สมาชิก

คู่วุ่นลุ้นแผนรัก

ตอนที่ 1

อัลบั้ม: "วิน ธาวิน" ประกบ "ขวัญ อุษามณี" ใน "คู่วุ่นลุ้นแผนรัก"

ขอจันทร์เด็กหญิงวัยสิบสามปีมักจะถูกเพื่อนๆเรียกว่ายัยดอกหน้าวัว เพราะมีปานดำเกือบครึ่งหนึ่งของใบหน้า วันนี้ที่บ้านของนทีเด็กชายวัยเดียวกันที่ขอจันทร์แอบหลงรักมีงานเลี้ยง ขณะเธอขอให้นทีช่วยสวมสร้อยคออยู่ที่สวนหลังบ้าน มีเสียงโห่ฮาดังขึ้น เธอหันไปมองเห็นเพื่อนๆของนทีโผล่ออกมาจากพุ่มไม้

“นึกว่าไปไหน ที่แท้ก็แอบมาพลอดรักกับยัยหน้าวัวนี่เอง”

“ที...ถ้าชอบของแปลกก็บอกสิ เราจะได้ไม่ต้องหวัง” เพื่อนผู้หญิงของนทีช่วยกันแซว เขาอายมากปฏิเสธว่าไม่ได้ชอบยัยนี่สักหน่อย ขอจันทร์เสียใจถึงกับน้ำตาคลอ นทีต้องการกลบเกลื่อนไม่ให้เพื่อนๆล้อเลียนอีก ก็เลยผลักขอจันทร์ล้มก้นจ้ำเบ้า

“ใครจะไปชอบผู้หญิงหน้าวัวอย่างเธอลง แค่ฉันเห็นหน้าเธอฉันก็จะอ้วกอยู่แล้ว”

ooooooo

10 ปีผ่านไป...

ขอจันทร์หรือแองจี้กลับถึงสนามบินสุวรรณภูมิด้วยใบหน้าสวยใสต่างจากเดิมลิบลับ ทุกคนที่เดินผ่านพากันเหลียวหลังตะลึงในความสวยเปรี้ยวเข็ดฟันของเธอ เอริคเพื่อนซี้ตั้งแต่สมัยเรียนเมืองนอกด้วยกันเป็นคนมารับ เขายังคาใจไม่หายเพราะตั้งแต่รู้จักกันมาเธอไม่เคยเล่าให้ฟังว่าทำไมเธอถึงไม่ยอมให้ใครเรียกเธอว่าขอจันทร์

คราวนี้เธอก็เงียบไม่ขอพูดถึงอีกเช่นเคย ระหว่างเดินไปที่รถของเอริค ขอจันทร์ชนเข้ากับศิลาซึ่งมารับ น้ำทิพย์ผู้เป็นมารดาที่เพิ่งถูกเรียกตัวกลับจากเมืองจีน เธอทิ้งรอยลิปสติกไว้บนเสื้อของเขาโดยไม่ตั้งใจ

ด้านศิลาบอกให้แม่รออยู่ที่ประตูทางออกกับบุญนำ เดี๋ยวเขาจะไปเอารถมารับ แล้วรีบเดินไปยังที่จอดรถโดยไม่รู้ว่ามีคนสะกดรอยตาม...

รถของเอริคดันสตาร์ตไม่ติด เขากับขอจันทร์ต้องเปิดกระโปรงรถจับโน่นไขนี่เผื่อมันจะสตาร์ตติด แต่ไร้ผล สัญญาณกันขโมยดันส่งเสียงร้อง ทั้งสองตกใจโดดโหยง เธอเห็นเขาเครียดแกล้งยื่นหน้าเข้าไปจะงับติ่งหูเขาเล่น เอริคทั้งปัดทั้งป้องไม่ให้เธอเข้าใกล้เพราะนั่นเป็นจุดอ่อนของตัวเอง ยิ่งหนีขอจันทร์ก็ยิ่งวิ่งไล่เป็นที่สนุกสนาน ศิลามองมาที่ทั้งคู่คิดว่าเป็นคนรักหยอกล้อกันก็ไม่ได้สนใจ เดินต่อไปที่รถของตัวเอง

พลันชายคนที่เดินตามเขาชักปืนออกมาจะยิง แต่ขอจันทร์วิ่งไปชนศิลาเสียก่อน แล้วดันทำต่างหูเกี่ยวกระดุมเสื้อเขาอีก ศิลาพยายามแกะต่างหูของเธอออกอย่างทุลักทุเล มือปืนไม่รอช้าตัดสินใจเหนี่ยวไก พลันสัญญาณกันขโมยของรถเอริคดังขึ้นอีกครั้ง ขอจันทร์ตกใจโดดกอดศิลาไว้จนเซไปด้วยกันทำให้กระสุนพลาดเป้า เขาหันมองตามเสียงปืนเห็นมือปืนเล็งปืนมาที่ตัวเองก็ตกใจรีบดึงขอจันทร์หลบ

“โอ๊ย...ฉันเจ็บนะคุณ”

ศิลาไม่สนใจเสียงร้องของเธอ รีบพาหนีทั้งที่ต่างหูของเธอยังติดอยู่กับกระดุมเสื้อของเขา มือปืนไล่ล่าเข้ามาใกล้จุดที่ทั้งคู่ซ่อนตัวอยู่ ขอจันทร์ไม่อยากตายไปกับเขาด้วยตะโกนบอกมือปืนว่าอย่ายิง เธอไม่เกี่ยวอะไรด้วย ศิลาต้องเอามือปิดปากเธอไว้ สั่งให้อยู่เงียบๆ เดี๋ยวเขาจะแกะต่างหูออกให้

