ตอนที่ 14
อัลบั้ม: วี วีรภาพ คั่ว 3 นางเอก 'นาว-โบว์-เซฟ' เพื่อนรักหักสวาทใน “กุหลาบเล่นไฟ”
รัญชิตาหงุดหงิดที่ปริตาเอาแต่ทุบประตูห้อง ร้องเรียกให้คนมาช่วย สั่งให้หยุดทำอย่างนั้น ตนหนวกหูจะแย่แล้ว โดนขังเพราะเธอไม่พอ ยังจะมาทำให้ปวดหัวอีก ปริตายืนยันว่าไม่รู้เรื่อง ทุกอย่างเป็นแผนของพอลลี่
“ฉันไม่สนว่าเป็นใครทำ แต่ฉันอยากออกไป ไม่อยากอยู่กับเธอ ไม่อยากเห็นหน้าเธอ” รัญชิตาว่าแล้วเดินหนีไปนั่งอีกมุมหนึ่งของห้องด้วยความหมดหวังที่จะได้
ออกไป ยิ่งทำให้เธออารมณ์บูด พาลคิดถึงแต่สิ่งไม่ดีที่ปริตาทำไว้กับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นตอนที่บอกให้เลิกคบกับธิปไตย หาว่าเขาเป็นคนไม่ดี และยังยุให้ยกเลิกงานหมั้นกับเขา รวมทั้งโกหกว่าอยู่บ้านที่สังขละบุรีกับปริเทพ ทั้งๆที่อยู่กับธิปไตย
ปริตาเองก็ไม่พอใจนักที่ถูกรัญชิตากล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุทำให้ต้องมาติดแหงกอยู่ในนี้ ก็เลยนึกถึงเรื่องไม่ดีที่อีกฝ่ายทำไว้ เป็นต้นว่าเรื่องที่รัญชิตาประกาศหมั้นสายฟ้าแลบ เพื่อมัดตัวธิปไตย อีกทั้งเมื่อเธอรู้แล้วว่าปัทมาศตกเป็นของเขา ก็ยังดึงดันสวมแหวนหมั้นกับเขาอีก ที่สำคัญคือเหตุการณ์ที่เธอขับรถชนปัทมาศและยังผลักปัทมาศตกตึกตาย ปริตาจ้องมองรัญชิตาอย่างโกรธแค้น...
ในเวลาเดียวกัน ธิปไตยเพิ่งเสร็จจากการประชุมกำลังจะออกไปรับรัญชิตา แต่พลศิษฎ์เข้ามาขอคุยเรื่องบ้านที่สังขละบุรีเสียก่อน เพราะเพิ่งรู้จากปริเทพว่าเขาจงใจซื้อบ้านหลังนั้นตัดหน้าปริตา เพื่อเอาไว้กดดันและต่อรองกับเธอ เพราะเขาชอบเธอ ธิปไตยปฏิเสธว่าไม่จริง เขาไม่เคยคิดอะไรกับปริตา
“ถ้าคุณไม่ได้คิดอย่างนั้น ผมขอซื้อบ้านเอง ขายให้ผม ผมจะใช้บ้านหลังนั้นเป็นสินสอดให้อ้อม”
ธิปไตยถึงกับอึ้ง จังหวะนั้นปริเทพเข้ามาถามว่าปริตามาถ่ายแบบที่นี่หรือเปล่า ได้ความว่าเธอกับรัญชิตาไปถ่ายแบบที่โรงงานร้างชานเมือง ป่านนี้น่าจะเสร็จแล้ว
“อ้อมยังไม่ได้กลับบ้าน” ปริเทพสีหน้าเป็นกังวล ธิปไตยเองก็พลอยไม่สบายใจไปด้วย บอกให้ลองโทร.หาเธอดู ส่วนเขาจะโทร.เช็กพี่ชาญ ขณะที่พลศิษฎ์หยิบมือถือขึ้นมาโทร.หารัญชิตา
ooooooo
ความมืดเริ่มปกคลุมไปทั่วโรงงานร้างแห่งนั้น เสียงนกกลางคืนร้องยิ่งทำให้ดูน่ากลัวเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
ปริตานั่งเฉยต่อไปไม่ไหว เดินสำรวจมาถึงมุมหนึ่งของห้อง เห็นหน้าต่างบานเล็กอยู่สูงเกือบติดเพดานมีกระดาษหนังสือพิมพ์ปิดกันแสงเอาไว้ กวาดตาหาอะไรแข็งๆจะมาปา เจอกระป๋องสีเก่าๆ หยิบมาปาใส่แต่พลาดเป้า กระป๋องกลิ้งไปใกล้ๆจุดที่รัญชิตานั่งอยู่ เธอคว้ากระป๋องขว้างใส่กระจกหน้าต่างแตก ทำให้แสงจากภายนอกส่องเข้ามา แสงไฟไม่ได้ทำให้ภายในห้องสว่างเท่านั้น ยังทำให้จิตใจของคนที่ถูกขังพลอยสว่างไปด้วย ต่างคิดถึงสิ่งดีๆที่อีกฝ่ายหนึ่งเคยทำให้ ปริตาตัดสินใจเข้ามาถามรัญชิตาว่าจงเกลียดจงชังตนเรื่องอะไร
“เธอชอบโกหกฉัน ไม่พูดความจริงกับฉัน ทำให้ฉันโกรธ”
“เพราะเธอเป็นอย่างนี้ไง ชอบใช้อารมณ์ ฉันเบื่อที่ต้องคอยเอาใจเธอ ไม่ได้ดั่งใจก็เอาแต่โวยวาย”
รัญชิตาพยายามข่มอารมณ์เอาไว้ ถามปริตาว่ารักธิปไตยมานานแค่ไหนแล้ว เธอรักเขาก่อนที่จะรู้ว่า ปัทมาศรักเขา และก่อนจะรู้ว่ารัญชิตาเป็นคู่หมั้นคู่หมายกับเขา รัญชิตาสงสัยไม่หาย แล้วทำไมเธอถึงไม่บอก
“หลังจากเธอรู้ว่าคุณตรัยเป็นคู่หมั้น เธอก็ประกาศเป็นแฟนเขาทันที ฉันรักเขาก็จริง แต่เขาคิดลวนลามฉันจนรับไม่ได้ ฉันถึงต้องตัดใจและพยายามห้ามพวกเธอ แต่พวกเธอก็ไม่ฟัง ฉันคอยขวางพวกเธอมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งปั่นหัวพวกเราเล่น แล้วมันก็ถลำลึกจนทุกคนตกอยู่ในเกม...เกมที่มีแต่ความสูญเสีย โดยเฉพาะดาว”
“อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น เธอกำลังโยนความผิดว่าฉันฆ่าดาว”
“นี่เธอยังไม่ยอมรับผิดอีกหรือ เธอทำให้ดาวพิการ ดาวตายก็เพราะอารมณ์ของเธอ”
สองสาวมีปากเสียงกันลั่นห้อง รัญชิตาโกรธจัดที่ปริตาด่าว่าเป็นคนเห็นแก่ตัว ชอบโทษคนอื่น ความผิดตัวเองไม่เคยเห็น จึงด่ากลับว่าเธอต่างหากที่เห็นแก่ตัว คิดจะแย่งธิปไตยไปจากตน และจ้องจะเอาชนะคะคาน ตนจะไม่มีวันยอมแพ้เด็ดขาด ไล่ตะเพิดเธอไปให้พ้นหน้า แล้วคว้าของใกล้ตัวปาใส่ ปริตาตัดรำคาญ เดินสำรวจหาทางออกอีกครั้งหนึ่งเพื่อจะได้ไม่ต้องเจอหน้าอีกฝ่าย...
เนื่องจากติดต่อปริตาและรัญชิตาไม่ได้ อีกทั้งงานถ่ายแบบเสร็จตั้งแต่ตอนเย็นแล้ว ธิปไตยเห็นไม่ชอบมา พากลจะตามไปดูที่โรงงานร้าง โดยมีพลศิษฎ์และปริเทพตามไปด้วย
ooooooo
ในที่สุดปริตาก็หาทางออกเจอ เป็นช่องกระจกที่มีข้าวของบังเอาไว้ เธอหาของแข็งมาทุบจนแตกแล้วเอาลังมาต่อกัน รัญชิตาได้ยินเสียงกระจกแตก เดินมาดู เห็นปริตาดันตัวเองลอดออกไปทางช่องนั้นได้ แต่เธอไม่สามารถทำได้เพราะตัวใหญ่เกินไป ได้แต่มองตาม ใจคอไม่ดี ที่ถูกทิ้งให้อยู่ในนี้เพียงลำพัง
ปริตาออกมาเกือบถึงหน้าโรงงาน ตัดใจทิ้งเพื่อนเคยรักไม่ลง กลับไปที่ห้องนั้นเพื่อหาทางช่วยเหลือ เจอลูกกุญแจตกอยู่ รีบไขประตูเปิดให้รัญชิตาออกมา นอกจากจะไม่ได้รับคำขอบใจจากเธอแล้ว ยังถูกกล่าวหาว่าเป็นความผิดของปริตาที่เธอต้องมาติดอยู่ในนี้ คนช่วยเหลือได้แต่ส่ายหน้า ระอาใจ
ฝ่ายรัญชิตาเดินลิ่วไปถึงหน้าโรงงาน เห็นไฟหน้ารถส่องเข้ามาก็ดีใจคิดว่ามีคนมาช่วย รีบวิ่งไปหา ที่ไหนได้กลายเป็นโจร 4 คน สองคนในนั้นกรูกันเข้าหารัญชิตาหวังจะทำมิดีมิร้าย เธอถอดรองเท้าจะฟาด แต่โดนกระชากตัวปลิวจนรองเท้าหลุดมือ ปริตาเอาก้อนหินแถวนั้นปาใส่พวกโจร แล้วคว้ามือรัญชิตาวิ่งหนี
“พวกเอ็งสองคนรออยู่นี่ ตามคิวเว้ย” หัวหน้าโจรสั่งเสร็จวิ่งนำสมุนอีกคนหนึ่งไล่ตามสองสาว
อึดใจถัดมา ธิปไตย ปริเทพและพลศิษฎ์มาถึงหน้าโรงงานร้าง สมุนโจรสองคนซึ่งรออยู่ที่รถ มองหน้ากันเลิ่กลั่ก จะทำอย่างไรกันดี ธิปไตยปรี่เข้ามาถามว่าเห็นผู้หญิงสองคนอยู่แถวนี้หรือเปล่า สมุนโกหกว่าไม่เห็น รถของพวกตนเสีย รอเพื่อนมาซ่อมรถ ธิปไตยเหลือบเห็นรองเท้าผู้หญิงตกอยู่ ยังไม่ทันจะว่าอะไร เสียงปริตาร้องขอความช่วยเหลือดังฝ่าความเงียบเข้ามาเสียก่อน เขาขยับจะไปช่วย สมุนโจรทั้งสองคนปรี่มาขวาง ปริเทพกับพลศิษฎ์สกัดสองโจรไว้ให้ ขณะที่ธิปไตยตามไปช่วยเหลือปริตาและรัญชิตา
หัวหน้าโจรกับสมุนแบ่งสาวกันคนละคน ปริตาถูกหัวหน้าโจรล็อกตัว ขณะที่สมุนจับรัญชิตาเอาไว้ ธิปไตยตามมาทัน พุ่งไปจัดการหัวหน้าโจร ช่วยปริตาไว้ได้ก่อน แล้วจึงเข้าไปช่วยรัญชิตา พวกโจรตั้งหลักได้รุมเตะต่อยธิปไตย หัวหน้าโจรคว้าไม้ฟาดเขาถึงกับทรุด แล้วชักมีดจะแทงซ้ำ ปริเทพกับพลศิษฎ์เข้ามาช่วยต่อสู้ พวกโจรสู้ไม่ได้ถูกต่อยล้มกลิ้งล้มหงาย ก่อนที่หัวหน้าโจรกับสมุนจะเสียท่าให้ปริเทพกับพวก สมุนขับรถโฉบมารับ แล้วพากันเผ่นหนีฝุ่นตลบ ธิปไตยเป็นห่วงปริตารีบเข้าไปดูแล
รัญชิตาเห็นเขาห่วงปริตามากกว่าตัวเองก็ไม่พอใจ ปริเทพปราดไปแทรกกลางระหว่างธิปไตยและปริตา กันท่าสุดชีวิต ทำให้เขาต้องถอยออกมา
ooooooo
ลัดดาวัลย์รู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ดึงปริตามากอดปลอบใจ ถ้าไม่ได้ธิปไตยกับพลศิษฎ์มาช่วย หลานรักของเธอคงจะแย่แน่นอน ปริเทพต่อว่าน้าสาวว่าเรื่องอะไรถึงไปยกความดีความชอบให้คนพวกนั้น
“เทพหายโกรธคุณตรัยได้แล้ว น้าว่าเขาก็พยายามทำดีแล้ว เขายังคอยช่วยอาพัชรินทร์ด้วย”
ปริเทพไม่เห็นด้วยที่ลัดดาวัลย์จะให้อภัยธิปไตย เสหยิบนิตยสารที่ลงข่าวสัมภาษณ์ปริตา ส่งให้เจ้าตัวอ่าน ชมว่าทำดีแล้ว อย่าเพิ่งหยุดตอนนี้ เธอเอาชนะรัญชิตาได้สบาย ปริตานั่งนิ่งไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ
“เทพก็ควรให้อภัยมิ้นท์ด้วยนะ” ลัดดาวัลย์แนะ
ชายหนุ่มรีบตัดบทขอตัวไปเยี่ยมพัชรินทร์ก่อน แล้วผลุนผลันออกไป ลัดดาวัลย์เป็นกังวลกับความเจ้าคิดเจ้าแค้นของหลานชาย บอกให้ปริตาช่วยปรามๆพี่ชายตัวเองไว้บ้าง การจ้องจะล้างแค้นไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น
“ช่วงนี้น้าไม่ค่อยเห็นอ้อมใส่บาตรทำบุญเลย อย่าทิ้งสิ่งดีงามที่แม่เราสอน อย่าทิ้งความเชื่อของเรา”...
ขณะที่ปริเทพยังคิดล้างแค้นให้ปัทมาศไม่เลิกไม่แล้ว รัญชิตาอาละวาดขว้างปาข้าวของในห้องตัวเองกระจุยกระจายเนื่องจากยังแค้นปริตาไม่หาย พลศิษฎ์ไม่เข้าใจ ในเมื่อปริตามีน้ำใจช่วยไขกุญแจปล่อยเธอเป็นอิสระ ก็น่าจะทำให้กลับมาคืนดีกันได้แล้ว รัญชิตาไม่มีวันคืนดีกับผู้หญิงคนนั้นเด็ดขาด และที่สำคัญเธอต้องไปติดอยู่นั่นแถมเกือบโดนข่มขืนก็เพราะนังนั่น
“เอาเถอะ พี่คงเปลี่ยนความคิดมิ้นท์ไม่ได้ มิ้นท์จะคิดอย่างไรก็ช่าง แต่อย่าทำให้อ้อมหรือใครต้องเดือดร้อนอีก” พลศิษฎ์เตือนด้วยความหวังดี รัญชิตาไม่พอใจคว้าของใกล้มือปาใส่...
ในเวลาต่อมา พลศิษฎ์พาปริตาพร้อมด้วยกระเช้าดอกไม้มาเยี่ยมธิปไตยซึ่งได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยเธอเอาไว้ พอมอบกระเช้าให้เรียบร้อย ปริตาชวนพลศิษฎ์กลับ เขายังไม่ยอมให้ไปไหน จนกว่าจะตกลงซื้อบ้านที่สังขละบุรีซึ่งควรจะเป็นของเธอคืนจากธิปไตยให้ได้เสียก่อน แล้วหยิบเช็คค่าบ้านให้ธิปไตยซึ่งรับไปถือไว้
“บ้านของอ้อม...อ้อมซื้อเองค่ะ”
“พี่ไม่อยากให้อ้อมต้องเหนื่อยและมันก็เป็นวิธีที่ดีที่สุด อ้อมไม่ต้องมากวนคุณตรัย ไม่ต้องผิดใจกับมิ้นท์อีก”
ปริตาดึงเช็คจากมือธิปไตยคืนให้พลศิษฎ์แล้วเดินจากไป เขาเอาเช็คให้ธิปไตยอีกครั้ง ขอร้องให้รับมันไว้เรื่องจะได้จบ ธิปไตยให้เขาไปเคลียร์กับคนของเขาก่อนจะดีกว่า ไม่อยากให้มีปัญหาตามมา พลศิษฎ์รีบตาม ปริตาจนทัน แก้ตัวว่าแค่อยากจะช่วยเธอซื้อบ้านคืน
“อ้อมไม่อยากให้พี่มาร์ทกดดันอ้อมด้วยวิธีนี้”
“พี่ไม่เคยคิดจะเรียกร้องอะไรจากอ้อม พี่ให้ด้วยใจ”
“เพราะความดีของพี่นั่นแหละที่มันกดดันอ้อม ทำให้อ้อมรู้สึกผิดที่ใจร้ายกับพี่มาร์ท”
“แค่ความดีมันไม่พอหรืออ้อม” พลศิษฎ์ไม่พูดเปล่าดึงปริตามากอด ธิปไตยออกมาเห็นเข้าถึงกับชะงัก รีบถอยกลับแทบไม่ทัน ปริตาค่อยๆดันตัวพลศิษฎ์ออก ขอให้เขาแยกเรื่องความดีออกจากความรัก แล้วชวนเขากลับ พลศิษฎ์ถึงกับหน้าจ๋อยที่ไม่สามารถเปลี่ยนใจเธอได้...
ด้านปริเทพนำของฝากมาเยี่ยมพัชรินทร์ที่บ้าน เห็นนั่งพับดอกไม้จันทน์ อดถามไม่ได้ว่าทำไปทำไม
“ฉันอาสาทางวัดทำดอกไม้จันทน์ มันช่วยเตือนสติเรา สุดท้ายเราก็ต้องตาย แต่ก่อนตาย เราควรทำเพื่อคนอื่น บางทีเรามัวแต่คิดถึงตัวเอง คิดแต่เรื่องการแก้แค้น มีแต่เสียกับเสีย คนที่เราสู้ด้วยอาจเสียใจ เสียหายหรือเสียชีวิต แต่เราเองก็เสียเวลา เสียความรู้สึก หรืออาจจะต้อง เสียชีวิตด้วย ฉันรู้ว่าเธอรักและจริงใจกับดาว เธอทำทุกอย่างเพื่อดาว แต่หยุดเถอะ”
“ผมกำลังทำตามความต้องการของดาวนะครับ ดาวให้ผมแก้แค้นให้ดาว”
“ลูกฉันไม่ใช่คนอาฆาตแค้น เธออย่าหลอก
ตัวเองเลย...ชีวิตหลังความตายของฉัน มันสอนให้ฉันรู้ว่าชีวิตที่มีค่าไม่ได้อยู่เพื่อแก้แค้น แต่อยู่เพื่อให้ความรัก ให้อภัย ท่านพุทธทาสเคยกล่าวไว้ว่า ศัตรูที่น่ากลัวที่สุดคือตัวเราเอง การกระทำที่โง่เขลาที่สุด คือการหลอกลวง”...
ค่ำวันนั้น ปริเทพเฝ้าแต่ครุ่นคิดถึงคำพูดของ
พัชรินทร์ จนไม่ได้ยินเสียงปริตาเข้ามาหา เธอต้องสะกิด เขาถึงได้สติ ปริตาขอร้องเขาเช่นเดียวกับพัชรินทร์คือให้เลิกจ้องจะล้างแค้นรัญชิตากับธิปไตย เธอไม่อยากเล่นเกมนี้อีกแล้ว ไม่อยากทำให้ใครต้องเจ็บตัว ปริเทพรับคำไปอย่างนั้นเพื่อให้น้องสบายใจ พอได้อยู่ให้ห้องเพียงลำพัง เขาหยิบรูปถ่ายปัทมาศมาดูด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
“ดาว...ถ้าไม่มีใครทำเพื่อดาว พี่จะทำเอง”
ooooooo
เช้านี้มีถ่ายละครที่โรงงานร้างแห่งนั้น ทันทีที่เจอหน้าพอลลี่ รัญชิตาปรี่เข้ามาตบตีไม่ยั้ง ดอกแก้วจะเข้าไปช่วย เธอขู่จะตบหากมาวอแว ดอกแก้วไม่กล้าหือวิ่งหนีไปตั้งหลัก รัญชิตาหันมาต่อว่าพอลลี่
“เธอแกล้งฉัน เธอหลอกให้อ้อมเข้ามาในห้องแต่งตัวแล้วขังพวกฉัน”
“ฉันไม่ได้บอกให้อ้อมไปหาเธอ อ้อมใส่ร้ายฉัน”
รัญชิตาไม่เชื่อ ใครจะโง่ให้ตัวเองโดนขัง พอลลี่ไม่ละความพยายาม พูดเป่าหูให้เชื่อว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้เป็นฝีมือปริตา จังหวะนั้นปริตาเดินเข้ามาที่บริเวณกองถ่าย พอลลี่เห็นต้อยติ่งกับทีมงานเข้าไปทักทายด้วย รีบยื่นบทให้รัญชิตาดู เสนอว่าเราควรจะร่วมมือกัน ก่อนที่ปริตาจะเด่นกว่าเธอ...
ทางด้านต้อยติ่งเอามือถือคืนให้ปริตา แล้วถามว่าสงสัยใครไหมที่โดนขังไว้ในห้อง เธอปรายตามองไปที่กลุ่มของพอลลี่ ในเมื่อไม่มีหลักฐานแน่ชัด เธอคงได้แต่ระวังตัวมากขึ้น ต้อยติ่งเสนอจะเรียกมาซักรายตัวให้
“ไม่ต้องหรอกค่ะพี่ อ้อมไม่อยากให้มันบานปลาย ถ้าเอาเรื่องนี้มาขยาย แล้วข่าวหลุดไป ก็จะทำให้กองละครของเราเสียหาย”
“นางเอกชัดๆ ไม่น่าเล่นแค่ตัวประกอบเลย”
ชาญวุฒิเห็นด้วยกับลูกน้องคนสนิท ขอบใจปริตามากที่ช่วยเหลือกองละคร แล้วยื่นบทใหม่ให้เอาไปท่อง เป็นบทที่พ่ออู๊ดเพิ่มให้เธอโดยเฉพาะ แทนที่จะดีใจ ปริตา
กลับเดินถือบทออกไปด้วยสีหน้าเป็นกังวล ต้อยติ่งขยับจะไปเช่นกัน แต่ชาญวุฒิจับมือไว้ ขอให้อยู่เคลียร์กันก่อน แล้วดึงตัวไปที่มุมหนึ่งของกองถ่าย ขอร้องให้ต้อยติ่งเรียกตนว่าบอสเหมือนเดิม เธอยืนกรานจะเรียกเขาว่าคุณชาญวุฒิ เขาก็เลยแกล้งขู่จะไล่ออก
“ฉันรู้ว่าเธอผิดหวังในตัวฉัน แต่เราไม่ได้โกรธเกลียดกัน ฉันยังเห็นเธอเป็นลูกน้องที่เก่งและดี กลับมาเป็นเหมือนเดิม โลกนี้ยังมีผู้ชายดีๆให้เลือกอีกเยอะ” ชาญวุฒิตบไหล่ต้อยติ่ง ก่อนจะผละไป เธอตะโกนไล่หลัง
“ขอบคุณค่ะบอส”...
ฝ่ายปริตาเดินผ่านรัญชิตาที่จับกลุ่มนินทาอยู่กับพอลลี่และดอกแก้ว อุตส่าห์หยุดทักทาย ถามไถ่ว่าเป็นอย่างไรบ้าง เธอกลับมองเฉย ไม่พูดอะไร ปริตาถามถึงบทที่เขียนแทรกขึ้นใหม่ว่าได้แล้วหรือยัง รัญชิตาก็ยังเฉยอีก ฝ่ายตั้งคำถามจึงต้องเดินเลี่ยงออกมาทันทีที่เธอคล้อยหลัง ทั้งพอลลี่และดอกแก้วใส่ไฟกันสนุกปากโดยมีรัญชิตานั่งฟังหน้าเครียด...
เนื่องจากต้องการลดแรงปะทะ ปริตาจึงมาขอร้องให้พ่ออู๊ดกับสมภพ ยกเลิกบทแทรกที่เขียนขึ้นใหม่ จังหวะนั้นรัญชิตาเข้ามาใช้อำนาจบาตรใหญ่ในฐานะลูกสาวสปอนเซอร์หลักของละครเรื่องนี้ สั่งให้พ่ออู๊ดตัดบทที่แทรกออกให้หมด โดยไม่ฟังคำอธิบายใดๆทั้งสิ้น แม้สมภพพยายามขอร้องเธอให้เกียรติพ่ออู๊ดในฐานะผู้กำกับบ้าง รัญชิตากลับยกแม่ตัวเองขึ้นมาขู่ พ่ออู๊ดและสมภพจึงต้องทำตาม
“เธอคงเสียดายนะอ้อม ที่ฉันตัดบทของเธอทิ้ง” รัญชิตายิ้มเย้ย
“ไม่หรอก หนูอ้อมมาขอร้องให้พ่อตัดฉากพวกนั้นทิ้งเพื่อให้หนูมิ้นท์โดดเด่นขึ้น ถ้าทุกคนไม่เห็นแก่ตัว เสียสละได้ครึ่งของหนูอ้อม โลกนี้คงน่าอยู่” พ่ออู๊ดชื่นชมปริตา ทำให้รัญชิตายิ่งเสียหน้า พอปริตา ขอตัวไปเปลี่ยนชุดเตรียมเข้าฉาก เธอตามไปกระชากบทในมือมาฉีกทิ้งแล้วโยนใส่หน้า ฐานจงใจฉีกหน้าตนเอง ปริตาขอร้องให้เธอเลิกโทษคนอื่นสักที เธอต่างหากที่ทำตัวเอง รัญชิตาไม่พอใจ จะตบหน้า ปริตาคว้ามือไว้
“ฉันจะไม่ยุ่งกับเธอแล้ว เธออยากได้อะไร อยากทำอะไรก็แล้วแต่เธอ เพราะกรรมมันจะเล่นงานเธอเอง แต่อย่ามายุ่งกับฉัน เธอจะบอกให้คุณสมภพสั่งให้ตัวละครฉันตายไปเลยก็ได้ เราไม่ต้องมาปะทะกันอีก”
รัญชิตาไม่ยอมให้ตัวละครที่ปริตารับบทตายง่ายๆ แต่จะทรมานเธอ แกล้งเธอจนสาแก่ใจเสียก่อน ปริตาไม่สนคำอาฆาตมาดร้าย เดินไปยังมุมเปลี่ยนเสื้อผ้า พอลลี่กับดอกแก้วรีบเข้ามาประจบสอพลอ รัญชิตากำลังอารมณ์ค้างก็เลยวีนใส่ แถมขู่จะตัดบททั้งคู่ให้หมด แล้วเดินกระแทกเท้าจากไป ดอกแก้วกลัวเธอทำตามที่พูด พอลลี่ไม่กลัวคำขู่ หากจะต้องถูกตัดบททิ้ง ขอแกล้งรัญชิตาให้สาแก่ใจเสียก่อน
ooooooo
สมภพรอจังหวะที่ปริตาอยู่เพียงลำพัง เข้าไปปลอบใจว่าแม้ละครตอนนี้จะไม่ได้เพิ่มบทให้เธอ แต่รับรองตอนหน้าจะจัดเต็มให้ เธอไม่อยากให้เขาต้องมาลำบากเพื่อเธออีก แค่นี้เธอก็มาไกลเกินกว่าที่คิดไว้แล้ว
“ฉันสัญญาอะไรกับเธอ ฉันก็ต้องทำให้ได้ ส่วนเธอก็ต้องรักษาคำพูดกับฉันนะ”
ปริตาเห็นว่าใกล้จะถึงเส้นตายที่ต้องจ่ายเงินค่าบ้านให้ธิปไตยแล้ว ขืนรอละครปิดกล้องก่อนคงไม่ทันกาล จึงขอสมภพเบิกเงินค่าตอนทั้งเรื่องก่อน
“ฉันขอคุยกับบัญชีก่อน แล้วเรานัดคุยเรื่องนี้โดยเฉพาะ”
“ขอบคุณมากนะคะ” ปริตายกมือไหว้ เขาจับมือที่พนมของเธอไว้ก่อนจะเดินออกไป ธิปไตยซึ่งแอบดูอยู่ตลอด เข้ามากระแนะกระแหน
“เมื่อวานกอดผู้ชายคนหนึ่ง วันนี้โปรยเสน่ห์ผู้ชายอีกคน แล้วพรุ่งนี้จะเป็นใครล่ะ”
หญิงสาวไม่อยากต่อปากต่อคำด้วย เดินหนี ธิปไตยตามมาแดกดันอย่างไม่ลดละ แถมขู่จะไม่ยอมขายบ้านให้ ถ้าเงินที่เอามาจ่ายไม่ใช่เงินของเธอ
“คุณไม่ต้องห่วง เงินทุกบาทต้องมาจากการทำงานของฉัน”
“ไม่ห่วงได้ไงล่ะ เหลือเวลาไม่ถึงสิบวัน เงินไม่มาบ้านก็ไม่มี...กรรมสิทธิ์บางอย่างไม่ต้องซื้อก็ครอบครองได้ถ้าเป็นคู่สมรส” ธิปไตยไม่พูดเปล่า ขยับเข้าประชิดตัว รัญชิตาซึ่งแอบมองอยู่พักหนึ่งแล้วเห็นเขาใกล้ชิดกับศัตรูหัวใจก็ไม่พอใจ ปรี่เข้าหา แต่ยังไม่ทันจะเปิดศึกอะไรด้วย ปริเทพเข้ามาพาตัวปริตาออกมาเสียก่อน
ธิปไตยรีบตัดบท บอกให้รัญชิตาไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว เธอไม่ยอมไป ขอคุยเรื่องบ้านของปริตาที่สังขละบุรีซึ่งเธอได้ยินทั้งคู่คุยกันเมื่อครู่นี้ก่อน รัญชิตาไม่อยากรู้เหตุผลที่เขาซื้อบ้านหลังนั้น เพราะรู้ไปก็ไร้ประโยชน์ แค่ต้องการให้เขาขายมันให้เธอ
“ผมว่าเราค่อยคุยเรื่องนี้ ใกล้เวลาแล้ว คุณควรไปเตรียมตัวได้แล้ว”
“คุณอย่าลืมที่รับปากมิ้นท์นะคะ คุณจะอยู่ห่างอ้อม คุณจะไม่ทำให้มิ้นท์ไม่สบายใจ เพื่อความสุขของคุณแม่คุณ” รัญชิตาไม่วายพูดเป็นทำนองข่มขู่ ธิปไตยไม่พอใจ แต่ต้องข่มอารมณ์เอาไว้
ooooooo
ระหว่างเดินมาตามทาง ปริเทพอดถามไม่ได้ว่าธิปไตยทำอะไรปริตาหรือเปล่า เธอไม่อยากให้มีเรื่องจึงโกหกว่าเขาแค่ทักทายเท่านั้น แล้วถามพี่ชายว่ามาที่นี่ทำไม
“พี่ชาญให้พี่มาช่วย บอกว่าวันนี้มีถ่ายฉากใหญ่ เป็นฉากไฟไหม้ ให้พี่มาช่วยดูเรื่องวางตำแหน่งไฟ พี่ชาญอยู่ไหนล่ะ” ครู่ต่อมา ปริตาพาปริเทพมาหาชาญวุฒิ
“น้องเทพมาแล้ว พี่มีข่าวเปลี่ยนแปลงอะ ตอนแรกพ่อเขาอยากให้จุดไฟเผาจริง แต่ดูสถานการณ์แล้ว อันตรายเกินไป พ่อเปลี่ยนใจทำซีจีภาพไฟไหม้ทั้งหมด”
ปริเทพแย้งว่าภาพออกมาจะไม่สมจริง ชาญวุฒิจำต้องเลือกความปลอดภัยของนักแสดงไว้ก่อน แม้ฉากนี้จะมีรัญชิตาแสดงเพียงคนเดียวก็ตาม ปริตาเห็นด้วยกับเขา จะมีตัวละครกี่ตัวเข้าฉาก ก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อน
จังหวะนั้นทีมงานถือแกลลอนใส่น้ำมัน 2 ใบเดินผ่านมา ชาญวุฒิตะโกนบอกให้เอาไปเก็บไว้ในรถได้เลย ไม่ต้องใช้แล้ว จากนั้นก็หันมาขอบใจปริเทพที่มาช่วย อีกสักครู่เขาจะจ่ายค่าเสียเวลาให้
“ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจมาช่วย งั้นผมขออยู่ดูฉากสำคัญนะครับ น่าจะตื่นเต้น”
ปริตาแปลกใจคำพูดของพี่ชายตัวเอง แต่ไม่ติดใจสงสัยอะไร ขอตัวไปเปลี่ยนชุดก่อน ชาญวุฒิเองก็ต้องไปเช่นกัน ต้องไปเตรียมเซตฉาก ปริเทพคิดแผนชั่วบางอย่างขึ้นมาได้ เดินตามทีมงานที่ขนถังน้ำมันไปไว้ที่รถ...
หลังจากนักแสดงสาวทั้งสี่คนเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย ชาญวุฒิสรุปบทคร่าวๆให้ฟังว่าฉากนี้เป็นเหตุการณ์ที่รัญชิตาในคราบรดาแย่งแฟนกลับมาได้ ทำให้จ๊อยส์ซึ่งรับบทโดยพอลลี่โกรธ จึงรวมหัวกับเพื่อนที่แสดงโดยดอกแก้วจับรดามาขังแล้วจะเผาไฟ เพื่อกันความผิดพลาด ชาญวุฒิอยากให้ซ้อมคิวกันก่อน
“เราเริ่มช้าแล้วยังมีฉากต้องถ่ายอีก ผมว่าไม่ต้องซ้อมหรอก พ่ออู๊ดว่าไงครับ” สมภพมองอย่างรอคำตอบ
พ่ออู๊ดไม่ขัดข้อง นักแสดงสาวทั้งสี่คนก็ไม่ขัดข้องเช่นกัน ชาญวุฒิตะโกนเรียกให้ฝ่ายเสียงมาติดไมค์ได้เลย พ่ออู๊ดห้ามไว้ ฉากนี้เขาไม่ต้องการเสียงตัวละคร ปริตาทักท้วง ตัวละครในฉากมีบทพูดกันด้วย
“ทุกคนพูดตามบทที่เขียนมา พ่ออนุญาตให้พูดเพิ่มตามอินเนอร์ตัวละครได้”
“ไม่เอาเสียงแล้วคนดูจะสนุกได้ไงคะ” รัญชิตาตั้งข้อสังเกต พ่ออู๊ดอธิบายว่าคนดูสนุกด้วยแอ็กชั่นในภาพอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องใช้เสียง และย้ำว่านี่เป็นฉากใหญ่ของเรื่อง ให้ทุกคนรับส่งอารมณ์ให้เต็มที่ ขอเทกเดียวเท่านั้นสาวๆ พยักหน้ารับคำแล้วเดินไปที่ฉาก ชาญวุฒิเรียกปริตาไว้
“อ้อมรอก่อนนะ จบฉากนี้แล้วต่อเนื่องเหตุการณ์ที่อ้อมเข้าไปช่วยรดา”...
อีกมุมหนึ่งในกองถ่ายละคร ศิโรจน์เห็นต้อยติ่งแบกถังดับเพลิงใบใหญ่มาตามทาง รีบเข้ามาช่วยถือ แล้วถามว่าจะเอามาทำไม เธออธิบายว่าฉากนี้เป็นฉากไฟไหม้ ต้องเตรียมไว้ดับไฟ
“เอ้าเหรอ นึกว่าเอามาดับไฟรักของเธอ...ไม่สิ ไฟรักของเธอมันมอดสนิทแล้ว”
“เดี๋ยวไล่ตะเพิดออกจากกอง”
ขณะที่สองคนแซวกันไปกระเซ้ากันมา ชาญวุฒิเข้ามาบอกต้อยติ่งว่าถังดับเพลิงไม่ต้องใช้ ไม่มีการจุดไฟแล้ว ศิโรจน์เสนอแนะให้มีเผื่อไว้ ไม่เสียหายอะไร ต้อยติ่งเห็นด้วยกับเขา
“เอาไปเก็บ...แล้วไปประจำท่ี” ชาญวุฒิสั่งเสร็จ กลับไปเตรียมงาน...
เนื่องจากไม่มีฉากไฟไหม้จริงแล้ว แกลลอนน้ำมันจึงถูกแทนที่ด้วยแกลลอนน้ำ ทีมงานที่ดูแลเรื่องของประกอบฉาก สั่งให้ผู้ช่วยยกแกลลอนน้ำไปเข้าฉากได้ โดยไม่ล่วงรู้เลยว่าแกลลอนที่ตัวเองยกไปนั้นถูกปริเทพสลับเอาแกลลอนน้ำมันมาวางแทนที่ หวังจะให้เกิดไฟไหม้ขึ้นจริงๆ เพื่อล้างแค้นรัญชิตา
ooooooo
เหตุการณ์ไม่เป็นไปตามแผนของปริเทพ รัญชิตาไม่ได้อยู่ในฉากไฟไหม้เพียงลำพังอย่างในบทเดิม พ่ออู๊ดเกิดอยากจะปรับบทเพิ่ม เรียกปริตาเข้ามาคุยพร้อมกับชาญวุฒิ
“หนูอ้อม...พ่อขอปรับคิว ถ้ารอจุดไฟแล้วเข้าไปช่วย มันไม่สมจริง ระหว่างที่รดาถูกลากเข้าไปในห้อง ยื้อยุดกัน หนูอ้อมเข้าไปช่วยเลย”
“อ้อมก็ติดอยู่ในกองไฟด้วยสิครับ”
“พ่ออยากให้คนดูรักและสงสารตัวละครตัวนี้”
ชาญวุฒิยิ้มพอใจที่พ่ออู๊ดช่วยผลักดันให้ปริตาเด่นขึ้น แล้ววิทยุแจ้งต้อยติ่งเรื่องที่มีการเปลี่ยนคิว...
ทางฝ่ายพอลลี่ต้องการแก้เผ็ดรัญชิตาที่ชอบวางก้าม แอบนัดแนะดอกแก้วตอนที่ต้องมีฉากลากนังนั่นเข้าไปมัด ให้เล่นให้หนักมือไม่ต้องยั้ง ถ้าเกิดมันโวยวายให้อ้างว่าอินกับบท รัญชิตาเห็นปริตาเดินเข้ามาที่หน้าเซต แว้ดใส่ว่ามาทำไมไม่มีเธอเข้าฉากสักหน่อย ต้อยติ่งแจ้งว่าพ่ออู๊ดปรับบทให้ปริตาเข้ามาช่วยรัญชิตาเร็วขึ้น พอพอลลี่ลากเธอไปมัด ปริตาเข้าไปช่วยทะเลาะยื้อกันแล้วค่อยจุดไฟ
ทีมงานถือแกลลอนน้ำเข้าไปวางในห้องด้านในซึ่งใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำ ต้อยติ่งร้องเรียกไว้ ขอตรวจดูในแกลลอนให้แน่ใจก่อนว่าเป็นน้ำไม่ใช่น้ำมัน รัญชิตาสั่งไม่ให้เธอเรื่องมาก ตนรอจนหน้ามันแล้ว
“แต่ถ้ามันพลาดเป็นน้ำมันจริงๆ น้องมิ้นท์จะแย่นะคะ” ต้อยติ่งท้วง
“มันไม่มีอะไรแย่กว่าการเผชิญหน้ากับคนที่มิ้นท์เกลียดอีกแล้ว” รัญชิตาปรายตามองปริตา พอลลี่และดอกแก้ว ต้อยติ่งตัดรำคาญ บอกทีมงานเอาแกลลอนไปวางได้เลย แล้ววิทยุแจ้งชาญวุฒิว่าทุกอย่างพร้อมแล้ว พ่ออู๊ดมองจากจอมอนิเตอร์เห็นทีมงานวางแกลลอนน้ำไว้ตรงจุดมาร์กกิ้งเรียบร้อย สั่งแอ็กชั่นทันที
พอลลี่และดอกแก้วฉุดกระชากลากถูรัญชิตาเข้าไปในห้องตามบท แม้ภาพจะดูรุนแรง จนชาญวุฒิร้องขอให้พ่ออู๊ดสั่งคัต แต่สมภพกลับห้ามไว้เพราะถูกใจคอซาดิสต์อย่างเขา พอสองสาวจับรัญชิตามัดไว้กับเก้าอี้ ปริตาก็เข้ามาในฉาก เพื่อจะช่วย กลับถูกจับมัดไปด้วย ธิปไตยซึ่งยืนดูอยู่กับชาญวุฒิหน้าจอมอนิเตอร์ เห็นดอกแก้วมัดปริตาแน่นหนาเกินเหตุก็ทักท้วงว่าไม่แน่นไปหรือ ถึงฉากไฟไหม้จะแก้เชือกหนีไม่ทัน
“ไม่มีการเผาไฟจริงครับ เราใช้น้ำแทนน้ำมัน”
“คนดูอย่างคุณตรัยยังอินและเป็นห่วงตัวประกอบของผม พอละครออนแอร์ เรตติ้งต้องออกมาดีแน่” สมภพแดกดัน ธิปไตยไม่สนใจฟัง ดูภาพในจอมอนิเตอร์ต่อไป หลังจากมัดปริตาเรียบร้อย พอลลี่กับดอกแก้วคว้าแกลลอนน้ำคนละถัง เดินราดไปทั่วห้อง กลิ่นน้ำมันโชยเตะจมูก ดอกแก้วกระซิบกับเพื่อนซี้ ทำไมน้ำในนี้กลิ่นคล้ายน้ำมัน พอลลี่เองก็ได้กลิ่นเช่นกัน แทนที่จะหยุดกลับราดจนหมดถัง
รัญชิตาและปริตาได้กลิ่นน้ำมันก็ร้องทัก แต่พอลลี่ไม่สนใจ หยิบไฟแช็กออกมาเตรียมจุด ปริตาร้องลั่น
“อย่าจุดไฟนะพอลลี่”
ปริเทพเดินมาที่หน้าจอมอนิเตอร์เห็นปริตาอยู่ในฉากด้วย ถึงกับหน้าตาตื่น ร้องเอะอะว่าในบทไม่มีเธอเข้าฉากไม่ใช่หรือ ชาญวุฒิชี้แจงว่ามีการเปลี่ยนหน้างาน ปรับบทให้ปริตาเข้ามาเร็วขึ้น ปริเทพใจเสีย จะร้องห้าม แต่ไม่ทัน พอลลี่โยนผ้าที่จุดไฟใส่พื้นซึ่งเต็มไปด้วยน้ำมัน ไฟลุกพึ่บ ปริเทพรีบวิ่งไปที่หน้าเซตทันที
“ไฟไหม้! ทีมงานเข้าไปดับไฟเร็วๆ” ชาญวุฒิตะโกนโหวกเหวก แล้วลุกออกไปโดยมีธิปไตยวิ่งตาม
“เกิดอะไรขึ้นกับนักแสดงของผม ละครผมเจ๊งแน่” สมภพหันไปต่อว่าพ่ออู๊ดที่ยังตะลึงไม่หาย
ooooooo
ไฟเริ่มโหมแรงขึ้น แทนที่พอลลี่กับดอกแก้วจะช่วยแก้มัดให้สองสาว กลับพากันวิ่งหนีไม่คิดชีวิต พร้อมกับร้องไปตลอดทางว่าไฟไหม้ๆ ช่วยด้วย ปริเทพจะเข้าไปในห้องนั้น แต่เปลวไฟที่ทางเข้ารุนแรงฝ่าเข้าไปไม่ได้ ตัดสินใจวิ่ง
ไปหาตัวช่วย ต้อยติ่งมาถึงหน้าห้อง ตะโกนลั่น
“น้องอ้อมกับน้องมิ้นท์ติดอยู่ด้านใน ใครก็ได้ช่วยที”
ชาญวุฒิเข้ามาสั่งการให้ต้อยติ่งไปเอาถังดับเพลิงมา แล้วร้องเรียกทีมงานให้เอาน้ำมาดับไฟ...
ภายในห้อง ปริตาพยายามดิ้นสุดฤทธิ์เพื่อให้เชือกที่มัดคลายออก แต่เชือกแน่นมาก ขณะที่รัญชิตาถูกมัดไว้หลวมกว่า แก้เชือกตัวเองหลุด จะวิ่งหนี เธอร้องเรียกให้ช่วยแก้มัดให้ด้วย รัญชิตาลังเล แต่สุดท้ายก็หันหลังวิ่งหนี ปริเทพเอาผ้าชุบน้ำจะวิ่งฝ่าเข้าไป เจอเธอวิ่งออกมาก่อนจะทรุดฮวบเพราะสำลักควัน เขาต้องประคองเธอออกไปให้ห่างเปลวไฟ สวนกับธิปไตยที่ถือผ้าชุบน้ำเข้ามา ไม่เห็นปริตาอยู่ด้วยก็ถามหา
“อ้อมยังติดอยู่ข้างในครับ”
ธิปไตยร้อนใจมาก จะรีบไปช่วยแต่ไฟโหมไหม้ปิดทางเข้า รัญชิตาเห็นความพยายามของเขาที่จะเข้าไปช่วยปริตา โดยไม่สนใจเธอแม้แต่น้อยก็ยิ่งช้ำใจ สมภพตามมาสมทบ ปริเทพจึงส่งรัญชิตาให้เขาดูแลแทน จังหวะนั้น ศิโรจน์และต้อยติ่งหิ้วถังดับเพลิงเข้ามา ปริเทพเข้าไปคว้าถังดับเพลิงจากมือต้อยติ่งมาช่วยกันกับศิโรจน์ฉีดดับไฟที่ลุกโชนหน้าห้องเพื่อเปิดทางเข้าไป ธิปไตยกลัวไม่ทันกาล วิ่งอ้อมไปอีกทางหนึ่ง
ในที่สุด ปริตาก็แก้เชือกมัดตัวเองจนหลุด แต่หาทางออกไม่ได้ สำลักควัน ใกล้หมดสติ ธิปไตยที่มาจากอีกด้านหนึ่ง เข้าไปอุ้มเธอไว้ อึดใจปริเทพกับศิโรจน์ดับไฟเปิดทางให้เขาอุ้มปริตาออกมาได้สำเร็จ ธิปไตยรีบหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ รัญชิตามองออกภาพนั้นด้วยความริษยา สักพักปริตารู้สึกตัวลืมตาขึ้น
“น้องอ้อมฟื้นแล้ว น้องอ้อมปลอดภัยแล้ว” ชาญวุฒิดีใจตะโกนลั่น
ทุกคนพากันโล่งใจที่เธอรอดชีวิต มีเพียงรัญชิตาซึ่งผิดหวังอย่างแรง ที่ศัตรูหัวใจยังไม่ตาย
ooooooo
เหตุการณ์ที่ปริตาเกือบจะถูกไฟคลอกตาย ทำให้ปริเทพตระหนักแล้วว่าความอาฆาตแค้นไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้น ตัดสินใจสารภาพผิดกับน้องทั้งน้ำตาว่าเป็นคนเปลี่ยนแกลลอนน้ำเป็นน้ำมัน หวังจะให้รัญชิตาโดนไฟไหม้ คาดไม่ถึงผู้กำกับจะเพิ่มบทเธอเข้าไปในฉากด้วย ปริตาอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะต่อว่า
“พี่เทพไม่น่าทำอย่างนี้เลย ถ้าสืบสวนมาถึงตัวพี่ พี่ต้องติดคุกแล้วอ้อมจะอยู่กับใคร อ้อมไม่มีใครแล้วนะ”
ปริเทพขอร้องให้น้องสาวอภัยให้กับทุกเรื่องที่ตนเองทำไม่ดีไว้ รวมทั้งเรื่องปัทมาศด้วย เธอแปลกใจ ปัทมาศเกี่ยวอะไรด้วย เขายอมเปิดปากเล่าเหตุการณ์ในวันที่ปัทมาศตกตึกตายให้ฟัง
“ดาวให้พี่ขอโทษมิ้นท์ แต่พี่ปลูกฝังให้อ้อมเกลียดชังมิ้นท์ พี่ผิดไปแล้ว อ้อมอย่าโกรธอย่าเกลียดพี่นะ”
“พี่เทพ อ้อมจะโกรธจะเกลียดพี่ได้ยังไง พี่เทพเป็นพี่ที่อ้อมรักมากที่สุด...มิ้นท์ อ้อมปลอดภัย ไม่มีใครเป็นอะไร พี่เทพต้องสัญญากับอ้อม พี่จะไม่ทำร้ายใครอีก สัญญากับอ้อมสิจ๊ะ”
“พี่สัญญา พี่ยินดีจะชดใช้ความผิดทั้งหมด” ปริเทพโผกอดเธอไว้ สองพี่น้องต่างสวมกอดกันร้องไห้...
ในเวลาเดียวกัน รัญชิตาอดคิดถึงเหตุการณ์เมื่อวานไม่ได้ ยิ่งตอนที่ธิปไตยพยายามจะฝ่าเปลวเพลิงเข้า
ไปช่วยปริตาโดยไม่คำนึงถึงชีวิตตัวเองก็ยิ่งโกรธแค้น คว้ากระเป๋าถือกับกุญแจรถลงมาข้างล่าง เจอพลศิษฎ์หิ้วกระเช้าของเยี่ยม ชวนเธอไปเยี่ยมปริตาด้วยกัน รัญชิตายังไม่ทันจะว่าอะไร ชาลินีปราดเข้ามากระชากของเยี่ยมในมือลูกชายโยนทิ้ง สั่งห้ามยุ่งเกี่ยวกับปริตาอีก ไม่อย่างนั้นไม่ต้องมาเรียกตนว่าแม่
“แล้วนี่แกจะไปไหนยัยมิ้นท์”
“มิ้นท์จะไปหาคุณตรัยค่ะ”
ชาลินีไม่ให้ไป ธิปไตยต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายมาเยี่ยมลูกซึ่งป่วยอยู่ ทำแบบนี้แสดงว่าเขาไม่ได้รักเธอ รัญชิตาเถียงเสียงกร้าวว่าเขารักเธอ แต่เขาได้รับบาดเจ็บเนื่องจากช่วยชีวิตเธอไว้ เธอจึงต้องไปเยี่ยมเขา
“ไม่ต้องไป ถ้าเขารักแก ไม่ว่าเขาจะเป็นจะตาย เขาต้องมาหาแก นอกเสียจากเขาไม่ได้รักแก”
“มิ้นท์จะพาคุณตรัยมาที่นี่ค่ะ มากราบขอโทษคุณแม่ แล้วสู่ขอมิ้นท์ค่ะ” รัญชิตาพูดจบ ผลุนผลันออกไป ชาลินีไม่พอใจมาก สั่งให้พลศิษฎ์ไปเอารถออก
ooooooo
ในเวลาต่อมา ที่คฤหาสน์ของเสาวลักษณ์ ธิปไตยคว้ากุหลาบสีขาวช่อใหญ่กำลังจะออกจากบ้าน เสาวลักษณ์เข้ามาเร่งให้ลูกรีบไปเยี่ยมรัญชิตาป่านนี้รอแย่แล้ว เขาปฏิเสธว่าไม่ได้ไปเยี่ยมรัญชิตา แต่จะไปหาปริตาต่างหาก เสาวลักษณ์ต่อว่าว่าเรื่องอะไรต้องไปหาผู้หญิงคนนั้น คนที่เขาต้องแคร์คือรัญชิตา
“ผมคิดว่าถ้าคุณแม่ได้รู้จักคุณมิ้นท์ เห็นพฤติกรรมของคุณมิ้นท์เหมือนผม คุณแม่จะเข้าใจผม”
“ฉันไม่เข้าใจกับสิ่งที่แกทำ แกยอมเสี่ยงตายไปช่วยผู้หญิงคนนั้นเพื่ออะไรกัน”
“เพราะผมรักอ้อมครับ” ธิปไตยสารภาพโดยไม่ทันเห็นรัญชิตายืนอยู่ที่มุมหนึ่ง “ที่ผ่านมา ผมอาจลังเลไม่แน่ใจ แต่ผมตอบตัวเองได้แล้ว ผู้หญิงที่ผมจะฝากชีวิตไว้ด้วยคืออ้อม”
เสาวลักษณ์ยังไม่ทันจะต่อว่าอะไรลูก เหลือบเห็นรัญชิตายืนอยู่ถึงกับร้องเอะอะ หญิงสาวเสียใจและผิดหวังกับคำพูดของธิปไตย หันหลังกลับ เสาวลักษณ์รีบตามจนทัน แต่งเรื่องว่าธิปไตยไม่ได้คิดอย่างที่พูด เขาแค่จะประชดท่านเท่านั้น รัญชิตาเห็นธิปไตยตามมายิ้มอย่างถือไพ่เหนือกว่า
“มิ้นท์เชื่อคุณป้าค่ะ ถ้ามันเป็นอย่างที่คุณป้าพูด คุณตรัยพูดกับมิ้นท์สิคะว่าคุณรักมิ้นท์ ไม่อย่างนั้น คุณป้าคงต้องไปแก้ตัวกับคุณแม่ของมิ้นท์ค่ะ” รัญชิตาข่มขู่ ธิปไตยโพล่งขึ้นอย่างเหลืออดว่าไม่ได้รักเธอ
ชาลินีได้ยินเต็มสองหูก็โวยวายลั่น “คุณพี่คะ นี่มันหมายความว่ายังไง...กี่ครั้งแล้วที่ลูกชายคุณพี่ทำร้ายจิตใจลูกดิฉันดิฉันต้องการความรับผิดชอบค่ะ”
“ค่ะ พี่พร้อมให้ลูกตรัยรับผิดชอบหนูมิ้นท์ พี่จะเชิญนักข่าวมาทำข่าวประกาศแต่งงานกันค่ะ หนูมิ้นท์จะได้เลิกกังวลใจลูกตรัยสักที”
ธิปไตยไม่มีวันแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักเด็ดขาด รัญชิตาเองก็รู้แก่ใจดีว่าเขารู้สึกอย่างไรกับปริตา เธอเดินหนีไม่อยากฟังอะไรทั้งสิ้น เขาตะโกนไล่หลัง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะแต่งงานกับปริตา หญิงสาวหันขวับ
“อ้อมโกรธเกลียดคุณ อ้อมไม่มีวันแต่งงานกับคุณ”
“ถึงอ้อมจะไม่รักผม ถึงผมจะไม่มีใคร ผมก็ไม่ได้รักคุณ” ธิปไตยประกาศเจตนาชัดแจ้ง รัญชิตาทั้งโกรธทั้งเสียใจ ตบหน้าเขาแล้วจ้ำพรวดๆออกจากบ้าน เสาวลักษณ์ ยังไม่ทันจะอ้าปากพูดอะไร ชาลินีโบกมือห้าม แล้วขอถอนหุ้นทั้งหมดจากบริษัทของเธอ ก่อนจะเดินออกไปอย่างอารมณ์บูดโดยมีพลศิษฎ์ตามติด เสาวลักษณ์จะตามไปอธิบายแต่ธิปไตยห้ามไว้ เธอฉุนขาดตบลูกหน้าหันที่ทำทุกอย่างพังพินาศเพราะความเห็นแก่ตัว
“ผมพยายามทำดีที่สุดแล้ว แต่ผมฝืนใจตัวเองให้อยู่กับคนที่ผมไม่รักไม่ได้”
เสาวลักษณ์เครียดจัด ถึงกับเป็นลมล้มพับ ธิปไตยรีบประคองไว้ก่อนจะหัวฟาดพื้น
ooooooo
ชาญวุฒิแวะมาเยี่ยมปริตาที่บ้าน พร้อมกับขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทีมงานทุกคนรู้สึกไม่ดีที่สะเพร่าจนเธอเกือบเอาชีวิตมาทิ้ง ลัดดาวัลย์ต้องการให้เขาสืบให้ได้ใครกันแน่ที่สลับแกลลอนน้ำกับน้ำมัน จงใจให้เกิดไฟไหม้ งานนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ ปริตากลัวจะสาวไปถึงพี่ชายตัวเองรีบออกตัว
“อ้อมปลอดภัยแล้ว ละครใกล้ออนแอร์ อ้อมไม่อยากให้คุณสมภพมีปัญหา พี่ชาญฝากบอกคุณสมภพด้วยนะคะ อ้อมไม่ติดใจเอาความค่ะ”
“พี่ก็ขอบคุณน้องอ้อมด้วย ไม่งั้นพี่ก็ติดร่างแหคดีนี้ด้วย ทีมงานทุกคนคงดีใจที่รอดคุก พี่จะให้ทุกคนปิดปากเงียบ” ชาญวุฒิมองเธอซาบซึ้งใจ ลัดดาวัลย์หวั่นจะเกิดเรื่องอีกแนะให้ปริตาถอนตัว เธอทำไม่ได้ อีกไม่กี่ฉากก็จะปิดกล้องแล้ว ชาญวุฒิสัญญาจะดูแลปริตาให้ดีที่สุด จังหวะนั้นต้อยติ่งถือช่อกุหลาบสีขาวของธิปไตย เข้ามาให้ปริตาโดยที่ไม่ได้แนบการ์ดว่าใครเป็นคนส่งให้
“คนส่งนี่รู้ใจอ้อมนะ รู้ว่าอ้อมชอบสีขาว” ลัดดาวัลย์กระเซ้า ต้อยติ่งตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นพลศิษฎ์
“ไม่น่าใช่ พี่มาร์ทไม่เคยฝากใครส่งของให้อ้อมนอกจากมาด้วยตัวเอง” ปริตามองช่อกุหลาบครุ่นคิดสงสัยว่าน่าจะเป็นธิปไตยส่งมาให้ รู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก...
แม้ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลแต่อาการปลอกประสาทกำเริบครั้งนี้ของเสาวลักษณ์หนักเอาการ สายตาพร่ามัว ร่างกายไม่มีแรง เคลื่อนไหวไม่ได้ หมอสั่งให้หลีกเลี่ยงเรื่องเครียดๆ กินยาให้ครบ และต้องพักผ่อนมากๆ ธิปไตยนั่งลงข้างเตียงจับมือแม่ซึ่งยังคงหมดสติมากุมไว้ ขอโทษที่เป็นต้นเหตุให้ท่านต้องล้มป่วย
“ผมจะพยายามทำทุกอย่างให้ดีขึ้น ให้คุณแม่กลับมาเหมือนเดิมครับ” ธิปไตยน้ำตาคลอเบ้า...
ค่ำวันเดียวกันที่ผับเจ้าประจำ พอลลี่ชวนดอกแก้วดื่มฉลองที่ทำให้ยัยใบมิ้นท์เน่าถึงกับหน้าถอดสี กลัวตายจนตัวสั่น สองสาวตัวแสบไม่ทันเห็นคนที่ตัวเองนินทายืนฟังอยู่ที่มุมหนึ่ง ยังคงเม้าท์กันสนุกปาก
“เสียดายที่มันไม่เสียโฉมหรือตายไปซะ ฉันก็คงได้เล่นแทนมัน” พอลลี่ว่าแล้ว ดื่มเหล้ารวดเดียวหมดแก้ว พลันสายเหลือบไปจ๊ะเอ๋รัญชิตา ยังไม่ทันจะตั้งตัว ฝ่ายนั้นพุ่งเข้ามาตบล้มคว่ำ ดอกแก้วรู้ฤทธิ์เดชคู่อริดีไม่กล้าเข้าไปช่วยได้แต่ร้องวี้ดว้าย รัญชิตาชี้หน้าพอลลี่อย่างเอาเรื่องที่จงใจจะเผาตนทั้งเป็น รู้ว่าในแกลลอนเป็นน้ำมันก็ยังเอามาราดจนหมดถัง เธอแก้ตัวน้ำขุ่นๆ คิดว่าทีมงานใส่กลิ่นน้ำมันเพื่อให้เหมือนจริง
“นี่เธอแยกไม่ออกหรือว่าเป็นน้ำหรือน้ำมัน เหมือน กับที่แยกไม่ออกว่าอะไรดีอะไรชั่ว”
พอลลี่ไม่วายปากดีเถียงสู้ รัญชิตาปรี๊ดแตก จิกหัวเธอมาตบตีแล้วคว้าถังน้ำแข็งใกล้มือราดหัว ดอกแก้วก็พลอยโดนหางเลขไปด้วย รัญชิตาแค้นจัดขู่จะตัดทั้งคู่ออกจากละคร พอลลี่จะตบคืน แต่ต้องชะงักเมื่อเห็น
นักเที่ยวคนหนึ่งถ่ายคลิปอยู่ รีบเปลี่ยนท่าทีเป็นน่าสงสาร อ้อนวอนอย่าถอดพวกตนออก รัญชิตาตบตีจนสาแก่ใจแล้ว เดินกระแทกเท้าจากไป นักเที่ยวเข้ามาช่วยกันประคองสองสาว พอลลี่รีบบอกคนถ่ายคลิป
“พี่กับเพื่อนผิดใจกันนิดหน่อยพี่ไม่อยากให้คลิปหลุดไป มันจะเสียเพื่อน ส่งให้พี่แล้วลบทิ้งนะคะ”
นักเที่ยวคนนั้นไม่ทันเล่ห์เหลี่ยม ส่งคลิปให้อย่างที่ พอลลี่ร้องขอ ดอกแก้วอดถามไม่ได้ว่าเพื่อนคิดจะทำอะไรกันแน่ เธอต้องการจะแก้แค้นรัญชิตา ใครทำให้เธอเจ็บ มันต้องเจ็บทั้งครอบครัว
ooooooo
พอลลี่ไม่รอช้าเดินตามแผนล้างแค้นในเช้าวันถัดมา โดยมาเตร่อยู่หน้าบ้านพิชัย เห็นรถของเขายังอยู่ รีบโทร.เข้ามือถือ พิชัยเห็นเบอร์โชว์หน้าจอก็ตัดสายทิ้ง จะเก็บเข้ากระเป๋า ชาลินีไวกว่าแย่งมือถือไปดูเห็นชื่อ “เพื่อน 1”โทร.มา จัดแจงจะไล่ดูรายชื่อว่าเป็นใคร แต่พิชัยแย่งคืนได้ก่อน อ้างว่าเป็นเพื่อนร่วมธุรกิจด้วยกัน
“อย่าให้ฉันจับได้นะ ฉันหมดความอดทนแล้วที่ปล่อยให้คุณออกไปหากินนอกบ้าน”
จังหวะนั้น รัญชิตาลงมาจากข้างบนเตรียมจะไปถ่ายละคร ชาลินีแว้ดใส่ทันที ยังมีหน้าจะไปพบปะผู้คนอีกหรือ แล้วคว้าหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวรัญชิตาทำร้ายพอลลี่กับดอกแก้วปาใส่หน้า ต่อว่าลูกว่าทีหน้าทีหลังจะทำอะไรให้คิดก่อนทำ ภาพนางเอกของเธอกลายเป็นนางร้ายไปแล้ว
“ก็พวกมันยั่วโมโหมิ้นท์ ยัยพอลลี่ตัวดี มันตั้งใจจะราดน้ำมันเผามิ้นท์”
พิชัยไม่พอใจที่พอลลี่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ไฟไหม้กองถ่ายเมื่อวันก่อน แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไร ยัยตัวแสบเดินนวยนาดเข้ามาในบ้านเสียก่อน รัญชิตาเดือดปุดๆ ตะคอกถามว่ามาที่นี่ทำไม
“โทร.หาสามีแต่สามีไม่รับสายก็ต้องมาคุยให้ถึงที่ คุณอาคิดถึงพอลลี่ไหมคะ พอลลี่คิดถึงคุณอานะคะ”
ชาลินีโวยวายว่านี่มันหมายความว่าอย่างไร พอลลี่ ประกาศเสียงดังฟังชัดว่าตัวเองเป็นเมียอีกคนหนึ่งของพิชัย จะมาทวงห้องพักในคอนโดฯที่ชาลินีร่วมทุนสร้างซึ่งเขาสัญญาจะโอนให้เธอ แต่ไม่เห็นจัดการสักที พิชัยแก้ตัวเป็นพัลวันว่าถูกใส่ร้ายป้ายสี เขาไม่เคยเกี่ยวข้องอะไรด้วย
พอลลี่หยิบรูปถ่ายพิชัยกำลังกอดจูบตนเองให้ชาลินีดูเพื่อยืนยันคำพูด ถ้ายังไม่เชื่อเธอยินดีจะบอกตำหนิไฝฝ้าบนตัวเขาให้ ชาลินีแค้นใจมาก ที่ถูกเพื่อนของลูกสาวตัวเองแย่งผัว ร้องกรี๊ดๆลั่นบ้าน ก่อนจะเป็นลมล้มพับ พลศิษฎ์รีบเข้าไปพยุงแม่ ขณะที่พิชัยลากพอลลี่ออกนอกบ้าน รัญชิตาจะตามไปเอาเรื่อง แต่พลศิษฎ์เรียกให้มาช่วยดูแลแม่ก่อน ฝ่ายพิชัยเหวี่ยงพอลลี่จนล้ม เงื้อมือจะตบซ้ำ เธอขู่ หากเขาทำร้ายจะไปแจ้งความ
“เธอต้องการอะไร ถ้าจะเอาคอนโดฯ ฉันให้ไม่ได้”
พอลลี่รู้ว่าคำตอบของเขาจะเป็นแบบนี้ ดังนั้น หากเขาไม่อยากให้ชื่อเสียงทางธุรกิจป่นปี้ หรือคลิปที่ลูกของเขาตบตีเธอว่อนเน็ต ให้โอนเงินมาให้ 5 ล้านบาท แลกกับความย่อยยับของครอบครัวของเขา
ooooooo










