ตอนที่ 12
อัลบั้ม: วี วีรภาพ คั่ว 3 นางเอก 'นาว-โบว์-เซฟ' เพื่อนรักหักสวาทใน “กุหลาบเล่นไฟ”
ขณะพอลลี่กำลังเก็บของอยู่ในห้องแต่งตัว พิชัยย่องเงียบเข้ามาโอบทางด้านหลัง เธอตกใจพยายามดันตัวออก เตือนว่าเกิดภรรยาของเขามาเห็น จะเกิดเรื่องใหญ่
“เขามัววุ่นอยู่กับนักข่าว เขาไม่รู้หรอก” พิชัยพูดยังไม่ทันขาดคำ มีเสียงชาลินีร้องเรียกเขาดังมาจากหน้าห้อง เขาถึงกับหน้าตื่น ปล่อยพอลลี่เป็นอิสระ แล้วพุ่งออกจากห้อง เห็นชาลินีนิ่วหน้ามอง รีบออกตัวว่าเข้าห้องผิดจะเข้าห้องน้ำแต่ไม่รู้อยู่ไหน ให้เธอช่วยพาไปที ชาลินีไม่ติดใจสงสัยอะไรเดินนำเขาออกไป พอลลี่ค่อยๆแง้มประตูออกมาดู เห็นท่าทีที่พิชัยมีต่อชาลินีก็รู้ทันทีว่าเขากลัวเมียตัวพ่อ...
ระหว่างที่พิชัยรอดจากถูกเมียจับได้หวุดหวิด ปริตายังคาใจที่ถูกรัญชิตากลั่นแกล้งไม่เลิกไม่แล้ว ตามต่อว่าว่าเมื่อไหร่จะเลิกแกล้งตนเองสักที ตั้งแต่วันฟิตติ้งละครก็ให้ตนเช็ดเท้าให้ วันนี้ยังมาตบตีแล้วแกล้งให้ทุกคนเข้าใจตนผิดๆว่าทำร้ายเธออีก รัญชิตาไม่ยอมเลิกในเมื่อปริตาคิดจะแข่งขันด้วย ก็ต้องให้รู้กันไปว่าใครชนะ
“งั้นก็ต้องสู้ในเกม วิธีที่เธอทำมันขี้ขลาด”
“ไม่รู้สิ ฉันไม่สนหรอกว่ามันจะเป็นวิธีไหน ขอแค่ให้เธอแพ้” รัญชิตาเห็นธิปไตยเดินมาหา ขอร้องให้ช่วยพาไปส่งบ้าน แล้วแสร้งหน้ามืดจะเป็นล้มให้เขาประคองไปที่รถ พอธิปไตยเผลอ เธอหันมายิ้มเย้ยปริตา...
ค่ำวันเดียวกัน พิชัยซึ่งพลาดที่จะร่วมหลับนอนกับพอลลี่ในห้องแต่งตัวกองถ่ายละครเมื่อช่วงบ่าย แวะไปหาที่คอนโดฯ ที่พัก เธอขอคุยเรื่องโอนห้องพักห้องนี้ให้เธอก่อน แต่เขาไม่ยอมคุยด้วย
“ฉันคุยเรื่องธุรกิจมาทั้งวันแล้ว ขอให้ฉันได้
พักผ่อนบ้าง” ไม่พูดเปล่า พิชัยเข้ามาซุกไซ้ทั่วตัว พอลลี่ไม่กล้าขัด จำต้องปล่อยให้เขาทำตามใจ...
ในเวลาไล่เลี่ยกัน ปริตานั่งดื่มเหล้าอยู่กับสมภพในผับแห่งหนึ่ง แม้จะรู้ว่าเขาไว้ใจไม่ได้ แต่ก็จำเป็นต้องดื่มด้วย พักเดียวเธอเริ่มมึน จึงขอตัวกลับ เขาไม่ยอมให้ไป ขอให้ดื่มด้วยกันอีกหนึ่งแก้วก่อน พอเห็นเธอบ่ายเบี่ยง สมภพทวงบุญคุณว่าเธออยากได้อะไรเขาไม่เคยปฏิเสธเธอสักครั้ง ปริตาตัดสินใจต่อรอง
“อ้อมอยากมีบทเด่นในละครมากกว่านี้ แล้วก็มีงานถ่ายแบบลงปกหนังสือเพิ่มค่ะ”
“ไม่มีอะไรที่ฉันให้เธอไม่ได้ ถ้าเธอดื่มหมดแก้ว” สมภพว่าแล้วยกแก้วขึ้นดื่ม ปริตาจำต้องทำตาม อึดใจ เธอเริ่มเวียนหัว ตาลายเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ เขายิ้มกริ่มรีบประคองเธอออกจากผับ...
ทางด้านพิชัยถูกอกถูกใจพอลลี่มาก ก่อนจะกลับ มอบบัตรเครดิตให้เธอไว้ใช้จ่าย พอลลี่เดินมาส่งเขาที่ประตูห้อง ยังไม่ทันจะเปิด ดอกแก้วเปิดประตูสวนเข้ามาเสียก่อน ต่างฝ่ายต่างตกใจ พิชัยตั้งสติได้จ้ำพรวดๆออกไปทันที ดอกแก้วถามพอลลี่แบบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองว่าเดี๋ยวนี้ริกินพ่อของเพื่อนหรือ
“หยุดพูดได้แล้ว ฉันไม่มีทางเลือก ฉันโดนบังคับ ฉันเตือนด้วยความหวังดี อยู่ห่างๆคุณสมภพไว้แล้วกัน”
“จ้ะ ฉันเชื่อเธอ แล้วเธอจะคบพ่อมิ้นท์จริงๆหรือ”
“ถ้าเขาให้ประโยชน์ฉันได้ มันก็คุ้ม แล้วอีกอย่างพวกมันดูถูกฉันมานานแล้ว ฉันจะทำให้บ้านมันแตก”
ooooooo
สมภพเห็นปริตาเมา แสร้งเป็นคนดีชวนให้ไปพักที่คอนโดฯ ที่พักของตนเองให้หายเมาก่อน เธอส่ายหน้าจะขอกลับแท็กซี่เอง แต่เขาไม่ยอมให้ทำอย่างนั้น เธอจะโทร.ตามปริเทพมารับ เขาก็ดึงมือถือไป
“ซ้อนมอเตอร์ไซค์มันอันตราย ฉันไปส่งเอง เธอทำอย่างนี้เท่ากับไม่ไว้ใจฉัน”
หญิงสาวไม่กล้าอิดออดอะไรอีก ปล่อยให้สมภพประคองไปที่รถของเขา แต่ไปได้ไม่กี่ก้าว ธิปไตยปรี่มาขวางไว้ จะพาปริตาไปส่งบ้านให้เอง อ้างทางเดียวกัน เธอไม่อยากไปกับสมภพเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงรับสมอ้าง
“ใช่ค่ะ อ้อมกลับกับคุณตรัยได้ แล้วเจอกันค่ะ”
“อย่าขับรถตอนเมานะครับ ผิดกฎหมาย ทำผิดก็ติดคุก” ธิปไตยยิ้มเย้ยสมภพ แล้วประคองปริตาไปที่รถตัวเอง สมภพได้แต่มองตามไม่พอใจ ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาโทร.ตามดอกแก้วซึ่งกำลังนั่งคุยอยู่กับพอลลี่
“ค่ะ ได้ค่ะ จะรีบไปทันทีค่ะ”
พอลลี่อดแปลกใจไม่ได้ ใครโทร.หาดอกแก้วค่ำๆ มืดๆ เธอโกหกว่าพ่อบุญธรรมโทร.มา ตอนนี้รออยู่ที่หมอชิต แล้วรีบลุกออกไปทันที พอลลี่มองตาม สงสัยในพฤติกรรมแปลกๆของเพื่อน...