ทันทีที่แกะต่างหูสำเร็จ ขอจันทร์ผลักศิลาหงายท้องแล้ววิ่งหนี มือปืนรอท่าอยู่ ลั่นกระสุนใส่ ศิลาโดดคว้าตัวไว้ทัน เธอตกใจช็อกหมดสติไปในอ้อมกอดของเขา เอริค

รีบเข้ามาดูเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง ศิลาส่งเธอให้เขาแล้วเอากระเป๋าถือของขอจันทร์เหวี่ยงใส่มือปืนที่กำลังเดินเข้าหา มือปืนก้มหลบ ศิลาสบช่องโดดใส่ล้มกลิ้งไปด้วยกัน เอริคไม่รอดูใครจะแพ้ใครจะชนะ รีบอุ้มขอจันทร์หนี

ในที่สุดศิลาก็จัดการมือปืนได้อย่างราบคาบ พอหันไปมองอีกที เอริคกับขอจันทร์ก็หายไปแล้ว

ooooooo

ในเวลาต่อมา ขอจันทร์รู้สึกตัวลืมตาขึ้นมองไปรอบๆเห็นตัวเองอยู่ในห้องพักของเอริคไม่ได้อยู่ในโรงพยาบาลก็โวยใส่เพื่อนรักเสียงลั่นทำไมไม่พาไปหาหมอ เกิดเธอเป็นอะไรหนักขึ้นมาจะว่าอย่างไร

“แองจี้...ถ้าแกอยากไปโรงพยาบาลเพื่อให้ไอ้มือปืนนั่นตามมาเก็บแกก็ตามใจนะ”

“จริงด้วยริค แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แกรู้ไหม”...

คนที่ขอจันทร์ถามถึงเพิ่งมาถึงห้องประชุมของบริษัทเชตวัตรกรุ๊ปซึ่งผู้ถือหุ้นทั้งหลายรอท่าอยู่ในสภาพมีบาดแผลที่แขน แถมเสื้อผ้าเปื้อนเลือด ยรรยงเห็นสภาพของเขาถึงกับเหงื่อตก ผู้ถือหุ้นรายหนึ่งอดถามไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขากลับบอกว่าไม่มีอะไร แล้วหันไปพยักพเยิดให้บุญนำแจกเอกสารให้กับผู้ถือหุ้นทุกท่าน

ศิลากับยรรยงไม่ลงรอยกันเรื่องที่บริษัทจะย้ายฐานการผลิตไปที่อินโดนีเซีย ศิลาก็เลยตัดปัญหาด้วยการขอให้ผู้ถือหุ้นเลือกประธานกรรมการบริหารคนใหม่ น้ำทิพย์ถึงกับอึ้ง ขณะที่ยรรยงไม่พอใจมากตบโต๊ะดังปังที่เขาบังอาจจะปลดตนเองออกจากตำแหน่ง ศิลาบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่าขืนปล่อยให้บริษัทมีนโยบายแตกแยก รังแต่จะทำให้เสียหาย แล้วหันไปขอเสียงสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น ปรากฏว่าทุกคนยกมือสนับสนุนเขา

“ศิลา แกจะฮุบบริษัทที่ฉันตั้งขึ้นมาหรือไง” ยรรยงเสียงเขียว

“คุณอาครับ เราต่างก็รู้ว่าพ่อผมเป็นคนก่อตั้งเชตวัตรกรุ๊ปขึ้นมา ที่ผมยอมให้คุณอาอยู่ในตำแหน่งประธานกรรมการบริหารเพราะผมเห็นว่าคุณอาเป็นเพื่อนกับพ่อผม...ผมยอมรับว่าคุณอามีความสามารถ แต่ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้วนะครับ”

ยรรยงด่าศิลาว่าเนรคุณ ใครจะประชุมต่อก็เชิญแต่ตนไม่ยอมรับผลการประชุมครั้งนี้ ศิลาไม่ว่าอะไร หากจะทำเช่นนั้นแต่เขาต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองกระทำ ทันใดนั้นตำรวจสองนายเดินเข้ามาหายรรยงแจ้งข้อหาจ้างวานฆ่าศิลา แล้วเชิญตัวไปสอบปากคำที่โรงพัก ยรรยงแถกสีข้างว่าไม่รู้ไม่เห็น หาว่าศิลาใส่ร้าย เขายื่น

มือถือของคนร้ายซึ่งมีเบอร์ของยรรยงเพิ่งโทร.หาเมื่อครู่นี้ให้ตำรวจไว้เป็นหลักฐาน ยรรยงถึงกับพูดไม่ออก...

ฝ่ายน้ำทิพย์ไม่ค่อยจะพอใจลูกชายนักที่คิดจะเปลี่ยนตัวประธานกรรมการฯแต่ไม่ปรึกษากันก่อน เขาอ้างขืนปรึกษาก่อน ท่านคงไม่ให้เขาทำ ท่านอาจไม่รู้ว่าสถานะของบริษัทเราในตอนนี้เป็นอย่างไร น้ำทิพย์รู้ดีว่าบริษัทกำลังย่ำแย่ แต่เขาก็รู้ว่ายรรยงเป็นเพื่อนของพ่อ

“ผมอาจจะทำได้มากกว่านี้ ถ้ามันเป็นสิ่งที่ผมต้องทำ”

น้ำทิพย์ขี้เกียจเถียงด้วย ขอตัวกลับบ้านก่อน บุญนำเตือนว่าเย็นนี้รสรินจัดงานเดินแฟชั่นการกุศล ไม่ทราบว่าน้ำทิพย์จะไปหรือเปล่าแล้วส่งการ์ดให้ดู เธอยังไม่ทันจะว่าอะไร ศิลาชิงพูดขึ้นเสียก่อน

“ผมกำลังจะคุยกับคุณแม่เรื่องนี้อยู่เหมือนกัน”...

