สมาชิก

คุณผีที่รัก

ตอนที่ 14

อัลบั้ม: นิยายเรื่อง "คุณผีที่รัก"


พีระที่กำลังจะเข้าร่างอยู่แล้ว แต่เมื่อมาเกิดเรื่องลุงสนตาย ทำให้เขาคิดหนักว่าตัวเองเป็นต้นเหตุให้คนตายถึงสองคน น้ำมนต์เห็นพีระนั่งเศร้าอยู่ เข้ามาบอกว่า

“พี่เอมี่พาลุงสนไปที่วัดแล้ว คงติดต่อญาติให้มาจัดพิธีให้ตามประเพณี ร่างของนายก็ฝากไว้ที่วัด พวกหมอผีจะได้มาทำอะไรไม่ได้” เห็นพีระยังเศร้า เธอบอกว่าอย่าคิดมากเขาไม่ใช่ต้นเหตุ

พีระทนไม่ได้ตัดสินใจบอกน้ำมนต์ว่าตนเป็นคนขับรถเฉี่ยวทำให้แม่เธอตาย ชีวิตตนไม่มีค่าควรแก่การอยู่เลย

น้ำมนต์ผลักพีระออกอย่างทำใจไม่ได้เจ็บปวดกับการที่ต้องสูญเสียแม่ ตัดพ้อว่าถ้าตอนนั้นเขาลงมาช่วยแม่ก็คงรอด พีระบอกว่าตอนนั้นตนไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ ไม่รู้จริงๆ

“นายทำให้แม่ฉันตาย ทำให้ชีวิตฉันต้องเป็นอย่างนี้ นายคือคนที่ทำลายความสุขในชีวิตฉันทั้งหมด...แล้วนายก็เป็นคนที่ทำให้ฉันมีความสุขขึ้นมาอีกครั้ง แล้วนายก็พังมันลงอีก! ฉันต้องมีความสุขแล้วถูกนายทำลายอีกกี่ครั้ง...ทำไม...ทำไมมันต้องเป็นอย่างนี้ ทำไมต้องเป็นนาย...”

พีระยิ่งรู้สึกผิดบอกว่าตนไม่สมควรได้รับโอกาสให้มีชีวิตต่อไป จะขอชดใช้ด้วยชีวิต น้ำมนต์บอกว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ตนต้องการ ตนไม่อยากให้เขาตาย พีระขอโทษที่เป็นความทรงจำที่ดีให้กับเธอไม่ได้ แล้วหายแว้บไปเลย

แมนสรวงไปดักรออยู่ พอเจอกัน แมนสรวงถามพีระว่าที่เขาบอกว่าจะชดใช้ด้วยชีวิตหมายความว่าอย่างไร พีระบอกว่าตนจะไม่กลับเข้าร่าง ไม่อยากให้น้ำมนต์มองตนด้วยสายตาเสียใจผิดหวังอีก แมนสรวงติงว่าน้ำมนต์ไม่อยากให้เขาตาย พีระแย้งว่าแต่น้ำมนต์ก็ไม่อยากเห็นหน้าตน

แมนสรวงแนะว่าก็ไม่ต้องไปให้น้ำมนต์เห็นหน้า แต่พีระทนไม่ได้ที่ความรู้สึกผิดจะตามหลอกหลอนตนไปจนตาย

“มันไม่ตามนายไปหรอกไม่มีอะไรตามนายไปได้ ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ทรมาน เศร้า เหงา หรือแม้แต่ความรัก”

พีระอึ้งไปเมื่อรู้ความจริงว่าเมื่อเขากลับเข้าร่างแล้ว อดีตทั้งหมดก็จะกลายเป็นอากาศไปหมดจับต้องไม่ได้เลย แมนสรวงบอกว่าเมื่อรู้ความจริงเช่นนี้แล้วก็กลับเข้าร่างเสีย

ส่วนน้ำมนต์ก็ตามหาพีระ เมื่อไม่เจอก็ไปกอดร่างเขาที่ตั้งอยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชาที่ลานอเนกประสงค์บอกว่าจะไม่ยอมให้เขาตาย พร่ำรำพันน้ำตาอาบแก้มว่า...

“นายเป็นความทรงจำที่ดีของฉัน แม้ว่านายจะเคยทำผิดพลาดมาก่อน เรื่องแม่ของฉันมันจบไปแล้ว แต่เรื่องของฉันกับนายยังไม่จบ นายต้องกลับมา มาเป็นความทรงจำที่ดีของฉันต่อไปสิ นายพีระ...นายต้องกลับมา...”

แมนสรวงกับพีระยืนดูอยู่ แมนสรวงบอกว่าสงสารน้ำมนต์ขอให้เขาเข้าร่างเสียเถิด แต่พีระยืนกรานไม่เข้า เพราะถ้าเข้าไปแล้วก็จะลืมความร้ายกาจของเมสินี ลืมลุงสน ลืมข้าวต้ม และลืมน้ำมนต์ ถ้าเป็นอย่างนั้นจะมีประโยชน์อะไรถ้าตนฟื้น ตนไม่กลับเข้าร่าง เพราะไม่อยากลืมน้ำมนต์ แมนสรวงเตือนสติว่าถ้าเขายังดื้อไม่ยอมกลับเข้าร่างก็จะเจ็บปวดด้วยกันทุกฝ่าย

“จะปล่อยให้น้ำมนต์เป็นยัยเพี้ยนนั่งกอดร่างที่ไร้วิญญาณของนายไปถึงเมื่อไหร่” แมนสรวงถาม

“อีกแค่ 4 วัน น้ำมนต์ก็รู้ว่าฉันจะไม่มีวันกลับมาได้อีก” พีระพูดอย่างแน่วแน่

ooooooo

เมสินีให้ยุทธหลบไปกบดานก่อน ยุทธฝากไว้ว่าถ้ามีงานสำคัญงานลับอะไรให้บอกตนได้ ต่อมาเมื่อเมสินีรู้ว่าพีระยังไม่ได้กลับเข้าร่าง ก็สั่งอาจารย์เทพให้ไปจัดการกับร่างพีระ ส่วนตนจะไปจัดการน้ำมนต์เองเพราะรู้จุดอ่อนของเธอดี

ลูกโป่งปวดหัวมากที่เมสินีเจ้านายใหญ่ก็กลายมาเป็นศัตรู พีระก็หายไป น้ำมนต์ก็สติแตก แต่ละครเวทีก็กำลังจะเปิดแสดง แต่เอมี่ได้รับข่าวดีจากช่อง 7 HD เชิญไปพรีเซนต์รายการคืนผจญผี เอมี่ดีใจมากรีบจดชื่อผู้ที่จะต้องไปติดต่อ แต่เดินไปถูกลมพัดกระดาษปลิว เธอก้มเก็บพอเงยขึ้นก็เห็นป้าย “นายแมนสรวง ดวงดาว ชาตะ 14 กุมภาพันธ์ 2439 มรณะ 24 กันยายน 2457” เงยมองอีกทีก็เห็นแมนสรวงมายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว ต่างเห็นป้ายเดียวกันและตกใจไม่น้อยกว่ากัน

แมนสรวงเอามือสัมผัสรูปภาพเหนือป้ายนั้น จึงระลึกได้ว่าตนกับเอมี่นั้นเคยเจอกันแต่อดีตชาติแล้ว เขาบอกเอมี่ว่า

“เรารักกันมาแต่ชาติปางก่อนแล้ว...”

แล้วแมนสรวงช่วยทบทวนจนเอมี่จำได้ว่าชาติก่อนตนเป็นพยาบาลรักษาแมนสรวงที่เป็นทหารบาดเจ็บ ผูกพันกันจนสัญญากันว่าไม่ว่าเกิดชาติไหนก็จะขอรักกัน เธอดูแลแมนสรวงจนสิ้นใจ

ทันใดนั้น แมวดำก็มาขัดขวาง แมนสรวงจึงต้องส่งวิญญาณเอมี่ไปแล้วคุกเข่าลง ถูกแมวดำประกาศิตว่า

“เจ้าจะต้องลืมอดีตให้หมดทุกอย่าง แมนสรวง!!”

ส่วนอาจารย์เทพที่ได้รับมอบหมายจากเมสินีให้ไปจัดการพีระก็เอาธัมบ์ไดรฟ์เสียบเข้าคอมพิวเตอร์ สไกป์คุยกับเกี๊ยงแต่เกี๊ยงก็ยังมุ่งมั่นที่จะฆ่าอาจารย์เทพตามคำสั่งของคามิน อาจารย์เทพจึงดึงธัมบ์ไดรฟ์ออก ยิ่งแค้นคามินที่ทำให้เกี๊ยงเปลี่ยนไป

ooooooo

อัฐชัยกับพิมพ์ดาวกลับมาที่บ้านน้ำมนต์ ปรึกษากันเรื่องที่น้ำมนต์จะอยู่ที่วัดไม่ยอมกลับจนกว่าพีระจะยอมกลับเข้าร่าง พิมพ์ดาวรำพึงว่าเวลามีความรักคนเราทำได้ทุกอย่าง

“ก็เหมือนที่ฉันโกหกสร้างเรื่องใส่ร้ายพีระ” อัฐชัยรู้สึกผิด พิมพ์ดาวก็พูดถึงตัวเองที่ขี่หลังเขาเดินไปทั่วมหาวิทยาลัย แต่ก็ไม่ได้อะไรนอกจากความเจ็บปวด “ดาว...แกรู้ใช่ไหม ว่าเวลาเรารักใครสักคน มันไม่ต้องใช้เวลา แต่พอจะเลิกรักนานแสนนานก็เลิกยาก” แล้วพูดถึงตัวเธอว่า ถึงจะงี่เง่าอย่างไรตนก็ยังรักเธออย่างเพื่อน ชวนเรามาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมดีไหม

“โอเค...เพื่อนก็เพื่อน” พิมพ์ดาวหยวนๆ ยอมๆ

แม้พีระจะเจ็บปวดเมื่อเห็นน้ำมนต์กอดร่างตนร้องไห้และรอคอย แต่พีระก็แน่วแน่ที่จะไม่กลับเข้าร่าง แต่พอจะไปบอกน้ำมนต์ ก็เกิดอาการร้อนที่คอเหมือนมี ไฟลวก แมนสรวงเข้ามาย้ำว่า

“นายจะบอกให้มนุษย์รู้เรื่องที่นายจะถูกเซ็ตซีโร่หลังจากกลับเข้าร่างแล้วไม่ได้ มันผิดกฎ!”

พีระจึงเข้าไปหว่านล้อมน้ำมนต์ให้เลิกกอดศพพูดจากับศพเหมือนคนบ้าเสีย น้ำมนต์โต้ว่านี่ไม่ใช่ศพ แต่เป็นเขา...นายพีระที่ตนรักและต้องดูแลจนนาที

สุดท้าย พีระเตือนสติเธอว่าเธอยังมีข้าวต้มต้องดูแลให้กลับไปดูแลน้องเถิด

น้ำมนต์ยืนกรานจะดูแลจนกว่าเขาจะกลับเข้าร่างและไปดูแลตนกับน้อง พีระเลยจะบอกเหตุผล พลันคอก็ปวดร้อนขึ้นมาจนทนไม่ได้วิ่งหนีออกไป น้ำมนต์ตามมาถามด้วยความเป็นห่วงว่าเป็นอย่างไรบ้าง

เมื่อพูดตรงๆไม่ได้พีระจึงพูดเป็นนัยให้เธอรู้ถึงสาเหตุที่ตนไม่กลับเข้าร่าง น้ำมนต์กอดเขาไว้ถามว่า

“พีระ...จำที่หลวงพ่อเทียนสอนได้ไหม อย่าจมอยู่กับอดีต อย่ากังวลถึงแต่อนาคต ปัจจุบันเท่านั้นคือเวลาที่เราจะสร้างสิ่งดีงามและความสุขได้” เมื่อพีระยังอ้ำอึ้ง น้ำมนต์ถาม “นายรักฉันหรือเปล่า ถ้ารักฉันก็ต้องอยู่กับฉัน อย่าทิ้งฉันไปไหน” น้ำมนต์ยื่นมือออกไปให้พีระจับเป็นสัญญาแต่พีระสับสนจนเดินหนี น้ำมนต์เจ็บปวดปานหัวใจถูกกระชากไป แต่พีระเดินไปไม่กี่ก้าวก็แพ้ใจตัวเอง ตัดสินใจหันกลับมาโผเข้ากอดน้ำมนต์พร่ำบอก

“ผมจะอยู่กับคุณ...ผมจะอยู่กับคุณ...”

“ขอบใจนะพีระ” น้ำมนต์กอดพีระไว้แน่น ทั้งสองกอดกันอย่างรักใคร่และ...อย่างไม่ยอมจะพรากจากกัน...

ooooooo

ข้าวต้มกับงอแงเห็นอัฐชัยกับพิมพ์ดาวง่องแง่ง ...ง่องแง่งใส่กันก็สมคบกันวางแผน ข้าวต้มไปลากอัฐชัยเข้าบ้านบอกว่ามีอะไรจะคุยด้วยหน่อย งอแงก็ใช้ลูกไม้เดียวกันกับพิมพ์ดาว

พอหลอกอัฐชัยมาได้ ข้าวต้มก็บอกว่าตนอยากมีหุ่นดีอย่างเขาช่วยสอนลดน้ำหนักให้หน่อย

ส่วนงอแงมีลูกเล่นมากกว่าให้พิมพ์ดาวปิดตาแล้วแกล้งโยนชามให้เกิดเสียงดัง จากนั้นก็ร้องโวยวายว่าพิมพ์ดาวเป็นลมให้อัฐชัยมาช่วย อัฐชัยเสียรู้เด็กรีบมาดูและอุ้มพิมพ์ดาวพาไปนอน พิมพ์ดาวพยายามจะบอกว่าตนไม่เป็นอะไรแต่อัฐชัยตื่นตกใจจนไม่เป็นอันฟัง

ระหว่างที่อัฐชัยวิ่งไปหายาดมนั้น พิมพ์ดาวถามสองตัวแสบว่าคิดจะทำอะไร

“พี่ไม่อยากสมหวังในความรักเหรอคะ พวกเราจะช่วยให้พี่สมหวังเอง” งอแงบอก ส่วนข้าวต้มก็เตือนพิมพ์ดาวทำตัวให้เหมือนคนเป็นลมหน่อย พิมพ์ดาวบอกไม่เล่นด้วย ก็พอดีอัฐชัยวิ่งเอายาดมเข้ามา ประคองพิมพ์ดาวเอายาให้ดม

“อ้ะ...ค่อยๆดมนะดาว ทำไมอยู่ดีๆเป็นลมได้ แกไม่ได้ทานข้าวเหรอ ไหวไหม...ไปหาหมอไหม”

แม้จะไม่สบายใจที่ถูกสองตัวแสบชักใยให้เล่นละคร แต่พิมพ์ดาวก็รู้สึกดีที่อัฐชัยห่วงใย ส่วนสองตัวแสบ แอบดูอยู่เอามือปิดปากหัวเราะกันคิกคักว่าแผนของพวกตนสำเร็จแล้ว

แจ๊วกับเจี๊ยบก็เอากับเขาด้วย สองคนช่วยกันปิดประตูล็อกจากข้างนอกและวิ่งปิดหน้าต่างหมดทุกบาน จากนั้นก็จับกลุ่มนั่งรอลุ้นผลงานกันใจระทึก

สุดท้ายพิมพ์ดาวก็บอกอัฐชัยว่าตนไม่ได้เป็นอะไร ข้าวต้มกับงอแงจัดฉากหลอกเขา อัฐชัยฉุนกึกด่าเด็กแสบเดี๋ยวจะตีพุงกะทิให้ไขมันแตกเลย แล้วลุกจะออกไป แต่ประตูถูกล็อกจากข้างนอก เดินไปดูหน้าต่างก็ถูกล็อกหมด

“น้องแกกับเพื่อนจะเล่นอะไรเนี่ย” อัฐชัยหงุดหงิด พอพิมพ์ดาวบอกไม่รู้เขาก็หาว่าแกล้งไม่รู้ ซ้ำหาว่าเธออาจเป็นคนบงการพวกเด็กๆแล้วมาแอ๊บทำใสซื่อ ย้ำถาม “ไหนว่าเราเป็นเพื่อนกันแล้วไง”

“แกเคยมองฉันในแง่ดีบ้างไหม แค่เพราะฉันรักแก มันทำให้ฉันดูแย่และน่าสมเพชในสายตาแกมากขนาดนั้นเลยเหรอ งั้นบอกมาซิว่าฉันต้องทำยังไง ฉันต้องมีแฟนใหม่ ต้องไปคบทอมหรือ แล้วแกก็จะหาว่าฉันทำประชดอีกไหม ฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้ว หรือต้องให้ฉันตายๆไปเลยแกถึงจะเชื่อ!”

พิมพ์ดาวระเบิดอารมณ์อย่างอัดอั้นแล้วเดินหนีเข้าไปในครัว ไปนั่งร้องไห้น้ำตาไหลพรากๆ

ooooooo

น้ำมนต์กับพีระไปถวายสังฆทานที่วัด พอน้ำมนต์ถวายเสร็จก็กราบหลวงพ่อว่าเดี๋ยวเพื่อนตนจะถวายด้วย พีระยกถังสังฆทานขึ้นตั้งอธิษฐานจิต...

“บุญกุศลที่ลูกพอจะมีในชาตินี้ ลูกขออุทิศให้คุณแม่น้ำฟ้าแม่ของน้ำมนต์และลุงสน ขอให้ทั้งสองท่านมีความสุขในภพภูมิใหม่ และอยู่ช่วยคุ้มครองให้น้ำมนต์มีแต่ความสุขความเจริญด้วยเถอะ”

แต่พอพีระยกถังสังฆทานขึ้นจะถวาย ปรากฏว่าพระถอยกรูดไปจนติดกำแพงพนมมือมองถังสังฆทานที่ลอยขึ้นเองได้ตื่นๆ พีระถวายถังสังฆทานแล้ว ทั้งสองก็พนมมือรับพร

“ให้พรได้แล้วค่ะหลวงพ่อ” น้ำมนต์เอ่ยเพราะหลวงพ่อมองไม่เห็นพีระ

เมื่อพากันไปนั่งที่ศาลาริมน้ำ น้ำมนต์เห็นพีระยังเศร้าถามว่าเขาเป็นอะไร บอกแล้วว่าถ้าอึดอัดก็ให้ยิ้มแล้วตนจะยิ้มตอบ ถามว่าคิดอะไรอยู่บอกได้ไหม

“ผมกำลังคิดว่า ถ้าผมไม่กลับเข้าร่าง คุณก็จะตื๊อผมไม่เลิกใช่ไหม” น้ำมนต์ตอบทันทีว่าแน่นอน “โอเค...ผมยอมแพ้ ผมจะกลับเข้าร่าง” พอน้ำมนต์ดีใจกระโดดกอดก็กลับมีข้อแม้ว่า “ผมจะกลับเข้าร่างหลังจากจบละครเวทีของคุณแล้ว”

น้ำมนต์ชะงัก พีระชี้แจงว่า “คุณช่วยผมจนเจอร่างแล้ว ก็ถึงคราวที่ผมจะช่วยคุณให้ประสบความสำเร็จบ้างถึงจะยุติธรรม” น้ำมนต์บอกว่าวันที่แสดงละครคือวันสุดท้ายที่เขาต้องกลับเข้าร่างนะ “ก็แสดงละครเสร็จ ยังมีเวลาอีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะสิ้นวันนั้น ยังไงก็กลับเข้าร่างทัน”

น้ำมนต์เป็นห่วงว่าระหว่างนั้นเมสินีกับหมอผีจะมาทำร้ายเขา พีระเชื่อว่าร่างตนอยู่ที่วัดให้พระคุ้มครอง วิญญาณร้ายกับพวกหมอผีทำอะไรตนไม่ได้แน่ พอน้ำมนต์จะท้วงติงอีก พีระรีบขัดขึ้น...

“ไม่เอา...ไม่มีแต่...ยิ้มสิ ยิ้มหน่อย ยิ้มนะผีขอ” พีระพยายามทำร่าเริงแหย่จนน้ำมนต์หัวเราะออกมา

วันนี้เองพีระก็หยอกล้อน้ำมนต์แล้วบอกรักเธอ พอเห็นเธอทำหน้าเหวอ พีระบอกรักอีกแล้วขอเป็นแฟน

“ครั้งก่อน คุณแค่หลอกเพื่อนว่าเราเป็นแฟนกัน แต่ครั้งนี้ของจริง มาเป็นแฟนกันนะ โอเคไหม” เห็นน้ำมนต์ยังอึ้งๆพีระหยอกเย้าพยักหน้าให้เธอทำตาม พอน้ำมนต์พยักหน้า เขายิ้มดีใจ “คุณเป็นแฟนผีแล้วนะ ต่อไปนี้ผีสัญญาว่า ผีจะทำให้คุณมีแต่ความสุข แฮปปี้... แฮปปี้...”

ขณะบรรยากาศกำลังดี๊ดีนั่นเอง แมนสรวงก็โผล่พรวดมาถามพีระว่า

“นายคิดจะทำอะไร!” เมื่อไปนั่งคุยกันอีกมุมหนึ่ง แมนสรวงถามอีกว่า “ขอน้ำมนต์เป็นแฟน นายคิดจะทำอะไร”

“ก็ฉันกับน้ำมนต์รักกัน เลยเป็นแฟนกัน แปลกตรงไหน”

แมนสรวงบอกว่าตนไม่เชื่อว่าพีระจะยอมกลับเข้าร่างจริง หาว่าเขาจะหลอกน้ำมนต์ให้ดีใจแล้วทำลายมันทิ้งถามว่า“มันไม่ใจร้ายไปหน่อยหรือ”

“ฉันจะทำให้ 4 วันสุดท้ายนี้ เป็นวันที่น้ำมนต์มีความสุขที่สุด” แมนสรวงจับเท็จว่าแสดงว่าเขาจะทำอย่างที่ตนคาดไว้จริงๆ “ฉันจะทำอะไรก็เรื่องของฉัน ถ้านายข้องใจ มันก็เป็นปัญหาของนาย ไปจัดการเอาเอง ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”

พูดแล้วพีระเดินหนีไป แมนสรวงมองตามฮึดฮัดขัดใจ

ooooooo

อัฐชัยยังถูกขังอยู่ในห้องกับพิมพ์ดาว เขาได้รับโทรศัพท์จากอาจารย์เทพ อ่อยว่า ถ้าเขายังอยากสมหวังกับน้ำมนต์จะให้ตนช่วยไหม ให้บอกมาว่าพีระอยู่ไหนตนจะไปกำจัดมารความรักให้

“อาจารย์พูดจริงหรือ” อัฐชัยถามตื่นเต้น พิมพ์ดาวชำเลืองมองอัฐชัยว่าจะทำอะไรอีก อัฐชัยเลยเดินเลี่ยงไปคุยห่างๆย้ำถามว่า “อาจารย์ช่วยผมได้จริงๆ ใช่ไหม”

“ได้แน่นอนอยู่แล้ว ผมจะไปจัดการไอ้พีระให้คุณเดี๋ยวนี้เลย บอกผมมาสิ”

“ผมรักน้ำมนต์มาก มากจนใครๆก็รู้และดูออก และมันก็มากเกินกว่าที่ผมจะเอาความสุขของน้ำมนต์ไปขายให้หมอผีอย่างอาจารย์ ผมไม่หักหลังเพื่อน!!

ผมจะช่วยให้พีระกลับเข้าร่างได้ ให้พีระกับน้ำมนต์รักกัน แล้วพวกเราจะเล่นงานทั้งอาจารย์และคุณเมสินีให้ย่อยยับ คอยดู!” พูดจบอัฐชัยวางสายทันที

“แล้วคุณจะเสียใจที่มาลองดีกับผม!” อาจารย์เทพแค้นที่โดนลบหลู่

พิมพ์ดาวเดินเข้ามาถามอัฐชัยว่าจะร่วมมือกับอาจารย์เทพทำอะไรพีระอีก อัฐชัยเอาคำตัดพ้อต่อว่าเมื่อครู่ของพิมพ์ดาวมาล้อเลียน พอถูกพิมพ์ดาวปรามว่าอย่ามาล้อเลียนนะ เขาก็เดินไปจะเปิดประตู แต่มันยังล็อกอยู่

อาจารย์เทพแค้นใจ เดินไปหยิบดินในบริเวณสถานีขึ้นมากำ คำรามแค้น “ถ้าอยากลองดีกับฉัน ฉันก็จะจัดให้” แล้วบริกรรมคาถาโยนดินนั้นลงไปที่พื้น เห็นเป็นกลุ่มควันสีดำมีดวงตาดุดันดวงหนึ่งอยู่ในกลุ่มควันนั้นแล้วมันก็พุ่งลงเดินหายไป

ในขณะที่พวกข้าวต้มยังรอเวลาที่อัฐชัยกับพิมพ์ดาวจะลงเอยกันนั้น วิญญาณผีนั้นก็ลอยเข้าไปในบ้านแล้ว!

วิญญาณผีเข้าสิงอัฐชัยขณะกำลังโวยวายให้ข้างนอกเปิดประตูให้ เขาล้มตึงตาเหลือก พอลุกขึ้นมาอีกทีดวงตาของเขาก็กลายเป็นดวงตาผีไปแล้ว!

พิมพ์ดาวตกใจร้องเรียกให้คนข้างนอกช่วย แต่พวกข้างนอกที่ลุ้นทั้งคู่อยู่ก็พากันหัวเราะคิกคักว่าคงจะลงเอยกันได้แล้ว

อาจารย์เทพเข้าไปบอกเมสินีในห้องทำงานว่าตนส่งผีไปรังควานที่บ้านน้ำมนต์แล้ว ถ้าเธอมีแผนจะทำอะไรก็ลงมือได้เลย เมสินีขอบใจ แล้วยกโทรศัพท์แนบหูสั่งทันที

“ลงมือได้!”

ooooooo

อัฐชัยถูกผีเข้า อาละวาดจนพิมพ์ดาวร้องขอความช่วยเหลือจากข้างนอก ทีแรกพวกข้าวต้มก็นึกว่าลงเอยกันดีแต่ฟังไปฟังมารู้สึกเสียงพิมพ์ดาวผิดปกติ

พิมพ์ดาวร้องขอให้อัฐชัยพอได้แล้ว ในขณะที่อัฐชัย ก็ตะโกนว่า “ฉันจะเอาชีวิตมัน แกไม่ต้องมายุ่ง!!”แล้ว

อัฐชัยก็จับพิมพ์ดาวเหวี่ยงไปกระแทกโซฟาล้มลง ส่วนตัวเองก็พุ่งเข้าไปเอาหัวโขกกำแพงไม่หยุด ปากก็ตะโกนพร้อมเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “มันต้องตาย ฮ่าๆๆ ฉันจะเอาชีวิตมัน!”

“อย่าทำอะไรอัฐนะ!! ใครอยู่ข้างนอกช่วยมาห้ามอัฐที!!” พิมพ์ดาวตะโกนอย่างตระหนก อัฐชัยวิ่งเข้าไปคว้ามีดในครัวเงื้อง่าออกมาตะคอกถาม

“ไอ้ผีพีระมันอยู่ที่ไหน ถ้ามันไม่อยากให้คนบริสุทธิ์ต้องตายก็โผล่มา ไม่งั้นฉันจะฆ่าพวกแกทุกคน ทีละคนจนกว่ามันจะโผล่มา”

ข้าวต้มกับงอแงเปิดประตูด้านหลังเข้ามา ตกใจเมื่อเห็นอัฐชัยจะทำร้ายพิมพ์ดาว พอดีเจี๊ยบกับแจ๊ววิ่งเข้ามา แจ๊ววิ่งไปกระชากมือที่ถือมีดของอัฐชัยเจี๊ยบเลยถูกมีดตวัดโดนต้นแขนแทน

ข้าวต้มวิ่งเข้าไปกอดขาอัฐชัยจนล้มไปด้วยกัน งอแงรีบเอาสร้อยพระของตนไปคล้องคออัฐชัย

“อ๊ากกกกกก!!!” อัฐชัยแผดเสียงสะบัดสุดแรงจนทุกคนกระเด็นไปคนละทาง อัฐชัยชี้กราดใส่ทุกคน “พวกแก...อย่าคิดว่าจะปลอดภัย ตราบใดที่ฉันไม่ได้ตัวพีระ พวกแกทุกคนจะต้องตายยยย!!!!!” แล้วตัวเองก็หมดสติลงไปกองกับพื้น

“อัฐ!!” พิมพ์ดาวโผเข้าไปหาอัฐชัย ในขณะที่เจี๊ยบกับแจ๊วกอดเด็กไว้อย่างสยอง

ooooooo

ขณะที่พีระจูงมือคุยกับน้ำมนต์อย่างสบายใจอยู่นั้น จู่ๆเอมี่ก็เข้าถามแกมขู่อย่างตึงเครียดว่า

“พี่อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับนายแมนสรวง” น้ำมนต์ถามว่าเรื่องอะไร “อยากรู้ทุกเรื่อง รู้เท่าไหร่ส่งมาให้หมด!! บอกมาตามตรง นายแมนสรวงคือใคร!!”

น้ำมนต์มองหน้าพีระอึกอักว่าจะบอกดีหรือไม่ ทันใดนั้นแมนสรวงก็พรวดเข้ามาตะโกน

“อย่าบอก!! เพราะถ้าเอมี่รู้ว่าฉันคือยมทูต มันผิดกฎผู้นำส่งวิญญาณอย่างรุนแรง ฉันจะถูกลงโทษขั้นสูงสุด”

พีระบอกว่าตนไม่พูดอยู่แล้ว ให้เขาไปบอกน้ำมนต์เถอะ แมนสรวงบอกว่าตนคุยกับน้ำมนต์ไม่ได้ เร่งให้พีระรีบไปบอก พอพีระรับปาก หันมองหาน้ำมนต์กับเอมี่ ปรากฏว่าหายไปแล้วทั้งสองคน

พอเหลียวมองไปอีกด้านเห็นน้ำมนต์กับเอมี่กำลังนั่งคุยกันประสาสาวๆ สองหนุ่มตกใจผงะร้องพร้อมกัน

“เฮ้ย!!!”

ooooooo

เอมี่ฟังน้ำมนต์เล่าแล้วช็อก ถามว่าเธอพูดจริงๆ หรือ น้ำมนต์ยืนยันว่า

“ค่ะ เขาเป็นผู้พิทักษ์วิญญาณ มีหน้าที่ดูแลพีระ แต่หน้าที่หลักก็คือนำส่งวิญญาณไปสู่การพิพากษา เรียกง่ายๆคือยมทูต”

“ยมทูต...สรุปง่ายๆว่า เขาเป็นคนหรือเปล่า?!”

“อย่าไปฟังน้ำมนต์” แมนสรวงโผล่พรวดมาเอามืออุดหูเอมี่ เธอทำท่าขนลุก บอกน้ำมนต์ว่า ตนสัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ข้างหลัง น้ำมนต์มองพีระเชิงถาม พีระ พยักหน้า เธอจึงบอกเอมี่ว่า ใช่ เอมี่ช็อกกลัวจนตัวสั่น วิ่งหนีไปที่รถ

แมนสรวงตามไปดันประตูรถไว้ไม่ให้เอมี่เปิด บอกว่าไม่ให้ไปจนกว่าเธอจะเข้าใจตน แต่นาทีนี้เอมี่

มีแต่ความหวาดกลัวยกมือไหว้ลนลานอ้อนวอนอย่าทำอะไรตนเลย ถ้าตนเคยด่าว่าอะไรก็ขอให้ยกโทษด้วยตนไม่รู้ ตนสำนึกผิดแล้ว อย่าฆ่าตนเลย อยากได้อะไรบอกมาตนจะทำให้ทุกอย่าง ขออย่างเดียวไว้ชีวิตตนเถอะ

“ผมไม่เคยคิดร้ายกับคุณเลย ทำไมคุณต้องกลัวผม ขนาดนี้” แมนสรวงเสียใจ หมดแรง พอเอมี่รู้สึกไม่มีแรงต้านทานอะไรแล้วก็รีบเปิดประตูรถขึ้น แล้วขับหนีไปเลย

แมนสรวงยืนมองรถที่เอมี่ที่ขับตะบึงไปราวกับหัวใจถูกกระชากไปด้วย

ooooooo
เมื่ออัฐชัยหมดฤทธิ์นอนให้พิมพ์ดาวซับเลือดที่หัว พิมพ์ดาวด่าทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ว่าเล่นอะไรไม่รู้เรื่อง คาดโทษให้ต้องรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลทุกบาททุกสตางค์

เจี๊ยบโอดครวญว่าพวกตนอยากช่วยเธอ ข้าวต้มถามว่าจริงๆแล้วอัฐชัยเป็นอะไร

“ฉันเห็น...พลังอะไรก็ไม่รู้พุ่งเข้าใส่อัฐแล้วเขาก็คลั่งอย่างนี้ อัฐอาจจะโดนหมอผีทำของ” พิมพ์ดาวเล่าแล้วร้องไห้สงสาร ห่วงใยอัฐชัย

ฝ่ายพีระกับแมนสรวงก็ไปทะเลาะกันที่ริมน้ำ

พีระบ่นแมนสรวงว่า ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง ทีนี้รู้ซึ้งถึงหัวอกตนแล้วใช่ไหม แมนสรวงก็เอาแต่คร่ำครวญว่าทำไมเอมี่ต้องกลัวตนขนาดนั้นด้วยทั้งที่ตนไม่เคยทำอะไรไม่ดีให้เลย

“นายรักเอมี่จริงๆหรือ”

“ความรักของฉันมันเป็นบ่วงกรรมมาแต่อดีตชาติ ฉันกับเจ๊เอมี่เคยรักกันมาก่อน ที่ฉันได้เจอเขามันไม่ใช่บังเอิญ แต่มันเป็นเพราะ...ฉันฝากหัวใจเอาไว้ที่เขา” พีระถามว่าเขาจำเรื่องราวของตัวเองได้แล้วหรือ? “เจ๊คือคนที่ดูแลฉันจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต จิตสุดท้ายของฉันจึงมีแต่เขาไม่เคยลืม ความทรงจำมันเจ็บปวดใจจริงๆ”

พีระเลยบรรยายความเจ็บปวดของตนให้ฟัง

แมนสรวงฟังแล้วบอกว่าใช่เลย เจ็บปวดแบบนี้แหละ

“เราสองคนหัวอกเดียวกัน” พีระบอกแล้วโผเข้ากอดกัน “แล้วทำไมนายไม่ไปเกิดใหม่จะมาเป็นยมทูตทำไม”

“ฉันมาเป็นยมทูตเพื่อแลกเปลี่ยนกับการจะได้กลับไปเกิดใหม่ในชาติภพเดียวกับเจ๊เอมี่อีกครั้ง หนึ่งร้อยปี...ถ้าฉันทำสำเร็จ ฉันก็จะได้อย่างที่ต้องการ”

“หมายความว่า...” พีระชักเสียว

“นายต้องกลับเข้าร่าง!” แมนสรวงโพล่งออกไป พีระถึงกับผงะ พอนึกได้ก็วิ่งหนี แมนสรวงไล่ตาม พีระถามอย่างรับไม่ได้ว่า ทำไมทุกอย่างต้องมาฝากเอาไว้ที่ตนด้วย มันไม่ยุติธรรมเลย แมนสรวงวิ่งตามอ้อนวอนให้ช่วยตนด้วย สงสารตนเถิด ตนต้องทนทุกข์ทรมานมาเป็นร้อยปีแล้ว

นาทีนี้ พีระมีคำตอบเดียวคือ ไม่! ไม่!! และไม่เว้ยยยย!!!

เมื่ออ้อนวอนไม่สำเร็จ แมนสรวงฮึดขึ้นมาประกาศกร้าว

“ฉันก็ไม่ยอมพลาดรักกับเอมี่เหมือนกัน!!!”

ooooooo

อัฐชัยยังครวญครางอย่างเจ็บปวดทุกข์ทรมาน เพราะผีที่ยังอยู่ในร่างต่อสู้กับสร้อยพระที่งอแงสวมให้อย่างรุนแรง พิมพ์ดาวบอกเขาให้พยายามตั้งสติและพาสวดมนต์

แจ๊วที่แอบดูอยู่วิ่งกลับมารายงานพรรคพวกว่าไม่ต้องห่วง ยังดูแลกันอย่างสวีทหวานมาก แต่เจี๊ยบยังอยู่ในอาการขวัญผวากับคำขู่ฆ่าล้างแก๊งของผี งอแงปลอบใจว่าผีมันก็ขู่เราไปอย่างนั้นแหละ พวกเราเป็นคนดีความดีต้องคุ้มครอง ข้าวต้มกลัวน้อยหน้าเลยเอาบ้างว่า

“ถูกต้อง จงเชื่อมั่นว่าความดีจะปกป้องเราจากความชั่วเหมือนที่เค้าเชื่อมั่นว่าความอ้วนจะปกป้องเค้าจากความผอม”

ทุกคนฟังแล้วมึนกับตรรกะของข้าวต้ม แต่ไม่มีเวลามึนนานเพราะข้าวต้มเหลือบเห็นใครบางคนมาทำลับๆล่อๆอยู่ ชี้ให้ทุกคนดู แต่พอมองไปจริงจังก็ไม่เห็นใครแล้ว

ขณะจะกลับเข้าไปนั่นเอง สายตาก็เหลือบเห็นขวดชาไข่มุกส่องประกายวิบวับ...วิบวับอยู่ ข้าวต้มตาโต วิ่งไปดูเห็นข้อความเขียนไว้ว่า “สำหรับข้าวต้มสุดหล่อ” งอแงถามว่าใครมาเขียนแกล้ง “คงเป็นน้องอนุบาลที่โรงเรียนต้องแอบเป็นติ่งเค้าแน่ๆ เลยแอบมาเอาใจเค้าอย่างนี้...” พอเหลียวมองไปอีกที่ก็ร้อง “ฮ้า...ขนมเพียบเลย!!!” แล้ววิ่งไปเก็บขนม

“หมูอ้วน...เดี๋ยวก่อน!” งอแงไล่ตามไปตะโกนเตือนว่า “คุณครูไม่เคยสอนเหรอว่าห้ามรับขนมจากคนแปลกหน้า”

“สอน แต่นี่ไม่ใช่คนแปลกหน้า เพราะไม่เคยเห็นหน้า” ข้าวต้มตะแบง พลางวิ่งเก็บขนม เก็บเอ๊า...เก็บเอา จนไปเจอละไมสาวใช้คนสนิทของเมสินีที่มาในแบบหญิงตาบอดเข้ามาทัก ข้าวต้มกับงอแงมองละไมงงๆ

ooooooo

ระหว่างเดินกลับบ้านด้วยกัน น้ำมนต์ถามพีระว่าแมนสรวงจะโกรธตนไหม พีระบอกว่าไม่โกรธเพราะรู้ตอนนี้หรือตอนไหนสุดท้ายเอมี่ก็ต้องรู้อยู่ดีเพราะแมนสรวงก็ต้องจากเอมี่ไปเหมือนตน

พีระพลั้งปากออกไป พอน้ำมนต์ถามว่าจะเหมือนได้ยังไงเพราะเขาไม่ได้จากไป พีระเลยรีบกลับลำทำเป็นหยอกเย้าน้ำมนต์ให้อารมณ์ดี

เวลาเดียวกันนั้น ละไมที่ทำเป็นหญิงตาบอดหลอกข้าวต้มกับงอแงว่าตนหารถไม่เจอ ให้ช่วยมองหาที เด็กทั้งสองหลงกลชี้ไปที่รถคันหนึ่งที่จอดเปิดประตูรออยู่ ละไมหลอกให้ข้าวต้มพาไปที่รถ ข้าวต้มใจดีไปถึงก็ขึ้นรถไปเพื่อช่วยดึงละไมขึ้นตาม แต่พอข้าวต้มดึงละไมขึ้นรถได้ ก็ถูกละไมล็อกตัวไว้ งอแงดึงข้าวต้มไว้ไม่ยอมปล่อย เลยถูกละไมอุ้มขึ้นไปอีกคน

แจ๊วกับเจี๊ยบที่มาตามเด็กทั้งสองวิ่งเข้าไปพยายามจะช่วยข้าวต้มก็ถูกสมุนของเมสินีลงจากรถมาขวาง แจ๊วถูกเหวี่ยงกระเด็นไป ส่วนเจี๊ยบถูกต่อยจนคว่ำ

งอแงตะโกนขอความช่วยเหลือ เป็นจังหวะที่น้ำมนต์กับพีระเดินผ่านมาพอดี แต่ช่วยไม่ทันเพราะรถขับพรืดไปแล้ว

น้ำมนต์ถามแจ๊วว่าพวกมันเป็นใคร แจ๊วไม่รู้ เธอบอกให้พีระช่วยด้วย แต่พอหันมอง ปรากฏว่าพีระหายไปแล้ว! ที่แท้พีระวิ่งไปดักหน้ารถคันนั้น พอรถจะขับผ่าน พีระกระโดดเข้าไปในรถแต่กลับกระเด็นออกมาร้องอย่างเจ็บปวด

“โอ๊ย!! ยันต์...ในรถมีผ้ายันต์หมอผี...โธ่เว้ย!!!”

ooooooo

ละไมโทร.รายงานเมสินีอย่างลิงโลดว่าได้ตัวน้องชายน้ำมนต์มาแล้ว งอแงร้องกรี๊ดๆ เสียงดังเข้าไปในโทรศัพท์ เมสินีถามว่า ให้ไปเอาตัวน้องชายน้ำมนต์แล้วไปพาใครมา!

ละไมกลัวความผิดหลอกว่าเป็นเสียงน้องชายน้ำมนต์ เวลาเด็กตกใจก็สาวแตกแบบนี้แหละ

น้ำมนต์ตกใจมากบอกแจ๊วให้โทร.แจ้งตำรวจ พิมพ์ดาววิ่งออกมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น พอน้ำมนต์บอกว่ามีคนจับตัวข้าวต้มกับงอแงไป พีระก็วิ่งกลับมาถึงพอดี บอกน้ำมนต์อย่างเจ็บใจว่า

“มันมีผ้ายันต์ติดรถไว้ ผมเข้าไปดูไม่ได้ว่าใครเอาตัวข้าวต้มไป”

ขณะนั้นเอง มือถือน้ำมนต์ดังขึ้น พอรับสายเธออุทานตกใจ “คุณเมสินี! คุณเอาตัวข้าวต้มไป!!”

เมสินีเดินออกจากสถานีพราวด์พลางพูดกับน้ำมนต์อย่างกระหยิ่มว่า

“ทำไมกล่าวหากันอย่างนั้นล่ะ ฉันก็แค่โทร.มาเพราะคิดถึงและห่วงใย สบายดีไหม...ฟังเสียงแล้วคง ไม่ค่อยสบายสินะ อยากให้ฉันช่วยไหม ฉันมีข้อแลก เปลี่ยนเดียว”

น้ำมนต์ฟังเมสินีแล้วร้องอย่างตระหนก ขออย่าเพิ่งวางสาย ก็พอดีแจ๊วบอกว่าตำรวจรับสายแล้ว น้ำมนต์กระชากมือถือจากแจ๊วกดวางสายทันทีด้วยสีหน้าหงุดหงิดมาก เจี๊ยบบอกว่ามันอยากได้อะไรก็ให้ไปเถอะเพื่อความปลอดภัยของเด็กๆ

สีหน้าที่ลำบากใจของน้ำมนต์ทำให้พีระเดาได้ ถามโพล่งไปว่า

“เขาต้องการร่างของผมใช่ไหม”

ooooooo

เมสินีโมโหมากเมื่อละไมพาข้าวต้มกับงอแงไปที่บ้าน พอเอ็ดตะโร ละไมก็ถามว่าเธอบอกให้พามาที่บ้านไม่ใช่หรือ

“ฉันบอกให้พาไปบ้านนอก ไม่ใช่บ้านฉัน ฉันไม่อยากมีเอี่ยวคดีลักพาตัว ไป! พามันออกไปเลย ไป!!”

ข้าวต้มกับงอแงสบตาให้สัญญาณกันแล้วทั้งสองก็กัดมือคนที่คุมมาจนมันปล่อย แล้วสองคนก็พากันวิ่งหนีไปด้านใน ข้าวต้มวิ่งผ่านถาดผลไม้ก็คว้าแอปเปิ้ลติดมือไป 3 ลูก จนงอแงต้องดุให้รีบตามมาเร็วๆ

“ตามไปจับมันสิ ก่อนมันจะทำเสียเรื่อง ไป!!” เมสินีโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ

งอแงกับข้าวต้มวิ่งขึ้นไปชั้นบน วิ่งผ่านตู้โชว์งอแงคว้าแก้วขว้างแตกไปตามทาง พอพวกลูกน้องเมสินีวิ่งไล่ตามมาก็ถูกเศษแก้วบาดกันเป็นแถว

พอวิ่งถึงชั้นบนทั้งสองก็งงไม่รู้จะไปทางไหน ถูกละไมวิ่งตามทันจับแขนข้าวต้มไว้ งอแงแกล้งตะโกนบอกเมสินีว่าละไมนินทาเธอ ละไมตกใจปล่อยมือ พอดีเมสินีขึ้นมาจะเอาเรื่องละไม พอรู้ว่าถูกหลอกก็สั่งละไมให้จับข้าวต้มไว้ งอแงวิ่งเข้ามาจี้เอว ละไมบ้าจี้เลยปล่อยข้าวต้ม เด็กสองคนวิ่งเข้าไปในห้องนอนเมสินีปิดประตูล็อกทันที

เมสินีตะโกนให้เปิดประตู เมื่อทั้งสองไม่เปิด จึงสั่งลูกน้องให้เฝ้าอยู่ตรงนี้ เปิดประตูออกมาเมื่อไหร่จับเลาะฟันให้หมดปากเลย

ข้าวต้มบ่นเสียดายแอบเปิ้ลที่ทำหลุดมือ บอกงอแงว่าต้องส่งสัญญาณให้น้ำมนต์มาช่วยเร็วๆ งอแงยิ้มอย่างมีเลศนัยบอกไม่ต้องห่วง แล้วเอามือถือที่ติดตัวมาโชว์ข้าวต้ม

ooooooo

น้ำมนต์ไปเห็นสภาพของอัฐชัย ถามพิมพ์ดาวว่ามันทำของใส่อัฐชัยหรือ พิมพ์ดาวแหวกเสื้อให้ดูอกอัฐชัยที่มีดวงตาผีอยู่ บอกน้ำมนต์ว่า

“นี่ถ้าไม่สวมสร้อยพระเอาไว้ อัฐอาละวาดกว่านี้อีก”

“มันทำของ แล้วก็ลักพาตัวเด็กงั้นเหรอ เมสินีนี่มันชั่วล้วนๆ ไม่มีดีปนเลย” พีระเครียดจัด ยิ่งเมื่อเจี๊ยบบอกว่าผียังขู่ว่าจะทำร้ายพวกเราทีละคนด้วย พีระก็พึมพำอย่างรู้สึกผิดว่า

“เพราะผมคนเดียว...มันต้องการผม!!”

พีระพรวดพราดวิ่งออกไปทันที น้ำมนต์ตกใจรีบตามไปเห็นพีระกำลังจะออกไปนอกรั้วบ้าน เธอตะโกนลั่น

“ห้ามออกไปนะ!!!”

“คุณไม่เห็นเหรอว่าผมทำให้คุณกับเพื่อนต้องเดือดร้อน แล้วนี่ข้าวต้มกับงอแงต้องมาเกี่ยวด้วย” พีระหันมาโวย

น้ำมนต์บอกว่าอย่าทำอย่างนี้ เพราะเขารับปากแล้วว่าจะกลับเข้าร่าง พีระบอกว่าไม่อยากให้ใครต้องตายเพราะตนอีก ก็พอดีงอแงโทร.เข้ามือถือน้ำมนต์ เธอดีใจมากรีบกลับไปหาพิมพ์ดาวแล้วกดสปีกเกอร์ให้ฟังกัน

“งอแง ข้าวต้ม พวกเธออยู่ไหน เป็นยังไงบ้าง” น้ำมนต์รีบถาม

“เราขังตัวเองอยู่ในห้องนอนค่ะ พวกมันเข้ามาไม่ได้ พวกพี่รีบมาช่วยเราด้วยนะคะ”

“พวกเธออยู่ในห้องอย่างนั้นนะ ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด พี่จะรีบไปช่วยเดี๋ยวนี้” พอวางสาย น้ำมนต์บอกทุกคน “ดาว...แกอยู่ดูแลอัฐที่นี่ ฉันจะไปจัดการเอง”

“หยุดเลย” พีระจับแขนน้ำมนต์ไว้ “คุณอยู่ที่นี่ ที่เหลือปล่อยเป็นหน้าที่ผีเอง” พีระพูดเด็ดขาดแบบห้ามต่อรอง

ooooooo

คืนนี้เองน้ำมนต์ก็โทร.ถึงเมสินี พอรับสาย เมสินีขู่ทันทีว่าไม่ต้องอารัมภบท บอกมาเลยว่าพีระอยู่ไหน แล้วจะส่งน้องชายเธอให้ถึงหน้าบ้านเลย

น้ำมนต์รีบรับคำ แต่ถามว่า “แล้วคุณจะทำอะไรพีระคะ เขาเป็นลูกคุณไม่ใช่หรือ หรือว่า...คุณจะฆ่า

พีระเหมือนที่คุณวางแผนฆ่าคุณธีระศิลป์ใช่ไหมคะ”

เมสินีตัดบทว่าตนจะไม่ต่อรองอะไรกับเธออีก ถามว่าจะบอกหรือไม่บอก น้ำมนต์ถามอย่างเป็นต่อว่า

“แน่ใจหรือคะว่าจะไม่ต่อรอง คุณรู้หรือเปล่าว่ามือถือของฉัน อัดเสียงได้” เมสินีตกใจ น้ำมนต์ถามเย้ยว่า “อยากฟังเสียงตัวเองคนเดียวหรือฟังพร้อมคนทั่วประเทศดีคะ... ปล่อยน้องชายฉันภายในหนึ่งชั่วโมง ไม่อย่างนั้น สวัสดีโซเชียลแคมมมม” พูดแล้วตัดสายทันที หันมองพีระที่ยืนให้กำลังใจอยู่ แท็กมือกันอย่างสะใจ

“เยี่ยมมาก ไม่เสียแรงที่เรียนการแสดงมา”

“ต้องขอบใจแผนการของผีมากกว่า”

ส่วนเมสินีแค้นแทบกระอักเลือด คำราม “น้ำมนต์! แกคิดจะลองดีกับฉันงั้นเหรอ!!”

น้ำมนต์ร้อนใจที่ไม่เห็นเมสินีโทร.กลับมา เป็นห่วงข้าวต้มกับงอแงกลัวเมสินีจะไม่ยอมปล่อย ชวนพีระไปบ้านเมสินีกันไหม พีระดึงมือไว้บอกให้ใจเย็นๆ

นี่เพิ่งผ่านไปแค่ห้านาทีเอง ปลอบใจว่า เด็กๆไม่เป็นอะไรหรอก ให้สัญญาว่าตนจะไม่ทิ้งเด็กสองคนแน่

เมสินีไม่โทร.กลับหาน้ำมนต์ แต่โทร.ตามตัวอาจารย์เทพไปพบด่วน บอกให้สั่งสอนเด็กอวดดีให้ที

หลังจากนั้นไม่นาน แจ๊วกับเจี๊ยบที่ดูแลอัฐชัยอยู่ก็ร้องลั่นออกมาว่า

“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย...คุณอัฐตายแล้ว!!”

ooooooo

น้ำมนต์วิ่งเข้าไป เห็นพิมพ์ดาวกำลังช่วยอัฐชัยอยู่ เธอถามว่าอัฐชัยเป็นอะไร

“ฉันก็ไม่รู้ อยู่ดีๆอัฐก็มีอาการรุนแรงมากขึ้น แกดูคออัฐสิ มันเป็นอย่างนี้แล้วก็ค่อยๆกว้างขึ้นเรื่อยๆ” พิมพ์ดาวเปิดให้ดูคออัฐชัยที่เป็นสีดำคล้ำช้ำเลือดช้ำหนอง

“ต้องเป็นเพราะไสยศาสตร์ที่อยู่ในตัวอัฐแน่” พีระบอก เจี๊ยบถามว่าอัฐชัยสวมพระไว้ยังเอาไม่อยู่อีกหรือ หมอผีที่ไหนถึงได้แก่กล้าอาคมขนาดนี้ “จะมีใคร ถ้าไม่ใช่อาจารย์เทพ” พีระฟันธง เมสินีที่คุมอาจารย์เทพปลุกเสกคุณไสยอยู่บนดาดฟ้าสั่งเหี้ยมว่า

“ทำให้มันรู้ว่าฉันไม่ใช่คนที่พวกมันจะมาต่อรองด้วย!”

อัฐชัยอาการทรุดลงทุกทีจนมือเป็นสีดำ พิมพ์ดาวพร่ำบอกเขาอย่าเป็นอะไร...อย่าเป็นอะไร...พีระทนดูไม่ได้บอกน้ำมนต์ให้โทร.หาเมสินีเดี๋ยวนี้ บอกสิ่งที่เมสินีอยากรู้ไปเลย น้ำมนต์ตกใจถามว่า แล้วตัวเขาล่ะ

“ช่างผมเถอะ แต่จะเอาชีวิตเพื่อนคุณ ข้าวต้มกับงอแงมาแลกไม่ได้” น้ำมนต์ไม่โทร. “น้ำมนต์...ยังไงผมก็ต้องตายอยู่แล้ว อย่าให้มีใครมาตายเพราะผมอีกเลย ผมขอร้อง” เมื่อน้ำมนต์ยังไม่ยอมโทร. พีระตัดสินใจ “งั้นผมไปเอง” แล้ววิ่งไปเลย

“ถ้านายไป ฉันไปด้วย ฉันจะไม่ทิ้งนาย” น้ำมนต์วิ่งตามไป ถูกพีระด่าอย่างี่เง่า “นายนั่นแหละงี่เง่า นายรับปากแล้วว่าจะเข้าร่าง แล้วทำไมจะต้องพร้อมยอมตายตลอดเวลาขนาดนี้ด้วย พีระ นายบอกเองนะว่าเราต้องมีสติถึงจะคิดแผนการได้ นายก็ต้องมีสติ ถ้าเราช่วยกันคิด มันต้องมีทางออก”

มือถือน้ำมนต์ดังขึ้น เธอไม่กล้ารับสายกลัวพีระจะหนี จนเขาต้องบอกว่า “ผมไม่หนีหรอก รับเถอะ”

เป็นสายจากเมสินี บอกว่าจะให้เวลาถึงพรุ่งนี้เที่ยง ถ้าตนยังไม่ได้สิ่งที่ต้องการก็ไม่รับประกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนเธอ ส่วนเด็กสองคนนี้ ก็ให้เธอรอลุ้นเป็นเซอร์ไพรส์ก็แล้วกัน

วางสายจากเมสินี น้ำมนต์หน้าเครียด จับแขนพีระบอกว่า “เรามีเวลาถึงพรุ่งนี้เที่ยง...”

ooooooo

พีระกับน้ำมนต์พากันไปหาแมนสรวงที่หน้าบ้านเพื่อขอให้ช่วย แมนสรวงพูดอย่างเย็นชาไร้เยื่อใยว่า

“ทำไมฉันต้องช่วยนาย” พีระขอให้เห็นแก่เด็กสองคนกับอัฐชัย “มันก็แล้วแต่บุญและกรรมของสามคนนั้น และฉันไม่จำเป็นต้องช่วยผีเห็นแก่ตัวอย่างนาย”

ระหว่างนั้น น้ำมนต์ก็ร้องไห้คร่ำครวญเป็นห่วงข้าวต้มกับงอแง แมนสรวงก็ยังใจแข็ง จนพีระบอกว่าถ้าช่วยน้ำมนต์ครั้งนี้ตนก็จะช่วยเขาตอบแทน โดยจะช่วยให้เอมี่เลิกกลัวเขา

พอพูดถึงเอมี่ แมนสรวงก็เสียงอ่อนลง แต่ก็ยังวางฟอร์ม น้ำมนต์เลยเลิกร้องไห้ถามเสียงเข้มว่า

“จะช่วยไม่ช่วย ถ้าไม่ช่วย พี่เอมี่จะไม่ใช่แค่รังเกียจคุณ แต่ฉันจะใส่ไฟให้พี่เอมี่กำจัดคุณออกไปจากชีวิต ชาตินี้ไม่ต้องได้พบเจอกันอีกเลย”

แมนสรวงอึ้งอย่างไม่มีทางเลือกเมื่อกลับเข้าไปในบ้านเห็นพิมพ์ดาวยังดูแลอัฐชัยอยู่อย่างเป็นห่วง น้ำมนต์บอกพิมพ์ดาวให้พักเสียบ้างเถอะ

“ฉันไม่เป็นไร ฉันจะสวดมนต์ให้อัฐ เผื่อว่ามันจะช่วยอะไรได้บ้าง”

“ถ้านายอัฐชัยหายดี หวังว่าเขาจะเห็นความรักของพิมพ์ดาวเสียทีนะ” พีระคาดหวังกับน้ำมนต์

เมื่อกลับเข้าห้องนอน น้ำมนต์เองก็เครียดนอนไม่หลับ จนพีระต้องหว่านล้อมและร้องเพลงกล่อมเธอจึงค่อยผ่อนคลายและหลับไปอย่างอ่อนเพลีย

ooooooo

ที่ดาดฟ้าบ้านเมสินี เกี๊ยงกระเด็นออกจากธัมไดรฟ์ของอาจารย์เทพ พอตั้งหลักได้เห็นอาจารย์เทพ เกี๊ยงก็คำราม

“แก!!!”