ฝ่ายธิปไตยเห็นปริตานั่งหลับที่เบาะรถข้างคนขับด้วยท่าทางไม่ค่อยจะสบายนัก จัดแจงจอดรถ เอื้อมมือจะไปปลดเข็มขัดนิรภัยและจะปรับเบาะให้นอนสบายๆ แต่เธอลืมตาขึ้นมาเห็นเสียก่อน คิดว่าเขาเล่นไม่ซื่อ ผลักออกห่าง ถามว่าคิดจะทำอะไร เขาแค่อยากให้เธอนอนสบายๆ เท่านั้น ปริตาไม่ไว้ใจรีบลงจากรถไปเรียกแท็กซี่ เขาตามไปรั้งตัวไว้ ตัดพ้อว่าทำไมถึงไม่กลับกับเขา เธอกลัวคนประวัติไม่ดี ชอบลวนลามผู้หญิงอย่างเขา
“แต่กับเสือผู้หญิงนั่น เธอไม่กลัว พร้อมจะนั่งรถไปด้วยกัน”
ปริตาไม่กลัวเพราะสมภพยังไม่เคยทำอะไรเธอ และถ้าเธอต้องตกเป็นเหยื่อเขา เธอก็จะโทษว่าเป็นความผิดของธิปไตย ชายหนุ่มงง ตนเองไปเกี่ยวอะไรด้วยในเมื่อเธอเดินเข้าไปเล่นกับไฟเอง
“คุณรู้ไหมฉันต้องทนดื่มกับเขาเหมือนผู้หญิงนั่งดริ๊งก์ก็เพราะคุณ ฉันยอมก้มหัวเช็ดเท้าให้มิ้นท์ก็เพราะคุณ ฉันต้องทำทุกอย่างให้ได้เงินเร็วที่สุด ไปซื้อบ้านคืนมาจากคุณ ทีนี้คุณเข้าใจหรือยัง ฉันไม่ได้อยากเอาตัวไปเสี่ยง แต่ฉันไม่มีทางเลือก” ปริตาต่อว่าจบ จะเดินไปเรียกแท็กซี่ ธิปไตยตามไปลากเธอกลับมาที่รถ
“ฉันไม่ยอมให้เธอกลับบ้านเอง เป็นอะไรไปจะได้ไม่ต้องมาโทษว่าเป็นความผิดฉัน”
ooooooo
ครู่ต่อมา ธิปไตยขับรถมาส่งปริตาที่หน้าบ้านลัดดาวัลย์ เธออ้อนวอนขอให้เขาเห็นใจ ช่วยยืดเวลาชำระเงินค่าบ้านออกไปให้อีกสักหน่อย เนื่องจากเธอหาเงินไม่ทัน เขาไม่ยอมให้เลื่อน
“คุณมันใจร้ายใจหิน คนไม่มีหัวใจ ชาตินี้ไม่มีผู้หญิงคนไหนรักคุณหรอก” ด่าเสร็จ ปริตาเดินเข้าบ้าน ต้องแปลกใจที่เห็นประกอบร้องคาราโอเกะอย่างมีความสุข ถามว่ามาที่นี่ทำไม เขาจะมาอยู่กับลูก จะได้อยู่กันพร้อมหน้าครอบครัว ปริตาให้ทำอย่างนั้นไม่ได้ ที่นี่ไม่ใช่บ้านเราเป็นบ้านของลัดดาวัลย์ แล้วขอร้องให้กลับไปอยู่กับเมียของท่านที่สังขละบุรี ประกอบจะไปก็ต่อเมื่อลูกเอาเงินมาให้เสียก่อน เธอตัดใจหยิบแบงก์พันบาทให้
“พันหนึ่ง เอ็งเห็นข้าเป็นขอทานหรือไงวะ นังลูกเนรคุณ” ประกอบด่าเสร็จ ตบซ้ำ สั่งให้เอาเงินมาให้หมด ปริเทพปราดเข้ามาขวางไว้ ประกอบหาว่าลูกทั้งสองคนได้อยู่บ้านใหญ่โตสุขสบาย ไม่เคยนึกถึงตน
“พวกฉันไม่ได้สุขสบายอย่างที่พ่อคิด ถึงเราจะอยู่บ้านหลังใหญ่ แต่ที่นี่ไม่ใช่บ้านของเรา” ปริเทพอธิบาย
“บ้านของเราอยู่ที่สังขละฯ จ้ะพ่อ มีคนซื้อไปแล้ว ฉันพยายามเก็บเงินไปซื้อบ้านคืน ฉันตั้งใจจะให้บ้านหลังนั้นเป็นบ้านของเรา บ้านที่พ่อ พี่เทพและฉันจะกลับไปอยู่ด้วยกัน ฉันจะพาแม่กลับไปอยู่บ้านของเรา”
ประกอบหูผึ่ง นึกถึงแต่จำนวนเงินที่ปริตาจะเอาไปซื้อบ้าน แสดงว่าลูกต้องมีเงินเยอะ พุ่งไปแย่งกระเป๋าถือจากมือลูก ปริเทพทนไม่ไหวดึงตัวพ่อจะพากลับสังขละบุรี แล้วสั่งห้ามมารังควานปริตาอีก ประกอบดิ้นสุดฤทธิ์ไม่ยอมไป ปริเทพพยายามล็อกตัวไว้ แต่คว้าพลาดไปถูกหน้าท้องพ่อถึงกับทรุด ปริตารีบเปิดเสื้อพ่อดู เห็นมีผ้าพันแผลเปื้อนเลือดปิดไว้ ถามด้วยความเป็นห่วงว่าไปโดนอะไรมา
“เมียของข้ามันไปมีชู้ มันยุให้ผัวใหม่แทงข้าให้ตาย มันจะได้เสวยสุขกัน...ข้าไม่มีที่ไป คิดจะมาหวังพึ่งลูกๆมันก็ไม่รัก ขับไล่ยังกะหมูกะหมา ชีวิตข้ามันอาภัพจริงๆ เมียที่รักก็ตายไปแล้ว เอาวะ ไม่มีใครสนใจก็ไปตายดาบหน้า” ประกอบเอามือกุมท้องเดินออกไป ปริตาทนดูไม่ไหว ขอให้ท่านอยู่ที่นี่ด้วยกัน เธอจะดูแลท่านเอง ประกอบยิ้มพอใจที่เธอเชื่อคำโป้ปด ขณะที่ปริเทพมองเป็นห่วงน้องสาวกลัวพ่อจะสร้างปัญหาให้อีก...
ขณะที่ประกอบตามมารังควานปริตาถึงกรุงเทพฯ ธิปไตยรู้จากน้อยว่าเสาวลักษณ์ยังนั่งทำงานอยู่ทั้งที่ไม่ค่อยสบาย ย่องไปดูที่ห้องทำงาน เห็นแม่กำลังอ่านเอกสารสีหน้าเคร่งเครียด
มีอยู่จังหวะหนึ่งท่านลุกขึ้น เกิดหน้ามืดเซจะล้ม เขาเป็นห่วงจะเข้าไปดูแล แต่เห็นท่านทรงตัวได้ นั่งทำงานต่อไป ก็ได้แต่หยุดมอง ฉุกคิดถึงคำพูดของท่านเมื่อตอนกลางวันที่กองถ่ายไม่ได้ ที่ว่าสถานการณ์การเงินของบริษัทไม่ค่อยดีนัก ธิปไตยตัดสินใจจะทำบางอย่าง ก่อนจะผละจากไป
ooooooo
วันรุ่งขึ้น ปริตามาถึงกองถ่ายก่อนใครเพื่อน เห็นนักข่าวกรูกันเข้ามาหา หลงดีใจคิดว่าจะมาทำข่าวตนเอง ที่ไหนได้พวกนั้นกลับวิ่งเลยไปด้านหลัง เธอหันมองตามเห็นรัญชิตาถูกนักข่าวรุมถ่ายรูปและสัมภาษณ์ ฝ่ายนั้นเห็นปริตามองอยู่ ตั้งใจคุยเสียงดังอวดว่าตอนนี้มีโฆษณามาจ่อให้ตนเองเลือกหลายตัว แล้วเดินไปหา
“พี่ๆ ก็คงพอจะทราบว่ามิ้นท์กับอ้อมเป็นเพื่อนรักกัน ฝากช่วยเชียร์เพื่อนมิ้นท์ด้วยนะคะ ในบทลูกคนใช้ผู้น่าสงสาร” รัญชิตายิ้มเย้ย นักข่าวตกหลุมพรางที่เธอขุดไว้ บอกว่าตัวประกอบเขียนเชียร์ยากไม่มีคนสนใจ
“ไม่เป็นไรนะอ้อม สักวันต้องเป็นวันของเธอ ไว้เธอดังเมื่อไหร่แล้วเราค่อยมาสัมภาษณ์คู่กัน” รัญชิตาขยับออกห่างปริตา แล้วบอกให้นักข่าวเก็บภาพเธอได้เลย ต้อยติ่งเข้ามาเห็นปริตา รีบดึงตัวออกไป...
ทันทีที่พาปริตามาถึงห้องแต่งตัว ต้อยติ่งยื่นบทที่จะถ่ายทำในวันนี้ให้อ่าน ปรากฏว่าเป็นบทใหม่ที่เขียนแทรกเข้ามามีฉากที่ปริตาต้องรำไทยโชว์ด้วย เธอถามอย่างตื่นเต้นว่าพ่ออู๊ดสั่งให้เขียนแทรกหรือ
สมภพเข้ามาในห้องด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ฉันบอกแล้วไง ฉันทำให้เธอได้ทุกอย่างที่ต้องการ”
“ขอบคุณค่ะ” ปริตาพูดจบ มองบทที่เพิ่งได้ในมือตัวเองอย่างพอใจ ต้อยติ่งสังเกตเห็นสายตาที่สมภพมองปริตาแล้วรู้ทันว่าเขาคิดอะไร...
รัญชิตายืนรอเข้าฉากอยู่พักใหญ่ไม่เห็นทีมงานเรียกตัวสักที เดินไปถามชาญวุฒิว่าให้รออะไรอีก เธอพร้อมนานแล้ว เขาชี้แจงว่ามีฉากแทรกหนึ่งฉาก ถ่ายทำอีกไม่นานน่าจะเสร็จ พูดยังไม่ทันขาดคำ ต้อยติ่งวิ่งมาหาชาญวุฒิ ไม่ทันดูว่ารัญชิตายืนอยู่แถวนั้นด้วย บอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า
“เสร็จแล้วค่ะบอส สวยมาก สวยเว่อร์ สวยจับใจสวยกว่า...” ต้อยติ่งเพิ่งเห็นรัญชิตารีบหุบปากทันที ชาญวุฒิสั่งให้เธอพานักข่าวไปทำข่าวด้วย ฉากนี้น่าจะใช้โปรโมตละครได้ ต้อยติ่งไม่รอช้าหันไปบอกพวกนักข่าวให้เข้าไปถ่ายรูปเบื้องหลังละครได้เลย รัญชิตาชักอยากจะรู้ว่าถ่ายทำฉากอะไร เดินลิ่วนำคนอื่นไปที่สตูดิโอ โดยมีธิปไตยที่เพิ่งมาถึงตามไปอีกทอดหนึ่งด้วยความสนใจไม่แพ้กัน
เมื่อมาถึงสตูดิโอถ่ายทำ ทุกคนพากันตะลึงในความงามของปริตาซึ่งกำลังรำไทยอย่างอ่อนช้อยงดงาม สมภพเข้ามาบอกอิสเบลล่าให้เก็บภาพเหล่านี้ไว้ เธอกับพวกนักข่าวแทรกตัวผ่านรัญชิตาเข้าไปใกล้ๆปริตา สร้างความขุ่นข้องใจให้รัญชิตาอย่างมาก ยิ่งเห็นธิปไตยยืนมองคู่แข่งหัวใจไม่วางตาก็ยิ่งไม่พอใจ
จังหวะนั้นปริตารำเสร็จพอดี สิ้นเสียงคัตของพ่ออู๊ด ทุกคนตบมือเสียงดังสนั่น ชื่นชมในความสามารถของเธอ พ่ออู๊ดลุกไปหาปริตาที่ยืนโพสท่าให้นักข่าวเก็บภาพ ชมแบบไม่เม้มว่าคนที่มีความสามารถมากอย่างเธอต้องได้เป็นดาวดวงใหม่ประดับวงการแสดงแน่นอน อิสเบลล่ากับพวกนักข่าวรุมสัมภาษณ์ปริตากันยกใหญ่ ทำให้เส้นริษยาของรัญชิตาแตกกระจุย จ้องชาญวุฒิราวกับจะเผาให้เป็นจุณ
“งานเข้าแล้วค่ะบอส” ต้อยติ่งพลอยใจไม่ดีแทนเจ้านาย
ooooooo
เป็นอย่างที่ต้อยติ่งหวั่นใจ รัญชิตาคาดคั้นให้ชาญวุฒิตอบมาว่าบทรำที่แทรกเข้ามา ใครเป็นคนสั่งให้เขียนเพิ่ม เขาได้แต่อึกอักไม่กล้าตอบ พ่ออู๊ดขอร้องเธออย่าไปสนใจ เพราะมันไม่ใช่หน้าที่ของนักแสดงที่จะต้องรู้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้จัด คนเขียนบทและผู้กำกับอย่างตนจะดีกว่า
“มิ้นท์ไม่ได้เรื่องมากนะคะ มิ้นท์แค่อยากรู้เหตุผลค่ะ ทำไมต้องมีฉากนั้นด้วย”
“มันช่วยเล่าคาแรกเตอร์ของตัวละครเดือนให้ชัดเจนขึ้น คนดูเห็นว่าเดือนเป็นเด็กที่อยู่ในกรอบไทยโตมากับสังคมไทย รู้จักเคารพนอบน้อมผู้ใหญ่ ใครเห็นใครก็รัก ไม่ใช่คนก้าวร้าว” พ่ออู๊ดว่ากระทบ แต่รัญชิตาไม่รู้สึก
“คงไม่มีบทแทรกตัวประกอบให้โดดเด่นมาฆ่าตัวละครหลักอีกใช่ไหมคะ”
พ่ออู๊ดตั้งข้อสังเกตว่าจะฆ่าหรือไม่ น่าจะอยู่ที่ความสามารถของตัวละครตัวนั้น ต่อให้บทเด่นถ้าฝีมือไม่ถึงก็เท่ากับฆ่าตัวตายเอง แล้วยิ้มให้รัญชิตา ก่อนจะเดินจากไป คำพูดของเขาทำเอาชาญวุฒิกับต้อยติ่งถึงกับอึ้ง รัญชิตาเหมือนจะรู้ตัว บอกให้ชาญวุฒิเรียกตนด้วยเมื่อถึงคิวแสดง ตนจะไปนั่งทบทวนบทด้านโน้น เขาโล่งอกที่รอดตัวมาได้ ต้อยติ่งคุยโม้ ตราบใดที่เขายังมีเธออยู่ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น เธอจะเป็นโล่ปกป้องเขาเอง
“นี่...อยากโหนกิ่งไม้ก็ไปโหนที่อื่น อย่ามาโหนบนเขาฉัน” ชาญวุฒิบ่นอุบ
“โหนกิ่งไม้?...ว่าเราเป็นชะนี แล้วโหนบนเขา” ต้อยติ่งชี้ไปที่ชาญวุฒิที่เพิ่งเดินจากไป “...เขาเก้ง เขากวาง ไม่เปลี่ยนใจใช่ไหมเนี่ย ติ่งเสียใจ” เธอถึงกับน้ำตาซึมที่เขาไม่สนใจไยดี...
ธิปไตยเห็นนักข่าวรุมสัมภาษณ์ปริตาแล้วอดยิ้มดีใจไปด้วยไม่ได้ แต่พอเธอหันมามอง เขาก็รีบเบือนหน้าหนี สมภพเห็นสมควรแก่เวลา บอกพวกนักข่าวว่าพอแค่นี้ก่อน นักแสดงคนสวยของเขาต้องไปเปลี่ยนชุดเข้าฉากต่อไป เชิญทุกคนเตรียมทำข่าวฉากต่อไปได้เลย รับรองดราม่าขั้นเทพแน่นอน ปริตาไหว้ขอบคุณทุกคนแล้วเดินออกมากับสมภพ ผ่านหน้าธิปไตยที่ยืนมองอยู่
“วันนี้ผมไม่ได้เมา ผมไปส่งคุณอ้อมได้ครับ...ทีมงานช่วยเคลียร์ด้วย ใครที่ไม่ใช่นักข่าวหรือทีมละคร อย่าให้เข้ามาจุ้นจ้านในกอง” สมภพมองเย้ยธิปไตยแล้วพาปริตาไปที่ห้องแต่งตัว เขามองตามหมั่นไส้ ก่อนจะเดินแยกไป พอลลี่เดินเข้ามาจากอีกทางหนึ่งกับดอกแก้วเห็นนักข่าวเต็มไปหมด คิดไปเองว่ามาทำข่าวตน เดินเชิดเข้าไปจะให้ถ่ายรูป พวกนั้นได้แต่ยิ้มให้ แล้วเดินจากไปไม่สนใจ พอลลี่ร้องถามไล่หลังว่าจะไปไหนกัน
“เขารีบไปทำข่าวน้องอ้อมโชว์ดราม่าน่ะสิ ขอตัวก่อนนะ” อิสเบลล่าพูดจบ เร่งฝีเท้าตามนักข่าวคนอื่น ทั้งพอลลี่และดอกแก้วต่างแปลกใจ ทำไมถึงพากันรุมปริตา แทนที่จะสนใจรัญชิตา พอลลี่เดินไปถามทีมงานที่คุมมอนิเตอร์ว่าเมื่อครู่นี้ถ่ายฉากอะไรกัน เห็นเทปการถ่ายทำที่ปริตารำไทยเปิดอยู่หน้าจอ ถึงกับตะลึง...
ทางด้านธิปไตยเห็นรัญชิตาหงุดหงิดเรื่องนักข่าวสนใจปริตามากกว่า นำน้ำดื่มมาเอาใจ จะขออยู่ดูแลและเป็นเพื่อนเธอที่นี่ทั้งวัน เธออดถามไม่ได้ว่าเขาทำตามหน้าที่ทางธุรกิจหรือทำด้วยความสมัครใจ ธิปไตยรีบเปลี่ยนเรื่องพูด อาสาจะช่วยต่อบทให้ เธอจำได้หมดแล้ว และอีกอย่างหนึ่งตัวละครที่จะเข้าบทด้วยก็เป็นผู้หญิง แล้วจับมือเขาไว้ ขอให้เขาอยู่เคียงข้างและคอยเป็นกำลังใจให้เธอตลอดไป เขาจำต้องรับคำ
“คุณแม่บอกว่าติดต่อให้หนังสือมาถ่ายเราสองคนขึ้นปก คุณรู้ข่าวหรือยังคะ”
ธิปไตยเพิ่งรู้จากปากเธอเดี๋ยวนี้เอง ปริตาเข้ามาเห็นรัญชิตาจับมือธิปไตยอยู่ ทำเมินไม่สนใจ หันไปบอกทีมงานว่าพร้อมจะแสดงแล้ว จะถ่ายละครต่อหรือยัง รัญชิตาต้องรีบลุกไปเข้าฉากด้วยโดยมีธิปไตยตามไปดู...
ละครฉากนี้เป็นคิวที่รดา แสดงโดยรัญชิตา รวมหัวกับจ๊อยส์และเพื่อนซึ่งรับบทโดยพอลลี่และดอกแก้วตามลำดับ กลั่นแกล้งปริตาในคราบเดือน ปริตาแสดงได้ดีมากเข้าถึงอารมณ์ที่ถูกเพื่อนกดขี่ข่มเหงจนทีมงานทุกคนอินไปด้วย ทันทีที่ถ่ายทำเสร็จ เธอได้รับคำชมไม่หยุดปากทั้งจากชาญวุฒิ พ่ออู๊ดและสมภพ ถึงขนาดที่ผู้กำกับรุ่นพ่อออกปากกับสมภพให้เตรียมละครเรื่องใหม่ให้ปริตาเล่นต่อได้เลย เพราะมั่นใจว่าละครเรื่องนี้ออนแอร์เมื่อไหร่ กระแสตอบรับเธอต้องพุ่งกระฉูดแน่นอน
“ผมสั่งให้นักเขียนหาพล็อตดราม่าเจ้าน้ำตาเตรียมไว้แล้วครับ”
สิ้นเสียงสมภพ อิสเบลล่านำเหล่านักข่าวเข้ามาขอเก็บภาพปริตาในลุคของเดือน แล้วขอให้รัญชิตามาช่วยถ่ายรูปคู่ อยากได้ภาพแนวจะตบกัน รัญชิตาไม่พอใจที่กลายเป็นตัวรอง ไม่ยอมถ่ายรูปด้วย อ้างติดงานถ่ายแบบ แล้วหันไปชวนธิปไตยกลับ ดอกแก้วอาสาจะจิกหัวปริตาให้จะได้รูปแนวตบอย่างที่ทุกคนต้องการ พวกนักข่าวไม่สนใจ กรูกันถ่ายรูปเฉพาะปริตาคนเดียว ดอกแก้วหันไปบอกพอลลี่ว่าเธอกำลังตกกระป๋อง
“หุบปากน่า คืนนี้ยังเหลือฉากของฉัน ฉันจะชิงพื้นที่ข่าวคืนมา” พอลลี่มองตามพวกนักข่าวสีหน้ามุ่งมั่น
ooooooo
เหน็ดเหนื่อยจากถ่ายละครยังไม่พอ ปริตาต้องเหนื่อยใจซ้ำอีกเมื่อเจอนายสิงห์นำพวกมาดักรออยู่หน้าบ้าน จะมาเอาเรื่องประกอบ เนื่องจากไปยุ่งกับเมียของตน พอถูกตนจับได้กลับเอามีดไล่ฟัน แล้วโชว์แผลที่แขนให้ปริตาดู ก่อนทำท่าจะบุกเข้าไปเอาตัวประกอบ เธอรีบขวางไว้ ปดว่าพ่อไม่ได้มาที่นี่
“เอ็งโกหก แม่ค้าที่เพิงเขาบอกว่าเห็นพ่อเอ็งแวะมาเมื่อวันก่อน ไปเว้ย เข้าไป” นายสิงห์ขยับจะเข้าข้างใน
ปริเทพกลับจากทำงานพอดี เข้ามาช่วยกันไว้อีกแรงหนึ่ง บอกว่าพ่อมาแล้ว ไปแล้ว เราสองคนพี่น้องรู้เรื่องที่พ่อไปก่อเอาไว้ก็เลยส่งไปอยู่กับญาติที่ประจวบ แล้วยกมือไหว้ขอโทษนายสิงห์แทนพ่อตัวเองด้วย
“พวกฉันไหว้ล่ะจ้ะน้า ให้อภัยพ่อฉันเถอะจ้ะ” ปริตายกมือไหว้ตามพี่ชาย
“ข้าเห็นแก่ความดีของแม่เอ็งและพวกเอ็ง ฝากบอกมันด้วยอย่าให้ข้าเจอหน้าอีก ไอ้พวกเล่นชู้ ข้าไม่ปล่อยไว้แน่” นายสิงห์พูดจบ เดินนำพรรคพวกกลับ ปริตาโล่งใจที่หมดเรื่อง ขณะที่ปริเทพไม่พอใจพ่อที่ก่อเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน จ้ำพรวดๆเข้าไปในบ้าน ประกอบซึ่งเห็นเหตุการณ์โดยตลอด ชิงฟ้องว่านายสิงห์เป็นชู้กับเมียของตน แถมยังเอามีดไล่แทงตนอีก ปริตาขอร้องให้พ่อเลิกโกหก อายุมากแล้ว กิเลสอะไรที่ตัดได้ก็ควรตัด
“เอ็งลำเลิกบุญคุณข้าเหรอวะ หน็อย แค่โกหกให้พวกมันไป คิดว่าจะเป็นแม่ข้าหรือไง”
“พ่อกลับเข้าห้องไปนอนเถอะ ถ้าพวกน้าสิงห์กลับมาอีก ฉันก็ช่วยพ่อไม่ได้” คำขู่ของปริเทพได้ผล ประกอบยอมกลับเข้าห้องพัก ปริตาถึงกับออกปากว่าจะทนไม่ไหวแล้ว ปริเทพปลอบน้องให้ใจเย็นๆไว้ เรื่องพ่อปล่อยให้เป็นหน้าที่เขาเอง...
ขณะที่ปริตาเหนื่อยใจกับพฤติกรรมของพ่อตัวเอง พอลลี่กำลังแสดงฉากสุดท้ายซึ่งจะต้องสวมชุดว่ายน้ำแสดงร่วมกับดอกแก้ว เธอคิดจะดังทางลัด พอถึงฉากที่ต้องตบตีกันตามบท กลับดึงมือดอกแก้วมากระชากสายรัดชุดว่ายน้ำตัวเองหลุดโชว์อกอึ๋มเต็มๆ แล้วทำทีร้องวี้ดว้ายเอามือปิดหน้าอกไว้ นักข่าวพากันรัวชัตเตอร์ไม่ยั้ง พ่ออู๊ดเห็นท่าไม่ดีสั่งคัต แล้วหันไปขอร้องนักข่าวให้ลบภาพออกให้หมด
“พ่อทำละครแรงแต่ไม่เคยใช้เรื่องเซ็กซ์เรื่องเสื่อมโปรโมตงาน งานจะดังมันก็ต้องดีด้วยตัวมันเอง นะพ่อขอ”
นักข่าวเกรงใจพ่ออู๊ด จำต้องลบภาพทิ้ง เช่นเดียวกับทีมงานกองละคร พอลลี่เห็นนักข่าวพากันกลับ พยายามร้องเรียกให้มาสัมภาษณ์ตัวเอง พ่ออู๊ดสุดจะทนกับพฤติกรรมเข้ามาเตือนสติ ให้ใช้ความสามารถไต่เต้า ขืนใช้เต้าไต่อีกไม่นานก็ยานก็เหี่ยว แล้วสั่งให้เลิกกองถ่าย นอกจากจะไม่ดังดั่งใจแล้ว พอลลี่กับดอกแก้วยังถูกด่ากระทบอีกต่างหาก ขบกรามแน่นด้วยความเจ็บแค้นใจ
ooooooo
ปริเทพตัดสินใจจะพาประกอบไปอยู่กับญาติที่ประจวบเช้านี้เลยเพื่อตัดปัญหา ไม่ต้องกลับสังขละบุรีจนกว่าเขากับปริตาจะซื้อบ้านที่นั่นเรียบร้อยแล้ว จะได้อยู่กันพร้อมหน้าอีกครั้ง ปริตาเห็นดีด้วย แต่ขอทำแผลให้ท่านก่อน จังหวะนั้น ชาญวุฒิโทร.มาบอกปริตาว่ามีงานถ่ายแบบด่วน
“อ้อมไปทำงานเถอะ ไม่ต้องห่วงทางนี้” ปริเทพพูดจบรับถาดใส่อุปกรณ์ทำความสะอาดแผลจากน้อง
“อ้อมฝากดูแลพ่อด้วยนะพี่” ปริตาว่าแล้วรีบออกไป ปริเทพถือถาดมาเคาะประตูห้องพักของพ่อ แต่ไม่มีเสียงขานตอบ ลองผลักดู ประตูก็ล็อก คิดว่าพ่อยังไม่ตื่น ก็เลยเดินกลับห้องตัวเอง...
ทางฝ่ายพลศิษฎ์เห็นรัญชิตาจะออกจากบ้าน ปรี่เข้ามาถามว่าจะไปไหน พอรู้ว่าเธอจะไปถ่ายภาพลงปกหนังสือ บอกว่าไม่ต้องไปแล้ว พี่ชาญติดต่อเธอไม่ได้ก็เลยโทร.มาหาตนให้บอกเธออีกทอดหนึ่งว่าทางหนังสือขอยกเลิกการถ่ายภาพ ส่วนรายละเอียดพี่ชาญจะอธิบายให้ฟังทีหลัง รัญชิตาพยักหน้ารับรู้ แล้วขยับจะไป พลศิษฎ์สงสัยจะไปไหนอีกในเมื่องานถูกยกเลิก
“คุณตรัยต้องถ่ายคู่กับมิ้นท์ เขายกเลิก คุณตรัยก็ว่าง มิ้นท์จะชวนคุณตรัยไปดูหนังค่ะ”
“พี่ไปด้วย ถ้าเราไม่เลิกคบกับเขา พี่ก็จะตามประกบอย่างนี้แหละ” พลศิษฎ์สีหน้าเอาจริง รัญชิตาไม่ขัดข้อง ดีเสียอีกจะได้มีคนขับรถให้
เมื่อมาถึงคฤหาสน์ของธิปไตย รัญชิตาถึงได้รู้ว่าตัวเองคาดผิด เสาวลักษณ์บอกกับเธอว่าหนังสือเล่มนั้นไม่ได้ยกเลิกนัดธิปไตย รัญชิตาอดแปลกใจไม่ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้น ใครกันที่จะถ่ายรูปลงปกหนังสือคู่กับเขา หวั่นใจว่าอาจเป็นปริตา รีบชวนพลศิษฎ์กลับ...
ธิปไตยเองก็แปลกใจไม่แตกต่างจากรัญชิตา เมื่อรู้ว่ารัญชิตาถูกเปลี่ยนตัวกะทันหัน และให้ปริตามาเสียบแทน จึงขอคำอธิบายจากชาญวุฒิว่าเกิดอะไรขึ้น เขาเล่าถึงที่มาที่ไปให้ฟังว่าทางหนังสือเห็นปริตาจากภาพข่าวตอนที่ใส่ชุดไทย ก็เลยสนใจเธอมาก ขอเปลี่ยนคอนเซปต์เป็นนางในวรรรณคดีแทน
“แล้วมิ้นท์รู้เรื่องนี้หรือยังครับ” ธิปไตยชักสีหน้าไม่สบายใจ
“พี่ติดต่อน้องมิ้นท์ไม่ได้ พี่ก็เลยโทร.บอกคุณมาร์ท คงจะรู้แล้ว ส่วนเหตุผลที่ต้องยกเลิก พี่ยังไม่ได้พูดอะไร ตั้งใจว่าถ่ายเสร็จ พี่จะเดินทางไปหาน้องมิ้นท์ อธิบายที่มาที่ไปแล้วก็ขอโทษด้วยตัวเอง”
“ที่ผมถามเพราะเป็นห่วง กลัวคุณมิ้นท์จะไม่พอใจ”
ปริตาหมั่นไส้ที่ธิปไตยแคร์ความรู้สึกของรัญชิตา บอกชาญวุฒิว่าอย่าเสียเวลาคุยอะไรให้มากความ ในเมื่อเขาบอกว่างานนี้เร่งด่วน ก็ควรจะเริ่มงานได้แล้ว เขาเห็นด้วยหันไปสั่งการให้ต้อยติ่งพาทั้งคู่ไปแต่งหน้าทำผม เธอรับคำด้วยท่าทีเย็นชา แต่พอหันไปพูดคุยกับปริตาและธิปไตยกลับเปลี่ยนเป็นร่าเริงสนุกสนาน
“นายแบบสุดหล่อกับนางแบบสุดสวย เชิญทางนี้ค่ะ” ต้อยติ่งเดินนำทั้งคู่ออกไป ชาญวุฒิถึงกับส่ายหน้า
“ยัยนี่ผีเข้าผีออก” แล้วนึกขึ้นได้ยกมือขึ้นภาวนา “ขอให้น้องมิ้นท์นอนหลับสบายอยู่ที่บ้านก่อนนะครับ”
ดูเหมือนคำภาวนาจะไม่ได้ผล รัญชิตาต้องการจะรู้ให้ได้ว่าผู้หญิงที่มาแทนตนเองเป็นใคร และมีเหตุผลอะไรที่เปลี่ยนตัว พลศิษฎ์พยายามห้ามปรามน้อง แต่เธอไม่ฟัง ยืนกรานจะไปที่สตูดิโอถ่ายภาพให้ได้
“มิ้นท์ต้องการเห็นกับตาและฟังคำอธิบายจากปากพี่ชาญค่ะ”
ooooooo
ที่ห้องแต่งตัวในสตูดิโอ ต้อยติ่งจับธิปไตยกับปริตาให้นั่งห่างๆกัน แต่เขากลับเดินมานั่งตรงข้ามเธอ แถมเอาแต่จ้องหน้า ต้อยติ่งเห็นท่าไม่ดี ชิ่งออกจากห้องแทบไม่ทัน ธิปไตยแดกดันปริตาว่ามีความสุข
มากใช่ไหมที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ชนะรัญชิตาจนได้มาถ่ายปกหนังสือแทนที่เธอ ปริตาไม่ได้แค่สุขใจแต่สะใจมากต่างหาก
“เป็นผู้หญิงนั่งดริ๊งก์มันก็ดีอย่างนี้นี่เอง ดื่มไม่กี่แก้ว ก็ได้งาน นี่ถ้าฉันไม่ขวางเธอคืนนั้น เธอคงเขี่ยคุณมิ้นท์ออกจากละครไปแล้ว”
ปริตาเองก็อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่เสียดายที่ทำไม่ได้เพราะสมภพยังเกรงใจพ่อกับแม่ของรัญชิตา โชคดีที่รัญชิตาเกิดมารวย ทำอะไรก็ได้ดั่งใจ ไม่เหมือนเธอที่เกิดมาจน ต้องดิ้นรนทุกอย่าง ก่อนที่จะเถียงกันใหญ่โต สมภพเข้ามาดูความเรียบร้อยของนางแบบและนายแบบเสียก่อน ทั้งคู่จึงสงบปากสงบคำกันได้...
ท่าทีห่างเหินของต้อยติ่ง ทำให้ชาญวุฒิอดถามไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเช้ากินยาไม่ได้เขย่าขวดมาหรือ ถึงได้เรียกชื่อตนเองเต็มยศ แทนที่จะบอสเหมือนเคยๆ
“ติ่งแค่คิดได้ว่าเราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ไม่ควรตีตัวสนิทสนมเกินไป เข้าใจตรงกันนะคะคุณชาญวุฒิ”
“ก็ดี ห่างๆไว้ฉันจะได้อุ่นใจ” พูดจบ ชาญวุฒิสั่งให้ทีมงานเร่งมือ เพราะกลัวรัญชิตาจะบุกมาอาละวาด...
ในเวลาเดียวกัน ปริเทพเห็นพ่อนอนเงียบไม่ออกมาจากห้อง ตัดสินใจใช้กุญแจสำรองไขเข้าไปดู กลับไม่เจอใคร เขากลัวพ่อจะก่อเรื่องอีก รีบออกตามหา เจอลัดดาวัลย์เดินสวนเข้ามา ถามว่าเห็นประกอบหรือเปล่า ได้ความว่าเจอกันที่หน้าปากซอย เห็นว่าอยากเจอปริตา เธอก็เลยเรียกแท็กซี่ไปส่งที่สตูดิโอให้ ลัดดาวัลย์เห็นสีหน้าปริเทพไม่สู้ดีนัก ซักว่ามีอะไรกันหรือเปล่า เขากลัวพ่อจะสร้างปัญหาให้ปริตา ก็เลยจะตามไปดู
“งั้นน้าพาไป” ลัดดาวัลย์พลอยไม่สบายใจไปด้วย
ooooooo
ทุกคนในสตูดิโอถึงกับตะลึงเมื่อเห็นปริตาสวยสดงดงามในชุดนางมัทนาเดินมากับธิปไตยในคราบ
สุเทษณ์เทพบุตรสุดหล่อ หลังจากตั้งสติได้ ชาญวุฒิพาทั้งคู่ไปที่ฉาก จัดท่าให้พร้อมกับสรุปคร่าวๆว่า
“พี่อยากเห็นภาพความรักของสุเทษณ์เทพบุตรกับนางมัทนา โพสเอาแบบใครเห็นแล้วต้องตาร้อนผ่าวๆเลยนะครับ” ชาญวุฒิถอยออกมาให้ช่างภาพทำหน้าที่ต่อ แต่ภาพที่ออกมา ไม่ได้สื่ออารมณ์ความรู้สึกถึงกัน เขาต้องสั่งเบรก แล้วบอกให้ทีมงานเปิดเพลงรักคลอเพื่อสร้างบรรยากาศโรแมนติก ก่อนจะเล่าเพิ่มเติมว่า
“เรื่องมันมีอยู่ว่า สุเทษณ์เทพบุตรหลงรักนางมัทนาข้ามภพข้ามชาติ แต่นางมัทนาไม่เคยรับรักสักครั้ง สุเทษณ์โกรธ สาปให้นางมัทนากลายเป็นกุหลาบอยู่โลกมนุษย์ จะกลายร่างเป็นคนได้เฉพาะวันเพ็ญ และโมเมนต์ที่เราจะถ่าย สุเทษณ์เทพบุตรลงมาขอความรักจากนางมัทนาอีกครั้ง พี่อยากเห็นความรักสุดใจของสุเทษณ์ และความรักของมัทนาที่เห็นใจในความพยายามของเขา” ชาญวุฒิสังเกตเห็นคู่นางแบบนายแบบเริ่มอิน สั่งทีมงานถ่ายทำใหม่อีกครั้งหนึ่ง
คราวนี้นางแบบและนายแบบสื่ออารมณ์รักถึงกันได้สมจริง ชาญวุฒิพอใจมาก สั่งให้ธิปไตยผู้รับบท สุเทษณ์กอดปริตาในคราบนางมัทนาแล้วหอมแก้มด้วย ทีแรกเธอเอียงแก้มหลบ แต่พอเหลือบเห็นรัญชิตาเดินเข้ามา ค่อยๆโน้มตัวไปหอมแก้มธิปไตยซึ่งหันหลังให้ประตูจึงไม่เห็นรัญชิตา ความใกล้ชิดทำให้เขาเคลิ้มกอดปริตาไว้แน่น เธอต้องการยั่วประสาทรัญชิตาก็เลยกอดเขาตอบ รัญชิตาถึงกับปรี๊ดแตกตะโกนเรียกชาญวุฒิลั่น
“พี่ชาญคะ นี่มันยังไงกัน ทำไมถึงเป็นแบบนี้”
ธิปไตยรีบถอยออกห่าง แต่ปริตาดึงตัวไว้ ขณะที่ชาญวุฒิสะดุ้งเฮือก ใจแทบตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ขอร้องรัญชิตาใจเย็นๆก่อน เรื่องนี้เขาอธิบายได้ แล้วชวนไปคุยกันข้างนอก เธอไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าจะบอกมาก่อนว่า ทำไมถึงเปลี่ยนตัวนางแบบ ชาญวุฒิเห็นท่าไม่ดีโยนหน้าที่ให้สมภพจัดการแทน
“เดิมทีทางหนังสือจะถ่ายภาพปกโรมิโอกับจูเลียต แต่เขาขอเปลี่ยนคอนเซปต์เป็นนางในวรรณคดี”
รัญชิตาไม่พอใจมาก ตำหนิสมภพว่าแทนที่จะส่งเสริมนางเอกในละครของตัวเอง กลับไปปั้นตัวประกอบปริตาชักยั้ว โวยลั่นพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร พลศิษฎ์เห็นไม่เข้าที คว้าแขนน้องสาวชวนกลับ
“พี่มาร์ทให้มิ้นท์พูดเถอะค่ะ อ้อมอยากฟัง อยากรู้ ความคิดของนางเอกค่ะ”
“ฉันเป็นคนตรง ขอพูดตรงๆเลยแล้วกัน ฉันคิดว่าไม่เหมาะสมที่นักแสดงระดับตัวประกอบมาถ่ายขึ้นปก”
“ฉันว่าเธอใจแคบไปนะ เธอควรจะให้โอกาสทุกคนได้มายืนแถวหน้า ตัวเธอเองก็เคยเป็นตัวประกอบ เล่นโฆษณาเป็นตัวประกอบ” ปริตาเข้ามากระซิบกับรัญชิตา “...และชีวิตรัก เธอก็เป็นได้แค่ตัวประกอบ”
รัญชิตาสติแตกตบปริตาหน้าหัน พลศิษฎ์ตกใจ รีบดึงน้องไว้ ขอโทษทุกคนด้วยแล้วลากรัญชิตากลับ ธิปไตยเป็นห่วงปริตาขยับจะเข้าไปหา แต่สมภพไวกว่าถึงตัวเธอก่อน ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง เธอไม่เป็นอะไร แล้วยกมือไหว้ขอโทษทุกคนที่เป็นต้นเหตุให้เกิดปัญหายุ่งยาก สมภพปลอบว่าไม่ใช่ความผิดของเธอ
“มันเป็นความผิดของคุณชาญวุฒิค่ะ ถ้าคุณ
ชาญวุฒิบอกน้องมิ้นท์ให้เคลียร์ให้จบ ก็ไม่เกิดเรื่อง” ต้อยติ่งโยนบาปให้เขาหน้าตาเฉย ปริตาพอใจที่แผนยั่วรัญชิตาสำเร็จด้วยดี และเห็นงานถ่ายแบบเสร็จแล้ว จึงขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ธิปไตยมองตาม คาใจไม่หาย เมื่อครู่นี้ปริตาคุยอะไรกับรัญชิตา...
ฝ่ายรัญชิตาโกรธจัดที่พี่ชายคอยเข้าข้างปริตาแทนที่จะอยู่ข้างน้องตัวเอง สะบัดมือเขาออกแล้วผลักจนล้ม ก่อนจะกลับไปทางห้องสตูดิโอเพื่อไปเอาเรื่องปริตา พลศิษฎ์จะลุกตาม แต่ประกอบเข้ามาถามเสียก่อนว่ารู้จักอ้อมลูกสาวของตนไหม มีคนบอกว่าเธอมาทำงานที่นี่ พลศิษฎ์จำเขาได้ รีบยกมือไหว้ทักทาย
“เอ็งรู้จักลูกสาวข้า ช่วยพาไปหาหน่อย ข้าอยากเจอลูก คิดถึงมัน” ประกอบโกหกหน้าด้านๆ
ต้อยติ่งออกมาเห็นพลศิษฎ์คุยอยู่กับใครไม่รู้ มองตามแปลกใจ
ooooooo
ธิปไตยไม่วายตามมาต่อว่าปริตาถึงห้องแต่งตัวที่จงใจยั่วโมโหจนรัญชิตาควบคุมตัวเองไม่อยู่ แสดงความก้าวร้าวต่อหน้าผู้คน เธอแดกดันว่าคนอย่างเธอทำอะไรก็ผิดไปหมด ไม่เหมือนแฟนของเขา ทำอะไรก็น่าเห็นใจน่าสงสาร ธิปไตยปฏิเสธว่ารัญชิตาไม่ใช่แฟนของเขา แต่ที่ต้องคอยตามดูแลก็เพราะเขามีเหตุผล
“คุณพูดอย่างนี้แสดงว่าคุณไม่ได้รักมิ้นท์ แล้วคุณรักใคร หรือว่ารักนางมัทนาจนไม่มีใจเหลือให้ใครอีก”
“ถ้าฉันรักเธอ เธอจะรักฉันไหม ถ้าเธอไม่รักฉัน ฉันก็จะสาปให้เธอเป็นดอกกุหลาบชั่วชีวิต”
“งั้นฉันก็ขอเป็นดอกกุหลาบชั่วชีวิต ฉันไม่ยอมใช้ชีวิตกับคนที่เห็นแก่ตัว” ปริตาเสียงกร้าว
ก่อนเรื่องราวจะบานปลาย ชาญวุฒิเข้ามาแจ้งปริตาเสียก่อนว่าทางหนังสือจะโอนเงินค่าถ่ายแบบให้ แต่อาจต้องรอทำเบิกหนึ่งอาทิตย์ เธอจะได้เอาเงินซื้อบ้านคืนจากไอ้คนเลวคนนั้น ธิปไตยถึงกับสะดุ้งที่โดนด่า
ปริตายิ้มสะใจ ไหว้ลาชาญวุฒิ แล้วออกจากห้อง เขาเดินเข้ามาหาธิปไตย
“คุณตรัยพอจะทราบไหมครับว่าไอ้เลวที่ซื้อบ้านน้องอ้อมเป็นใคร”
ธิปไตยไม่ยอมตอบคำถาม ขอตัวไปล้างหน้าล้างตา แล้วชิ่งหนีทันที...
ฝ่ายปริตาเดินผ่านบริเวณฉากที่ถ่ายภาพ เป็นรัญชิตายืนสีหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ข้างกระถางไฟ ไม่อยากปะทะด้วย เร่งฝีเท้าให้พ้นๆ รัญชิตาแกล้งผลักกระถางไฟล้มลงตรงหน้า จนเธอต้องโดดหนี สองสาวมีปากเสียงกัน ปริตาจงใจพูดจายั่วประสาท เป็นทำนองว่าธิปไตยหลงรักตน รัญชิตาปรี๊ดแตก สั่งห้ามยุ่งกับคนของเธอ
“คงจะยาก หลังจากหนังสือเล่มนี้วางแผง คงมีงานให้เราสองคนได้ควงออกงานอีเวนต์ หรือทำงานร่วมกัน ใครๆก็คิดเหมือนกับฉัน เคมีเราสองคนเข้ากันมาก” ปริตายิ้มเย้ย แล้วหันหลังจะไป รัญชิตาโกรธจัดกระชากตัวมาตบ เธอไม่ยอมเจ็บฟรีตบคืน ธิปไตยตามมาเห็นสองสาวตบตีกันถึงกับหยุดกึก
ooooooo
รัญชิตาสติแตก ผลักกระถางไฟใส่ปริตาอีกครั้ง โชคดีที่หลบได้ทัน เธอไม่อยากยุ่งกับคนบ้าคลั่งรีบเดินหนี รัญชิตาไม่ยอมรามือ ไล่ตามไปติดๆ ปริตายังไม่ทันจะออกพ้นประตูโรงถ่าย ประกอบเข้ามากระชากกระเป๋าถือไปจากมือ รีบเปิดหาเงิน แต่ไม่เจอ ตะคอกถามว่าเงินค่าจ้างเล่นละครกับถ่ายแบบไปไหนหมด
“อ้อมยังไม่ได้รับเงิน ถึงได้มาอ้อมก็ต้องเก็บไว้ใช้” ปริตาพูดจบแย่งกระเป๋าถือคืน
ประกอบโวยวายด่าทอปริตาลั่นว่าเป็นลูกอกตัญญู พ่อเจ็บเจียนตายไม่สนใจไยดี แล้วเปิดเสื้อให้พลศิษฎ์กับรัญชิตาดูบาดแผล ปริตาอับอาย ขอร้องให้พ่อกลับบ้าน เขายิ่งอาละวาดหนัก ตบตีเธออุตลุด รัญชิตาเสนอจะให้เงินประกอบหนึ่งแสนบาท แต่มีข้อแม้ เขาต้องให้ปริตามากราบขอโทษเธอก่อนที่เมื่อสักครู่นี้ทำให้เธอเสียใจ พลศิษฎ์ต่อว่าน้องสาวตัวเองว่าทำเกินไปแล้ว เธอผลักเขาพ้นทางสั่งห้ามยุ่ง
“คุณอาอยากได้เงิน ให้ลูกคุณอากราบมิ้นท์สิคะ”
ธิปไตยเห็นพฤติกรรมของรัญชิตาก็ไม่พอใจ ประกอบเห็นแก่เงิน สั่งให้ปริตาทำตามที่รัญชิตาต้องการ พอเห็นลูกยืนนิ่ง เข้าไปลากตัวมาโยนกับพื้นตรงหน้ารัญชิตา สั่งให้กราบเดี๋ยวนี้ ปริตาขยับจะยกมือไหว้ ธิปไตยทนดูไม่ได้พุ่งมาดึงเธอลุกขึ้น แล้วต่อว่ารัญชิตาที่ทำตัวน่ารังเกียจ
“มิ้นท์แค่แกล้งอ้อมน่ะค่ะ มิ้นท์แค่ลองใจอ้อมน่ะค่ะ” รัญชิตาแก้ตัวเป็นพัลวัน ประกอบจำธิปไตยได้ร้องทักว่าเป็นแฟนปริตา เขารีบปฏิเสธว่าไม่ใช่ เป็นแค่เพื่อนของเธอเท่านั้น
“ถึงข้าจะแก่ เมาอย่างไร ข้าก็ความจำดีเว้ย ตอนเมียข้าตาย เอ็งก็ให้เงินข้า แล้วตอนที่เอ็งไปบ้านข้า เอ็งก็ใจดีให้เงินข้า เอ็งนี่แหละที่เป็นผัวอ้อม”
รัญชิตาเถียงว่าธิปไตยไม่ได้เป็นอะไรกับปริตา เพราะเขาเป็นคู่หมั้นของเธอ ประกอบงง ตกลงมันอย่างไรกันแน่ ถ้าเป็นคู่หมั้นของรัญชิตา แล้วทำไมคืนนั้นไปนอนค้างกับปริตาที่บ้าน พลศิษฎ์โพล่งขึ้นอย่างเหลืออด
“คุณตรัยไม่ได้เป็นอะไรกับอ้อมจริงๆครับ ผมเป็นแฟนกับอ้อมครับคุณอา”
ประกอบชักสนุกที่มีชายหนุ่มพากันเสนอตัวเป็นแฟนลูกสาวตัวเอง ต่อรองใครให้เงินตนมากกว่าจะยกเธอให้ พลศิษฎ์จัดแจงหยิบเงินให้ เขายังไม่หนำใจ ถามธิปไตยว่าจะให้เท่าไหร่ ปริเทพซึ่งยืนดูอยู่กับลัดดาวัลย์นานแล้ว ทนพฤติกรรมของพ่อไม่ไหว รีบพาออกไป ลัดดาวัลย์ควักเงินตัวเองคืนให้พลศิษฎ์ แล้วตามปริเทพไปติดๆ รัญชิตามองธิปไตยไม่ค่อยพอใจนักที่รู้ว่าเขาไปนอนค้างกับปริตา ชวนพลศิษฎ์กลับ ธิปไตยขวางไว้
“คุณมาร์ทครับ ให้ผมไปส่งคุณมิ้นท์นะครับ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”
พลศิษฎ์ไม่สนใจ พารัญชิตากลับ ธิปไตยได้แต่มองตาม เป็นกังวลที่รัญชิตาโกรธตนเอง...
ด้านประกอบได้เงินจากพลศิษฎ์แล้วยังไม่พอใจ รีดไถปริตาเพิ่มอีก เธอต้องการตัดปัญหา ควักเงินเท่าที่มีสมทบให้ ธิปไตยตามมาด้านหลังหยุดมอง ปริเทพบอกให้พ่อไปขึ้นรถจะพาไปส่งที่หมอชิต จะได้ถึงบ้านญาติไม่ค่ำมาก ปริตาไหว้ลาพ่อ อวยพรให้เดินทางปลอดภัย ลัดดาวัลย์ตามไปส่งประกอบที่ท่ารถด้วยเผื่อจะตุกติกขึ้นมาอีก ธิปไตยรอจนปริเทพ ลัดดาวัลย์และประกอบลับสายตา รีบเข้ามาหาปริตา
“พ่อใจร้ายกับเธอ เธอยังจะมีใจทำดีกับเขาอีกได้ยังไง ฉันไม่เข้าใจ”
“ฉันเคยบอกคุณแล้วไงคะ ถ้าคุณรักใครสักคน คุณจะทำทุกอย่างได้โดยไม่มีเหตุผลไม่มีข้อแม้ ตั้งแต่ฉันจำความได้แม่ย้ำสอนให้ฉันรักพ่อ ฉันเคยตั้งคำถาม ทำไมแม่ถึงรักเขาทั้งๆที่เขาทำร้ายจิตใจแม่ตลอดเวลา แม่บอกว่า ความรักคือการให้...ให้คนที่เรารักมีความสุข” ปริตาระบายจบ ขยับจะไป ธิปไตยอยากจะกอดปลอบใจเธอแต่ต้องหักใจไว้ อาสาจะไปส่งบ้านให้ ปริตาทั้งเหนื่อยกายเหนื่อยใจเกินกว่าจะปฏิเสธ
ooooooo
ในเวลาไล่เลี่ยกัน ดอกแก้วคิดว่าพอลลี่ไปต่างจังหวัด จึงแอบใช้ห้องพักของเธอเป็นรังรัก โดยไม่รู้ว่าเธอเปลี่ยนโปรแกรม ดอกแก้วเพิ่งเสร็จกิจกับสมภพได้ยินเสียงไขกุญแจห้อง รีบคว้าผ้าขนหนูห่อตัว ออกมาดูตกใจแทบช็อกที่เห็นเจ้าของห้องกลับมา พอลลี่จับพิรุธได้ รีบเข้าไปดูในห้องนอน เจอสมภพนอนอยู่บนเตียง
“นี่มันหมายความว่ายังไง...ดอกแก้ว เธอเป็นผู้หญิงที่อยู่กับคุณสมภพในคืนนั้น”
ดอกแก้วได้แต่อ้ำอึ้งไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร พอลลี่ฟิวส์ขาดพุ่งตบตีเธออุตลุด สมภพเห็นความรุนแรงเกิดอารมณ์ขึ้นมา ชวนพอลลี่มาร่วมวงจ้ำจี้ด้วย เธอไม่ยอมทำตามไล่ตะเพิดทั้งคู่ไปให้พ้น แล้วลากดอกแก้วออกจากห้องนอน ตบตีซ้ำพร้อมกับด่าว่าเสียๆหายๆที่แย่งผัวเพื่อน เธอด่ากลับ
“ถ้าฉันเลว เธอก็เลว กินได้แม้กระทั่งพ่อของเพื่อน”
พอลลี่ตบปากเสียๆของดอกแก้วฉาดใหญ่ เธอขู่กลับ ขืนตบอีกครั้งจะแฉให้ทุกคนรู้ว่าดาราที่กำลังจะตกกระป๋องอย่างพอลลี่ หมดทางทำมาหากิน จนต้องยอมเป็นเมียน้อยพ่อของเพื่อน พอลลี่สั่งให้ดอกแก้วเก็บข้าวของออกไปจากห้องของเธอ ไม่เช่นนั้นเธอเอาตายแน่...
ประกอบก่อวีรกรรมอีกจนได้ แอบหนีจากขนส่งหมอชิต ปริเทพร้อนใจมากรีบโทร.บอกปริตาให้ช่วยกัน ตามหา ธิปไตยกำลังขับรถมาส่งเธอที่บ้าน อาสาจะลองขับวนดูหน้าปากซอยเผื่อท่านจะกลับมาที่นี่ เป็นอย่างที่เขาคาดไว้ ประกอบเมาแอ่นเดินอยู่ในซอยใกล้บ้าน แถมหยิบเงินที่ได้ขึ้นมาชื่นชม พวกนักเลงข้างถนนเห็นเงินก็ตาโตเข้ามาแย่ง เขาไม่ยอมให้ วิ่งหนีโดยมีพวกนั้นวิ่งไล่ ประกอบจวนตัวคว้าไม้ใกล้มือฟาดใส่
พวกนักเลงรุมเตะต่อยเขา แล้วแย่งเงินไป ธิปไตยขับรถมาเห็นประกอบถูกทำร้าย รีบจอดรถลงไปช่วย ประกอบคว้าขานักเลงไว้จะเอาเงินคืน ธิปไตยเข้าไปต่อสู้กับพวกนักเลงแต่สู้ไม่ได้ ปริเทพตามมาเจอรีบเข้าไปช่วยต่อสู้อีกแรงหนึ่ง นักเลงคนที่ประกอบฉุดขาไว้ฉุนขาดหยิบมีดขึ้นมาแทงไม่ยั้ง ถึงกับทรุดจมกองเลือด
ปริตากรีดร้องด้วยความตกใจวิ่งเข้าไปหาพ่อ ปริเทพและธิปไตยต่างชะงัก พวกนักเลงสบช่องพากันวิ่งหนี ปริตาพยุงพ่อจะพาไปหาหมอ เขารู้ตัวว่าคงไม่รอด ส่ายหน้าห้ามไว้
“อ้อม...เทพ...ข้าขอโทษ” พูดได้แค่นั้นประกอบก็สิ้นใจ ปริตากอดร่างไร้วิญญาณของพ่อร้องไห้โฮ...
ขณะที่ประกอบต้องมาตายด้วยเงินเพียงไม่กี่บาท รัญชิตายังคงอาละวาดขว้างปาข้าวของในบ้านแตกกระจาย เนื่องจากรอแล้วรอเล่า ธิปไตยก็ไม่ตามมาง้อ แต่พอรู้ข่าวพ่อของปริตาถูกคนร้ายแทงตาย เธอเลิกอาละวาดทันที รีบหยิบมือถือขึ้นมาโทร.หาพ่อตัวเอง บอกให้รีบกลับบ้าน เธอเป็นห่วงท่านมาก
ooooooo
งานศพของประกอบเป็นไปอย่างเรียบง่าย มีเพียงญาติไม่กี่คนที่มาร่วมงาน หลังจากเผาศพพ่อแล้ว ปริเทพและปริตานำอัฐิของท่านมาวางคู่กับอัฐิของแม่ที่ตั้งอยู่ในห้องพระบ้านลัดดาวัลย์
“พ่อจ๊ะ แม่จ๋า อ้อมจะรีบซื้อบ้านของเรากลับมา อ้อมจะพาพ่อกับแม่ไปอยู่ด้วยกันที่บ้านนะจ๊ะ” ปริตาสัญญาทั้งน้ำตา ปริเทพโอบกอดน้องไว้เป็นกำลังใจให้กันและกัน
จากนั้นไม่นาน ปริตาเตรียมจะออกไปข้างนอก ปริเทพเข้ามาถามว่ารู้สึกอย่างไรกับธิปไตย เพราะตนเห็นเขาพยายามใกล้ชิดและคอยช่วยเหลือเธอตลอดเวลา เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะชอบเธอ
“เขาจะคิดอย่างไรก็ช่างเขา อ้อมไม่สนใจ อ้อมไม่ได้รักเขา”
“อ้อมคิดอย่างนี้พี่ก็สบายใจ พี่อยากให้อ้อมอยู่ใกล้เขา ใช้ความรักที่เขามีให้อ้อม ทำให้เขาเจ็บ เขารักอ้อมมากเท่าไหร่ พี่อยากให้เขาเจ็บปวดมากเท่านั้น เจ็บปวดเหมือนที่ดาวได้รับ”
“ค่ะ...อ้อมไปก่อนนะคะ อ้อมจะแวะไปเยี่ยมอาพัชรินท์กับป้าอร”
“พี่ไปส่งที่หน้าซอย อ้อมต่อรถไปนะ พี่ต้องเข้างานแล้ว”...
ตั้งแต่ปัทมาศตาย พัชรินทร์เศร้าใจหนักจนทนไม่ไหว คิดจะฆ่าตัวตายให้รู้แล้วรู้รอด รอจังหวะที่ป้าอรต้องไปธุระที่ต่างจังหวัด จัดการล็อกประตูบ้าน เอายานอนหลับคลุกข้าวกิน ปริตาแวะมาเยี่ยมเห็นปิดประตูเงียบ เคาะเรียกก็ไม่มีคนตอบรับ คิดว่าไม่มีใครอยู่ หันหลังจะกลับ ป้าอรโทร.เข้ามือถือของเธอเสียก่อน
“ป้าอรว่าไงคะ อ้อมอยู่หน้าบ้านแต่เข้าไม่ได้ค่ะ คุณอาอยู่หรือคะ ค่ะ อ้อมจะดูแลคุณอาให้ค่ะ” ปริตาวางสายแล้วเคาะประตูเรียกอีกครั้ง เงียบไม่มีเสียงตอบ ธิปไตยจะมาเยี่ยมพัชรินทร์เช่นกัน ถามว่ามีเรื่องอะไร
“ป้าอรไปต่างจังหวัด บอกว่าคุณอาอยู่คนเดียว แต่คุณอาปิดบ้าน ฉันกลัวว่า...”
ธิปไตยลองกระแทกประตูดู แต่มันล็อกแน่นหนา ปริตาตัดสินใจอ้อมไปดูด้านหลังเผื่อประตูไม่ได้ล็อก กว่าจะเข้าบ้านได้ ยาที่พัชรินทร์กินเข้าไปเริ่มออกฤทธิ์ เธอทรุดลงหมดสติ ปริตาตกใจรีบเข้าไปประคอง
ooooooo