ให้บังเอิญเหลือเกินที่เอริคถูกเอกผู้ประสานการจัดงานเดินแบบครั้งนี้โทร.เรียกตัวไปช่วยแต่งหน้าให้นางแบบในงานนี้เช่นกัน เขาหนีไม่ออกจำต้องรับปากด้วยความที่คุ้นกับการแต่งหน้าเอฟเฟกต์ไม่คุ้นกับงานเดินแบบการกุศลของพวกไฮโซก็เลยชวนขอจันทร์ไปเป็นเพื่อน

ooooooo

หลังจากช็อปปิ้งเสร็จ เดือนวารีน้องสาวของศิลาเดินเข้าไปหาอะไรกินในร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง เจอตะวันฉายซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาแต่ชาติปางก่อนทำงานเป็นบริกรที่นั่นและเป็นคนมารับออเดอร์ ก็เลยถูกเธอกลั่นแกล้งจนโดนผู้จัดการร้านอาหารไล่ออกจากงานทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด

ตะวันฉายโกรธเดือนวารีมากที่ทำให้ถูกไล่ออกจากงาน ขณะเดินมากดลิฟต์เพื่อจะกลับบ้านเจอเดือนวารีถูกไอ้หนุ่มตามตื๊อเข้ามาจับมือถือแขน เธอร้องเรียกให้เขาช่วย เขากลับทำหูทวนลม เดินเข้าลิฟต์หน้าตาเฉยทิ้งให้เธอจัดการไอ้หนุ่มคนนั้นตามลำพัง สร้างความโกรธแค้นให้เธอเป็นอย่างมาก

ครั้นกลับถึงบ้าน เดือนวารีนำเรื่องนี้ไปฟ้องแม่กับพี่ชาย ทำให้ตะวันฉายถูกเรียกมาต่อว่าที่ปล่อยให้ เดือนวารีถูกลวนลามโดยไม่ช่วยเหลือ เขาอ้างว่าไม่ได้ยินเธอร้องขอความช่วยเหลือ

“ไม่ได้ยินได้ไง ฉันตะโกนคอแทบแตก อยากจะแก้แค้นฉันใช่ไหม” เดือนวารีเผลอหลุดปาก ศิลาซักทันทีแก้แค้นเรื่องอะไร เธออึกอักไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร ตะวันฉายได้ที

“คุณวาเธอคงคิดว่าผมโกรธที่เธอทำให้ผมโดนไล่ออกจากร้านอาหารที่ผมทำงานอยู่มั้งครับ”

เดือนวารีแว้ดใส่ตะวันฉายทันที ศิลาจะไม่ฟันธงว่าใครผิดใครถูก แต่ถ้าเป็นอย่างที่ตะวันฉายว่า เดือนวารีก็ควรจะขอโทษเขาที่ทำให้เขาต้องถูกไล่ออก เธอไม่พอใจเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกไป จากนั้นศิลาหันไปต่อว่าตะวันฉายว่าถึงเขากับเดือนวารีจะไม่กินเส้นกัน แต่ถึงอย่างไรคนอยู่บ้านเดียวกัน เมื่ออีกฝ่ายเดือดร้อนก็ควรจะช่วยเหลือกันไม่ใช่ดูดาย ต่อไปอย่าให้มีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นอีก...

ตกค่ำ ศิลาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมจะไปงานเดินแบบการกุศลของรสริน หยิบเสื้อตัวที่เปรอะเลือดจะโยนทิ้งขยะแต่ต้องชะงักเมื่อเห็นรอยลิปสติกของขอจันทร์ อดเป็นห่วงคนที่ฝากรอยริมฝีปากไว้ไม่ได้...

งานเดินแบบการกุศลจัดได้อย่างโก้หรูสมกับเป็นงานเปิดตัวลีน่าลูกสาวคนสวยของรสรินคุณหญิงไฮโซแถวหน้าของเมืองไทยกับท่านนายพลประภพผู้กว้างขวาง แขกเหรื่อระดับคุณหญิงคุณนายเริ่มทยอยกันมาร่วมงานอย่างคับคั่ง ลีน่ากำลังยืนต้อนรับแขกอยู่กับพ่อและแม่ ได้สักพักทีมงานก็เข้ามาเตือน อีกสิบห้านาทีให้เชิญที่ห้องแต่งตัว เธอพยักหน้ารับรู้แล้วหันไปต้อนรับแขกต่อไป

อีกมุมหนึ่งของงาน ขอจันทร์ไม่ชอบงานประเภทนี้อยู่แล้ว ยิ่งถูกทีมงานพูดจาดูถูกพาลเดินหนีออกมาหน้างานจะกลับบ้าน เอริคต้องอ้อนวอนขอร้องให้อยู่ช่วยทารองพื้นให้นางแบบก่อน เพราะเขามีนางแบบหลายคนให้แต่งหน้าไม่อย่างนั้นจะไม่ทันเวลา ขอจันทร์ทนเสียงรบเร้าของเพื่อนไม่ไหวยอมอยู่ต่อไป

เอริคดีใจมากลากแขนเธอไปที่ห้องแต่งตัว ศิลาเพิ่งมาถึงงานกับน้ำทิพย์ เห็นขอจันทร์แวบๆก็ชะงัก บอกให้แม่เข้าไปข้างในก่อน แล้วรีบวิ่งไปยังทิศทางที่ขอจันทร์ไป แต่พอเลี้ยวพ้นหัวมุมเท่านั้น เบรกแทบไม่ทันเมื่อเจอณิชรันย์ซึ่งอยู่ในชุดราตรีหรู เธอรีบควงแขนเขาให้พาเข้างานทำให้เขาตามขอจันทร์ไม่ทัน...