เกี๊ยงทำท่าจะพุ่งเข้าใส่ แต่กลับขยับเขยื้อนไม่ได้เพราะอาจารย์เทพใช้อาคมสะกดเอาไว้

“เกี๊ยง...ไอ้เกี๊ยง พลังของไอ้คามินมันทำให้แกคลั่งไคล้มันแต่แกต้องเอาความทรงจำตัวเองกลับมา... มองหน้าฉัน!! จำไม่ได้เหรอว่าตอนมีชีวิตอยู่ แกกับฉันผ่านอะไรมาด้วยกันมาตั้งมาก”

“ฉันไม่รู้จักแก ฉันรู้จักแต่ท่านคามิน มายไอดอล!”

“ตอนแกสี่ขวบ แกถูกพ่อกับแม่ทิ้ง ฉันนี่แหละที่เป็นคนเอาแกมาเลี้ยงเหมือนลูก ฟูมฟักแกด้วยความรักและอาคม แกถึงได้เป็นคนกะทัดรัดขนาดกำลังดีอย่างนี้” เมื่อเกี๊ยงยังจำไม่ได้ อาจารย์เทพถามใหม่ “แกจำเพลงนี้ได้ไหม เพลงที่แกชอบให้ฉันร้องให้ฟังตอนเด็กๆ” แล้วอาจารย์เทพก็บีบเสียงแหลมเป็ดร้องให้ฟัง “เสียงงงงง...รถด่วนขบวนสุดท้าย...แว่วดังฟังแล้วใจหาย หัวใจน้องนี้แทบขาดดดดด...”

เกี๊ยงตะลึงอึ้งน้ำตารื้นเมื่อรู้สึกคุ้น กระทั่งร้องออกมาประสานไปกับอาจารย์เทพ ร้องไม่ทันจบเพลงเกี๊ยงก็จำได้

“อาจารย์เทพ!!!” แล้วโผกอดอาจารย์เทพร้องไห้คร่ำครวญ เมสินีเดินมาเห็น ยืนมองอึดใจเดียวก็ถามอย่างรำคาญ

“จะดราม่าอีกนานไหม ฉันมีเรื่องให้จัดการ”

ooooooo

เมื่อมีสติก็ช่วยกันคิดแผนการออก พีระกับน้ำมนต์จึงพากันไปที่หน้าบ้านเมสินี พีระให้น้ำมนต์คอยดูลาดเลาตรงนั้นแต่น้ำมนต์อยากทำอะไรมากกว่านั้น

“คุณเดินทะลุประตูไม่ได้ คุณจะถูกพวกมันมองเห็นแล้วมันจะทำให้ผมห่วงหน้าพะวงหลัง เชื่อผมนะ ดูแลตัวเองให้ปลอดภัย แล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ผีจัดการนะ เราจะพาเด็กสองคนออกมาให้ได้...ผมสัญญา ถ้ามีเหตุการณ์ร้ายแรงหรืออันตรายเกินควบคุม ผมจะรีบหนีเอาตัวรอด ปล่อยให้ยมทูตรับหน้าไป โอเคไหม”

น้ำมนต์จำนนด้วยเหตุผล แต่ก็คิดที่จะทำอะไรมากกว่ายืนดูลาดเลา เธอมองกริ่งประตูอย่างมีแผนแต่พอพีระกับแมนสรวงจะเข้าไปในบ้านจริงๆก็เจอกับบรรดาผีที่อาจารย์เทพเอามายืนรักษาการณ์อยู่ตามจุดต่างๆ บ้างสอดส่องมองดู บ้างมีกล้องส่องทางไกลดักจับผู้บุกรุก

แมนสรวงเสนอว่าเราต้องหาวิธีเบนความสนใจของพวกมันไปทางอื่น พีระเลยถีบแมนสรวงกระเด็นไปเรียกความสนใจจากพวกผี ผีที่ส่องกล้องเห็นชี้ให้ผีอื่นจับตัวแมนสรวงไว้ พวกผีกรูกันเข้ามา แมนสรวงเลยต้องวิ่งอ้าวหนีไป

ส่วนงอแงกับข้าวต้มขังตัวเองอยู่หลายชั่วโมงข้าวต้มบ่นว่าไม่มีอะไรตกถึงท้องเจ็ดชั่วโมงห้าสิบนาทีสิบวินาทีแล้วงอแงบอกว่าเราจะไม่ทนอยู่อย่างนี้ เราต้องหาทางหนี!

ทันใดนั้น เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น ละไมไปเปิดประตูเจอน้ำมนต์ยืนอยู่บอกว่า “ฉันมาขอพบคุณเมสินี”

เมสินีกำลังทุบประตูขู่เด็กทั้งสองว่าถ้าไม่ยอมออก มาดีๆจะให้หมอผีเสกผีมาหักคอ ถามว่าจะออกไม่ออก!!ก็ พอดีละไมมาบอกว่าน้ำมนต์มาขอพบ เมสินีจึงผละไป พอได้ยินเสียงฝีเท้าเดินไป งอแงบอกข้าวต้มว่าได้เวลาของเราแล้ว

“เค้าพร้อมลุย” ข้าวต้มเอาผ้ามาคาดหน้าผากยืนเท่

ส่วนพีระเข้าไปในบ้านโผล่ไปทางไหนก็เจอแต่ผียืนเฝ้าอยู่ เลยตัดสินใจถอยหลังทะลุผนังไป เจ้ากรรม! ดั๊น...ทะลุเข้าไปในห้องส้วมที่อาจารย์เทพกำลังนั่งถ่ายอยู่พอดี พีระตกใจ อาจารย์เทพรีบหนีบขาด่า

“จะโผล่มาให้เจอก็ไม่เลือกเวล่ำเวลาเลยใช่ไหมไอ้ผีพีระ”

“แหะๆ ปลดทุกข์ตามสะดวกนะจารย์” แล้วพีระก็พุ่งทะลุประตูไปทันที

ooooooo

เมื่อมาพบกับน้ำมนต์ที่ห้องรับแขก เมสินีถามว่าของที่ตนต้องการอยู่ไหน น้ำมนต์เอามือถือมาเปิดเสียงให้ฟังเป็นเสียงที่เมสินีคุยโทรศัพท์กับน้ำมนต์ วันก่อนจริงๆ

เมสินีถามว่าน้ำมนต์ไม่ได้ก๊อบปี้ไว้แน่นะ น้ำมนต์ย้อนว่าตนมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ละอายถ้าต้องสตรอเบอรี่โกหก สร้างภาพ หลอกลวงผู้คนไปวันๆเหมือนคนบางคน

เมสินีจะหยิบมือถือนั้น น้ำมนต์ดึงกลับถามว่าน้องชายตนกับงอแงอยู่ไหน

“วางมือถือลงและบอกฉันมาว่าร่างนายพีทอยู่ไหนเธอจะได้ตัวน้องชายเธอคืนเมื่อคนของฉันเจอร่างของนายพีท”

ต่างฝ่ายก็มีเงื่อนไขของตน เมื่อเมสินีไม่ยอมน้ำมนต์จึงจะกลับ แต่พอลุกก็ถูกคนของเมสินีล้อมไว้

“คิดว่าเธอจะได้กลับออกไปงั้นเหรอ?!”

“การที่ฉันไว้ใจคุณ มันเป็นเรื่องที่สะท้อนว่าฉันเป็นคนโง่มากจริงๆ” เมสินีเย้ยว่าถ้าไม่อยากโง่ซ้ำซ้อนก็บอกที่ซ่อนร่างพีระมา “คุณจะได้ตามไปฆ่าเขา เพราะคุณกลัวว่าพีระจะมาแฉความผิดของคุณและเอาทรัพย์สินทุกอย่าง

รวมถึงสถานีพราวด์ดิจิตัลที่คุณปล้นจากพ่อเขาคืนไปใช่ไหม”

“มันไม่ใช่ธุระของเธอ!! น้ำมนต์ ไอ้พีทมันฆ่าแม่เธอนะ มันขับรถชนแม่เธอ เธอยังจะไปช่วยมันเพื่ออะไร ไม่อยากเห็นคนทำผิดได้รับกรรมเหรอ มันสมควรตายเพื่อชดใช้ความผิดให้แม่เธอ”

“ไม่!! ความตายไม่ใช่การชดใช้ คนที่มีสำนึกแล้วใช้โอกาสใหม่ที่ได้รับทำสิ่งที่ดีและเป็นประโยชน์ นั่นต่างหากคือการชดใช้ความผิด ความตายเหมาะสมกับคนชั่วที่ไร้สำนึกอย่างคุณเท่านั้น”

เมสินีกระชากแขนน้ำมนต์เงื้อมือขู่ว่าตนดูคลิปนักเรียนตบกันมาเยอะแล้ว ตนทำได้ทุกอย่าง อยากจะลองใช่ไหม น้ำมนต์สมเพชว่าคลิปดีๆ มีให้ดูไม่ดู เรื่องดีๆมันซึมไม่เข้าสมองคุณเลยใช่ไหม เมสินีได้แต่ยกมือค้างจ้องน้ำมนต์อย่างอาฆาตแล้วจับน้ำมนต์เหวี่ยงไปที่โซฟาคำราม

“เธอจะไม่มีวันได้ออกไปจากที่นี่จนกว่าฉันจะได้สิ่งที่ต้องการทุกอย่าง ลุก! แล้วพาฉันไปหาร่างนายพีทเดี๋ยวนี้”

เมื่อน้ำมนต์ปฏิเสธ เมสินีสั่งละไมให้ไปบอกอาจารย์เทพทำคุณไสยใส่เด็กสองคนให้ตายอย่างหาสาเหตุไม่ได้ เมื่อตำรวจหาหลักฐานไม่ได้ก็ไม่คิดว่าเป็น การฆาตกรรมและสรุปว่าตายเพราะโรคประหลาดสั่งละไมแล้วตวาดสั่งน้ำมนต์
“พาฉันไปหาร่างนายพีท นี่คือโอกาสสุดท้ายของเธอ”

ooooooo

ฝ่ายแมนสรวงถูกผีกรูมารุมล้อมก็จัดการส่งวิญญาณหายไปจนหมด พลันก็เห็นเกี๊ยงเดินเข้ามา แมนสรวงจำได้ถามว่าเกี๊ยงตายไปแล้วหรือ

“ใช่ และฉันก็จำทุกอย่างได้ว่าแกกับไอ้พีระคือศัตรูหมายเลขหนึ่งของอาจารย์เทพ และแกต้องถูกกำจัด”

แมนสรวงจะส่งวิญญาณเกี๊ยง แต่ถูกเกี๊ยงยกมือพรึ่บเดียวก็มีพลังมากระชากแขนแมนสรวงจนเซเสียหลัก แมนสรวงตะลึงไม่นึกว่าเกี๊ยงจะมีอาคม พลันก็ถูกเกี๊ยงเหวี่ยงกระเด็นไปกระแทกผนังหล่นมาดังอั๊ก!!

งอแงกับข้าวต้มวางแผนสู้กับลูกน้องเมสินีที่มาเฝ้าอยู่ งอแงเปิดประตูแกล้งร้องไห้เข้าไปหาพอมันยื่นหน้ามา ถามว่าออกมาได้แล้วหรือ งอแงก็เอาที่หนีบผมผู้หญิงที่ซ่อนไว้ข้างหลังหนีบหมับเข้าที่จมูกมัน ข้าวต้มก็เอาไดร์เป่าผมทำเป็นปืนมาจ่อหน้ามันแผดเสียงอย่างจอมยุทธ์ “ปืนพลังความร้อน!! ย้าก!!”

น้ำมนต์ได้ยินเสียงข้าวต้มจะวิ่งไปถูกเมสินีจับแขนเหวี่ยงกลับมา สั่งลูกน้องให้ไปดูถ้าเด็กสองคนออกจากห้องก็ให้จับมาให้ตน พีระก็ได้ยินเสียงของข้าวต้มจะวิ่งไปดู พลันก็ถูกพลังที่มองไม่เห็นกระชากกลับมากระแทกผนังร่วงไปกองกับพื้น

“ฉันจะส่งวิญญาณแกไปนรกเอง!” ฝีมืออาจารย์เทพนั่นเอง

งอแงกับข้าวต้มสู้กับลูกน้องเมสินีด้วยอาวุธแบบเด็กๆเท่าที่หาได้ พอลูกน้องเมสินีอีกคนวิ่งมา ข้าวต้มก็ล้วงฟ็อกกี้ขึ้นมาตะโกน “ปืนผงซักฟอก!!” ฉีดใส่มันแล้วพากันวิ่งหนีอาจารย์เทพสวดคาถาเล่นงานพีระจนร่างติดไฟพรึ่บ พีระดิ้นอย่างเจ็บปวด

“ฮ่าๆๆ ดิ้นเข้าไป ไฟอาคมไม่มีวันดับได้ จนกว่าฉันจะทำให้มันดับ วิญญาณแกจะต้องหมกไหม้ไม่เหลือชิ้นดี”

“โอ๊ย...” พีระดิ้นพราดๆ น้ำมนต์ได้ยินเสียงพีระจะลุกก็ถูกละไมที่ยืนคุมอยู่ขู่ว่าถ้าลุกมีตบ! แต่กลับถูกน้ำมนต์ตบกลิ้งแล้วพุ่งเข้าผลักเมสินีวิ่งหนีไป ข้าวต้มกับงอแงวิ่งมาเจอพีระก่อน ข้าวต้มพุ่งเข้าชนอาจารย์เทพล้มแล้วกระโดดคร่อมขย่มด่า

“ไอ้หมอผีหน้าโหดกล้าทำร้ายพี่พีระได้ยังไงต้องเจอสั่งสอน” แล้วขย่มกระแทกท้องอาจารย์เทพ พลางตะโกน “ช้างกระทืบโรง!! นี่แน่ะ...นี่แน่ะ!!” ส่วนงอแงก็วิ่งเอาขวดพริกป่นโรยใส่หน้าอาจารย์เทพ จนแสบตาร้องลั่น

ไฟที่ตัวพีระค่อยๆดับลง แต่พีระก็ยังเจ็บซมอยู่ น้ำมนต์วิ่งเข้ามาถามว่าเจ็บมากไหม พีระกัดฟันบอกว่าไม่เป็นไร รีบไปกันเถอะ น้ำมนต์หันเรียกข้าวต้มกับงอแงหนีไปด้วยกัน

อาจารย์เทพวิ่งกุมตาซมซานไปร้องขอน้ำล้างตาเมสินีพรวดมาขวางชักปืนขู่ไม่ให้พวกน้ำมนต์ออกไปจากที่นี่ พีระพุ่งไปจับมือเมสินีบิดหันไปทางลูกน้องเธอแล้วบอกให้ยิงเลย พลางบอกน้ำมนต์ให้รีบพาเด็กๆออกไป ลูกน้องเมสินีมาขวาง ข้าวต้มเลยเอาปืนฟ็อกกี้ยิงผงซักฟอกใส่พวกมันน้ำเข้าตาพวกมันปิดตาร้องกันระงม

น้ำมนต์รีบพาเด็กๆออกไป เหลือแต่เมสินีกับพีระอยู่ตรงนั้น พีระปลดปืนเมสินีแล้วผลักเธอออกจ้องหน้าดุดัน

เกี๊ยงผยองคิดว่าอาคมตนเล่นงานแมนสรวงได้ ที่แท้ถูกแมนสรวงหลอก แมนสรวงหลอกล่อเกี๊ยงแล้วชกเปรี้ยงเดียว เกี๊ยงก็กลิ้งโค่โล่ แมนสรวงเดินเข้าไปสั่งสอนว่า

“คิดว่าอาคมแกจะทำอะไรยมทูตได้เหรอ มนุษย์แอ๊บเป็นคนดีได้ฉันก็แอ๊บเป็นยมทูตกระจอกได้เหมือนกัน แล้วรู้รึเปล่าว่าข้อดีของการเป็นคนกระจอกคืออะไร

คือคนจะไม่รู้ไงว่าจริงๆแล้วเราเก่งมากมันก็จะประมาทและมันก็จะติดกับ เตรียมไปนรกได้เลยไอ้หนู”

เกี๊ยงตกใจร้องลั่น “ไม่นะ...ไม่!!” แล้ววิ่งหนีถูกแมนสรวงตามจับได้ แต่พอดีน้ำมนต์พาข้าวต้มกับงอแงวิ่งผ่านมา แมนสรวงหันมองเลยถูกเกี๊ยงผลักออกแล้ววิ่งหนีหายไป แมนสรวงเซ็งแต่ต้องรีบไปช่วยน้ำมนต์ วิ่งไปจับพวกลูกน้องเมสินีที่ไล่ตามน้ำมนต์มา จับหัวมันสองคนโขกกันจนสลบ แล้วเร่งให้พวกน้ำมนต์รีบหนีไป

“คุณยมทูตใช่ไหม พีระยังไม่ออกมาเลย”น้ำมนต์เป็นห่วง งอแงเร่งให้รีบหนีไปก่อน น้ำมนต์จึงต้องวิ่งไป

ooooooo

เมสินีวิ่งหนีพีระแต่ถูกเขาจับเหวี่ยงกลับมา เมสินีระเบิดระบายความคับแค้นออกมาว่า ธีระศิลป์จะยกสถานีพราวดิ์ดิจิตัลที่ตนสร้างขึ้นมาให้เขาและตนเป็นเพียงผู้ช่วยเขาเหมือนอย่างที่เป็นผู้ช่วยธีระศิลป์ ตนจึงต้องฆ่าเขาเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนควรได้ พีระประกาศว่าเธอฆ่าพ่อฆ่าตน เธอต้องชดใช้! เมสินี ร้องเสียงหลงว่าอย่าฆ่าตน

“กลัวด้วยเหรอ เวลาที่แกทำกับคนอื่น แกเคยเห็นความกลัวตายของคนอื่นไหม แกเคยปรานีให้พวกเขาบ้างไหม ทำไมต้องฆ่าพ่อ ทำไมต้องทำลายครอบครัวฉัน”

พอดีน้ำมนต์วิ่งเข้ามาร้องห้ามพีระ ทำให้พีระที่เล็งปืนใส่เมสินีอยู่ชะงัก น้ำมนต์หว่านล้อมพีระว่า

“อย่าฆ่าคน...นายต้องไม่ฆ่าคน ความตายไม่ใช่การชดใช้ มันแค่ความสะใจของพวกบ้าคลั่งความรุนแรง แต่นายไม่ใช่ นายไม่ได้มีจิตใจเหี้ยมโหดเหมือนคนพวกนั้น โลกนี้มีคนบ้าสงครามกระหายเลือดมากพอแล้ว นายอย่าเป็นอย่างพวกเขาเลย ฉันขอร้อง”

“ผมเป็นคนอย่างนี้ ผมเป็นพวกบ้าความรุนแรงแต่ไหนแต่ไรแล้ว”

“ไม่ใช่...นั่นคืออดีต แต่ตอนนี้นายเปลี่ยนไปแล้ว นายเป็นคนอ่อนโยน นายเป็นผีที่น่ารัก นายฆ่าคนไม่ได้” น้ำมนต์เดินมาถึงตัวพีระพยายามเรียกสติเขา “พีระ...มองหน้าฉัน ยิ้มสิ...จะอึดอัดหรือเครียดอะไรให้ยิ้มเข้าไว้ แล้วทุกอย่างจะเบาขึ้น โลกจะน่าอยู่ขึ้น” น้ำมนต์จับมือพีระบอก “ยิ้มให้ฉันนะ...” พลางปลดปืน พีระยิ้มทั้งที่น้ำตาไหล น้ำมนต์ดึงเขาเข้าไปกอดไว้

เมสินีฉวยโอกาสนั้นวิ่งหนีไป...

ooooooo

คุณผีที่รัก

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด