งสามคนมาถึงห้องพักฟื้นของนที เห็นเขายังนอนหมดสติอยู่ น้ำทิพย์เข้าไปลูบหัวด้วยความเป็นห่วง ขอจันทร์ ยังไม่ทันจะขอตัวไปเยี่ยมศิลา เจ้าตัวเปิดประตูห้องเข้ามาเสียก่อน เธอดีใจมากที่เห็นเขาปลอดภัย มีเพียงรอยฟกช้ำตามตัวเล็กน้อยเท่านั้น น้ำทิพย์ซักเป็นการใหญ่เกิดอะไรขึ้นทำไมรถถึงคว่ำได้

จังหวะนั้นตำรวจเข้ามาขอสอบปากคำศิลาว่าเมื่อคืนใครเป็นคนขับรถ เขาออกหน้ารับแทนว่าเป็นคนขับ ตำรวจขอควบคุมตัวเอาไว้ก่อนเพราะมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้

“ไม่เป็นไรครับ ผมพร้อมให้ความร่วมมือทุกอย่าง”

หลังจากตำรวจกลับไปแล้ว ศิลาเล่าอุบัติเหตุเมื่อคืนให้น้ำทิพย์ เดือนวารีและขอจันทร์ฟัง น้ำทิพย์ไม่เข้าใจถ้านทีเป็นคนขับรถแล้วทำไมศิลาถึงต้องบอกว่าตัวเองเป็นคนขับ เขาอธิบายว่าขืนบอกตำรวจตามความเป็นจริง นทีต้องโดนโทษหนักเพราะขับรถขณะเมาสุรา น้ำทิพย์เป็นกังวลเกิดเขาต้องติดคุก บริษัทของเราจะเป็นอย่างไร ศิลาไม่อยากคิดไปไกลขนาดนั้น ขอแค่ให้ช่วยน้องไว้ก่อน น้ำทิพย์ถึงกับปล่อยโฮ

“นี่มันเวรกรรมอะไรเนี่ย บริษัทก็กำลังแย่แล้วยังต้องมาเกิดเรื่องอีก”

เดือนวารีต้องเข้าไปปลอบแม่ให้ใจเย็นๆก่อน ขอจันทร์หยิบกระดาษทิชชูมาให้น้ำทิพย์ซับน้ำตา และช่วยปลอบอีกแรงหนึ่งว่าทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี...

หมออนุญาตให้รุจน์กลับมาพักฟื้นต่อที่บ้านเองได้ แต่ต้องใส่เฝือกอ่อนที่คอเอาไว้ก่อน ตั้งแต่กลับบ้าน

เดือนวารีไม่เคยมาเยี่ยมเลย รุจน์น้อยใจมาก ตะวันฉายสงสารเพื่อนรัก ปลอบว่าตอนนี้เธอคงยุ่งๆเพราะพี่ชายทั้งสองคนของเธอประสบอุบัติเหตุก็เลยมาเยี่ยมไม่ได้ รุจน์จัดแจงลุกขึ้นแต่งตัวจะไปเยี่ยมพี่ชายของเธอ

“ฉันว่าแกเอาตัวให้รอดก่อนเถอะ ขืนไปตอนนี้แกโดนคุณวาด่าชัวร์ เชื่อฉันแกรีบพักให้หายเร็วๆดีกว่า”

ooooooo

เดือนวารีกำลังเซ็งที่ถูกแม่เล่นงานที่ไม่ยอมไปนอนเฝ้าไข้ศิลา พอโดนตะวันฉายเข้ามาต่อว่าที่เธอไม่ไปเยี่ยมรุจน์ทั้งที่เขาเจ็บตัวเพราะปกป้องเธอ ยิ่งทำให้เธอทั้งโกรธทั้งเสียใจก็เลยประชดให้รู้แล้วรู้รอด

“ได้...ถ้านายอยากให้ฉันไป ฉันก็จะไป” ว่าแล้วเดือนวารีคว้ากระเป๋าถือเดินออกไป...

ครรชิตเห็นข่าวศิลาประสบอุบัติเหตุถึงกับปรี๊ดแตก หันไปต่อว่าลีน่ายกใหญ่ เธอแปลกใจมาก เขาน่าจะชอบใจที่เห็นพวกเชตวัตรเป็นแบบนี้ หรือเขาเกิดรู้สึกผิดชอบชั่วดีขึ้นมา

“ความตายยังน้อยไปสำหรับพวกมัน...พวกมันจะต้องได้รู้ว่าวันที่พวกมันไม่เหลืออะไร มันเป็นอย่างไร ผมไม่สนว่าเกมของคุณจะเป็นยังไง แต่ผมต้องเป็นคนจัดการไอ้พวกเชตวัตรเท่านั้น”...

ระหว่างที่ขอจันทร์กำลังปรนนิบัติศิลาอยู่ในห้องพักฟื้นคนไข้ ครรชิตส่งกล่องกระดาษที่อัดแน่นไปด้วยดอกไม้จันทน์มาให้คนป่วย พร้อมกับโน้ตหนึ่งใบมีข้อความว่า

“อย่าเพิ่งรีบตายล่ะ ฉันยังไม่ได้เล่นสนุกกับนายเลย”

ขอจันทร์ไม่ชอบใจอย่างแรงที่ครรชิตทำเกินเหตุ จังหวะนั้นณิชรันย์เปิดประตูห้องพักเข้ามา ขอจันทร์จัดแจงจะเอาเรื่องเธอแทนพี่ชายตัวแสบของเธอ

แต่ศิลาห้ามไว้ ณิชรันย์สงสัยในท่าทีของทั้งคู่ ก่อนจะเหลือบไปเห็นดอกไม้จันทน์ในกล่อง ตำหนิว่าใครกันเล่นพิเรนทร์แบบนี้ แล้วหยิบโน้ตขึ้นมาอ่าน

เห็นชื่อพี่ชายตัวเองก็รู้สึกผิด ขอโทษศิลาแทนพี่ชายของตนเองด้วย ศิลาไม่อยากให้เธอขอโทษในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้กระทำ

“งั้นคุณรันคุยกับคุณศิลาไปก่อนแล้วกันนะคะ เดี๋ยวฉันมา” ขอจันทร์จะหลีกทางให้แต่ณิชรันย์รู้ทัน

“ไม่เป็นไรค่ะ แองจี้อยู่กับพี่ศิลาเถอะ เดี๋ยวรันว่าจะขอตัวไปเยี่ยมทีก่อน หายเร็วๆนะคะพี่ศิลา” ทันทีที่ณิชรันย์คล้อยหลัง ขอจันทร์หันไปบ่นกับศิลาว่าเธอกับครรชิตไม่น่าจะเป็นพี่น้องกันเลย คนหนึ่งดีมาก ส่วนอีกคนหนึ่งแค่ชื่อ ตนเองยังไม่อยากเอ่ยปากด้วยซ้ำ...

ด้วยความที่นทีกับณิชรันย์ยังมีเรื่องคาใจกันอยู่ การที่เธอไปเยี่ยมเขาก็เลยกระอักกระอ่วนบอกไม่ถูก...

ด้านศิลารู้สึกผิดที่มีส่วนทำให้เด็กน้อยคนนั้นได้รับบาดเจ็บแม้จะไม่สาหัสก็ตาม ชวนขอจันทร์ไปเยี่ยมอาการของแก ทีแรกพ่อแม่ของเด็กไม่พอใจมากต่อว่าต่างๆนานา แต่พอเห็นว่าศิลาสำนึกผิดและจริงใจที่จะรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น ถึงขนาดจะก้มกราบขอโทษ ทั้งคู่ใจอ่อน ยอมให้อภัย ขอจันทร์ดีใจแทนเขา ยกมือไหว้ขอบคุณสองผัวเมีย ศิลารีบยกมือไหว้ตาม นอกจากนี้ขอจันทร์ยังช่วยทั้งคู่หลอกล่อจนเด็กน้อยยอมให้เธอป้อนข้าวให้ ศิลารู้สึกดีกับการกระทำของเธอ

ooooooo

หลายวันต่อมา...

น้ำทิพย์รู้ว่าวันนี้ศิลาต้องไปขึ้นศาลเพื่อฟังคำพิพากษาคดีรถชนเด็ก สั่งให้แม่อิ่มไปจุดธูปมาให้ไหว้พระอีก เดือนวารีทักท้วง ท่านไหว้พระรอบบ้านมาสามรอบแล้วยังไม่พออีกหรือ

“ก็แม่ไม่รู้ว่าพระท่านจะได้คำอธิษฐานของแม่หรือเปล่าน่ะสิ”

“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะคุณท่าน คุณศิลาแกไม่ได้เจตนายังไงศาลท่านต้องเมตตาแน่ๆค่ะ” แม่อิ่มปลอบใจ...

อีกมุมหนึ่งในห้องนอนของศิลา ขอจันทร์เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของศิลาแล้วพูดให้กำลังใจ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอพร้อมจะอยู่เคียงข้างเขาเสมอ ศิลาจับมือเธอมากุมไว้

“ขอบคุณนะ”

“ขอบคุณทำไม มันเป็นหน้าที่ของภรรยาอยู่แล้วนี่คะ” กำลังใจจากขอจันทร์ทำให้ความกังวลของศิลาบรรเทาได้บ้าง...

นทีพยายามลงจากเตียงคนไข้แต่ขาเกิดอ่อนแรงทรุดลงไปกองกับพื้น ณิชรันย์เข้ามาเห็นรีบประคองให้ลุกขึ้น แต่เขาปัดมือออก ไล่ให้เธอไปหาพี่ศิลาไม่ต้องมาสนใจตนเอง เธอเหลืออด เมื่อไหร่เขาจะเลิกทำตัวแบบนี้สักที ถ้าไมเป็นเพราะเขา พี่ศิลาคงไม่ต้องไปขึ้นโรงขึ้นศาล นทีงงทำไมพี่ชายของตนต้องไปขึ้นศาลด้วย เธอเล่าให้ฟังว่าพี่ศิลาให้การกับตำรวจว่าเป็นคนขับรถวันที่เกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากคืนนั้นเขาเมามาก ถ้าตำรวจรู้ว่าเขาเป็นคนขับเรื่องจะวุ่นไปกันใหญ่ นทีฮึดฮัดทันที

“แต่ทีเป็นคนทำ ทีจะไปบอกกับตำรวจว่าทีเป็นคนขับรถคืนนั้น” นทีว่าแล้วขยับจะไป ณิชรันย์คว้าตัวไว้ ไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว วันนี้เป็นวันนัดฟังคำพิพากษาของพี่ศิลา...

ผู้พิพากษาเห็นว่าศิลายอมรับผิดฐานขับรถโดยประมาท และไม่ได้หลบหนี อีกทั้งยังให้การดูแลผู้เสียหายเป็นอย่างดี จึงตัดสินลงโทษจำคุกสองปี แต่ให้รอลงอาญาไว้และให้เขาบำเพ็ญประโยชน์อีกสี่สิบแปดชั่วโมง ทั้งศิลา ขอจันทร์ น้ำทิพย์และเดือนวารีต่างดีใจที่ผู้พิพากษาเมตตา...

ในขณะที่ศิลารอดจากโทษจำคุกมาได้ ครรชิตถึงกับหน้าเครียดเมื่อได้รับรายงานจากวุธว่ามิสเตอร์ทีเป็นเพียงนามแฝงของมิสเตอร์เทย์เลอร์ซึ่งเป็นเจ้าของห้างทีมาร์เก็ตในนิวยอร์กแต่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเมื่อยี่สิบปีมาแล้ว นั่นเท่ากับการได้ครอบครองเชตวัตรกรุ๊ปของเขาต้องยืดเวลาออกไปอีก ลีน่าทักท้วงจะเครียดไปทำไมหากเขาอยากได้หุ้นของเชตวัตร ทำไมไม่เอาจากคนของเชตวัตรเอง ครรชิตมองเธออย่างสนใจใคร่รู้ขึ้นมาทันที

ooooooo

ณิชรันย์กำลังเตรียมอาหารใส่กล่องอยู่ในครัว รู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมา รีบวิ่งไปอาเจียนที่อ่างล้างจาน แต่ไม่มีอะไรออกมา เธอเปิดน้ำล้างปาก แล้วหันไปจะเตรียมของให้เสร็จแต่ต้องตกใจเมื่อเห็นครรชิตยืนจ้องอยู่ ก่อนจะถามว่าเป็นอะไรไม่สบายหรือ เธอโกหกว่าพักนี้กินอาหารไม่เป็นเวลา ท้องไส้ก็เลยปั่นป่วน

“ไปหาหมอไหม เดี๋ยวพี่จะให้รุธนัดหมอให้เลย”

“เอ่อ ไม่ต้องหรอกค่ะ รันไม่ได้เป็นอะไรมาก” ณิชรันย์เสจัดอาหารต่อไป ครรชิตเดินเข้ามาหยิบอาหารที่เธอกำลังจัดใส่กล่อง เธอตีมือเขาดังเพี้ยะไม่ยอมให้กินของเหล่านี้เธอจะเอาไปเยี่ยมไข้นที ครรชิตชักสีหน้าไม่พอใจ เมื่อไหร่เธอจะเลิกยุ่งกับพวกเชตวัตรสักที เธอขอร้องอย่าเอาเธอไปยุ่งกับเรื่องการแก้แค้นของเขา แล้วยกกล่องใส่อาหารออกไป ครรชิตได้แต่มองตามหงุดหงิดที่น้องไม่ฟังคำห้ามปราม...

ขอจันทร์ตามไปช่วยศิลาบำเพ็ญประโยชน์ตามคำพิพากษาที่บ้านพักคนชรา ช่วยเสิร์ฟอาหารให้เหล่าผู้สูงอายุที่นั่น หลังมื้อกลางวัน ศิลาเปิดคอนเสิร์ตร้องเพลงให้พวกนั้นฟังเป็นที่สนุกสนาน จากนั้นทั้งคู่พากันกลับบ้านอย่างมีความสุข ระหว่างเดินหยอกล้อกันมาตามทางเดินจะขึ้นตึกใหญ่ แม่อิ่มเข้ามารายงานว่านทีกลับมาพักฟื้นที่บ้านแล้ว แต่เห็นเขามีท่าทางแปลกๆเธอเป็นห่วงกลัวจะเป็นอะไรก็เลยมาบอกให้ศิลาทราบ

“ฉันว่าคุณน่าจะไปคุยกับคุณทีหน่อยก็ดีนะ”

ครู่ต่อมา ศิลาแวะไปหาน้องชายที่ห้องเพื่อจะขอคุยด้วย นทีดักคอจะมาคุยเรื่องบุญคุณที่เขารับผิดแทนหรือ เขาไม่คิดเรื่องบุญคุณแค่อยากจะปกป้องน้องชายตัวเองเท่านั้น นทีมองๆไม่พอใจแล้วเดินออกจากห้อง ไม่สนใจเสียงเรียกให้กลับมาคุยกันก่อนของศิลา...

ระหว่างที่ขอจันทร์รอศิลากลับมาจากห้องของนที เอริคไลน์มาถามว่าเรื่องของเธอกับศิลาลงเอยอย่างไร เธอเองก็อยากจะปรึกษาเขาเรื่องนี้เช่นกัน หยิบกล่องใส่แหวนที่จะขอศิลาแต่งงานขึ้นมาดูสีหน้าครุ่นคิด...

ที่ผับหรูแห่งหนึ่ง ครรชิตสบช่องที่เห็นนทีนั่งดื่มอยู่คนเดียว เข้ามายุแยงตะแคงรั่วให้เขาหมางใจกับศิลา นทีไม่พอใจพี่ชายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอได้ยินข้อเสนอที่ว่ามีวิธีจะทำให้เขาไม่ต้องอยู่ใต้ปีกของศิลาต่อไป เขาถึงกับหูผึ่งทันที

ooooooo

เช้าวันถัดมา ศิลากับขอจันทร์ไปบำเพ็ญประโยชน์ที่บ้านคนชราอีกครั้ง ระหว่างที่ทำกิจกรรมร่วมกับพวกผู้สูงอายุ ขอจันทร์กระซิบถามศิลาว่าเย็นนี้ว่างไหม เขาอดถามไม่ได้ว่ามีอะไรหรือเปล่า

“เย็นนี้ฉันจองโต๊ะที่ร้านอาหารไว้แล้ว เดี๋ยวคุณก็รู้เองแหละ” พูดจบขอจันทร์พยุงหญิงชราคนหนึ่งออกไป

จังหวะนั้น บุญนำโทร.มาบอกให้ศิลาเข้ามาเซ็นเอกสารบางอย่างที่บริษัท เขาไม่สะดวกจะเข้าไป ขอให้บุญนำฝากเอกสารให้แมสเซนเจอร์มาให้เขาเซ็นที่ร้านอาหารซึ่งขอจันทร์นัดแนะเอาไว้...