ทางฝ่ายขอจันทร์ช่วยลงรองพื้นให้นางแบบจนเสร็จหมดทุกคนแล้ว หันไปถามเอริคจะให้ทำอะไรต่อ เขากลัวเธอหนีกลับก่อน พาไปรอในห้องเก็บเสื้อผ้า จะได้ไม่ต้องเจอกับใคร จังหวะนั้นทีมงานเข้ามาสั่งให้ทุกคนเร่งมือใกล้เวลาต้องขึ้นเวทีกันแล้ว

“แกรออยู่นี่นะ ฉันสัญญาว่าจะทำให้เร็วที่สุดเสร็จแล้วเดี๋ยวไปเที่ยวสีลมกัน” เอริคว่าแล้วรีบกลับไปที่ห้องแต่งตัว ขอจันทร์ยืนแกร่วไม่รู้จะทำอะไร เดินดูเสื้อผ้าที่แขวนอยู่บนราว เห็นชุดหนึ่งสวยถูกใจ หยิบออกมาดู เป็นจังหวะเดียวกับเอกเดินเข้ามาในห้องเก็บเสื้อผ้า คิดว่าขอจันทร์เป็นนางแบบที่มาแทนลินซี่ซึ่งป่วยมาไม่ได้ ไล่ให้ไปแต่งตัว เธอยังไม่ทันจะอธิบายอะไร แก้วหนึ่งในทีมงานรีบพาเธอออกไป ขอจันทร์ก็เลยกลายเป็นนางแบบจำเป็นไปโดยปริยาย

ooooooo

ภายในห้องจัดเลี้ยง รสรินหันมาเห็นน้ำทิพย์ก็รีบชวนประภพเข้าไปทักทาย แต่พอเหลือบเห็นณิชรันย์ควงแขนมากับศิลาก็แปลกใจ ไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอรู้จักกับพี่ศิลาตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว

“ผมก็กำลังคิดอยู่ครับว่าจะแก่ไปด้วยกันดีไหม” ศิลาพยายามบอกรสรินเป็นนัยๆว่าตนเองไม่ได้คิดจะมาจีบลีน่า เธอหยั่งเชิง สนิทกันขนาดนี้ทำไมไม่แต่งงานให้รู้แล้วรู้รอด น้ำทิพย์ชิงพูดขึ้นก่อนว่า

“โอ๊ย อย่าหวังกับตาศิลาเลยค่ะ ขานี้น่ะแต่งกับงานเท่านั้นแหละไม่เหมือนนทีน้องชายเขา”

รสรินชักอยากจะเห็นหน้านที ถามว่าวันนี้ไม่ได้มาด้วยหรือ น้ำทิพย์ยังไม่ทันจะเกริ่นเรื่องเขาให้ฟังครรชิตคู่แข่งแย่งจีบลีน่าเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน ณิชรันย์หันมาทักพี่ชาย ไหนว่าจะไม่มาแล้วทำไมถึงโผล่มาได้

“นี่ยัยรัน พูดดีๆสิพูดอย่างนี้คุณอาจะหาว่าพี่ไม่ให้เกียรติคุณอาหรอก พี่บอกว่ามาไม่ได้ไม่ใช่ไม่มา...

ตอนแรกผมมีนัดคุยงานกับนักธุรกิจชาวสิงคโปร์น่ะครับ แต่พอได้ข่าวว่าน้องลีน่าจะจัดงานเดินแฟชั่นการกุศล ผมว่าไม่มีอะไรสำคัญไปกว่านี้แล้วล่ะครับ”

“แหม ถ้าน้องลีน่าได้ยินต้องดีใจแน่ๆเลยที่คุณครรชิตเจ้าของโรงพยาบาลสถิตย์กาญจน์ ยอมทิ้งทุกอย่างมาเพื่องานนี้” รสรินพูดจบหันไปยิ้มกับประภพ เพราะครรชิตก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่เข้าท่าเหมือนกัน น้ำทิพย์มองหน้าศิลาอย่างเป็นกังวล การปรากฏตัวของครรชิตคือก้างชิ้นใหญ่ของแผนการจับคู่นทีกับลีน่า...

นทีส่งสาวสวยที่หน้าคอนโดฯที่พักเรียบร้อยกำลังจะเดินไปขึ้นมอเตอร์ไซค์คันเท่ของตัวเอง มีเสียงมือถือดังขึ้นเสียก่อน เขาดูเบอร์โชว์หน้าจอเห็นเป็นเบอร์ของพี่ชายแต่ไม่ยอมรับสายเพราะรู้ว่าเขาโทร.มาตาม รีบขึ้นมอเตอร์ไซค์บึ่งออกไปอย่างรวดเร็ว...

ทั้งศิลาและน้ำทิพย์ต่างมีสีหน้าเคร่งเครียดที่นทีไม่ยอมรับสายแถมยังไม่โผล่มาร่วมงาน เธอบ่นอุบ เราไม่ควรฝากความหวังของเชตวัตรกรุ๊ปไว้กับเขา ศิลาเห็นว่านี่เป็นทางเดียวเท่านั้น ตอนนี้ถ้าเราผูกขาดฐานการผลิตในอินโดนีเซียได้ นอกจากจะทำให้กรุ๊ปฟื้นจากความตายแล้ว เขาคิดว่าเราอาจจะกลายเป็นหนึ่งในห้าบริษัทใหญ่ที่โตอย่างก้าวกระโดดที่สุดในอาเซียนก็ได้

“แล้ววิธีอื่นไม่มีแล้วหรือนอกจากท่านประภพน่ะ”

“ถึงท่านประภพจะเป็นทหาร แต่ก็มีเพื่อนที่เป็นนักธุรกิจอยู่ในหลายประเทศ รวมถึงคุณฮาดี้ ประธานหอการค้าของอินโดนีเซีย ตอนนี้เราต้องคิดอย่างเดียวว่าทำยังไงให้เจ้าทีแต่งงานกับลีน่าให้ได้”...

อีกด้านหนึ่งในห้องแต่งตัว นางแบบที่แต่งหน้าแต่งตัวเรียบร้อย เอกสั่งให้ทีมงานพาไปสเเตนด์บายหลังเวที ระหว่างนั้นลีน่าจะเข้ามาแต่งตัวชุดฟินาเล่ แต่ชุดกลับหายไปไม่รู้หายไปไหน ทีมงานค้นทั่วก็ไม่เจอ จังหวะนั้น ขอจันทร์เดินเข้ามาในชุดของลีน่า เอริคตกใจ ทำไมเธอถึงสวมชุดของนางแบบ ขอจันทร์ยังไม่ทันจะว่าอะไร ลีน่าโวยวายใครเอาชุดของตนให้นังนี่ใส่ขึ้นมาเสียก่อน เอกต้องปลอบให้เธอใจเย็นๆ

“คือฉันไม่รู้ว่ามันเป็นชุดของคุณ เดี๋ยวฉันจะไปเปลี่ยนให้เดี๋ยวนี้แหละค่ะ” พูดจบขอจันทร์ขยับจะไป

ลีน่าโกรธมากกระชากเธอมาตบหน้าหัน ขอจันทร์ไม่ยอมเจ็บตัวฟรี ตบคืนให้บ้าง ลีน่าปรี๊ดแตกที่เธอกล้าหือพุ่งเข้าใส่ ทีมงานต้องช่วยกันแยกทั้งคู่ออกจากกัน แก้วรีบพาขอจันทร์ออกจากห้องแต่งตัว ลีน่าเหมือนถูกวิญญาณหมาบ้าเข้าสิงจะตามไปเอาเรื่องให้ได้ เอริคกับเอกต้องช่วยกันรั้งตัวไว้

ฝ่ายแก้วพาขอจันทร์มาถึงทางเดินในโรงแรม บอกให้กลับบ้านไปแล้ววิ่งกลับไปยังห้องแต่งตัว ทีมงานอีกคนหนึ่งมาเห็นขอจันทร์ยืนเงอะๆงะๆ คิดว่าเป็นนางแบบหลงทางรีบพาไปอีกทางหนึ่ง...

ขณะเกิดเรื่องวุ่นๆขึ้นที่ห้องแต่งตัว นทีจะเข้าไปในงานเดินแบบ แต่พนักงานของโรงแรมเห็นการแต่งตัวของเขาแล้วไม่ไว้ใจ เพราะดูไม่เข้ากับความหรูหราของงานก็เลยไม่ยอมให้เข้า เขาต้องยืนเตร่อยู่ตรงประตู...

กว่าขอจันทร์จะรู้ตัวว่าถูกพามาหลังเวทีก็สายเกินไป จะหนีก็หนีไม่ได้เพราะลีน่าย่างสามขุมเข้าหาพร้อมกับตะโกนบอกให้ทีมงานจับตัวเธอไว้ เอริคเห็นท่าไม่ดีบอกให้เพื่อนรักหนี ขอจันทร์มองซ้ายมองขวาไม่รู้จะหนีไปทางไหนเห็นม่านตรงหน้าคิดว่าเป็นทางออก พุ่งไปหาเป็นจังหวะที่พิธีกรบนเวทีประกาศขึ้นว่า

“ต่อไปขอเชิญทุกท่านรับชมการเดินแบบได้แล้วครับ”

ขอจันทร์พรวดขึ้นมาบนเวทีพอดี ทุกคนตะลึงกับความงามของเธอ ศิลาหันมาเห็นก็จำเธอได้ นทีซึ่งยืนอยู่หน้าประตูห้องจัดเลี้ยงก็ตะลึงในความสง่างามของขอจันทร์ที่ยืนเด่นอยู่บนเวทีเช่นกัน

ooooooo

ระหว่างที่สายตาของทุกคนจับจ้องอยู่บนเวที ลีน่าพุ่งเข้ามาจากด้านหลังกระชากไหล่ขอจันทร์เข้ามาจะตบ เธอหลบทันทำให้อีกฝ่ายเสียหลักผลัดตกเวที ลีน่าเจ็บใจมากตะโกนโหวกเหวกให้จับตัวนังนั่นไว้

ขอจันทร์ไม่รอช้าโดดลงจากเวทีวิ่งไปที่ประตู อารามรีบร้อนไม่ทันดูทางชนเข้ากับบริกรที่ยกโถใส่น้ำมะเขือเทศหกรดทั้งเนื้อตัวหน้าตาเปรอะไปหมด ด้วยชุดที่ยาวรุ่มร่ามทำให้เธอสะดุดจะล้ม ศิลาคว้าตัวเธอไว้ทัน ต่างฝ่ายต่างจำกันได้ เธอรีบผละออกจากวงแขนของเขา ก่อนจะกระทืบเท้าศิลาถึงกับร้องลั่น แล้วรีบเผ่นแนบ

เขาได้แต่มองตามขอจันทร์ที่วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว...

ระหว่างที่ขอจันทร์หันรีหันขวางไม่รู้จะหนีไปทางไหนดี นทีมาช่วยพาไปซ่อนตัวในห้องแต่งตัวพนักงานและหาชุดพนักงานโรงแรมมาให้เปลี่ยน ต่างฝ่ายต่างจำหน้ากันไม่ได้ จังหวะนั้นมีเสียงทีมงานของลีน่าดังขึ้น นทีดึงขอจันทร์เข้าไปซ่อนในตู้ล็อกเกอร์ ด้วยความคับแคบทำให้ใบหน้าของทั้งคู่ห่างกันแค่คืบ เธอใจหวิวๆอย่างบอกไม่ถูก ทีมงานเจอเพียงชุดราตรีที่ขอจันทร์ถอดทิ้งไว้ก็คว้าชุดนั้นออกไป ทั้งคู่ถึงกับถอนใจโล่งอก

จากนั้นก็พากันไปขึ้นมอเตอร์ไซค์ของนทีแล่นหนีไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานนัก นทีขี่รถมาจอดหน้าปากซอยทางเข้าคอนโดฯที่พักของเอริค ขอจันทร์ลงจากรถถอดหมวกกันน็อกคืนพร้อมกับขอบคุณที่เขาช่วยเหลือ

“ยินดีครับคุณผู้หญิง แล้วบ้านคุณหลังไหนล่ะ เผื่อคราวหน้าผมผ่านมาทางนี้จะได้แวะมาหาคุณไง”

ขอจันทร์ชี้นิ้วมั่วๆไปทางด้านหลัง นทีหลงกลหันไปมองพอหันกลับมาอีกทีเธอหายไปแล้ว...

ในเวลาไล่เลี่ยกัน ที่บ้านเชตวัตร น้ำทิพย์บ่นอย่างอารมณ์เสีย อุตส่าห์วางแผนให้นทีได้เจอกับลีน่า กลับถูกผู้หญิงที่ไหนไม่รู้เข้ามาทำให้แผนการของเราป่นปี้หมด ศิลาต้องปลอบให้ใจเย็นๆ บ่นไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เธอนึกขึ้นได้ ขอร้องให้เขาช่วยไปประกันตัวยรรยง เขาไม่เห็นด้วย ในเมื่อยรรยงทำผิดก็ควรต้องรับผิดชอบ

“แม่รู้ แต่ถ้าพ่อเรายังอยู่ แม่เชื่อว่าพ่อเราต้องทำอย่างนี้เหมือนกัน นะศิลาเชื่อแม่นะลูก สุนัขมันจะน่ากลัวที่สุดเวลาที่มันจนตรอกนี่แหละ”

ศิลาไม่อยากขัดใจแม่ รับปากจะให้บุญนำไปจัดการเรื่องนี้ให้ โดยไม่รู้ว่าครรชิตซึ่งเป็นทั้งเพื่อนและคู่แข่งทางธุรกิจของตัวเองดอดไปประกันตัวยรรยงออกมาก่อนแล้ว...

นอกจากจะโดนศิลาต่อว่าเรื่องที่ไม่ช่วยเหลือเดือนวารี ตะวันฉายยังถูกสาโรจน์พ่อของตัวเองเล่นงานซ้ำ ระหว่างนั้นศิลาเดินมาเรียกตัวตะวันฉายไปพบที่ห้อง สองพ่อลูกต่างมองหน้ากันสงสัยว่าเขามีเรื่องอะไร...

ทันทีที่กลับถึงคอนโดฯที่พัก เอริคโวยวายใส่ขอจันทร์ที่ไปก่อเรื่องไว้ในงานเดินแบบการกุศล พาลจะทำให้เขาไม่ได้งานแต่งหน้าอีกต่อไป เธอแก้ตัวน้ำขุ่นๆ จะโทษเธอคนเดียวไม่ได้ ลีน่าเองก็ผิด แค่เธอใส่ชุดผิดก็ไม่น่าจะทำเหมือนเธอไปฆ่าใครตาย

“ที่จริงฉันไม่ได้โกรธแกหรอก โกรธยัยลีน่าบ้าเลือดนั่นต่างหาก เออ...แล้วนี่แกกลับมายังไง”

ทีแรกขอจันทร์เลี่ยงที่จะพูดถึงคนที่ขี่มอเตอร์ไซค์มาส่ง แต่พอโดนเอริคคาดคั้นก็ยอมเปิดปากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น เขาสรุป หากเป็นอย่างที่เธอว่าผู้ชายคนนั้นต้องชอบเธอแน่ๆ ขอจันทร์แอบเขินแต่ไม่วายทักท้วงคนเจอกันไม่ถึงชั่วโมงจะชอบกันได้อย่างไร แล้วสั่งให้เขาเลิกคุยเรื่องนี้ได้แล้ว

“เอ้า นี่ฉันกำลังจะชี้ทางสว่างให้แกอยู่นะ แกคิดดูสิ แกกับเขาเจอกันอย่างกับเทพนิยาย ไม่แน่นะ ผู้ชายคนนี้อาจจะทำให้แกหายเกลียดผู้ชายก็ได้”

“พอเลย คนที่จะทำให้ฉันหายได้มีเพียงคนเดียวเท่านั้นคือแก” ขอจันทร์โดดใส่ เอริคโดดหนีแทบไม่ทัน

ooooooo

ตะวันฉายเห็นพ่อล้างรถอยู่ รีบเข้ามาแย่งฟองน้ำไปจากมือ จัดแจงล้างเองไม่อยากให้พ่อต้องเหนื่อย สาโรจน์รับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่ลูกชายมีให้ แล้วนึกถึงเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาได้ ถามว่าคุณศิลาเรียกไปมีเรื่องอะไร

“ไม่มีอะไรหรอกพ่อ คุณศิลาเห็นฉันหางานเลยจะให้ฉันทำงานพิเศษกับเขา”

จังหวะนั้นนทีเข็นมอเตอร์ไซค์คู่ชีพเข้ามา ตะวันฉาย รีบเข้าไปรับช่วงเข็นรถต่อไป เขามองซ้ายมองขวาท่าทางลับๆล่อๆ ก่อนจะสั่งตะวันฉาย ถ้าใครถามถึงเขาให้บอกว่ายังไม่กลับ แล้วค่อยๆย่องไปทางตึกใหญ่ หวังจะหลบหน้า พี่ชายกับแม่ แต่ศิลารู้ทันมาดักรอท่าอยู่ก่อน แล้วพาไปชำระความต่อหน้าแม่เรื่องที่ไม่ยอมไปทำความรู้จักกับลีน่า เขาอ้างไม่ได้รักเธอ และที่สำคัญหมดสมัยคลุมถุงชนกันแล้ว

“ที...ตอนนี้บริษัทเรากำลังมีปัญหา ถ้าเราไม่ได้ออเดอร์ลอตใหญ่จริงๆจากต่างประเทศ เชตวัตรกรุ๊ปของเราล้มแน่ อาประภพเองก็ถือว่ารู้จักคนเยอะในอาเซียน”

“พี่ก็เลยอยากใช้คอนเน็กชั่นของอาประภพ”

ศิลายังไม่ทันจะว่าอะไรณิชรันย์เดินเข้ามาเสียก่อน น้ำทิพย์ทักว่ามีอะไรหรือเปล่ามาที่นี่แต่เช้า เธอโทร.ไปหาศิลาที่ออฟฟิศ ถึงได้รู้เรื่องจากบุญนำว่าเขาถูกยิง ไม่แปลกใจเลยทำไมเขาถึงเจ็บแขน นทีตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น น้ำทิพย์ไม่อยากให้นทีกับณิชรันย์แตกตื่นจึงโกหกว่าไม่มีอะไร แค่โจรขี้ยาเท่านั้นเอง

นทีสบช่องรีบแต่งตั้งให้ณิชรันย์เป็นองครักษ์พิทักษ์พี่ชายตัวเองหนึ่งวัน แล้วชิ่งหนีออกจากบ้านไปหน้าตาเฉย โดยไม่ฟังเสียงเรียกให้กลับมาคุยกันก่อนของพี่ชาย ในเมื่อนทีเปิดทางให้ ณิชรันย์รีบคว้าแขนศิลาจะพาไปหาหมอให้ดูแผลที่แขน เขาอ้างไม่ได้เป็นอะไรมากเธอก็ไม่ฟัง ลากเขาไปโรงพยาบาลจนได้...

ทางฝ่ายขอจันทร์ตัดสินใจจะหางานทำ ระหว่างที่เอริคต้องเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านที่ต่างจังหวัด เธอจบด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟูมาจึงตระเวนสมัครงานตามโรงพยาบาล ผ่านไปสี่แห่งไม่มีที่ไหนต้องการบุคลากรด้านนี้ จนกระทั่งมาถึงโรงพยาบาลแห่งสุดท้าย บังเอิญเป็นโรงพยาบาลเดียวกับที่ณิชรันย์พาศิลามาหาหมอ ขอจันทร์เห็นเขาก็ตกใจคิดว่าแอบสะกดรอยตามรีบเดินหนี ศิลาหันไปบอกณิชรันย์ว่าขอตัวสักครู่แล้วเดินตามขอจันทร์จนทัน เธอกลัวมากคิดว่าเขาตามมาฆ่าปิดปากถึงกับมือไม้อ่อนพานจะเป็นลม ศิลาต้องประคองเอาไว้

“อย่า...ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น...ฉันไม่เห็นอะไร”

ศิลาไม่ได้จะทำอะไรเธอสักหน่อยแค่จะตามมาถามว่าปลอดภัยดีไหม แล้วอดสงสัยไม่ได้ทำไมต้องหนีเขาด้วย ขอจันทร์นึกว่าเขาเป็นพวกมาเฟียถึงได้ถูกมือปืนไล่ยิง เขายืนยันว่าไม่ได้เป็นคนร้าย ถ้าเธอไม่เชื่อ ก็ให้ไปถามตำรวจดูเพราะคนร้ายถูกจับตัวไปที่โรงพักแล้ว

ooooooo

งานพิเศษที่ตะวันฉายอ้างกับพ่อว่าศิลาจ้างให้ไปทำก็คือส่งเขาไปเรียนมหาวิทยาลัยที่เดียวกับเดือนวารีเพื่อให้คอยดูแลเธอ ไปเรียนวันแรกตะวันฉายเจอรุ่นพี่กำลังรุมแกล้งรุจน์ซึ่งเป็นรุ่นน้องปีหนึ่งเช่นกัน เขาทนเห็นคนถูกรังแกไม่ได้ก็เลยเข้าไปช่วย พลอยถูกพวกรุ่นพี่รุมเตะต่อยพอหอมปากหอมคอก็ปล่อยทั้งคู่ไป

รุจน์ขอบใจตะวันฉายที่มาช่วย ฝ่ายหลังเหลือบดูนาฬิกาเห็นว่าสายแล้ว ขอตัวไปเรียนก่อน อารามรีบร้อนไม่ทันดูทางชนเดือนวารีที่เดินมากับน้ำหนึ่งจนหนังสือในมือหล่น พอเธอเห็นหน้าเขาเท่านั้นก็หาเรื่องด่าว่าแล้วสั่งให้เก็บหนังสือของเธอขึ้นมา ตะวันฉายขี้เกียจทะเลาะด้วยก้มเก็บให้ เดือนวารีไม่วายแดกดัน

“คนใช้ยังไงก็ยังเป็นคนใช้”

“ที่ฉันเก็บให้เพราะฉันทำมันหล่น ไม่ใช่เพราะเป็นคนใช้ในบ้านของเธอ” พูดจบตะวันฉายเดินออกไปกับรุจน์ น้ำหนึ่งอดถามไม่ได้ ตกลงนายนั่นเป็นใครกันแน่ พอรู้ว่าเป็นลูกของคนสวนที่บ้านเดือนวารีก็ตกใจ

“ลูกคนสวนทำไมหน้าตาดีจัง” น้ำหนึ่งเห็นเพื่อนถลึงตาใส่ รีบเปลี่ยนคำพูดใหม่ “เอ่อ ฉันหมายถึง ลูกคนสวนแล้วมีเงินมาเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนแบบนี้เลยเหรอ” คำพูดของน้ำหนึ่งทำให้เดือนวารีอดสงสัยไม่ได้...

ด้านศิลาอุตส่าห์ให้บุญนำเลื่อนนัดทั้งหมดในตอนบ่ายไปเป็นวันพรุ่งนี้แทน แล้วรีบตรงไปหารสรินที่บ้านเพื่อจะคุยเรื่องผลงานของลีน่าเมื่อคืน กลับเจอครรชิตอยู่ที่นั่นก่อนแล้ว เขามาขอซื้อผลงานทุกชิ้นของลีน่าที่จัดแสดงไปเมื่อคืนตัดหน้าศิลา และยังจัดการเรื่องค่าเสียหายทั้งหมดให้เธออีกด้วย ศิลารู้สึกเสียหน้ามากแต่พยายามเก็บความรู้สึกไว้...

หลังเลิกเรียน ตะวันฉายไปสมัครงานที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ตี้เจ้าของร้านรับเขาเข้าทำงานโดยให้เริ่มวันพรุ่งนี้เลย ตะวันฉายดีใจมาก ได้งานก็เท่ากับได้แบ่งเบาภาระพ่อ

ผิดกับขอจันทร์ผู้เป็นพี่ เดินจนรองเท้าสึกก็ยังหางานไม่ได้ มานั่งพักเหนื่อยไม่ห่างจากร้านกาแฟ แห่งนั้นนัก เห็นน้องชายเดินลิ่วออกจากร้านพยายามจะเรียกแต่เขาเดินไปไกลแล้ว เธอเร่งฝีเท้าตามจนกระทั่งเขากลับถึงบ้านเชตวัตร ตะวันฉายเดินเลาะๆผ่านสวนเพื่อเลี่ยงที่จะเจอสาโรจน์ แต่ท่านกลับมาดักรออยู่ ถามว่าไปเรียนวันแรกเป็นอย่างไรบ้าง เขาไม่อยากให้พ่อไม่สบายใจโกหกว่ารุ่นพี่ก็ดี เพื่อนๆก็ดี

“เหรอ เอองั้นก็ดีแล้ว แกไปอาบน้ำอาบท่าก่อนเดี๋ยวพ่อหาอะไรให้กิน”

ขอจันทร์มองเข้าไปเห็นพ่อซึ่งแก่ลงไปมากอย่างเป็นห่วง “พ่อ...พ่อสบายดีไหม รอหนูก่อนนะ หนูจะรีบเก็บเงินแล้วพาพ่อกับตะวันออกไปจากบ้านนี้ให้ได้”...

ณิชรันย์ไม่พอใจมากที่นทีพูดไม่รู้จักฟัง ห้ามหลายครั้งแล้วไม่ให้นวดให้หมอนวดในร้านสปาของเธอ ทำไมยังทำอยู่อีก เขาอ้างถ้าไม่นวดให้ดูก่อนหมอนวดจะรู้ได้อย่างไรว่านวดให้เขาตรงไหนถึงจะสบาย ณิชรันย์ขี้เกียจเถียงด้วย ถามว่ามาทำไมที่นี่ เขาจะมาปรึกษาเรื่องที่แม่กับพี่ชายของเขาจะจับเขาคลุมถุงชนกับลีน่า เธอกลับเชียร์ให้เขาแต่งกับลีน่าเร็วๆเพราะเบื่อจะช่วยสับรางให้เขาแล้ว นทีแก้ตัวน้ำขุ่นๆที่ต้องคบกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าเพราะกำลังหารักแท้ต่างหาก

“แต่ถ้ารันช่วยทีพูดกับพี่ศิลา ทีสัญญาว่าจะพยายามเลิก...เลิกทุกคน”

“ไม่ต้องพยายามหรอก เมื่อไหร่ที่ทีเจอคนที่ใช่ทีก็จะหยุดเองแหละ”

คำพูดของณิชรันย์ทำให้นทีได้คิด รีบโทร.นัดแคท คู่ควงของตัวเองซึ่งบังเอิญอยู่คอนโดฯเดียวกับเอริคให้ออกมาพบ แล้วขอเลิกกับเธอ โดยให้เหตุผลว่าในเมื่อเขาไม่ได้รักเธอ คบหากันต่อไปรังจะทำร้ายเธอเปล่าๆ แคทรับไม่ได้ เอากาแฟในมือสาดใส่เขาเลอะไปทั้งตัว แล้ววิ่งหนีขึ้นลิฟต์ไปทั้งน้ำตา นทีเหลือบมาเห็นขอจันทร์ยืนมองอยู่ ประหลาดใจมากทำไมโลกถึงกลมขนาดนี้

ooooooo

คู่วุ่นลุ้นแผนรัก

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด