ตอนที่ 12
อัลบั้ม: นิยายเรื่อง "คุณผีที่รัก"
ยุทธเอาเอกสารเกี่ยวกับประวัติของน้ำมนต์ให้เมสินีดู เธอบ่นว่าเอกสารเยอะแยะแต่ไม่เห็นประวัติน้ำมนต์จะมีอะไรไรน่าสนใจหรือมีประโยชน์เลย พ่อทิ้ง แม่ตาย เลี้ยงน้องคนเดียว
“คุณเมลองดูวันที่แม่ของน้ำมนต์ประสบอุบัติเหตุก่อนสิครับ”
พอเมสินีดูก็ทึ่งเพราะวันที่แม่น้ำมนต์ตายตรงกับวันเกิดตนพอดี! ยุทธเอาเอกสารให้ดูอีก
“นี่เป็นบันทึกเหตุการณ์ของตำรวจ ตรงนี้ เขียนว่า มีรถต้องสงสัยว่าเป็นต้นเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้” ยุทธชี้ให้ดูรุ่นรถ สีรถ และทะเบียนรถ เมสินีอุทานว่านี่มันรถที่ธีระศิลป์ซื้อให้ตน! ยุทธถามว่า “แล้ววันนั้นจำได้ไหมครับว่า ใครขโมยรถคุณไปขับ”
พอเมสินีพึมพำว่า...นายพีท ยุทธก็รีบสรุป “ใช่ครับ...คุณพีทเป็นต้นเหตุทำให้แม่น้ำมนต์ตาย”
ooooooo
เอมี่ไปนั่งดื่มอย่างกลัดกลุ้มที่รายการทั้งหมดของบริษัทตนถูกถอดออกหมด ทันใดนั้นแมนสรวงก็โผล่มานั่งด้วย
“ไม่ต้องคิดจะเอารายการคืนผจญผีไปเสนอทีวีช่องไหนหรอกครับ” แมนสรวงเอ่ย แล้วบอกว่า “เชื่อเถอะครับ ว่าทุกรายการของบริษัทคุณต้องได้อยู่ที่สถานีพราวด์ดิจิตัลต่อไป เพราะอะไรทราบไหมครับ”
แมนสรวงยกแก้วชูรอ เอมี่หมั่นไส้แต่ก็ยกแก้วขึ้น แมนสรวงคล้องแขนตัวเองไขว้กับเอมี่ ทำให้ใกล้ชิดกันมาก แล้วบอกเธอว่า
“เพราะผีพีระคือลูกชายเจ้าของสถานี”
“จริงด้วย...ถ้าพีระฟื้น เขาก็ต้องช่วยน้ำมนต์และบริษัทฉันด้วย” เอมี่ดีใจมาก แมนสรวงยิ้มเท่ให้แล้วดื่มกันอย่างชื่นมื่น
ดื่มฉลองกันแล้ว ทั้งสองพากันเดินไปตามถนนสวย...บรรยากาศดี เอมี่ที่กำลังกรึ่มได้ที่ โยนกระเป๋าถือให้แมนสรวงบอกว่าเป็นแฟนก็ต้องถือกระเป๋าให้ แล้วยังเอนซบต้นแขน รำพึงอย่างมีความสุข...ขอบใจเขาที่ทำให้ตนมีความสุขมาก
แมนสรวงบอกว่าความสุขของเจ๊คือความสุขของตน เอมี่ถามว่าที่มาจีบตนนี่จีบจริงหรือหน้ามืด
“ก็รู้สึกถูกชะตา รู้สึกสบายใจ อยากคุยด้วย อยากเป็นกำลังใจ” เอมี่ฟังแล้วประคองหน้าเขาถามว่า อยากจูบตนไหม แมนสรวงผงะ เอมี่เปิดทางเต็มที่ บอกว่ารุ่นนี้แล้วกำลังใจไม่ต้อง ขอจูบอย่างเดียว แล้วจะให้เขาจูบให้ได้ เมื่อไม่ทันใจก็ไล่จะไปไหนก็ไป
“พยายามไล่ผมออกไปจากชีวิตเหรอครับ งั้นผมไม่ไป ผมจะอยู่กับพี่ ผมเหลือเวลาอีกแค่ 8 วัน แล้วผมจะไม่อยู่กวนประสาทเจ๊แล้ว ไม่ต้องห่วง”
เอมี่ถามว่าทำไมต้องแปดวัน จะตายแล้วรึไง แมนสรวงบอกว่าคล้ายๆ ตายแต่เป็นการไปเกิดใหม่
“เกิดใหม่? เออ...ดีนะ ได้เกิดใหม่แล้วก็ขอให้เป็นผู้เป็นคนหน่อยนะจะได้ไม่เป็นภาระของสังคม” แต่พอเห็นแมนสรวงเศร้าก็ถามว่า “เศร้าทำไม นายจะอยู่อีก 8 วันจริงๆเหรอ ไม่จริงหรอก อย่ามาอำ”
แมนสรวงชวนไปเดินเล่นกันดีกว่า แล้วจับแขนเอมี่ไปคล้อง กดหัวให้ซบแขนตัวเอง เอมี่ทำจิ๊จ๊ะแต่แอบชอบพึมพำ
“อีก 8 วัน นายจะตายหรือ” แมนสรวงไม่ตอบ แต่พากันเดินไปบนถนนกว้างสวยงามในยามค่ำคืนอย่างมีความสุข
ooooooo
น้ำมนต์ปรารภว่าเหลือเวลาอีกเพียง 8 วันก็จะครบหนึ่งเดือนที่พีระกลายเป็นวิญญาณบริสุทธิ์แล้ว พีระบอกว่าเสาร์หน้าคือวันสุดท้ายของตน
“วันสุดท้ายที่นายเป็นผี หลังจากนั้นนายจะได้กลับเข้าร่างและมีชีวิตตามปกติสุขอีกครั้ง” พีระถามว่าถ้าเสาร์หน้ายังหาร่างตนไม่เจอเธอจะคิดถึงตนอยู่ไหม น้ำมนต์ทำเสียงดุว่า “อย่าพูดจาให้เป็นลาง”
“ก็อย่าคิดว่ามันเป็นลางสิ มันคือการเตรียมตัวให้พร้อมกับชีวิต ยิ่งรู้ว่าเวลาผมเหลือน้อยแค่ไหน ผมก็ยิ่งต้องใช้มันให้คุ้มค่า แค่ 8 วันเท่านั้น” น้ำมนต์ชวนให้รีบไปหาลุงสนกันเลยเผื่อจะรู้ว่าร่างเขาอยู่ที่ไหน พีระจับเธอไว้บอกว่าไม่ต้องรีบขนาดนั้น น้ำมนต์ติงว่าก็เขาบอกเองว่าต้องใช้เวลาให้คุ้มค่า พีระถามอ่อนโยนว่า “แล้วใครว่าตอนนี้ไม่คุ้มค่าล่ะ...”
พีระปัดปอยผมที่ปรกหน้าผากของน้ำมนต์มองอย่างเอ็นดู ทะนุถนอม บอกเธอว่า
“การได้อยู่กับคุณคือการใช้เวลาที่คุ้มค่าที่สุดนะ”
น้ำมนต์ใจหาย จึงเดินแยกไป พีระเดินตามเธอหันบอกเขาว่า “ฉันจะไม่คิดถึงนาย เสาร์หน้าถ้านายยังกลับเข้าร่างไม่ได้ ฉันจะลืมนายทันที ถ้าอยากให้ฉันจำนายได้ต่อไป นายต้องกลับเข้าร่างให้ได้สถานเดียว เข้าใจไหม”
พีระบอกว่าตนเข้าใจ แต่เธอเข้าใจไหมว่า... น้ำมนต์ตัดบททันที “ฉันไม่เข้าใจ และฉันไม่อนุญาตให้นายเข้ามาทิ้งความทรงจำดีๆไว้กับฉัน แล้วก็หายตัวไปอย่างคนไม่รับผิดชอบ ฉันไม่อยากอยู่กับความทรงจำดีๆ ที่ไม่มีนาย”
“น้ำมนต์...” พีระครางเบาๆ
“ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันรู้สึกอย่างนี้กับนายได้ยังไง ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ฉันก็รู้สึกไปแล้ว พีระ...รับปากได้ไหมว่าจะไม่หายไป นายจะฟื้นและกลับมาเป็นความทรงจำดีๆให้ฉันต่อไป รับปากสิ...เป็นอะไร ทำไมถึงไม่รับปาก”
พีระหันหนีไม่กล้าสู้หน้าน้ำมนต์ พอถูกน้ำมนต์จี้หนักเข้าก็ทนไม่ได้บอกว่า
“ผมไม่ใช่ความทรงจำดีๆของคุณ ผมอยากฟื้น ผมอยากอยู่กับคุณ แต่ผมนี่แหละที่จะทำให้คุณเจ็บเจียนตาย”
พีระเดินหนี น้ำมนต์เดินไปขวางหน้า ต่างผงะเพราะหน้าเกือบชนกัน น้ำมนต์มองอย่างขอร้อง พีระพูดไม่ออกเลยเดินทะลุน้ำมนต์ไป น้ำมนต์ยืนอึ้ง เศร้า กับความรู้สึกที่ยังหาคำตอบไม่ได้
ooooooo
พิมพ์ดาวยังรุกอัฐชัยอย่างไม่ย่อท้อ คืนนี้เห็นพระจันทร์เต็มดวงก็โทร.ไปชวนอย่างอ่อนหวานให้ดูพระจันทร์กัน ชวนจนอัฐชัยบ่นอย่างเหลืออดเหลือทนว่าตนทำเวรทำกรรมอะไรไว้เนี่ย?
เวลาเดียวกัน ที่หน้าบ้าน้ำมนต์ พีระก็นอนเครียดอยู่ที่แคร่หน้าบ้าน น้ำมนต์เดินมายืนพูดข้างๆว่า
“ฉันนอนไม่หลับ ฉันคิดถึงแต่คำพูดนาย ฉันไม่ได้จะมาบังคับให้นายพูดนะ ก็แค่อยากให้รู้ว่าสิ่งที่นายพูดหรือทำ มันมีผลกระทบต่อฉัน...นายจะสงสารฉันหรือไม่ก็ตามใจ” พูดแล้วเห็นพีระเงียบ คิดว่าเขาคงไม่พูดอะไรเลยจะเดินกลับ
“เมื่อห้าปีก่อน” พีระเอ่ยขึ้น “ผมกลับมาเมืองไทยครั้งนึง แค่ช่วงสั้นๆ แล้วผมก็ต้องรีบหนีกลับไป เพราะเกิดเรื่อง” น้ำมนต์ชะงักฟัง พีระพูดต่อว่า “แล้วผมก็...ผมไม่ได้ตั้งใจ...ผมขอโทษ...” น้ำมนต์ถามว่าขอโทษเรื่องอะไร พีระไม่ตอบ แต่ยกมือโบกเหมือนไล่เธอ น้ำมนต์เสียใจพูดก่อนเดินไปว่า “นายเป็นผีที่ใจร้ายมาก”
ที่แท้พีระไม่ได้ไล่น้ำมนต์ แต่เขาถูกแมนสรวงเอามือปิดปาก จึงโบกมือไล่แมนสรวง แต่พอน้ำมนต์ไปแล้ว แมนสรวงเตือนสติเขาว่า
“ถ้าอยู่ใกล้น้ำมนต์แล้วมันห้ามปากไม่ได้ งั้นก็ไปอยู่ไกลๆไป!!” แมนสรวงสะบัดมือทีเดียวพีระก็กระเด็นไปที่ถนนหน้าบ้านน้ำมนต์ แมนสรวงตามไปด่าว่าเป็นผีเห็นแก่ตัว พีระฉุนกระชากคอเสื้อเหวี่ยงกลับโต้ว่า
“ฉันจะสารภาพความจริงว่าฉันเป็นคนทำให้แม่น้ำมนต์ตาย อย่างนี้เรียกว่าเห็นแก่ตัวหรือ ไอยมทูตเผด็จการ!!”
“ยังจะเถียงอีก! อย่างนี้แหละเรียกเห็นแก่ตัว ถ้านายเห็นแก่น้ำมนต์จริงๆ นายต้องอดทน ต้องแบกรับความรู้สึกผิดนี้ไปคนเดียว” พีระติงเสียงอ่อยว่าแต่มันเป็นความจริง “แค่เสียแม่ไปจากอุบัติเหตุก็แย่พอแล้ว ยังจะต้องให้รับรู้อีกหรือว่าต้นเหตุของดราม่ามาจากคุณผีที่รัก” พีระเงียบเถียงไม่ออก “ถ้าความจริงมันเจ็บปวด นายยังจะยื่นมันให้กับคนที่นายรักอีกหรือ”
ooooooo
พีระกลับไปที่บ้านน้ำมนต์พบเธอยืนรออยู่แล้ว เธอตัดพ้อต่อว่าทันทีว่า
“ตอนนายจำไม่ได้ นายมาให้ฉันช่วย แต่พอนายจำได้ทุกอย่างแล้ว นายกลับปกปิดฉัน ฉันซึ้งมาก...ไม่เป็นไร ไม่เล่าก็ไม่ต้องเล่า ฉันคงมีประโยชน์แค่ช่วยให้นายฟื้นแค่นั้น”
“ไม่ใช่นะ...”
“ไม่ต้องห่วง” น้ำมนต์ตัดบท “ฉันไม่เอาเรื่องนี้มาโกรธแค้น ยังไงพรุ่งนี้ฉันก็จะไปหาลุงสนกับนาย ฉันจะช่วยนายหาร่างจนเจอ แล้วจากนั้นก็ขอให้นายมีความสุขกับชีวิตของนายแล้วกัน” น้ำมนต์เดินไปขึ้นห้องนอน
พีระนิ่งงันอย่างรู้สึกผิด
ฝ่ายแมนสรวง ก็ถูกท่านยมใหญ่ แปลงร่างเป็นเอมี่มาอ่อย แต่งเซ็กซี่มาดักพบเตือนสติว่า
“ฉันรู้แล้วที่นายบอกว่ามีเวลาอีกแค่ 8 วัน เพราะต้องไปเกิดใหม่มันคือเรื่องจริง นายคือยมทูต!!” แล้วก็ทำเสียงกลายเป็นแมวดำคำราม แมนสรวงผงะช็อกอุทาน “ท่านยมใหญ่!!”
แมนสรวงกระเด็นกลิ้งไปกับพื้นที่หน้ามีรอยแมวข่วนหลายรอย ถูกยมทูตตำหนิว่า
“เป็นยมทูตแต่ริจะมีความรักกับมนุษย์ หน้าที่ของยมทูตผู้พิทักษ์วิญญาณบริสุทธิ์คืออะไร?” แมนสรวงบอกว่าดูแลและชี้นำให้ดวงวิญญาณนั้นกลับเข้าร่างให้จงได้ แมวดำถามว่าตรงไหนระบุว่าความรัก? แมนสรวงบอกว่าไม่มี ทำท่าจะอธิบาย
“ไม่ต้องอธิบาย!! เจ้าจะถูกลงโทษ ถูกลดทอนสิทธิและอำนาจ เจ้าจะไม่สามารถปรากฏกายให้ใครเห็นได้อีก!” แมวดำคำรามเมี้ยว แล้วหายไป
เช้าวันใหม่ น้ำมนต์กับพีระไปที่วัด เห็นลุงสนกำลังกรวดน้ำใต้ต้นไม้ใหญ่อุทิศส่วนกุศลให้ธีระศิลป์ แต่อยู่ดีๆ ก็มีภาพถ่ายของธีระศิลป์หล่นลงมาที่พื้นตรงหน้า ลุงสนตกใจกลัวตะโกนถามว่าใครอยู่แถวนี้! พีระโผล่มาพูดใส่หูลุงสนว่า
“ลุงเป็นคนฆ่าพ่อผมใช่ไหม”
ลุงสนผวามองหาก็ไม่เห็นใครรีบลุกเดินหนี น้ำมนต์ที่แอบดูอยู่รีบตามไปห่างๆ พอลุงสนเลี้ยว น้ำมนต์รีบตามไปเจอลุงสนยืนอยู่กับชายฉกรรจ์สองคน ลุงสนถามหน้าดุว่า
“แกตามฉันมาทำไม เมสินีส่งแกมาใช่ไหม?!”
น้ำมนต์ที่เคยบอกลุงสนว่าตนทำงานอยู่ที่สาธารณสุขชื่ออั้ม พยายามยิ้มตีสนิท ปดเนียนๆว่า
“อั้มเป็นคนเห็นผีค่ะและอั้มเห็นวิญญาณผู้ชายคนนึงติดตามลุงอยู่ อั้มเลยพยายามจะช่วยลุงน่ะค่ะ” ลุงสนตวาดว่าเหลวไหล น้ำมนต์โพล่งไปว่า “เขาชื่อ ธีระศิลป์” ลุงสนผงะช็อก น้ำมนต์รุกต่อ “รู้จักคนชื่อนี้ใช่ไหมคะ เขาบอกว่าลุงร่วมมือกับเมสินีฆ่าทั้งเขาและลูกชายคนเดียวของเขา คุณพีทหรือพีระ”
“เมสินีต่างหากที่ฆ่า ไม่ใช่ฉัน” ลุงสนโพล่งไปเพราะน้ำมนต์พูดอย่างรู้จริง ทำท่าจะเข้าทำร้ายน้ำมนต์แต่มีพลังบางอย่างกระชากแกเหวี่ยงออกไป น้ำมนต์ย้ำว่าบอกแล้วไงว่ามีวิญญาณตามลุงอยู่จริงๆ
ที่แท้คือพีระเขาหยิบไม้ขึ้นมาบอกว่าถ้าคุยกันดีๆ ไม่รู้เรื่องก็ต้องใช้กำลัง ลุงสนกับชาวบ้านสองคนเห็นไม้ลอยได้ก็ยิ่งตกใจ พากันวิ่งหนีเข้าวัด เจอหลวงพ่อเทียนเดินออกจากโบสถ์พอดี พีระที่ไล่ตามมาเจอหลวงพ่อเทียนก็เบรกแทบไม่ทัน น้ำมนต์ไล่ตามมาถึงพอดี
“มีอะไรค่อยๆพูดกันเถอะโยม” หลวงพ่อเทียนมองทุกคนอย่างรู้เหตุการณ์
ooooooo
ที่สำนักอาจารย์เทพ คามินยังหมอบอยู่ที่พื้น อาจารย์เทพพูดอย่างสมเพชว่าเสียแรงที่ให้ค่าไว้เยอะ แต่ที่แท้ก็แค่วิญญาณนักเลงกระจอกไร้ค่า จะยกให้เป็นหนูทดลองวิชาของเกี๊ยง
เกี๊ยงก้าวเข้ามาอย่างกร่าง อาจารย์เทพบอกคามินว่า ตนเพิ่งจะสอนวิชาใหม่ให้เกี๊ยง เรียกแบบง่ายๆคือ อาคมโต๊ะจีนผี สิ้นเสียงอาจารย์เทพ วิญญาณผีมากมายก็มายืนล้อมคามินแยกเขี้ยวอย่างกระหายแล้วรุมดูดวิญญาณจนคามินร้องลั่น แต่พริบตาเดียว วิญญาณเหล่านั้นก็ถูกคามินดูดวืบหายไปหมด!
อาจารย์เทพกับเกี๊ยงผงะ คามินเย้ยว่า “ลูกศิษย์แกมันกระจอกเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ หึๆ” แล้วเข้าประจันหน้าอาจารย์เทพปรามว่าอย่าลองดี ยังไงมันก็ไม่มีวันดิ้นหลุดจากอาคมสะกดวิญญาณของตน คามินต่อรองว่าถ้าอยากให้ตนจับพีระมาให้ก็สังเวยวิญญาณให้ตนเสียเองและถ้าเอาพลังชีวิตของเกี๊ยงมาให้ตน ตนจะเป็นมือขวาให้รับรองว่าเขาจะยิ่งใหญ่กว่านี้อีก ว่าแล้วบีบคอเกี๊ยง เกี๊ยงร้องลั่นว่า “เกี๊ยงเป็นหลานจารย์นะ”
คามินบีบคอเกี๊ยงจนดิ้นกระแด่ว แต่อาจารย์เทพก็ยังคงมองอย่างเย็นชา ครู่หนึ่งก็ตวาดให้พอ คามินยังไม่ปล่อยเลยถูกอาจารย์เทพสะบัดธงอาคมสั่ง
“ฉันบอกให้พอ!!” คามินจึงกระเด็นออกจากเกี๊ยงทันที “ถ้าแกต้องการเสพพลังวิญญาณ ฉันมีให้แกเพียบ แต่อย่าแตะต้องหลานชายฉัน และนี่จะเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าแกยังจับไอ้พีระให้ฉันไม่ได้ ฉันจะไม่เอาแกไว้แน่!” แล้วหันปรามเกี๊ยง “แกก็เหมือนกัน อยู่กับฉันมาเป็นสิบปี อาคมง่ายๆ แกยังท่องผิดท่องถูก ถ้าแกไม่ขยันกว่านี้ สักวันฉันจะเอาแกให้ผีกิน!”
ส่วนที่มหาวิทยาลัย ก็มีข่าวดีเมื่ออัฐชัยมาแจ้งข่าวว่า พ่อบอกว่าไม่ต้องไปง้อเมสินี พ่อจะรับผิดชอบทุกบาททุกสตางค์ ขออย่างเดียวให้ลูกพ่อได้เป็นพระเอก ส่วนรายการของบริษัทเอมี่ต้องไปคุยกันเอง
“แล้วเรื่องของเราล่ะอัฐ” พิมพ์ดาวฉะอ้อนถาม
“เรื่องของเราพ่อบอกว่า ถ้าแกยังไม่เลิกขี่หลังฉันเป็นชะนีมีปัญหา พ่อจะยกเลิกสปอนเซอร์ทุกรายการ”
พิมพ์ดาวเลยถูกเพื่อนๆ ช่วยกันดึง ทึ้ง แคะออกจากหลังของอัฐชัยได้สำเร็จ แต่เธอก็ยังไม่วายขู่ว่าอย่าเผลอแล้วกัน
ooooooo
ที่โบสถ์วัดหลวงพ่อเทียน หลวงพ่อให้ลุงสน ชาวบ้านสองคน และน้ำมนต์ เข้าไปคุยกันในโบสถ์ พีระแอบตามเข้าไปด้วยแต่ไม่มีใครเห็น
ลุงสนกับน้ำมนต์โต้เถียงกันเรื่องใครฆ่าธีระศิลป์กับพีระ น้ำมนต์บอกว่าลุงสนเป็นคนทำ แต่ลุงสนโต้หัวชนฝาว่าตนไม่ได้ทำ จนหลวงพ่อเทียนต้องบอกทั้งสองฝ่ายว่า
“พวกโยมเอาความจริงมาคุยกันเถอะ ความจริงเท่านั้นที่จะช่วยพวกโยมทุกคนได้”
“วิญญาณคุณพีทของลุงเขาอยู่ที่นี่กำลังรอฟังความจริงจากลุงอยู่น่ะค่ะ”
“ลุงฆ่าพ่อผมแล้วก็ฆ่าผมด้วยใช่ไหม” พีระถาม
“ฉัน...ฉันเป็นพ่อบ้านของคุณธีระศิลป์จริง แต่ฉันไม่ได้ฆ่าคุณธีระศิลป์ คนที่ทำคือเมสินีกับชู้ของมัน เมสินีกับนายยุทธวางแผนฆ่าคุณธีระศิลป์” ลุงสนเล่าความจริงทั้งหมดให้ฟังว่า...
วันหนึ่งตนบังเอิญได้ยินเมสินีคุยโทรศัพท์ว่า
“มันออกจากบ้านแล้ว ใช่...ขับไปคนเดียว เธอต้องทำให้สำเร็จ ถ้าคุณธีตาย ทุกอย่างจะเป็นของเราสองคน”
ตนตกใจพยายามโทร.เพื่อบอกธีระศิลป์แต่ถูกเมสินีจับได้และยึดโทรศัพท์ไป เช้าวันรุ่งขึ้นทีวีก็ออกข่าวว่า
“เมื่อคืนเกิดอุบัติเหตุรถเก๋งพุ่งชนท้ายรถสิบล้อที่จอดเสียอยู่ข้างทางเป็นเหตุให้ผู้ขับขี่เสียชีวิตคาที่ ทราบชื่อภายหลังว่าคือคุณธีระศิลป์ ภาคภูมิใจบรรหาร ผู้บริหารใหญ่ของสถานีพราวด์ดิจิตัล”
เมื่อธีระศิลป์เสียชีวิต เมสินีจึงขึ้นมาเป็นผู้บริหารแทน พนักงานพากันมายืนปรบมือต้อนรับในวันแรกที่เธอเข้าทำงาน เธอปลื้มจนน้ำตาซึม ขอบคุณทุกคน สัญญาว่าจะดูแลสถานีพราวด์ดิจิตัลให้ดีไม่แพ้ธีระศิลป์
เมื่อพีระกลับจากเมืองนอก เขาถามเมสินีว่าฆ่าพ่อตนหรือ เมสินีทำไขสือ พีระแค้นมากจึงอาละวาดคว้าโทรศัพท์บนโต๊ะจะฟาดใส่ เมสินีหลบร้องขอความช่วยเหลือ วันนั้นพีระอาละวาดอย่างดุดัน จับเมสินีกดกับผนังตะคอกใส่
“แกอย่าหวังว่าจะได้สมบัติของพ่อ ฉันจะไม่ให้แกได้ไปสักบาทเดียว แล้วฉันจะเอาแกเข้าคุกข้อหาฆาตกรรมพ่อฉันด้วย”
เวลานั้นพีระยังรู้จากลุงสนว่าพ่อเขาทั้งรักและหลงเมสินีมากจนดูไม่ออกว่าถูกเมสินีสวมเขาให้ จนพีระมาจับได้คาตาเอง เขาชกยุทธอย่างแค้นใจ แต่เมสินีมาช่วยยุทธ จนยุทธชักปืนจะยิงพีระ เมสินีรีบผวาห้าม
“อย่า...อย่าหาเรื่องใส่ตัว” แล้วยื้อยุทธไว้ พีระจึงวิ่งออกจากห้องไป ลุงสนคว้าเสียมมากันพีระไว้ไม่ให้ยุทธตามมาทำร้าย ยุทธเล็งปืนใส่ลุงสน เมสินีร้องห้ามอีก “อย่ายุทธ อย่าหาเรื่องลำบาก”
ฟังลุงสนเล่าแล้วพีระก็ค่อยๆจำเรื่องราวต่างๆได้ จนกระทั่งคืนวันหนึ่ง เมสินีทำลับๆล่อๆออกจากบ้านพลางโทรศัพท์ไปด้วย พีระเห็นเมสินีขับรถออกไป จึงขับตาม ลุงสนมาเจอถามว่า
“จะไปไหนครับคุณพีท”
คืนนั้นพีระขับรถตามเมสินีไปพึมพำแค้น “แกจะแอบไปเจอใคร ฉันจะแฉแกให้ทุกคนรู้”
เมสินีเห็นพีระขับรถตามมาก็กระหยิ่มยิ้มที่เป็นไปตามแผน เธอขับรถล่อพีระไปจนถึงชานเมืองที่มีรถน้อยลงทุกทีแล้วพีระก็ถูกยุทธขี่มอเตอร์ไซค์มาปาดหน้าพร้อมกับเล็งปืนขู่ พีระตกใจพุ่งรถไปอีกทาง มอเตอร์ไซค์ยุทธไล่ตามทันที
ส่วนเมสินี พอยุทธมากันเธอพ้นจากพีระแล้ว เธอก็จอดรถข้างทาง พึมพำเหี้ยม
“ฉันจะไม่ให้แกอยู่เป็นก้างขวางคอฉันแน่นายพีท!”
พีระถูกยุทธและลูกน้องไล่บี้ เขาขับหลบก็ถูกยิงเข้าที่โครงรถ พยายามขับหนีก็ไปเจอลูกน้องยุทธจอดรถดักรออยู่มันยกปืนเล็งใส่ พีระควบคุมรถไม่ได้พุ่งตกลงในน้ำตูม!!
ยุทธกับลูกน้องมายืนดูเห็นรถค่อยๆจมน้ำช้าๆ มันยิงซ้ำลงไปอีกหลายนัด คำราม “แกต้องตาย!”
แต่อยู่ๆก็มีเสียงชาวบ้านแถวนั้นร้องบอกกันว่ามีคนขับรถตกน้ำ ยุทธกับลูกน้องจึงรีบแยกย้ายกันหนีไป
“ฉันควบคุมรถไม่ได้ รถตกน้ำ แล้วฉันก็จำอะไรไม่ได้ รู้ตัวอีกทีก็ไปตื่นอยู่ในสุสานรถแล้ว” พีระเล่า ยังงงๆ
“พีระจำได้ถึงแค่รถตกน้ำเท่านั้นค่ะ” น้ำมนต์บอก
“ลุงเป็นคนลงไปช่วยคุณพีทขึ้นจากน้ำเอง”
ลุงสนเล่าว่าพาร่างพีระขึ้นมาในสภาพที่หมดสติไปแล้ว พีระบอกว่าวิญญาณตนคงออกจากร่างไปแล้วก่อนที่ลุงสนจะมาวิญญาณถึงได้สถิตอยู่ในรถคันนั้น ไปรู้สึกตัวอีกทีที่สุสานรถ
“เดี๋ยว ถ้าลุงเจอร่างคุณพีทแล้วตอนนี้ร่างเขาอยู่ไหนคะ” น้ำมนต์ตื่นเต้น ถูกลุงสนถามหน้าตึงว่า ถามทำไม
“ใช่ศพไร้ญาติที่โยมสนฝากมาฌาปนกิจตอนนั้นหรือเปล่า” หลวงพ่อถาม ทั้งน้ำมนต์และพีระตกใจช็อก!
ooooooo
เมื่อความจำคืนมา พีระก็หงุดหงิดก้าวร้าวตามนิสัยเดิม เดินหัวเสียออกจากวัด น้ำมนต์รีบตามมา พีระพูดอย่างกราดเกรี้ยวว่า
“ไอ้บ้าเอ๊ย...เขาเผาร่างของผมไปได้ยังไง! อย่างนี้เท่ากับผมไม่มีร่างให้กลับไปแล้ว ผมก็เป็นผีโดยสมบูรณ์แล้วสิ” น้ำมนต์บอกให้ใจเย็นๆ ก็ถูกพีระหันมาตะคอก “คุณไม่ได้เป็นผม คุณก็พูดได้สิ!” แต่พอรู้สึกตัวก็ขอโทษ
“ผมขอโทษ...ผมไม่ได้ตั้งใจ ผม...ผมควบคุมตัวเองไม่ได้ ผมจำเรื่องราวของตัวเองตอนมีชีวิตได้หมดแล้ว และนี่...นี่คือตัวตนจริงๆของผม...ผมเป็นคนอย่างนี้ ผมไม่ใช่คนอ่อนโยน ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด” ถามน่าสงสารว่า “ผมไม่มีร่างให้กลับแล้ว ผมจะทำยังไง...”
“ลุงยังไม่ได้เผาคุณพีท” ลุงสนตามมาบอก “ศพไร้ญาติที่เอามาฝากฌาปนกิจน่ะเป็นศพคนอื่น ไม่ใช่คุณพีท” น้ำมนต์ถามว่าแสดงว่าร่างพีระยังอยู่ใช่ไหม ลุงสนตอบหนักแน่นว่า “ใช่ ยังอยู่”
พีระกับน้ำมนต์กระโดดกอดกันร้องไชโยด้วยความดีใจสุดๆ บรรยากาศสดชื่นขึ้นทันที
เวลาเดียวกัน เมสินีก็กำลังจิบเครื่องดื่มครึ้มใจ คิดหาวิธีที่จะบอกน้ำมนต์ว่าพีระเป็นคนทำให้แม่เธอตาย
ระหว่างนั้นมือถือยุทธดังขึ้น ดูเบอร์แล้วเขารับสาย พอวางสายก็บอกเมสินีหน้าเครียดว่า
“คนของผมที่ให้ตามน้ำมนต์ไว้โทร.มาบอกว่า พวกมันเจอตัวลุงสนแล้วครับ” เมสินีชะงักเครียดทันที “ไอ้ลุงสนมันต้องรู้แน่ว่าร่างคุณพีทอยู่ที่ไหน แล้วถ้ามันพาน้ำมนต์กับคุณพีทเจอร่างละก็...ฟินไม่ออกแน่ครับ”
“ไปจัดการมันเดี๋ยวนี้ ไป!!” เมสินีช็อก แค้น สั่งเหี้ยม
ooooooo
น้ำมนต์กับพีระกราบลาหลวงพ่อเทียน น้ำมนต์ขอบพระคุณหลวงพ่อสําหรับความช่วยเหลือทุกอย่างบอกหลวงพ่อว่า
“สร้อยตะกรุดนี่ ถึงหนูจะยังไม่รู้ว่าหลวงพ่อให้เพราะอะไร แต่สักวันหนูจะรู้ใช่ไหมคะ”
“จำคำหลวงพ่อไว้ให้ดีนะโยม อย่าจมอยู่กับอดีต และอย่ากังวลถึงแต่อนาคต ปัจจุบันเท่านั้นคือเวลาที่เราจะสร้างสิ่งดีงามและความสุขได้”
“เปิดใจให้กับปัจจุบันเท่านั้น แล้วสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆจะปรากฏแก่โยม” พีระเสริมแล้วถามหลวงพ่อว่า “ผมจำได้เป๊ะใช่ไหมครับหลวงพ่อ”
หลวงพ่อผงกหน้านิดหนึ่งเหมือนได้ยินพีระพูด แต่พีระเชื่อว่าหลวงพ่อได้ยิน หลวงพ่อบอกทั้งสองว่า
ลุงสนมาแล้วน้ำมนต์จึงกราบลาอีกครั้ง สัญญาว่าถ้าพีระกลับเข้าร่างได้เมื่อไร ตนจะพามากราบหลวงพ่ออีกที
ooooooo
ลุงสนพาพีระกับน้ำมนต์มารอที่ริมทาง บอกว่าให้ศรไปเอารถมาแล้วจะรีบพาไปให้เร็วที่สุด ทั้งสองรับคำพร้อมกัน
“ดีใจด้วยนะ ฉันจะได้หมดภาระซะที” น้ำมนต์เอ่ยแววตาสลด
“เป็นบ้าอะไรอีกล่ะ!!” พีระตะคอก น้ำมนต์ตกใจร้องหา! พีระรู้ตัวว่าหลุดพูดไม่ดีออกไป พูดเสียงอ่อย “เอ่อ... ฉันไม่ได้จะพูดอย่างนั้น คือฉันแค่จะถามว่าเป็นอะไร แต่ปากมันไปเอง”
น้ำมนต์น้อยใจเดินแยกไป พีระตามไปง้อถูกน้ำมนต์บ่นว่า
“พอความทรงจำกลับมา นิสัยเก่าๆก็กลับมาด้วย แล้วถ้านายกลับเข้าร่างได้แล้ว นายก็คงจะก้าวร้าว เอาแต่ใจ นิสัยแย่ๆ เหมือนที่พี่เอมี่เคยบอก ฉันควรจะทำใจไว้”
พีระบอกว่าตนก็แค่ความจำกลับมาแล้วสับสนนิดหน่อย อ้อนว่าแต่อย่างไรตนก็จะต้องเป็นคนที่น่ารักแน่นอน ถามว่า
“แล้วถ้าผมเป็นคนที่น่ารัก คุณจะรักกับผมไหมนะ...เราจะได้เป็นแฟนกันจริงๆเสียที เพราะเพื่อนๆก็รู้กันหมดแล้วและผมก็ไม่อยากถูกน้องชายคุณฆ่าทิ้งด้วย”
น้ำมนต์บอกว่าเรื่องของคุณ สำหรับตน เขาก็เป็นแค่ผีหลงตัวเอง ขี้มโน และกวนประสาทน่ารำคาญที่สุด
“น่ารำคาญแต่ก็น่ารักนะ...” พีระอ้อนสุดฤทธิ์
ooooooo
รถมาถึงแล้ว พีระกำลังจะตามลุงสนไป น้ำมนต์รั้งไว้ถามว่า
“เดี๋ยว ฉันขอถามเป็นครั้งสุดท้ายนะ นายจะฟื้นอยู่แล้ว บอกได้ไหมเรื่องที่นายพูดว่านายจะทำให้ฉันเจ็บปวดเจียนตายคือเรื่องอะไร”
พีระอึ้งหน้าสลดแต่ก็ตอบอย่างมั่นใจว่า “สัญญาว่าผมจะบอกคุณทันทีที่ฟื้นแล้ว”
แต่พอขึ้นรถไปไม่ทันไร ก็เจอกับคนของยุทธที่ส่งมาจัดการพวกลุงสน มันขับรถตาม ลุงสนรู้ตัวจึงบอกให้ทุกคนลงจากรถเดินไปบอกว่าอีกไม่นานก็ถึงบ้านนายตำรวจแล้วเราจะปลอดภัย น้ำมนต์เป็นห่วงพีระเพราะยังไม่เห็นตามมา
พีระดักเล่นงานคนของยุทธ แต่พีระก็ต้องเจ็บไม่น้อยเพราะพวกนั้นทุกคนมียันต์กันผี พีระถูกผ้ายันต์ปวดแสบจนร้อง น้ำมนต์ได้ยินเสียงร้องชวนลุงสนย้อนกลับมาดูพีระจนถูกพวกมันจับตัวไว้ได้ น้ำมนต์สลัดหนีออกมาได้แต่ลุงสนถูกพวกมันจับไป น้ำมนต์จะไปช่วยลุงสน พีระบอกว่าถ้าไปเธอจะถูกมันจับไปด้วยแล้วตนก็จะช่วยอะไรเธอไม่ได้เลย
น้ำมนต์นึกถึงแมนสรวง เชื่อว่าเขาจะช่วยได้ แต่พอเจอ แมนสรวงบอกว่าตนไม่รู้ว่าพวกมันพาลุงสนไปไหนและช่วยไม่ได้เพราะตนถูกลงโทษ วันนี้ตนก็ไม่ต่างกับผีทั่วไปเป็นยมทูตถูกแบนไปแล้ว ทำได้แค่เร่ร่อนไปวันๆเท่านั้น
โชคดีที่น้ำมนต์เก็บรองเท้าของพวกนั้นได้เอามาให้แมนสรวงสัมผัสดูอาจจะติดต่อสื่อสารจนรู้ว่าเจ้าของอยู่ที่ไหนก็ได้ และแมนสรวงก็ทำได้จริงๆ เพียงสัมผัสรองเท้าก็เห็นภาพไล่เรียงไปจนรู้ว่า ลุงสนถูกจับตัวไปที่สถานีพราวด์ดิจิตัล
“ถ้าลุงสนถูกจับไว้ที่สถานีพราวด์ ฉันก็มีวิธีที่จะเข้าไปช่วยลุงสนแล้ว วันนี้นักแสดงละครเวที คณะมีคิวต้องไปให้สัมภาษณ์ออกรายการที่สถานีพราวด์ ฉันก็จะอาศัยจังหวะนี้แหละเข้าไปช่วยลุงสน”
ooooooo
แต่ทีมงานก็มีปัญหา เมื่ออัฐชัยโมโหพิมพ์ดาวที่ตามตื๊อจนทะเลาะกัน น้ำมนต์ต้องไปเกลี้ยกล่อมให้เห็นแก่ส่วนรวม เห็นแก่ทีมงานอย่าทำให้งานเสียหายเพราะความทิฐิของคนสองคน
พิมพ์ดาวเสียงแข็งว่าถ้าจะให้ตนเล่นก็ต้องเปลี่ยนพระเอก น้ำมนต์โมโหเลยแสดงแทนเสียเอง เพราะยังไงก็ต้องหาทางเข้าไปในพราวด์ดิจิตัลให้ได้อยู่แล้ว
ลุงสนถูกพาไปอยู่ในห้องลับที่สถานีพราวด์ เมสินีเข้าไปในห้อง เอาปืนวางบนโต๊ะ พูดกับลุงสนอย่างวางอำนาจว่า
“ไอ้ลุงสน ตอนที่คุณธีตาย ฉันก็อุตส่าห์เมตตาให้แกทำงานต่อ ไม่ขับไล่แกออกจากบ้าน เพราะเห็นว่าแก่แล้ว กลัวจะลำบาก แต่นี่แกตอบแทนฉันอย่างนี้เหรอ”
“คุณธีดีกับคุณมากกว่าท่ีคุณดีกับผมอีก แล้วดูสิ่งที่คุณตอบแทนคุณธีสิ”
เมสินีขู่ว่าอย่าคิดว่าตนไม่กล้าทำอะไร ให้บอกมาว่าร่างพีทอยู่ไหนไม่อย่างนั้นจะแจ้งตำรวจว่าลุงสนฆ่าธีระศิลป์กับพีทมีหวังติดคุกหัวโต ลุงสนไม่กลัว เพราะเชื่อว่าถ้าพีระฟื้นขึ้นมาก็จะต้องมาช่วยตนและตามล้างตามเช็ดฆาตกรตัวจริงแน่
“ไอ้ลุงสน! แกจะลองดีกับฉันใช่ไหม!!” เมสินีคว้าปืนเล็งไปที่ลุงสน ยุทธรีบเข้าห้าม บอกให้ใจเย็นๆ เธอจึงวางปืนลง
เมื่อออกมายุทธกล่อมว่าถึงฆ่าลุงสนตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ เราต้องรู้ที่ซ่อนร่างพีทก่อน ถ้าไว้ใจตนจะจัดการให้เอง เมสินีถามว่าเขาจะทำอย่างไร ยุทธบอกให้เธอไปสปาพักผ่อนสบายๆ รอฟังข่าวดีจากตนและเตรียมรางวัลพิเศษให้ตนก็พอ
“ถ้าเธอทำได้ ฉันจะให้รางวัลแจ็กพอตกับเธอเลย”
พอเมสินีเดินแยกไป ยุทธก็หยิบมือถือโทร.ออก
“อาจารย์เทพครับ ผมมีเรื่องให้ช่วย”
ooooooo
พออาจารย์เทพวางสายก็บอกเกี๊ยงว่าตนจะออกไปรับงานด่วนของเมสินี ถามว่าตอนเย็นเกี๊ยงต้องเอาน้ำมนต์ไปให้เจ๊เจ้าของตลาดทำให้ผัวรักผัวหลงใช่ไหม
“สบายมากเลยจารย์ ก็แค่เอาของให้ รับเงินมา แค่นี้เอง”
“ส่วนแก มาอยู่ในนี้!” อาจารย์เทพหันไปทางคามินยื่นขวดออกไปคามินก็ถูกดูดเข้าไปในขวด แล้วอาจารย์เทพก็ส่งให้เกี๊ยงบอกให้เอาไปวางบนชั้น ย้ำ “แล้วแกก็ไม่ต้องไปยุ่งกับมันด้วยนะ เข้าใจไหม”
“เกี๊ยงไม่ยุ่งกับมันหรอกจารย์ ตั้งใจทำงานนะครับจารย์ เดี๋ยวเกี๊ยงจะทำอาหารเย็นไว้รอรับ”
พออาจารย์เทพออกไป เกี๊ยงอยากแก้แค้นคามิน จับขวดใส่วิญญาณคามินมาเอียงซ้ายเอียงขวา เขย่าหัวเราะร่า บอกว่าแผ่นดินไหวบ้าง สึนามิบ้าง พูดอย่างสะใจว่า แกไมเกรนรับประทานแน่
ooooooo
ทีมละครเวทีมาถึงหน้าสถานีพราวด์ดิจิตัลแล้ว น้ำมนต์บอกเรื่องที่ตนจะทำแก่ลูกโป่งที่เป็นโปรดิวเซอร์ละครเวทีว่าลุงสนรู้ว่าร่างพีระอยู่ที่ไหนแต่ตอนนี้ลุงสนถูกจับตัวมาไว้ที่นี่ตนจึงจะมาช่วย
“อ้าว งี้เท่ากับแกหลอกเอาพวกฉันมาบังหน้าเพื่อช่วยลุงสนงั้นเหรอ?” ลูกโป่งชักโวย
น้ำมนต์บอกว่าไม่ได้หลอก แต่ละครเวทีก็ให้สัมภาษณ์ไปตามปกติ ตนก็แค่ขอบัตรผ่านเข้าไปแค่นั้น ที่เหลือตนกับพีระและแมนสรวงจะจัดการเอง พอเอมี่รู้ว่าแมนสรวงมาด้วยก็ตื่นเต้นถามว่าเขาอยู่ไหนทำไมไม่ออกมาหาตน แมนสรวงยืนอยู่ข้างเอมี่นั่นเอง บอกเธอว่าตนอยู่นี่แต่ไม่ปึ๋งปั๋งเหมือนเมื่อก่อนแล้ว น้ำมนต์รู้ตัวว่าเผลอหลุดปากไป เลยต้องแก้ตัวแทนว่า
“เอ่อ...คือเขายังไม่พร้อมมังคะ ถ้าพร้อมเขาก็คงจะโผล่หน้ามาให้พี่เอมี่เห็นเอง”
“ชอบโผล่มาไม่ให้ซุ่มเสียง เด็กบ้า...ชอบเซอร์ไพรส์ตลอด” เอมี่ทำหน้าเง้าหน้างอน น้ำมนต์เร่งให้เข้าไปเถอะ ส่วนพีระก็ปลอบแมนสรวงที่ยืนซึมว่า
“แกมาช่วยฉันก่อนนะแมนสรวง แล้วฉันจะช่วยหาวิธีกอบกู้ความเป็นชายของนายให้”
พีระมองไปที่ประตูไม่เห็นผีเฝ้าประตูแล้ว ถามแมนสรวงว่ามีใครมาจัดการมันไปแล้วหรือ
“ไม่ไอ้หมอผีเทพก็ไอ้ผีล่ำโหดคามิน แสดงว่า พวกมันมาที่นี่ และอาจจะอยู่ที่นี่ก็เป็นได้” ทำเอาพีระหวั่นใจ
ooooooo
เมื่อเข้ามารอที่หน้าห้องอัด พี่ปืนที่เป็นเจ้าหน้าที่มาบอกให้นั่งพักกันก่อนเดี๋ยวจะให้น้องเอาคำถามมาให้ดูจะได้เตรียมคำตอบไว้ก่อน เพราะเป็นรายการสด จะได้ไม่พลาด
น้ำมนต์จึงขอไปเข้าห้องน้ำก่อนบอกว่าจะรีบกลับมา ลูกโป่งเตือนอย่างรู้กันว่า “ระวังตัวด้วยนะ”
น้ำมนต์กับพีระเดินออกไป พีระบ่นว่าสถานีกว้างมากเราจะไปหาลุงสนได้ที่ไหน
“ก็หาไปเรื่อยๆแหละ ต้องเจอสักห้อง อย่าเอาแต่บ่นไปช่วยหาเร็ว” แต่พอเดินออกไปเจอพนักงานในนั้น น้ำมนต์ก็แกล้งถามว่าห้องน้ำอยู่ไหน ใช้มุกนี้แก้ปัญหาไปเรื่อย
ส่วนแมนสรวงยังมองเอมี่อย่างอาวรณ์ พลันก็ตื่นตัวเมื่อสัมผัสถึงพลังของอาจารย์เทพ พึมพำหน้าเครียด
“พลังชั่วร้าย”
อาจารย์เทพเพิ่งมาถึง ยุทธเดินออกไปรับ เขาบอกอาจารย์เทพว่า
“ขอโทษที่ต้องรบกวนอาจารย์ ผมจนปัญญาจะง้างปากมันแล้วจริงๆ คงจะมีแต่อาคมของอาจารย์ที่จะช่วยได้ครับ”
“ไอ้หมอผีเทพ มันมาทำไม” แมนสรวงโผล่มาดูทั้งสองที่เดินผ่านไป พลันอาจารย์เทพก็หันขวับมามองหา แต่แมนสรวงไหวตัวทันหายแว้บไปก่อน
ooooooo
ที่หน้าห้องอัดรายการ พี่ปืนถามว่านางเอกอยู่ไหน อีกสองนาทีจะได้เวลาออกอากาศสดแล้ว ลูกโป่งบอกว่าไปห้องน้ำยังไม่มาแล้วจะไปตามให้
พี่ปืนบอกว่าไม่ต้อง ตามกันไปตามกันมาเสียเวลา เดี๋ยวจะให้พนักงานไปตามให้ ลูกโป่งใจหายกลัวตามน้ำมนต์ที่ห้องน้ำไม่เจอมีหวังความแตกแน่ เอมี่เสนอหนีไปตอนนี้เลยดีไหม
“ไม่ได้นะพี่ เราแบกชื่อเสียงคณะชื่อเสียงมหาลัยอยู่นะ” เอมี่บ่นว่าตนไม่ได้เรียนกับพวกเธอด้วยซะหน่อยพอดีพนักงานหญิงคนนั้นมาบอกว่าไม่เจอน้องคนนั้นแต่เจอน้องคนนี้ แล้วพาพิมพ์ดาวที่อยู่ในชุดนางทาสเข้ามา
“หนูนี่แหละค่ะนางเอกตัวจริง หนูพร้อมถ่ายแล้วค่ะ” ทั้งเอมี่และลูกโป่งดีใจมาก พี่ปืนบอกงั้นเตรียมเลย พลันอัฐชัยก็เข้ามาในชุดท่านเจ้าคุณบอกว่า
“รอพระเอกตัวจริงก่อนสิครับ”
พี่ปืนถามงงๆว่า จะมีโปรดิวเซอร์ตัวจริงตัวปลอมโผล่มาอีกไหม ลูกโป่งกับเอมี่รีบบอกว่า “ไม่มีแล้วค่ะ”
“ฉันไม่อยากทำตัวเป็นคนไม่รับผิดชอบเหมือนใครบางคน” พิมพ์ดาวเหน็บอัฐชัย เลยถูกเหน็บคืนว่า
“ฉันไม่อยากทำให้คนอื่นๆ ต้องมาลำบากเพราะฉันเหมือนใครบางคน”
“งั้นช่วยหุบปากหยุดแขวะกันเหมือนฉันสองคนได้ไหม ไปๆๆ” เอมี่ตัดบทแล้วถอยออกมายืนดูการสัมภาษณ์
ooooooo
น้ำมนต์กับพีระช่วยกันหาห้องที่ขังลุงสนแต่หาจนเกือบทั่วก็ไม่เจอ พีระถามว่าเป็นไปได้ไหมที่อาจมีห้องลับที่ไหนสักแห่ง
น้ำมนต์ฉุกคิดได้ว่าอาจมีกลไกซ่อนอยู่ที่ไหน แล้วเที่ยวเปิดดูหลังกรอบรูป หลังชั้นวางหนังสือ ตามรูปปั้น จนพีระบอกว่าไม่ต้องหาไม่มีหรอก
“ฉันจะไม่หยุดหา ถ้าพวกมันคาดคั้นจากลุงสนจนลุงสนยอมบอกที่ซ่อนร่างของนาย นายตายแน่ๆ พีระ และฉันจะไม่ยอมให้นายตาย” พีระซึ้งใจในความพยายามช่วยตนของเธอ
ที่ห้องลับ...เมสินีกับยุทธเปิดประตูเข้าไป เมสินีขู่ลุงสนว่าให้โอกาสเป็นครั้งสุดท้าย จะบอกไหมว่าร่างพีระอยู่ไหน
“ให้ตายก็ไม่บอก”
ยุทธขู่ต่อว่าเมื่อเจรจาดีๆมันยากก็จะทรมานยิ่งกว่าตายอีกร้อยเท่า แล้วอาจารย์เทพก็เข้ามา เมสินี บอกว่า
“อาจารย์เทพจะใช้คุณไสย มนต์ดำชั้นต่ำทำให้แกยอมพูดออกมาเอง”
ลุงสนผงะร้องลั่น “อย่า! อย่านะ!!” แต่อาจารย์เทพไม่สนใจ เอาธงอาคมชี้ไปที่ลุงสนบริกรรมคาถา เกิดควันดำพุ่งไปที่ดวงตาลุงสนจนผงะหงาย พอโงหัวขึ้นมาก็เห็นทุกคนเป็นผีกำลังหัวเราะและจ้องจะทำลายแก
“ถ้าแกยังดื้อด้านแกจะต้องทรมานกับภาพหลอนไปจนเสียสติ” เมสินีบอกตรงไปคว้าหน้าลุงสนจ้องถามว่าจะบอกได้หรือยังว่าร่างพีทอยู่ไหน
“ช่วยด้วย...กลัวแล้ว...กลัวแล้ว!!” ลุงสนร้องดิ้นพล่านจนตกเก้าอี้คลานไปซุกที่มุมห้องท่ามกลางความสะใจของพวกเมสินี
ooooooo