เย็นวันเดียวกัน ขอจันทร์กับศิลามายังร้านอาหารที่จองไว้ เพื่อเลี้ยงฉลองครบรอบหนึ่งเดือนที่ติดเกาะด้วยกัน ศิลานึกไม่ถึงว่าเธอจะให้ความสำคัญขนาดนี้ ขอจันทร์คิดถึงคำแนะนำของเอริคเมื่อคืนที่บอกให้เธอปล่อยคำพูดที่กลั่นมาจากใจเพื่อมัดใจศิลาให้อยู่หมัด จากนั้นค่อยเผด็จศึกด้วยการหยิบแหวนออกมาให้

ขอจันทร์แอบหยิบกล่องแหวนขึ้นมาดูกันพลาดแต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรมีเสียงมือถือของเขาดังขึ้นเสียก่อน เขาออกตัวว่าแค่แมสเซนเจอร์เอาเอกสารมาให้เซ็นแล้วกดรับสาย บอกให้แมสเซนเจอร์เข้ามาในร้านได้เลย

“ฉันรู้ว่านายยุ่งก็อาจจะลืมๆไปบ้าง แต่ฉันซื้อของขวัญมาให้นายแล้ว” ขอจันทร์ยื่นกล่องใส่แหวนให้ แต่เหลือบไปเห็นเข้มหนึ่งในโจรที่ทำให้เธอกับศิลาต้องไปติดบนเกาะร้าง ถึงกับหน้าตื่นๆ ชี้โบ๊ชี้เบ๊

“ไอ้คนนั้นใช่โจรที่จับพวกเราไปที่เกาะหรือเปล่า”

ศิลาหันมองตามมือขอจันทร์ ตะลึงอ้าปากค้าง รีบคว้ามือเธอวิ่งหนี เข้มหันมาเห็นก็รีบวิ่งตาม อารามรีบร้อนขอจันทร์ทำกล่องใส่แหวนหลุดมือ เธอจะเก็บแต่ศิลาลาตัวออกไปเสียก่อน

เมื่อมาถึงถนนใหญ่ เขาโบกมือเรียกรถแท็กซี่ จับขอจันทร์ยัดเข้าไปในรถบอกให้หนีไปก่อน เขาจะล่อคนร้ายไปอีกทางหนึ่ง แล้ววิ่งออกไป ขอจันทร์เป็นห่วงความปลอดภัยของศิลา สั่งให้แท็กซี่จอดรถก่อนจะวิ่งกลับไปที่ร้านอาหาร พบกล่องแหวนตกอยู่รีบเก็บใส่กระเป๋า เธอเห็นหลังศิลายืนอยู่ตรงมุมตึกก็ดีใจมากรีบวิ่งไปหา เจอเขายืนประจันหน้ากับเข้มโดยไม่ตกใจหรือหวั่นกลัวใดๆ ศิลาเซ็นเอกสารเสร็จส่งคืนให้เข้มซึ่งขอโทษเขาด้วยไม่คิดว่าเขาจะอยู่กับขอจันทร์ ศิลาเองก็ไม่คิดว่าจะเป็นเข้มที่เอาเอกสารมาให้

“รีบไปได้แล้ว ฉันไม่อยากให้ขอจันทร์รู้ว่านายเป็นแมสเซนเจอร์ไม่ใช่โจรที่จับตัวเธอไปที่เกาะ”

“อะไรนะแมสเซนเจอร์เหรอ! หมายความว่าเขาเป็นคนของคุณ รับคำสั่งจากคุณ” ขอจันทร์โวยลั่น

ooooooo

คู่วุ่นลุ้นแผนรัก

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด