สมาชิก

กุหลาบเล่นไฟ

ตอนที่ 13

อัลบั้ม: วี วีรภาพ คั่ว 3 นางเอก 'นาว-โบว์-เซฟ' เพื่อนรักหักสวาทใน “กุหลาบเล่นไฟ”

พัชรินทร์ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา หมอช่วยรักษาจนพ้นขีดอันตรายจึงอนุญาตให้กลับมาพักฟื้นต่อที่บ้าน ปริตารีบโทร.บอกข่าวดีนี้กับปริเทพซึ่งยังอยู่ที่ทำงาน เขาอยากไปเยี่ยมท่านแต่คืนนี้ต้องทำโอที

“พี่เทพไม่ต้องห่วงค่ะ อ้อมจะดูแลคุณอาให้ดีที่สุด”

ปริเทพฝากเธอดูแลพัชรินทร์ด้วย เสร็จงานเมื่อไหร่จะรีบไปเยี่ยม ปริตาวางสายเป็นจังหวะเดียวกับธิปไตยเข้ามาบอกว่าพัชรินทร์ฟื้นแล้ว เธอดีใจรีบเข้าไปหา นั่งลงข้างเตียงแล้วจับมือท่านไว้

“คุณอาอย่าทำอย่างนี้อีกนะคะ เราทุกคนเป็นห่วงคุณอา”

“ฉันไม่อยากอยู่อีกแล้ว ฉันเป็นต้นเหตุให้ดาวตาย ฉันฆ่าลูกด้วยตัวฉันเอง ถ้าฉันไม่กดดันไม่บังคับ ปล่อยให้ดาวมีอิสระในชีวิต ดาวคงไม่กลายเป็นคนเห็นแก่ตัว แล้วได้รับจุดจบอย่างนั้น ฉันเป็นแม่ที่แย่มาก แม่ที่ฆ่าลูก ไม่มีทางที่จะชดใช้ความผิดนี้ นอกจากความตาย พวกเธอมายื้อชีวิตฉันไว้ทำไม พวกเธอปล่อยให้ฉันตายไปซะ” พัชรินทร์คว้าของใกล้ตัวปาใส่ ปริตาพยายามปลอบ

ให้ท่านมีกำลังใจจะอยู่ต่อไป แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล ท่านยังคงคร่ำครวญไม่อยากมีชีวิตอยู่ ธิปไตยถือถาดใส่น้ำและยาเข้ามาให้ พัชรินทร์ไล่ตะเพิด

“ออกไป ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ”

ปริตาเข้ามารับถาดใส่ยาจากมือธิปไตย กล่อมจนพัชรินทร์ยอมกินยา จากนั้นไม่นานท่านก็หลับ

ปริตารอจนแน่ใจว่าหลับสนิทจึงลุกออกมา เห็นธิปไตยยืนอยู่ เข้าไปถามว่าเอายาอะไรให้พัชรินทร์กิน ถึงได้หลับ เขาได้มันมาจากหมอ เป็นยาคลายเครียด ช่วยให้นอนหลับ ปริตาเห็นดึกมากแล้ว บอกให้เขากลับไปได้แล้ว เขากลัวเธอคนเดียวจะเอาพัชรินทร์ไม่อยู่ อาสาจะอยู่ช่วย

“ฉันบอกว่าฉันอยู่ได้ คุณกลับไปเถอะ” ปริตาดันตัวธิปไตยให้ออกไป แต่ตัวเองกลับเข่าอ่อนแทบ

ทรงตัวไม่อยู่ หมดเรี่ยวแรงเนื่องจากไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เช้า ธิปไตยประคองเธอไว้

“อวดเก่งอีกแล้วนะ ตัวเองยังเอาตัวไม่รอด ทั้งเครียดทั้งหิว ยังไม่ได้กินอะไรเลย มานี่” พูดจบเขาพาเธอเข้าครัว ค้นได้ปลากระป๋องมาหนึ่งกระป๋องจัดแจงทำข้าวผัดให้กิน เธอเห็นมีอยู่จานเดียว ถามว่าของเขาอยู่ไหน ธิปไตยโกหกว่ากินแล้ว กินไปผัดข้าวไปอิ่มแปล้ แล้วลุกขึ้นจะไปดูแลพัชรินทร์ให้ ยังไม่ทันจะออกจากครัว ท้องเจ้ากรรมส่งเสียงประท้วง ปริตาคว้ามือไว้ สั่งให้เขานั่งลง แล้วเดินไปหยิบจานมาแบ่งข้าวให้ครึ่งหนึ่ง

หญิงสาวลงมือกินข้าวอย่างหิวโหย แต่เขากลับนั่งเฉย รอให้เธอกินก่อน เผื่อไม่อิ่มจะได้เอาของเขาไปเพิ่ม ปริตาถึงกับออกปากว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าตนเองไม่ใช่ธิปไตยที่เคยรู้จัก ธิปไตยคนนั้นไม่เคยคิดถึง

คนอื่นนอกจากตัวเอง เขาเล่าว่าเจอผู้หญิงคนหนึ่ง สอนให้เขาคิดถึงคนอื่น ธิปไตยยังไม่ทันจะบอกว่าเธอคนนั้นยังสอนให้เขารู้จักความรัก แต่ปริตาขัดขึ้นเสียก่อนว่าให้รีบกิน จะได้ไปดูแลพัชรินทร์

“เธอไม่อยากรู้หรือว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร” ธิปไตยเห็นเธอเอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมสบตาด้วย คว้ามือเธอมากุมไว้ “เธออยู่ตรงหน้าฉัน...ขอบใจนะ”

ooooooo

ในเวลาเดียวกัน ที่ผับแห่งหนึ่ง รัญชิตาพยายามโทร.หาธิปไตยแต่ไม่มีใครรับสาย ชักจะหงุดหงิด คว้าแก้วเหล้าขึ้นมากระดก สมภพเห็นเธอดื่มอยู่คนเดียว เข้ามาขอชนแก้ว เธอแขวะว่าทำไมไม่ชวนเด็กของเขามาชนแก้วด้วย สมภพปฏิเสธว่าปริตาไม่ใช่เด็กของเขา เขาแค่ดูแลนักแสดงของเขาทุกคนเป็นปกติอยู่แล้ว

“แต่คุณเชียร์อ้อมจนออกนอกหน้า”

“มันเป็นกลยุทธ์ทางการขาย ใครๆก็เห่อของใหม่ ผมระลึกเสมอว่าธุรกิจของผมเดินได้เพราะมีคุณพ่อ

คุณแม่คุณสนับสนุน ผมไม่มีวันทิ้งนางเอกของผม... สำหรับความสำเร็จของเรา” พูดจบเขาชนแก้วกับรัญชิตา

ดอกแก้วมาจากไหนไม่รู้ เข้ามาชนแก้วด้วย ทันทีที่ดื่มเสร็จ เธอตบหน้ารัญชิตา โทษฐานคิดจะแย่งสมภพไปจากเธอ เขาไม่พอใจไล่ตะเพิดเธอไปพ้นหน้า ดอกแก้วหันมาเล่นงานเขาแทนว่าเห็นบทละครที่ชาญวุฒิส่งมาให้แล้ว ทั้งตอนมีเธอแค่ฉากเดียวเท่านั้น ไหนสัญญาจะปั้นเธอให้อยู่แถวหน้า ที่แท้ก็เป็นแค่เรื่องโกหก

“จัดการเรื่องในมุ้งกันเองนะคะ” รัญชิตาพูดจบ ลุกขึ้นจะไป ดอกแก้วกระชากมาตบซ้ำ เธอตบกลับแล้วผลักดอกแก้วเซไปชนกับพอลลี่ “เข้ามาแท็กทีมตบฉันหรือไง เธอมันรักสามัคคีกันดี ยอมใช้ผู้ชายร่วมกัน”

“ฉันขึ้นมาจากขุมนรกแล้ว อย่าดึงฉันลงไปอีก ส่วนเธอ ยัยมิ้นท์ อย่าทำให้ฉันโกรธ ไม่งั้นบ้านเธอแตกแน่” พอลลี่เดินเชิดออกไป รัญชิตามองตามแปลกใจ สมภพอาสาจะพาเธอส่งบ้าน เธอไล่เขาไปดูแลคนของตัวเองจะดีกว่า แล้วผละจากไป ดอกแก้วเข้ามาเกาะแขนออดอ้อนสมภพ เขารำคาญเอาเหล้าสาดหน้า

“คืนนี้ไปขนของกลับไปอพาร์ตเมนต์ของเธอ”...

รัญชิตาพยายามเบียดนักเที่ยวที่อัดกันแน่นเพื่อจะออกจากผับ เห็นผู้ชายคล้ายพ่อเดินสวนเข้าไปด้านในแวบๆ แต่ไม่แน่ใจจะเดินตาม แต่คนแน่นมาก ทำให้คลาดกัน คนที่รัญชิตาเห็นคือพิชัยตัวจริงเสียงจริง พอลลี่นัดให้มาเจอกันที่นี่ เขาไม่ค่อยชอบใจนักเพราะกลัวเจอคนรู้จัก ต่อว่าเธอว่าน่าจะนัดไปเจอที่คอนโดฯที่พัก

“คุณอาก็โอนคอนโดฯให้พอลลี่สิคะ พอลลี่จะได้รอคุณอาที่คอนโดฯทุกคืน”

“ฉันยังทำเรื่องโอนไม่ได้ คุณชาลินีจับตาฉันอยู่”

พอลลี่บอกให้เขาเลิกโกหกได้แล้ว ถ้าไม่โอนคอนโดฯมาให้เธอในเร็ววัน เตรียมเคลียร์กับที่บ้านได้เลย พิชัยไม่พอใจที่เธอบังอาจขู่ ทำท่าจะเอาเรื่อง แต่รัญชิตาเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน ถามพ่อว่ามาทำอะไรที่นี่เขาแต่งเรื่องว่าแวะมาดื่ม บังเอิญเจอพอลลี่พอดี พอลลี่รับสมอ้าง

“ฉันก็ทักทายคุณพ่อเธอตามประสาเพื่อนของลูกสาว...พอลลี่กลับก่อนนะคะคุณพ่อมิ้นท์” พอลลี่ไหว้ลาพิชัย ก่อนจะเดินจากไป เขาแอบถอนใจโล่งอกที่เธอไม่ได้บอกความลับกับรัญชิตา...

ขณะที่พิชัยรอดจากถูกลูกจับว่าเป็นกิ๊กกับเพื่อนเก่าของลูก ธิปไตยเข้ามาในห้องนอนของพัชรินทร์ เห็นปริตานั่งหลับอยู่ข้างเตียง เข้าไปพยุงเธอให้ลงนอน แล้วเอาผ้ามาห่มให้ จากนั้นเข้าไปดึงผ้าห่มคลุมให้พัชรินทร์ ก่อนจะนั่งเฝ้าแทนที่ปริตา ด้วยความเหน็ดเหนื่อย ธิปไตยผล็อยหลับไปเช่นกัน สักพักพัชรินทร์รู้สึกตัวตื่น เห็น

ทั้งคู่นั่งเฝ้าดูแลตนเองจนหลับ ซาบซึ้งใจในความหวังดี

ooooooo

ปริตากับธิปไตยตื่นขึ้นในตอนเช้า ไม่เห็นพัชรินทร์นอนอยู่บนเตียงก็ตกใจ รีบลงไปตามหา แต่ไม่พบ หลังบ้านก็ไม่เจอ ในครัวก็ไม่มี ทั้งคู่เริ่มใจไม่ดีลองไปดูหน้าบ้าน เห็นพัชรินทร์ที่เพิ่งตักบาตรเสร็จเดินเข้ามาหา

“ขอบใจคำเตือนของเธอที่ให้สติฉัน...ฉันรู้แล้วล่ะ ฉันจะอยู่เพื่ออะไร ฉันจะอยู่เพื่อดาว ฉันจะมีชีวิตอยู่ให้นานที่สุด ทำบุญทำทานอุทิศส่วนกุศลให้ดาว ให้ลูกสาวฉันสู่ภพภูมิที่ดี”

“อ้อมเชื่อนะคะ ดาวรับรู้ถึงสิ่งที่คุณอาทำ ดาวต้องมีความสุขมาก”

พัชรินทร์ชวนปริตามาช่วยกันกรวดน้ำอุทิศผลบุญให้ปัทมาศ เธอดีใจที่ท่านเปลี่ยนความคิด ธิปไตยยืนมองอยู่ห่างๆ ยกมือภาวนาขอร่วมทำบุญไปกับทั้งคู่ด้วย แล้วเดินเข้าไปจะเอาน้ำที่กรวดแล้วไปรดต้นไม้ให้ พัชรินทร์ไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจอะไร เขาจึงหยิบถ้วยใส่น้ำออกไปเท เป็นจังหวะเดียวกับป้าอรเดินเข้ามา

“รินทร์เป็นยังไงบ้าง อ้อมโทร.บอกพี่แล้ว พี่เป็นห่วงรินทร์มากนะ”

“ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ฉันจะไม่ทำร้ายตัวเองอีกแล้วพี่ ฉันขอโทษ” พัชรินทร์โผกอดป้าอรทั้งน้ำตา...

ในระหว่างที่พัชรินทร์ล้มเลิกความคิดที่จะเอาชีวิตตัวเอง รัญชิตาสะดุ้งตื่นจากฝันร้ายถึงตอนที่ตนเองขับรถชนปัทมาศ อีกทั้งเหตุการณ์ในวันที่ปัทมาศตกตึกตาย รู้สึกไม่สบายใจ คว้ามือถือมาโทร.หาธิปไตยซึ่งกำลังทำครัวอยู่ เขาปล่อยให้เสียงเรียกเข้าดังอยู่อย่างนั้น ปริตาตัดสินใจหยิบมือถือยื่นให้

“มิสคอลหลายครั้งแล้ว คุณไม่รับสายเดี๋ยวมิ้นท์จะโกรธนะคะ”

“ไม่เป็นไร ป้าอรซื้อของมาเพิ่ม ฉันจะทำข้าวต้มให้คุณอา” ธิปไตยทำกับข้าวต่อไป ไม่สนใจมือถืออีก

รัญชิตาหงุดหงิดที่ธิปไตยไม่ยอมรับสาย เปลี่ยนไปโทร.จิกศิโรจน์ให้บอกมาว่าเจ้านายของเขาอยู่ที่ไหน เขาไม่กล้าโกหกจำต้องบอกความจริงว่าไปเยี่ยมพัชรินทร์ที่บ้าน รัญชิตาลุกพรวดจากที่นอนทันที...

พัชรินทร์ยืนดูปริตาช่วยธิปไตยทำกับข้าว พอมองออกว่าทั้งคู่มีใจให้กัน ป้าอรเข้ามายืนข้างๆ ขอให้เธอให้อภัยธิปไตยด้วย เรื่องของความรักห้ามกันไม่ได้ และเขาเองก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาพยายามทำดีที่สุดแล้ว พัชรินทร์ไม่ตอบอะไร เดินเลี่ยงออกมา ป้าอรเห็นปริตากับธิปไตยมีใจให้กันก็พลอยยินดีไปด้วย

ไม่นานนัก ข้าวต้มร้อนๆหอมกรุ่นถูกยกมาวางบนโต๊ะกินข้าว ตลอดทางที่ช่วยกันยกอาหารเช้าออกจากครัว ธิปไตยกับปริตาหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน จังหวะที่ปริตายกข้าวต้มขึ้นไปให้พัชรินทร์ที่ห้องนอน ป้าอรสอนธิปไตยตามประสาผู้ใหญ่ใจดีว่าคิดจะรักก็ต้องรู้จักรักให้เป็น เขาทำไก๋ ไม่รู้ว่าเธอหมายถึงอะไร

“อย่าเก็บไว้ในใจไม่แสดงออกเหมือนอารินทร์ ไม่งั้นจะเป็นทุกข์และเสียใจ เมื่อเราได้สูญเสียมันไปแล้ว”

“แล้วถ้าเธอยังไม่เปิดใจล่ะครับ”

“ใช้ความพยายามและความดีค่ะ” ป้าอรยิ้มให้กำลังใจ ธิปไตยตั้งใจมั่นจะเอาชนะใจปริตาให้ได้

ooooooo

ปริตาจัดการเรื่องอาหารและยาให้พัชรินทร์เรียบร้อย ก็ส่งไม้ต่อให้ป้าอรดูแลแทน แล้วชวนธิปไตยกลับ เขาอาสาจะไปส่งบ้านให้ คว้ากระเป๋าของเธอมาช่วยถือ ปริตาไม่ขัดข้องปล่อยเขาทำตามใจ ทั้งคู่ยังไม่ทันจะก้าวออกจากบ้านรัญชิตาเปิดประตูเข้ามาเสียก่อน ปริตารีบดึงกระเป๋าจากมือเขาคืน ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไป

“เมื่อวานคุณอาเครียดหนักจะทำร้ายตัวเอง ผมกับอ้อมเข้ามาเจอก็เลยช่วยกันพาส่งโรงพยาบาล แล้วก็อยู่ช่วยกันดูแล ตอนนี้คุณอาดีขึ้นแล้วผมกำลังจะกลับ” ธิปไตยรีบอธิบาย

รัญชิตาข่มความโกรธเอาไว้สุดฤทธิ์ หลอกให้เขาช่วยไปบอกพัชรินทร์ให้ทีว่าเธอมาเยี่ยม ทันทีที่เขาลับสายตา รัญชิตาวิ่งตามปริตาจนทัน กระชากตัวมาตบฐานที่คิดจะแย่งผู้ชายของตน เธอปฏิเสธว่าไม่เคยคิดอกุศลแบบนั้น ที่มาที่นี่ก็เพื่อมาดูแลพัชรินทร์ที่คิดจะฆ่าตัวตาย รัญชิตาหาว่าเธอยกคนอื่นมาเป็นข้ออ้าง

“กี่ครั้งแล้วที่เธอตั้งใจเข้าหาคุณตรัย มันก็สบโอกาสเธอสิ ได้ใกล้ชิดแล้วอ่อยให้เขาทิ้งฉัน”

“เธอกลัวหรือ กลัวเสียเขาไปงั้นสิ เธอเองก็เคยแย่งเขาจากดาว ฉันก็จะทำให้เธอรู้ว่าความรู้สึกที่โดนแย่งเป็นอย่างไร” ปริตาเสียงกร้าว รัญชิตาต่อว่าเธอที่จ้องจะจองล้างจองผลาญตนไม่เลิกไม่แล้ว

“ฉันจะทำจนกว่าเธอจะยอมรับความจริง ยอมรับผิดว่าการที่เธออยากได้อยากมี มันทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อน คนที่เห็นแก่ตัว เอาแต่ได้เอาแต่ใจ ไม่สมควรได้อะไรทั้งนั้น”

รัญชิตาโกรธจัดตบปริตาอีกครั้ง คราวนี้เธอตบกลับ สองสาวตบตีกันอุตลุด ปริเทพที่เพิ่งมาถึงเข้าไปแยกทั้งคู่ออกจากกัน รัญชิตาอารมณ์ค้างหันไปเล่นงานเขาแทนที่ ว่าควรจะสั่งสอนน้องสาวตัวเองให้มีสำนึกผิดชอบชั่วดี เลิกแย่งคนรักของเพื่อนได้แล้ว พัชรินทร์ออกมาทันได้ยิน ต่อว่ารัญชิตาให้บ้าง

“ฉันก็ควรจะบอกพ่อแม่เธอ สอนให้เธอรู้จักยางอาย หยุดก้าวร้าวตบตีแย่งชิงผู้ชายเหมือนกัน...ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหม ไม่ต้องมาที่นี่อีก”

“มิ้นท์ก็ไม่ได้อยากจะมาหรอกค่ะ ถ้าอ้อมไม่กักตัวคนรักของมิ้นท์ไว้ที่นี่”

“เธอแน่ใจหรือว่าเขารักเธอ” พัชรินทร์ตอกหน้าหงาย รัญชิตาโทษว่าเป็นเพราะปริตาเที่ยวยุยงปั่นหัวให้ทุกคนเกลียดชังเธอ ธิปไตยพยายามอธิบายว่าเธอเข้าใจผิด แต่เธอไม่ฟัง หาว่าเขาเข้าข้างปริตา เดินกระแทกเท้าปังๆออกไป ปริเทพไล่ธิปไตยไปจัดการคนของตัวเอง อย่าให้มารบกวนพัชรินทร์อีก

“ผมขอโทษคุณอาด้วยครับ” ธิปไตยยกมือไหว้พัชรินทร์กับป้าอร แล้วรีบตามรัญชิตา ปริตารู้สึกสงสารที่เขาพลอยถูกเล่นงานไปด้วย ปริเทพสังเกตเห็นสีหน้าน้องสาว ชักจะสงสัยในตัวเธอขึ้นมา

“อ้อมไม่ได้เผลอใจรักเขาใช่ไหม พี่รู้ว่าเขามีใจให้อ้อม เขารักอ้อม จำไว้นะอ้อม อย่าใจอ่อน เขามีส่วนทำให้ดาวตาย ทำให้พี่เสียใจ อ้อมจะรักคนที่ทำให้เพื่อนของอ้อมต้องตายและพี่ชายต้องทุกข์ใจไม่ได้”

ปริตารับคำสีหน้าเศร้าสร้อย ปริเทพมั่นใจว่าเรามาถูกทางแล้ว ยิ่งรัญชิตาโกรธและหึงธิปไตยมากเท่าไหร่ ความสัมพันธ์ของสองคนนั่นก็คงไปไม่รอด พัชรินทร์รู้ว่าปริเทพแค้นธิปไตยและรัญชิตาก็ไม่สบายใจ

ฝ่ายธิปไตยตามมาง้อขอโทษรัญชิตาที่ทำให้ไม่พอใจ เธอเสนอแนะให้เขาอยู่ห่างๆปริตาไว้หากอยากจะให้เธอสบายใจ เพราะถ้าความสัมพันธ์ของเรามีปัญหา อาจกระทบถึงธุรกิจของแม่ของเขาด้วย ธิปไตยกังวลใจมากที่รัญชิตาพูดเป็นเชิงข่มขู่ เธอเห็นสีหน้าไม่ดีของเขาเข้ามาจับมือไว้

“คุณไม่ต้องกังวลใจนะคะ ปัญหาจะไม่เกิดขึ้น ถ้าคุณคอยอยู่ข้างมิ้นท์”

ooooooo

วันนี้มีนัดถ่ายแฟชั่นเซตพิเศษ สำหรับโปรโมตละคร “ร้ายรักร้ายมารยา” โดยใช้โรงงานร้างเป็นโลเกชั่นในการถ่ายทำ ดอกแก้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย เตรียมจะเข้าฉาก พอลลี่ในชุดสวยสะดุดตาเข้ามาขอถ่ายทำก่อน จะได้มีเวลาเปลี่ยนชุดใหม่ ดอกแก้วไม่ยอม โวยวายว่าตัวเองพร้อมก่อน ก็ต้องได้ถ่ายก่อน

“วงแตกซะแล้ว เอาไงคะคุณชาญวุฒิ” ต้อยติ่งมองเจ้านายอย่างรอคำตอบ

เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้น ชาญวุฒิตัดสินใจให้ถ่ายพร้อมกันเลย เพราะถึงอย่างไรแฟชั่นเซตนี้ไม่มีถ่ายเดี่ยวอยู่แล้ว และเร่งตากล้องให้รีบเก็บภาพกลัวจะตบกันเสียก่อน หลังจากได้ภาพสวยงามตามต้องการแล้ว ชาญวุฒิสั่งให้ทั้งคู่ไปเปลี่ยนชุดคืนเพราะมีคิวแค่เซตนี้เซตเดียว พอลลี่โวยวายว่าตนไม่ใช่ตัวประกอบไก่กาให้มาถ่ายแฟชั่นโปรโมตละครแค่ชุดเดียวได้อย่างไร ต้อยติ่งอาสาอธิบายแทนเจ้านาย

“พื้นที่สำหรับเธอสองคน มีแค่หน้าเดียว คือภาพคู่เมื่อครู่นี้ เข้าใจตรงกันนะ”

“แล้วพื้นที่อีกหลายหน้าเป็นของใครกัน” พอลลี่โวยไม่เลิก ชาญวุฒิยกหน้าที่ตอบคำถามให้สมภพซึ่งชี้แจงว่าพื้นที่ที่เหลือก็เป็นของรัญชิตาและปริตา พอลลี่ไม่พอใจที่เอะอะอะไรก็ให้แต่สองคนนั่น เธอเองก็มีฐานคนดู น่าจะให้เกียรติกันบ้าง สมภพขอให้สองสาวเข้าไปพักผ่อนก่อน แล้วจะเรียกมาถ่ายพร้อมกันทั้งเซตสี่คน

แม้จะไม่พอใจนัก แต่สองสาวไม่มีทางเลือกจำต้องกลับไปที่มุมแต่งตัว เจอนักข่าวกลุ่มใหญ่แข่งกันจะไปเก็บภาพรัญชิตา เบียดพอลลี่กระเด็นไปชนกับดอกแก้ว รัญชิตาในชุดสุดเร่ิด หยุดโพสท่าให้นักข่าวถ่ายภาพ จังหวะนั้น ปริตาในชุดสวยไม่แพ้กันเดินเข้ามา นักข่าวเลิกสนใจรัญชิตา กรูไปถ่ายภาพเธอแทน ดอกแก้วกับพอลลี่เห็นพวกนั้นเด่นกว่าต่างมองหมั่นไส้ ชาญวุฒิแหวกกลุ่มนักข่าวเข้าไป

“ขอทางให้น้องไปถ่ายแบบก่อนนะครับ น้องมิ้นท์น้องอ้อมเชิญครับ”

รัญชิตาและปริตาเดินมาทางเดียวกัน ต่างหยุดมองหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะสะบัดหน้าใส่กัน แล้วเดินเชิดไปเข้าฉาก สองสาวโพสท่าข่มกัน ชนิดไม่มีใครยอมใคร ภาพที่ได้เต็มไปด้วยอารมณ์ชิงชังตามคอนเซปต์ละคร

“สวยงามมากครับ เตรียมเซตสุดท้ายได้เลย” สมภพมองตามสองสาวที่เดินไปยังมุมแต่งตัวอย่างพอใจ

ooooooo

ปริตาและรัญชิตาไม่ได้แค่โพสท่าถ่ายแบบข่มกันเท่านั้น ยังคุยข่มกันอีกด้วย ฝ่ายหลังทนไม่ไหว สั่งห้ามปริตามายุ่งกับธิปไตยอีก เธอทำตามสั่งไม่ได้ เพราะเริ่มจะติดใจเขาขึ้นมา

“ยิ่งอยู่ใกล้เขา ฉันก็รู้สึกอบอุ่น เขาเองก็รู้สึกไม่ต่างจากฉัน ไม่งั้นเขาคงไม่อยากค้างคืนอยู่กับฉัน”

“เขาอยู่ก็เพราะต้องการดูแลคุณอา”

“อีกแล้วนะมิ้นท์ เธอหลงลมปากผู้ชายตลอด เขาพูดอะไรเธอก็เชื่อไปหมด ผู้ชายไม่มีวันยอมรับความจริง หรอก ถ้าจับไม่ได้คาหนังคาเขา” ปริตาลอยหน้าเยาะเย้ย รัญชิตาคุยโว หากธิปไตยไม่แคร์ตน คงไม่ทิ้งเธอไว้ที่บ้านพัชรินทร์แล้วมาส่งเธอ เย็นนี้เขาก็นัดจะมารับเธออีกด้วย ปริตาสวนทันที มาด้วยใจหรือมาด้วยหน้าที่

“อย่าหลอกตัวเองเลยมิ้นท์ เขาพยายามทำดีกับเธอก็เพราะแม่ มันเป็นธุรกิจ บางครั้งคนเราก็ต้องโกหกใจตัวเองเพื่อผลประโยชน์ ฉันไม่แคร์หรอกนะเขาจะไปไหนมาไหนกับเธอ เพราะฉันรู้ว่าใจของเขาอยู่กับฉัน”

รัญชิตาถึงกับปรี๊ดแตก จะเข้าไปเอาเรื่อง ชาญวุฒิเห็นท่าไม่ดีรีบขวางไว้ เตือนว่าได้เวลาถ่ายเซตสุดท้ายแล้ว ทีมงานรออยู่ที่หน้าเซต แล้วต้อนสองสาวไปหาช่างแต่งหน้า พอลลี่มองตามสะใจที่เห็นความเป็นเพื่อนของทั้งคู่ร้าวหนัก เกินเยียวยา...

ขณะปริตา รัญชิตา พอลลี่และดอกแก้วกำลังให้ช่างแต่งหน้าเติมแป้ง สมภพเข้ามาบอกกับเหล่านาง แบบว่า เซตสุดท้ายนี้ เขาอยากให้ได้ภาพทั้งสี่สาวที่ดูแรง ร้ายใส่กัน ไม่มีใครยอมใคร สมกับชื่อละคร จากนั้นชาญวุฒิสั่งให้ทุกคนประจำที่ ต้อยติ่งรีบพารัญชิตาไปที่จุดบล็อกกิ้ง ขณะที่เขาพาปริตาไปยืนใกล้ๆ พอลลี่กับดอกแก้วอยากให้ตัวเองเด่น ตามประกบสองสาวไม่ห่าง สมภพรีบสั่งการ

“เธอสองคน ถอยไปอีก ไปยืนด้านหลังเลย ต้อยติ่งจัดให้หน่อย”

ต้อยติ่งรับคำ พาพอลลี่กับดอกแก้วไปยืนสุดฉาก กลายเป็นตัวประกอบไปโดยปริยายสร้างความไม่พอใจให้พอลลี่สุดๆ เท่านั้นยังไม่พอ สมภพยังสั่งให้ตากล้องโฟกัสที่รัญชิตาและปริตาเท่านั้น นักข่าวเองก็พากันเก็บภาพสองสาว ไม่สนใจพอลลี่และดอกแก้วแม้แต่น้อย เมื่อได้ภาพครบถ้วนตามต้องการ สมภพจึงสั่งการ

“โอเคครับ พวกคุณยอดเยี่ยมมาก”

“ขอบคุณทีมงานและนักข่าวทุกท่านนะครับ แล้วเจอกันอีกที ซีนใหญ่ในละคร” สิ้นเสียงชาญวุฒิ นักข่าวต่างทยอยกลับ เหล่านางแบบแยกย้ายกันไปเปลี่ยนชุด ยกเว้นพอลลี่ที่อยากเห็นภาพตัวเอง เดินไปที่มอนิเตอร์เห็นตากล้องกำลังเช็กภาพที่ถ่ายไว้ จังหวะนั้น ชาญวุฒิเข้ามาหาเขา

“ไปช่วยถ่ายภาพทีมงานเบื้องหลังเก็บไว้ให้พี่ด้วย”

ตากล้องรับคำ เดินไปกับชาญวุฒิ พอลลี่ถือโอกาสเข้ามากดไล่ดูภาพตัวเองที่ถ่ายเซตสุดท้ายสี่คน เห็นปริตากับรัญชิตายืนเด่นเป็นสง่า ส่วนเธอกับดอกแก้วกระเด็นไปอยู่ด้านหลังเหมือนเป็นแค่ตัวประกอบ แถมบางภาพไม่ชัดอีกต่างหาก ยิ่งดูก็ยิ่งแค้นใจ

ooooooo

สมภพเข้าไปชื่นชมรัญชิตากับปริตาที่วันนี้

ทำหน้าที่ของตัวเองได้สมบูรณ์แบบ พอละคร “ร้ายรักร้ายมารยา” ออนแอร์ เขาจะให้ทั้งคู่ไปออกรายการโชว์ตัว

“มิ้นท์ถนัดออกเดี่ยวค่ะ ไม่ถนัดออกเป็นแพ็ก” รัญชิตาพูดจบ เดินจากไป สมภพคว้ามือปริตามากุมไว้

“ว่างๆเราไปดื่มด้วยกันอีกนะครับ”

“ค่ะ...อ้อมขอตัวก่อนนะคะ” ปริตาดึงมือเขาออก ก่อนจะเดินหนี ทันทีที่เธอลับสายตา พอลลี่เข้ามาต่อว่าสมภพว่าทำเหมือนเราสองคนไม่เคยนอนเตียงเดียวกัน ถึงได้ชูสองคนนั่นออกนอกหน้า หรือคิดจะเคลมพวกมัน สมภพบอกให้ใจเย็น อย่าหึงผัวเก่าอย่างตนเลย ตนก็แค่เลือกกินของดีๆเท่านั้น เธอไม่สนใจ เขาจะไปยุ่งกับใคร แต่เขาไม่ควรทำกับเธอแบบนี้ เธอต้องเด่นและน่าสนใจไม่แพ้นังพวกนั้น

“ละครเรื่องนี้มีตัวเด่นแค่สองตัว เธอคงต้องฆ่ามิ้นท์กับอ้อมแล้วล่ะ ฉันถึงจะให้บทเด่นเธอได้” สมภพแดกดันจบ ผละจากไป ดอกแก้วจะตามตื๊อ แต่เขาเดินหนี

“เป็นฉันไม่เสียเวลาไปตื๊อให้โง่หรอก ทำอะไรที่มันได้ประโยชน์มากกว่านี้” พอลลี่คิดแผนชั่วบางอย่างขึ้นมาได้ เดินยิ้มเจ้าเล่ห์ออกไป ดอกแก้วมองตามสงสัยว่าเธอคิดจะทำอะไรกันแน่...

รัญชิตายังไม่ยอมรามือ เจอปริตาที่มุมเปลี่ยนเสื้อผ้า คุยข่มทันทีว่าต่อให้ธิปไตยนอนค้างกับเธอหลายครั้ง

หลายคืนแค่ไหน เธอก็ไม่มีวันได้ตัวเขา แล้วหยิบมือถือขึ้นมาโทร.หาเขา

“คุณตรัยคะ มิ้นท์เสร็จงานแล้วค่ะ คุณมารับมิ้นท์ได้เลยค่ะ”

“ผมกำลังประชุม อาจจะเสร็จค่ำหน่อย”

“ค่ะ...แค่คุณอยากมาหามิ้นท์ มิ้นท์รอได้ค่ะ เจอกันนะคะ คุณตรัย” รัญชิตามองปริตาด้วยสายตาเย้ยหยัน ต้อยติ่งเห็นสองสาวจ้องหน้ากันราวกับจะเผาอีกข้างให้มอดไหม้ รีบเข้ามากั้นกลาง

“น้องมิ้นท์จะกลับแล้วหรือคะ”

“ค่ะ” รัญชิตารับคำเสร็จ เชิดใส่คู่อริแล้วผละจากไป ปริตาเดินเข้าไปหลังฉากกั้นเพื่อเปลี่ยนชุด ต้อยติ่งร้องบอกว่าเปลี่ยนเสร็จ ให้วางชุดไว้บนโต๊ะได้เลย แล้วนึกถึงทีมงานขึ้นมาได้ รีบออกไปดูแลความเรียบร้อย พอเธอคล้อยหลัง พอลลี่ย่องมาหยิบมือถือในกระเป๋าของปริตา พิมพ์ข้อความบางอย่าง ดอกแก้วแอบมองอยู่อีกมุมหนึ่งด้วยความสงสัย

อึดใจ เสียงเตือนว่ามีข้อความเข้าดังขึ้นที่มือถือของรัญชิตา เธอรีบเปิดอ่าน

“ฉันอยากเคลียร์กับแกส่วนตัว ที่ห้องด้านล่าง”...

พอลลี่เดินตามแผนการขั้นต่อไปทันที พอเห็นปริตาหิ้วชุดใส่ถ่ายแบบออกมาวาง โกหกว่า รัญชิตามีเรื่องจะคุยด้วย เธอไม่สนใจ คว้ากระเป๋าจะกลับ พอลลี่ตะโกนไล่หลัง

“ที่ผ่านมาฉันอาจจะยุเธอให้ตีกัน แต่สุดท้ายฉันว่ามันไม่เวิร์ก ฉันเจอหน้าพวกเธอ ฉันก็ไม่มีความสุข ฉันว่าเธอไปเคลียร์กันดีกว่า ยังไงเราก็เคยเป็นเพื่อนกัน มิ้นท์รอเธออยู่ที่ห้องด้านล่าง”

ปริตาชะงักฝีเท้า ตัดสินใจจะไปเคลียร์กับรัญชิตาตามคำแนะนำของเธอ

ooooooo

ครู่ต่อมา ปริตามาถึงห้องด้านล่าง ต้องแปลกใจที่รัญชิตาทำท่าเหมือนไม่ได้เป็นฝ่ายนัด แถมยังบอกอีกว่าเธอต่างหากที่ส่งไลน์นัดให้มาเจอกันที่นี่ เธอปฏิเสธว่าไม่ได้ส่ง รัญชิตาหยิบมือถือตัวเองเปิดข้อความที่ว่าให้ดู ปริตางง ที่เห็นว่าส่งมาจากไลน์ของตัวเองรีบเปิดกระเป๋าจะหยิบมือถือ เพื่อยืนยันคำพูด แต่ไม่เจอ

“โทรศัพท์ฉันล่ะ” ปริตาพยายามนึกว่ามันหายไปตอนไหน “...ฉันไม่ได้ส่งให้เธอจริงๆ”

“ไม่ส่งให้ฉันแล้วเธอมาหาฉันในนี้ทำไม”

“พอลลี่บอกว่าเธอมีเรื่องจะคุยกับฉันส่วนตัว ในฐานะเพื่อน”

“ฝันไปเถอะ เธอไม่ใช่เพื่อนฉัน แล้วฉันก็ไม่อยากคุย ไม่อยากเจอหน้า” รัญชิตาพูดจบ หันหลังกลับ แต่พอจะเปิดประตูห้อง กลับเปิดไม่ออก ทุบประตูเรียกให้คนข้างนอกมาช่วยเปิดให้ ปริตารู้สึกไม่ชอบมาพากล เข้ามาช่วยผลักประตูอีกแรงหนึ่ง แต่มันไม่ขยับ

“ใครอยู่ข้างนอก ช่วยเปิดที” ปริตาทุบประตูปังๆ

พอลลี่ซึ่งเป็นคนขังทั้งคู่ไว้ ยืนยิ้มสะใจอยู่หน้าห้อง ดอกแก้วเห็นเหตุการณ์โดยตลอด จ้องเธอเขม็งก่อนจะเดินจากไป เธอเป็นกังวลกลัวดอกแก้วจะไปฟ้องทุกคนว่าเธอทำอะไรเอาไว้ รีบเดินตาม...

ที่ด้านหน้าโรงงานร้าง ทีมงานทยอยกันกลับโดยมีชาญวุฒิและสมภพคอยดูแลไม่ให้มีใครตกหล่น พร้อมกับเร่งทุกคนให้รีบเคลียร์งานไวๆจะได้กลับบ้านกัน สมภพกวาดตามองหาปริตาและรัญชิตาแต่ไม่เจอ เห็นดอกแก้วเดินเข้ามาก็ถามหา พอลลี่ตามมาด้านหลัง ลุ้นระทึกว่าเธอจะฟ้องอะไรเขาหรือเปล่า

“ดอกแก้วเห็นมิ้นท์กับอ้อมกลับไปแล้วค่ะ”

“กลับไปตอนไหน ฉันอยู่แถวนี้ก็ไม่เห็นมาไหว้ลาเลย” ชาญวุฒินิ่วหน้าแปลกใจ

สมภพอาสาจะโทร.เช็กให้ ปรากฏว่าเสียงเรียกเข้ามือถือของปริตาดังใกล้เข้ามา ทุกหันมองตามเสียงเป็นตา เดียวกัน แต่คนที่เดินเลี้ยวมุมตึกเข้ามากลายเป็นต้อยติ่ง

“น้องอ้อมทำโทรศัพท์ตกอยู่ด้านในค่ะ คงรีบกลับ เดี๋ยวติ่งเก็บไว้ให้”

“คุณมิ้นท์ล่ะ” สมภพอดเป็นห่วงไม่ได้

“กลับไปก่อนน้องอ้อมอีกค่ะ”

“ทั้งคนทั้งของเคลียร์หมดก็ไปกัน แถวนี้ค่ำมืดมันเปลี่ยวอันตราย” สิ้นเสียงชาญวุฒิ ทีมงานที่เหลือพากันออกจากโรงงานร้าง พอลลี่ยิ้มดีใจที่ไม่มีใครสงสัย หรือคิดจะตามหาสองคนนั่น แต่อดแปลกใจไม่ได้ ทำไมดอกแก้วถึงโกหกช่วยตน...

ปริตายังคงทุบประตูเรียกให้คนมาช่วย แต่ไร้ผล รัญชิตาหยิบมือถือขึ้นมาจะโทร.ขอความช่วยเหลือแบตเตอรี่เจ้ากรรมดันมาหมดเสียก่อน

“มันจะซวยอะไรขนาดนี้” รัญชิตาปามือถือทิ้งด้วยความหงุดหงิด

“มีใครอยู่ข้างนอกคะ ได้ยินไหมคะ อ้อมอยู่ในนี้” ปริตาตะโกนลั่น พร้อมกับทุบประตูไปด้วย

“แหกปากร้องให้ตายก็ไม่มีใครมาช่วยหรอก มีคนแกล้งพวกเรา” รัญชิตาทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างเซ็งจัด ปริตานึกทบทวนเรื่องราวดู จำได้ว่าตอนที่เปลี่ยนชุดเสร็จ เห็นพอลลี่ยืนอยู่ใกล้กระเป๋าถือของตัวเอง มั่นใจว่าคนที่ขังเราสองคนไว้ในนี้ต้องเป็นยัยตัวแสบพอลลี่แน่นอน...

อีกมุมหนึ่งไม่ห่างกันนัก พอลลี่ยังคาใจไม่หาย ตามมาถามดอกแก้วว่าทำไมถึงช่วยตน

“ฉันคิดว่าเราควรร่วมมือกัน มันจะทำให้เราไปได้รุ่ง แล้วฉันก็อยากขอโทษเธอ เรากลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมนะพอลลี่”

“อย่าทำให้ฉันโกรธอีกแล้วกัน” พอลลี่หยิบกุญแจไขห้องนั้นมาโยนทิ้ง “กลับได้แล้ว ฉันไปส่ง”

ดอกแก้วดีใจที่เพื่อนยอมคืนดีด้วย พอลลี่หันมองไปยังห้องที่ขังปริตากับรัญชิตาอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกไปกับดอกแก้วอย่างสบายอารมณ์

ooooooo

กุหลาบเล่นไฟ

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด